1กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์จ้วง 壮族
2กลุ่มชาตพิ นั ธ์จ้วง 壮族 จ้วง หรือ ปจู้ ้วง (จ้วง: Bouчcueŋь/Bouxcuengh; จีนตวั ย่อ: 壮族; จีนตวั เตม็ : 壯族; พินอนิ : Zhuàngzú; เวด-ไจลส์: Chuang4-tsu2) เป็นกลมุ่ ชนในกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุไท-กะได มีประชากรมากท่ีสดุ ราว 18 ล้านคน แตพ่ วกเขาเพงิ่ ยอมรับคําวา่ จ้วง เป็นชื่อชนชาติ เม่ือทางการจีนใช้คาํเขียนใหมท่ ่ีมีความหมายในทางที่ดขี นึ ้ เพราะในสมยั ราชวงศ์ซ้อง คาํ วา่ จ้วง (僮) ใช้เรียกทหารท่ีเป็นจ้วงสมยั ราชวงศ์หยวน ใช้ตวั อกั ษรจีน ท่ีแปลวา่ ปะทะ สมยั ราชวงศห์ มงิ ราชวงศช์ งิ จนถงึ สมยั ก๊กมินตง๋ัเปล่ียนอกั ษรตวั แรกเป็นความหมายวา่ \"สตั ว์\" (獞) จนถึง พ.ศ. 2508 จงึ เปลี่ยนเป็นตวั ท่ีมีความหมายวา่เตบิ โต และแขง็ แรง (壯/壮)
3ประวตั ิ ชาวจ้วงมีความเป็นมาคอ่ นข้างชดั เจน นบั ย้อนไปได้ไมต่ า่ํ 5,000 ปี นอกจากในถ่ินที่อยจู่ ะพบหลกั ฐานทางโบราณคดมี ากมาย เชน่ ภาพเขียนโบราณที่ผาลาย กลองสมั ฤทธิ์ท่ีเรียกวา่ กลองมโหระทกึในปี พ.ศ. 2536 ยงั ขดุ พบซากมนษุ ย์ยคุ หินเก่าด้วยที่มีอายปุ ระมาณ 50,000 ปี มีโครงกระดกู คล้ายกบั ชาวจ้วงในปัจจบุ นั ด้วย ทงั้ ในบนั ทกึ ประวตั ศิ าสตร์จีน ก็มีคนช่ือ ซีโอว และหลวั้ เยว่ ถวายเครื่องบรรณาการให้ราชวงศโ์ จว (เจา) ตงั้ แตร่ าว 3,000 ปีก่อน แสดงวา่ จ้วงเป็นกลมุ่ ชนที่มีรัฐ และกษัตริย์แล้ว ก่อนยคุ จน๋ิ ซีฮอ่ งเต้ ช่ือคนซีโอว และหลวั้ เยว่ คอ่ ยๆหายไปจากประวตั ิศาสตร์จีน เพราะจีนเปล่ียนช่ือเรียกกลมุ่ คนเหลา่ นี ้ไปเรื่อยๆ เมื่อถงึ สมยั อหู่ ู บรรพบรุ ุษของชาวจ้วงถกู เรียกวา่ \"หลี่\" สมยั สามก๊กก็ถกู เรียกวา่ \"เหลียว\" สมยัราชวงศ์จนิ ้ ก็เรียกทงั้ หลี่ และเหลียว
4การแบ่งกลุ่มชาวจ้วง ปัจจบุ นั ชาวจ้วงจะแบง่ เป็นกลมุ่ ใหญ่ ๆ ได้สองกลมุ่ ด้วยกนั คือ กลมุ่ จ้วงเหนือ และจ้วงใต้ จ้วงเหนืออยทู่ ่ีเหนือของเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วง เป็นกลมุ่ ท่ีใหญ่ สว่ นจ้วงใต้อยทู่ างใต้เป็นกลมุ่ เลก็ กวา่ ชาวจ้วงที่อยบู่ นเขาเรียกว่า ชาวจ้วงเสือ้ ดํา ซง่ึ กระจายอยใู่ นอําเภอนา่ โพ มีประมาณ 6 หม่ืนคนชาวจ้วงเสือ้ ดําเหน็ ว่าสีดําเป็นสีท่ีสวยงาม สีดําจงึ กลายเป็นสญั ลกั ษณ์ของชนชาติภาษา ภาษาจ้วงแบง่ เป็นกลมุ่ หลกั ได้สองสําเนียงคือ ภาษาจ้วงเหนือ และจ้วงใต้ด้วยปัจจยั ทางภมู ศิ าสตร์และประวตั ิศาสตร์ ทําให้เสียงและคําศพั ท์ของภาษาจ้วงในแตล่ ะท้องท่ี มีความแตกตา่ งกนันอกจากสําเนียงหลกั สองสําเนียงแล้ว ยงั มีสําเนียงท้องถ่ินอีก 13 สําเนียง แตด่ ้านไวยากรณ์แทบไมม่ ีความแตกตา่ งกนั สําเนียงจ้วงเหนือมีผ้ใู ช้จํานวนร้อยละ 80 ของประชากร และหากเปรียบเทียบคาํ ศพั ท์ระหวา่ งจ้วงเหนือและจ้วงใต้ก็จะพบคาํ ศพั ท์ท่ีใช้เหมือนกนั ถงึ ร้อยละ 60 เดมิ ภาษาจ้วงมีอกั ษรของตนเองท่ีสร้างตามแบบอกั ษรฮนั่ ท่ีเริ่มตงั้ แตค่ ริสตศ์ ตวรรษที่ 1 เรียกวา่สือดบิ ผ้จู อ่ ง (Sawndip.svg) แตไ่ ด้มีการประดิษฐ์อกั ษรจ้วงขึน้ ใหมท่ ่ีพืน้ ฐานมาจากอกั ษรละตินในชว่ งตอนกลางทศวรรษท่ี 1950 และตอ่ มาได้กําหนดให้อกั ษรดงั กล่าวเป็นอกั ษรของชนชาตจิ ้วงตามกฎหมาย ด้วยเหตทุ ่ีมีผ้ใู ช้ภาษาจ้วงเหนือมากกว่าจ้วงใต้ จงึ ใช้ภาษาจ้วงเหนือเป็นภาษาพืน้ ฐาน และถือสําเนียงจ้วงเหนือท่ีอําเภออหู่ มงิ เป็นสําเนียงมาตรฐานมาใช้สร้างตวั หนงั สือจ้วงลาดับ จ้วงเหนือ (อ่หู มิง) จ้วงใต้ (เต๋อป่ าว-จงิ้ ซี) ภาษาไทย (กรุงเทพฯ)1 ปอ ปอ พอ่2 แม่ แม่ แม่3 หร่าน หรู่ง ควาย4 ด๊าด ด๊ดู ร้อน5 ตง๋ั หง่อน ทาหวนั ตะวนั6 ลอ่ ง, เด๋ือน ห้าย เดอื น
5สืบดิบผ้จู อ่ ง แม้วา่ ภาษาจ้วงจะจดั อยใู่ นกลมุ่ ภาษาไท-กะได แตไ่ ด้รับอิทธิพลอยา่ งสงู จากภาษาจีนถ่ินตะวนั ตกเฉียงใต้ชาวจ้วงเองซง่ึ อยตู่ า่ งพืน้ ท่ีกนั มกั ใช้ภาษาจีนกลาง หรือจีนกวางต้งุ เป็นภาษากลางเพ่ือส่ือสารกนัระหวา่ งกลมุ่ จากการสํารวจในปี ค.ศ. 1980 พบวา่ ชาวจ้วงร้อยละ 42 ยงั คงใช้ภาษาจ้วงเป็นภาษาแม่ขณะเดยี วกนั ก็มีชาวจ้วงที่ใช้สองภาษา คือ จีนและจ้วง มีถงึ ร้อยละ 55 ขณะที่การศกึ ษาภาคบงั คบั ของชาวจ้วงในเขตปกครองตนเองกว่างซี เป็นแบบสองภาษา คอื จีนกลาง และจ้วง โดยมงุ่ เน้นการอา่ นออกเขียนได้ในภาษาจ้วงขนั้ ต้นเทา่ นนั้
6วัฒนธรรม ความเช่อื ศาสนา ชาวจ้วงไมม่ ีศาสนาหรือองค์กรทางศาสนาที่จดั ตงั้ เป็นเอกภาพ สงิ่ ท่ีชาวจ้วงนบั ถือจงึ เป็นสภาวะ\"ก่งึ บพุ กาล\" ท่ีสําคญั คือ ความเช่ือเร่ืองเทพเจ้าจํานวนหลายองค์, ลทั ธิเตา๋ , ไสยศาสตร์ และลทั ธิซือกง(ลทั ธิท่ีดดั แปลงโดยชาวจ้วง) ชาวจ้วงนบั ถือเทพหลายองค์ และไมไ่ ด้นบั ถือศาสนาหรือเทพเดียวกนั อย่างเป็นเอกภาพ ชาวจ้วงถือวา่ ทกุ สิง่ ทกุ อยา่ งมี \"วิญญาณ\"ชาวจ้วงนบั ถือธรรมชาติ, บรรพบรุ ุษ และภาพสญั ลกั ษณ์ เชน่ หากจะจบัปลาจบั ก้งุ ก็จะต้องไหว้เทพเจ้าแมน่ ํา้ ก่อนทอดแห หรือหากจะตดั ต้นไม้ต้องไหว้เทพเจ้าภเู ขาหรือต้นไม้เสียก่อน เป็นต้น หากมนษุ ย์ทําการลว่ งละเมิด เทพเจ้าก็จะแสดงอทิ ธิฤทธ์ิทนั ทีทําให้มนษุ ย์เกรงกลวั เทพเจ้า หากไปลว่ งละเมดิ ตอ่ เทพเจ้าองค์ใดมา ก็ต้องรีบยกข้าวปลาอาหารและเหล้า เงินกระดาษและธปู ไปไหว้ทนั ที เพ่ืออ้อนวอนให้ยกโทษและค้มุ ครองตน สิง่ ที่สําคญั อีกอยา่ งคือการนบั ถือบรรพบรุ ุษ ชาวจ้วงเชื่อว่าคนมีวิญญาณ คนตายไปแล้วแต่วญิ ญาณยงั ไมต่ ายเมื่อมีคนตายแล้วถ้ามีพอ่ หมอมาสวดให้วิญญาณพ้นทกุ ข์ วิญญาณก็จะผา่ นสะพานไน่ฮ้อไปยงั เมืองผีท่ีอยดู่ ีกินดีและเป็นผีบรรพบรุ ุษท่ีค้มุ ครองลกู หลาน ตรงกนั ข้ามถ้าหากไมม่ ีพอ่ หมอมาสวดหรือตายนอกบ้าน วิญญาณจะผา่ นสะพานไนฮ่ ้อหรือไปปรโลกไมไ่ ด้ ก็จะกลายเป็นผีเร่ร่อนทําร้ายลกู หลานของตนแทนดงั นนั้ บ้านของชาวจ้วงทกุ ครอบครัวจงึ มีแทน่ บชู าบรรพบรุ ุษในห้องโถง กลางแทน่ จะมีกระดาษสีแดงเขียนชื่อบรรพบรุ ุษทกุ ยคุ ทกุ สมยั และตงั้ ปา้ ยเอาไว้ ข้างลา่ งวางกระถางธูปคอยเซ่นไหว้เสมอ ยามซือ้ของดๆี , ฆา่ สตั ว์, กลน่ั เหล้าหรือทําข้าวต้มมดั ก็จะต้องจดุ ธูปบชู าเสียก่อนจงึ จะกินได้ สว่ นลทั ธิซือกง เป็นลทั ธิที่เกิดขนึ ้ จากจารีตของชาวจ้วงเอง และมีระเบยี บของบงั คบั ท่ีคอ่ นข้างมน่ั คง แตไ่ มม่ ีองค์กรหรือศาลเจ้าที่เป็นเอกภาพ หนว่ ยจดั ตงั้ ของลทั ธิดงั กลา่ วเป็นกลมุ่ กระจายเป็นหนว่ ยยอ่ ยๆ เรียกวา่ ซือถาน แตล่ ะถานจะมีอาจารย์ผ้ปู กครองถานเป็นผ้คู วบคมุ การไหว้ และการประกอบพิธีตา่ งๆ ผ้ทู ี่เข้ารับนบั ถือซือกงต้องผา่ นการไหว้ครูและรับศีล ทอ่ งคมั ภีร์ซือกง หดั รําและศลิ ปะกายกรรมคร่ึงปีขนึ ้ ไป เมื่อสําเร็จก็จะเป็นซือกงอยา่ งเป็นทางการ มีสถานที่ชมุ นมุ เรียกวา่ หอซือ มีบ้านเฉพาะและมีนาให้เชา่ ซง่ึ เงินคา่ เชา่ นาที่ได้จะนํามาใช้จา่ ยของหอซือ ในลทั ธิจะมีเทพเจ้าใหญ่ๆ 36 องค์ เทพเจ้าน้อย 72 องค์แตท่ างปฏิบตั จิ ะมีมากกวา่ 200 องค์ เทพสําคญั คือ พระไตรสรณคมน์, พระตรีภพนาถ, พระภมู ิเจ้าท่ี
7ชดุ การแต่งกาย ของชาวจ้วง
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: