แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1/2565 นางมัลลิกา พธิ าธนบดี ตาแหน่ง พนักงานราชการ โรงเรยี นวดั ทา่ บุญมี สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาชลบรุ ี เขต 2 สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรื่อง สารวจความรู้กอ่ นเรยี น บทท่ี 1 เรียนรแู้ บบนักวทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 การเรยี นร้สู ง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตัว เวลาเรียน 15 ชั่วโมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ชั่วโมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด จุดประสงค์การเรียนรู้ - 1. อธิบายสมบัตขิ องวสั ดุทีใ่ ช้ทาวัตถไุ ด้ (K) 2. บอกชนดิ ของวสั ดุได้ (P) สาระสาคัญ 3. จัดกลุม่ วัสดุตามสมบัติของวสั ดุได้ (P) สารวจความรู้ก่อนเรียนบทที่ 1 เรยี นรูแ้ บบ 4. บอกจานวนและชนิดของวัสดุตา่ งๆ ท่ีใชท้ าวตั ถแุ ตล่ ะชน้ิ นกั วทิ ยาศาสตร์ เปน็ การตรวจสอบความรพู้ น้ื ฐานของ นักเรยี นกอ่ นการเรยี นรู้ ได้ (P) 5. มีความมงุ่ ม่ันและต้งั ใจในการทางาน (A) กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันที่ 1 ข้นั สร้างความสนใจ 1. ครูนาภาพแมว 2 ตัว มาใหน้ กั เรยี นสงั เกต จากน้ันใช้คาถาม ดงั น้ี ถ้าตอ้ งการบอกเล่าขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากภาพของแมว นกั เรียนคดิ วา่ แมว มขี นาดแตกตา่ งกันเพราะเหตใุ ด ขน้ั ท่ี 2 สารวจและค้นหา 2. นักเรียนศกึ ษาเรือ่ งการเรยี นรสู้ ่งิ ตา่ ง ๆ รอบตวั โดยใหอ้ า่ นชื่อหนว่ ย และอา่ นคาถามสาคัญประจาหนว่ ยท่ี 1 ดงั นี้ จดั กระทาขอ้ มลู และนาเสนอความรทู้ างวิทยาศาสตร์อยา่ งมีหลกั ฐานท่นี ่าเชอื่ ถอื ได้อย่างไร 3. นกั เรยี นอ่านชอื่ บทและจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรปู้ ระจาบทในหนงั สอื เรียนหนา้ 1 4. นักเรยี นอา่ นช่อื บทและแนวคดิ สาคญั จากหนงั สอื เรียนหนา้ 2 จากนน้ั ครูใชค้ าถามวา่ จากการอา่ นแนวคิดสาคัญ นกั เรียนคดิ วา่ จะได้ เรียนเก่ยี วกบั เรอ่ื งอะไรบ้าง 5. ครูชกั ชวนให้นกั เรียนสงั เกตรูปแผนที่และตาราง และอา่ นเนือ้ เรื่องในหน้า 2 6. นกั เรียนทาสารวจความรู้กอ่ นเรยี น ในแบบบันทึกกจิ กรรมหน้า 2-6 ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป 7. ครูถามคาถามให้นกั เรียนร่วมกนั อภิปราย เชน่ การนาเสนอขอ้ มลู ในรปู แบบแผนภาพและตาราง นักเรียนคิดวา่ แบบไหนทส่ี ามารถ บอกไดเ้ รว็ กวา่ กันว่าคนในภาคใดของประเทศไทยจะเห็นดวงอาทติ ย์ขึ้นกอ่ นภาคอืน่ ๆ เพราะเหตุใด ข้นั ท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้ 8. ครสู ังเกตการตอบคาถามของนักเรยี นเพือ่ ตรวจสอบวา่ นักเรยี นมีแนวคดิ เกยี่ วกับการเรียนรู้แบบนกั วทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งไร โดยสุ่ม นักเรยี น 2-3 คน นาเสนอคาตอบของตนเอง ขัน้ ที่ 5 ขั้นประเมิน 9. ครใู หน้ กั เรียนพูดแสดงความร้สู ึกหลงั การเรียน ดงั น้ี ส่งิ ทน่ี ักเรียนได้เรียนรู้ในวันน้คี ืออะไร นกั เรียนมปี ญั หาหรอื ขอ้ สงสัยในเร่ือง ใดบา้ ง นกั เรียนต้องการทราบอะไรเพิม่ เตมิ 10. ครูสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียน สงั เกตการตอบคาถามของนักเรียน และประเมนิ การทากิจกรรมของนักเรียน การวัดและประเมินผล สื่อการเรยี นรู้ 1. ประเมินความร้จู ากการตอบคาถามในชนั้ เรยี น 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.3 เลม่ 1 การทากจิ กรรม
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 2 เร่ือง ทักษะการจัดกระทาและสือ่ ความหมายขอ้ มูล กลุม่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การเรยี นรู้ส่งิ ตา่ ง ๆ รอบตัว เวลาเรียน 15 ช่ัวโมง ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ชั่วโมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - 1. อธบิ ายสมบัตขิ องวัสดุทใี่ ช้ทาวตั ถไุ ด้ (K) 2. บอกชนิดของวัสดไุ ด้ (P) สาระสาคญั 3. จัดกลุม่ วัสดุตามสมบตั ขิ องวสั ดไุ ด้ (P) การจดั กระทาและส่อื ความหมายข้อมูลเปน็ การนา 4. บอกจานวนและชนดิ ของวัสดุตา่ งๆ ทีใ่ ช้ทาวัตถุแตล่ ะชน้ิ ข้อมูลมาจดั กระทาให้อย่ใู นรูปแบบท่ีเขา้ ใจง่ายขน้ึ และ สามารถใช้ตอบคาถามท่ีอยากรไู้ ด้ ได้ (P) 5. มีความมงุ่ มั่นและตง้ั ใจในการทางาน (A) กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 1 ข้ันสร้างความสนใจ 1. ครเู ชื่อมโยงความรู้เดมิ ของนกั เรียนสกู่ ารเรยี นเรือ่ ง ทักษะการจัดกระทาและส่ือความหมายขอ้ มูล โดยใชค้ าถามวา่ ถา้ ขอ้ มูล บางส่งิ บางอยา่ งมจี านวนมาก เราจะสามารถนาข้อมูลน้ันมาทาอย่างไร เพอื่ ตอบคาถามทต่ี ้องการและสามารถนาเสนอให้ผู้อื่นเขา้ ใจ ไดง้ ่ายขน้ึ ขั้นท่ี 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรยี นอ่านชือ่ เรอ่ื งและคิดก่อนอ่าน ในหนงั สือหน้า 7 และลองตอบคาถามในคิดกอ่ นอ่าน ตามความเข้าใจครูบนั ทึก คาตอบของนักเรียนบนกระดานเพอื่ ใชเ้ ปรียบเทยี บกับคาตอบหลังการอ่าน 3. นักเรียนอ่านเน้อื เรอ่ื งในหนงั สอื เรียนหน้า 7-8 และตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยใชค้ าถาม 4. นักเรยี นตอบคาถามจากเรือ่ งท่ีอ่านในรู้หรือยัง ในแบบบนั ทกึ กิจกรรมหน้า 7 จากนนั้ รว่ มกันอภปิ รายเพื่อเปรียบเทยี บ คาตอบของนักเรียนในรู้หรือยงั กบั คาตอบทเ่ี คยตอบและบันทกึ ไวใ้ นคิดก่อนอา่ น ขั้นที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 5. นักเรยี นร่วมกนั สรุปเร่ืองที่อ่านซึง่ ควรสรุปได้ว่า การจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมูลเป็นการนาขอ้ มูลมาจัดกระทาให้อยู่ ในรูปแบบที่เขา้ ใจงา่ ยข้ึน และสามารถใช้ตอบคาถามทอ่ี ยากรู้ได้ ขั้นท่ี 4 ข้ันขยายความรู้ 6. ครใู ห้นักเรียนอา่ นคาถามในยอ่ หนา้ สุดทา้ ยของเรอื่ งท่ีอ่าน และร่วมกันอภปิ รายเพ่ือตอบคาถาม ดงั นี้ เราสามารถนาข้อมลู มาจัดกระทาในรปู แบบใดได้บา้ ง ขน้ั ท่ี 5 ขน้ั ประเมิน 7. ครใู หน้ กั เรียนพดู แสดงความรู้สกึ หลังการเรยี น ดงั นี้ ส่ิงทีน่ กั เรยี นได้เรียนรู้ในวนั น้ีคอื อะไร นกั เรยี นมปี ัญหาหรือข้อสงสยั ใน เรอื่ งใดบา้ ง นักเรียนตอ้ งการทราบอะไรเพมิ่ เตมิ 8. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรียน และประเมินการทากจิ กรรมของนกั เรยี น การวัดและประเมนิ ผล สอ่ื การเรียนรู้ 1. ประเมินความรจู้ ากการตอบคาถามในชั้นเรียน 1. หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3 เร่ือง กจิ กรรมที่ 1 : จดั กระทาและส่อื ความหมายข้อมูลได้อยา่ งไร (1) กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 การเรยี นรู้ส่งิ ต่าง ๆ รอบตัว เวลาเรียน 15 ช่วั โมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - 1. อธบิ ายสมบัติของวสั ดุทีใ่ ชท้ าวัตถุได้ (K) 2. บอกชนดิ ของวัสดุได้ (P) สาระสาคัญ 3. จดั กลุ่มวสั ดตุ ามสมบัตขิ องวัสดุได้ (P) 4. บอกจานวนและชนิดของวัสดตุ า่ งๆ ทใี่ ชท้ าวัตถแุ ตล่ ะชน้ิ การจดั กระทาและสอ่ื ความหมายขอ้ มูลเป็นการนา ข้อมูลทไ่ี ด้จากการรวบรวมมาจัดกระทาใหม่ ใหอ้ ย่ใู น ได้ (P) รูปแบบต่าง ๆ เช่น แผนภมู ริ ูปภาพ ตาราง เพือ่ สื่อ 5. มคี วามมุ่งม่นั และตัง้ ใจในการทางาน (A) ความหมายของขอ้ มลู ใหเ้ ข้าใจไดง้ ่าย ถูกต้องและรวดเร็ว กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั ท่ี 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1. ครเู ชื่อมโยงความรู้เดมิ ของนกั เรียนเขา้ สู่กิจกรรมที่ 1 โดยใช้คาถามว่านกั เรยี นรหู้ รอื ไมว่ า่ เคร่ืองใช้ไฟฟา้ แต่ละชนดิ มคี า่ ไฟฟา้ ต่อเดอื นเท่าไร และเราสามารถนาคา่ ไฟฟา้ ตอ่ เดือนของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดมาจดั กระทาและสื่อความหมายขอ้ มูลเพ่ือให้ ผู้อ่นื เข้าใจได้ง่ายได้อย่างไร ขน้ั ที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นักเรียนอ่านชอ่ื กิจกรรม และทาเป็นคิดเปน็ จากหนังสอื เรียนหนา้ 9 แล้วรว่ มกันอภิปรายเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของ นกั เรียนเกยี่ วกับเรือ่ งท่จี ะเรียนโดยใชค้ าถาม ดังน้ี กจิ กรรมน้ีนักเรยี นจะได้เรยี นเก่ียวกบั เรือ่ งอะไร จะได้เรียนรู้เรอ่ื งนีด้ ้วยวธิ ีใด และ เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ 3. นกั เรยี นบันทกึ จุดประสงค์ของกิจกรรมลงในแบบบันทกึ กจิ กรรม หนา้ 8 จากนน้ั อ่านส่ิงท่ตี ้องใช้ในการทากจิ กรรม 4. นกั เรียนอ่านทาอยา่ งไรตอนท่ี 1 จากนน้ั ครูตรวจสอบความเขา้ ใจเก่ยี วกบั วธิ กี ารทากิจกรรม เมื่อนักเรยี นเข้าใจวิธีการทา กจิ กรรมแล้วให้นกั เรียนเร่มิ ปฏิบัตติ ามข้นั ตอนการทากิจกรรม และบันทึกผลการทากจิ กรรมในแบบบันทกึ กิจกรรมหน้า 8-9 ขั้นท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 5. นกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายผลการทากจิ กรรมตามแนวคาถาม เชน่ การจัดกระทาและนาเสนอขอ้ มลู แต่ละรปู แบบมลี ักษณะ อยา่ งไรและเหมาะสมตอ่ การนาเสนอขอ้ มลู แบบใด ขน้ั ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ 6. ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามในส่ิงท่ีอยากรเู้ พ่มิ เติมเก่ียวกับทกั ษะการจัดกระทาและสอ่ื ความหมายข้อมูล ขน้ั ท่ี 5 ข้นั ประเมนิ 7. ครูให้นักเรยี นพดู แสดงความรู้สกึ หลงั การเรยี น ดังน้ี สง่ิ ที่นักเรยี นได้เรยี นรู้ในวันน้ีคืออะไร นกั เรียนมีปัญหาหรือขอ้ สงสัยใน เรอ่ื งใดบ้าง นกั เรยี นตอ้ งการทราบอะไรเพมิ่ เตมิ 8. ครูสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน สังเกตการตอบคาถามของนกั เรียน และประเมนิ การทากิจกรรมของนกั เรยี น การวัดและประเมินผล ส่อื การเรียนรู้ 1. ประเมินความร้จู ากการตอบคาถามในช้ันเรยี น 1. หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.3 เล่ม 1 การทากจิ กรรม
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 เรื่อง กจิ กรรมท่ี 1 : จดั กระทาและส่อื ความหมายขอ้ มลู ได้อยา่ งไร (2) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 การเรยี นรู้สง่ิ ต่าง ๆ รอบตัว เวลาเรยี น 15 ชัว่ โมง ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ - 1. อธบิ ายสมบัตขิ องวสั ดุทีใ่ ช้ทาวัตถุได้ (K) 2. บอกชนิดของวัสดุได้ (P) สาระสาคญั 3. จัดกลุม่ วัสดุตามสมบัติของวสั ดไุ ด้ (P) 4. บอกจานวนและชนิดของวัสดตุ า่ งๆ ท่ใี ชท้ าวัตถุแตล่ ะชน้ิ การจดั กระทาและส่ือความหมายข้อมูลเปน็ การนา ข้อมลู ทีไ่ ดจ้ ากการรวบรวมมาจดั กระทาใหม่ ให้อยใู่ น ได้ (P) รูปแบบตา่ ง ๆ เชน่ แผนภมู ริ ูปภาพ ตาราง เพ่อื ส่ือ 5. มีความมงุ่ มั่นและต้ังใจในการทางาน (A) ความหมายของข้อมลู ให้เขา้ ใจได้งา่ ย ถูกตอ้ งและรวดเรว็ กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันที่ 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ 1. ครตู รวจสอบความรเู้ ดมิ เก่ียวกับการจัดกระทาและสอื่ ความหมายข้อมูลโดยใชค้ าถามดังตอ่ ไปนี้ นักเรียนรู้จักเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ อะไรบ้าง ถ้าจะจดั เครื่องใช้ไฟฟ้าออกเปน็ กลุ่ม ใช้เกณฑ์อะไรไดบ้ า้ ง และผลการจดั กลุม่ เปน็ อย่างไร จะนาผลการจดั กลุ่มมาจดั กระทา และนาเสนอขอ้ มูลไดอ้ ย่างไรบ้าง ขั้นท่ี 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรียนบนั ทึกจดุ ประสงค์ของกจิ กรรมลงในแบบบันทึกกจิ กรรม หน้า 9 จากน้ันอา่ นทาอย่างไรตอนที่ 2 แล้วให้นักเรยี นเริ่ม ปฏบิ ตั ติ ามขน้ั ตอนการทากจิ กรรม และบนั ทกึ ผลการทากจิ กรรมในแบบบันทกึ กจิ กรรมหน้า 9-10 3. นกั เรยี นอ่านรอู้ ะไรในเร่อื งนใ้ี นหนงั สอื เรยี นหน้า 14-17 จากนัน้ ครูให้นกั เรยี นตอบคาถามในฉันร้อู ะไร และบนั ทึกคาตอบใน แบบบนั ทึกกิจกรรมหน้า 11-12 จากนั้นนักเรยี นอา่ นสิ่งทไ่ี ด้เรยี นรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรุปของตนเอง 4. ครกู ระต้นุ ให้นกั เรียนฝกึ ต้งั คาถามในอยากรูอ้ ีกวา่ จากน้ันบนั ทกึ ในแบบบนั ทกึ กจิ กรรมหน้า 13 ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 5. นักเรยี นรว่ มกันอภิปรายและลงขอ้ สรุปว่าการจดั กระทาและสอ่ื ความหมายขอ้ มูลเป็นการนาข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมมา จดั กระทาใหมใ่ หอ้ ย่ใู นรปู แบบตา่ ง ๆ เช่น ข้อความ แผนภูมิรูปภาพ ตาราง เพ่ือสอ่ื ความหมายของขอ้ มลู ใหเ้ ขา้ ใจไดง้ ่าย ถกู ตอ้ ง และ รวดเร็ว ซง่ึ การเลอื กรูปแบบเพื่อนาเสนอต้องเลือกรปู แบบท่ีสามารถตอบคาถามเกย่ี วกับส่ิงทต่ี ้องการนาเสนอได้ ขนั้ ที่ 4 ขนั้ ขยายความรู้ 6. นกั เรียนตอบคาถามในช่วงทา้ ยของเน้อื เรอ่ื งวา่ มที กั ษะอะไรอกี บา้ งทจ่ี าเป็นสาหรบั การเรียนรู้เพอ่ื นาเสนอข้อมลู ทีร่ วบรวม ได้ ขน้ั ที่ 5 ขน้ั ประเมิน 7. ครูใหน้ กั เรยี นพดู แสดงความร้สู ึกหลงั การเรียน ดงั น้ี ส่งิ ท่ีนักเรียนไดเ้ รียนร้ใู นวนั น้ีคืออะไร นักเรียนมีปญั หาหรือขอ้ สงสัยใน เรอ่ื งใดบา้ ง นกั เรียนตอ้ งการทราบอะไรเพ่มิ เตมิ 8. ครสู ังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียน สังเกตการตอบคาถามของนกั เรียน และประเมินการทากจิ กรรมของนกั เรยี น การวัดและประเมนิ ผล ส่ือการเรยี นรู้ 1. ประเมินความรู้จากการตอบคาถามในชน้ั เรยี น 1. หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จาก 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.3 เลม่ 1 การทากจิ กรรม
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 เรอ่ื ง ทักษะการหาความสมั พนั ธร์ ะหว่างสเปซกบั สเปซและสเปซกับเวลา และทกั ษะการสร้างแบบจาลอง กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 3 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 การเรยี นร้สู ่ิงต่าง ๆ รอบตัว เวลาเรียน 15 ชวั่ โมง ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 เวลาเรียน 1 ชัว่ โมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - 1. อธบิ ายสมบัตขิ องวสั ดุที่ใชท้ าวตั ถไุ ด้ (K) 2. บอกชนดิ ของวสั ดุได้ (P) สาระสาคญั 3. จัดกลมุ่ วัสดุตามสมบัตขิ องวสั ดุได้ (P) 4. บอกจานวนและชนดิ ของวัสดุตา่ งๆ ท่ใี ช้ทาวัตถุแตล่ ะช้ิน การทากจิ กรรมบางอยา่ งตอ้ งอาศยั ทกั ษะการหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสเปซ กับสเปซ ซ่งึ เป็นการพจิ ารณาถึงความสัมพนั ธข์ องขนาดหรือพื้นที่ของสงิ่ ต่าง ๆ กับทว่ี ่าง ได้ (P) และกิจกรรมบางอยา่ งต้องอาศัยทกั ษะการหาความสัมพนั ธร์ ะหว่างสเปซกบั เวลาซ่ึงเป็น 5. มคี วามมุ่งมนั่ และต้งั ใจในการทางาน (A) การพิจารณาถงึ ความสมั พนั ธ์ของขนาดหรอื พน้ื ที่ของสง่ิ ต่าง ๆ เมื่อเวลาผา่ นไป แบบจาลองเปน็ สง่ิ ทีใ่ ช้แทนวตั ถุหรือปรากฏการณท์ เ่ี กิดขึ้นจรงิ ซง่ึ นามาใช้ส่อื สารเกย่ี วกับ วัตถุหรือปรากฏการณน์ ้ัน ๆ ใหค้ นอืน่ เขา้ ใจได้ กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นท่ี 1 ข้นั สรา้ งความสนใจ 1. ครเู ชื่อมโยงความรเู้ ดมิ ของนักเรยี นโดยใช้คาถามวา่ สเปซหมายถงึ อะไรและแบบจาลองหมายถึงอะไร ครชู กั ชวนนักเรียนหา คาตอบจากการอ่านเร่ืองทักษะการหาความสัมพนั ธร์ ะหว่างสเปซกบั สเปซ และสเปซกับเวลา และทักษะการสร้างแบบจาลอง ขน้ั ท่ี 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรยี นอา่ นชอื่ เรอ่ื งและคิดกอ่ นอ่าน ในหนังสือหนา้ 18 และลองตอบคาถามในคดิ ก่อนอ่าน ตามความเขา้ ใจครบู ันทกึ คาตอบของนักเรยี นบนกระดานเพอ่ื ใชเ้ ปรียบเทียบกับคาตอบหลงั การอ่าน 3. นกั เรยี นอา่ นเน้ือเรื่องในหนงั สือเรียนหน้า 18-19 และตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยใช้คาถาม 4. นกั เรยี นตอบคาถามจากเร่อื งท่อี า่ นในรหู้ รอื ยงั ในแบบบนั ทึกกิจกรรมหนา้ 14-15 จากนั้นรว่ มกันอภิปรายเพ่ือเปรยี บเทยี บ คาตอบของนักเรยี นในรู้หรอื ยงั กับคาตอบทเ่ี คยตอบและบนั ทกึ ไวใ้ นคิดกอ่ นอ่าน ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 5. นกั เรียนร่วมกนั สรปุ เรื่องที่อา่ นซ่ึงควรสรุปไดว้ ่า ทกั ษะการหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสเปซกับสเปซ ซ่ึงเปน็ การพิจารณาถงึ ความสมั พนั ธข์ องขนาดหรือพื้นทีข่ องส่งิ ต่าง ๆ กับที่ว่าง และกิจกรรมบางอย่างต้องอาศัยทกั ษะการหาความสัมพันธร์ ะหว่างสเปซกบั เวลาซ่งึ เปน็ การพจิ ารณาถึงความสมั พนั ธข์ องขนาดหรอื พน้ื ทข่ี องสิง่ ต่าง ๆ เมือ่ เวลาผ่านไป แบบจาลองเปน็ สง่ิ ทใ่ี ช้แทนวัตถหุ รอื ปรากฏการณท์ ีเ่ กิดข้นึ จริงซึ่งนามาใช้ส่อื สารเกยี่ วกับวตั ถุหรือปรากฏการณ์นัน้ ๆ ใหค้ นอ่นื เข้าใจได้ ข้ันท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้ 6. นักเรยี นตอบคาถามทา้ ยเรื่องท่ีอา่ น ดงั นี้ ขา้ วตจู ะสามารถทาแบบจาลองในรปู แบบใดได้อกี บ้าง และแบบจาลองมีประโยชน์ อย่างไร ข้นั ท่ี 5 ข้นั ประเมนิ 7. ครใู หน้ ักเรยี นพูดแสดงความร้สู ึกหลงั การเรียน ดังน้ี ส่ิงท่นี ักเรียนไดเ้ รยี นรู้ในวันน้ีคอื อะไร นักเรียนมีปัญหาหรอื ข้อสงสยั ใน เรือ่ งใดบา้ ง นกั เรียนตอ้ งการทราบอะไรเพม่ิ เตมิ 8. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียน สงั เกตการตอบคาถามของนักเรยี น และประเมนิ การทากิจกรรมของนักเรยี น การวัดและประเมนิ ผล สือ่ การเรยี นรู้ 1. ประเมนิ ความร้จู ากการตอบคาถามในชั้นเรียน 1. หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.3 เลม่ 1 การทากจิ กรรม
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 6 เรื่อง กจิ กรรมท่ี 2.1 : ความสัมพันธ์ระหวา่ งสเปซกบั สเปซเป็นอยา่ งไร (1) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 การเรียนรู้ส่งิ ตา่ ง ๆ รอบตัว เวลาเรยี น 15 ชั่วโมง ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - 1. อธบิ ายสมบัตขิ องวัสดุทใ่ี ชท้ าวัตถไุ ด้ (K) 2. บอกชนดิ ของวสั ดุได้ (P) สาระสาคัญ 3. จดั กล่มุ วสั ดุตามสมบัตขิ องวัสดไุ ด้ (P) 4. บอกจานวนและชนดิ ของวัสดตุ ่างๆ ท่ีใช้ทาวตั ถุแตล่ ะชน้ิ การครอบครองพ้ืนทีข่ องวัตถบุ นท่วี า่ งเปน็ ความสมั พันธ์ ระหว่างสเปซกบั สเปซ และความสามารถในการพจิ ารณาวา่ ได้ (P) วัตถนุ ้นั ๆ จะมพี น้ื ท่หี รือขนาดพอดีกับท่วี ่างท่ีมอี ยู่เป็นทกั ษะ 5. มคี วามมงุ่ มน่ั และตงั้ ใจในการทางาน (A) การหาความสัมพันธร์ ะหวา่ งสเปซกบั สเปซ กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ที่ 1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ 1. ครเู ช่อื มโยงความรู้ของนกั เรยี นเข้าสกู่ จิ กรรมที่ 2.1 กิจกรรมน้ีนกั เรียนจะไดเ้ รยี นรเู้ ก่ยี วกับการหาความสมั พนั ธร์ ะหว่าง สเปซกบั สเปซ ขน้ั ท่ี 2 สารวจและคน้ หา 2. นักเรยี นอา่ นชื่อกจิ กรรม และทาเป็นคิดเป็น จากหนังสอื เรียนหน้า 20 แล้วรว่ มกนั อภปิ รายเพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจของ นักเรยี นเก่ียวกับเรือ่ งที่จะเรยี นโดยใช้คาถาม ดงั นี้ กิจกรรมน้ีนกั เรียนจะได้เรยี นเกีย่ วกบั เรอื่ งอะไร จะได้เรียนรเู้ รื่องน้ีด้วยวิธีใด และ เมื่อเรียนแลว้ นักเรยี นจะทาอะไรได้ 3. นักเรียนบันทกึ จดุ ประสงคข์ องกิจกรรมลงในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หนา้ 16 จากน้นั อ่านส่งิ ที่ตอ้ งใชใ้ นการทากิจกรรม 4. นกั เรียนอ่านทาอยา่ งไร จากนน้ั ครูตรวจสอบความเข้าใจเก่ยี วกบั วิธกี ารทากจิ กรรม เมือ่ นักเรียนเข้าใจวธิ กี ารทากจิ กรรม แล้วใหน้ กั เรยี นเร่มิ ปฏิบตั ิตามข้ันตอนการทากจิ กรรม และบนั ทึกผลการทากิจกรรมในแบบบันทกึ กิจกรรมหน้า 16-18 ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 5. นกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายผลการทากิจกรรมตามแนวคาถาม เชน่ จานวนตัวตอ่ ท่วี างบนกระดานเตม็ พนื้ ที่พอดมี เี ทา่ ใด เพราะเหตใุ ดจึงวางตัวต่อ 1 ตวั บนกระดานได้ เพราะเหตใุ ด เราจงึ วางตัวตอ่ ทง้ั 9 ตวั บนกระดานได้เต็มพื้นที่พอดี ถา้ เพ่มิ จานวนตวั ต่อมากกว่า 9 ตัวจะวางบนกระดานได้พอดหี รือไม่ เพราะเหตใุ ด การวางตวั ต่อใหเ้ ตม็ กระดานพอดีต้องทาอยา่ งไร ขน้ั ที่ 4 ข้ันขยายความรู้ 6. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามในสง่ิ ทอ่ี ยากรู้เพ่มิ เติมเกีย่ วกบั ทกั ษะการหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสเปซกบั สเปซ ขัน้ ที่ 5 ขน้ั ประเมิน 7. ครใู ห้นกั เรยี นพดู แสดงความรสู้ กึ หลังการเรยี น ดงั นี้ ส่งิ ท่ีนกั เรียนได้เรยี นรู้ในวนั น้ีคืออะไร นกั เรียนมีปญั หาหรอื ข้อสงสยั ใน เร่ืองใดบ้าง นักเรียนตอ้ งการทราบอะไรเพ่มิ เตมิ 8. ครูสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียน สังเกตการตอบคาถามของนกั เรยี น และประเมินการทากจิ กรรมของนกั เรยี น การวัดและประเมินผล ส่อื การเรียนรู้ 1. ประเมนิ ความรู้จากการตอบคาถามในชัน้ เรียน 1. หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จาก 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.3 เล่ม 1 การทากจิ กรรม
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 7 กจิ กรรมท่ี 2.1 : ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสเปซกบั สเปซเปน็ อยา่ งไร (2) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 3 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 การเรยี นรู้สง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตัว เวลาเรียน 15 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 เวลาเรยี น 1 ช่ัวโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - 1. อธบิ ายสมบัติของวัสดุท่ีใช้ทาวัตถุได้ (K) 2. บอกชนิดของวัสดุได้ (P) สาระสาคญั 3. จดั กลุ่มวัสดุตามสมบัตขิ องวัสดไุ ด้ (P) 4. บอกจานวนและชนดิ ของวัสดุต่างๆ ท่ใี ชท้ าวตั ถแุ ต่ละชิน้ การครอบครองพน้ื ท่ขี องวตั ถบุ นท่ีว่างเป็น ความสมั พนั ธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ และความสามารถใน ได้ (P) การพิจารณาวา่ วตั ถนุ ้ัน ๆ จะมีพื้นทีห่ รอื ขนาดพอดีกับท่วี ่าง 5. มคี วามมุง่ ม่นั และตั้งใจในการทางาน (A) ท่ีมีอยเู่ ปน็ ทกั ษะการหาความสัมพันธร์ ะหว่างสเปซกบั สเปซ กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1 ข้นั สร้างความสนใจ 1. ครเู ตรียมแก้วเปล่า 1 ใบหรอื ขวดเปล่า 1 ใบ เพื่อให้นกั เรยี นสงั เกตและใชป้ ระกอบการตอบคาถามต่อไปนี้ แกว้ ใบ นม้ี สี เปซหรอื ท่ีว่างสาหรบั บรรจนุ า้ ลงไปในแก้วได้จนเตม็ แกว้ พอดี เปน็ อยา่ งไร เมอื่ รนิ นา้ ลงไปในแกว้ จนเต็มพอดี สเปซของ น้าจะมีรปู รา่ งเปน็ อยา่ งไร ถ้ารนิ นา้ ลงไปครึ่งแกว้ สเปซของนา้ ครึ่งแกว้ จะมีรูปรา่ งเปน็ อย่างไร ข้นั ที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. ครใู หน้ ักเรียนตอบคาถามในฉันรอู้ ะไร และบนั ทึกคาตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรมหนา้ 19-20 จากนนั้ นกั เรียนอา่ นสิ่ง ทีไ่ ดเ้ รียนรู้ และเปรียบเทยี บกับขอ้ สรุปของตนเอง 3. ครกู ระตุน้ ให้นกั เรยี นฝึกตั้งคาถามในอยากรูอ้ กี ว่า จากนนั้ บนั ทกึ ในแบบบันทึกกจิ กรรมหน้า 20 ขั้นที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ 4. นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายและลงขอ้ สรุปวา่ การหาความสมั พันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซเป็นการพจิ ารณาว่าวัตถุน้ัน ๆ จะมขี นาดหรือพื้นท่พี อดกี บั ทวี่ า่ งที่มีอยู่ ซึ่งความสามารถท่ีทาสิ่งน้ีได้จัดเป็นทักษะการหาความสมั พันธร์ ะหว่างสเปซกบั สเปซ ขน้ั ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ 5. ครูนาอภิปรายเพอื่ ให้นกั เรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 อะไรบา้ งและในขั้นตอนใด ข้นั ท่ี 5 ขน้ั ประเมิน 6. ครใู หน้ ักเรียนพูดแสดงความรู้สกึ หลงั การเรยี น ดังน้ี ส่งิ ท่ีนักเรยี นได้เรยี นร้ใู นวันน้ีคอื อะไร นักเรียนมปี ัญหาหรือขอ้ สงสัยในเรื่องใดบ้าง นกั เรยี นตอ้ งการทราบอะไรเพ่มิ เติม 7. ครูสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน สังเกตการตอบคาถามของนักเรยี น และประเมินการทากิจกรรมของนักเรียน การวัดและประเมนิ ผล สอื่ การเรียนรู้ 1. ประเมนิ ความรจู้ ากการตอบคาถามในชน้ั เรยี น 1. หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์จาก 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 8 เรอ่ื ง กจิ กรรมท่ี 2.2 : ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสเปซกบั เวลาเป็นอย่างไร (1) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การเรียนรสู้ ิง่ ตา่ ง ๆ รอบตัว เวลาเรียน 15 ชว่ั โมง ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 เวลาเรยี น 1 ช่วั โมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด จุดประสงค์การเรยี นรู้ - 1. อธบิ ายสมบัติของวสั ดุทใ่ี ชท้ าวัตถุได้ (K) 2. บอกชนดิ ของวัสดไุ ด้ (P) สาระสาคัญ 3. จัดกลมุ่ วัสดตุ ามสมบัตขิ องวัสดุได้ (P) 4. บอกจานวนและชนิดของวัสดตุ ่างๆ ทีใ่ ช้ทาวัตถุแต่ละชนิ้ การครอบครองพน้ื ทีข่ องวัตถเุ มอ่ื วานผา่ นไป เป็น ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสเปซกบั เวลา และความสามารถในการ ได้ (P) พิจารณาวา่ วตั ถุนั้น ๆ จะมพี ื้นที่หรอื ขนาดครอบครองเปล่ียนไป 5. มคี วามมุง่ มัน่ และตัง้ ใจในการทางาน (A) อย่างไรเมื่อเทยี บกับเวลา เป็นทักษะการหาความสมั พันธ์ระหว่าง สเปซกับเวลา กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ ที่ 1 ข้ันสร้างความสนใจ 1. ครเู ชื่อมโยงความรูข้ องนกั เรียนเขา้ สกู่ ิจกรรมท่ี 2.2 โดยใช้คาถามวา่ การหาความสัมพันธร์ ะหว่างสเปซกบั เวลาเปน็ อย่างไร ขน้ั ท่ี 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรยี นอา่ นชอ่ื กิจกรรม และทาเป็นคิดเปน็ จากหนงั สือเรยี นหนา้ 23 แล้วร่วมกนั อภิปรายเพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจของ นักเรียนเกยี่ วกับเรอ่ื งท่ีจะเรยี นโดยใชค้ าถาม ดงั น้ี กจิ กรรมนี้นักเรยี นจะไดเ้ รียนเกย่ี วกับเร่อื งอะไร จะได้เรียนรเู้ ร่อื งนีด้ ้วยวธิ ใี ด และ เมอ่ื เรียนแลว้ นักเรยี นจะทาอะไรได้ 3. นกั เรยี นบนั ทึกจดุ ประสงค์ของกิจกรรมลงในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หนา้ 21 จากน้นั อา่ นสิ่งที่ต้องใช้ในการทากจิ กรรม 4. นกั เรียนอ่านทาอย่างไร จากนนั้ ครูตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกบั วธิ กี ารทากิจกรรม เมื่อนกั เรียนเข้าใจวิธีการทากจิ กรรม แลว้ ให้นักเรยี นเรม่ิ ปฏบิ ตั ิตามขั้นตอนการทากิจกรรม และบันทึกผลการทากจิ กรรมในแบบบันทกึ กจิ กรรมหนา้ 21-23 ขั้นที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 5. นักเรยี นร่วมกันอภิปรายผลการทากิจกรรมตามแนวคาถาม เชน่ เมือ่ เวลาผา่ นไป 2 นาที พ้นื ท่ขี องน้าทมี่ ีสีเปล่ียนแปลง อยา่ งไร เมื่อผา่ นไป 5 นาที พื้นท่ีของนา้ ทีม่ ีสเี ปล่ียนแปลงอย่างไรเมื่อเทียบกบั เวลา 2 นาที เมอ่ื เวลาผา่ นไปมากกวา่ 5 นาที นักเรียน คดิ วา่ พื้นทข่ี องนา้ ท่ีมสี ีจะเพ่ิมข้นึ หรือไม่ เพราะเหตใุ ด พ้นื ท่สี ขี องลูกอมท่อี ยใู่ นน้าเม่ือเวลาผา่ นไปเพม่ิ ข้นึ หรือลดลงอยา่ งไร ขัน้ ที่ 4 ข้ันขยายความรู้ 6. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรยี นซกั ถามในสงิ่ ท่ีอยากรเู้ พ่มิ เตมิ เกย่ี วกับทักษะการหาความสัมพันธร์ ะหว่างสเปซกับเวลา ข้ันที่ 5 ขนั้ ประเมนิ 7. ครูให้นักเรยี นพดู แสดงความรสู้ ึกหลังการเรยี น ดังนี้ สง่ิ ที่นกั เรยี นได้เรยี นรู้ในวันนี้คอื อะไร นกั เรยี นมีปญั หาหรอื ข้อสงสัยใน เรือ่ งใดบ้าง นักเรยี นต้องการทราบอะไรเพม่ิ เติม 8. ครูสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน สังเกตการตอบคาถามของนกั เรยี น และประเมนิ การทากจิ กรรมของนักเรียน การวัดและประเมนิ ผล ส่อื การเรยี นรู้ 1. ประเมินความรู้จากการตอบคาถามในชัน้ เรยี น 1. หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 10 เรอ่ื ง กิจกรรมท่ี 2.3 : สรา้ งแบบจาลองอธิบายกระบอกปริศนาไดอ้ ย่างไร (1) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 การเรยี นร้สู ิ่งต่าง ๆ รอบตัว เวลาเรียน 15 ชวั่ โมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 เวลาเรยี น 1 ช่วั โมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - 1. อธิบายสมบัติของวสั ดุทใี่ ชท้ าวตั ถไุ ด้ (K) 2. บอกชนดิ ของวสั ดุได้ (P) สาระสาคญั 3. จัดกลุ่มวัสดตุ ามสมบตั ิของวสั ดุได้ (P) 4. บอกจานวนและชนดิ ของวัสดุตา่ งๆ ทีใ่ ชท้ าวตั ถแุ ตล่ ะช้ิน ความสามารถในการสร้างและใชแ้ บบจาลองเพ่ือ อธบิ ายวตั ถหุ รือปรากฏการณ์ต่าง ๆ เปน็ ทักษะการสรา้ ง ได้ (P) แบบจาลอง รปู วาดหรอื ชิ้นงานทีอ่ ธบิ ายเกีย่ วกบั วัตถหุ รือ 5. มคี วามมุ่งมัน่ และต้งั ใจในการทางาน (A) ปรากฏการณ์ต่าง ๆ จดั เปน็ แบบจาลองรปู แบบหนึ่ง กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ 1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ 1. ครทู บทวนความรู้พนื้ ฐานเกี่ยวกับแบบจาลองโดยใชค้ าถามดงั ตอ่ ไปนี้ แบบจาลองคืออะไร ภาพวาดเป็นแบบจาลองได้เพราะ เหตใุ ด ขน้ั ที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นักเรยี นอา่ นชอ่ื กิจกรรม และทาเปน็ คดิ เปน็ จากหนังสอื เรียนหน้า 25 แล้วรว่ มกันอภปิ รายเพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจของ นักเรยี นเก่ียวกับเรือ่ งที่จะเรยี นโดยใชค้ าถาม ดงั น้ี กิจกรรมนีน้ ักเรยี นจะได้เรยี นเกย่ี วกบั เรอ่ื งอะไร จะไดเ้ รียนร้เู ร่อื งนดี้ ้วยวิธใี ด และ เมื่อเรียนแลว้ นกั เรียนจะทาอะไรได้ 3. นักเรยี นบันทึกจดุ ประสงค์ของกจิ กรรมลงในแบบบันทกึ กิจกรรม หน้า 25 จากนัน้ อา่ นสิ่งทีต่ ้องใช้ในการทากจิ กรรม 4. นักเรียนอา่ นทาอยา่ งไร จากนน้ั ครูตรวจสอบความเข้าใจเก่ยี วกับวธิ ีการทากจิ กรรม เมอ่ื นกั เรียนเขา้ ใจวิธกี ารทากิจกรรม แลว้ ให้นกั เรยี นเร่ิมปฏิบัตติ ามข้ันตอนการทากิจกรรม และบนั ทึกผลการทากจิ กรรมในแบบบนั ทึกกิจกรรมหน้า 25-26 ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 5. นกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายผลการทากิจกรรมตามแนวคาถาม เชน่ การทดสอบแบบจาลองกระบอกปริศนามจี ุดประสงคใ์ ด เหตุใดจึงต้องปรับปรุงแบบจาลอง ในกจิ กรรมนอี้ ะไรบ้างจัดเปน็ แบบจาลอง กิจกรรมน้ไี ดฝ้ กึ ทกั ษะการสร้างแบบจาลองอะไรบ้าง ข้ันท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ 6. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนซกั ถามในส่ิงที่อยากรเู้ พ่ิมเตมิ เกย่ี วกบั ทักษะการสร้างแบบจาลอง ขน้ั ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ 7. ครใู ห้นักเรยี นพดู แสดงความรู้สกึ หลังการเรียน ดงั น้ี สิง่ ทนี่ กั เรยี นไดเ้ รยี นรใู้ นวนั น้ีคืออะไร นักเรียนมีปัญหาหรือข้อสงสยั ใน เรื่องใดบา้ ง นกั เรียนตอ้ งการทราบอะไรเพิม่ เติม 8. ครสู ังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียน สงั เกตการตอบคาถามของนักเรียน และประเมินการทากจิ กรรมของนักเรยี น การวัดและประเมินผล สือ่ การเรียนรู้ 1. ประเมินความรจู้ ากการตอบคาถามในชนั้ เรยี น 1. หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จาก 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 11 เรื่อง กจิ กรรมที่ 2.3 : สรา้ งแบบจาลองอธบิ ายกระบอกปรศิ นาได้อย่างไร (2) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 3 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 การเรียนรสู้ ่ิงต่าง ๆ รอบตัว เวลาเรียน 15 ช่ัวโมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั จุดประสงค์การเรียนรู้ - 1. อธิบายสมบัตขิ องวัสดุท่ใี ชท้ าวัตถไุ ด้ (K) 2. บอกชนดิ ของวัสดไุ ด้ (P) สาระสาคัญ 3. จดั กลมุ่ วัสดตุ ามสมบตั ขิ องวัสดุได้ (P) 4. บอกจานวนและชนดิ ของวัสดตุ ่างๆ ทใ่ี ชท้ าวัตถแุ ต่ละช้นิ ความสามารถในการสร้างและใชแ้ บบจาลองเพื่อ อธิบายวตั ถุหรือปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ เปน็ ทกั ษะการสร้าง ได้ (P) แบบจาลอง รปู วาดหรอื ชนิ้ งานที่อธบิ ายเกยี่ วกบั วัตถุหรอื 5. มคี วามมงุ่ ม่นั และตัง้ ใจในการทางาน (A) ปรากฏการณ์ต่าง ๆ จดั เปน็ แบบจาลองรปู แบบหนง่ึ กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ 1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกบั การสรา้ งแบบจาลองโดยใช้คาถามตอ่ ไปนี้ แบบจาลองสามารถเปล่ียนได้หรอื ไม่ เรา ใช้แบบจาลองเพอ่ื จุดประสงคใ์ ด ขน้ั ท่ี 2 สารวจและค้นหา 2. นักเรียนอา่ นรู้อะไรในเร่ืองนีใ้ นหนงั สือเรียนหนา้ 28-29 จากน้ันครใู ห้นักเรียนตอบคาถามในฉันร้อู ะไร และบันทกึ คาตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรมหนา้ 27-28 จากนนั้ นกั เรียนอา่ นสง่ิ ทไี่ ดเ้ รยี นรู้ และเปรยี บเทยี บกบั ข้อสรปุ ของตนเอง 3. ครกู ระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นฝกึ ต้ังคาถามในอยากรอู้ ีกว่า จากนน้ั บนั ทกึ ในแบบบนั ทึกกจิ กรรมหน้า 28 ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป 4. นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายและลงข้อสรปุ ว่า การสร้างแบบจาลองเป็นการสร้างสง่ิ ใดส่ิงหนึง่ ขึน้ มาเพอื่ แทนวัตถุหรอื ปรากฏการณต์ า่ ง ๆ การสร้างแบบจาลอง การใช้แบบจาลอง การปรับปรุงแบบจาลอง จัดเป็นกระบวนการในทกั ษะการสร้าง แบบจาลอง ข้ันท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ 5. นกั เรียนตอบคาถามในชว่ งทา้ ยของเนื้อเร่อื งวา่ หลกั ฐานต่าง ๆ ท่ใี ชต้ อบคาถามไดม้ าอยา่ งไร และเราจะมีวิธสี อื่ สาร คาตอบใหน้ ่าเชอ่ื ถือได้อยา่ งไร ขน้ั ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ 6. ครูใหน้ ักเรียนพูดแสดงความร้สู ึกหลงั การเรยี น ดงั นี้ สิง่ ทีน่ ักเรยี นได้เรยี นร้ใู นวันนีค้ อื อะไร นักเรยี นมปี ัญหาหรอื ข้อ สงสัยในเรอ่ื งใดบา้ ง นกั เรยี นต้องการทราบอะไรเพิ่มเตมิ 7. ครูสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรียน และประเมินการทากิจกรรมของนักเรยี น การวัดและประเมนิ ผล ส่ือการเรียนรู้ 1. ประเมินความรจู้ ากการตอบคาถามในช้นั เรียน 1. หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 12 เรอื่ ง หลกั ฐานกับการสอื่ สารทางวทิ ยาศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การเรยี นรสู้ ่งิ ต่าง ๆ รอบตัว เวลาเรยี น 15 ชว่ั โมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 เวลาเรยี น 1 ชัว่ โมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด จุดประสงค์การเรียนรู้ - 1. อธบิ ายสมบัตขิ องวสั ดุทใ่ี ชท้ าวัตถุได้ (K) 2. บอกชนดิ ของวสั ดไุ ด้ (P) สาระสาคญั 3. จดั กลมุ่ วัสดุตามสมบตั ิของวัสดไุ ด้ (P) การจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูลเป็นการนา 4. บอกจานวนและชนิดของวัสดตุ า่ งๆ ท่ใี ชท้ าวัตถแุ ตล่ ะชิน้ ข้อมูลมาจดั กระทาให้อยูใ่ นรปู แบบทีเ่ ข้าใจงา่ ยขึน้ และ สามารถใชต้ อบคาถามที่อยากรู้ได้ ได้ (P) 5. มีความมุ่งมน่ั และตัง้ ใจในการทางาน (A) กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั ท่ี 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1. ครูเชือ่ มโยงความรเู้ ดิมของนกั เรียนสูก่ ารเรยี นเร่อื ง หลกั ฐานได้มาจากการรวบรวมขอ้ มลู และนาขอ้ มูลนัน้ มา วเิ คราะหเ์ พื่อนามาใชใ้ นการสนบั สนนุ คาตอบ ข้นั ที่ 2 สารวจและค้นหา 2. นักเรยี นอา่ นชอื่ เร่อื งและคิดกอ่ นอ่าน ในหนงั สือหนา้ 30 และลองตอบคาถามในคิดก่อนอา่ น ตามความเขา้ ใจครู บนั ทกึ คาตอบของนกั เรียนบนกระดานเพอ่ื ใชเ้ ปรียบเทยี บกับคาตอบหลังการอา่ น 3. นักเรียนอ่านเน้อื เรอ่ื งในหนงั สือเรียนหน้า 30-31 และตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยใชค้ าถาม 4. นักเรยี นตอบคาถามจากเร่อื งท่ีอา่ นในรู้หรอื ยงั ในแบบบนั ทึกกิจกรรมหนา้ 29 จากน้นั รว่ มกันอภิปรายเพอ่ื เปรยี บเทียบคาตอบของนกั เรยี นในรหู้ รอื ยงั กบั คาตอบที่เคยตอบและบันทึกไว้ในคดิ กอ่ นอ่าน ขั้นที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 5. นกั เรียนรว่ มกนั สรุปเร่ืองท่ีอ่านซึง่ ควรสรปุ ได้ว่า การจัดกระทาและสอ่ื ความหมายขอ้ มูลเป็นการนาขอ้ มลู มาจดั กระทาใหอ้ ยูใ่ นรปู แบบท่เี ขา้ ใจง่ายขนึ้ และสามารถใช้ตอบคาถามที่อยากรู้ได้ ขั้นท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ 6. ครใู ห้นกั เรยี นอ่านคาถามในย่อหนา้ สุดทา้ ยของเร่ืองท่อี า่ น และร่วมกนั อภิปรายเพือ่ ตอบคาถาม ดงั นี้ หลักฐานมี ความสาคัญอย่างไร ข้ันท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ 7. ครูให้นักเรียนพดู แสดงความรู้สกึ หลงั การเรียน ดงั น้ี สิ่งทนี่ ักเรยี นได้เรียนรใู้ นวนั น้คี ืออะไร นักเรยี นมีปญั หาหรือข้อ สงสัยในเรอื่ งใดบา้ ง นกั เรียนต้องการทราบอะไรเพ่มิ เติม 8. ครูสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน สงั เกตการตอบคาถามของนักเรียน และประเมนิ การทากิจกรรมของนกั เรยี น การวัดและประเมนิ ผล สอ่ื การเรียนรู้ 1. ประเมินความร้จู ากการตอบคาถามในชัน้ เรยี น 1. หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จาก 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 13 กจิ กรรมท่ี 3 : คาตอบทีน่ า่ เชอื่ ถอื เปน็ อยา่ งไร (1) กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การเรียนรสู้ ง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตัว เวลาเรียน 15 ชว่ั โมง ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 เวลาเรยี น 1 ช่ัวโมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - 1. อธบิ ายสมบัตขิ องวัสดุที่ใชท้ าวตั ถุได้ (K) 2. บอกชนิดของวสั ดไุ ด้ (P) สาระสาคัญ 3. จดั กลุ่มวสั ดตุ ามสมบตั ขิ องวัสดไุ ด้ (P) 4. บอกจานวนและชนิดของวัสดตุ ่างๆ ที่ใชท้ าวัตถุแต่ละช้ิน คาถามหน่ึง ๆ อาจมีได้หลายคาตอบ ซ่งึ คาตอบที่ น่าเชอ่ื ถอื คอื คาตอบทีม่ หี ลักฐานท่ไี ด้มาจากการวเิ คราะห์ ได้ (P) ขอ้ มูล จากนน้ั จงึ นาหลกั ฐานนนั้ มาสนบั สนุนคาตอบ และมีการ 5. มคี วามมุง่ ม่นั และต้ังใจในการทางาน (A) ส่ือสารให้ผู้อืน่ เข้าใจโดยมกี ารเชอ่ื มโยงคาตอบกบั หลกั ฐาน อย่างเปน็ เหตุเปน็ ผล กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั ที่ 1 ข้นั สร้างความสนใจ 1. ครเู ชื่อมโยงความร้เู ดิมของนกั เรยี นเข้าส่กู จิ กรรมที่ 3 โดยใชค้ าถามวา่ นกั เรียนรหู้ รือไม่วา่ การทาใหค้ าตอบมีความนา่ เช่ือถอื หรือทา ใหผ้ ฟู้ งั เช่ือในเรื่องราวทเี่ รากาลงั ส่ือสาร สามารถทาได้อยา่ งไร ข้นั ท่ี 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรยี นอา่ นช่ือกจิ กรรม และทาเป็นคิดเป็น จากหนงั สอื เรยี นหนา้ 32 แล้วรว่ มกันอภปิ รายเพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียน เกี่ยวกบั เรื่องท่ีจะเรยี นโดยใช้คาถาม ดังน้ี กิจกรรมน้นี ักเรียนจะไดเ้ รียนเกี่ยวกับเร่อื งอะไร จะไดเ้ รยี นรเู้ รื่องน้ดี ว้ ยวิธีใด และเม่อื เรียนแล้ว นกั เรยี นจะทาอะไรได้ 3. นกั เรียนบนั ทกึ จุดประสงค์ของกจิ กรรมลงในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หนา้ 30 จากนั้นอ่านส่ิงทีต่ อ้ งใชใ้ นการทากิจกรรม 4. นักเรียนอ่านทาอย่างไร จากนน้ั ครตู รวจสอบความเข้าใจเกยี่ วกับวธิ ีการทากจิ กรรม เม่ือนกั เรียนเขา้ ใจวิธกี ารทากจิ กรรมแลว้ ให้ นักเรยี นเรมิ่ ปฏิบตั ิตามขน้ั ตอนการทากิจกรรม และบันทกึ ผลการทากจิ กรรมในแบบบันทกึ กจิ กรรมหนา้ 30-32 ขั้นท่ี 3 อธิบายและลงขอ้ สรุป 5. นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายผลการทากิจกรรมตามแนวคาถาม เช่น จากนทิ าน ตัวละครในนทิ านสงสัยเกี่ยวกบั เร่อื งอะไร และนักเรยี น คิดวา่ คาตอบคืออะไร นกั เรยี นใช้วธิ ใี ดในการตัดสินใจเลือกว่าคาตอบของเพ่ือนคนใดมคี วามน่าเช่ือถือ ขณะที่อภิปรายกับเพอ่ื น มีวิธีการ ชกั ชวนใหเ้ พอ่ื นเชอ่ื ในคาตอบของนกั เรยี นอยา่ งไร เป็นไปได้หรือไม่ทน่ี ักเรียนกบั เพอื่ นจะมคี าตอบทแ่ี ตกตา่ งกันแม้จะอา่ นนิทานเรือ่ งเดียวกนั เพราะเหตใุ ดจงึ เป็นเช่นน้ัน เม่ือเกิดความคดิ เห็นหรือมคี าตอบท่ีแตกตา่ งกัน จะทาอยา่ งไรเพื่อหาขอ้ สรปุ หรือเพอ่ื ให้ไดค้ าตอบทน่ี า่ เช่ือถอื มาก ทีส่ ุด ขั้นท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ 6. ครเู ปิดโอกาสให้นกั เรียนซักถามในส่ิงทอ่ี ยากรู้เพ่มิ เตมิ เกี่ยวกับคาตอบทีน่ า่ เชือ่ ถื ข้นั ที่ 5 ขนั้ ประเมิน 7. ครูใหน้ ักเรยี นพูดแสดงความรูส้ ึกหลังการเรียน ดงั นี้ สง่ิ ทน่ี ักเรยี นได้เรียนรใู้ นวันนค้ี อื อะไร นักเรยี นมปี ญั หาหรือขอ้ สงสัยในเรื่อง ใดบ้าง นกั เรียนต้องการทราบอะไรเพมิ่ เติม 8. ครสู ังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี น สงั เกตการตอบคาถามของนักเรียน และประเมินการทากิจกรรมของนกั เรียน การวัดและประเมินผล สือ่ การเรยี นรู้ 1. ประเมนิ ความรู้จากการตอบคาถามในช้ันเรยี น 1. หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.3 เลม่ 1 การทากจิ กรรม
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 14 เรอ่ื ง กจิ กรรมที่ 3 : คาตอบท่ีน่าเชอ่ื ถอื เปน็ อย่างไร (2) กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การเรียนรูส้ ง่ิ ต่าง ๆ รอบตัว เวลาเรียน 15 ช่วั โมง ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - 1. อธบิ ายสมบัตขิ องวัสดุทใี่ ชท้ าวัตถไุ ด้ (K) 2. บอกชนดิ ของวัสดุได้ (P) สาระสาคญั 3. จดั กลุม่ วัสดตุ ามสมบตั ิของวสั ดุได้ (P) 4. บอกจานวนและชนิดของวัสดตุ า่ งๆ ท่ใี ช้ทาวัตถแุ ตล่ ะชน้ิ คาถามหนึ่ง ๆ อาจมไี ด้หลายคาตอบ ซงึ่ คาตอบท่ี น่าเช่อื ถอื คอื คาตอบที่มหี ลกั ฐานที่ไดม้ าจากการวิเคราะห์ ได้ (P) ขอ้ มลู จากนัน้ จงึ นาหลักฐานนน้ั มาสนบั สนนุ คาตอบ และมีการ 5. มคี วามมุง่ มน่ั และตง้ั ใจในการทางาน (A) ส่ือสารให้ผ้อู ื่นเข้าใจโดยมีการเชอื่ มโยงคาตอบกับหลกั ฐาน อย่างเป็นเหตุเปน็ ผล กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ ท่ี 1 ข้ันสรา้ งความสนใจ 1. ครูตรวจสอบความรเู้ ดมิ เก่ียวกับคาตอบทน่ี ่าเชอ่ื ถือ โดยเล่าขา่ ว หรอื สถานการณ์ทเ่ี กิดขึน้ ในปัจจุบันจากน้นั ให้ นักเรียนร่วมกันวเิ คราะหด์ งั เร่ืองราวจากเหตกุ ารณ์ หลังจากนักเรยี นฟงั ข่าวจบ ครใู ช้คาถามวา่ นกั เรียนคดิ วา่ วตั ถนุ ีค้ อื อะไร เพราะเหตุใดนักเรียนจึงคิดเช่นนั้น และนักเรียนมหี ลักฐานอะไรที่ใช้สนบั สนุนความคดิ ของนักเรยี น ขั้นท่ี 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรียนอ่านรอู้ ะไรในเรื่องนใ้ี นหนังสือเรียนหนา้ 36 จากนัน้ ครใู หน้ กั เรียนตอบคาถามในฉนั รอู้ ะไร และบันทึก คาตอบในแบบบันทกึ กิจกรรมหนา้ 32-33 จากนน้ั นกั เรียนอ่านสิ่งทไ่ี ด้เรยี นรู้ และเปรยี บเทียบกับข้อสรปุ ของตนเอง 3. ครูกระตุ้นใหน้ ักเรยี นฝกึ ตงั้ คาถามในอยากรู้อกี วา่ จากนัน้ บนั ทึกในแบบบนั ทึกกิจกรรมหน้า 33 ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ 4. นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายและลงขอ้ สรปุ ว่า คาตอบที่นา่ เชอื่ ถือเปน็ คาตอบทมี่ ีหลกั ฐานท่ีได้มาจากการนาข้อมลู ที่ รวบรวมไดม้ าวเิ คราะหแ์ ลว้ นาหลกั ฐานนั้นมาสนบั สนนุ คาตอบ และมกี ารสอ่ื สารให้ผอู้ ่นื เข้าใจ โดยมีการเชื่อมโยงคาตอบกบั หลกั ฐานอยา่ งเป็นเหตเุ ปน็ ผลกัน ขน้ั ที่ 4 ขั้นขยายความรู้ 5. นกั เรยี นตอบคาถามในช่วงทา้ ยของเน้ือเรอ่ื งวา่ การใช้ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทาให้เราค้นพบคาตอบที่ นา่ เช่อื ถือ เราจะใช้ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรไู้ ดอ้ ย่างไรบ้าง ขน้ั ที่ 5 ขนั้ ประเมิน 6. ครูใหน้ กั เรยี นพดู แสดงความรสู้ ึกหลังการเรยี น ดังนี้ สงิ่ ทนี่ ักเรียนไดเ้ รียนรใู้ นวนั นคี้ ืออะไร นักเรียนมปี ญั หาหรือข้อ สงสยั ในเรื่องใดบ้าง นักเรียนต้องการทราบอะไรเพมิ่ เตมิ 7. ครสู งั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี น สงั เกตการตอบคาถามของนักเรียน และประเมินการทากิจกรรมของนกั เรยี น การวัดและประเมินผล สื่อการเรยี นรู้ 1. ประเมินความรู้จากการตอบคาถามในชน้ั เรียน 1. หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จาก 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป.3 เล่ม 1 การทากจิ กรรม
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 15 เรอื่ ง กจิ กรรมท้ายบทท่ี 1 เรยี นรแู้ บบนกั วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 การเรยี นรูส้ ง่ิ ต่าง ๆ รอบตัว เวลาเรียน 15 ชั่วโมง ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - 1. อธิบายสมบัตขิ องวสั ดุทใ่ี ชท้ าวัตถุได้ (K) 2. บอกชนิดของวสั ดุได้ (P) สาระสาคัญ 3. จดั กลุม่ วัสดุตามสมบตั ิของวัสดุได้ (P) 4. บอกจานวนและชนดิ ของวัสดตุ ่างๆ ทีใ่ ชท้ าวตั ถแุ ตล่ ะชิ้น การทดสอบกจิ กรรมทา้ ยบทที่ 1 เรียนรู้แบบ นักวิทยาศาสตร์ เปน็ การตรวจสอบดูวา่ นกั เรยี นแตล่ ะ ได้ (P) คนมีความรู้ ความเขา้ ใจ หลังการเรยี นรู้ มากนอ้ ย 5. มคี วามมุ่งมน่ั และตั้งใจในการทางาน (A) เพยี งใด กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1. ครใู หน้ กั เรียนวาดรูปหรอื เขยี นสรุปส่ิงทไี่ ด้เรยี นรู้จากบทน้ี ในแบบบนั ทึกกิจกรรมหน้า 34 ขัน้ ท่ี 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรยี นตรวจสอบสรปุ สงิ่ ท่ไี ด้เรียนของตนเองโดยเปรียบเทียบกับแผนภาพในหัวขอ้ รู้อะไรในบทนี้ ในหนังสอื เรยี น หนา้ 37 3. นกั เรียนกลับไปตรวจสอบคาตอบของตนเองในสารวจความรกู้ ่อนเรยี น ในแบบบนั ทกึ กิจกรรมหนา้ 2-6 อกี ครง้ั ถา้ คาตอบของนกั เรยี นไม่ถูกตอ้ งใหข้ ดี เส้นทับขอ้ ความเหลา่ น้นั แลว้ แก้ไขใหถ้ ูกต้อง หรอื อาจแกไ้ ขคาตอบดว้ ยดนิ สอสี 4. นักเรยี นทาแบบฝกึ หดั ทา้ ยบทท่ี 1 เรียนร้แู บบนกั วิทยาศาสตร์ โดยบนั ทกึ คาตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม หน้า 35- 41 ข้นั ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ 5. นักเรยี นร่วมกันอา่ นและอภิปรายเน้ือเร่อื งในหัวขอ้ วทิ ยใ์ กลต้ วั ในหนงั สือเรยี นหน้า 42 โดยครกู ระตุ้นให้นกั เรยี น เหน็ ความสาคญั ของความรจู้ ากส่งิ ทไ่ี ด้เรียนรใู้ นหนว่ ยนวี้ ่าสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจาวันไดอ้ ย่างไรบา้ ง ขั้นท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ 6. นกั เรยี นรว่ มกันทากิจกรรมรว่ มคดิ ร่วมทา ในแบบบันทกึ กิจกรรมหน้า 42 โดยครูกระตนุ้ ให้นักเรียนเห็นความสาคัญ ของความรู้จากสิง่ ทีไ่ ดเ้ รยี นรูใ้ นหนว่ ยนี้ ว่าสามารถนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวนั ได้อย่างไร ขนั้ ท่ี 5 ขนั้ ประเมิน 7. ครูใหน้ กั เรยี นพูดแสดงความรู้สึกหลังการเรียน ดงั นี้ สงิ่ ทีน่ ักเรยี นได้เรียนรู้ในวันนคี้ อื อะไร นักเรียนมีปัญหาหรือข้อ สงสยั ในเรือ่ งใดบา้ ง นกั เรียนตอ้ งการทราบอะไรเพมิ่ เติม 8. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี น สังเกตการตอบคาถามของนักเรียน และประเมินการทากิจกรรมของนกั เรียน การวัดและประเมินผล สือ่ การเรียนรู้ 1. ประเมินความรจู้ ากการตอบคาถามในชัน้ เรยี น 1. หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป.3 เลม่ 1 การทากจิ กรรม
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง อากาศ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 อากาศและชีวิตของสตั ว์ เวลาเรียน 25 ช่วั โมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 เวลาเรียน 1 ชัว่ โมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ว 3.2 ป.3/1 1. รวบรวมขอ้ มลู ส่วนประกอบของอากาศได้ (K) 2. สงั เกตและระบสุ ่วนประกอบของอากาศได้ (P) สาระสาคัญ 3. มีความม่งุ มน่ั และตั้งใจในการทางาน (A) อากาศมีอยู่รอบตัวเรา เมือ่ อากาศมสี ่ิงเจือปน เชน่ สารพิษ ฝนุ่ ละอองจนเป็นอนั ตรายต่อสิ่งมชี วี ิต จัดเปน็ มลพษิ ทางอากาศ ซ่ึงมลพิษทางอากาศส่วนใหญเ่ กดิ จากการกระทาของมนษุ ย์ กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นท่ี 1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ 1. ครใู ชร้ ูปสถานการณ์ปจั จบุ นั เชน่ รูปควนั ทีป่ กคลมุ พนื้ ที่ในภาคเหนือ จากน้นั นาอภิปรายโดยใชค้ าถาม ดงั น้ี จาก สถานการณน์ นี้ ักเรยี นคดิ วา่ เกดิ จากสาเหตใุ ด ถา้ อากาศมสี ภาพเชน่ นีต้ อ่ ไปนาน ๆ จะสง่ ผลตอ่ สง่ิ มชี ีวิตอยา่ งไร สถานการณน์ ้เี ปน็ มลพษิ ทางอากาศหรือไม่ เพราะเหตุใดจึงคิดเช่นน้นั ขนั้ ที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นักเรียนอา่ นช่ือเรอื่ งและคดิ กอ่ นอา่ น ในหนังสือหนา้ 49 และลองตอบคาถามในคิดก่อนอา่ น ตามความเข้าใจครบู นั ทึก คาตอบของนักเรียนบนกระดานเพ่ือใช้เปรียบเทียบกบั คาตอบหลงั การอา่ น 3. นักเรยี นอา่ นเนอ้ื เรือ่ งในหนังสือเรยี นหนา้ 49-50 และตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยใช้คาถาม 4. นักเรยี นตอบคาถามจากเรื่องทอ่ี า่ นในร้หู รือยงั ในแบบบนั ทึกกิจกรรมหนา้ 47 จากนนั้ รว่ มกนั อภปิ รายเพื่อเปรยี บเทยี บ คาตอบของนักเรยี นในร้หู รอื ยังกบั คาตอบทเ่ี คยตอบและบนั ทกึ ไวใ้ นคิดกอ่ นอา่ น ขัน้ ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ 5. นักเรียนร่วมกนั สรุปเร่ืองทีอ่ า่ นซง่ึ ควรสรปุ ไดว้ ่า อากาศมอี ยู่รอบตัวเรา เมือ่ อากาศมสี ง่ิ เจือปน เช่น สารพษิ ฝุ่นละออง จนเปน็ อนั ตรายต่อสง่ิ มชี ีวิต จัดเปน็ มลพิษทางอากาศ ซง่ึ มลพิษทางอากาศส่วนใหญเ่ กิดจากการกระทาของมนษุ ย์ ขน้ั ที่ 4 ขนั้ ขยายความรู้ 6. นกั เรียนอา่ นคาถามทา้ ยเร่ืองทีอ่ า่ นและลองตอบคาถาม ดงั นี้ อากาศมสี ่วนประกอบอะไรบา้ ง เราควรปฏบิ ัตติ นอย่างไร เพอื่ ลดมลพิษทางอากาศ ข้ันท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ 7. ครใู ห้นกั เรยี นพูดแสดงความร้สู ึกหลงั การเรยี น ดงั นี้ สง่ิ ทนี่ กั เรยี นไดเ้ รียนรู้ในวันนคี้ อื อะไร นกั เรยี นมีปัญหาหรือขอ้ สงสยั ในเร่ืองใดบา้ ง นกั เรียนตอ้ งการทราบอะไรเพ่ิมเตมิ 8. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรยี น และประเมินการทากิจกรรมของนกั เรียน การวัดและประเมนิ ผล สอื่ การเรยี นรู้ 1. ประเมนิ ความร้จู ากการตอบคาถามในชั้นเรียน 1. หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.3 เล่ม 1 การทากิจกรรม
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 1 เรอื่ ง สารวจความรู้ก่อนเรยี น บทท่ี 1 อากาศและความสาคญั ต่อส่งิ มชี ีวิต กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 อากาศและชีวติ ของสัตว์ เวลาเรยี น 25 ชั่วโมง ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั จุดประสงค์การเรียนรู้ ว 3.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4 1. อธบิ ายสว่ นประกอบของอากาศ ความสาคญั ของอากาศ การเกิดลมได้ (K) สาระสาคัญ สารวจความรู้กอ่ นเรยี นบทท่ี 2 อากาศและ 2. ระบสุ ว่ นประกอบของอากาศได้ (P) ความสาคัญต่อส่ิงมีชีวติ เปน็ การตรวจสอบความรู้ 3. บรรยายความสาคัญของอากาศ และผลกระทบของ พื้นฐานของนักเรยี นก่อนการเรยี นรู้ มลพิษทางอากาศตอ่ ส่ิงมชี วี ติ ได้ (P) 4. บรรยายประโยชนแ์ ละโทษของลมได้ (P) 5. มีความมุ่งม่ันและตั้งใจในการทางาน (A) กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ 1. ครตู รวจสอบความรู้เดิมของนักเรยี นโดยชกั ชวนนกั เรียนให้ร่วมกันสงั เกตรูปนาหน่วยในหนังสือเรยี นหน้า 44-45 จากนนั้ ครู ใชค้ าถามดงั นี้ นกั เรยี นสงั เกตเหน็ อะไรในรปู บา้ ง วา่ สิง่ ที่นักเรียนเหน็ ในรปู เก่ียวขอ้ งกับอากาศหรอื ไม่ อยา่ งไร ขั้นที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นักเรยี นศึกษาเรอ่ื งอากาศและชวี ติ ของสัตว์ โดยให้อา่ นชอื่ หนว่ ย และอ่านคาถามสาคญั ประจาหนว่ ยท่ี 2 ดังนี้ สิ่งมีชวี ติ ใช้ ส่ิงใดบา้ งในการดารงชวี ิต และใชอ้ ยา่ งไร 3. นกั เรยี นอา่ นช่อื บทและจดุ ประสงคก์ ารเรียนรปู้ ระจาบทในหนังสือเรียนหน้า 45 4. นกั เรยี นอา่ นชอื่ บทและแนวคิดสาคัญ จากหนังสือเรยี นหน้า 46 จากน้ันครูใชค้ าถามว่า จากการอ่านแนวคิดสาคัญ นักเรียน คิดว่าจะไดเ้ รียนเกยี่ วกับเรื่องอะไรบ้าง 5. ครูชกั ชวนให้นักเรยี นสงั เกตรปู และอา่ นเนอ้ื เรอ่ื งในหน้า 46 จากนน้ั ทาสารวจความรกู้ ่อนเรยี น ในแบบบนั ทึกกจิ กรรมหนา้ 44-46 ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 6. ครถู ามคาถามใหน้ ักเรยี นร่วมกนั อภปิ ราย เชน่ อากาศมีอยู่ที่ใดบ้าง อากาศมีความสาคญั อย่างไร ขนั้ ท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ 7. ครูสงั เกตการตอบคาถามของนกั เรียนเพ่ือตรวจสอบว่านกั เรยี นมีแนวคิดเกีย่ วกบั อากาศและความสาคญั ต่อสิง่ มีชวี ติ อยา่ งไร โดยสมุ่ นกั เรยี น 2-3 คน นาเสนอคาตอบของตนเอง ขน้ั ที่ 5 ขั้นประเมิน 8. ครใู หน้ กั เรียนพูดแสดงความรูส้ ึกหลงั การเรยี น ดังนี้ สง่ิ ทนี่ ักเรยี นได้เรยี นรใู้ นวันนี้คอื อะไร นักเรยี นมปี ญั หาหรอื ข้อสงสัยใน เรือ่ งใดบา้ ง นักเรียนตอ้ งการทราบอะไรเพ่ิมเตมิ 9. ครูสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรียน และประเมนิ การทากิจกรรมของนกั เรยี น การวัดและประเมนิ ผล สอ่ื การเรยี นรู้ 1. ประเมินความร้จู ากการตอบคาถามในช้นั เรียน 1. หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.3 เล่ม 1 การทากจิ กรรม
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3 เร่อื ง กิจกรรมที่ 1.1 : อากาศมีส่วนประกอบอะไรบ้าง (1) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 อากาศและชวี ิตของสัตว์ เวลาเรียน 25 ช่ัวโมง ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ว 3.2 ป.3/1 1. รวบรวมขอ้ มลู สว่ นประกอบของอากาศได้ (K) 2. สงั เกตและระบุสว่ นประกอบของอากาศได้ (P) สาระสาคญั 3. มคี วามมงุ่ มั่นและตั้งใจในการทางาน (A) อากาศประกอบด้วยแกส๊ ไนโตรเจนมากที่สุด รองลงมาเปน็ แกส๊ ออกซิจน แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ และแก๊สอื่น ๆ เพยี ง เล็กน้อย แต่อากาศส่วนใหญ่บนโลกเปน็ อากาศชืน้ ที่มไี อนา้ เป็น สว่ นประกอบ ซ่ึงปริมาณของไอนา้ ในอากาศจะแตกต่างกันขนึ้ กับ สภาพแวดลอ้ มในแตล่ ะพ้นื ที่ กจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ ที่ 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ 1. ครูทบทวนความร้พู นื้ ฐานและความรู้เดมิ เกยี่ วกับส่วนประกอบของอากาศ โดยใช้แนวคาถามดังต่อไปนี้ เรามองเหน็ อากาศทีอ่ ยู่ รอบตวั หรือไม่ อากาศรอบตัวเรามสี ่วนประกอบอะไรบา้ ง อากาศในบรเิ วณตา่ ง ๆ มสี ว่ นประกอบเหมอื นกันหรอื ไม่ อยา่ งไร ขน้ั ที่ 2 สารวจและค้นหา 2. นักเรียนอา่ นชอ่ื กจิ กรรม และทาเป็นคิดเป็น จากหนังสือเรยี นหน้า 51 แล้วรว่ มกันอภิปรายเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน เกยี่ วกับเรือ่ งทีจ่ ะเรียนโดยใช้คาถาม ดังนี้ กจิ กรรมนน้ี กั เรยี นจะไดเ้ รียนเกยี่ วกบั เรอื่ งอะไร จะได้เรยี นรเู้ รอื่ งนดี้ ว้ ยวิธีใด และเมื่อเรยี นแล้ว นักเรยี นจะทาอะไรได้ 3. นักเรยี นบนั ทึกจดุ ประสงค์ของกจิ กรรมลงในแบบบันทึกกจิ กรรม หนา้ 48 จากนน้ั อา่ นสิ่งทตี่ ้องใช้ในการทากิจกรรม 4. นักเรียนอ่านทาอยา่ งไร จากนัน้ ครูตรวจสอบความเขา้ ใจเกี่ยวกับวิธีการทากิจกรรม เมือ่ นักเรียนเข้าใจวิธกี ารทากจิ กรรมแล้วให้ นกั เรยี นเริ่มปฏบิ ตั ิตามขั้นตอนการทากจิ กรรมในทาอย่างไรขอ้ 1-3 และบันทกึ ผลการทากิจกรรมในแบบบันทกึ กจิ กรรมหน้า 48 ขั้นที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 5. ครนู าอภปิ รายผลการสงั เกต โดยใช้คาถามดังน้ี เมื่อนักเรียนสมั ผัสทผ่ี ิวดา้ นในของถงุ พลาสติก่อนนาไปแชใ่ นกระติกนา้ แข็ง ส่งิ ทีพ่ บ คอื อะไร เมือ่ สัมผสั ทีผ่ ิวด้านในของถุงพลาสติกหลังจากนาไปแชใ่ นกระตกิ น้าแข็งนาน 10 นาที ส่งิ ท่ีพบคอื อะไร ทราบไดอ้ ย่างไร สง่ิ ทพ่ี บท่ีผวิ ด้านในของถุงพลาสตกิ มาจากไหน จากกิจกรรมน้ี เราพบว่ามีส่ิงใดอย่ใู นอากาศ ขั้นท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ 6. ขั้นที่ 5 ขั้นประเมนิ 7. ครใู ห้นักเรยี นพูดแสดงความรสู้ ึกหลงั การเรยี น ดงั น้ี สง่ิ ทน่ี ักเรียนได้เรียนรู้ในวันนี้คืออะไร นักเรยี นมปี ญั หาหรอื ขอ้ สงสัยในเรื่อง ใดบ้าง นักเรียนต้องการทราบอะไรเพม่ิ เตมิ 8. ครูสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรียน และประเมนิ การทากิจกรรมของนักเรยี น การวัดและประเมนิ ผล สือ่ การเรียนรู้ 1. ประเมนิ ความรูจ้ ากการตอบคาถามในช้ันเรียน 1. หนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จาก 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 เร่อื ง กิจกรรมท่ี 1.1 : อากาศมสี ่วนประกอบอะไรบ้าง (2) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 3 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 อากาศและชีวติ ของสัตว์ เวลาเรียน 25 ชว่ั โมง ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ว 3.2 ป.3/1 1. รวบรวมข้อมลู ส่วนประกอบของอากาศได้ (K) สาระสาคัญ 2. สังเกตและระบสุ ว่ นประกอบของอากาศได้ (P) 3. มีความมุ่งมนั่ และตง้ั ใจในการทางาน (A) อากาศประกอบดว้ ยแก๊สไนโตรเจนมากทีส่ ุด รองลงมาเปน็ แกส๊ ออกซจิ น แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ และแกส๊ อ่นื ๆ เพียง เลก็ น้อย แต่อากาศส่วนใหญ่บนโลกเปน็ อากาศชน้ื ทมี่ ีไอนา้ เป็น ส่วนประกอบ ซง่ึ ปริมาณของไอนา้ ในอากาศจะแตกตา่ งกันขนึ้ กบั สภาพแวดล้อมในแต่ละพ้นื ท่ี กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั ท่ี 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ 1. ครเู ชอื่ มโยงความรู้เดมิ ของนักเรียนไปสกู่ จิ กรรมท่ี 1.1 โดยใชค้ าถามดงั นี้ ถา้ เราเก็บอากาศเข้าไปอยใู่ นถงุ พลาสตกิ และมัด ปากถงุ ไว้ เราจะสังเกตเหน็ สิ่งใดในอากาศทอ่ี ยู่ภายในถงุ ขั้นท่ี 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรียนอ่านทาอยา่ งไรข้อ 4-5 แล้วให้นกั เรียนนักเรยี นรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกบั สว่ นประกอบของอากาศ โดยให้ นกั เรยี นอ่านใบความรู้ เรอ่ื ง สว่ นประกอบของอากาศ หน้า 52 3. ครนู าอภปิ รายเกยี่ วกบั ส่วนประกอบอากาศ โดยใช้คาถามดังนี้ อากาศแห้งมสี ่วนประกอบอะไรบา้ ง มแี กส๊ ชนิดใดมากทีส่ ุด และปรมิ าณเทา่ ใด อากาศบนโลกมีสว่ นประกอบเหมอื นหรอื แตกตา่ งจากอากาศแหง้ อยา่ งไร อากาศในแต่ละบริเวณมปี ริมาณไอนา้ เทา่ กนั หรือไม่ อย่างไร อากาศมีความสาคัญกบั สงิ่ มีชีวิตเพราะเหตใุ ด อากาศมีความสาคัญต่อโลกอย่างไร ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 4. นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและลงขอ้ สรุปวา่ ครูชกั ชวนนักเรียนรว่ มกันอภิปรายเพอ่ื เชือ่ มโยงผลการทากจิ กรรมกบั ขอ้ มลู ท่ีได้ จากการอา่ นใบความรู้ เรอื่ งส่วนประกอบของอากาศ โดยใชค้ าถาม ดังน้ี น้าท่ีพบในถงุ พลาสตกิ เกย่ี วขอ้ งกบั ไอนา้ ทเี่ ปน็ ส่วนประกอบ ของอากาศอย่างไร อากาศท่อี ยใู่ นถุงพลาสตกิ เปน็ อากาศแห้งหรอื อากาศช้นื เพราะเหตุใด จากขอ้ มลู ท่ไี ด้จากการสงั เกตและจากก การอา่ นใบความรู้ สรปุ ได้ว่าอากาศมีสว่ นประกอบใดบ้าง ขั้นท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้ 5. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มชว่ ยกนั คิดรูปแบบการนาเสนอสว่ นประกอบของอากาศในรปู แบบท่ีนา่ สนใจ โดยใช้วัสดุและอุปกรณ์ท่ีครู เตรียมให้ ขน้ั ที่ 5 ข้ันประเมนิ 6. ครใู หน้ กั เรยี นพดู แสดงความรสู้ กึ หลงั การเรยี น ดงั นี้ สิ่งทนี่ ักเรียนไดเ้ รียนรใู้ นวันน้ีคอื อะไร นักเรยี นมีปญั หาหรอื ขอ้ สงสยั ใน เร่ืองใดบ้าง นักเรยี นต้องการทราบอะไรเพ่ิมเติม 7. ครูสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียน สงั เกตการตอบคาถามของนักเรียน และประเมนิ การทากิจกรรมของนักเรยี น การวัดและประเมินผล สื่อการเรยี นรู้ 1. ประเมินความรจู้ ากการตอบคาถามในช้นั เรยี น 1. หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.3 เลม่ 1 การทากจิ กรรม
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 5 เรอ่ื ง กจิ กรรมที่ 1.1 : อากาศมสี ่วนประกอบอะไรบ้าง (3) กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 อากาศและชวี ติ ของสตั ว์ เวลาเรียน 25 ช่ัวโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ว 3.2 ป.3/1 1. รวบรวมข้อมูลส่วนประกอบของอากาศได้ (K) 2. สงั เกตและระบสุ ว่ นประกอบของอากาศได้ (P) สาระสาคัญ 3. มีความมงุ่ มนั่ และตัง้ ใจในการทางาน (A) อากาศประกอบดว้ ยแกส๊ ไนโตรเจนมากท่ีสุด รองลงมา เป็นแก๊สออกซิจน แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ และแก๊สอื่น ๆ เพียงเลก็ นอ้ ย แต่อากาศสว่ นใหญบ่ นโลกเป็นอากาศชื้นทมี่ ีไอ น้าเป็นส่วนประกอบ ซง่ึ ปริมาณของไอนา้ ในอากาศจะแตกต่าง กันขน้ึ กับสภาพแวดล้อมในแตล่ ะพ้ืนท่ี กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั ที่ 1 ขน้ั สร้างความสนใจ 1. ครเู ช่ือมโยงความรู้เดมิ ของนกั เรียนโดยใชค้ าถามวา่ สเปซหมายถึงอะไรและแบบจาลองหมายถึงอะไร ครชู ักชวนนกั เรียน หาคาตอบจากการอ่านเรื่องทกั ษะการหาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกับสเปซ และสเปซกับเวลา และทกั ษะการสรา้ งแบบจาลอง ขน้ั ท่ี 2 สารวจและค้นหา 2. นักเรยี นตอบคาถามในฉนั รูอ้ ะไร และบนั ทกึ คาตอบในแบบบันทึกกจิ กรรมหนา้ 50-51 จากนน้ั นกั เรยี นอา่ นส่งิ ท่ีได้ เรียนรู้ และเปรียบเทียบกับขอ้ สรปุ ของตนเอง 3. ครูกระตุ้นให้นักเรยี นฝกึ ตงั้ คาถามในอยากรอู้ ีกว่า จากนน้ั บนั ทกึ ในแบบบันทึกกิจกรรมหน้า 51 ขั้นท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 4. นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายและลงข้อสรุปว่า อากาศโดยทว่ั ไปเป็นอากาศชนื้ ประกอบดว้ ยแกส๊ ต่าง ๆ ในปรมิ าณที่ แตกต่างกนั ซง่ึ แกส๊ ท่มี ปี รมิ าณมากทส่ี ุดคอื แกส๊ ไนโตรเจน รองลงมาเปน็ แก๊สออกซเิ จน แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดแ์ ละแก๊สอนื่ ๆ เช่น อาร์กอน ตามลาดับ และไอนา้ ซึง่ มปี ริมาณแตกตา่ งกนั ตามแตล่ ะพน้ื ที่ สว่ นอากาศแหง้ จะมแี กส๊ ทกุ ชนดิ เปน็ สว่ นประกอบ ยกเวน้ ไอนา้ ขั้นที่ 4 ขนั้ ขยายความรู้ 5. ครูต้ังคาถามถามนกั เรียนว่า “สง่ิ มีชวี ิตบนโลกสว่ นใหญไ่ มไ่ ด้ใช้แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ในการดารงชวี ิต ดังนนั้ แก๊ส คารบ์ อนไดออกไซด์จงึ ไมม่ คี วามสาคญั กับสง่ิ มชี ีวติ ” นักเรียนเหน็ ดว้ ยหรือไม่ เพราะอะไร ขน้ั ที่ 5 ขนั้ ประเมิน 6. ครูใหน้ กั เรียนพดู แสดงความรสู้ กึ หลงั การเรียน ดงั นี้ สิ่งทนี่ ักเรยี นไดเ้ รียนร้ใู นวนั นค้ี อื อะไร นักเรียนมปี ญั หาหรอื ขอ้ สงสยั ในเร่ืองใดบ้าง นกั เรยี นต้องการทราบอะไรเพม่ิ เติม 7. ครูสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรียน และประเมนิ การทากจิ กรรมของนกั เรยี น การวัดและประเมนิ ผล สอ่ื การเรียนรู้ 1. ประเมนิ ความร้จู ากการตอบคาถามในชัน้ เรียน 1. หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 6 เรอื่ ง กิจกรรมที่ 1.2 : ลดมลพิษทางอากาศได้อย่างไร (1) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 3 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 อากาศและชวี ติ ของสตั ว์ เวลาเรยี น 25 ชั่วโมง ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 เวลาเรียน 1 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ว 3.2 ป.3/2 1. อธบิ ายเก่ียวกบั มลพิษทางอากาศ และผลกระทบของ มลพิษทางอากาศตอ่ ส่ิงมชี ีวติ ได้ ได้ (K) สาระสาคัญ 2. สังเกตและบรรยายสิง่ ท่ีพบในอากาศกับมลพิษทาง เม่ือในอากาศมปี รมิ าณของสว่ นประกอบต่าง ๆ ไม่ อากาศได้ (P) เหมาะสม ทาให้เกิดมลพษิ ทางอากาศ เช่น มีแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์หรอื มีฝุน่ ละอองอยู่ในอากาศเปน็ ปรมิ าณมาก 3. รวบรวมขอ้ มูลและนาเสนอแนวทางการปฏบิ ตั ิตนในการ อาจทาให้ส่ิงมชี ีวิตหายใจไมส่ ะดวกหรอื อาจเป็นโรคเกี่ยวกับ ลดมลพิษทางอากาศได้ (P) ระบบหายใจ 4. มีความมุง่ มัน่ และตัง้ ใจในการทางาน (A) กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันที่ 1 ข้นั สร้างความสนใจ 1. นกั เรียนตอบคาถามเพ่ือตรวจสอบความรเู้ ดิมเกีย่ วกบั มลพิษทางอากาศ ดังนี้ นักเรยี นคดิ วา่ บรเิ วณท่ีมีฝุ่นละอองมาก ๆ เป็นบริเวณที่ มมี ลพษิ ทางอากาศหรอื ไม่ อยา่ งไร ตงั้ แต่ตน่ื นอนจนเขา้ นอน นกั เรยี นไดท้ าอะไรบ้างทก่ี ่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ แนวทางการปฏิบัติตนเพื่อ ลดมลพิษทางอากาศทาได้อยา่ งไร ขนั้ ที่ 2 สารวจและค้นหา 2. นักเรยี นอ่านช่ือกจิ กรรม และทาเปน็ คิดเปน็ จากหนังสือเรียนหนา้ 55 แล้วร่วมกันอภิปรายเพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน เกีย่ วกบั เรอื่ งที่จะเรยี นโดยใชค้ าถาม ดงั น้ี กิจกรรมน้นี กั เรยี นจะไดเ้ รยี นเกย่ี วกบั เรื่องอะไร จะได้เรียนร้เู รอ่ื งนดี้ ว้ ยวิธีใด และเม่อื เรยี นแล้ว นกั เรยี นจะทาอะไรได้ 3. นักเรยี นบนั ทึกจุดประสงค์ของกจิ กรรมลงในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม หน้า 52 จากนัน้ อา่ นสง่ิ ท่ีตอ้ งใชใ้ นการทากจิ กรรม 4. นกั เรียนอ่านทาอย่างไรตอนท่ี 1 จากนัน้ ครตู รวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกบั วิธกี ารทากจิ กรรม เมอ่ื นักเรยี นเข้าใจวิธกี ารทากิจกรรมแลว้ ให้นักเรียนเริ่มปฏิบตั ิตามขั้นตอนการทากจิ กรรม หลงั จากทากิจกรรมครบ 2 วนั แล้วบนั ทกึ ผลการทากจิ กรรมในแบบบันทึกกจิ กรรมหน้า 52- 53 ขัน้ ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ 5. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายและสรปุ ร่วมกนั วา่ อากาศทมี่ ีฝุ่นละอองจานวนมาก การเพ่ิมปรมิ าณของแกส๊ หรอื สารเจอื ปนต่าง ๆ เป็นจานวนมาก ทาให้เกิดมลพิษทางอากาศ และสง่ ผลตอ่ ส่งิ มชี วี ติ เช่น หายใจไมส่ ะดวกหรอื อาจเปน็ โรคเกย่ี วกบั ระบบหายใจหรอื โรคอ่ืน ๆ ตามมาได้ ข้นั ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ 6. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรยี นตอบหรอื ซักถามในสิง่ ทอี่ ยากรู้เพมิ่ เติมเกีย่ วกับการเกิดพิษทางอากาศ ขน้ั ท่ี 5 ขนั้ ประเมิน 7. ครใู ห้นักเรยี นพูดแสดงความรู้สกึ หลังการเรียน ดงั นี้ สง่ิ ทนี่ กั เรียนได้เรยี นรใู้ นวันนคี้ ืออะไร นกั เรยี นมปี ัญหาหรือขอ้ สงสยั ในเรื่อง ใดบ้าง นกั เรยี นตอ้ งการทราบอะไรเพ่มิ เตมิ 8. ครูสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน สังเกตการตอบคาถามของนักเรยี น และประเมนิ การทากจิ กรรมของนักเรียน การวัดและประเมนิ ผล สือ่ การเรียนรู้ 1. ประเมนิ ความรจู้ ากการตอบคาถามในชนั้ เรยี น 1. หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จาก 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป.3 เลม่ 1 การทากจิ กรรม
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 7 เรอ่ื ง กจิ กรรมท่ี 1.2 : ลดมลพษิ ทางอากาศไดอ้ ย่างไร (2) กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 อากาศและชวี ิตของสตั ว์ เวลาเรยี น 25 ชวั่ โมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ชัว่ โมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวัด จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ว 3.2 ป.3/2 1. อธิบายเก่ียวกับมลพษิ ทางอากาศ และผลกระทบของ มลพิษทางอากาศต่อส่ิงมีชวี ิตได้ ได้ (K) สาระสาคญั 2. สงั เกตและบรรยายสิ่งท่พี บในอากาศกบั มลพิษทาง แนวทางการปฏิบตั ติ นในการลดมลพิษทางอากาศทาไดห้ ลายวิธี อากาศได้ (P) ขนึ้ อยกู่ ับสาเหตุของการเกดิ มลพษิ ทางอากาศในแต่ละบรเิ วณ เช่น ไมเ่ ผา ขยะหรอื ไมเ่ ผาป่าเพ่อื การเกษตร ชว่ ยกนั แยกขยะก่อนทิง้ วางแผนการ 3. รวบรวมขอ้ มลู และนาเสนอแนวทางการปฏิบตั ติ นในการ เดนิ ทางเพอ่ื ลดการใชร้ ถยนต์ท่ีมีการเผาไหม้เชือ้ เพลงิ ปลกู ตน้ ไม้เพอ่ื เพ่ิม ลดมลพิษทางอากาศได้ (P) แก๊สออกซเิ จนและลดแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ใหก้ ับอากาศ 4. มีความมงุ่ มน่ั และตงั้ ใจในการทางาน (A) กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ 1. ครเู ชือ่ มโยงผลการทากิจกรรมในตอนที่ 1 เข้าสกู่ ิจกรรมตอนท่ี 2 โดยใช้คาถามดังนี้ ถ้าเราต้องอาศัยอยูใ่ นบริเวณที่มี มลพษิ ทางอากาศ เราต้องปฏิบตั ิตนอย่างไร เพราะเหตุใด กจิ กรรมใดบา้ งในชวี ติ ประจาวนั ท่กี ่อใหเ้ กิดมลพษิ ทางอากาศ และ มีแนวทางการปฏิบัติตนเพ่อื ลดมลพษิ ทางอากาศอยา่ งไร ขัน้ ที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นักเรียนอ่านทาอย่างไร ตอนที่ 2 หน้า 56 แลว้ ร่วมกนั อภิปรายเพ่อื สรุปลาดับข้ันตอนตามความเขา้ ใจ 3. นักเรียนอา่ นทาอย่างไรตอนที่ 2 จากนัน้ ครตู รวจสอบความเขา้ ใจเกย่ี วกบั วิธีการทากิจกรรม เมือ่ นักเรียนเขา้ ใจ วิธกี ารทากจิ กรรมแล้วให้นกั เรยี นเริ่มปฏิบัติตามขัน้ ตอนการทากิจกรรม และบันทึกผลการทากิจกรรมในแบบบนั ทกึ กิจกรรม หนา้ 53-55 ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป 4. ครนู าอภิปรายผลการทากจิ กรรม โดยใช้คาถามดังนี้ จากรปู กจิ กรรมใดบ้างทก่ี ่อใหเ้ กิดมลพิษทางอากาศ และสง่ ผล ต่อสิ่งมชี ีวิตอย่างไร กิจกรรมดังกล่าวส่งผลตอ่ สิ่งมชี วี ติ อยา่ งไร แนวทางการปฏิบัติตนเพอื่ ลดมลพษิ ทางอากาศทเี่ กดิ จาก กจิ กรรมดงั กลา่ ว ทาได้อยา่ งไร ข้นั ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ 5. ครเู ปดิ โอกาสให้นกั เรยี นตอบหรอื ซักถามในส่งิ ทีอ่ ยากรู้เพิม่ เติมเก่ียวกบั การลดมลพิษทางอากาศ ขั้นท่ี 5 ขน้ั ประเมนิ 6. ครูใหน้ กั เรยี นพดู แสดงความรสู้ กึ หลังการเรียน ดังน้ี สง่ิ ทน่ี กั เรยี นไดเ้ รียนรใู้ นวันนีค้ อื อะไร นักเรยี นมปี ัญหาหรือข้อ สงสยั ในเรอ่ื งใดบา้ ง นกั เรียนตอ้ งการทราบอะไรเพม่ิ เติม 7. ครูสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียน สังเกตการตอบคาถามของนักเรียน และประเมินการทากจิ กรรมของนักเรียน การวัดและประเมนิ ผล สอ่ื การเรียนรู้ 1. ประเมนิ ความรู้จากการตอบคาถามในชนั้ เรียน 1. หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 8 เรื่อง กจิ กรรมที่ 1.2 : ลดมลพิษทางอากาศได้อยา่ งไร (3) กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 อากาศและชวี ิตของสัตว์ เวลาเรียน 25 ชว่ั โมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ว 3.2 ป.3/2 1. อธบิ ายเกี่ยวกับมลพษิ ทางอากาศ และผลกระทบของ มลพษิ ทางอากาศต่อส่ิงมชี วี ิตได้ ได้ (K) สาระสาคญั 2. สังเกตและบรรยายสิ่งท่พี บในอากาศกับมลพษิ ทาง เมอ่ื ในอากาศมปี ริมาณของสว่ นประกอบตา่ ง ๆ ไม่ อากาศได้ (P) เหมาะสม ทาให้เกดิ มลพษิ ทางอากาศ เช่น มแี กส๊ คาร์บอนไดออกไซด์หรือมีฝนุ่ ละอองอยู่ในอากาศเปน็ ปริมาณ 3. รวบรวมขอ้ มลู และนาเสนอแนวทางการปฏิบัตติ นในการ มาก อาจาทให้ส่งิ มชี ีวิตหายใจไม่สะดวกหรืออาจเปน็ โรคเกี่ยวกบั ลดมลพิษทางอากาศได้ (P) ระบบหายใจ 4. มคี วามมงุ่ มนั่ และต้ังใจในการทางาน (A) กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1. นกั เรียนร่วมกันสังเกตอากาศรอบบรเิ วณโรงเรยี น หรือในท้องถ่ิน แลว้ รว่ มกันทบทวนประสบการณ์เดิมเก่ียวกบั มลพษิ ทางอากาศ โดยร่วมกนั ตอบคาถามสาคญั กระตุ้นความคดิ ดังนี้ อากาศในท้องถ่นิ ของเราแตล่ ะบรเิ วณมสี ่งิ ใดเจือปนอยู่ บ้าง และบรเิ วณใดที่เปน็ มลพษิ ขั้นที่ 2 สารวจและค้นหา 2. นกั เรียนตอบคาถาม ฉันรูอ้ ะไร โดยครนู าอภิปรายโดยสมุ่ นักเรยี นตอบคาถามคนละ 1 ข้อ ครแู ละนกั เรียนรว่ มกัน อภปิ รายเพือ่ ตรวจสอบคาตอบ หากไมถ่ ูกตอ้ งใหแ้ กไ้ ขให้ถกู ตอ้ งดว้ ยสานวนภาษาของนักเรยี น และบนั ทกึ คาตอบในแบบ บันทึกกิจกรรมหนา้ 56-57 3. ครกู ระตุ้นให้นกั เรยี นฝกึ ต้งั คาถามในอยากรู้อีกวา่ จากน้ันบนั ทึกในแบบบันทึกกิจกรรมหน้า 58 ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ 4. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายและสรุปร่วมกันวา่ แนวทางการปฏบิ ตั ิตนเพือ่ ลดมลพิษทางอากาศทาไดห้ ลายวธิ ี ขึ้นอยูก่ บั สาเหตขุ องการเกิดมลพษิ ทางอากาศในแต่ละบริเวณ ข้นั ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ 5. นักเรียนอภปิ รายคาถามชวนคิด ในหนังสอื เรยี น หน้า 59 โดยอาจให้นกั เรยี นไปสบื ค้นข้อมูลเพมิ่ เติมเพ่อื หาคาตอบ ขน้ั ที่ 5 ข้ันประเมนิ 6. ครใู หน้ กั เรียนพดู แสดงความรสู้ กึ หลงั การเรยี น ดังน้ี ส่งิ ทน่ี กั เรยี นได้เรยี นรใู้ นวันนีค้ อื อะไร นกั เรยี นมีปัญหาหรอื ขอ้ สงสยั ในเรอื่ งใดบา้ ง นักเรยี นต้องการทราบอะไรเพิ่มเติม 7. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรยี น และประเมินการทากิจกรรมของนักเรียน การวัดและประเมนิ ผล สื่อการเรยี นรู้ 1. ประเมนิ ความรูจ้ ากการตอบคาถามในช้นั เรยี น 1. หนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์จาก 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง กจิ กรรมท่ี 1.3 : ลมเกดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร (1) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 อากาศและชีวิตของสัตว์ เวลาเรียน 25 ช่วั โมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ว 3.2 ป.3/3, ป.3/4 1. อธบิ ายการเกิดลมได้ (K) 2. วดั และเปรียบเทยี บอุณหภมู ิของอากาศในบริเวณตา่ งๆ สาระสาคญั ได้ (P) เม่อื อากาศ 2 บริเวณท่อี ย่ใู กลเ้ คียงกนั มอี ณุ หภมู ิแตกตา่ ง 3. สร้างแบบจาลองการเกิดลมได้ (P) กนั จะเกิดการเคล่อื นทข่ี องอากาศหรอื ลม ลมมปี ระโยขน์ใน 4. บรรยายประโยชนแ์ ละโทษของลมได้ (P) ชวี ติ ประจาวัน ทงั้ การนามาใชเ้ ปน็ แหลง่ พลังงาน หรอื ใชใ้ นการ 5. มคี วามมงุ่ มน่ั และตัง้ ใจในการทางาน (A) ทากจิ กรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ นอกจากนี้ ลมทีม่ คี วามรนุ แรงยัง กอ่ ให้เกิดโทษต่อสง่ิ มีชีวติ ได้ กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ 1. ครูนารปู สถานที่ทมี่ ีสภาพแวดล้อมแตกต่างกนั เชน่ ป่า สนามหญ้าโล่งแจง้ มาให้นักเรียนสงั เกต จากน้ันครอู าจใชค้ าถามดังนี้ ใน เวลาเดยี วกนั อณุ หภูมขิ องอากาศตามบรเิ วณต่าง ๆ จะเทา่ กนั หรือไม่ และจะรไู้ ดอ้ ย่างไร ขั้นท่ี 2 สารวจและคน้ หา 2. นักเรยี นอา่ นช่อื กจิ กรรม และทาเป็นคิดเปน็ จากหนงั สือเรยี นหนา้ 60 แล้วรว่ มกนั อภิปรายเพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียน เกย่ี วกับเร่ืองที่จะเรยี นโดยใชค้ าถาม ดงั นี้ กจิ กรรมน้ีนักเรยี นจะไดเ้ รยี นเก่ียวกับเร่ืองอะไร จะไดเ้ รียนรเู้ รื่องน้ดี ้วยวิธใี ด และเม่ือเรยี นแล้ว นักเรียนจะทาอะไรได้ 3. นักเรยี นบันทึกจุดประสงค์ของกจิ กรรมลงในแบบบันทึกกจิ กรรม หนา้ 59 จากน้ันอ่านส่ิงที่ตอ้ งใชใ้ นการทากิจกรรม 4. นักเรียนอ่านทาอยา่ งไรตอนท่ี 1 จากนั้นครูตรวจสอบความเขา้ ใจเกีย่ วกับวิธีการทากจิ กรรม เมอื่ นกั เรยี นเขา้ ใจวิธกี ารทากิจกรรมแล้ว ใหน้ กั เรียนเริม่ ปฏิบัติตามข้ันตอนการทากิจกรรม และบนั ทกึ ผลการทากจิ กรรมในแบบบันทกึ กิจกรรมหน้า 59 5. นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและตอบคาถามใน ฉันรอู้ ะไร ตอนที่ 1 ในแบบบันทกึ กิจกรรมหนา้ 63 โดยครอู าจใช้คาถามเพมิ่ เตมิ เพ่อื ให้ ได้แนวคาตอบท่ถี กู ตอ้ ง ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 6. ครนู าอภิปรายผลการทากจิ กรรม โดยใช้คาถามดงั นี้ อุณหภมู ขิ องอากาศในบรเิ วณต่าง ๆ ในเวลาเดยี วกนั แตกตา่ งกนั หรือไม่ อย่างไร เพราะเหตใุ ดสถานทต่ี ่างกนั จงึ มีอุณหภูมแิ ตกต่างกนั จากน้นั ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภปิ รายและสรุปรว่ มกนั ว่า อณุ หภมู ขิ องอากาศแต่ละ สถานที่ในเวลาเดียวกันอาจจะไมเ่ ท่ากนั ขน้ั ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ 7. นกั เรียนจับคู่กนั จากน้ันค้นควา้ เรอ่ื ง ประเภทของลม พรอ้ มวาดภาพหรือติดภาพประกอบ ขั้นที่ 5 ขน้ั ประเมิน 8. ครใู หน้ ักเรียนพูดแสดงความรูส้ กึ หลงั การเรียน ดงั น้ี ส่งิ ทน่ี กั เรียนได้เรียนรใู้ นวันนีค้ อื อะไร นกั เรยี นมปี ัญหาหรอื ข้อสงสยั ในเรื่อง ใดบา้ ง นักเรยี นตอ้ งการทราบอะไรเพิ่มเตมิ 9. ครสู ังเกตพฤติกรรมของนักเรยี น สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรียน และประเมนิ การทากจิ กรรมของนักเรียน การวัดและประเมนิ ผล สอ่ื การเรียนรู้ 1. ประเมนิ ความรู้จากการตอบคาถามในชัน้ เรียน 1. หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์จาก 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 10 เรอื่ ง กิจกรรมท่ี 1.3 : ลมเกดิ ข้ึนได้อย่างไร (2) กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 อากาศและชวี ิตของสัตว์ เวลาเรียน 25 ชว่ั โมง ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ว 3.2 ป.3/3, ป.3/4 1. อธิบายการเกิดลมได้ (K) 2. วัดและเปรยี บเทียบอุณหภมู ขิ องอากาศในบริเวณต่างๆ สาระสาคญั ได้ (P) เม่อื อากาศ 2 บรเิ วณท่อี ยูใ่ กล้เคียงกันมีอณุ หภูมิแตกตา่ ง 3. สร้างแบบจาลองการเกิดลมได้ (P) กัน จะเกดิ การเคล่ือนทีข่ องอากาศหรอื ลม ลมมปี ระโยขนใ์ น 4. บรรยายประโยชน์และโทษของลมได้ (P) ชวี ิตประจาวัน ทัง้ การนามาใชเ้ ปน็ แหลง่ พลงั งาน หรือใชใ้ นการ 5. มคี วามม่งุ ม่ันและต้ังใจในการทางาน (A) ทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ของมนษุ ย์ นอกจากน้ี ลมท่มี ีความรนุ แรงยงั ก่อใหเ้ กิดโทษต่อสง่ิ มชี วี ติ ได้ กจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ ที่ 1 ขน้ั สร้างความสนใจ 1. ครูเชอ่ื มโยงเขา้ สู่กจิ กรรมตอนที่ 2 โดยถามวา่ อุณหภูมิของอากาศท่ีแตกต่างกันในบรเิ วณตา่ ง ๆ มีผลทาใหเ้ กดิ ลมได้ หรือไม่ อยา่ งไร ขั้นที่ 2 สารวจและค้นหา 2. นกั เรียนบันทึกจดุ ประสงค์ของกจิ กรรมลงในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หนา้ 60 จากนั้นอ่านสง่ิ ทต่ี อ้ งใช้ในการทากิจกรรม 3. นกั เรยี นอา่ นทาอย่างไรตอนที่ 2 ข้อ 1-6 จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกบั วธิ กี ารทากิจกรรม เมอ่ื นกั เรยี น เข้าใจวิธีการทากจิ กรรมแล้วใหน้ ักเรียนเริ่มปฏิบตั ิตามขน้ั ตอนการทากิจกรรม และบนั ทกึ ผลการทากจิ กรรมในแบบบันทึก กจิ กรรมหน้า 60-61 ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ 4. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายเพือ่ ให้ได้ข้อสรปุ ว่า เม่อื อุณหภมู ขิ องอากาศ 2 แหง่ แตกต่างกนั จะทาให้อากาศ เคลื่อนท่จี ากบริเวณที่มีอุณหภมู ิต่ากว่าในแนวราบไปยังบรเิ วณทมี่ อี ุณหภมู สิ งู กว่า จากน้นั อากาศก็จะเคลื่อนที่สูงขน้ึ ใน แนวต้ัง ขั้นที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ 5. ครูเพ่มิ เตมิ ผลการทากิจกรรมในประเด็นที่ยังไม่ครบถว้ นสมบรู ณ์ และให้นกั เรยี นชว่ ยกนั หาสาเหตุในกรณที ่ีผลการ ทากจิ กรรมคลาดเคล่ือน ขนั้ ที่ 5 ข้นั ประเมนิ 6. ครใู ห้นกั เรียนพูดแสดงความร้สู ึกหลังการเรียน ดงั นี้ ส่ิงทีน่ กั เรียนไดเ้ รียนรูใ้ นวนั นคี้ อื อะไร นักเรียนมีปัญหาหรอื ข้อ สงสยั ในเรือ่ งใดบา้ ง นักเรยี นต้องการทราบอะไรเพมิ่ เติม 7. ครสู ังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี น สงั เกตการตอบคาถามของนักเรียน และประเมนิ การทากิจกรรมของนักเรยี น การวัดและประเมนิ ผล สื่อการเรยี นรู้ 1. ประเมินความรูจ้ ากการตอบคาถามในชน้ั เรยี น 1. หนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จาก 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 11 เรื่อง กจิ กรรมท่ี 1.3 : ลมเกดิ ข้นึ ไดอ้ ยา่ งไร (3) กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 อากาศและชีวิตของสตั ว์ เวลาเรียน 25 ชัว่ โมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั จุดประสงค์การเรยี นรู้ ว 3.2 ป.3/3, ป.3/4 1. อธบิ ายการเกดิ ลมได้ (K) 2. วัดและเปรียบเทยี บอุณหภูมิของอากาศในบรเิ วณตา่ งๆ สาระสาคัญ ได้ (P) เมื่ออากาศ 2 บริเวณท่ีอย่ใู กล้เคียงกนั มีอุณหภูมิแตกต่าง 3. สร้างแบบจาลองการเกดิ ลมได้ (P) กัน จะเกิดการเคลือ่ นที่ของอากาศหรอื ลม ลมมปี ระโยขนใ์ น 4. บรรยายประโยชนแ์ ละโทษของลมได้ (P) ชีวิตประจาวนั ทั้งการนามาใช้เปน็ แหล่งพลงั งาน หรอื ใชใ้ นการ 5. มคี วามมุ่งม่ันและต้งั ใจในการทางาน (A) ทากิจกรรมตา่ ง ๆ ของมนษุ ย์ นอกจากนี้ ลมท่ีมีความรุนแรงยัง ก่อให้เกิดโทษต่อส่งิ มชี ีวิตได้ กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ ที่ 1 ข้นั สรา้ งความสนใจ 1. นกั เรียนรว่ มกนั สงั เกต โดยเปดิ พัดลมใหม้ คี วามแรงใหม้ ีลมปะทะหนา้ ของนักเรยี น แลว้ ร่วมกันทบทวนประสบการณ์ เดิมเกี่ยวกบั การเคลือ่ นทข่ี องอากาศ โดยรว่ มกันตอบคาถามสาคัญกระตุ้นความคิด ดังนี้ อากาศเคลื่อนทีอ่ ย่างไร ข้ันที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรียนอา่ นทาอยา่ งไร ตอนท่ี 2 ข้อ 7-9 แล้วให้นกั เรียนนกั เรียนรวบรวมข้อมูลเพิม่ เตมิ เก่ียวกบั ส่วนประกอบของ อากาศ โดยให้นักเรยี นอา่ นใบความรู้ เรือ่ ง การเกิดลม ประโยชน์และโทษของลม หนา้ 63-64 และบนั ทึกผลการทากิจกรรม ในแบบบนั ทึกกจิ กรรมหนา้ 62 ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 3. ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายเก่ยี วกับการเกดิ ลม ประโยชน์และโทษของลม โดยอาจใช้คาถามดังนี้ ลมเกิดขน้ึ ได้ อยา่ งไร ขอ้ มลู จากแบบจาลองและจากการอ่านใบความรู้ มีส่ิงใดที่เหมอื นกนั แบบจาลองน้เี หมือนและแตกต่างจากการเกดิ ลมตามธรรมชาติอยา่ งไร จากการอา่ นใบความรู้ ตัวอยา่ งประโยชน์ของลมมอี ะไรบา้ ง ขัน้ ท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้ 4. นักเรยี นคน้ คว้า เรอ่ื ง ประโยชน์ของลม พร้อมตกแตง่ ให้สวยงามลงในกระดาษ A4 ขั้นที่ 5 ข้นั ประเมนิ 5. ครใู ห้นักเรียนพดู แสดงความร้สู กึ หลงั การเรียน ดงั นี้ สงิ่ ทน่ี กั เรยี นได้เรียนรใู้ นวนั น้คี ืออะไร นกั เรียนมีปัญหาหรือขอ้ สงสยั ในเรื่องใดบา้ ง นกั เรยี นต้องการทราบอะไรเพิม่ เตมิ 6. ครูสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี น สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรียน และประเมนิ การทากิจกรรมของนักเรียน การวัดและประเมนิ ผล สือ่ การเรยี นรู้ 1. ประเมินความรจู้ ากการตอบคาถามในชนั้ เรยี น 1. หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จาก 2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 12 เรอื่ ง กิจกรรมท่ี 1.3 : ลมเกิดขนึ้ ได้อย่างไร (4) กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 3 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 อากาศและชีวิตของสตั ว์ เวลาเรยี น 25 ช่วั โมง ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด จุดประสงค์การเรยี นรู้ ว 3.2 ป.3/3, ป.3/4 1. อธิบายการเกดิ ลมได้ (K) 2. วดั และเปรยี บเทยี บอุณหภมู ิของอากาศในบริเวณต่างๆ สาระสาคญั ได้ (P) เมื่ออากาศ 2 บริเวณท่ีอยใู่ กล้เคยี งกันมีอุณหภูมิแตกตา่ ง 3. สรา้ งแบบจาลองการเกิดลมได้ (P) กนั จะเกดิ การเคลอื่ นท่ีของอากาศหรอื ลม ลมมปี ระโยขน์ใน 4. บรรยายประโยชนแ์ ละโทษของลมได้ (P) ชีวติ ประจาวัน ท้งั การนามาใชเ้ ป็นแหลง่ พลงั งาน หรือใชใ้ นการ 5. มคี วามมงุ่ ม่ันและตง้ั ใจในการทางาน (A) ทากจิ กรรมต่าง ๆ ของมนษุ ย์ นอกจากน้ี ลมทีม่ คี วามรนุ แรงยัง ก่อใหเ้ กิดโทษต่อสง่ิ มีชีวติ ได้ กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันที่ 1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ 1. ครูตรวจสอบความรูเ้ ดิมเกยี่ วกับการเกดิ ลม โดยใช้คาถาม ดงั นี้ ในบรเิ วณต่าง ๆ อณุ หภมู ิของอากาศเหมอื นหรือ แตกต่างกัน เพราะเหตใุ ด ถ้าอุณหภมู ิของอากาศ 2 บรเิ วณแตกตา่ งกัน จะเกยี่ วข้องกับการเกดิ ลมหรือไม่ อยา่ งไร ขัน้ ที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรยี นอ่านรอู้ ะไรในเรอ่ื งน้ใี นหนงั สอื เรยี นหนา้ 67-69 จากน้ันตอบคาถาม ฉนั รอู้ ะไร ตอนท่ี 2 ในแบบบนั ทึก คาตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรมหนา้ 63-65 โดยครอู าจใช้คาถามเพม่ิ เติมเพอ่ื ใหไ้ ดแ้ นวคาตอบท่ถี ูกตอ้ ง จากน้นั นกั เรยี นอ่าน สงิ่ ทไ่ี ดเ้ รยี นรู้ และเปรยี บเทียบกบั ข้อสรปุ ของตนเอง 3. ครกู ระตุ้นให้นกั เรยี นฝึกต้ังคาถามในอยากรอู้ ีกวา่ จากนั้นบันทกึ ในแบบบันทกึ กิจกรรมหน้า 65 ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป 4. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายเพื่อใหไ้ ดข้ ้อสรปุ ว่าเมื่ออณุ หภมู ขิ องอากาศ 2 บริเวณแตกต่างกนั อากาศท่มี ี อุณหภมู ิสูงกวา่ จะเคลื่อนท่ีสูงขน้ึ ในแนวตัง้ และอากาศทีม่ อี ุณหภมู ิตา่ กว่าจะเคล่ือนเขา้ ไปแทนทใ่ี นแนวราบ ทาให้เกิดลม ซึง่ ลมมที ้งั ประโยชน์และโทษตอ่ ส่งิ มชี วี ติ และส่งิ แวดลอ้ ม ขั้นท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ 5. นักเรียนตอบคาถามในช่วงท้ายของเนื้อเรอ่ื ง เพือ่ เช่อื มโยงไปสู่การเรยี นเนือ้ หาในบทถัดไป ดังน้ี “นอกจากอากาศ เปน็ สงิ่ จาเป็นในการดารงชวี ติ ของสิง่ มีชวี ิตแล้ว ในการเจริญเติบโตและดารงชวี ติ ของสิ่งมีชีวิตยังตอ้ งการอะไรอีกบ้าง” ขั้นท่ี 5 ขนั้ ประเมิน 6. ครใู ห้นักเรยี นพดู แสดงความรสู้ ึกหลังการเรียน ดงั นี้ ส่ิงทน่ี ักเรยี นได้เรยี นรู้ในวันนีค้ อื อะไร นักเรยี นมปี ัญหาหรือขอ้ สงสยั ในเรอื่ งใดบา้ ง นักเรียนต้องการทราบอะไรเพิม่ เติม 7. ครูสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรียน และประเมนิ การทากจิ กรรมของนักเรยี น การวัดและประเมนิ ผล ส่อื การเรียนรู้ 1. ประเมินความรจู้ ากการตอบคาถามในชนั้ เรยี น 1. หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.3 เล่ม 1 การทากจิ กรรม
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 13 เรอื่ ง แบบฝึกหดั ทา้ ยบทที่ 1 อากาศและความสาคัญต่อสง่ิ มีชีวติ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 อากาศและชีวิตของสตั ว์ เวลาเรยี น 25 ช่ัวโมง ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ชัว่ โมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด จุดประสงค์การเรยี นรู้ ว 3.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4 1. อธิบายสว่ นประกอบของอากาศ ความสาคัญของอากาศ การเกิดลมได้ (K) สาระสาคัญ แบบฝกึ หัดท้ายบทท่ี 1 อากาศและความสาคัญต่อ 2. ระบุสว่ นประกอบของอากาศได้ (P) ส่ิงมีชวี ิต เป็นการตรวจสอบดูว่านักเรียนแตล่ ะคนมี 3. บรรยายความสาคญั ของอากาศ และผลกระทบของ ความรู้ ความเข้าใจ หลงั การเรียนรู้ มากนอ้ ยเพียงใด มลพิษทางอากาศตอ่ สิง่ มีชวี ิตได้ (P) 4. บรรยายประโยชน์และโทษของลมได้ (P) 5. มีความมุ่งมนั่ และตั้งใจในการทางาน (A) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นท่ี 1 ขน้ั สร้างความสนใจ 1. ครูใหน้ กั เรยี นวาดรูปหรือเขยี นสรปุ สิ่งทไ่ี ดเ้ รยี นร้จู ากบทนี้ ในแบบบันทึกกิจกรรมหน้า 66 ขน้ั ที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรยี นตรวจสอบสรปุ ส่งิ ที่ได้เรยี นของตนเองโดยเปรยี บเทยี บกบั แผนภาพในหวั ขอ้ รอู้ ะไรในบทน้ี ในหนังสือเรยี นหนา้ 70- 71 3. นักเรยี นกลับไปตรวจสอบคาตอบของตนเองในสารวจความรกู้ อ่ นเรยี น ในแบบบนั ทึกกิจกรรมหนา้ 44-45 อกี ครั้ง ถา้ คาตอบ ของนักเรยี นไม่ถกู ต้องใหข้ ีดเส้นทับข้อความเหล่านัน้ แลว้ แก้ไขให้ถกู ตอ้ ง จากน้นั ครูนาคาถามในรูปนาบทในหนงั สือเรยี น หน้า 46 มารว่ มกันอภปิ รายคาตอบอกี ครัง้ 4. นกั เรียนทาแบบฝกึ หัดท้ายบทที่ 1 อากาศและความสาคญั ตอ่ สิ่งมีชวี ติ โดยบันทึกคาตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรม หน้า 67-69 ข้นั ที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 5. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายสรุปความคดิ เกีย่ วกับแบบฝกึ หดั ท้ายบทที่ 1 อากาศและความสาคัญต่อส่งิ มีชีวติ โดยให้ครู คอยใหค้ วามรเู้ สรมิ ในส่วนทีน่ กั เรยี นไมเ่ ขา้ ใจหรอื สรปุ ไม่ตรงกับวตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ เพอ่ื ใหม้ ีความร้แู ละความเขา้ ใจในกิจกรรมการ เรยี นรอู้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ขั้นที่ 4 ขนั้ ขยายความรู้ 6. นกั เรียนรว่ มกนั ทากิจกรรม ร่วมคิด รว่ มทา โดยนกั เรยี นร่วมกันระดมความคดิ เกยี่ วกับการใช้ประโยชนจ์ ากลม ถา้ บา้ นของ นกั เรยี นอย่ใู นพ้ืนทที่ มี่ ีลมพัดแรงเกอื บทง้ั วนั โดยอาจให้นกั เรยี นนาเสนอหน้าชั้นเรียน หรือทาผังความคดิ บนกระดาษปรฟู๊ และติดแสดง ทผ่ี นังหอ้ ง ขน้ั ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ 7. ครใู หน้ ักเรียนพูดแสดงความรู้สกึ หลงั การเรียน ดังนี้ สงิ่ ท่นี กั เรยี นได้เรยี นรู้ในวนั น้ีคอื อะไร นกั เรยี นมีปัญหาหรือข้อสงสยั ใน เรอื่ งใดบา้ ง นกั เรียนตอ้ งการทราบอะไรเพิ่มเตมิ 8. ครสู ังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรยี น และประเมินการทากิจกรรมของนกั เรียน การวัดและประเมนิ ผล สื่อการเรียนรู้ 1. ประเมินความรู้จากการตอบคาถามในช้นั เรียน 1. หนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์จาก 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 14 เรอื่ ง สารวจความรู้กอ่ นเรียน บทท่ี 2 การดารงชีวิตของสัตว์ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 อากาศและชีวิตของสตั ว์ เวลาเรียน 25 ช่วั โมง ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ว 1.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4 1. อธิบายส่งิ ที่จาเปน็ ต่อการเจริญเตบิ โตและการดารงชีวิต ของสัตว์และมนษุ ย์ได้ (K) สาระสาคญั สารวจความรูก้ ่อนเรียนบทที่ 2 การดารงชวี ิตของ 2. ส่ิงท่จี าเป็นต่อการเจรญิ เตบิ โตและการดารงชวี ิตของสัตว์ สตั ว์ เป็นการตรวจสอบความรพู้ ืน้ ฐานของนกั เรยี นก่อน และมนุษย์ได้ (P) การเรียนรู้ 3. มีความม่งุ ม่ันและตง้ั ใจในการทางาน (A) กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ 1. ครตู รวจสอบความรู้เดมิ โดยใช้คาถามดงั นี้ สัตวแ์ ละมนุษย์ตอ้ งการสิ่งที่จาเปน็ ตอ่ การเจริญเตบิ โตและการดารงชีวิต เหมือนกับพชื หรือไม่ อยา่ งไร ในขณะเจรญิ เติบโต มนษุ ยแ์ ละสตั ว์มกี ารเปลี่ยนแปลงหรอื ไมอ่ ย่างไร ขน้ั ที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นักเรยี นอา่ นชอื่ บทและจดุ ประสงค์การเรียนรู้ประจาบทในหนังสือเรียนหน้า 75 3. นักเรยี นอ่านช่ือบทและแนวคดิ สาคญั จากหนังสอื เรยี นหนา้ 76 จากน้นั ครูใชค้ าถามวา่ จากการอา่ นแนวคดิ สาคญั นกั เรยี นคดิ ว่าจะได้เรียนเกี่ยวกับเรอื่ งอะไรบา้ ง 4. ครชู ักชวนให้นักเรียนสงั เกตรูป และอา่ นเนื้อเรอ่ื งในหน้า 76 จากนนั้ ทาสารวจความรู้ก่อนเรียน ในแบบบนั ทกึ กิจกรรมหนา้ 72-76 ขน้ั ท่ี 3 อธิบายและลงข้อสรุป 5. ครูถามคาถามให้นักเรยี นร่วมกันอภปิ ราย เชน่ ถ้านกั เรียนลงไปในน้า จะอยไู่ ดน้ านเหมอื นนักประดาน้าหรอื ไม่ เพราะ เหตใุ ด ปลาสามารถอยู่ในนา้ ตลอดเวลาไดเ้ พราะเหตุใด ปลาตอ้ งการอะไรบ้างสาหรับการเจริญเติบโตและการดารงชีวิต ขน้ั ท่ี 4 ข้ันขยายความรู้ 6. ครูสังเกตการณต์ อบคาถามของนกั เรียนเพอื่ ตรวจสอบว่านกั เรียนมแี นวคดิ เก่ยี วกับการดารงชีวติ ของสัตว์อย่างไรบ้าง โดยสมุ่ นักเรยี น 2-3 คน นาเสนอคาตอบของตนเอง ขน้ั ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ 7. ครใู ห้นักเรยี นพูดแสดงความรสู้ ึกหลังการเรยี น ดงั น้ี สง่ิ ทนี่ ักเรยี นได้เรียนร้ใู นวันนคี้ ืออะไร นกั เรยี นมีปญั หาหรือขอ้ สงสัยในเรือ่ งใดบ้าง นักเรียนต้องการทราบอะไรเพิ่มเติม 8. ครสู ังเกตพฤติกรรมของนักเรียน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรยี น และประเมินการทากิจกรรมของนกั เรยี น การวัดและประเมินผล สือ่ การเรยี นรู้ 1. ประเมนิ ความรู้จากการตอบคาถามในชัน้ เรียน 1. หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จาก 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.3 เลม่ 1 การทากจิ กรรม
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 15 เร่ือง สงิ่ ทีจ่ าเปน็ ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและการดารงชวี ิตของสตั วแ์ ละมนุษย์ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 อากาศและชวี ิตของสัตว์ เวลาเรยี น 25 ชวั่ โมง ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ว 1.2 ป.3/1 1. อธบิ ายสง่ิ ท่ีจาเปน็ ต่อการเจรญิ เตบิ โตและการดารงชีวิต สาระสาคัญ ของสตั วแ์ ละมนุษย์ได้ (K) อาหาร น้า และอากาศ เป็นสง่ิ ที่จาเป็นต่อการ 2. สิง่ ที่จาเปน็ ต่อการเจริญเตบิ โตและการดารงชีวติ ของสัตว์ เจริญเตบิ โตและการดารงชวี ิตของสตั วแ์ ละมนุษย์ และมนษุ ย์ได้ (P) 3. มีความมุ่งมัน่ และตงั้ ใจในการทางาน (A) กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันท่ี 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ 1. ครเู ชื่อมโยงความร้เู ดมิ ของนักเรยี นสู่การเรียนเร่อื งการเจรญิ เติบโตและการดารงชีวติ ของสัตว์ โดยใช้คาถามวา่ ไก่และสัตว์ ชนดิ อ่ืน ๆ ต้องการสง่ิ ทจี่ าเป็นใดบ้างในการเจริญเติบโตและการดารงชวี ิต ขนั้ ที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรยี นอ่านชอ่ื เร่ืองและคิดกอ่ นอา่ น ในหนงั สือหนา้ 78 และลองตอบคาถามในคดิ กอ่ นอา่ น ตามความเข้าใจครบู ันทกึ คาตอบของนักเรยี นบนกระดานเพ่ือใช้เปรียบเทียบกับคาตอบหลังการอา่ น 3. นักเรียนอา่ นเนอื้ เรอื่ งในหนงั สอื เรยี นหน้า 78-79 และตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยใชค้ าถาม 4. นกั เรียนตอบคาถามจากเร่อื งท่ีอา่ นในรู้หรอื ยัง ในแบบบนั ทกึ กิจกรรมหนา้ 77 จากน้ันร่วมกันอภปิ รายเพื่อเปรียบเทยี บ คาตอบของนกั เรยี นในรูห้ รือยังกับคาตอบทเ่ี คยตอบและบันทกึ ไว้ในคิดก่อนอา่ น ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 5. นกั เรียนร่วมกนั สรปุ เร่ืองทีอ่ า่ นซ่ึงควรสรปุ ได้ว่า แม่ไกก่ กไข่เพอ่ื ใหค้ วามอบอุ่นแก่ไข่ เมอื่ ไขฟ่ กั ออกมาเปน็ ลกู เจ๊ยี บ ลกู เจ๊ียบ ตอ้ งการสิ่งที่จาเป็นต่าง ๆ สาหรบั การเจริญเตบิ โตและการดารงชีวิต ส่วนนักฟุตบอลท่ีติดอย่ใู นถา้ มีร่างกายออ่ นแอ เพราะไมไ่ ด้รับ อาหารและน้าอยา่ งเพียงพอ พวกเขาก็ต้องการสิ่งทจี่ าเปน็ ต่าง ๆ สาหรบั การเจริญเติบโตและการดารงชีวติ เช่นเดยี วกัน ขนั้ ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ 6. นักเรียนตอบคาถามทา้ ยเรอ่ื งท่อี ่าน ดังน้ี เจ้าหน้าที่ต้องการส่งสิง่ ใดเขา้ ไปช่วยเหลือนกั ฟุตบอลทมี น้ี เพื่อให้พวกเขายงั คง ดารงชีวิตอยู่ต่อไปได้ สัตว์ต้องการส่ิงท่จี าเป็นตอ่ การเจริญเติบโตและการดารงชวี ติ เช่นเดียวกับมนษุ ยห์ รือไม่ ขน้ั ที่ 5 ข้ันประเมิน 7. ครใู ห้นกั เรียนพูดแสดงความรู้สึกหลงั การเรียน ดังนี้ สิง่ ทนี่ ักเรยี นไดเ้ รียนรใู้ นวันน้ีคืออะไร นักเรียนมีปัญหาหรือขอ้ สงสยั ใน เร่ืองใดบา้ ง นกั เรียนต้องการทราบอะไรเพิม่ เติม 8. ครูสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียน สังเกตการตอบคาถามของนกั เรยี น และประเมินการทากจิ กรรมของนักเรยี น การวัดและประเมินผล สื่อการเรยี นรู้ 1. ประเมินความรจู้ ากการตอบคาถามในชนั้ เรยี น 1. หนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์จาก 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.3 เล่ม 1 การทากจิ กรรม
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 16 กจิ กรรมที่ 1.1 : สัตว์ตอ้ งการสิ่งใดในการเจรญิ เตบิ โตและการดารงชีวิต (1) กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 อากาศและชวี ิตของสตั ว์ เวลาเรยี น 25 ชั่วโมง ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ว 1.2 ป.3/1 1. อธิบายสงิ่ ที่จาเป็นต่อการเจรญิ เติบโตและการดารงชีวติ ของสัตวไ์ ด้ (K) สาระสาคัญ สง่ิ ที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโตและดารงชีวติ ของ 2. สงั เกตและบรรยายส่งิ ท่ีจาเปน็ ต่อการเจรญิ เตบิ โตและ สัตว์ ได้แก่ อาหาร นา้ และอากาศ ซง่ึ มีแก๊สออกซิเจน การดารงชวี ิตของสตั ว์ได้ (P) เป็นส่วนประกอบ 3. มีความมงุ่ มน่ั และตง้ั ใจในการทางาน (A) กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ 1. ครนู ารปู สตั ว์ เชน่ สุนขั แมว ซ่ึงมรี า่ งกายแขง็ แรง และมีรา่ งกายซูบผอม มาใหน้ ักเรียนสังเกต จากนั้นใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภปิ ราย โดยใชค้ าถามดังต่อไปน้ี เพราะเหตใุ ดสตั วใ์ นรปู ท้ังสองนี้จงึ มีลกั ษณะแตกตา่ งกัน เคยเล้ียงสตั ว์ชนดิ นหี้ รือไม่ และถ้าเล้ียงสตั วใ์ น รูป อยากใหส้ ตั ว์เลีย้ งเหมอื นรปู ใด จะเลย้ี งสตั วอ์ ยา่ งไรให้มลี ักษณะตามความต้องการ ขั้นที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรียนอา่ นชือ่ กิจกรรม และทาเปน็ คดิ เปน็ จากหนงั สอื เรียนหนา้ 80 แลว้ ร่วมกนั อภิปรายเพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจของ นกั เรยี นเกยี่ วกับเรอื่ งทจ่ี ะเรยี นโดยใชค้ าถาม ดังนี้ กจิ กรรมนน้ี กั เรยี นจะไดเ้ รยี นเก่ยี วกบั เรือ่ งอะไร จะไดเ้ รยี นรเู้ รอ่ื งนด้ี ว้ ยวธิ ใี ด และเม่ือ เรียนแล้วนกั เรยี นจะทาอะไรได้ 3. นกั เรยี นบันทึกจดุ ประสงคข์ องกิจกรรมลงในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม หนา้ 78 จากนนั้ อา่ นสิง่ ทตี่ ้องใชใ้ นการทากจิ กรรม 4. นกั เรยี นอ่านทาอยา่ งไร จากน้นั ครตู รวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับวธิ ีการทากิจกรรม เมื่อนกั เรยี นเข้าใจวธิ ีการทากจิ กรรมแลว้ ให้ นักเรยี นเรม่ิ ปฏิบตั ติ ามขน้ั ตอนการทากจิ กรรมในทาอยา่ งไรข้อ 1-5 และบันทกึ ผลการทากจิ กรรมในแบบบันทึกกจิ กรรมหน้า 78-79 ขั้นท่ี 3 อธิบายและลงข้อสรุป 5. ครนู าอภิปรายผลการสังเกต โดยใชค้ าถามดงั นี้ ปลามพี ฤติกรรมอย่างไรบา้ ง เพราะเหตใุ ดปลาจงึ มพี ฤติกรรมเชน่ นนั้ ความยาว ของตัวปลามกี ารเปลย่ี นแปลงหรอื ไม่ อยา่ งไรปลาทเี่ ล้ียงมีการเจรญิ เติบโตหรือไม่ รไู้ ด้อยา่ งไร ข้นั ท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ 6. ครเู พิม่ เติมผลการทากจิ กรรมในประเดน็ ทีย่ ังไม่ครบถ้วนสมบรู ณ์ และใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั หาสาเหตใุ นกรณที ี่ผลการทากจิ กรรม คลาดเคลอื่ น ขน้ั ท่ี 5 ขน้ั ประเมนิ 7. ครใู ห้นักเรยี นพดู แสดงความรสู้ ึกหลังการเรยี น ดงั น้ี สง่ิ ทนี่ ักเรยี นไดเ้ รียนรูใ้ นวนั นคี้ ืออะไร นกั เรียนมีปญั หาหรอื ขอ้ สงสัยในเร่ือง ใดบ้าง นกั เรยี นต้องการทราบอะไรเพม่ิ เตมิ 8. ครสู งั เกตพฤติกรรมของนักเรยี น สังเกตการตอบคาถามของนักเรยี น และประเมนิ การทากจิ กรรมของนักเรียน การวัดและประเมนิ ผล สอ่ื การเรยี นรู้ 1. ประเมนิ ความรู้จากการตอบคาถามในช้นั เรยี น 1. หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.3 เล่ม 1 การทากจิ กรรม
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 17 กจิ กรรมท่ี 1.1 : สตั ว์ต้องการส่ิงใดในการเจริญเตบิ โตและการดารงชวี ิต (2) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 3 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 อากาศและชีวติ ของสตั ว์ เวลาเรยี น 25 ช่วั โมง ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั จุดประสงค์การเรียนรู้ ว 1.2 ป.3/1 1. อธบิ ายสง่ิ ที่จาเปน็ ต่อการเจรญิ เตบิ โตและการดารงชวี ติ ของสตั ว์ได้ (K) สาระสาคญั 2. สงั เกตและบรรยายส่ิงท่ีจาเป็นต่อการเจริญเติบโตและ ส่ิงท่จี าเป็นต่อการเจริญเติบโตและดารงชีวติ ของ การดารงชวี ิตของสตั วไ์ ด้ (P) สตั ว์ ได้แก่ อาหาร น้า และอากาศ ซึง่ มแี กส๊ ออกซิเจน เปน็ สว่ นประกอบ 3. มคี วามมงุ่ มั่นและตัง้ ใจในการทางาน (A) กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 1 ข้นั สร้างความสนใจ 1. ครเู ช่ือมโยงความรเู้ ดิมของนักเรยี นโดยใชค้ าถามดังนี้ เราจะเล้ยี งสัตว์ใหม้ ีสุขภาพดีและรา่ งกายแข็งแรงไดอ้ ย่างไร ข้นั ที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรยี นอ่านทาอย่างไรขอ้ 6-7 จากนัน้ ครตู รวจสอบความเขา้ ใจเกี่ยวกบั วธิ กี ารทากิจกรรม จนนกั เรียนเข้าใจลาดับ การทากิจกรรมโดยครูใชค้ าถามดงั น้ี นักเรียนต้องอา่ นใบความรูเ้ รอื่ งอะไร นักเรยี นสามารถสืบค้นขอ้ มูลเพิม่ เตมิ เกย่ี วกับสงิ่ ท่ี จาเป็นตอ่ การเจริญเตบิ โตและการดารงชีวิตของสัตวช์ นิดอน่ื ๆ ไดจ้ ากทีใ่ ด เม่อื ดูวีดทิ ศั นแ์ ลว้ นกั เรยี นต้องอภิปรายเกย่ี วกับ เรือ่ งอะไรบ้าง 3. เม่ือนกั เรียนเข้าใจวธิ ีการทากจิ กรรมในทาอยา่ งไร ขอ้ 6-7 แล้ว ครูให้นักเรียนเรมิ่ ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกิจกรรม ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป 4. นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายผลการทากจิ กรรม โดยใช้คาถามดังนี้ จากการเลยี้ งปลาและสงั เกตพฤตกิ รรมพบวา่ ปลามี การอา้ ปาก และหบุ ปากตลอดเวลา ปลาทาพฤตกิ รรมเช่นนัน้ เพ่อื อะไรปลาไดร้ บั แก๊สออกซเิ จนดว้ ยวธิ ีใด ขั้นที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้ 5. ครใู หค้ วามรู้แก่นกั เรยี นเพิ่มเตมิ เก่ยี วกับแกส๊ ออกซิเจน โดยเชื่อมโยงความรู้พื้นฐานจากบทท่ี 1 อากาศมีแกส๊ ออกซิเจนเปน็ สว่ นประกอบ ซง่ึ สง่ิ มีชีวติ ใช้แกส๊ ออกซิเจนในการหายใจ และในน้ากม็ แี ก๊สออกซเิ จนละลายอยู่ ซง่ึ สตั ว์นา้ จะใช้ แกส๊ ออกซเิ จนในนา้ ในการหายใจ ขน้ั ท่ี 5 ขัน้ ประเมิน 6. ครใู หน้ กั เรยี นพูดแสดงความรู้สึกหลังการเรียน ดังน้ี สิ่งทนี่ ักเรียนไดเ้ รียนรูใ้ นวันนค้ี อื อะไร นักเรียนมปี ญั หาหรอื ข้อ สงสัยในเรอ่ื งใดบ้าง นกั เรยี นตอ้ งการทราบอะไรเพ่มิ เติม 7. ครสู ังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี น สังเกตการตอบคาถามของนกั เรียน และประเมินการทากิจกรรมของนักเรยี น การวัดและประเมนิ ผล ส่ือการเรยี นรู้ 1. ประเมินความรูจ้ ากการตอบคาถามในชน้ั เรียน 1. หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์จาก 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.3 เลม่ 1 การทากจิ กรรม
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 18 กิจกรรมท่ี 1.1 : สัตว์ต้องการสิ่งใดในการเจริญเติบโตและการดารงชวี ิต (3) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 อากาศและชีวิตของสตั ว์ เวลาเรยี น 25 ช่วั โมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด จุดประสงค์การเรียนรู้ ว 1.2 ป.3/1 1. อธบิ ายสิ่งท่ีจาเปน็ ต่อการเจริญเตบิ โตและการดารงชวี ิต ของสตั วไ์ ด้ (K) สาระสาคัญ 2. สังเกตและบรรยายส่ิงท่ีจาเปน็ ต่อการเจริญเตบิ โตและ สง่ิ ท่ีจาเปน็ ต่อการเจรญิ เติบโตและดารงชวี ติ ของ การดารงชีวติ ของสตั วไ์ ด้ (P) สตั ว์ ได้แก่ อาหาร น้า และอากาศ ซ่งึ มแี ก๊สออกซิเจน เปน็ ส่วนประกอบ 3. มีความม่งุ ม่นั และตงั้ ใจในการทางาน (A) กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันที่ 1 ขน้ั สร้างความสนใจ 1. ครกู ระตนุ้ ความสนใจของนักเรียน โดยใช้คาถามดังน้ี สัตว์ท่อี าศยั อยใู่ นน้าตอ้ งการอาหารและน้าในการดารงชีวิต นักเรียนเหน็ ด้วยหรือไม่ เพราะอะไร ขั้นที่ 2 สารวจและค้นหา 2. นกั เรยี นตอบคาถามในฉันร้อู ะไร และบนั ทึกคาตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรมหน้า 80-81 จากนน้ั นกั เรยี นอา่ นส่ิงท่ไี ด้ เรียนรู้ และเปรียบเทยี บกบั ข้อสรปุ ของตนเอง 3. ครูกระตุ้นให้นักเรยี นฝกึ ตง้ั คาถามในอยากรูอ้ ีกวา่ จากนนั้ บนั ทกึ ในแบบบันทึกกจิ กรรมหนา้ 81 ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป 4. นักเรียนร่วมกันอภปิ รายและลงขอ้ สรุปว่า รา่ งกายของสตั วม์ ีการเจรญิ เตบิ โต สังเกตไดจ้ ากความยาวของลาตวั หรือ ขนาดของสตั ว์มีการเปลี่ยนแปลง ซ่ึงส่ิงที่จาเปน็ ต่อการเจริญเตบิ โตและการดารงชวี ิตของสตั ว์ ได้แก่ อาหาร น้า และอากาศ ซึง่ มีแก๊สออกซิเจนเป็นสว่ นประกอบ เราควรดแู ลสัตวใ์ ห้ได้รับสงิ่ ที่จาเป็นเหลา่ นี้อยา่ งเหมาะสม ขนั้ ท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ 5. ครูนาอภปิ รายเพื่อใหน้ ักเรยี นทบทวนว่าได้ฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 อะไรบา้ งและในข้ันตอนใด ข้ันที่ 5 ขน้ั ประเมนิ 6. ครูให้นักเรียนพูดแสดงความรสู้ ึกหลงั การเรียน ดงั น้ี สงิ่ ทน่ี ักเรียนไดเ้ รยี นรู้ในวนั น้ีคืออะไร นกั เรียนมปี ญั หาหรอื ข้อ สงสัยในเร่ืองใดบ้าง นักเรียนตอ้ งการทราบอะไรเพม่ิ เติม 7. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน สงั เกตการตอบคาถามของนักเรยี น และประเมินการทากิจกรรมของนักเรียน การวัดและประเมนิ ผล สอื่ การเรียนรู้ 1. ประเมินความรจู้ ากการตอบคาถามในช้ันเรียน 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.3 เล่ม 1 การทากจิ กรรม
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 19 เร่ือง กิจกรรมที่ 1.2 : มนษุ ยต์ อ้ งการสงิ่ ใดในการเจริญเตบิ โตและการดารงชีวติ (1) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 3 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 อากาศและชวี ติ ของสตั ว์ เวลาเรียน 25 ชั่วโมง ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ว 1.2 ป.3/2 1. อธิบายสงิ่ ที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโตและการดารงชวี ติ ของมนุษย์ได้ (K) สาระสาคญั สง่ิ ท่ีจาเป็นต่อการเจรญิ เตบิ โตและการดารงชวี ิต 2. สังเกตและบรรยายส่งิ ที่จาเปน็ ต่อการเจรญิ เติบโตและ ของมนษุ ย์ ไดแ้ ก่ อาหาร น้า และอากาศ การดารงชวี ติ ของมนษุ ย์ได้ (P) 3. มีความมุง่ มนั่ และตง้ั ใจในการทางาน (A) กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 ขน้ั สร้างความสนใจ 1. ครทู บทวนความรู้พื้นฐานเกีย่ วกับสง่ิ ทจ่ี าเปน็ ต่อการเจรญิ เตบิ โตและการดารงชวี ติ ของสัตว์ โดยใชค้ าถามดังตอ่ ไปน้ี สตั ว์ ตอ้ งการส่งิ ทจ่ี าเปน็ ใดบา้ งสาหรบั การเจริญเติบโตและการดารงชีวติ เราจะดแู ลสตั ว์ใหไ้ ดร้ ับสิ่งทจ่ี าเป็นตา่ ง ๆ อยา่ งเหมาะสมได้ อยา่ งไร ขัน้ ท่ี 2 สารวจและคน้ หา 2. นักเรียนอ่านชอ่ื กจิ กรรม และทาเปน็ คิดเปน็ จากหนงั สือเรยี นหน้า 85 แล้วรว่ มกันอภิปรายเพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจของ นกั เรยี นเก่ียวกบั เร่อื งทีจ่ ะเรยี นโดยใช้คาถาม ดงั น้ี กิจกรรมนนี้ กั เรียนจะได้เรียนเกี่ยวกบั เรอ่ื งอะไร จะได้เรียนรู้เรอ่ื งนีด้ ว้ ยวธิ ใี ด และ เมอื่ เรียนแลว้ นกั เรียนจะทาอะไรได้ 3. นักเรยี นบันทกึ จุดประสงค์ของกจิ กรรมลงในแบบบนั ทึกกิจกรรม หนา้ 82 จากนัน้ อ่านส่งิ ที่ตอ้ งใชใ้ นการทากจิ กรรม 4. นกั เรยี นอา่ นทาอย่างไร จากน้นั ครูตรวจสอบความเขา้ ใจเกย่ี วกบั วิธกี ารทากจิ กรรม เม่อื นกั เรียนเข้าใจวิธกี ารทากิจกรรม แลว้ ให้นักเรยี นเริ่มปฏิบตั ิตามขั้นตอนการทากจิ กรรม และบนั ทึกผลการทากิจกรรมในแบบบนั ทกึ กจิ กรรมหนา้ 82-83 ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 5. นกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายผลการทากจิ กรรมตามแนวคาถาม เช่น สิ่งทจี่ าเป็นต่อการเจรญิ เติบโตและการดารงชีวติ ของเรามี อะไรบา้ ง อาหาร น้า และอากาศมีประโยชน์ต่อรา่ งกายอยา่ งไร นอกจากรา่ งกายได้รับสิง่ ทจ่ี าเป็นต่าง ๆ ดังกลา่ วแลว้ เราควรทา อย่างไรเพือ่ ให้ร่างกายแขง็ แรงและมสี ขุ ภาพดี ข้ันท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ 6. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรียนซกั ถามในสงิ่ ทอี่ ยากรู้เพ่มิ เตมิ เกี่ยวกับสิง่ ที่จาเป็นต่อการเจริญเตบิ โตและการดารงชวี ติ ของมนุษย์ ขน้ั ท่ี 5 ขั้นประเมิน 7. ครใู ห้นกั เรียนพดู แสดงความรู้สึกหลังการเรียน ดงั น้ี สิ่งทนี่ กั เรยี นไดเ้ รียนรู้ในวันน้ีคืออะไร นกั เรียนมปี ัญหาหรือขอ้ สงสยั ใน เรอ่ื งใดบา้ ง นักเรียนต้องการทราบอะไรเพ่ิมเติม 8. ครสู ังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียน สงั เกตการตอบคาถามของนักเรยี น และประเมินการทากจิ กรรมของนกั เรียน การวัดและประเมนิ ผล สอื่ การเรยี นรู้ 1. ประเมนิ ความรู้จากการตอบคาถามในชัน้ เรียน 1. หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.3 เล่ม 1 การทากิจกรรม
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 20 เรือ่ ง กจิ กรรมท่ี 1.2 : มนษุ ย์ตอ้ งการสิ่งใดในการเจริญเตบิ โตและการดารงชีวิต (2) กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 อากาศและชวี ิตของสตั ว์ เวลาเรียน 25 ชวั่ โมง ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ว 1.2 ป.3/2 1. อธิบายส่งิ ที่จาเปน็ ต่อการเจรญิ เติบโตและการดารงชวี ติ ของมนษุ ย์ได้ (K) สาระสาคัญ สงิ่ ทจ่ี าเปน็ ตอ่ การเจรญิ เติบโตและการดารงชีวติ 2. สังเกตและบรรยายส่ิงที่จาเป็นต่อการเจรญิ เตบิ โตและ ของมนุษย์ ได้แก่ อาหาร นา้ และอากาศ การดารงชวี ติ ของมนุษย์ได้ (P) 3. มีความมงุ่ มั่นและต้ังใจในการทางาน (A) กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1. ครูเช่ือมโยงความรเู้ ดมิ ของนักเรียนโดยใชค้ าถามว่ามนุษยต์ ้องการสิ่งท่จี าเปน็ ตอ่ การเจริญเตบิ โตและการดารงชีวิต ใดบา้ ง ขั้นท่ี 2 สารวจและคน้ หา 2. นักเรยี นอา่ นรู้อะไรในเรอ่ื งนี้ในหนงั สือเรียนหน้า 89 จากน้นั ครูให้นักเรยี นตอบคาถามในฉนั รอู้ ะไร และบนั ทกึ คาตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรมหนา้ 84-85 จากนน้ั นักเรียนอา่ นส่ิงที่ได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรุปของตนเอง 3. ครกู ระตนุ้ ให้นักเรยี นฝึกตงั้ คาถามในอยากร้อู ีกวา่ จากนั้นบันทึกในแบบบนั ทกึ กจิ กรรมหน้า 8 ขั้นท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ 4. นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายและลงข้อสรุปว่า รา่ งกายของเรามีการเจรญิ เติบโต สงั เกตได้จากน้าหนกั และสว่ นสูงเพม่ิ ขน้ึ ส่งิ ทีจ่ าเป็นต่อการเจรญิ เติบโตและการดารงชวี ติ ของมนษุ ย์ ได้แก่ อาหาร น้า และอากาศ โดยอาหารชว่ ยใหร้ ่างกาย เจรญิ เติบโต แขง็ แรง ซอ่ มแซมส่วนทีส่ กึ หรอ และใหพ้ ลังงานแก่รา่ งกาย น้าและอากาศชว่ ยใหร้ า่ งกายทางานไดอ้ ยา่ งปกติ ดังนั้นจึงควรดูแลตนเองให้ได้รบั สง่ิ ทจี่ าเป็นเหล่านัน้ อย่างเหมาะสม ขั้นที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้ 5. นกั เรียนตอบคาถามในช่วงท้ายของเนอ้ื เร่อื ง เพ่อื เชื่อมโยงไปส่กู ารเรยี นเน้อื หาในบทถดั ไป ดังน้ี “ในขณะท่มี นษุ ย์ และสตั วเ์ จรญิ เติบโต ร่างกายจะมีการเปลีย่ นแปลงอยา่ งไรบา้ ง” ขัน้ ท่ี 5 ข้นั ประเมนิ 6. ครใู ห้นกั เรยี นพดู แสดงความรู้สกึ หลงั การเรียน ดังนี้ สิง่ ท่นี ักเรียนไดเ้ รียนรูใ้ นวนั นค้ี อื อะไร นกั เรียนมปี ญั หาหรอื ข้อ สงสัยในเร่ืองใดบา้ ง นักเรยี นตอ้ งการทราบอะไรเพ่มิ เติม 7. ครูสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี น สังเกตการตอบคาถามของนกั เรยี น และประเมนิ การทากจิ กรรมของนักเรียน การวัดและประเมินผล สื่อการเรียนรู้ 1. ประเมนิ ความรจู้ ากการตอบคาถามในช้ันเรียน 1. หนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.3 เล่ม 1 การทากิจกรรม
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 21 เร่ือง วฏั จักรชีวิตของสัตว์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 อากาศและชวี ิตของสัตว์ เวลาเรียน 25 ชว่ั โมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ช่วั โมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ว 1.2 ป.3/3, ป.3/4 1. อธิบายวฏั จกั รชวี ิตของสตั วไ์ ด้ (K) 2. รวบรวมขอ้ มูลและสร้างแบบจาลองที่บรรยายวัฏจกั ร สาระสาคัญ ชวี ติ ของสัตว์ได้ (P) สตั วท์ ี่เจรญิ เตบิ โตจนเป็นตวั เตม็ วัยจะมกี ารสบื พันธ์ุ 3. เปรยี บเทียบวัฏจกั รชวี ิตของสัตว์ชนดิ ตา่ งๆ ได้ (P) และมีลูก เมอื่ ลกู เจริญเติบโตต่อไปจนเปน็ ตวั เต็มวัยกจ็ ะ 4. มคี วามมงุ่ ม่ันและต้งั ใจในการทางาน (A) สบื พันธ์แุ ละมลี ูกตอ่ ไปอกี หมนุ เวยี นเป็นแบบรปู คงทีซ่ ้าเดมิ อย่างตอ่ เน่อื งเปน็ วฏั จักรชีวิตของสตั ว์ กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ ท่ี 1 ขนั้ สร้างความสนใจ 1. ครตู รวจสอบความรเู้ ดมิ เกีย่ วกับวฏั จักรชีวิตของสตั ว์ โดยใชค้ าถามดงั น้ี เมอ่ื ลกู เจยี๊ บฟักออกมาจากไข่ ลกู เจ๊ียบจะ เจริญเตบิ โตไปเปน็ อะไร ในขณะเจริญเตบิ โต รา่ งกายของลกู เจี๊ยบมกี ารเปลีย่ นแปลงหรอื ไม่ อยา่ งไร นกั เรียนเคยสงั เกตลกู สตั ว์ อ่นื ๆ อีกหรอื ไม่ และคดิ วา่ ลกู สัตวเ์ หลา่ นั้นเจรญิ เตบิ โตไปเปน็ อะไร ข้นั ที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นักเรียนอา่ นชอื่ เรอ่ื งและคดิ กอ่ นอา่ น ในหนงั สอื หนา้ 91 และลองตอบคาถามในคดิ กอ่ นอา่ น ตามความเข้าใจครบู นั ทกึ คาตอบของนกั เรียนบนกระดานเพ่อื ใชเ้ ปรียบเทียบกบั คาตอบหลงั การอา่ น 3. นกั เรยี นอา่ นเน้ือเรือ่ งในหนงั สอื เรียนหนา้ 91-92 และตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยใชค้ าถาม 4. นักเรียนตอบคาถามจากเรอ่ื งทอ่ี า่ นในร้หู รอื ยงั ในแบบบนั ทึกกิจกรรมหนา้ 86 จากนน้ั รว่ มกันอภิปรายเพ่ือเปรยี บเทยี บ คาตอบของนักเรยี นในรู้หรือยังกบั คาตอบทเ่ี คยตอบและบันทึกไวใ้ นคิดกอ่ นอา่ น ขัน้ ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ 5. นกั เรียนรว่ มกนั สรุปเรื่องทอี่ า่ นซงึ่ ควรสรปุ ได้ว่า ในขณะเจรญิ เติบโตสตั วช์ นิดตา่ ง ๆ จะมกี ารเปล่ยี นแปลงรปู รา่ ง ลกั ษณะ โดยสตั วท์ เ่ี จรญิ เติบโตจนเปน็ ตวั เต็มวัยจะมกี ารสืบพนั ธ์ุและมลี ูก เมื่อลูกเจริญเติบโตต่อไปจนเปน็ ตัวเตม็ วัยก็จะสืบพนั ธุ์ และมีลูกตอ่ ไปอกี หมุนเวยี นเปน็ แบบรูปคงท่ีซา้ เดิมอยา่ งต่อเน่อื งเปน็ วฏั จกั รชวี ิตของสตั ว์ ขั้นท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ 6. นักเรียนตอบคาถามทา้ ยเรอ่ื งท่ีอา่ น ดงั น้ี วฏั จักรชีวติ ของสัตวช์ นดิ ต่าง ๆ เหมือนหรอื แตกต่างกนั อย่างไร ข้ันท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ 7. ครใู หน้ ักเรียนพูดแสดงความรูส้ กึ หลงั การเรียน ดงั นี้ สิ่งทน่ี กั เรียนไดเ้ รียนร้ใู นวนั นคี้ อื อะไร นกั เรยี นมปี ัญหาหรอื ข้อสงสัย ในเร่ืองใดบา้ ง นกั เรียนตอ้ งการทราบอะไรเพม่ิ เตมิ 8. ครสู ังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี น สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรยี น และประเมนิ การทากจิ กรรมของนกั เรยี น การวัดและประเมินผล สื่อการเรียนรู้ 1. ประเมนิ ความรูจ้ ากการตอบคาถามในช้นั เรียน 1. หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.3 เลม่ 1 การทากิจกรรม
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 22 เร่ือง กจิ กรรมที่ 2 : วฏั จักรชีวติ ของสตั วเ์ ป็นอยา่ งไร (1) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 อากาศและชีวติ ของสัตว์ เวลาเรยี น 25 ชั่วโมง ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ช่วั โมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ว 1.2 ป.3/3, ป.3/4 1. อธิบายวัฏจกั รชีวิตของสัตวไ์ ด้ (K) 2. รวบรวมข้อมูลและสรา้ งแบบจาลองท่ีบรรยายวัฏจกั ร สาระสาคญั ชวี ติ ของสัตว์ได้ (P) ในขณะเจรญิ เติบโตสัตวบ์ างชนดิ จะไมม่ ีการเปลีย่ นแปลงรปู ร่าง 3. เปรยี บเทียบวฏั จักรชีวิตของสัตว์ชนิดต่างๆ ได้ (P) ลักษณะการกนิ อาหาร และแหล่งทอี่ ยตู่ ั้งแต่แรกเกิดจนเปน็ ตวั เต็มวัย แต่ 4. มีความมงุ่ มัน่ และตงั้ ใจในการทางาน (A) ในระยะทเี่ ปน็ วัยแรกเกดิ จะมขี นาดเล็กกวา่ ตัวเต็มวัย เชน่ มนุษย์ ไก่ สว่ น สัตวบ์ างชนิดจะมกี ารเปลย่ี นแปลงรูปร่างลักษณะ การกินอาหาร และ แหลง่ ที่อย่ตู ้งั แตแ่ รกเกดิ จนเปน็ ตัวเต็มวยั เชน่ ผเี ส้อื ไหม กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นท่ี 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ 1. ครนู ารูปหนอนชนิดหนึ่งมาให้นักเรียนดู จากนน้ั อภิปรายโดยใช้คาถามดังนี้ หนอนเกิดมาไดอ้ ยา่ งไร หนอนมกี ารเจรญิ เตบิ โต หรอื ไม่ ถา้ มี เม่อื หนอนเจรญิ เติบโตจะมกี ารเปล่ยี นแปลงอยา่ งไรบ้าง นกั เรยี นคิดวา่ หนอนมวี ัฏจักรชีวิตหรือไม่ อย่างไร ขั้นท่ี 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรยี นอา่ นชื่อกจิ กรรม และทาเป็นคิดเปน็ จากหนังสือเรยี นหนา้ 93 แล้วร่วมกันอภปิ รายเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของ นกั เรียนเกีย่ วกบั เรอื่ งที่จะเรียนโดยใชค้ าถาม ดังนี้ กิจกรรมนน้ี กั เรียนจะไดเ้ รียนเกี่ยวกบั เรอ่ื งอะไร จะได้เรียนรู้เรื่องนีด้ ว้ ยวิธีใด และ เมื่อเรียนแลว้ นกั เรยี นจะทาอะไรได้ 3. นักเรยี นบันทกึ จดุ ประสงค์ของกิจกรรมลงในแบบบันทกึ กิจกรรม หนา้ 86 จากนั้นอ่านส่ิงทีต่ ้องใชใ้ นการทากิจกรรม 4. นกั เรียนอ่านทาอย่างไร ตอนที่ 1 จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกบั วิธีการทากจิ กรรม เม่ือนกั เรยี นเข้าใจวธิ กี ารทา กจิ กรรมแลว้ ใหน้ กั เรียนเร่ิมปฏิบตั ติ ามข้ันตอนการทากจิ กรรม และบนั ทกึ ผลการทากจิ กรรมในแบบบนั ทกึ กจิ กรรมหนา้ 82-83 5. นักเรียนตอบคาถามในฉันรู้อะไรตอนท่ี 1 และบนั ทึกคาตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรมหน้า 91-92 ข้ันที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 6. นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายผลการทากจิ กรรมตามแนวคาถาม เชน่ วัฏจักรชีวิตของมนษุ ย์และไก่ เหมือนและแตกต่างกัน อยา่ งไร วฏั จักรชีวิตของไกแ่ ละผีเสอื้ ไหมแตกตา่ งกนั อย่างไร ข้นั ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ 7. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นซักถามในสงิ่ ทอ่ี ยากรู้เพม่ิ เติมเก่ยี วกบั วัฏจักรชีวติ ของสตั ว์ ขน้ั ท่ี 5 ข้ันประเมนิ 8. ครใู หน้ ักเรียนพูดแสดงความรสู้ กึ หลังการเรยี น ดังน้ี สงิ่ ทน่ี ักเรียนไดเ้ รยี นรู้ในวันน้ีคืออะไร นกั เรยี นมปี ัญหาหรอื ขอ้ สงสัยใน เรื่องใดบา้ ง นักเรียนตอ้ งการทราบอะไรเพ่ิมเตมิ 9. ครสู งั เกตพฤติกรรมของนักเรียน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรยี น และประเมินการทากิจกรรมของนักเรยี น การวัดและประเมนิ ผล สื่อการเรียนรู้ 1. ประเมินความรจู้ ากการตอบคาถามในชั้นเรียน 1. หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.3 เล่ม 1 การทากจิ กรรม
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 23 เร่ือง กิจกรรมที่ 2 : วฏั จักรชีวติ ของสัตวเ์ ป็นอยา่ งไร (2) กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 3 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 อากาศและชวี ิตของสัตว์ เวลาเรยี น 25 ช่ัวโมง ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565 เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ว 1.2 ป.3/3, ป.3/4 1. อธบิ ายวฏั จกั รชวี ติ ของสัตว์ได้ (K) 2. รวบรวมขอ้ มลู และสรา้ งแบบจาลองทบ่ี รรยายวฏั จักร สาระสาคัญ ชวี ติ ของสัตวไ์ ด้ (P) ในขณะเจรญิ เตบิ โตสตั วบ์ างชนิดจะไมม่ ีการเปลีย่ นแปลงรูปรา่ ง 3. เปรยี บเทียบวัฏจกั รชีวติ ของสัตว์ชนดิ ต่างๆ ได้ (P) ลักษณะการกนิ อาหาร และแหล่งที่อยูต่ ั้งแตแ่ รกเกดิ จนเป็นตวั เตม็ วยั แต่ 4. มคี วามม่งุ ม่นั และตงั้ ใจในการทางาน (A) ในระยะทเ่ี ปน็ วัยแรกเกดิ จะมีขนาดเล็กกวา่ ตวั เตม็ วัย เชน่ มนษุ ย์ ไก่ สว่ น สัตวบ์ างชนิดจะมีการเปลยี่ นแปลงรปู ร่างลกั ษณะ การกนิ อาหาร และ แหล่งทอ่ี ยูต่ ้งั แตแ่ รกเกิดจนเปน็ ตวั เต็มวยั เช่น ผเี ส้อื ไหม กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ที่ 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ 1. ครูใชค้ าถามเชื่อมโยงความรู้ทไี่ ด้จากตอนท่ี 1 ไปยงั ตอนที่ 2 โดยใชค้ าถามวา่ ถ้าวฏั จักรชีวติ ของสตั ว์ชนิดต่าง ๆ ถกู ทาลาย ลง จะเป็นอย่างไร ขั้นที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นกั เรียนบันทกึ จุดประสงคข์ องกิจกรรมลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรม หนา้ 90 จากนน้ั อ่านสิง่ ที่ตอ้ งใชใ้ นการทากจิ กรรม 3. นกั เรียนอ่านทาอย่างไร ตอนที่ 2 จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจเกีย่ วกบั วธิ ีการทากจิ กรรม เมอ่ื นักเรียนเขา้ ใจวิธกี ารทา กิจกรรมแลว้ ให้นกั เรียนเรมิ่ ปฏบิ ัตติ ามข้นั ตอนการทากจิ กรรม และบนั ทกึ ผลการทากิจกรรมในแบบบันทึกกจิ กรรมหนา้ 90-91 4. นกั เรยี นอ่านรู้อะไรในเร่อื งนใี้ นหนังสือเรยี นหนา้ 97-99 จากนน้ั ครใู ห้นกั เรียนตอบคาถามในฉนั รูอ้ ะไร และบนั ทกึ คาตอบใน แบบบนั ทกึ กจิ กรรมหนา้ 92-93 จากนนั้ นักเรยี นอ่านสงิ่ ที่ได้เรยี นรู้ และเปรยี บเทยี บกับขอ้ สรุปของตนเอง 5. ครูกระตนุ้ ให้นักเรียนฝกึ ต้งั คาถามในอยากรอู้ ีกวา่ จากนนั้ บันทึกในแบบบนั ทึกกจิ กรรมหนา้ 93 ขั้นที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 6. นกั เรียนร่วมกันอภปิ รายและลงขอ้ สรปุ ว่า การทาลายสตั ว์ในระยะใดระยะหนงึ่ ของการเจริญเติบโต จะทาใหว้ ัฏจักรชวี ติ ของ สัตวเ์ กิดการเปลีย่ นแปลง ดงั น้ันจงึ ควรช่วยกนั ดูแลและไมท่ าลายชีวิตสตั ว์ เพอ่ื ให้วัฏจักรชวี ิตของสตั ว์ยงั คงดาเนินต่อไปได้ ข้ันท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้ 7. นกั เรยี นรว่ มกันอ่านเกร็ดนา่ รู้ ในหนังสือเรียน หน้า 100 และอภปิ รายรว่ มกันเกย่ี วกับประโยชนข์ องวัฏจักรชีวิตของสัตว์ 8. นักเรียนตอบคาถามในชว่ งทา้ ยของเนอ้ื เรือ่ ง เพ่ือเช่อื มโยงไปสกู่ ารเรียนเนือ้ หาในบทถัดไป ดงั น้ี “สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา ท่ี ไม่ใช่สงิ่ มชี วี ิตก็มีการเปลีย่ นแปลงไดเ้ ช่นกัน การเปลีย่ นแปลงดังกลา่ วเกดิ จากสาเหตใุ ดและจะเปล่ียนแปลงไปอย่างไร” ขน้ั ท่ี 5 ข้นั ประเมนิ 9. ครูให้นักเรียนพูดแสดงความรสู้ ึกหลังการเรยี น ดังน้ี สง่ิ ทน่ี ักเรยี นไดเ้ รยี นรู้ในวันนี้คืออะไร นกั เรยี นมปี ญั หาหรือขอ้ สงสยั ใน เรอื่ งใดบา้ ง นักเรยี นตอ้ งการทราบอะไรเพิม่ เตมิ 10.ครูสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน สังเกตการตอบคาถามของนักเรยี น และประเมินการทากิจกรรมของนักเรียน การวัดและประเมินผล สือ่ การเรยี นรู้ 1. ประเมินความรจู้ ากการตอบคาถามในช้ันเรียน 1. หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จาก 2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.3 เล่ม 1 การทากิจกรรม
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 24 เรื่อง แบบฝกึ หัดท้ายบทที่ 2 การดารงชีวิตของสตั ว์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 3 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 อากาศและชีวิตของสตั ว์ เวลาเรียน 25 ชัว่ โมง ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ว 1.2 ป.3/1 ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4 1. อธิบายสิ่งท่ีจาเปน็ ต่อการเจรญิ เติบโตและการดารงชวี ิต ของสตั วแ์ ละมนุษยไ์ ด้ (K) สาระสาคัญ แบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 2 การดารงชีวติ ของสตั ว์ 2. สิง่ ที่จาเป็นตอ่ การเจรญิ เติบโตและการดารงชีวิตของสตั ว์ เป็นการตรวจสอบดวู ่านักเรยี นแตล่ ะคนมคี วามรู้ ความ และมนุษย์ได้ (P) เขา้ ใจ หลงั การเรียนรู้ มากน้อยเพียงใด 3. มีความมงุ่ มน่ั และต้ังใจในการทางาน (A) กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 1 ขน้ั สร้างความสนใจ 1. ครใู ห้นกั เรยี นวาดรูปหรอื เขียนสรุปส่ิงที่ไดเ้ รียนรู้จากบทนี้ ในแบบบันทึกกจิ กรรมหนา้ 94 ข้นั ที่ 2 สารวจและคน้ หา 2. นักเรียนตรวจสอบสรุปสง่ิ ทีไ่ ดเ้ รยี นของตนเองโดยเปรียบเทยี บกบั แผนภาพในหัวข้อร้อู ะไรในบทนี้ ในหนงั สือเรียนหน้า 101 3. นกั เรยี นกลับไปตรวจสอบคาตอบของตนเองในสารวจความร้กู อ่ นเรียน ในแบบบันทึกกจิ กรรมหน้า 72-76 อกี ครั้ง ถ้า คาตอบของนกั เรยี นไมถ่ ูกต้องใหข้ ดี เส้นทบั ขอ้ ความเหลา่ นน้ั แลว้ แกไ้ ขให้ถูกตอ้ ง จากนนั้ ครูนาคาถามในรูปนาบทในหนังสือเรยี น หนา้ 76 มาร่วมกนั อภปิ รายคาตอบอกี ครัง้ 4. นกั เรียนทาแบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 2 การดารงชีวิตของสัตว์ โดยบันทึกคาตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม หน้า 95-96 ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 5. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายสรุปความคิดเกย่ี วกับแบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 2 การดารงชวี ิตของสตั ว์ โดยให้ครูคอยให้ความรู้ เสริมในส่วนท่นี ักเรียนไมเ่ ขา้ ใจหรือสรปุ ไมต่ รงกบั วัตถุประสงค์การเรียนรู้ เพอ่ื ให้มีความรู้และความเขา้ ใจในกิจกรรมการเรยี นรู้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ ขั้นที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ 6. นักเรียนร่วมกนั ทากจิ กรรม ร่วมคิด ร่วมทา โดยร่วมกนั สืบคน้ ข้อมลู วัฏจักรชวี ติ ของยุงลาย และใช้ความร้เู กยี่ วกบั วฏั จักร ชีวิตของยุงลายมาจัดทาแผนภาพเพื่อบอกแนวทางการปอ้ งกนั โรคไขเ้ ลอื ดออก 7. นักเรียนอา่ นและอภิปรายเนอื้ เร่อื งในหวั ข้อ วิทย์ใกล้ตวั ในหนงั สือเรยี นหน้า 104 โดยครกู ระตุ้นให้นกั เรียนเห็นความสาคญั ของความรู้จากส่ิงท่ไี ดเ้ รียนรู้ในหนว่ ยนี้ วา่ สามารถนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งไรบา้ ง ข้นั ท่ี 5 ขั้นประเมิน 8. ครใู หน้ ักเรียนพูดแสดงความรสู้ กึ หลงั การเรียน ดังน้ี ส่ิงที่นกั เรียนไดเ้ รียนรู้ในวนั นี้คืออะไร นักเรยี นมปี ญั หาหรือขอ้ สงสัยใน เรอื่ งใดบ้าง นกั เรยี นต้องการทราบอะไรเพ่ิมเติม 9. ครสู ังเกตพฤติกรรมของนักเรียน สังเกตการตอบคาถามของนักเรียน และประเมนิ การทากจิ กรรมของนกั เรยี น การวัดและประเมินผล ส่ือการเรียนรู้ 1. ประเมนิ ความร้จู ากการตอบคาถามในชนั้ เรียน 1. หนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 2. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.3 เล่ม 1 การทากิจกรรม
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 25 เรอ่ื ง แบบทดสอบทา้ ยเล่ม กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 อากาศและชีวติ ของสตั ว์ เวลาเรยี น 25 ชัว่ โมง ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด จุดประสงค์การเรียนรู้ - - สาระสาคญั การทดสอบทา้ ยเล่มหลงั เรียนรายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 เปน็ การตรวจสอบดูวา่ นกั เรยี นแต่ละคนมคี วามรู้ ความเข้าใจ หลังการเรยี นรู้ มากนอ้ ยเพยี งใด กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 1 ข้นั สรา้ งความสนใจ 1. ครูกลา่ วคาทกั ทายนักเรียน และชีแ้ จงถึงการทาแบบทดสอบท้ายเลม่ ให้นักเรียนทราบ เพอื่ สร้างความสนใจก่อน เรม่ิ ทาแบบทดสอบ ขั้นท่ี 2 สารวจและค้นหา 2. นกั เรยี นทาแบบฝึกหัดทา้ ยเลม่ ในแบบบันทกึ กิจกรรม หนา้ 106-123 เพื่อเปน็ การประเมนิ การเรียนรขู้ องนักเรียน ตลอดภาคเรยี น หากนกั เรยี นยังมแี นวคิดคลาดเคลอ่ื น ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายคาตอบเพื่อชว่ ยใหน้ ักเรียนมแี นวคดิ ท่ี ถูกตอ้ ง ข้นั ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ 3. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายสรุปความคิดเกยี่ วกับแบบทดสอบท้ายเลม่ โดยให้ครคู อยใหค้ วามรู้เสริมในส่วนท่ี นกั เรียนไมเ่ ขา้ ใจหรือสรุปไมต่ รงกับวตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ เพอื่ ให้มีความรแู้ ละความเข้าใจในกจิ กรรมการเรยี นรอู้ ยา่ งมี ประสิทธภิ าพ ขน้ั ท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ 4. นักเรียนนาความรเู้ กย่ี วกับการเรยี นรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั และศกึ ษาหาความรเู้ พม่ิ เติมใน อนาคต ขน้ั ที่ 5 ขั้นประเมนิ 5. ครูให้นักเรียนพูดแสดงความรู้สกึ หลงั การเรยี น ดงั น้ี สิง่ ท่นี ักเรียนได้เรียนรใู้ นวนั นค้ี ืออะไร นกั เรยี นมปี ัญหาหรอื ข้อ สงสยั ในเร่ืองใดบา้ ง นกั เรียนต้องการทราบอะไรเพม่ิ เติม 6. ครสู งั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี น สังเกตการตอบคาถามของนกั เรียน และประเมนิ การทากิจกรรมของนกั เรียน การวัดและประเมนิ ผล สอื่ การเรยี นรู้ 1. ประเมนิ ความรจู้ ากการตอบคาถามในชน้ั เรียน 1. หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 2. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ าก 2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.3 เลม่ 1 การทากจิ กรรม
Search
Read the Text Version
- 1 - 41
Pages: