1
2 ว1.2 ป.5/3 จำแนกพชื ออกเปน็ พืชดอกและพชื ไม่มีดอก ว1.2 ป. 5/4 ระบุลักษณะของพืชดอกท่เี ป็นพชื ใบเลย้ี งเดยี่ วและพืชใบเล้ียงคโู่ ดยใช้ ลกั ษณะภำยนอกเปน็ เกณฑ์ เม่อื เรยี นจบเร่อื งนแ้ี ล้วนกั เรยี นสำมำรถ 1. อธิบำยลักษณะและบอกควำมแตกต่ำงของพืชมดี อกและพชื ไม่มีดอกได้ 2. สำรวจและจำแนกพืชโดยใช้เกณฑพ์ ืชมีดอก และพชื ไมม่ ีดอกได้ 3. อธิบำยลักษณะและบอกควำมแตกตำ่ งของพืชใบเลี้ยงเด่ียวและพืชใบเลี้ยงค่ไู ด้ 4. สำรวจและจำแนกพืชโดยใช้เกณฑพ์ ืชใบเล้ียงเดยี่ วและพืชใบเลีย้ งค่ไู ด้
3 พชื เป็นส่ิงมีชวี ิตทส่ี ำมำรถสรำ้ งอำหำรได้เอง กำรจำแนกพชื โดยใช้ดอกเปน็ เกณฑส์ ำมำรถจำแนกพชื ออกเปน็ 2 ประเภท คือ 1. พืชไร้ดอก 2. พชื มดี อก 1. พืชไรด้ อก พืชไร้ดอก หรือพืชไม่มีดอก คือ พืชท่ีเจริญเติบโตเต็มที่แล้วก็ไม่มีดอกเป็น อวัยวะสืบพนั ธุ์ มจี ำนวนนอ้ ยกว่ำพืชมดี อก แต่กม็ ีควำมสำคัญมำกต่อระบบนิเวศแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย ได้แก่ กลุ่มท่ีลำต้นมีท่อลำเสียงน้ำและอำหำร กับ กลุ่มที่ไมม่ ีท่อลำเสียงน้ำและ อำหำร 1.1 พืชไร้ดอกท่ีมีท่อลำเลียง ได้แก่ กลุ่มหวำยทะนอย กลุ่มช้องนำงคล่ี และ ตีนตุ๊กแก เช่น ช้องนำงคลี่ สร้อยนำงกรอง สำมร้อยยอด หำงสิงห์ เป็นต้น กลุ่ม เฟิร์น เช่น เฟิร์นก้ำมปู เฟิร์นใบมะขำม เฟิร์นก้ำนดำ ผักแว่น เกล็ดนำครำช กระแต จอกหหู นู ตลอดจนกลุ่มปรง สน และกลมุ่ หญำ้ ถอดปล้อง เป็นต้น 1.2 พืชไร้ดอกท่ีไม่มีท่อลำเลียง ได้แก่ กลุ่มมอส ต่ำง ๆ กลุ่มฮอร์นเวิร์ต และกลุ่มลเิ วอรเ์ วิร์ต
4 ตัวอย่ำงพชื ไม่มดี อกทีน่ กั เรยี นควรรูจ้ ัก 1. มอส เปน็ พืชไมม่ ีดอกขนำดเล็ก ไม่มีรำก ลำตน้ และใบที่แท้จริง มักข้ึนอยรู่ วมกัน เปน็ กลุ่มบริเวณทมี่ ีควำมช้นื เชน่ ในป่ำบรเิ วณนำ้ ตก ตำมภูเขำใกล้แหลง่ นำ้ ทชี่ ้ืนแฉะ สืบพนั ธุ์ โดยกำรสรำ้ งสปอรส์ ลับกับกำรสืบพนั ธุแ์ บบอำศัยเพศ บำงคร้ังอำจพบสว่ นทยี่ ื่นออกมำจำกต้น ซึ่งมลี กั ษณะเป็นกำ้ นสนี ำ้ ตำล ซง่ึ เปน็ กำ้ นชอู ับสปอร์ และมอี ับสปอรท์ ใ่ี ช้ในกำรขยำยพนั ธ์ุ มปี ระโยชน์ต่อระบบนิเวศ ช่วยรักษำควำมชุ่มชื้นของดิน และเป็นอำหำรของ สตั ว์บำงชนดิ เปน็ พชื ที่ชว่ ยปกคลุมผิวหนำ้ ดินเพอื่ ช่วยเก็บควำมชุ่มชื้น
5 2. เฟิร์น เป็นพืชไร้ดอกชนิดหนึ่ง ไม่มีเนื้อไม้ ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 สว่ น คอื รำก ลำต้น และใบ มีกำรสืบพันธุ์โดยกำรสร้ำงสปอร์ทำงด้ำนใต้ของใบสลับกับกำรสืบพันธ์ุแบบ อำศัยเพศ เฟริ ์นมีหมำยชนดิ ขึน้ อยู่ตำมสภำพแวดลอ้ มทตี่ ่ำงกัน ดังน้ี 2.1 ชนิดท่ีพบอย่ใู นบรเิ วณทชี่ ้ืนแฉะ เช่น เฟริ น์ ก้ำนดำ เฟิร์นข้ำหลวงหลงั ลำย เฟริ น์ ใบมะขำม
6 2.2 ชนิดท่ีพบอยู่บนตน้ ไมอ้ ื่น เช่น กระแตไตไ่ ม้ ชำยผ้ำสดี ำ
7 2.2 ชนิดที่ลอยอยกู่ บั น้ำ เช่น แหนแดง จอกหูหนู
8 2.3 ชนดิ ทขี่ ้นึ อยู่กบั นำ้ เช่น ผักกดู ผักแว่น เฟิรน์ มปี ระโยชน์ต่อระบบนิเวศ ชว่ ยรกั ษำควำมชุ่มช้นื และควำมอดุ มสมบรู ณ์ ของป่ำ เฟริ น์ สำมำรถนำมรใชป้ ระโยชน์ได้หลำยอยำ่ ง เช่น ปลูกเปน็ ไมป้ ระดับ ได้แก่ เฟริ น์ ก้ำนดำ เฟิรน์ ขำ้ หลวงหลังลำย เฟริ น์ ใบมะขำม ชำยผ้ำสดี ำ กระแตไตไ่ ม้ นำมำเป็นอำหำร เช่น ผักกูด ผกั แว่น นำลำตน้ มำทำเป็นกระเปำ๋ และเคร่ืองจักรสำน เช่น ย่ำนลิเภำ นำมำ เป็นปุ๋ยพืชสด ไดแ้ ก่ แหนแดง
9 3. ปรงและสน เป็นพืชไร้ดอกที่มีเมล็ดแต่ไม่มีผลหุ้มเมล็ด อวัยวะที่ทำหน้ำที่ผสมพันธุ์และ สร้ำงเมล็ดเรียกว่ำ โคน พวกปรงมีลักษณะคล้ำยกับเฟิร์น มีใบคล้ำยทำงมะพร้ำวเป็นใบ ประกอบ มีเนื้อไม้น้อย ได้แก่ ปรงเขำ ปรงป่ำ ปรงญ่ีปุ่น ฯลฯ ส่วนพวกสนมีเน้ือไม้มำก แตกกิ่งก้ำนสำขำมำกมำย ใบเป็นใบเดี่ยวคล้ำยเขม็ หรือเป็นใบเกลด็ พบอยู่ตำมแหล่งที่มีอำกำศ เย็น ได้แก่ สนสองใบ สนสำมใบ ประโยชน์ของสน นำมำปลูกเป็นไม้ประดับ นำไปทำ เชื้อเพลิงหรือเยื่อกระดำษ ไม้อัด น้ำมันสนนำมำทำเป็นน้ำมันชักเงำ ส่วนปรง นิยมนำมำทำ เปน็ ไมป้ ระดบั ปรงญ่ปี นุ่ ปรงทะเล
10 สนประดับ สน ที่มำของภำพ http:www.thai.net/fernallies/
11 2. พืชดอก หมำยถึง พชื ทีเ่ มอ่ื เจรญิ เติบโตเตม็ ทแ่ี ล้วจะมีดอกใหเ้ หน็ พชื ดอกจดั เป็นพืชชั้นสงู ทมี่ อี วัยวะต่ำงๆ ครบสมบูรณ์ คอื รำก ลำต้น ใบ ตำ ดอกและ เมลด็ มีไว้เพอ่ื สำหรบั ขยำยพันธ์ุ ใบ ดอก ทำหนำ้ ท่สี งั เครำะห์ดว้ ยแสง ทำหนำ้ ท่สี ืบพนั ธ์ุ หำยใจ และคำยนำ้ รำก ลำตน้ ทำหนำ้ ทยี่ ดึ ลำตน้ ทำหนำ้ ทช่ี กู ่ิง ก้ำน ใบ ให้ และดูดน้ำและแรธ่ ำตุ ได้รบั แสง และลำเลยี งนำ้ และ แรธ่ ำตุ ภำพโครงสร้ำงของพืชมีดอก
12 พืชมีดอกแบ่งตำมชิดของใบเล้ยี งออกเปน็ 2 กลมุ่ ใหญ่ ๆ คือ 1.พืชใบเล้ียงคู่ เป็นพืชที่มีใบเลี้ยง 2 ใบ เม่ือเจริญเติบโตเตม็ ที่แล้วจะเห็น ข้อ และปล้องในส่วนของลำต้นไม่ชัดเจน ใบมีลักษณะกว้ำง เส้นใบแตกแขนงเป็นร่ำงแห รำกเป็น ระบบรำกแกว้ กลีบดอกมีจำนวน 4 - 5 กลีบ หรอื ทวคี ูณของ 4 – 5 ตวั อยำ่ งพืชใบเลย้ี งคู่ไดแ้ ก่ ถว่ั พริก มะมว่ ง กุหลำบ ชบำ กระเพรำ สกั ประดู่ ฯลฯ ภำพสรุปลกั ษณะสำคัญของพืชใบเลี้ยงคู่
13 2. พืชใบเลี้ยงเด่ียว เม่ือเจริญเติบโตเต็มที่จะเห็นข้อและปล้องในส่วนของลำต้น ชัดเจน ใบมักมีลักษณะแคบเรียว เส้นใบเรียงตัวในแนวขนำน กลีบดอกมีจำนวน 3 กลีบ หรือ ทวคี ณู ของ 3 รำกเป็นระบบรำกฝอย ตัวอยำ่ งพืชใบเลี้ยวเด่ียว เชน่ ขำ้ วโพด อ้อย หญำ้ ไผ่ ภำพสรปุ ลกั ษณะสำคญั ของพชื ใบเลย้ี งเด่ียว
14 กจิ กรรมท่ี 1.1 มำร้จู ักกบั พืชมีดอกและพชื ไมม่ ีดอกกันเถอะ วสั ดอุ ุปกรณ์ 1. ต้นกุหลำบทม่ี ีสว่ นประกอบตำ่ งๆ ครบถว้ น 1 ต้น/กลมุ่ 2. ตน้ เฟิรน์ (อำจเปน็ เฟิรน์ ใบมะขำม เฟิรน์ จีน หรอื เฟิรน์ กำ้ นดำ) 1 ต้น/กล่มุ 3. แว่นขยำย วิธีทำ 1. ใหส้ งั เกตลักษณะต่ำงๆของต้นกหุ ลำบและ ตน้ เฟริ ์น 2. บันทกึ สงิ่ ทสี่ ังเกตได้ ต้นกุหลำบ ตน้ เฟริ น์ 1. พืชไร้ดอก หมำยถึงอะไร พืชไร้ดอกในกจิ กรรมนีไ้ ดแ้ ก่อะไร ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. พืชดอก หมำยถึงอะไร พชื ดอกในกจิ กรรมนไี้ ด้แก่อะไร ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. กำรทดลองนี้มวี ตั ถุประสงค์อะไร ………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………
15 ผลกำรทดลอง ตน้ กหุ ลำบ ……………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ต้นเฟิร์น ……………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ต้นกุหลำบมลี กั ษณะสำคญั ท่แี ตกตำ่ งจำกตน้ เฟิรน์ อยำ่ งไร ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... .................................................................................................................................. 5. ตน้ กหุ ลำบและต้นเฟิรน์ มลี กั ษณะใดที่เหมือนกัน ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ............................................................................................................................... 6. ต้นกหุ ลำบเมอ่ื เจรญิ เติบโตเต็มทจ่ี ะมดี อกและผล เรยี กพชื ประเภทนวี้ ่ำอะไร ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ...............................................................................................................................
16 7. จงยกตัวอย่ำงพชื ประเภทเดียวกบั ต้นกหุ ลำบมำ 3 ชนิด ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ............................................................................................................................... 8. ตน้ เฟิร์นแม้จะเจรญิ เตบิ โตเตม็ ท่ีก็ไมม่ ดี อก เรยี กพืชประเภทน้ีว่ำอะไร ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ............................................................................................................................... 9. จงยกตัวอย่ำงพืชประเภทเดยี วกับเฟริ ์นมำ 3 ชนดิ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ............................................................................................................................... 10. ลักษณะสำคญั ทส่ี ุดท่พี ชื ดอกและพชื ไร้ดอกต่ำงกันคืออะไร ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ............................................................................................................................... 11. กำรทดลองน้สี รุปผลไดว้ ่ำอยำ่ งไร ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ............................................................................................................................ ทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ท่ีนักเรยี นใช้
17 กจิ กรรมท่ี 1.2 มำจำแนกพืชใบเลีย้ งเดี่ยว/พืชใบเล้ียงคกู่ ันเถอะ วสั ดอุ ปุ กรณ์ ภำพ 9 ภำพ 12 34 ถว่ั เทียน ข้ำว ข้ำวโพด 5 67 มะเขอื หญำ้ ผักบงุ้ จนี 8 9 กะเพรำ ออ้ ย
18 วธิ ีทำ 1. ให้สังเกตรำก ขอ้ ปลอ้ ง และลักษณะเส้นใบของต้นพืชชนิดต่ำงๆ ตำมภำพที่ กำหนด 2. ให้จำแนกพืชทีส่ งั เกตออกเป็นพชื ใบเลี้ยงเด่ียวและพืชใบเลย้ี งคู่ 3. บันทึกผลลงในตำรำง 1. พชื แบง่ เป็นก่ปี ระเภทอะไรบำ้ ง .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................... 2. วัตถุประสงคข์ องกจิ กรรมนค้ี ืออะไร ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................
19 บนั ทึกผลกำรสังเกต ลักษณะของรำก ควำมชัดเจนของข้อและปล้อง ลักษณะของเส้นใบ และประเภทของพืช พืช ลักษณะ ควำมชัดเจนของ ลักษณะ ประเภทของพชื ของรำก ข้อและปลอ้ ง ของเสน้ ใบ 1. ถว่ั ……………… 2. พริก ……………… ………………………… ………………………… ……………………… 3. ข้ำว ……………… 4. ขำ้ วโพด ……………… ………………………… ………………………… ……………………… 5. มะเขอื ……………… 6. หญำ้ ……………… ………………………… ………………………… ……………………… 7. อ้อย ……………… 8. ผักบ้งุ ……………… ………………………… ………………………… ……………………… 9. กระเพรำ ……………… 10. ไผ่ ………………………… ………………………… ……………………… ………………………… ………………………… ……………………… ………………………… ………………………… ……………………… ………………………… ………………………… ……………………… ………………………… ………………………… ……………………..
20 1. พืชแตล่ ะชนดิ มีรำก ขอ้ ปล้อง หรอื ไม่อยำ่ งไร .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 2. เมอ่ื ใชเ้ กณฑช์ นิดของพชื คือพืชใบเลยี้ งเดยี่ วและพชื ใบเลย้ี งคู่เปน็ เกณฑ์ในกำรจำแนก แลว้ ผลกำรจำแนกเป็นอย่ำงไร .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 3. สรุปวิธีกำรสังเกตพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลย้ี งคู่ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 4. จงเปรยี บเทียบขอ้ เหมือนและข้อแตกตำ่ งระหวำ่ งพชื ใบเลี้ยงเดีย่ วและพชื ใบเล้ยี งคู่ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................
21 กิจกรรมท่ี 1.3 สำรวจพชื รอบตวั เรำ วิธีทำ ให้นักเรยี นแต่ละกล่มุ สำรวจพืชในบริเวณโรงเรียน 10 ชนดิ โดยบันทึกชื่อพืชประเภท ของพืช เป็นพืชใบเล้ียงเดี่ยวหรือใบเลี้ยงคู่ส่วนที่ใช้เป็นเกณฑ์ในกำรตัดสินประเภทของพืช และประโยชนข์ องพืชนัน้ ๆแล้วใหน้ ักเรียนออกแบบตำรำงบันทึกผลกำรสำรวจ พร้อมทั้งบอก ช่อื ตำรำง 1. พืชในบริเวณโรงเรียน มพี ืชประเภทใดบำ้ ง .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 2. นกั เรยี นคิดว่ำจะสำมำรถพบพืชใบเลีย้ งเดีย่ วและใบเล้ยี งคใู่ นบริเวณโรงเรียน หรือไม่ อย่ำงไร .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 3. วัตถปุ ระสงคข์ องกำรทำกจิ กรรมน้ีคืออะไร .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................
22 ผลกำรทดลอง ลกั ษณะ ควำมชัดเจน ลักษณะ ประเภทของ ประโยชน์ พืช ของรำก พชื ของข้อและ ของ ปลอ้ ง เส้นใบ 1. ใหร้ ะบุชอ่ื พืชท่ีสำรวจไดใ้ นโรงเรียน ทรำบหรอื ไมว่ ำ่ ชอื่ อะไรบำ้ ง .................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................... 2. นกั เรียนใชเ้ กณฑ์อะไรจดั พืชข้ำงต้นเป็นพชื ใบเลยี้ งเดี่ยวและพืชใบเลีย้ งคู่ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 3. พชื ส่วนใหญท่ ่ีพบในบรเิ วณโรงเรยี นเปน็ พชื ใบเลย้ี งเดย่ี วหรอื พืชใบเล้ยี งคู่ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................
23 4. ในบริเวณโรงเรียนมีพืชชนดิ ใดบ้ำงท่ีไม่เป็นประโยชน์ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 5. พืชใบเลีย้ งเดีย่ ว มีอะไรบ้ำง .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 6. พืชใบเลย้ี งคู่ มีอะไรบำ้ ง .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 7. เกณฑ์ทใ่ี ช้ในกำรจำแนกพชื ในตำรำงออกเป็นพชื ใบเลี้ยงเด่ียวและพืชใบเลย้ี งคู่คือ อะไรบำ้ ง .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................
24 กจิ กรรมท่ี 1.4 สรุปผลกำรเรยี นรู้ด้ำนควำมรู้โดยกำรทำแผนทคี่ วำมคดิ ( Mind Mapping ) เรอ่ื งที่ 1 เรำจะจำแนกพืชรอบตวั ได้อย่ำงไร
25 ว1.1 ป.5/1 สงั เกตและระบุสว่ นประกอบของดอกและโครงสร้ำงท่เี กี่ยวกบั กำร สบื พนั ธุข์ องพชื ดอก เม่ือเรยี นจบเรอื่ งนี้แลว้ นักเรยี นสำมำรถ 1. ระบุหน้ำทแี่ ละสว่ นประกอบของดอกได้ 2. สังเกตและจำแนกประเภทของดอกโดยใช้ส่วนประกอบและเกสรตวั เมีย เกสรตัวผู้ของดอกเปน็ เกณฑไ์ ด้
26 ดอกไม้มีควำมสำคัญทำให้เกิดกำรสืบพันธุ์ของพืช ส่วนสำคัญของดอกที่ทำหน้ำท่ี ผสมพันธุ์ ไดแ้ กเ่ กสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี เกสรเพศเมีย เกสรเพศผู้ ภำพที่ ดอกและส่วนประกอบของดอก ส่วนประกอบของดอก 1. กลบี เลยี้ ง เปน็ สว่ นทอี่ ยู่นอกสดุ มกั จะมสี ีเขยี ว หอ่ หุม้ ดอกเมอ่ื ยงั ไมบ่ ำน ภำพที่ กลีบเลี้ยง
27 2. กลีบดอก เป็นส่วนที่อยู่ถัดจำกกลีบเลี้ยงเข้ำไป มักจะมีสีต่ำง ๆ และกลีบดอกบำงชนิด มีกลนิ่ ลอ่ แมลงใหม้ ำตอม ช่วยใหเ้ กดิ กำรผสมเกสร ภำพท่ี กลบี ดอกของดอกไม้ชนดิ ตำ่ ง ๆ 3. เกสรเพศผู้ เป็นส่วนที่อย่ถู ัดจำกกลบี ดอกเข้ำไป ประกอบด้วย 3.1 กำ้ นชอู ับละอองเรณู 3.2 อับละอองเรณู มีละอองเรณูอยูภ่ ำยใน และภำยในละอองเรณูมเี ซลล์สบื พนั ธุ์เพศผู้ ละอองเรณมู ีลักษณะเป็นเมลด็ ละเอยี ดคลำ้ ยผง มสี ีเหลอื ง เมอื่ ดอกแกอ่ บั เรณูจะแตกละอองเรณู จะปลิวออกมำ ภำพที่ เกสรเพศผู้
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: