รหัส ASCII วิทยาลัยอาชีวศึกษา นค รรา ช สี มานางสาววรรณวสิ า หาญสงคราม
รหัส ASCII แอสกี หรือ รหัสมาตรฐาน ของสหรัฐอเมริกาเพอ่ื การแลกเปลี่ยนสารสนเทศ (องั กฤษ: ASCII: American Standard Code for Information Interchange) เป็นรหสั อกั ขระที่ประกอบดว้ ยอกั ษรละติน เลขอารบิก เครื่องหมายวรรคตอน และสัญลกั ษณ์ต่างๆ โดยแต่ละรหสั จะแทนดว้ ยตวั อกั ขระ หน่ึงตวั เช่น รหสั 65 (เลขฐานสิบ) ใชแ้ ทนอกั ษรเอ (A) พิมพใ์ หญ่ เป็นตน้ประวตั ิ รหสั แอสกีมีใชใ้ นระบบคอมพวิ เตอร์ และเคร่ืองมือส่ือสารแบบดิจิทลั ต่างๆ พฒั นาข้ึนโดย คณะกรรมการ X3 ซ่ึงอยภู่ ายใตก้ ารดูแลของสมาคมมาตรฐานอเมริกา (American Standards Association) ภายหลงั กลายเป็น สถาบนั มาตรฐานแห่งชาติอเมริกา (American National StandardInstitute : ANSI) ในปี ค.ศ. 1969 โดยเริ่มตน้ ใชค้ ร้ังแรกในปี ค.ศ. 1967 ซ่ึงมีอกั ขระท้งั หมด 128 ตวั (7 บิต) โดยจะมี 33 ตวั ที่ไม่แสดงผล (unprintable/control character) ซ่ึงใชส้ าหรับควบคุมการทางานของคอมพิวเตอร์บางประการ เช่น การข้ึนยอ่ หนา้ ใหม่สาหรับการพิมพ์ (CR & LF - carriage return and line feed) การสิ้นสุดการประมวลผลขอ้ มลู ตวั อกั ษร (ETX - end of text) เป็นตน้ และ อีก 95 ตวั ท่ีแสดงผลได้ (printable character) ดงั ที่ปรากฏตามผงั อกั ขระ (character map) ดา้ นล่าง รหสั แอสกีไดร้ ับการปรับปรุงล่าสุดเม่ือ ค.ศ. 1986 ใหม้ ีอกั ขระท้งั หมด 256 ตวั (8 บิต) และเรียกใหม่วา่ แอสกีแบบขยาย อกั ขระท่ีเพ่ิมมา 128 ตวั ใชส้ าหรับแสดงอกั ขระเพ่ิมเติมในภาษา ของแต่ละทอ้ งถ่ินที่ใช้ โดยจะมีผงั อกั ขระท่ีแตกต่างกนั ไปในแต่ละภาษาซ่ึงเรียกวา่ โคดเพจ (codepage) โดยอกั ขระ 128 ตวั แรกส่วนใหญ่จะยงั คงเหมือนกนั แทบทุกโคดเพจ มีส่วนนอ้ ยท่ี เปลี่ยนแค่บางอกั ขระ ASCII เป็นรูปแบบปกติของไฟลข์ อ้ ความ (text file) ในคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต ในไฟล์ASCII อกั ษรแต่ละตวั ตวั เลข หรืออกั ษรพิเศษ จะไดร้ ับการแสดงดว้ ยตวั เลขฐานสอง ซ่ึงสามารถใช้ ระบุตวั อกั ษรได้ 128 ตวัระบบ ปฏบิ ตั ิการ UNIX และ DOS (ยกเวน้ Windows NT) ใช้ ASCII สาหรับไฟลข์ อ้ ความ ระบบWindows NT ใชร้ หสั แบบใหม่ คือ Unicode ในระบบ IBM 390 ใชร้ หสั 8 หลกั เรียกวา่ extendedbinary-decimal interchange code โปรแกรมแปลงยนิ ยอมใหร้ ะบบปฏิบตั ิท่ีแตกต่างกนั แปลงไฟล์ จากรหสั หน่ึงเป็น อีกรหสั หน่ึง
ตัวอย่าง รหัสแทนข้อมูลแบบ ASCII บิตที่ 7 6 5 4 3 2 1 0 0 0 1 1 0 1 1 1 แทน 7 0 1 0 0 0 1 1 1 แทน G 0 1 1 0 0 1 1 1 แทน g 0 1 0 0 1 0 1 0 แทน J 0 0 1 0 1 0 1 1 แทน +จากหลกั การของระบบเลขฐานสอง แต่ละบิตสามารแทนค่าได้ 2 แบบ คือ เลข 0 หรือเลข 1 ถา้ เราเขียนเลขฐานสอง เรียงกนั 2 บิต ในการแทนอกั ขระ เราจะมีรูปแบบในการแทนอกั ขระได้ 2 หรือ 4 รุปแบบคือ 00 ,01 ,10 ,11 ดงั น้นั ในการใชร้ หสั แอสกีซ่ึงมี 8 บิต ในการแทนอกั ขระแลว้ เราจะมีรูปแบบท่ีใชแ้ ทนถึง 28 หรือ 256รูปแบบ ซ่ึงเมื่อใชแ้ ทนตวั อกั ษรภาษาองั กฤษแลว้ ยงั มีเหลืออยู่ สานกั งานมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม หรือ สมอ.จึงไดก้ าหนดรหสั ภาษาไทยเพมิ่ ลงไปเพอื่ ใหใ้ ชง้ านร่วมกนัตวั อย่าง การแทนข้อมูลในเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ A 0100 0001 X 0101 1000 B 0100 0010 Y 0101 1001 C 0100 0011 Z 0101 1010 D 0100 0100 0 0011 0000 E 0100 0101 1 0011 0001 F 0100 0110 2 0011 0010 G 0100 0111 3 0011 0011 H 0100 1000 4 0011 0100 I 0100 1001 5 0011 0101
J 0100 1010 6 0011 0110K 0100 1011 7 0011 0111L 0100 1100 8 0011 1000M 0100 1101 9 0011 1001N 0100 1110 . 0010 1110O 0100 1111 ( 0010 1000P 0101 0000 + 0010 1011Q 0101 0001 $ 0010 0100R 0101 0010 * 0010 1010S 0101 0011 ) 0010 1001T 0101 0100 - 0010 1101U 0101 0101 / 0010 1111V 0101 0110 ' 0010 1100W 0101 0111 = 0010 1101
การแทนข้อมูล การทางานของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ใชส้ ัญญาณอิเลก็ ทรอนิกส์ซ่ึงมีสองสถานะคือปิ ดและเปิ ด จึงมีการกาหนดใหใ้ ชต้ วั เลข 0 และ 1 แทนสถานะท้งั สอง และมีการกาหนดรหสั แทนอกั ขระดว้ ยชุดของตวั เลขซ่ึงประกอบดว้ ยเลข 0 และ 1 ซ่ึงเป็นตวั เลขในระบบเลขฐานสอง (binary digit) แต่ละหลกั ของจานวนในระบบเลขฐานสองเราเรียกวา่ บิต (bit) ใน 1 บิต จะแทนขอ้ มูลได้ 2แบบคือ 0 และ 1 และถา้ ใชต้ วั เลขฐานสอง 4 บิต จะแทนอกั ขระไดท้ ้งั หมด 24 หรือ 16 แบบ ดงั น้ี 0000 0001 0010 0011 0100 0101 0110 0111 1000 1001 1010 1011 1100 1101 1110 1111 ตวั เลขฐานสอง 8 บิตหรือ 1 ไบตส์ ามารถใชแ้ ทนรหสั ต่างๆ ไดถ้ ึง 28 หรือ 256 แบบ เช่น 0100 0001 ใชแ้ ทนตวั อกั ขระ A 0100 0010 ใชแ้ ทนตวั อกั ขระ Bรหสั ท่ีใชแ้ ทนตวั อกั ขระที่เป็นมาตรฐานแบบหน่ึง เรียกวา่ รหสั แอสกี (American Standard Codefor Information Interchange : ASCII)
ตารางแอสกี้วธิ กี ารอ่านค่าจากตารางแอสกี1. ช้ีตรงตวั อกั ษรท่ีตอ้ งการแทนรหสั เช่น ก2. อ่านค่ารหสั ในตารางแนวต้งั ตรงตาแหน่ง b7 b6 b5 และ b4 ค่าที่ได้ คือ 10103. อ่านค่ารหสั ในตารางแนวนอนตรงตาแหน่ง b3 b2 b1 และ b0 ค่าที่ได้ คือ 00014. ดงั น้นั รหสั แทนขอ้ มลู ของตวั อกั ษร ก คือ 1010 0001
หน่วยวดั ข้อมูลความจุข้อมูลหรือขนาดของข้อมูล ทใี่ ช้เรียกในระบบคอมพวิ เตอร์หน่วยที่ใชก้ ารวดั ขนาดของขอ้ มลู โดยทวั่ ไป มีดงั น้ี– บติ (Bit) เป็นหน่วยวดั ที่ใชใ้ นการบอกขนาดของขอ้ มลู ท่ีมีขนาดเลก็ ที่สุด โดยแต่ละบิตถูกแสดงดว้ ย ตวั เลขไบนาร่ี (Binary Digits) คือ “0” หรือ “1” ซ่ึงเป็นตวั เลขที่บ่งบอกถึงสถานนะการทางานของระบบคอมพิวเตอร์-ไบต์ (Byte) เป็นหน่วยวดั พ้ืนฐานที่สาคญั สาหรับใชใ้ นการบอกขนาดของขอ้ มลู หรือไฟลท์ ี่สามารถพบเห็นไดท้ วั่ ไป โดย 1 ไบต์ จะมี 8 บิต ซ่ึงสามารถใชแ้ ทนตวั อกั ษรใดๆ 1 ตวั โดยตวั อกั ษรน้นั อาจจะเป็นตวั เลข, พยญั ชนะ หรือสัญลกั ษณ์ต่างๆ– กโิ ลไบต์ (Kilobyte ตวั ย่อคอื KB) จะมีค่าเท่ากบั 1,024 ไบต์ หรือประมาณ 1,000 ไบต์ (10 ยกกาลงั 10) ซ่ึงเทียบเท่ากบั ตวั อกั ษรประมาณ 1,000 ตวั หรือประมาณ 1 หนา้ กระดาษโดยประมาณ– เมกกะไบต์ (Megabyte ตัวย่อคอื MB) จะมีค่าเท่ากบั 1,048,576 ไบต์ (10ยกกาลงั 20) หรือประมาณ 1 ลา้ นไบต์ 10 ซ่ึงเทียบเท่ากบั ตวั อกั ษรประมาณ 1 ลา้ นตวั หรือประมาณหนงั สือ 1 เล่มโดยประมาณ– กกิ ะไบต์ (Gigabyte ตวั ย่อคอื GB) เป็นหน่วยวดั ที่มกั จะใชบ้ อกความจุของอุปกรณ์จาพวกฮาร์ดดิสก,์ แผน่ ดีวดี ี และอื่นๆ โดยจะมีค่าเท่ากบั 1,073,741,824 ไบต์ (10 ยกกาลงั 30)หรือประมาณ1 พนั ลา้ นไบต์ ซ่ึงเทียบเท่ากบั ตวั อกั ษรประมาณ 1 พนั ลา้ นตวั หรือประมาณหนงั สือที่ถูกบรรจุอยู่ในตหู้ นงั สือจานวน 1 ตู้ โดยประมาณ– เทอราไบต์ (Terabyte ตวั ย่อคอื TB) เป็นหน่วยวดั ท่ีมีขนาดใหญ่มากข้ึน ซ่ึงเทอราไบตจ์ ะมีค่าเท่ากบั 1,099,511,627,776 ไบต์ 10 ยกกาลงั 40 หรือประมาณ 1 ลา้ นลา้ นไบต์ ซ่ึงเทียบเท่ากบัตวั อกั ษรประมาณ 1 ลา้ นลา้ นตวั หรือประมาณหนงั สือท้งั หมดที่ถกู บรรจุอยใู่ นหอ้ งสมุด 1 หอ้ งโดยประมาณขนาดความจุ บิต (Bit) Binary Digit เป็นหน่วยที่เลก็ ท่ีสุดของขอ้ มูลท่ีใชอ้ ยใู่ นคอมพวิ เตอร์ ไบต์ (Byte) ตวั เลขจานวน 8 บิต จะรวมกนั เขา้ เป็น 1 ไบต์ กิโลไบต์ (Kilobyte) ใชย้ อ่ วา่ KB โดย 1 KB มีค่าเท่ากบั 1,024 ไบต์ เมกะไบต์ (Megabyte) ใชย้ อ่ วา่ MB โดย 1 MB มีค่าเท่ากบั 1,048,576 หรือ (1,024 x1,024 ) มกั ใชใ้ นการวดั หน่วยความจาหลกั (RAM)
กิกะไบต์ (Gigabyte) ใชย้ อ่ วา่ GB โดย 1 GB มีค่าเท่ากบั 1,073,741,824 หรือ (1,024 x1,024 x 1,024) เทราไบต์ (Terabyte) ใชย้ อ่ วา่ TB โดย 1 เทราไบตจ์ ะเท่ากบั 1,099,511,627,776 หรือ (1024 x 1024 x 1024 x 1024) บิต (Bit) Binเวลา มิลลิเซกนั ด์ (Millisecond) หรือ 1 ส่วนพนั วนิ าที ใชว้ ดั เวลาเฉลี่ยในการเขา้ ถึงขอ้ มลู ของฮาร์ดดิสก์ (Access Time) ไมโครเซกนั ด์ (Microsecond) หรือ 1 ส่วนลา้ นวนิ าที นาโนเซกนั ด์ (Nanosecond) หรือ 1 ส่วนพนั ลา้ นวนิ าที ใชว้ ดั ความเร็วในการเขา้ ถึงขอ้ มูลในหน่วยความจาหลกั พโิ คเซกนั ด์ (Picosecond) หรือ 1 ส่วนลา้ นลา้ นวนิ าที มกั ใชว้ ดั รอบการทางานของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ๆความเร็ว เฮิรตซ์ (Hz : Hertz) หรือ รอบต่อวนิ าที มกั ใชใ้ นการวดั รอบการทางานของนาฬิกาของProcessor หรือความเร็วของ Bus มิปส์ (MIPS : Millions of Instructions Per Second) มกั ใชว้ ดั ความเร็วในการประมวลผลเคร่ืองคอมพิวเตอร์ (คาส่งั ต่อวนิ าที)หน่วยความจา ROM มีโครงสร้างภายในอยู่ 2 ประเภทคือ 1. Transistor (หรือ Bipolar) มีความเร็วในการเขา้ ถึง (R/W) สูงมาก แต่มีความจุนอ้ ยเน่ืองจากมีโครงสร้างที่ซบั ซอ้ นมาก 2. MOSFET (หรือ Unipolar)
ชนิดของหน่วยความจา 1. Nonvolatile Memory คือ หน่วยความจาที่ขอ้ มูลไม่ถกู ลบหรือไม่หายไปเมื่อไม่มีไฟเล้ียง 2. Volatile Memory คือ หน่วยความจาที่ขอ้ มลู จะถูกลบหรือหายไปเมื่อไม่มีไฟเล้ียง1. Nonvolatile Memory เป็นหน่วยความจาถาวร ซ่ึงขอ้ มลู หรือโปรแกรมที่เกบ็ อยนู่ ้นั จะคงอยู่ตลอดไปไม่สูญหายแมป้ ิ ดเครื่องหรือไฟดบั แบ่งไดเ้ ป็นหลายชนิดคือ 1. ROM (Read Only Memory) เป็นหน่วยความจาท่ีถูกบรรจุขอ้ มูลหรือโปรแกรมมาเรียบร้อยจากโรงงาน 2. PROM (Programmable Read Only Memory) เป็นหน่วยความจาชนิดที่ผซู้ ้ือหรือผใู้ ช้สามารถบรรจุขอ้ มลู ไดเ้ องเพยี งคร้ังเดียว โดยใชเ้ ครื่องมือพิเศษท่ีเรียกวา่ ROM Writer ภายหลงั ท่ีถกูบรรจุขอ้ มลู แลว้ PROM จะกลายเป็น ROM 3. EPROM (Erasable Programmable Read Only Memory) เป็นหน่วยความจาทีเปิ ดโอกาสใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถทาการบรรจุขอ้ มลู ใหม่ไดห้ ลายคร้ัง โดยก่อนจะบรรจุขอ้ มูลใหม่ตอ้ งลบขอ้ มลู เก่าก่อนโดยใชแ้ สง Ultraviolet ฉายผา่ นทางช่องกระจก 4. EAPROM (Electrically Alterable Read Only Memory) เป็นหน่วยความจาท่ีเป็นโอกาสใหผ้ ซู้ ้ือหรือผใู้ ชส้ ามารถทาการบรรจุขอ้ มูลใหม่ไดห้ ลายคร้ัง โดยก่อนจะบรรจุขอ้ มูลใหม่ตอ้ งลบขอ้ มูลเก่าก่อนโดยใชก้ ระแสไฟฟ้ า เราสามารถเรียกหน่วยความจาไดอ้ ีกอยา่ งวา่ Firmware2.Volatile Memory เป็นหน่วยความจาท่ีขอ้ มูลสูญหายได้ คือหน่วยความจาที่ขอ้ มูลจะถูกลบหรือหายไปเม่ือไม่มีไฟเล้ียง หรือเราเรียกวา่ RAM ซ่ึงสามารถแบ่งเป็นชนิดต่าง ๆ ไดด้ งั น้ี 1. แบบสแตติก ( Static ) หรือ SRAM ซ่ึงมี 2 โครงสร้างคือ Bipolar และ Unipolar มกัใชเ้ ป็นหน่วยความจาแคช (Cache) ขอ้ ดี - สะดวกต่อการนาไปประยกุ ตใ์ ชง้ าน และมีความเร็วสูง - ดูแลรักษาไดง้ ่าย - ไม่ตอ้ งมีวงจรสนบั สนุนมาก เช่น วงจร Refresh - ประหยดั เน้ือท่ีและเวลาในการออกแบบ ขอ้ เสีย - บรรจุขอ้ มลู ไดน้ อ้ ยกวา่ เมื่อเทียบกบั แบบ Dynamic - ราคาแพง และกินไฟมาก
ความเร็วของ RAM คดิ กนั อย่างไร ที่ตวั Memory chip จะมี เลขรหสั เช่น HM411000 -70 ตวั เลขหลงั (-) คือ ตวั เลขที่บอก ความเร็วของ RAM ตวั เลขน้ีเรียกวา่ Access time คือ เวลาท่ีเสียไป ในการที่จะเขา้ ถึงขอ้ มลู หรือ เวลาที่แสดงวา่ ขอ้ มลู จะถกูส่งออกไปทาง Data bus ไดเ้ ร็วแค่ไหน ยง่ิ Access time นอ้ ย ๆ แสดงวา่ RAM ตวั น้นั เร็วมาก
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: