แบบทดสอบก่อนเรียน สารบัญ แบบทดสอบหลงั เรียน
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มน้ี เป็ นส่วนหน่ึงของโครงการ พฒั นาตนเองสู่ความเป็ นครูมืออาชีพ ในศตวรรษที่ 21 ภายใน หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์ประกอบดว้ ยเน้ือหาท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั พระราช กรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอ ดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อีกท้งั ยงั มีวิดีโอประกอบเพ่ือทา ใหเ้ กิดความน่าสนใจ ทางผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งย่ิงว่า หนงั สืออิเล็กทรอนิกส์เล่มน้ี จะเป็ นประโยชน์ต่อการจดั การเรียนรู้เกี่ยวกบั พระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร และเป็ นประโยชน์แก่ผูท้ ่ีสนใจหนงั สือ อิเล็กทรอนิกส์เล่มไม่มากก็น้อย หากมีขอ้ ผิดพลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขออภยั มา ณ ที่น้ี คณะผจู้ ดั ทำ
เร่ือง หน้า โครงการแกล้งดนิ 1 5 โครงการปลกู หญ้าแฝก 11 โครงการหน่วยแพทย์ 15 21 พระราชทาน 27 มูลนิธิอานันทมหิดล โครงการ เศรษฐกจิ พอเพยี ง โครงการการฝนหลวง
เร่ือง หน้า โครงการสารนุกรม 35 ไทยสาหรับเยาวชน 41 47 โครงการส่ วนพระองค์ 51 สวนจิตรลดา โครงการ กงั หันนา้ ชัยพฒั นา บรรณนานุกรม
1
2 เกิดข้ึนเม่ือคร้ังท่ีในหลวงรัชกาลท่ี 9 และพระราชินีของพระองค์ ได้เสด็จแปรพระราชฐานไปยังต่างจังหวัด และจากการที่เสด็จ พระราชทานดาเนินไปทรงเย่ียมราษฎรในจงั หวดั ทางภาคใต้ ทาให้ทรง ทราบว่าราษฎรมีความเดือดร้อน ขาดแคลนที่ทากิน หรือปัญหาในพ้ืนท่ี ป่ าพรุที่มีน้าขังตลอดปี พระองค์จึงมอบให้ทางหน่วยงานราชการท่ี เก่ียวขอ้ งร่วมกนั พิจารณาหาแนวทางในการแกไ้ ขปัญหา เพื่อให้ไดพ้ ้ืน ท่ีมาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ต่อการทาเกษตรให้ไดม้ ากข้ึน จึงทาให้กาเนิด “โครงการแกลง้ ดิน” ข้ึนมา โครงการแกลง้ ดิน อยู่ภายใตก้ ารดูแลของ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอัน เน่ืองมาจากพระราชดาริ จังหวดั นราธิวาส ซ่ึงเป็นโครงการที่เกี่ยวกบั การแกป้ ัญหาดินเปร้ียวในพ้ืนที่ป่ า พรุทางภาคใตข้ องประเทศไทย เพือ่ ใหพ้ ้นื ท่ีสามารถนามาเพาะปลูกได้ ทาไมป่ าพรุถึงได้ดนิ เปรี้ยวละ ? เพราะพ้ืนที่ป่ าพรุเป็นพ้ืนที่ที่มีน้าขงั ตลอดท้งั ปี เม่ือระบายน้าออก หมดแลว้ พ้ืนดินมีสารประกอบไพไรท์ เมื่อดินแหง้ จึงทาให้เกิดกามะถนั ซ่ึงเป็ นสาเหตุทาให้เกิดดินเปร้ียว ดินเปร้ียว คือ ดินท่ีเกิดจากการทบั ถม ของอินทรียวตั ถุ ซากพืช รากพืชเน่าเปื่ อย จ่ึงทาให้ดินเป็ นกรดหรือดิน เปร้ียวน้นั เอง
3 การแกล้งดนิ ? กระบวนการเร่งปฏิกิริยาเคมีในดิน ซ่ึงมีศกั ยห์ รือความพร้อม ท่ีจะเป็ นดินเปร้ี ยว โดยทาให้ดินน้ันมีความเปร้ี ยวรุนแรงข้ึน หลงั จากน้ันจึงปรับปรุงโดยการเติมปูนขาวหรือเติมด่าง ร่วมกบั การใชร้ ะบบชลประทานเพ่ือนาน้ามาเจือจางดินเปร้ียวจนสามารถ เพาะปลูกได้ จึงนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นพ้ืนท่ีดินเปร้ียว เช่น พ้ืนที่ป่ า พรุในจงั หวดั นราธิวาส และพ้ืนท่ีดินเปร้ียวในจงั หวดั นครนายก เป็ นต้น โดยการเร่งปฏิกิริ ยาเคมีของดินท่ีมีแร่กามะถัน หรื อ สารประกอบไพไรท์ โดยทาให้ดินแห้งและเปี ยกสลบั กนั เม่ือดิน แห้งสัมผสั กับอากาศ ทาให้แร่กามะถนั กลายเป็ นออกไซต์ของ เหล็กและซัลเฟต เม่ือทาให้ดินเปี ยกซัลเฟตผสมกบั น้ากลายเป็ น กรดอีกคร้ัง เม่ือดินถูกแกลง้ สลบั ไปมาจนกลายเป็ นดินท่ีเปร้ียว รุนแรงหรือเป็ นกรดจดั จากน้ันจึงปรับปรุงดินโดยเติมปูนขาวซ่ึง เป็ นด่าง ร่วมกบั การใช้ระบบชลประทานควบคุมระดบั น้าใตด้ ิน และนาน้ามาเจือจาง วตั ถุประสงค์ของโครงการแกล้งดนิ 1. เพื่อทาการศึกษาการเปล่ียนแปลงทางเคมีท่ีเกิดข้ึนในดิน เปร้ียว และหาวธิ ีการปรับปรุงแกไ้ ขสภาพดิน 2. เพื่อปรับแกไ้ ขสภาพดินเปร้ียวอนั เกิดมาจากป่ าพรุ และ ดินเปร้ียวอ่ืน ๆ ใหส้ ามารถปลูกพืชได้
4
5
6 เกิ ดจ า ก ส ภา พ ปั ญห า ค ว า ม เส่ื อ มโ ทร ม ข อ งท รั พ ยา ก รดิ นแ ล ะ สภาพแวดล้อมที่เกิดข้ึนในประเทศไทย ซ่ึงส่ งผลให้ผลผลิตทาง การเกษตรลดลง และบางพ้ืนที่ประสบปัญหาการชะลา้ งพงั ทลายของดิน อยา่ งรุนแรง ดงั น้นั จึงไดจ้ ดั ทาโครงการรณรงคก์ ารปลูกหญา้ แฝกเพ่ือการ อนุ รักษ์ดิ นและ น้ า เพ่ือการอนุ รั กษ์ดิ นและน้ า และ ปรั บปรุ ง สภาพแวดลอ้ ม ซ่ึงการใชร้ ะบบหญา้ แฝกจะช่วยลดตน้ ทุนในการป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดินใหน้ อ้ ยลง ขณะเดียวกนั ยงั มีประสิทธิภาพใน การดกั ตะกอนดิน ป้องกนั ดินถล่ม น้าท่วมฉบั พลนั ไดใ้ นระดบั หน่ึง และ ความคงทนสามารถอยไู่ ดน้ านหลายปี พร้อมเป็นการรักษาสภาพแวดลอ้ ม อีกดว้ ยตามความเหมาะสม ลกั ษณะของหญ้าแฝก หญา้ แฝก เป็ นพืชใบเล้ียงเด่ียวตระกลู หญา้ ชนิดหน่ึง เช่นเดียวกบั ขา้ วโพด ขา้ วฟ่ าง ออ้ ย ซ่ึงพบกระจายอยู่ทว่ั ไปหลายพ้ืนท่ีตามธรรมชาติ จากการสารวจพบวา่ มีกระจายอยทู่ ว่ั โลกประมาณ 12 ชนิด และสารวจพบ ในประเทศไทย 2 ชนิดไดแ้ ก่ (1) กลุ่มพนั ธุ์หญา้ แฝกลุ่ม ไดแ้ ก่ พนั ธุ์สุราษฎร์ธานี กาแพงเพชร ศรีลงั กา สงขลา และพระราชทาน ฯลฯ (2) กลุ่มพนั ธุ์หญา้ แฝกดอน ไดแ้ ก่ พนั ธุ์ราชบุรี ประจวบคีรีขนั ธ์ ร้อยเอด็ กาแพงเพชร นครสวรรค์ และเลย เป็นตน้ หญา้ แฝกเป็ นหญา้ ท่ีข้ึนเป็ นกอ หน่อเบียดกนั แน่น ใบของหญา้ แฝกมีลกั ษณะแคบยาว ขอบขนานปลายสอบแหลม ดา้ นทอ้ งใบจะมีสีจาง กวา่ ดา้ นหลงั ใบ มีรากเป็นระบบรากฝอยที่สานกนั แน่นยาว หยง่ั ลึกในดิน มีขอ้ ดอกต้งั ประกอบดว้ ยดอกขนาดเลก็ ดอกจานวนคร่ึงหน่ึงเป็นหมนั
ลกั ษณะพเิ ศษของหน้าแฝก 7 1. มีการแตกหน่อรวมเป็นกอ เบียดกนั แน่น ไม่แผข่ ยายดา้ นขา้ ง 2. มีการแตกหน่อและใบใหม่ ไม่ตอ้ งดูแลมาก 3. หญา้ แฝกมีขอ้ ท่ีลาตน้ ถ่ี ขยายพนั ธุโ์ ดยใชห้ น่อไดต้ ลอดปี 4. ส่วนใหญ่ไม่ขยายพนั ธุ์ดว้ ยเมลด็ ทาใหค้ วบคุมการแพร่ขยายได้ 5. มีใบยาว ตดั และแตกใหม่ง่าย แขง็ แรงและทนต่อการยอ่ ยสลาย 6. ระบบรากยาว สานกนั แน่น และช่วยอุม้ น้า 7. บริเวณรากเป็นท่ีอาศยั ของจุลินทรีย์ 8. ปรับตวั กบั สภาพต่าง ๆ ไดด้ ี ทนทานต่อโรคพชื ทว่ั ไป ลกั ษณะวธิ ีการปลูกหญ้าแฝก 1. การปลูกหญ้าแฝกในพืน้ ทลี่ าดชัน ควรปลูกหญา้ แฝกเป็นแถวตามแนว ระดบั ขวางความลาดเทในตน้ ฤดูฝน โดยการทาแนวร่องปลูกตามแนว ระดบั ใชร้ ะยะระหวา่ งตน้ 5 เซนติเมตร สาหรับกลา้ รากเปลือยและ ระยะห่าง 10 เซนติเมตร สาหรับกลา้ ถุง ระยะห่างแถวตามแนวด่ิงไม่เกิน 2 เมตร หญา้ แฝกจะเจริญเติบโตแตกกอชิดกนั ภายใน 4-6 เดือน 2. การปลกู เพื่อควบคุมร่องนา้ และกระจายนา้ นากลา้ หญา้ แฝกในถุงพลาสติกที่มีการแตกกอ และแขง็ แรงดีแลว้ ไปปลูกในร่องน้า โดยขดุ หลุมปลูกขวางร่องน้า เป็นแนว ตรง หรือแนวหวั ลูกศรช้ียอ้ นไปทิศทางน้าไหล อาจใชก้ ระสอบทรายหรือ กอ้ นหิน ช่วยทาคนั เสริมฐานใหม้ น่ั คงตามแนวปลูกหญา้ แฝก ระยะห่าง ระหวา่ งตน้ 5 เซนติเมตร สาหรับกลา้ รากเปลือย และ 10 เซนติเมตร สาหรับกลา้ ถุง และระหวา่ งแนวปลูกหญา้ แฝกไม่เกิน 2 เมตร ตามแนวต้งั หลงั จากเกิดคนั ดินก้นั น้า ควรปลูกหญา้ แฝกต่อจากแนวคนั ดินก้นั น้า ออกไปท้งั สองขา้ ง เพอ่ื เป็นการกระจายน้าเขา้ สู่พ้นื ที่เพาะปลูก 3. การปลูกเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในสวนผลไม้ ควรปลูกหญา้ แฝกในสวนผลไม้ ระยะท่ีไมผ้ ลยงั ไม่โต หรือปลูก ก่อนท่ีจะลงไมผ้ ล โดยปลูกแถวหญา้ แฝกขนานไปกบั แถวของไมผ้ ลท่ี ระยะก่ึงกลางของแถวไมผ้ ล หรือปลูกเป็นรูปคร่ึงวงกลมใหห้ ่างจากโคน ตน้ ไมผ้ ล 2.5 เมตร เพอ่ื ไมผ้ ลเจริญเติบโตข้ึนมาคลุมพ้ืนท่ี หญา้ แฝกจะตาย ไปกลายเป็นอินทรียวตั ถุในดินต่อไป
8 โ4ด. กยกากราาปรรขลปุดูกลรหูก่อญหงญ้าปแา้ ลแฝูกฝกตกใาตนมาพมแนื้แนนทววดี่รรอะะดนดับทบั ปี่ใรนละพูกย้ืพนะหทชื ่ี่าดไรงอ่รนะทหี่ปวล่าูกงพตืช้นไร5่ เถเซปุง็นนคตแวิเนมรใตะชรรป้ะส๋ หุยาหหว่มารงับกั แรกถอลวงา้ ปพราล้ืนกูกกเปพ่อลืนชือไปยรล่แูกแลหละะญ1คา้0วแเรฝซปกนลตหูกิเรมใือตนปรสลสภูกาาหหพญรดับา้ินแกทฝล่ีมกา้ ี ความชุ่มช้ืน ในช่วงตน้ ฤดูฝน 5. การปลกู หญ้าแฝกในพืน้ ทีร่ าบหรือพืน้ ทล่ี ่มุ ในสภาพพ้ืนที่ราบหรือพ้ืนท่ีลุ่ม ที่มีการปรับสภาพเป็น แปลงยกร่องเพ่ือปลูกพชื น้นั สามารถปลูกหญา้ แฝกเป็นแถวรอบ ขอบเขตพ้ืนที่ หรือปลูกท่ีขอบแปลงยกร่องหญา้ แฝก จะช่วยยดึ ดินไม่ใหพ้ งั ทลาย และรักษาความช้ืนในดินเอาไว้ 6. การปลกู รอบขอบสระเพื่อกรองตะกอนดนิ ควรปลูกตามแนวที่ระดบั น้าสูงสุดท่วมถึง 1 แนว และปลูก เพิ่มข้ึนอีก 1-2 แนวเหนือแนวแรก ซ่ึงข้ึนอยกู่ บั ความลึกของขอบ สระ ระยะห่างระหว่างตน้ 5 เซนติเมตร สาหรับกลา้ รากเปลือย และ 10 เซนติเมตร สาหรับกลา้ ถุง โดยขดุ หลุมปลูกต่อเน่ืองกนั ไป ในระยะแรกควรดูแลปลูกซ่อมแซมให้แถวหญา้ แฝกเจริญเติบโต หนาแน่น เม่ือน้าไหลบ่ามาลงสระ ตะกอนดินท่ีถูกพดั พามากบั น้า จะติดคา้ งอยกู่ บั แถวหญา้ แฝก ส่วนน้าจะค่อย ๆ ไหลผา่ นลงสู่สระ และระบบรากของหญ้าแฝกยงั ช่วยยึดติดดินรอบ ๆ ขอบสระ ไม่ใหเ้ กิดการพงั ทลาย
9 การใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝก 1. การปลูกเป็นแถวตามระดบั ขวางความลาดชนั เพื่อชะลอ ความเร็วของน้าและดกั ตะกอนดิน ส่วนน้าจะไหลซึมลงไปสู่ดิน ช้นั ล่างไดม้ ากข้ึนเป็นการเพ่ิมความชุ่มช้ืนภายในดิน ส่วนราก หญา้ แฝกจะหยง่ั ลึกลงไปในดินอาจถึง 3 เมตร ซ่ึงสามารถยดึ ดิน ป้องกนั การพงั ทลายได้ 2. การปลูกเพื่อป้องกนั ความเสียหายของช้นั บนั ไดดินหรือ คนั คูรับน้ารอบเขา 3. การปลูกเพ่ือป้องกนั ตะกอนดินทบั ถม ลงสู่คลองส่งน้า ระบายน้า อ่างเกบ็ น้าในไร่นา ตลอดจนปลูกรอบสระหรือปลูก เป็นแถวขนานไปกบั แม่น้า ลาคลองเพื่อกรองตะกอนดิน 4. การปลูกเพ่ือฟ้ื นฟ่ ูท่ีดินเสื่อมโทรม 5. การปลูกเพื่อป้องกนั การปนเป้ื อนของสารพิษในแหลง่ น้า รากหญา้ แฝกจะเป็นกาแพงกกั ก้นั ดินและสารพิษท่ีปนเป้ื อนมา กบั น้าไม่ใหไ้ หลลงสู่แหล่งน้าเบ้ืองลา่ ง และรากของหญา้ แฝกยงั มี ประสิทธิภาพในการดูซบั ธาตุโลหะหนกั และสารเคมีบางอยา่ งได้ ดีกวา่ พืชชนิดอ่ืน วตั ถุของโครงการปลกู หญ้าแฝก 1. เพ่ือตอ้ งการใหบ้ ริเวณท่ีมีแนวโนม้ ที่จะเกิดการเคลื่อนตวั ของดิน การชะลา้ ง และการพงั ทลายของหนา้ ดิน เพื่อลดการ พงั ทลายของหนา้ ดิน 2. เพื่อส่งเสริมใหป้ ระชาชนเขา้ มามีส่วนร่วมในการปลูก หญา้ แฝกเพื่ออนุรักษท์ รัพยากรดิน น้า และสิ่งแวดลอ้ ม 3. เพื่อดาเนินการตามนโยบายสาธารณะดา้ นการจดั การ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม
10
11
12 พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระราชทานโครงการแพทยห์ ลวงพระราชทาน เม่ือปี พ.ศ. 2510 โดยมีการจดั เจา้ หนา้ ท่ีแพทย์ พยาบาล เครื่องมือเครื่องใช้ เพ่ือตรวจรักษาราษฎรในถ่ินทุรกนั ดารโดยไม่เกบ็ ค่ารกั ษา และ ยงั มีการจัดอบรมหมอหมู่บ้านเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพของ ประชาชน เมื่อวนั ท่ี 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระ เ จ้า อ ยู่ หั ว ภู ม พ ล อ ดุ ล ย เ ด ช แ ล ะ ส ม เ ด็ จ พ ร ะ น า ง เ จ้า พระบรมราชิ นี นาถ เสด็จไปในโครงการชาวเขา เพื่อ พระราชทานสุกร เมล็ดพนั ธุ์พืชทดแทน และส่ิงของเครื่องใช้ ต่างๆ แก่ชาวเขา และทรงพบว่าราษฎรท่ีมารอรับเสด็จอยนู่ ้ัน ป่ วยเป็ นไขอ้ ยู่เป็ นจานวนมาก จึงไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ให้แพทยป์ ระจาพระองคท์ ี่ตามเสด็จและมีหน้าท่ีเฝ้าดูแลพระ สุขภาพ และพลานามยั ของทุกพระองคใ์ นขบวนเสด็จ ให้การ ตรวจและรักษาผูป้ ่ วยเหล่าน้ัน รับเป็ นต้นกาเนิดของคาว่า “แพทยพ์ ระราชทาน” ทาไมถงึ ต้องมแี พทย์พระราชทาน ? เอเพจน้าราอามะยเพัยกู่หยารัวรงัาะทไรใมี่าปนช่ ทรอกะั่วดชาถีตลาึ งพชทค้ืนน่ี ร9ทมอี่ททีรบ่ าุรรคงกงลกนั ใุ มาหดยทา้คทรุ กว่ีสหพาม่า้มื นงบสไทูรกา่ี ณลพค์กัญรแาะขกรบ็งดับแาูแสทรลางดสธา้จมานะเรดสนณ็จุขาะไพภปสารพุสขะู่ สไปุขภดา้วพยจโิตดทยี่ดมีแีพลระะสร่งาผชลทใหาน้กาดราพรฒััสวน่าาเ“ศถรษ้ าฐคกนิจแเรลาะมสงัีสคุ ขมดภีตาาพม เสื่ อมโทรมก็จะไม่ สามารถพัฒนาชาติได้ และ ทรัพยากรทส่ี าคญั ของประเทศ กค็ ือพลเมืองนนั่ เอง”
13 โครงการแพทย์หลวงพระราชทาน เกิดข้ึนมาเพื่อตอ้ งการตรวจรักษาราษฎรในทอ้ งถ่ิน ทุรกนั ดาร โดยไม่คิดมูลค่าและถา้ จาเป็นกจ็ ะส่งไปรักษายงั โรงพยาบาลในจงั หวดั ต่างๆ ส่วนในทอ้ งถิ่นท่ีอยหู่ ่างไกลตวั เมืองมากกม็ ีการจดั เจา้ หนา้ ที่ แพทย์ พยาบาล เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ ตลอดจนยารักษาโรค เพื่อออกทา การตรวจรักษาและพยาบาลราษฎรโดยไม่คิดมูลค่า การปฏิบตั ิหนา้ ที่ ของหน่วยแพทยพ์ ระราชทานประกอบดว้ ยการบาบดั รักษาและการ อบรมหมอหมู่บา้ น เพอื่ เป็นการช่วยแกไ้ ขปัญหาดา้ นสุขภาพอนามยั ของราษฎรที่อยใู่ นพ้นื ท่ีห่างไกล โครงการพระราชดาริดา้ นการแพทย์ จึงไดข้ ยายขอบข่ายออกไปอยา่ งกวา้ งขวาง สามารถแบ่งตามลกั ษณะได้ 2 ประการคือ 1. การบาบดั รักษาโดยการตรวจจากคณะแพทยพ์ ระราชทาน 2. การอบรมหมอหมู่บา้ นตามพระราชดาริ โดยเร่ิมตน้ ทีจงั หวดั เชียงใหม่เป็นคร้ังแรก ในปี พ.ศ. 2525 เพ่ือใหร้ าษฎรท่ีไดร้ ับการอบรม เหล่าน้ีไดน้ าความรู้กลบั ไปช่วยเหลือประชาชนในทอ้ งถิ่นของตน วตั ถุประสงค์ของโครงการหน่วยแพทย์พระราชทาน 1. ช่วยแกป้ ัญหาการเจบ็ ป่ วย หรือทุพพลภาพ 2. ช่วยใหเ้ ศรษฐกิจดีข้ึน เม่ือไม่มีคนป่ วยกส็ ามารถทางานได้
14
15
16 ความเป็ นมา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร แห่งพระบรมราชจกั รีวงศ์ ทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ กระหม่อมใหต้ ้งั ข้ึน ดว้ ยทรงสนพระราชหฤทยั ในสวสั ดิ ภาพ และความเป็ นอยู่ของพสกนิกร ทรงตระหนักว่าพระ ราชอาณาจกั รตอ้ งมีผูเ้ ชี่ยวชาญในวิชาการช้นั สูง จึงควรส่งเสริม และสนบั สนุน ผทู้ ี่ใฝ่ ใจในการศึกษาที่ไดแ้ สดงความสามารถอยา่ ง ยอดเย่ียมให้ได้มีโอกาสไปศึกษาวิชาการช้ันสู งบางวิชา ณ ต่างประเทศ โดยทรงหวงั ในพระราชหฤทยั วา่ เม่ือสาเร็จการศึกษา กลบั มาแลว้ จะไดป้ ฏิบตั ิหนา้ ที่เป็นผเู้ ชี่ยวชาญในวชิ าการที่ศึกษามา ดว้ ยพระราชดาริตามนยั ท่ีกล่าวมาน้ี จึงทรงโปรดเกลา้ กรุณาโปรด กระหม่อมให้ทดลองดาเนินการไปก่อนดว้ ย “ทุนอานนั ทมหิดล” เมื่อ พ.ศ. 2498 และเม่ือวนั ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2502 พระกรุณาโปรด เกลา้ โปรดกระหมอ่ มพระราชทานพระราชทรัพยส์ ่วนพระองคเ์ ป็น ทุนเร่ิมแรก จานวน 20,000 บาท เป็ นการจดั ต้งั มูลนิธิฯ เพื่อเป็ น พระบรมราชานุสรณ์ในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ท มหิดล พระราชทานแก่พระองค์ตลอดมา อน่ึง โดยท่ีสมเด็จพระ มหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงศึกษาวิชา แพทยศาสตร์ เพ่ือทรงนาวิชาการน้ันกลับมาทาประโยชน์แก่ ประชาชนชาวไทยและประเทศชาติ อีกท้ังได้ทรงจัดและ พระราชทานทุนแก่นกั ศึกษาแพทย์ ให้ไดศ้ ึกษาท้งั ในประเทศและ ต่างประเทศ ประกอบกับพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหา อานนั ทมหิดล ก็ทรงสนพระราชหฤทยั ส่งเสริมกิจการแพทยข์ อง ไทย และได้พระราชทานพระราชปรารภในการเสด็จพระราช ดาเนินพระราชทานปริญญาบัตร และอนุปริญญาบัตรแก่ผูจ้ บ หลกั สูตรแพทยพ์ ยาบาล ณ ศิริราชพยาบาล เม่ือเดือนเมษายน พ.ศ. 2489 ว่าต้องพระราชประสงค์ให้มีการผลิตแพทย์เพิ่มมากข้ึน เพ่ือให้เพียงพอที่จะช่วยเหลือประชาชน อนั เป็ นผลให้เกิดคณะ แพทยศาสตร์ ข้ึน ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ดังน้ัน เม่ือ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมต้งั “ทุนอานนั ทมหิดล” ข้ึนแลว้ ก็ได้พระราชทานทุนแก่นักศึกษาวิชาแพทยศาสตร์เป็ น ประเดิม และตอ่ มาไดเ้ พิม่ สาขาวชิ าอ่ืน ๆ ข้ึนอีก
17 คุณสมบตั ขิ องผู้ที่มีสิทธ์ิรับพระราชทานทุน 1. เป็ นผูม้ ีความสามารถเป็ นเยี่ยมในด้านวิชาการ และมี คุ ณ ธ ร ร ม สู ง มี ค ว า ม ป ร ะ พ ฤ ติ แ ล ะ ม นุ ษ ย สั ม พัน ธ์ ดี 2. มีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 25 ปี ยกเวน้ ในกรณีท่ีผูจ้ บ การศึกษาในระดบั ปริญญาตรีที่ตอ้ งรับราชการทดแทนให้ครบ อเขวาอลยงาเุ แกทผินี่ทนา3กง0แรปาพี ชทกยาศรากสาตหรน์ แดลจะึงแจผะอนอกกทไนั ปตศแึกพษทายตศ่อาไสดต้ เรช์ ่นแตใ่ไนมก่ครวณรี 3. สาเร็จการศึกษาระดับปริ ญญาบัณฑิตเกียรตินิยมใน คปณระะเกท4รศ.รเไมปท็กนยาผรแทู้บลี่คระณิหมะาีครกุณพรริจสมามรกบณาตัราแิทผี่คนณกะวกิชรารคมดั กเลาือรแกผแนลกะวเสิชนากอาชห่ือนใหด้ 5. มีความรู้ในภาษาต่างประเทศดีพอท่ีจะนาไปใช้ใน การศึกษาต่อในมหาวทิ ยาลยั ช้นั นา สาขาทพี่ ระราชทานทุน 1. แผนกแพทยศาสตร์ 2. แผนกวิทยาศาสตร์ 3. แผนกเกษตรศาสตร์ 4. แผนกธรรมศาสตร์ 5. แผนกอกั ษรศาสตร์ 6. แผนกทนั ตแพทยศาสตร์ 7. แผนกสตั วแพทยศาสตร์ 8. แผนกวศิ วกรรมศาสตร์
18 หลกั เกณฑ์ในการพระราชทานทุน คณะกรรมการแผนกวิชาของแต่ละแผนกแสวงหาและ พิจารณาคดั เลือกผสู้ มควรไดร้ ับพระราชทานทุน จากสถาบันท่ีมี คุณสมบัติ ทางวิชาการที่ ได้ระดับ แล้วนาเสนอต่อคณะ กรรมการบริหารเพื่อพิจารณา การคดั เลือกผรู้ ับพระราชทานทุนน้ี จะพิจารณาท้งั คุณสมบตั ิของผูร้ ับ และคุณภาพทางวิชาการของ สถาบนั ท่ีสาเร็จการศึกษาไปพร้อมกนั มูลนิธิอานนั ทมหิดลไม่มี ขอ้ จากดั เร่ืองระยะเวลาการศึกษาที่เขม้ งวด เพราะมีวตั ถุประสงค์ ใหผ้ ไู้ ดร้ ับพระราชทานทุนไดศ้ ึกษาจนถึงข้นั สูงสุดในแต่ละแขนง วิชา ในการคดั เลือกคณะกรรมการแผนกวิชา จะตอ้ งพิจารณาผูท้ ี่มี ความสามารถที่จะศึกษาต่อไดถ้ ึงข้นั ปริญญาดุษฎีบณั ฑิต หรือ ความเช่ี ยวชาญพิ เศษในข้ันสู ง เช่ นในกรณี ของแผน ก แพทยศาสตร์หรือแผนกเกษตรศาสตร์ มูลนิธิอานนั ทมหิดลไม่มี ขอ้ ผูกมดั ให้ผูร้ ับพระราชทานทุนต้องกลบั มารับราชการ หรือ แม้แต่กลับมาทางานในประเทศไทย ในการคดั เลือกนอกจาก คุณสมบตั ิทางวิชาการ คณะกรรมการแผนกวิชาจะตอ้ งคานึงถึง คุณธรรม ความประพฤติและความสานึกในการท่ีควรจะกลบั เขา้ มาทางานเพ่ือประเทศชาติ เมื่อสาเร็ จการศึกษามาแล้ว เม่ือคณะกรรมการบริ หารพิจารณาตัดสิ นแล้ว ประธาน คณะกรรมการบริหารจะนาความกราบบงั คมทูลขอพระราชทาน พระบรมราชวินิจฉยั เป็นราย ๆ ไป เพื่อใหไ้ ดผ้ รู้ ับพระราชทานทุน ที่มีความเหมาะสมจริง ทุนการศึกษาน้ีมีจานวนแผนกละ 1 ทุน ต่อ ปี แต่ทุนน้ีอาจงดไดห้ ากไม่มีผูม้ ีคุณสมบตั ิที่เหมาะสมดีพอ หรือ หากปี ใดมีผู้สมควรได้รับพระราชทานทุนเกินกว่า 1 คน คณะกรรมการแผนกวิชาอาจเสนอให้คณะกรรมการบริ หาร พิจารณาเป็ นกรณีพิเศษได้
19 วตั ถุประสงค์ของมูลนิธิอานันทมหิดล 1.ส่ งเสริ มและสนับสนุ นการศึกษาช้ันสู ง ด้วยการ พระราชทานทุน ใหผ้ สู้ าเร็จการศึกษาระดบั ปริญญาตรีในประเทศ ไทย ผมู้ ีคุณสมบตั ิดีเด่นท้งั ดา้ นวิชาการและคุณธรรม ไปศึกษาต่อ ในสาขาวิชาอนั จะเป็ นประโยชน์ต่อวงวิชาการ แลว้ นากลบั มา ถ่ายทอดแก่ชนรุ่นหลงั เป็นการรับใชช้ าติบา้ นเมือง ตลอดจนช่วย ในการพฒั นาประเทศ 2.พระราชทานทุนช่วยเหลือในการประกอบวิชาชีพ หรือ เพื่อค้นควา้ แก่ผูไ้ ด้รับพระราชทานทุนท่ีสาเร็จการศึกษาแล้ว กลบั มาทางานในประเทศไทย และไดแ้ สดงความสามารถดีเยย่ี ม มี คุ ณ ธ ร ร ม แ ล ะ ค ว า ม ป ร ะ พ ฤ ติ ดี เ ป็ น ก ร ณี ๆ ไ ป 3.จัดต้ังสถาบันคน้ ควา้ ทางวิชาการ เพ่ือเปิ ดโอกาสให้ผู้ ได้รับพระราชทานทุนที่สาเร็จการศึกษาและกลบั มาทางานใน ประเทศไทย ไดค้ น้ ควา้ ทางวชิ าการต่อไป 4.ร่วมมือกบั สถาบนั อื่นท่ีมีวตั ถุประสงคค์ ลา้ ยคลึงกนั เพ่ือให้ การสนบั สนุนทางวชิ าการเป็นไปอยา่ งกวา้ งขวางและทวั่ ถึงย่ิงข้ึน
20
21
จุดเร่ิมต้นแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง 22 ผลจากการใชแ้ นวทางการพฒั นาประเทศไปสู่ความทนั สมยั ไดก้ ่อใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงแก่สงั คมไทยอยา่ งมากในทุกดา้ น ไม่ ว่าจะเป็ นด้านเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สังคมและ ส่ิงแวดล้อม อีกท้งั กระบวนการของความเปลี่ยนแปลงมีความ สลบั ซับซ้อนจนยากที่จะอธิบายใน เชิงสาเหตุและผลลพั ธ์ได้ เพราะการเปล่ียนแปลงท้งั หมดต่างเป็ นปัจจยั เช่ือมโยงซ่ึงกนั และ กนั สาหรับผลของการพฒั นาในดา้ นบวกน้นั ไดแ้ ก่ การเพ่ิมข้ึน ของอตั ราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเจริญทางวตั ถุ และ สาธารณูปโภคต่างๆ ระบบส่ือสารที่ทันสมัย หรื อการขยาย ปริมาณและกระจายการศึกษาอยา่ งทวั่ ถึงมากข้ึน แต่ผลดา้ นบวก เหล่าน้ีส่วนใหญ่กระจายไปถึงคนในชนบท หรือผดู้ อ้ ยโอกาสใน สังคมน้อย แต่ว่า กระบวนการเปล่ียนแปลงของสังคมไดเ้ กิดผล ลบติดตามมาดว้ ย เช่น การขยายตวั ของรัฐเขา้ ไปในชนบท ได้ ส่งผลให้ชนบทเกิดความอ่อนแอในหลายดา้ น ท้งั การตอ้ งพ่ึงพิง ตลาดและพอ่ คา้ คนกลางในการสงั่ สินคา้ ทุน ความเสื่อมโทรมของ ทรัพยากรธรรมชาติ ระบบความสมั พนั ธ์แบบเครือญาติ และการ รวมกลุ่มกนั ตามประเพณีเพื่อการจดั การทรัพยากรท่ีเคยมีอยู่แต่ เดิมแตก สลายลง ภูมิความรู้ที่เคยใช้แก้ปัญหาและสั่งสม ปรับเปลี่ยนกนั มาถูกลืมเลือนและเร่ิมสูญหายไป สิ่งสาคญั ก็คือ ความพอเพียงในการดารงชีวิต ซ่ึงเป็ นเงื่อนไขพ้ืนฐานท่ีทาใหค้ น ไทยสามารถพ่ึงตนเอง และดาเนินชีวิตไปไดอ้ ยา่ งมีศกั ด์ิศรีภายใต้ อานาจและความมีอิสระในการกาหนดชะตาชีวิตของตนเอง ความสามารถในการควบคุมและจดั การเพ่ือให้ตนเองไดร้ ับการ สนองตอบต่อความตอ้ งการต่างๆ รวมท้งั ความสามารถในการ จดั การปัญหาต่างๆไดด้ ว้ ยตนเอง ซ่ึงท้งั หมดน้ีถือว่าเป็ นศกั ยภาพ พ้ืนฐานท่ี คนไทยและสังคมไทยเคยมีอยู่แต่เดิ มต้องถูก กระทบกระเทือน ซ่ึงวิกฤตเศรษฐกิจจากปัญหาฟองสบู่และปัญหา ความอ่อนแอของชนบท รวมท้งั ปัญหาอื่นๆ ท่ีเกิดข้ึน ลว้ นแต่เป็น ขอ้ พิสูจนแ์ ละยนื ยนั ปรากฏการณ์น้ีไดเ้ ป็นอยา่ งดี
23 พระราชดาริว่าด้วยเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียงเป็ นแนวพระราชดาริในพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั ท่ีพระราชทานมานานกวา่ 30 ปี เป็นแนวคิดท่ีต้งั อยู่ บนรากฐานของวฒั นธรรมไทย เป็ นแนวทางการพฒั นาท่ีต้งั บน พ้ืนฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท คานึงถึงความ พอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุม้ กนั ในตวั เอง ตลอดจน ใช้ความรู้และคุณธรรม เป็ นพ้ืนฐานในการดารงชีวิต ที่สาคญั จ ะ ต้ อ ง มี “ ส ติ ปั ญ ญ า แ ล ะ ค ว า ม เ พี ย ร ” ซ่ึ ง จ ะ นาไปสู่ “ความสุข” ในการดาเนินชีวติ อยา่ งแทจ้ ริง ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียง เป็ นปรัชญาช้ีถึงแนวการดารงอยู่และ ปฏิบตั ิตนของประชาชนในทุกระดบั ต้งั แต่ระดบั ครอบครัว ระดบั ชุมชน จนถึงระดบั รัฐ ท้งั ในการพฒั นาและบริหารประเทศให้ ดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกิจ เพ่ือให้ ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวตั น์ ความพอเพียง หมายถึง ความ พอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจาเป็ นที่จะตอ้ งมีระบบ ภูมิคุม้ กนั ในตวั ที่ดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อนั เกิดจากการ เปล่ียนแปลงท้งั ภายในภายนอก ท้งั น้ี จะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั อย่างยิ่งในการนาวิชาการ ต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดาเนินการ ทุกข้นั ตอน และ ขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสร้างพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หน้าท่ีของรัฐ นกั ทฤษฎี และนกั ธุรกิจในทุกระดบั ใหม้ ีสานึกในคุณธรรม ความซื่อสตั ยส์ ุจริต และใหม้ ีความรอบรู้ที่ เหมาะสม ดาเนินชีวิตดว้ ยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพ่ือให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการ เปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ท้ังด้านวตั ถุ สังคม สิ่งแวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ป็นอยา่ งดี
24 องค์ประกอบ เศรษฐกจิ พอเพยี งประกอบด้วยคุณลกั ษณะ 3 ประการ และเง่ือนไข 2 เง่ือนคือ 1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีท่ีไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผูอ้ ่ืน เช่น การ ผ ลิ ต แ ล ะ ก า ร บ ริ โ ภ ค ที่ อ ยู่ ใ น ร ะ ดั บ พ อ ป ร ะ ม า ณ 2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตดั สินใจเก่ียวกบั ระดบั ความ พอเพียงน้ัน จะตอ้ งเป็ นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุ ปัจจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง ตลอดจนคานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดข้ึนจากการ กระทาน้นั ๆ อยา่ งรอบคอบ 3. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปล่ียนแปลงด้านต่างๆท่ีจะเกิดข้ึน โดยคานึงถึงความ เป็ นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ท่ีคาดว่าจะเกิดข้ึนในอนาคต 1. เง่ือนไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรู้เก่ียวกบั วิชาการ ต่างๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งรอบดา้ น ความรอบคอบที่จะนาความรู้เหล่าน้นั มาพิจารณาให้เชื่อมโยงกนั เพ่ือประกอบการวางแผนและความ ระมดั ระวงั ในการปฏิบตั ิ 2. เงื่อนไขคุณธรรมที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มี ความตระหนักใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความ อ ด ทน มีค ว า มเ พี ย ร ใช้ส ติ ปั ญ ญ า ใน ก า ร ด า เ นิ น ชี วิ ต
25 ตัวอย่างเศรษฐกจิ พอเพยี ง ทฤษฎใี หม่ เป็ นการกระจ่ายความเส่ียงด้านราคาผลผลิตโดยการแบ่ง พ้ืนท่ีออกเป็ น 4 ส่วน ตามอตั ราส่วน 30:30:30:10 ซ่ึงหมายถึง พื้นท่ีส่วนที่หน่ึง ประมาณ 30% ให้ขุดสระเก็บกกั น้า เพื่อใชเ้ ก็บ กกั น้าฝนในฤดูฝน และใชเ้ สริมการปลูกพืชในฤดูแลง้ ตลอดจน การเล้ียงสตั วแ์ ละพืชน้าต่างๆ พื้นที่ส่วนท่ีสอง ประมาณ 30% ให้ ปลูกขา้ วในฤดูฝน เพื่อใชเ้ ป็ นอาหารประจาวนั สาหรับครอบครัว ให้เพียงพอตลอดปี เพื่อตดั ค่าใช้จ่ายและสามารถพ่ึงตนเองได้ พื้นท่ีส่วนท่ีสาม ประมาณ 30% ให้ปลูกไมผ้ ล ไมย้ ืนตน้ พืชผกั พืชไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ เพ่ือใชเ้ ป็ นอาหารประจาวนั หากเหลือ บริโภคก็นาไปจาหน่าย พื้นที่ส่ วนที่สี่ ประมาณ 10% เป็ นที่อยู่ อาศยั เล้ียงสตั ว์ ถนนหนทาง และโรงเรือนอ่ืนๆ วตั ถุประสงค์เศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. ยึดความประหยดั ตดั ทอนค่าใช้จ่ายในทุกด้าน ลดละ ความฟ่ ุมเฟื อยในการใชช้ ีวติ 2. ยดึ ถือการประกอบอาชีพดว้ ยความถูกตอ้ ง ซื่อสตั ยส์ ุจริต 3. ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์และแข่งขนั กนั ในทาง การคา้ แบบต่อสูก้ นั อยา่ งรุนแรง 4. ปฏิบตั ิตนในแนวทางท่ีดี ลดละส่ิงชว่ั ประพฤติตนตาม หลกั ศาสนา
26
27
28 ประวตั ิโครงการฝนหลวง โครงการพระราชดาริฝนหลวง เป็นโครงการท่ีก่อกาเนิดจาก พระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ที่ทรง ห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในทอ้ งถ่ินทุรกนั ดาร ซ่ึง ตอ้ งประสบปัญหาขาดแคลนน้า เพ่ืออุปโภคบริโภค และใช้ใน การเกษตรกรรม อนั เนื่องมาจากภาวะแห้งแล้ง ท่ีมีสาเหตุจาก ความผนั แปร และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ กล่าวคือ ฤดูฝนเร่ิมตน้ ล่าชา้ เกินไป หรือหมดเร็วกว่าปกติ หรือฝนทิ้งช่วง ยาวในช่วงฤดูฝน ทาให้ทรงพบเห็นว่า ภาวะแห้งแล้ง ได้มี แนวโน้มรุนแรงข้ึนตามลาดับ เพราะการตดั ไมท้ าลายป่ า เป็ น สาเหตุใหส้ ภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเร็ว ซ่ึงสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎร ในทุกภาคของประเทศ ส่งผลถึงความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ คิดเป็นมูลค่า มหาศาลในแต่ละปี ต้งั แต่ พ.ศ. 2498 เป็ นต้นมา พระองค์ทรง ศึกษาคน้ ควา้ และวิจยั ทางเอกสาร ท้งั ดา้ นวิชาการอุตุนิยมวิทยา และการดดั แปรสภาพอากาศ ให้ลู่ทางที่จะทาให้เกิดการทดลอง ปฏิบตั ิการบนทอ้ งฟ้ากระทง่ั ในปี พ.ศ. 2512 ไดท้ าการทดลอง ปฏิบตั ิการจริงในทอ้ งฟ้าเป็ นคร้ังแรก ต่อมา ไดม้ ีปฏิบตั ิการโดย ทดลองหยอดกอ้ นน้าแขง็ แห้ง ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศกน์ ิ้ว เขา้ ไป ในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต ที่ลอยกระจดั กระจายอยู่เหนือ พ้ืนที่ทดลองในขณะน้ัน ทาให้กลุ่มเมฆทดลองเหล่าน้ัน มีการ เปลี่ยนแปลงอยา่ งเห็นไดช้ ดั จนเกิดการกลนั่ รวมตวั กนั หนาแน่น และก่อยอดสูงข้ึนเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอนั รวดเร็วจนเกิด ฝนตกลงสู่พ้ืนที่บริเวณวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด
29 เคร่ืองมือและอุปกรณ์สาคญั ทใ่ี ช้ประกอบในการทาฝนหลวง 1. เครื่องมืออุตุนิยมวิทยา ใช้ในการตรวจวดั และศึกษา สภาพอากาศประกอบการวางแผนปฏิบตั ิการ นอกเหนือจากแผน ท่ีอากาศ ภาพถ่าย ดาวเทียมท่ีไดร้ ับสนบั สนุนเป็ นประจาวนั จาก กรมอุตุนิยมวิทยาที่มีใช้ ไดแ้ ก่ 1.1 เคร่ืองวัดลมช้ันบน (PILOTBALLOON) ใช้ตรวจวดั ทิ ศ ท า ง แ ล ะ ค ว า ม เ ร็ ว ล ม ร ะ ดั บ สู ง จ า ก ผิ ว ดิ น ข้ึ น ไ ป 1.2 เครื่องวทิ ยุหย่งั อากาศ (RADIOSONDE) เป็ นเคร่ืองมือ อิเลก็ ทรอนิกส์ประกอบดว้ ยเครื่องส่งวิทยุ ซ่ึงจะติดไปกบั บอลลูน และเคร่ืองรับสัญญาณวิทยุซ่ึงจะบอกให้ทราบถึงขอ้ มูลอุณหภูมิ ความช้ืน ของบรรยากาศในระดบั ต่าง ๆ 1.3 เครื่องเรดาร์ตรวจอากาศ ที่มีใชอ้ ยู่เป็ นแบบติดรถยนต์ เคลื่อนที่ได้มีประสิทธิภาพ สามารถบอกบริเวณที่มีฝนตกและ ความแรง หรือปริมาณน้าฝนและการเคล่ือนท่ีของกลุ่มฝนไดใ้ น รัศมี 200-400 กม. ซ่ึงนอกจากจะใช้ประกอบการวางแผน ปฏิบตั ิการแลว้ ยงั ใชเ้ ป็นหลกั ฐานในการประเมินผลปฏิบตั ิการ ฝนหลวงอีกดว้ ย 1.4.เคร่ืองมือตรวจอากาศผวิ พืน้ ต่าง ๆ เช่น เครื่องวดั อุณหภูมิ เคร่ืองวดั ความเร็วและทิศทางลม เคร่ืองวดั ปริมาณน้าฝน เป็ นตน้ 2. เคร่ืองมือเตรียมสารเคมี ไดแ้ ก่เครื่องบดสารเคมีเครื่อง ผสมสารเคมี ท้งั แบบน้าและแบบผง ถงั และกรวยโปรยสารเคมี เป็ นตน้
30 3. เครื่องมือสื่อสาร ใช้ในการติดต่อสื่อสารและสั่งการ ระหว่างนกั วิชาการบนเครื่องบินกบั ฐานปฏิบตั ิการ หรือระหว่าง ฐานปฏิบตั ิการ 2 แห่ง หรือใชร้ ายงานผลระหว่างฐานปฏิบตั ิงาน สานกั งานฯ ในส่วนกลางโดยอาศยั ข่ายร่วมของวิทยุตารวจ ศูนย์ สื่อสารสานักงาน ปลดั กระทรวงมหาดไทย วิทยุเกษตร และ กรมไปรษณียโ์ ทรเลข เคร่ืองมือสื่อสารท่ีใชใ้ นปัจจุบนั ไดแ้ ก่ วิทยุ ซิงเกิลไซดแ์ บนด์ และ วทิ ยุ FM.1,FM.5 เคร่ืองโทรพิมพ์ เป็นตน้ 4. เคร่ืองมือทางวชิ าการอ่ืน ๆ เช่น อุปกรณ์ทางการวางแผน ปฏิบตั ิการ เขม็ ทิศ แผนท่ี กลอ้ งส่องทางไกล เครื่องมือตรวจสอบ สารเคม5ี.กลสอ้ ถงาถน่ายี เภราดพาฯรล์ ฝฯนหลวง หรื อ เรดาร์ ด อป เป ลอ ร์ (DOPPLER RADAR) ในบรรดาเคร่ืองมืออุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ภายใต้โครงการวิจัยทรัพยากรบรรยากาศประยุกต์จานวน 8 รายการน้ัน เรดาร์ดอปเปลอร์จัดเป็ นเคร่ืองมือท่ีมีมูลค่าสูงสุด เรดาร์น้ีใช้เพ่ือวางแผนการทดลองและติดตาม ประเมินผล ปฏิบตั ิการฝนหลวงสาธิต เครื่องมือชนิดน้ีทางานโดยใช้ระบบ คอมพิวเตอร์ (MICROVAX 3400) ควบคุมสั่งการ เก็บบนั ทึก รวบรวมขอ้ มูล สามารถนาขอ้ มูลกลบั มาแสดงใหม่จากเทปบนั ทึก ในรูปแบบการทางานของ (IRIS (IRIS SOFTWARE) ผ่าน โพรเซสเซอร์ (RUP-6) กล่าวคือ ขอ้ มูลจะถูกบนั ทึกไวใ้ นเทป บนั ทึกขอ้ มูลดว้ ยระบบคอมพิวเตอร์ท่ีสามารถนามาใช้ไดต้ ลอด ซ่ึงเชื่อมต่อกบั ระบบเรดาร์ การแสดงผลขอ้ มูลโดยจอภาพ สถาน ที่ต้งั เรดาร์ดอปเปลอร์น้ีอยทู่ ี่ ตาบลยางเปี ยง อาเภออมก๋อย จงั หวดั เชียงใหม่
31 เคร่ืองมืออุปกรณ์ เครื่องวดั ความเร็วลม เคร่ืองเรดาร์ตรวจอากาศ วทิ ยุส่ือสาร เครื่องบดสารเคมี เขม็ ทิศ แผนท่ี
32 วธิ ีการทาฝนหลวง 1. ก่อกวนกวน เป็ นข้นั ตอนท่ีเมฆธรรมชาติเร่ิมก่อตวั ทาง แนวต้งั การปฏิบตั ิการฝนหลวงในข้นั ตอนน้ีจะมุ่งใชส้ ารเคมีไป กระตุน้ ให้มวลอากาศเกิดการลอยตวั ข้ึนสู่เบ้ืองบน เพ่ือให้เกิด กระบวนการชกั นาไอน้าหรือ ความช้ืนเขา้ สู่ระบบการเกิดเมฆ ระยะเวลาที่จะปฏิบตั ิการในข้นั ตอนน้ี ไม่เกิน 10.00 น. ของแต่ละ วนั โดยการใช้สารเคมีท่ีสามารถดูดซับไอน้าจากมวลอากาศได้ แม้จะมีเปอร์เซ็นต์ความช้ืนสัมพทั ธ์ต่าเพ่ือกระตุ้นกลไกของ กระบวนการกลนั่ ตวั ไอน้าในมวลอากาศ ทางดา้ นเหนือลมของ พ้ืนท่ีเป้าหมาย เมื่อเมฆเริ่มเกิดมีการก่อตวั และเจริญเติบโตใน แนวต้ัง จึงใช้สารเคมีที่ให้ปฏิกิริ ยาคายความร้อน โปรยเป็ น วงกลม หรือเป็ นแนวถดั มาทางใตล้ มเป็ นระยะทางส้ัน ๆ เขา้ สู่ ก้อนเมฆ เพ่ือกระตุน้ ให้เกิดกลุ่มแกนร่วมในบริเวณปฏิบตั ิการ สาหรับใชเ้ ป็นศูนยก์ ลางท่ีจะสร้างกลุ่มเมฆฝนในข้นั ตอนต่อไป 2. เลยี้ งให้อ้วน เป็นข้นั ตอนที่เมฆกาลงั ก่อตวั เจริญเติบโตซ่ึง เป็นระยะที่สาคญั มากในการปฏิบตั ิการฝนหลวง เพราะจะต้องไป เพิ่มพลงั งานให้กบั การลอยตวั ของกอ้ นเมฆให้ยาวนานออกไป โดยตอ้ งใช้เทคโนโลยีและประสบการณ์ หรือศิลปะแห่งการทา ฝนควบคู่ไปพร้อม ๆ กัน เพ่ือตดั สินใจ โปรยสารเคมีฝนหลวง ชนิดใด ณ ที่ใดของกลุ่มก้อนเมฆ และในอตั ราใดจึงเหมาะสม เพราะ ตอ้ งให้กระบวนการเกิดละอองเมฆสมดุลกบั การลอยตวั ของเมฆ มิฉะน้นั จะทาใหเ้ มฆสลาย
33 3. โจมตี ถือเป็ นข้นั ตอนสุดทา้ ยของกรรมวิธีปฏิบตั ิการฝน หลวงโดยเมฆหรือกลุ่มเมฆฝน ตอ้ งมีความหนาแน่นมากพอท่ีจะ สามารถตกเป็ นฝนได้ ภายในกลุ่มเมฆจะมีเม็ดน้าขนาดใหญ่ มากมาย หากเครื่องบินบินเขา้ ไปในกลุ่มเมฆฝนน้ี จะมีเมด็ น้าเกาะ ตามปี ก และกระจงั หนา้ ของเคร่ืองบิน ซ่ึงจะตอ้ งปฏิบตั ิการเพ่ือลด ความรุนแรงในการลอยตวั ของกอ้ นเมฆ หรือทาใหอ้ ายกุ ารลอยตวั น้นั หมดไป สาหรับการปฏิบตั ิการในข้นั ตอนน้ี จะตอ้ งพิจารณา จุดมุ่งหมายของการทาฝนหลวง ซ่ึงมีอยู่ 2 ประเด็น คือ เพ่ือเพ่ิม ปริมาณฝนตก และเพื่อใหเ้ กิดการกระจายการตกของฝน วตั ถุประสงค์ของโครงการฝนหลวง เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชนในประเทศ โดยเฉพาะการท่ีทอ้ งถ่ินหลายแห่งท่ีประสบปัญหาพ้ืนดินแห้งแลง้ หรือการขาดแคลนน้าเพื่อการอุปโภค บริโภค และทาการเกษตร นอกจากน้ีภาวะความตอ้ งการใช้น้าของประเทศ ท่ีนับวนั จะทวี ปริ มาณความต้องการสูงข้ึน เพราะการขยายตัวเจริ ญเติบโต ทางดา้ นอุตสาหกรรม เกษตรกรรม นนั่ เอง
34
35
36 ความเป็ นมา 1. สาหรับโครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระ ราชประสงคพ์ ระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรไดก้ ่อต้งั ข้ึน และทรงพระราชปรารภใหพ้ ระยาศลั วิธานนิเทศเป็นประธานคนแรก ต้งั แต่ พ.ศ. 2506 แต่ยงั มิไดม้ ีการ แต่งต้ังคณะกรรมการดาเนินงานจนกระทั่ง พ.ศ. 2511 จึงมี คณะกรรมการเขา้ เฝ้าที่พระตาหนกั สวนจิตรลดา ต่อมา พ.ศ. 2512 คณะกรรมการจึงจัดทาสารานุกรมไทยฯ เล่มตัวอย่างข้ึน พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถ บพิตร มีพระราชประสงค์ท่ีจะให้มีสารานุกรมไทยท่ีคนไทยทา ดว้ ยความมุ่งหมาย ที่จะใหเ้ ป็นหนงั สือที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชน และส่งเสริมให้เยาวชนไทยได้หาความรู้ข้นั พ้ืนฐาน ในเร่ืองราว และวิชาการสาขาต่าง ๆ เป็น 3 ระดบั ดว้ ยกนั คือ เด็กรุ่นเลก็ อ่าน เขา้ ใจระดบั หน่ึง เด็กรุ่นกลางระดบั หน่ึง และเด็กรุ่นใหญ่รวมท้งั ผูใ้ หญ่ผูส้ นใจอีกระดบั หน่ึง การเขียนบทความแต่ละเรื่อง จึงได้ เขียนข้ึนให้ไดล้ กั ษณะท่ีเหมาะสมสาหรับเยาวชนแต่ละรุ่น และ พิมพ์ไวโ้ ดยใช้อักษรขนาดต่าง ๆ กัน แต่ละเรื่องเร่ิมด้วยเร่ือง สาหรับเดก็ รุ่นเลก็ ก่อน ถดั ไปสาหรับเดก็ รุ่นกลาง แลว้ จึงเป็นเรื่อง สาหรับระดบั รุ่นใหญ่ ส่วนเร่ืองทุนในการจดั ทาหนังสือน้ี คณะสโมสรไลออนส์ แห่งประเทศไทยไดใ้ ห้ความร่วมมือจดั หาทุนโดยทูลเกลา้ ฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถ บพิตร เพ่ือให้โครงการฯ น้ีสาเร็จลุล่วงไปตามพระราชประสงค์
37 2. เม่ือเร่ิมดาเนินงานใน พ.ศ. 2512 ไดเ้ ชิญคณาจารยแ์ ละผรู้ ู้ ในสาขาวิชาต่างๆ 7 สาขาวิชา คือวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ ส่ิ งแวดล้อม สังคมศาสตร์ มนุ ษยศาสตร์ เกษตรศาสตร์ คณิตศาสตร์ และแพทยศาสตร์ มาเป็นกรรมการประสานงาน เพ่ือ จดั ทาสารานุกรมไทยฯ โดยมีการร่วมมือจากวิทยากรในสาขาวิชา น้นั ตลอดจนกรรมการฝ่ ายต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น ฝ่ ายศิลป์ ฝ่ าย ภาษา ฝ่ ายการพิมพ์ จนกระท่ังสารานุกรมไทยฯ เล่มท่ี 1 ได้ จดั พิมพ์แลว้ เสร็จใน พ.ศ. 2516 เป็ นจานวน 10,000 เล่ม และ คร่ึงหน่ึงของจานวนพิมพไ์ ดน้ าทูลเกลา้ ฯ ถวายพระบาทสมเด็จ พระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพ่ือ พระราชทานใหแ้ ก่โรงเรียน และหอ้ งสมุดต่างๆ ทว่ั ราชอาณาจกั ร ต่อไป ส่วนจานวนท่ีเหลือ ก็ได้นาออกจาหน่ายแก่ประชาชน ทว่ั ไป
38 ทาไมต้องมโี ครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน ? พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มีพระราชปรารภวา่ การเรียนรู้ เร่ืองราวและวิชาการต่างๆ โดยกวา้ งขวางจะขอให้เกิดความรู้ ความคิดและความฉลาดซ่ึงเป็ นปัจจยั สาคญั ท่ีสุดสาหรับชีวิต ทุก คนควรมีโอกาสที่จะศึกษาเม่ือตอ้ งการหรือพอใจจะเรียนรู้เร่ืองใด สามารถคน้ หาอ่านโดยสะดวก จึงมีพระราชดารัสใหจ้ ดั ตามสาระ นุกรมไปสาหรับเยาวชน รับเป็ นหนังสือที่มีประโยชน์เก้ือกูล การศึกษาเพิ่มพูนปัญญาดว้ ยตนเองของประชาชน โดยเฉพาะยาม ท่ีมีปัญหาขาดแคลนครู โดยพระราชดาริดงั กล่าว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ให้ จดั ต้งั โครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชนข้ึนมีการศึกษา ทดลองและกระทาด้วยความรอบคอบ แบ่งแหล่งวิทยาการ ออกเป็ น 4 สาขาวิชา คือ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ นบั เป็ นพฒั นาวิชาการท่ีสาคญั ยิ่งในการศึกษา สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชนเป็ นหนังสือท่ีให้ความรู้ใน วิชาการของแต่ละสาขาที่มีความสัมพนั ธ์กนั จึงเป็ นหนงั สือที่ได้ ประโยชน์จริงๆแก่ทุกฝ่ าย เน้ือหาในแต่ละเร่ืองแบ่งเป็น 3 หรือ 3 ระดับความรู้เรี ยงต่อกันเพื่อให้คน 3 ระดับงานโดยแบ่ง ออกเป็นตอนๆ ดงั น้ี ตอนท่ี 1 ใช้ภาษาง่ายๆเน้ือหาไม่ซับซ้อนใช้ตัวอักษรโต เห็นชัดเหมาะสาหรับเด็กเล็กอายุ 8-12 ขวบอ่านเข้าใจได้ 12-14ตขอวนบท่ี 2 เน้ือหาเริ่มยากข้ึนเหมาะสาหรับเด็กรุ่นกลางอายุ ตอนท่ี 3 มีเน้ือหาค่อนขา้ งยากเหมาะสาหรับเดก็ โตอายุ 15 ปี ข้ึนไปจนถึงผใู้ หญ่
39 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรม นาถบพิตร มีประราชดารัสในปี พ.ศ. 2526 ไว้ตอนหน่ึงว่า “... สารานุกรมเล่มนี้มีไว้ไม่ใช่ สาหรับสอนหนังสื อใด โดยเฉพาะ แต่มีไว้สาหรับให้คนสามารถที่จะเผชิญกบั ปัญหาใดๆ ในชี วิต ...คื อว่ าโครงการสอนอย่ างไรก็ตามต้ องสอนให้ คนรู้ จัก เผชิญกบั ปัญหา ไม่ใช่สอนสาหรับให้คนมาตอบปัญหา ต้องให้ทุก คนท้ังเยาวชนและคนแก่ ทราบว่าวิชาท้ังหลายต้องโยงกัน และ ปัญหาท้ังหลายต้ องใช้ วิชาทุกวิชาโยงกันมาแก้ ให้ สอดคล้ องกัน มิฉะน้ันกไ็ ม่มีประโยชน์ ถ้าเรียนวชิ าหรืออ่านวชิ าอย่างหน่ึงอย่าง ใด แล้วกท็ ่องได้ตามตัวหนังสือไม่มีประโยชน์เลยต้องสามารถคิด มาใช้ประโยชน์ แต่เม่ือมาใช้ประโยชน์จะต้องโยงกับวิชาอื่นได้ หมด...”
40
41
42 ประวตั ิ พระตาหนักจิตรลดา สร้างข้ึนเม่ือ พ.ศ. 2456 ในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ณ บริเวณทุ่งสม้ ป่ อย ซ่ึง ในปัจจุบนั สมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุยเดช โปรดเกลา้ ฯให้ ใชพ้ ระตาหนักจิตรลดาเป็ นท่ีประทบั ถาวร โปรดเกลา้ ฯให้สร้าง โรงเรียนจิตรลดา เมื่อ พ.ศ. 2501 เป็ นสถานศึกษาช้นั ตน้ สาหรับ พระโอรส พระธิดาและบุตรหลานขา้ ราชสานัก โปรดเกลา้ ฯให้ สร้างศาลาดุสิดาลยั เป็ นศาลาอเนกประสงค์ ภายในพระตาหนัก สมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุยเดช ให้เป็ นสถานที่ทดลอง โครงการทดลองส่วนพระองค์เก่ียวกับการเกษตร เพื่อนาผล การศึกษาพระราชทานแก่ประชาชน ความเป็ นมา จากการท่ีสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุยเดช เสด็จพระ ราชดาเนินไปทรงเย่ียมพสกนิกรในพ้ืนท่ีต่าง ๆ ดว้ ยมีพระราช ป ร ะ ส ง ค์ที่ จ ะ เ ห็ น ป ร ะ ช า ช น อ ยู่ดี มี สุ ข ต า ม ส ม ค ว ร แ ก่ อัต ภ า พ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ผปู้ ระกอบอาชีพทางดา้ นเกษตรกรรม ซ่ึงถือว่า เป็นอาชีพหลกั ของประเทศ จึงทาให้เกิด “โครงการส่วนพระองค์ เกี่ยวกับการเกษตร สวนจิตรลดา” ภายในบริเวณพระตาหนัก จิตรลดารโหฐาน อนั เป็นราชฐานท่ีประทบั ในปี พทุ ธศกั ราช 2504
43 โครงการส่วนพระองค์สวนจติ รลดา แบ่งออกเป็ น 2 รูปแบบ 1. แบบไม่ใช้ ธุรกิจ โครงการแบบไม่ใช่ธุรกิจ หมายถึง โครงการท่ีได้รับการสนับสนุนจากราชการหลายๆ หน่วยงาน เ พ ร า ะ ฉ ะ น้ ั น จึ ง ไ ม่ มี ร า ย รั บ แ ล ะ ร า ย จ่ า ย ป ร ะ จ า เ พ่ื อ พ ัฒ น า ประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร ไดแ้ ก่ 1. แปลงนาทดลอง โครงการขา้ วเพ่ือเกษตรกรชายไทย 2. โรงสีขา้ วตวั อยา่ ง 3. เอทานอล ศึกษาวจิ ยั เกี่ยวกบั เอทานอล 4. การเพาะเล้ียงปลานิล แหล่งโปรตีนของพสกนิกรชาวไทย 2. แบบก่ึงธุรกิจ ไม่ใช้ธุรกจิ เต็มตัว เป็ นโครงการที่มีรายรับ และรายจ่าย ที่เรียกวา่ ก่ึงธุรกิจก็เพราะว่าไม่มีการแจกผลกาไร ไม่ แบ่ง เพราะนาผลกาไรมาขยายงาน โครงการแบบก่ึงธุรกิจ ไดแ้ ก่ 1. โรงโคนมสวนจิตรลดา 2. เครื่องอบแหง้ พลงั แสงอาทิตย์ 3. ศูนยร์ วมนม 4. โรงนมผงสวนดุสิต 5. น้าผลไมพ้ าสเจอร์ไรซ์
44 ผลสาเร็จของโครงการ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ดาเนินงานโดยยดึ แนว พระราชดาริของสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตาม ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงใหค้ วามสาคญั กบั การพฒั นาคุณภาพ ชีวติ ของเกษตรกรอยา่ งยงั่ ยนื ใหเ้ กษตรกรสามารถพ่ึงพาตนเองได้ ควบคู่ไปกบั การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติภายใตก้ ระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ที่มีการศึกษา ทดลอง เก็บรวบรวมขอ้ มูลและผล การศึกษาอย่างครบวงจรเพื่อเผยแพร่องคค์ วามรู้ให้แก่เกษตรกร และประชาชนผสู้ นใจไดศ้ ึกษาต่อไป สัญลกั ษณ์ 1. พระมหาพิชยั พงกุฎ หมายถึง พระมหากษตั ริย์ เนื่องจาก โ ค ร ง ก า ร ส่ ว น พ ร ะ อ ง ค์ส ว น จิ ต ร ล ด า เ ป็ น โ ค ร ง ก า ร ท่ี พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นเจา้ ของ 2. รัศมี แสดงถึง พระมหากรุณาธิคุณท่ีทรงใหก้ ารสนบั สนุน และพระราชทานความช่วยเหลือแก่เกษตรกร 3. สีเขียว แสดงถึง การเกษตร เน่ืองจากโครงการส่วน พระองคส์ วนจิตรลดาเป็นโครงการท่ีสนบั สนุน เผยแพร่ วิจยั และ พฒั นาทางดา้ นการเกษตรตามแนวพระราชดาริ
45 วตั ถุประสงค์ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา มีวตั ถุประสงคห์ ลกั ใน การดาเนินงานอยู่ 3 ประการ คือ 1. เป็นโครงการศึกษาทดลอง 2. เป็ นโครงการตัวอย่าง ให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามา ทาการศึกษา เพ่ือสามารถนากลบั ไปดาเนินการเองได้ 3. เป็นโครงการท่ีไม่หวงั ผลตอบแทน (เชิงธุรกิจ)
Search