Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการห้องสมุดประชาชนอำเภอปง ประจำปีงบประมาณ 2564

โครงการห้องสมุดประชาชนอำเภอปง ประจำปีงบประมาณ 2564

Description: โครงการห้องสมุดประชาชนอำเภอปง ประจำปีงบประมาณ 2564

Search

Read the Text Version

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอปง สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จังหวดั พะเยา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร



ก คำนำ เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อรายงานผลการดำเนินงานโครงการ 2 เมษา วันรักการอ่าน เทิดไท้ “เจ้าฟ้านักอ่าน” พัฒนาการเรียนรู้ โดยห้องสมุดประชาชน ได้จัดโครงการขึ้นระหว่างวันที่ 1-30 เมษายน 2564 เพื่อขยายโอกาสให้ประชาชนในการพัฒนาการรู้หนังสือ การอ่าน มีประโยชน์อย่างยิ่งใน การช่วยสง่ เสริมจนิ ตนาการและนำไปส่กู ารสง่ เสริมความคิดสร้างสรรค์ หวังเป็นอยา่ งย่ิงว่าเอกสารรายงานผลการดำเนนิ งานฉบบั นีจ้ ะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ท่ีสนใจ จะได้ศกึ ษาค้นควา้ ตอ่ ไป ( นางสาววรรณนิดา จำรัส ) บรรณารกั ษ์อัตราจา้ ง

ข หนา้ ก สารบญั ข 1 เรอ่ื ง คำนำ 2 สารบญั บทที่ 1 บทนำ 15 - ความเป็นมาและความสำคัญ 16 - วตั ถปุ ระสงค์ 20 - ขอบเขตของโครงการ บทท่ี 2 เอกสารท่เี กยี่ วขอ้ ง - ความสำคัญของการอา่ น - พระราชประวตั ิสมเดจ็ พระเทพพระรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี - พระราชสมภพ - การศกึ ษา - พระอัจฉริยภาพ - พระราชกรณียกจิ - 2 เมษา วันรกั การอ่าน - ทำอย่างไรจะเล้ยี งลกู ให้ฉลาดเหมอื นไอสไตน์ - 6 เทคนคิ ฝึกลูกรักการอา่ น บทที่ 3 วิธดี ำเนินการ - กล่มุ เปา้ หมาย - ขั้นตอนดำเนนิ การ - กิจกรรม บทที่ 4 ผลท่เี กดิ ข้ึน บทท่ี 5 สรปุ และอภิปราย ภาคผนวก - ภาพกจิ กรรม - โครงการ

บทที่ 1 บทนำ 1. ความเปน็ มาและความสำคัญ เนื่องในวันที่ 2 เมษายน เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และในปี 2552 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบกำหนดให้ การอา่ นเปน็ “วนั รกั การอ่าน” สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีคุณูปการต่อวงการหนังสือไทย พระองค์ทรงสนพระทัยการอ่านและการพัฒนาห้องสมุด ทรงรับสมาคม ห้องสมุดแห่งประเทศไทยไว้ในพระราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2519 ทรงได้พระราชทานข้อเสนอแนะ แก่สมาคมหอ้ งสมดุ แห่งประเทศไทย และบรรณารกั ษไ์ ทยในการนำความรู้ไปพฒั นาห้องสมดุ โรงเรียนและห้องสมุด ประชาชน รวมทั้งห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ที่เป็นแหล่งเรียนรู้ เพื่อขยายโอกาสให้ประชาชนใน การพัฒนาการรู้หนังสือ การอ่าน มีประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยส่งเสริมจินตนาการและนำไปสู่การส่งเสริม ความคิดสรา้ งสรรค์ ด้วยเหตุนี้การอ่านเป็นทักษะสำคัญ เป็นเครื่องมือแสวงหาความรู้ในวิชาต่างๆ เด็ก เยาวชน นักศึกษา กศน.อำเภอปง ควรเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการอ่าน ตลอดจนความจำเป็นที่จะต้องอ่าน โดยเฉพาะสถานศึกษา มีหน้าที่บ่มเพาะทางด้านการศึกษาและการเรียนรู้โดยตรง ควรที่จะต้องปลูกนิสัยรัก การอ่านของนักศึกษาเพราะการอ่านจะช่วยในการส่งเสริมและสนับสนุนก ารเรียนรู้ด้านวิชาการและ ด้านประสบการณช์ ีวิตอีกดว้ ย ดังนั้นห้องสมุดประชาชนอำเภอปง สังกัดศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอปง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอ่านที่เป็นจุดบ่มเพาะและสร้างนิสัยรักการอ่าน การเรียนรู้ที่เกิดขึ้น ในเขตชุมชน พื้นที่อำเภอปง จึงจัดโครงการ 2 เมษา วันรักการอ่าน เทิดไท้ “เจ้าฟ้านักอ่าน” พัฒนาการเรียนรู้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รวมทั้ง สร้างเครอื ข่ายและประชาสัมพนั ธง์ านการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอปง 2. วตั ถปุ ระสงค์ 4.1. เพอื่ เทิดพระเกียรตวิ ันคล้ายวนั พระราชสมภพ ๒ เมษายน สมเด็จพระกนิษฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 4.2 เพ่อื เป็นการแสดงความจงรกั ภกั ดีและเผยแพร่พระเกียรตคิ ุณของสมเดจ็ พระกนิษฐาธริ าช เจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีให้ประชาชนท่วั ไปไดร้ ับรูแ้ ละร่วมสำนกึ ในพระมหา กรณุ าธคิ ณุ 4.3 เพอื่ รณรงคป์ ลกู ฝงั่ สง่ เสริมใหก้ ับเด็ก เยาวชน และนกั ศกึ ษา กศน.อำเภอปง มนี สิ ยั รักการอ่านและการเรยี นรู้อย่างตอ่ เนื่อง 3 ขอบเขตของโครงการ ห้องสมุดประชาชนอำเภอปง สังกัดศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอปง ได้จดั โครงการ 2 เมษา วันรกั การอา่ น เทดิ ไท้ “เจ้าฟา้ นกั อ่าน” พัฒนาการเรยี นรู้ ขึน้ ณ หอประชุมเทศบาล ตำบลงิม ตำบลงิมอำเภอปง จังหวัดพะเยา โดยมีเด็ก เยาวชน นักศึกษา กศน.อำเภอปง เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 65 คน 1

บทที่ 2 เอกสารทเ่ี กี่ยวข้อง ความสำคญั ของการอา่ น การอ่านมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนโต และจนกระทั่งถึงวัยชรา การอ่านทำให้รู้ ข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันเป็นโลกของข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ผู้อ่านมีความสุข มคี วามหวงั และมีความอยากรู้อยากเหน็ อนั เปน็ ความต้องการของมนุษย์ทุกคน การอ่านมปี ระโยชน์ในการพัฒนา ตนเอง คือ พฒั นาการศกึ ษา พฒั นาอาชพี พัฒนาคุณภาพชีวิต ทำใหเ้ ป็นคนทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ และมีความ อยากรู้อยากเห็น การที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าได้ต้องอาศัยประชาชนที่มคี วามรู้ความสามารถ ซึง่ ความรตู้ า่ ง ๆ กไ็ ด้มาจากการอ่าน ความหมายของการอา่ น การอ่าน คือ กระบวนการที่ผู้อ่านรับรู้สารซึ่งเป็นความรู้ ความคิด ความรู้สึก และ ความคิดเห็น ทผ่ี เู้ ขียนถ่ายทอดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร การทีผ่ ้อู ่านจะเขา้ ใจสารได้มากน้อยเพยี งไรข้ึนอยู่กับ ประสบการณ์และความสามารถในการใช้ความคดิ จดุ ม่งุ หมายของการอ่าน 1. อ่านเพื่อความรู้ ได้แก่ การอ่านจากหนังสือตำราทางวิชาการ สารคดีทางวิชาการ การวิจัย ประเภทต่าง ๆ หรือการอ่านผา่ นสอื่ อเี ล็กทรอนิกส์ ควรอา่ นอย่างหลากหลาย เพราะความร้ใู นวชิ าหน่ึง อาจนำไป ชว่ ยเสรมิ ในอีกวิชาหน่ึงได้ 2. อ่านเพื่อความบันเทิงได้แก่ การอ่านจากหนังสือประเภทสารคดีท่องเทีย่ ว นวนิยาย เรื่องแปล เรื่องสั้น การ์ตูน บทประพันธ์ บทเพลง แม้จะเป็นการอ่านเพื่อความบันเทิง แต่ผู้อ่านจะได้ความรู้ที่สอดแทรกอยู่ ในเร่ืองด้วย 3. อ่านเพื่อทราบข่าวสารความคิด ได้แก่ การอ่านจากหนังสือประเภทบทความ บทวิจารณ์ ข่าว รายงานการประชุม ถ้าจะให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต้องเลือกอ่านให้หลากหลาย ไม่เจาะจง อ่านเฉพาะสื่อ ที่นำเสนอตรงกับความคิดของตน เพราะจะทำให้ได้มุมมอง ที่กว้างขึ้น ช่วยให้มีเหตุผลอื่น ๆ มาประกอบการวิจารณ์ วเิ คราะห์ไดห้ ลายมมุ มองมากขนึ้ 4. อา่ นเพ่ือจดุ ประสงค์เฉพาะทางแต่ละครั้ง ไดแ้ ก่ การอ่านท่ไี มไ่ ดเ้ จาะจง แตเ่ ปน็ การอ่านในเรื่อง ที่ตนสนใจ หรืออยากรู้ เช่น การอ่านประกาศต่าง ๆ การอ่านโฆษณาแผ่นพับ ประชาสัมพันธ์ ฉลากยา ข่าวสังคม ขา่ วบันเทิง ข่าวกฬี า การอา่ นประเภทนี้มกั ใช้เวลาไมน่ าน สว่ นใหญ่เป็นการอา่ นเพื่อให้ไดค้ วามรู้และนำไปใช้ หรือ นำไปเป็นหัวข้อสนทนา เชื่อมโยงการอ่าน สู่การวิเคราะห์ และคิดวิเคราะห์ บางครั้ง ก็อ่านเพื่อใช้เวลาว่างให้เกิด ประโยชน์ 2 เมษายน วนั คล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 2 เมษายน ของทุกปี ถือเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ซึ่งพระองค์ทรงเปน็ พระราชธดิ า ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกติ ์ิ พระบรมราชินีนาถ สมเดจ็ พระเทพฯ เสด็จพระราชสมภพ เม่ือวันเสาร์ ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2498 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดสุ ติ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2501 ขณะที่พระชนมายุ ได้ 3 พรรษาเศษ พระองค์ทรงเข้ารับ การศึกษาระดับอนุบาลทีโ่ รงเรยี นจติ รลดา ทรงมพี ระสตปิ ัญญาเฉลียวฉลาดสนพระทัยในการอ่านอย่างมาก ตั้งแต่ 2

ทรงพระเยาว์ จึงทรงมีพระสมญาอกี อย่างหนึ่งวา่ “หนอนหนงั สอื ” ไม่วา่ พระองคจ์ ะเสด็จประทับ ณ ทใี่ ด พระองค์ จะทรงมีหนงั สือตดิ พระหตั ถอ์ ยู่เสมอ แมจ้ ะเสดจ็ ประทับในรถยนต์หรือเคร่อื งบินก็ตาม วันที่ ๒ เมษายนของทุกปี นับเป็นวันที่สำคัญที่กระทรวงศึกษาธิการ กำหนดให้ ปี ๒๕๕๒ - ๒๕๖๑ เป็นทศวรรษแห่งการอ่านของประเทศและให้การส่งเสริมการอ่านเป็นวาระแห่งชาติเพื่อสร้างสังคมแห่ง การเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยกำหนดให้วันที่ ๒ เมษายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จ พระเทพรตั นราชสดุ าฯสยามบรมราชกมุ ารี เป็น “วันรกั การอา่ น” พระองคม์ ีพระปรีชาสามารถในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งทางด้านอักษรศาสตร์และดนตรี ไทย ซึ่งพระองค์ได้นำมาใช้ในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และให้การอุปถัมภ์ในด้านศิลปวัฒนธรรมของประเทศ จาก พระราชกรณียกิจในด้านศิลปวัฒนธรรมนี้ พระองค์จึงได้รับการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระสมัญญาว่า “เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย” และ “วิศิษฏศิลปิน” นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงประกอบพระราช กรณียกิจในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการศึกษา การพัฒนาสังคม โดยทรงมีโครงการในพระราชดำริส่วนพระองค์ หลายหลากโครงการ ซึ่งโครงการในระยะเริ่มต้นนั้น มุ่งเน้นทางด้านการแก้ปัญหาการขาดสารอาหารของเด็กใน ทอ้ งถน่ิ ทุรกันดาร และพัฒนามาสู่การใหค้ วามสำคญั ทางด้านการศึกษาเพ่ือการพฒั นาราษฎร และ เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ รัฐบาลได้ประกาศให้วันที่ ๒ เมษายน ของทุกปี อันเป็น วันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็น“วันอนุรักษ์มรดกไทย” ด้วยตระหนักในพระ ปรีชาสามารถในด้านศิลปวัฒนธรรม และพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงอนุเคราะห์สนับสนุน กจิ กรรมอันเนื่องดว้ ยงานวฒั นธรรมของชาติเสมอมา โดยเฉพาะทรงเป็นแบบอยา่ งในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ และพระราชจริยาวัตรในดา้ นการอนุรักษ์มรดกของชาติในสาขาต่าง ๆ เช่น วรรณศิลป์ ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ภาษาไทย สถาปัตยกรรม ดนตรีไทยและพุทธศาสนา รวมทั้งได้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการสรา้ งสรรค์ และธำรงรกั ษามรดกของชาตใิ หย้ ง่ั ยืนตกทอดต่อไปถึงลูกหลาน พระราชประวตั สิ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2498 (ตรงกบั วันขน้ึ 10 ค่ำ เดอื น 5 ปมี ะแม สัปตศก) ณ พระที่น่ังอัมพรสถาน พระราชวงั ดสุ ิต เป็นสมเด็จ พระเจ้าลูกเธอพระองค์ที่ 3 ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยศาสตราจารย์ นายแพทย์หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ เป็นผู้ถวายพระประสูติกาล และ ไดร้ บั การถวายพระนามจากสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ว่า สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจ้าฟา้ สริ ินธร เทพรตั นสุดา กติ ิวฒั นาดุลโสภาคย์ พรอ้ มทงั้ ประทานคำแปลวา่ นางแก้ว อนั หมายถึง หญงิ ผูป้ ระเสรฐิ และมพี ระ นามที่ขา้ ราชบริพาร เรียกทั่วไปวา่ ทลู กระหม่อมน้อย พระนาม \"สิรินธร\" นน้ั นำมาจากสร้อยพระนามของสมเด็จ พระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชปิตุจฉา (ป้า) ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ภมู พิ ลอดุลยเดช สำหรบั สรอ้ ยพระนาม \"กิติวัฒนาดลุ โสภาคย\"์ ประกอบขึ้นจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระ บรมราชบพุ การี 3 พระองค์ ไดแ้ ก่ \"กติ ิ\" มาจากพระนามาภิไธยของ \"สมเด็จพระนางเจา้ สิริกติ ์ิ พระบรมราชินนี าถ\" สมเดจ็ พระราชชนนี (แม่) สว่ น \"วฒั นา\" มาจากพระนามาภไิ ธยของ \"สมเดจ็ พระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระ พันวสั สาอยั ยิกาเจา้ \" (สมเด็จพระนางเจ้าสวา่ งวัฒนา พระบรมราชเทว)ี สมเด็จพระปยั ยิกา (ย่าทวด) และ \"อดุล\" มาจากพระนามาภิไธยของ \"สมเดจ็ พระมหติ ลาธเิ บศร อดุลยเดชวกิ รม พระบรมราชชนก\" สมเด็จพระอยั กา (ปู่) 3

การศกึ ษา เมื่อปี พ.ศ. 2501 พระองค์ทรงเริ่มเข้ารับการศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนจิตรลดา ซึ่งตั้งอยู่ ภายในพระตำหนักจติ รลดารโหฐาน พระราชวังดุสติ และทรงศกึ ษาต่อในโรงเรียนจิตรลดาจนถึงระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย และ ในปี พ.ศ. 2515 ก็ทรงสอบไล่จบช้ันมธั ยมศึกษาตอนปลาย ในแผนกศลิ ปะ ด้วยคะแนนสูงสุดของ ประเทศ หลงั จากนัน้ พระองคท์ รงสอบเขา้ ศกึ ษาตอ่ ในระดบั อุดมศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย โดยสามารถทำคะแนนสอบเอนทรานซ์เป็นอันดับ 4 ของประเทศ ซึ่งถือเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์ แรกที่ทรงเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในประเทศ จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2520 พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาได้รับ ปรญิ ญาอักษรศาสตร์บัณฑิต สาขาประวตั ศิ าสตร์ เกยี รตินิยมอันดับหนึ่ง เหรยี ญทอง ด้วยคะแนนเฉล่ีย 3.98 พระองค์ทรงเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ด้านจารึกภาษาตะวันออก (ภาษาสันสกฤต และ ภาษาเขมร) ณ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรและสาขาภาษาบาลีและสันสกฤต จาก ภาควิชาภาษา ตะวันออก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระหว่างนั้น มีพระราชกิจมากจนทำให้ไม่สามารถ ทำวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโทได้พร้อมกันทั้ง 2 มหาวิทยาลัย พระองค์จึงตัดสินพระทัยเลือกทำวิทยานิพนธ์ เพื่อให้สำเร็จการศึกษาที่คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรก่อน โดยทรงทำวิทยานิพนธ์ ห้วข้อเรื่อง “จารึก พบที่ปราสาทพนมรุ้ง” ทรงสำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิต และเข้ารับพระราชทาน ปริญญาบัตรเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2522 หลังจากนั้น พระองค์ทรงทำวิทยานิพนธ์หัวข้อเรื่อง “ทศบารมี ในพุทธศาสนาเถรวาท” ทรงสำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาอักษรศาสตร์มหาบัณฑิต จากคณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั และไดเ้ ขา้ รบั พระราชทานปรญิ ญาบตั รเม่อื วนั ท่ี 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 พระองค์ทรงเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ณ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร วิโรฒ โดยพระองค์ผ่านการสอบคัดเลือกอย่างยอดเยี่ยมด้วยคะแนนเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาผู้เข้าสอบทั้งหมด และทรงเป็นนิสิตปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาพัฒนศึกษาศาสตร์ รุ่นที่ 4 พระองค์ทรงทำวิทยานิพนธ์ ในหัวข้อเรื่อง “การพัฒนานวัตกรรมเสริมทักษะการเรียนการสอนภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ตอนปลาย” เนื่องจากพระองค์ทรงตระหนักว่าสภาพการเรียนการสอนภาษาไทยนั้นมีปัญหา เพราะนักเรียน ไม่ค่อยสนใจเรียนภาษาไทย มีความรู้ ความสามารถ ทักษะในการเข้าใจและใช้ภาษาไม่เพียงพอ พระองค์จึง ทรงนำเสนอวิธีการสอนภาษาไทยในลักษณะนวัตกรรมเสริมทักษะการเรียนการสอน เพื่อส่งเสริมความสนใจ ในการเรียนภาษาไทยของนักเรียนและเป็นสื่อที่จะช่วยให้ครูสอนภาษาไทยได้ง่ายขึ้น พระองค์ทรงสอบผ่าน วิทยานิพนธ์อย่างยอดเยี่ยม สภามหาวิทยาลัยอนุมัติให้ทรงสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก เมื่อวันที่ 17 ตลุ าคม พ.ศ. 2529 การสถาปนาพระอิสรยิ ศักด์ิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า สิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ทรงได้รับความสำเร็จในการศึกษาอย่างงดงาม และทรงได้บำเพ็ญ พระองค์ให้เป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองเป็นอเนกปริยาย โดยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎร ในภูมิภาคต่าง ๆ อยู่เสมอ ในด้านการพัฒนาบ้านเมือง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาและช่วยเหลือกิจการ โครงการตามพระราชดำริทุกโครงการ พร้อมทรงรับพระบรมราโชบายมาทรงดำเนินการสนองพระเดชพระคุณ ในดา้ นตา่ ง ๆ นบั เปน็ การดแู ลสอดส่องพระราชกรณียกิจส่วนหน่ึงตา่ งพระเนตรพระกรรณ ในด้านการพระศาสนา มีพระหฤทัยมั่นคงในพระรัตนตรัยและสนพระหฤทัยศึกษาหาความรู้ด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นอย่าง แตกฉาน ในส่วนราชการในพระองค์นั้น ก็ได้สนองพระเดชพระคุณในพระราชภารกิจที่ทรงมอบหมายให้สำเร็จ ลุลว่ งไปดว้ ยดี 4

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระองค์นี้ กอปรด้วยพระจรรยามารยาท เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติ แห่งขตั ติยราชกมุ ารีทุกประการ เป็นท่รี ักใคร่นับถอื ยกย่องสรรเสริญพระเกยี รตคิ ณุ กนั อยู่โดยทัว่ จงึ ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศและพระอิสริยศักดิ์ให้สูงขึ้น ให้ทรงรับพระราชบัญชาและสัปตปฎลเศวตฉัตร (เศวตฉัตร 7 ชั้น) พร้อมทั้ง เฉลิมพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้า มหาจกั รีสิรนิ ธร รฐั สีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เม่ือวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2520 ในการสถาปนาพระอิสริยยศสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน ตั้งแต่เริ่มตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ จนถงึ ปัจจุบนั การสถาปนาพระยศ \"สมเด็จพระ\" น้นั สว่ นใหญจ่ ะเปน็ การสถาปนาพระยศของสมเด็จพระบรมราช ชนนี พระพนั ปีหลวง สมเด็จพระบรมอยั ยกิ าเธอ พระวิมาดาเธอ สมเดจ็ พระเจ้าพนี่ างเธอ ในรชั กาลต่าง ๆ แต่การ สถาปนาในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า ขึ้นเป็น \"สมเด็จพระ\" จึงเป็นพระ เกียรตยิ ศทีส่ ูงยง่ิ พระอัจฉริยภาพ ด้านภาษา พระองค์ทรงมีความรู้ทางด้านภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต และภาษาเขมร ทรงสามารถรับสั่งเป็น ภาษาองั กฤษ ภาษาฝรง่ั เศส และภาษาจีน และทรงกำลงั ศึกษา ภาษาเยอรมัน และภาษาลาตินอกี ด้วย ขณะที่ทรง พระเยาว์นั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงสอนภาษาไทยแก่พระราชโอรสและพระราชธิดา โดยทรงอ่านวรรณคดีเรื่องต่าง ๆ พระราชทาน และทรงให้พระองค์ทรงคัดบทกลอนต่าง ๆ หลายตอน ทำให้ พระองคโ์ ปรดวชิ าภาษาไทยต้ังแต่น้ันมา นอกจากนี้ ยังทรงสนพระทยั ในภาษาอังกฤษและภาษาบาลีด้วย เมื่อพระองค์ทรงเข้าเรียนที่โรงเรียนจิตรลดานั้น ทรงได้รับการถ่ายทอดความรู้ทางด้านภาษา ทั้งภาษาไทย ภาษาบาลี ภาษาเขมร ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส โดยภาษาไทยนั้น พระองค์ทรงเชี่ยวชาญ ทั้งด้านหลักภาษา วรรณคดี และศิลปะไทย เมื่อทรงจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น พระองค์พอรู้แน่ว่าอย่างไรก็คง ไมไ่ ดเ้ รยี นแผนกวทิ ยาศาสตร์ จงึ พยายามหดั เรยี นภาษาบาลี อา่ นเขียนอักษรขอม เนอ่ื งจากในสมัยน้นั ผู้ที่จะเรียน ภาษาไทยใหก้ ว้างขวาง ลึกซ้ึง จะต้องเรยี นท้ังภาษาบาลี สันสกฤต และเขมร ซึ่งภาษาบาลีน้ัน เปน็ ภาษาท่พี ระองค์ สนพระทัยตั้งแต่ทรงพระเยาว์ แต่ได้เริ่มเรียนอย่างจริงจังในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนสามารถจำการแจก วิภัตติเบื้องต้นที่สำคัญได้ และเข้าพระทัยโครงสร้างและลักษณะทั่วไปของภาษาบาลีได้ นอกจากนี้ยังทรงเลือก เรียนภาษาฝรั่งเศสแทนการเรียนเปียโน เนื่องจากมีพระราชประสงค์ที่จะอ่านหนังสือภาษาฝรั่งเศสที่มีอยู่ใน ตหู้ นงั สือมากกว่าการซ้อมเปยี โน เมื่อทรงเข้าศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้น พระองค์ทรงเลือกเรียน สาขาประวตั ิศาสตรเ์ ป็นวชิ าเอก และวิชาภาษาไทย ภาษาบาลี และภาษาสันสกฤตเป็นวชิ าโท ทำให้ทรงศึกษาวิชา ภาษาไทยในระดับชั้นสูงและละเอียดลึกซึ้งยิง่ ขึ้นทั้งด้านภาษาและวรรณคดี ส่วนภาษาบาลีและสนั สกฤตนั้น ทรง ศึกษาทั้งวิธีการแบบดั้งเดิมของไทย คือ แบบที่เรียนกันในพระอารามต่าง ๆ และแบบภาษาศาสตร์ซึ่งเป็นวิธีการ ตะวันตก ตั้งแต่ไวยากรณข์ ั้นพื้นฐานไปจนถึงข้ันสูง และเรียนตามวิธีการอินเดยี โบราณเป็นพิเศษในระดับปริญญา โท ซึ่งรัฐบาลอินเดียได้ส่งศาสตราจารย์ ดร. สัตยพรต ศาสตรี มาถวายพระอักษรภาษาสันสกฤต โดยวิทยานิพนธ์ ในระดับปริญญาโทของพระองค์ เรื่อง ทศบารมีในพุทธศาสนาเถรวาท นั้น ยังได้รับการยกย่องจากมหามกุฏราช วิทยาลัยวา่ เปน็ วทิ ยานิพนธท์ ีแ่ สดงถงึ พระปรีชาสามารถ ในภาษาบาลีพุทธวจนะเป็นพเิ ศษ พระปรีชาสามารถทางด้านภาษาของพระองค์นั้นเป็นที่ประจักษ์ จึงได้รับการทูลเกล้าถวาย ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางด้านภาษาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น มหาวิทยาลัย รามคำแหง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมาลายา ประเทศมาเลเซีย มหาวิทยาลัยบักกิงแฮม สหราช อาณาจักร เปน็ ตน้ [15] 5

ด้านดนตรี พระองค์ทรงเป็นผู้เช่ียวชาญด้านดนตรีไทยผู้หนึ่ง โดยทรงเครื่องดนตรีไทยได้ทุกชนิด แต่ที่โปรด ทรงอยู่ประจำ คือ ระนาด ซอ และฆ้องวง โดยเฉพาะระนาดเอก พระองค์ทรงเริ่มหัดดนตรีไทย ในขณะที่ทรง ศกึ ษาอยู่ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรยี นจติ รลดา โดยทรงเลือกหัดซอดว้ งเปน็ เครื่องดนตรชี ิ้นแรก และได้ทรงดนตรี ไทยในงานปิดภาคเรียนของโรงเรียน รวมทั้ง งานวันคืนสู่เหย้าร่วมกับวงดนตรีจิตรลดาของโรงเรียนจิตรลดาด้วย หลังจากที่ทรงเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พระองค์ทรงเข้าร่วม ชมรมดนตรีไทยของสโมรสรนิสิตจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัยและคณะอักษรศาสตร์ โดยทรงเล่นซอด้วงเปน็ หลกั และ ทรงเริ่มหดั เลน่ เครอ่ื งดนตรไี ทยชิ้นอน่ื ๆ ดว้ ย ในขณะที่ทรงพระเยาว์ เครื่องดนตรีที่ทรงสนพระทัยนั้น ได้แก่ ระนาดเอกและซอสามสาย[18] ซึ่งพระองค์ทรงเริ่มเรียนระนาดเอกอย่างจริงจังเมื่อปี พ.ศ. 2528 หลังจากการเสด็จทรงดนตรีไทย ณ บ้านปลาย เนิน ซงึ่ เป็นวังของสมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจา้ ฟา้ จิตรเจรญิ กรมพระยานริศรานวุ ดั ตวิ งศ์ โดยมี สริ ิชัยชาญ พัก จำรูญ เป็นพระอาจารย์พระองค์ทรงเริ่มเรียนตั้งแต่การจับไม้ระนาด การตีระนาดแบบต่าง ๆ และท่าที่ประทับ ขณะทรงระนาด และทรงเริ่มเรียนการตีระนาดตามแบบแผนโบราณ กลา่ วคอื เร่มิ ต้นดว้ ยเพลงต้นเพลงฉิ่งสามช้ัน แล้วจึงทรงต่อเพลงอื่น ๆ ตามมา ทรงทำการบ้านด้วยการไล่ระนาดทุกเช้า หลังจากบรรทมตื่นภายในห้อง พระบรรทม จนกระทั่ง พ.ศ. 2529 พระองค์จึงทรงบรรเลงระนาดเอกร่วมกับครูอาวุโสของวงการดนตรีไทยหลาย ท่านต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรก ในงานดนตรีไทยอุดมศึกษา ครั้งที่ 17 ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเพลง ท่ที รงบรรเลง คือ เพลงนกขมิ้น (เถา) ทรงดนตรโี ดยทรงระนาดฝรัง่ นอกจากดนตรีไทยแล้ว พระองค์ยังทรงดนตรีสากลด้วย โดยทรงเริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่ พระชนมายุ 10 พรรษา แต่ไดท้ รงเลกิ เรียนหลังจากน้นั 2 ปี และทรงฝึกเครื่องดนตรสี ากล ประเภทเครอ่ื งเป่า จาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนสามารถทรงทรัมเปตนำวงดุริยางค์ในงานคอนเสิร์ตสายใจไทย และทรงระนาด ฝร่งั นำวงดุรยิ างค์ในงานกาชาดคอนเสิร์ต ดา้ นพระราชนิพนธ์ พระองค์โปรดการอ่านหนังสือและการเขียนมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ รวมกับพระปรีชาสามารถ ทางด้านภาษาทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ร้อยแก้วและร้อยกรอง ดังนั้น จึงทรงพระราชนิพนธ์หนังสือประเภท ต่าง ๆ ออกมามากกว่า 100 เล่ม ซึ่งมีหลายหลากประเภททั้งสารคดีท่องเที่ยวเมื่อเสด็จพระราชดำเนินเยือน ต่างประเทศ เช่น เกล็ดหิมะในสายหมอก ทัศนะจากอินเดีย มนต์รักทะเลใต้ ประเภทวิชาการและประวัติศาสตร์ เช่น บันทกึ เร่อื งการปกครองของไทยสมยั อยธุ ยาและต้นรัตนโกสินทร์ กษัตรยิ านุสรณ์ หนังสือสำหรบั เยาวชน เช่น แก้วจอมแกน่ แกว้ จอมซน หนังสือที่เกี่ยวข้องกับพระบรมวงศานุวงศ์ไทย เช่น สมเด็จแม่กับการศึกษา สมเด็จพระศรีนครนิ ทราบรมราชชนนีกับพระราชกรณียกิจพระราชจริยาวัตรด้านการศึกษา ประเภทพระราชนิพนธ์แปล เช่น หยกใส ร่ายคำ ความคิดคำนึง เก็จแก้วประกายกวี และหนังสือทั่วไป เช่น นิทานเรื่องเกาะ (เรื่องนี้ไม่มีคติ) เรื่องของคน แขนหัก เป็นต้น และมีลักษณะการเขียนที่คล้ายคลึงกับพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว กล่าวคือ ในพระราชนิพนธ์เรื่องต่าง ๆ นอกจากจะแสดงพระอารมณ์ขันแล้ว ยังทรงแสดงการวิพากษ์ วิจารณ์ในแงต่ ่าง ๆ เป็นการแสดงพระมตสิ ว่ นพระองค์ นอกจากพระนาม \"สริ ินธร\" แล้ว พระองคย์ งั ทรงใชน้ ามปากกาในการพระราชนิพนธ์หนงั สืออีก 4 พระนาม ได้แก่ \"ก้อนหินก้อนกรวด\" เป็นพระนามแฝงที่ทรงหมายถงึ พระองค์และพระสหาย สามารถแยกได้เปน็ ก้อนหิน หมายถึง พระองค์เอง ส่วนก้อนกรวด หมายถึง กุณฑิกา ไกรฤกษ์ พระองค์มีรับสั่งถึงพระนามแฝงนี้ว่า 6

“เราตัวโตเลยใช้ว่า ก้อนหิน หวานตัวเล็ก เลยใช้ว่า ก้อนกรวด รวมกันจึงเป็น ก้อนหิน-ก้อนกรวด” นามปากกานี้ ทรงใชค้ รง้ั เดียวตอนประพนั ธ์บทความ \"เร่อื งจากเมอื งอิสราเอล\" เม่อื ปี พ.ศ. 2520 \"แว่นแก้ว\" เป็นชื่อที่พระองค์ทรงตั้งขึ้นเอง ซึ่งพระองค์มีรับสั่งถึงพระนามแฝงนี้ว่า \"ชื่อแว่นแกว้ น้ตี ัง้ เอง เพราะตอนเด็ก ๆ ช่ือลูกแกว้ ตัวเองอยากชอ่ื แก้ว ทำไมถงึ เปลี่ยนไปไมร่ ้เู หมือนกัน แลว้ กช็ อบเพลงน้อยใจ ยา นางเอกชื่อ แว่นแก้ว\" พระนามแฝง แว่นแก้วนี้ พระองค์เริ่มใช้เมื่อปี พ.ศ. 2521 เมื่อทรงพระราชนิพนธ์และ ทรงแปลเรอื่ งสำหรบั เด็ก ได้แก่ แกว้ จอมซน แก้วจอมแก่น และขบวนการนกกางเขน \"หนูน้อย\" พระองค์มีรับสั่งถึงพระนามแฝงนี้ว่า \"เรามีชื่อเล่นที่เรียกกันในครอบครัวว่า น้อย เลย ใช้นามแฝงว่า หนูน้อย\" โดยพระองค์ทรงใช้เพียงครั้งเดียวในบทความเรื่อง “ป๋องที่รัก” ตีพิมพ์ในหนังสือ 25 ปี จติ รลดา เมอื่ ปี พ.ศ. 2523 และ \"บันดาล\" พระองค์มีรับสั่งถึงพระนามแฝงนี้ว่า \"ใช้ว่า บันดาลเพราะคำนี้ผุดขึ้นมาในสมอง เลยใชเ้ ป็นนามแฝง ไม่มีเหตุผลอะไรในการใชช้ ่ือน้ีเลย\" ซงึ่ พระองค์ทรงใช้ในงานแปลภาษาองั กฤษเป็นภาษาไทยที่ ทรงทำใหส้ ำนกั เลขาธกิ ารคณะกรรมการแห่งชาติ ว่าดว้ ยการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแหง่ สหประชาชาติ กระทรวงศกึ ษาธิการ เม่ือปี พ.ศ. 2526 นอกจากนี้ ยังทรงพระราชนิพนธ์เพลงแป็นจำนวนมาก โดยบทเพลงที่ดังและนำมาขับร้อง บ่อยครั้ง ได้แก่ เพลง ส้มตำ รวมทั้ง ยังทรงประพันธ์คำร้องในบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระ เจา้ อยหู่ ัวภมู พิ ลอดุลยเดช ไดแ้ ก่ เพลง รัก และ เพลง เมนไู ข่ พระราชกรณยี กจิ ด้านการศึกษา เมื่อพระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษาแล้ว ทรงเข้ารับราชการเป็นพระอาจารย์ ประจำกองวิชากฎหมายและสังคมศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ตามคำกราบบังคม ทูลเชิญของพลตรยี ุทธศักดิ์ คลอ่ งตรวจโรค ผบู้ ัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจลุ จอมเกล้าในขณะนั้น ทรงสอนวิชา ประวัติศาสตร์ไทยและสังคมวิทยา พระองค์จึงทรงเป็น \"ทูลกระหม่อมอาจารย\"์ สำหรับนักเรียนนายร้อยตั้งแต่น้ัน ต่อมา เมือ่ มีการต้ังกองวิชาประวัติศาสตร์ขึ้นในปี พ.ศ. 2530 พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งเปน็ ผู้อำนวยการกองวิชา ประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน และทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ ส่วนการศึกษา ประจำ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2529และเป็นศาสตราจารย์ ส่วนการศึกษา ประจำ โรงเรียนนายร้อยพระจลุ จอมเกลา้ (อัตราจอมพล) เม่อื ปี พ.ศ. 2543 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการฝึก ภาคสนามของนักเรยี นนายร้อย ชน้ั ปีที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2557 นอกจากนี้ พระองค์ยังได้ทรงรับเชิญเป็นพระอาจารย์สอนในสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ โดยเฉพาะที่มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒน้ัน พระองค์ได้รับ การโปรดเกล้าฯ แตง่ ตง้ั ใหเ้ ปน็ ศาสตราจารยพ์ เิ ศษ สาขาพัฒนาศึกษาศาสตรด์ ้วย ในปี พ.ศ. 2525 ทรงพระราชดำริให้ก่อตั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ขึ้นใน พระบรมมหาราชวัง เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับบุตรหลานข้าราชบริพารและประชาชนทั่วไป เปิดทำ การสอนคร้ังแรกในปีการศึกษา 2525 โดยทรงดำรงตำแหนง่ เปน็ องค์ประธานกรรมการคณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ และทรงเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ทุกครั้ง รวมถึงเสด็จพระราชดำเนินไปในงานปิดภาคเรียนของโรงเรียนทุกครั้ง เพื่อพระราชทานทุนพระราชทาน ส่งเสริมการเรียนดี และพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานจากสถานศึกษาต่าง ๆ คือ 7

โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ วิทยาลัยในวังชาย วิทยาลัยในวังหญิง โรงเรียนผู้ใหญ่พระดาบส ศูนย์การศึกษา นอกโรงเรียนกาญจนาภเิ ษก (วิทยาลยั ในวงั ) กาญจนาภเิ ษกวทิ ยาลยั (ชา่ งทองหลวง) ในปี พ.ศ. 2533 เม่อื คร้งั ท่ีพระองค์เสด็จฯ เยอื นสาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาวครั้งแรก ระหว่างวันที่ 15-22 มีนาคม ได้มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทุนทรัพย์โดยเสด็จพระราชกุศลเป็นเงิน 12 ล้านกีบ จึงทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหน้ ำเงินไปก่อสร้างเรือนนอนใหแ้ กโ่ รงเรียนวฒั นธรรมเด็กกำพร้า (หลัก 67) ซ่ึงอยู่ห่างจาก นครหลวงเวียงจันทน์ไปทางทิศเหนือประมาณ 67 กิโลเมตร พระราชทานชื่อว่า “อาคารสิรินธร” โดยมี พระราชดำรทิ ่จี ะช่วยเหลือนักเรียนให้มคี วามเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในรปู แบบของโครงการเกษตรเพ่ืออาหารกลางวัน โดย นำแนวทางทด่ี ำเนินการในประเทศไทยมาประยกุ ตใ์ ช้ และสนับสนนุ การประกอบอาชีพเสรมิ พ.ศ. 2535 ทรงพระราชดำริพระราชทานความช่วยเหลือกัมพูชาในการก่อตั้งวิทยาลัยกำปงเฌอ เตียล ณ จังหวัดกำปงธม ประเทศกมั พูชา โดยพระราชทานเงนิ ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารสถานทีต่ ่าง ๆ เสด็จ ฯ ไปทรงเปิดวิทยาลัยเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนแก่ นักเรียนเพื่อให้มาศึกษาต่อในประเทศไทยในหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิตและหลักสูตรอาชีวศึกษา เพื่อนำความรู้ กลับไปสอนและพัฒนาการจัดการศึกษาของวิทยาลัย รวมท้ังทรงสนบั สนุนการศกึ ษาด้านนาฏศิลปแ์ ละดนตรี ในปี พ.ศ. 2549 พระองค์ทรงมแี นวความคิดจดั ตง้ั โครงการพัฒนานักอักษรศาสตรร์ ่นุ ใหม่ขึ้น โดย ความร่วมมือของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสร้าง นัก อักษรศาสตรท์ ี่มีมุมมองและแนวคดิ ใหมเ่ พื่อเป็นกำลังของชาติ มีพระวิสัยทัศน์ก้าวไกล ทรงสนับสนุนการช่วยเหลือ โรงเรียนมหดิ ลวิทยานุสรณ์ ให้เป็นโรงเรยี น ผลติ นักวจิ ยั นกั วทิ ยาศาสตร์ สร้าง\"องคค์ วามร้\"ู ใหแ้ ก่ประเทศไทย ด้านการอนรุ กั ษ์ศลิ ปวฒั นธรรมไทย พระองค์ทรงสนพระทัยด้านศิลปวัฒนธรรมมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ โดยเฉพาะทางด้านดนตรี ไทย ซึ่งพระองค์ทรงสนับสนุนในการอนุรักษ์ สืบทอด เผยแพร่ความรู้ด้านดนตรีไทยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยทรงเป็นแบบอยา่ งในการเสด็จทรงเคร่ืองดนตรีไทยรว่ มกบั ประชาชนท้ังในและตา่ งประเทศ นอกจากน้ี ยังทรง อนุรักษ์ดนตรีไทยโดยการชำระโน้ตเพลง บันทึกเพลงเก่า และเผยแพร่งานเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริม ให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ จัดการเผยแพร่งานทางด้านดนตรีไทย ซึ่งจากงานทางด้าน การอนุรักษณ์ดนตรีไทย ครเู สรี หวังในธรรม ไดก้ ลา่ วไวว้ ่า “ดนตรีไทยไม่สนิ้ แล้ว เพราะพระทูลกระหมอ่ มแกว้ เอาใจใส่” นอกจากด้านดนตรีไทยแล้ว พระองค์ยังประกอบพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อการอนุรักษ์และ พัฒนาศิลปวัฒนธรรมไทยทั้งในด้าน การช่างไทย นาฎศิลป์ไทย งานพิพิธภัณฑ์ ประวัติศาสตร์และโบราณสถาน ภาษาและวรรณกรรมไทย พระองค์ได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายพระสมัญญาว่า “ เอกอัครราชูปถัมภกมรดก วัฒนธรรมไทย ” เมื่อ พ.ศ. 2531 และ “วิศิษฏศิลปิน” เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 เพื่อเทิดพระเกียรติ ที่พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถในศิลปะหลายสาขา รวมทั้ง ทรงมีคุณูปการต่อเหล่าศิลปินและศิลปวัฒนธรรม ของชาติ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีซึ่งมีฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ได้มีมติให้วันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์เป็น \"วันอนุรักษ์มรดกของ ชาติ\" เพื่อเป็นการเทิดพระเกยี รติทีพ่ ระองคท์ รงปฏิบตั ิพระราชกรณียกิจในด้านการอนุรักษ์มรดกของชาตใิ นสาขา ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก พระองค์ทรงรับเป็นประธานที่ปรึกษาการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีอีกด้วย ทรงเป็นประธานคณะกรรมการ อำนวยการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่ ปลายปี พ.ศ. 2523 8

ด้านการพฒั นาสังคม พระองค์ทรงสนพระทัยงานด้านการพัฒนา ซึ่งถือเป็นงานหลักที่พระองค์ทรงงานควบคู่กับ งานวิชาการ พระองค์ทรงเรยี นรูง้ านทางดา้ นพัฒนาจากการตามเสดจ็ พระราชดำเนนิ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว และสมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถไปทรงเยย่ี มประชาชนในถ่นิ ทรุ กนั ดารต่าง ๆ ท่ัวประเทศ จากการ ที่ พระองค์ทรงได้เสด็จฯ ไปตามสถานที่ต่าง ๆ มากมาย พระองค์ทรงนำความรู้ที่ได้จากการลงพื้นที่จริงมาใช้ใน งานด้านการพัฒนาสังคม นำไปสู่โครงการตามพระราชดำริส่วนพระองค์มากมาย โดยโครงการตามพระราชดำริ ในระยะเริ่มแรกนั้น พระองค์ทรงงานเกี่ยวกับเด็กนักเรียนในพื้นที่ทุรกันดารที่มีปัญหาขาดสารอาหาร ดังนั้น จึงทรงพระราชดำริส่งเสริมให้นักเรียนปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ แล้วนำมาประกอบเป็นอาหารกลางวันรับประทาน โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2523 โดยเริ่มที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ในจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ และได้ขยายออกไปยัง 44 จังหวัดในพื้นที่ทุรกันดาร โครงการ ในพระราชดำริในระยะต่อมา พระองค์ทรงมุ่งเน้นทางด้านการศึกษามากขึ้น เนื่องจากพระองค์ทรงพระราชดำริ ว่า การศึกษาเป็นปัจจัยหลักในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ตลอดจนความประพฤติและคุณงามความดี ของบุคคล โดยพระองค์ทรงตั้งพระทัยให้ประชาชนทุกระดับชั้นสามารถได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งถือ เป็นสิทธิขัน้ พน้ื ฐานทปี่ ระชาชนควรได้รับจากรฐั ด้านการพัฒนาห้องสมุดและการรหู้ นังสอื สมเดจ็ พระเทพรัตนร์ าชสดุ าสยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทยั การอ่านและการพัฒนาห้องสมุด ทรงรับสมาคมห้องสมุดแหง่ ประเทศไทยฯไว้ในพระราชปู ถมั ภ์ เมือ่ วันที่2 กนั ยายน พ.ศ. 2519 หลายโอกาสท่เี สด็จ พระราชดำเนนิ ต่างประเทศ ไดเ้ สดจ็ เยี่ยมและทรงดูงานห้องสมุดชั้นนำหลายแห่ง ซงึ่ ไดพ้ ระราชทานข้อแนะนำแก่ สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ และบรรณารักษ์ไทยในการนำความรู้ไปพัฒนาห้องสมุดโรงเรียนและห้องสมุด ประชาชนรวมท้ังห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารที ี่เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อขยายโอกาสให้ประชนในการพัฒนาการ รู้หนังสือ นอกจากนี้ยังทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในการประชุมสามัญประจำปี ของสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯเสมอมา รวมทั้งได้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นประธานในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมสมาพันธ์สมาคมห้องสมุดฯ นานาชาติ (IFLA) และมีพระราชดำรสั เปิดการประชมุ IFLA คร้งั ท่ี 65 ที่กรุงเทพมหานครในปี 1999 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดหอสมุดเฉลิมพระเกียรติ ๔๘ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกมุ ารี โรงเรยี นพานพิเศษพทิ ยา ด้านการตา่ งประเทศ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกเมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยือนสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปอย่าง เป็นทางการ ระหว่าง ปี พ.ศ. 2503-พ.ศ. 2504 ในขณะที่มีพระชนมายุ 5 พรรษา หลังจากนั้น พระองค์ก็เสด็จ พระราชดำเนินเยือนต่างประเทศเป็นจำนวนหลายครั้ง โดยการเสด็จฯ นั้น พระองค์เสด็จฯ ทั้งในฐานะผู้แทน พระองค์ พระราชอาคันตุกะหรืออาคันตุกะของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ อย่างเป็นทางการ รวมทั้ง เสด็จฯ เป็น การส่วนพระองค์ ซึ่งนอกจากจะทรงงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศแล้ว พระองค์ยังเสด็จฯ ทอดพระเนตรสังคม วัฒนธรรม สถานที่ต่าง ๆ และทรงได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ของประเทศนั้น ๆ และได้ทรงนำความรู้และประสบการณ์ที่ทรงได้ทอดพระเนตรและจดบันทึกมาประยุกต์ใช้กับ การทรงงานภายในประเทศด้วย ซึ่งการเสด็จฯ ทรงงานในต่างประเทศของพระองค์ทำให้หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส 9

ว่าถวายพระราชสมญั ญานามแด่พระองค์ว่า “เจา้ ฟา้ นักดงู าน” หรอื “Le Princesse Stagiaire” รวมทั้ง พระองค์ ยังได้รับการยกย่องจากสมาคมมิตรภาพวิเทศสัมพันธ์แห่งประชาชนจีนว่าทรงเป็น \"ทูตสันถวไมตรี\"” ระหว่าง ประเทศไทยและประเทศจนี เม่อื วนั ที่ 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2547 นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงร่วมมือกับนานาประเทศเพื่อก่อเกิดความร่วมมือในด้านการพัฒนา สังคม อาทิเช่น ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว ซึ่งพระองค์ได้ทรงมีโครงการตามพระราชดำริ ทั้งในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต การให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์และการสาธารณสุข การพัฒนาทาง ด้านการศึกษา เป็นต้น นอกจากประเทศลาวแล้ว โครงการเพื่อการพัฒนาของพระองค์ยังได้ขยายออกไปยัง ประเทศกมั พชู า ประเทศพม่า และประเทศเวยี ดนามด้วย นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ ความร่วมมือกับองค์ การสหประชาชาติ พระองค์ทรงให้ความร่วมมือในโครงการอาหารในโรงเรียน ซึ่งเป็นโครงการของโครงการอาหาร โลกแห่งองค์การสหประชาชาติ โดยได้แต่งตั้งให้พระองค์เป็นทูตพิเศษของโครงการด้วย, โครงการการศึกษาเพื่อ ทุกคน เป็นโครงการดา้ นการส่งเสริมศกั ยภาพของเดก็ ชนกลุ่มน้อย ดว้ ยการศึกษาและอนุรกั ษ์มรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นโครงการขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม รวมทั้ง โครงการการศึกษาหลังประถมศึกษา สำหรับผ้ลู ้ีภยั และผพู้ ลัดถ่ิน โดยมลู นธิ กิ ารศกึ ษาเพื่อผู้ล้ีภัย สำนกั งานขา้ หลวงใหญ่เพ่อื ผ้ลู ภ้ี ัยแหง่ สหประชาชาติ ดา้ นการสาธารณสขุ จากการที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังถิ่นทุรกันดาร ทำให้พระองค์ทอดพระเนตรเห็น ถึงปัญหาทางด้านสุขภาพอนามัยของราษฎรในชนบท พระองค์จึงมีพระราชดำริจัดทำโครงการต่าง ๆ เพื่อแก้ไข ปัญหาสุขภาพอนามัยของราษฎร โครงการแรกที่พระองค์ทรงเริ่ม ได้แก่ โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน ซึ่งโครงการนี้นอกจากจะแก้ปัญหาการขาดแคลน อาหารกลางวันแล้วยังช่วยให้นักเรียนมีความรู้ทางด้านโภชนาการและการเกษตรด้วย และปัญหาที่สำคัญอีก ประการหนึ่ง นั่นคือ การระบาดของโรคคอพอกเนื่องจากการขาดสารไอโอดีน พระองค์ทรงแก้ไขปัญหานี้โดยทรง ริเริ่ม โครงการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีน ด้วยการรณรงค์ให้มีการใช้เกลือไอโอดีนหรือหยดไอโอดีนใน การประกอบอาหาร และอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการขาดไอโอดีน ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่เสริมการทำงาน ของกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ พระองค์ยังให้ความสำคัญต่อสขุ ภาพอนามัยของแมแ่ ละเด็กในถิ่นทุรกันดาร ด้วย โดยพระองค์ทรงตระหนักว่าคนเราจะภาวะโภชนาการและสุขภาพอนามัยที่ดีนั้น ต้องเริ่มตั้งแต่ในครรภ์ มารดา พระองค์จึงเริ่ม โครงการส่งเสริมโภชนาการและสุขภาพอนามัยแมแ่ ละเด็กในถิ่นทุรกันดาร เพื่อให้แม่และ เดก็ ได้รับบริการทางดา้ นอนามัยอย่างเหมาะสม รวมท้งั ไดร้ ับโภชนาการทถ่ี กู ต้องและเหมาะสมในแตล่ ะพ้นื ท่ี นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงจัดตั้งหน่วยแพทย์พระราชทานและหน่วยทันตกรรมพระราชทาน เพื่ออกตรวจรักษาราษฎรในถิ่นทุรกันดารที่พระองค์เสด็จฯ เยี่ยมในแต่ละครั้ง รวมทั้งทรงรับผู้ป่วยที่ยากจนเป็น คนไขใ้ นพระราชานเุ คราะหด์ ้วย พระองค์เสด็จ ณ โรงพยาบาลต่าง ๆ ในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ด้วยความเป็นห่วง ประชาชนท่ีเปน็ โรคทเ่ี กีย่ วกับกระดูกและจกั ษู นำวิทยาการในประเทศเยอรมนีมาสู่เมืองไทย 10

ดา้ นศาสนา เนอ่ื งจากพระองคท์ รงได้รบั การอบรมให้มีความใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนาจากสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทำให้พระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ โดยพระองค์ มักมักจะได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เสด็จฯ เป็นผู้แทนพระองค์ เพื่อเป็นองค์ประธานในพิธีที่เกี่ยวข้องกับศาสนา เช่น พิธีเวียนเทียนที่พุทธมณฑล เนื่องในวันวิสาขบูช า วนั มาฆบชู า เปน็ ต้น พระองค์ทรงริเริ่มให้มีการฟื้นฟูประเพณีฉลองวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นประเพณีที่เคยมขี ึ้นในรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยได้ทรงประกาศเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชนร่วมกันจุดโคมประทีป และส่งบัตรอวยพรที่มีข้อธรรมะ เพื่อเป็นการพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้ทราบถึงประวัติและความสำคัญของ วันวิสาขบชู า รวมทัง้ ยังเปน็ เครอื่ งเตอื นใจให้ระลกึ ถงึ คำสอนของพระพุทธเจ้า โดยพระองคย์ งั ไดพ้ ระราชทานโคลง ข้อธรรมะเพื่อให้กระทรวงวฒั นธรรมพิมพ์แจกแก่พุทธศาสนิกชนในบัตรอวยพรวันวิสาขบชู าด้วย และพระองค์ยัง ทรงพระราชดำริให้ธรรมสถานแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดงานเทศน์มหาชาติร่ายยาวขึ้น ซึ่งเป็นการเทศน์ มหาชาตติ ามรปู แบบท่ถี กู ต้องตามตำรบั หลวง เพ่ือชน้ี ำใหค้ นไทยได้เข้าใจในคุณค่าของเร่ืองมหาชาติ และประเพณี การเทศนม์ หาชาตทิ สี่ บื ทอดกนั มาตง้ั แตค่ รั้งโบราณกาล พระราชกรณียกิจท่สี ำคัญประการหน่ึง คือ พระองค์ยังทรงเปน็ แม่กองในการซ่อมแซมวัดพระศรี รตั นศาสดาราม เพอ่ื ให้สำเรจ็ ทนั งานพระราชพิธีสมโภชกรงุ รัตนโกสนิ ทร์ครบ 200 ปี ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2525 ซึ่งงานบูรณปฏิสงั ขรณ์ในครั้งนี้ประสบปญั หาล่าช้า เนื่องจากงบประมาณน้อย รวมทั้ง ขาดแคลนช่างในสาขาต่าง ๆ เป็นต้น งานในครั้งนี้พระองค์ทรงดูแลอย่างใกล้ชิด และคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ด้วยพระราชหฤทัยที่เด็ดขาด รวมทั้ง แกไ้ ดร้ ับเงนิ บรจิ าคจากพระบรมวงศานวุ งศ์และประชาชนรว่ มสมทบทุนจงึ ทำให้งานบรู ณะในคร้ังน้ีจึงเสร็จ ทันกาล นอกจากนี้ พระองค์ทรงบูรณะวัดท่าสุทธาวาส จังหวัดอ่างทอง และทรงสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่เพื่อเป็น พระราชกศุ ลในโอกาสเจรญิ พระชนมายคุ รบ 3 รอบ และทรงรับวดั นีไ้ ว้ในพระราชอุปถมั ภ์ด้วย นอกจากพระพุทธศาสนาแล้ว พระองค์ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่เก่ียวเนื่องกับศาสนาอ่นื ๆ โดยมิไดท้ รงละเลย ซ่ึงเม่ือพระองคไ์ ดร้ บั คำกราบบังคมทูลเชิญเสดจ็ ฯ ไปประกอบพธิ กี รรมของศาสนาตา่ ง ๆ นน้ั พระองค์กจ็ ะเสดจ็ ฯ ตามคำกราบบังคมทูลเสมอ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ พระองค์มีพระราชดำริให้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการพัฒนาพัฒนาประเทศหลาย ประการ ทรงเป็นองค์ประธานกรรมการของโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ เป็นเลขานุการ โดยมีพระราชดำริให้โครงการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นโครงการนำร่องและใช้เป็นตัวอย่างในการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศมาใช้ และมีพระราชประสงค์จะให้หน่วยงานรัฐท่ีเกี่ยวข้องกับโครงการนั้น ๆ มารับช่วงต่อไป พระองค์ ทรงเริ่มนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนในชนบท ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2538 ใน โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับโรงเรียนในชนบท โดยพระราชทานเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปรณ์ ที่จำเปน็ เพื่อจัดต้ังเป็นห้องเรยี นข้ึน และพัฒนามาจนสามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศเขา้ มาประกอบการเรียนการ สอนในรายวิชาต่าง ๆ ปัจจุบัน มีโรงเรียนในโครงการประมาณ 85 แห่ง โดยมีโรงเรียนในจังหวัดนครนายกเป็น ศูนย์กลางการพัฒนาเพื่อนำแนวทางใหม่ ๆ ไปทดลองใช้กับโรงเรียนในชนบท และทรงริเริ่ม โครงการเทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อคนพิการ เพอ่ื ให้คนพิการสามารถใช้คอมพิวเตอร์เพื่อสร้างความรู้ ความบันเทิง พัฒนาทักษะ และ สร้างอาชีพต่อไปในอนาคต พระองค์ทรงมีคณะทำงานที่จะศึกษาวิจัยเพื่อหาอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีและวิธีการ 11

ช่วยเหลือผู้พิการในแต่ละด้านอย่างเหมาะสม ซึ่งโครงการนี้มีโรงเรียนศรีสังวาลย์เป็นหน่วยงานหลัก นอกจากนี้ โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำรินี้ ยังเพิ่มโอกาสให้ผู้ต้องขังในทัณฑสถานได้รับกา รอบรมและฝึก ทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์ระหว่างการถูกคุมขัง เพื่อสามารถนำความรู้ที่ได้รับนำไปพัฒนาตนเองและนำไป ประกอบอาชีพได้ และมีโครงการสำหรับเด็กป่วยท่ีตอ้ งเข้ารับการรักษาภายในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลานาน ซึ่ง อาจจะทำให้ขาดโอกาสทางด้านการศึกษา โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อในการเรียนรู้ สร้างความเพลิดเพลิน รวมทั้ง ส่งเสริมพัฒนาการแก่เด็กที่ป่วยด้วย นอกจากนี้ พระองค์ยังนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับงานทางด้านการ เผยแพรว่ ัฒนธรรมของไทย 76 จงั หวัด ผา่ นทางอนิ เทอร์เนต็ โดยมีกระทรวงวฒั นธรรมเป็นผดู้ แู ลโครงการน้ี จากพระราชกรณียกิจทางดา้ นการนำเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใชใ้ นการพฒั นาประเทศในด้านต่าง ๆ ทำให้วารสารอินโฟแชร์ ซึ่งเป็นวาสารของสำนักงานด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารของยูเนสโก ไดต้ พี ิมพ์บทความเฉลิมพระเกียรติการอุทิศพระองค์เพื่อการศึกษาเรยี นรู้ดา้ นสารสนเทศของเด็กและผู้ด้อยโอกาส ของไทย รวมทงั้ ยังได้ถวายนาม “IT Princess” หรอื “เจ้าหญิง ไอที” แก่พระองคอ์ กี ด้วย ทมี่ า ไทยวีกพิ ีเดีย 2 เมษายน วนั รักการอา่ น วันนี้เรามีวันสำคัญอีกวันหนึ่งมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกันนั่นคือ \"วันรักการอ่าน\" ซึ่งตรงกับ วนั ท่ี 2 เมษายน ของทกุ ปี เพื่อส่งเสริมนสิ ัยรักการอ่านให้กับคนไทย การอ่านถือเป็นเร่ืองท่สี ำคัญ เพราะนอกจาก จะได้ความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว ยังสามารถสร้างเสริมความรู้ ความคิด จินตนาการ และสร้างคนให้เป็น อัจฉรยิ ะไดด้ ว้ ย ประวัตคิ วามเป็นมาของ 2 เมษายน วันรกั การอ่าน ในปี พ.ศ.2552 คณะกรรมการส่งเสริมการอ่านเพื่อเสริมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ได้กำหนด ให้วันที่ 2 เมษายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี ผู้ทรงมีคุณูปการต่อวงการหนังสือไทย เป็น \"วันรักการอ่าน\" โดยในแต่ละปีนั้น จะมีการจัดงานสัปดาห์ หนังสือแห่งชาติ และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ (Bangkok International Book Fair) ขึ้นในช่วงเวลาของวันที่ 2 เมษายนของทุก ๆ ปีด้วย การมีนิสัยรักการอ่านตั้งแต่เด็ก จะทำให้เด็กกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ดังที่ Margaret Fuller กล่าวเปน็ ประโยคภาษาอังกฤษประโยคหนง่ึ ส้ันๆ แต่ได้ใจความว่า การอ่านสรา้ งลกู ใหเ้ ป็นอัจฉริยะไดจ้ ริงหรือ? ปัจจุบันไม่ว่าเด็ก หรอื ผูใ้ หญ่อ่านหนังสือลดลง มกี จิ กรรมอืน่ ๆ เขา้ มาใหท้ ำมากข้ึน หรือนิยมอ่าน ข่าวสั้นๆ เช่น ทวิตเตอร์ นิยมอ่านแต่พาดหัวข่าว เป็นต้น การอ่านหนังสือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ต่อการขยาย ขอบเขตความร้แู ละจินตนาการ โดยสรุปแล้วเนือ้ หาการอา่ นทเี่ ราจะได้รบั จจะมีอยู่ 2 ประการคอื 1. เป็นลกั ษณะของการใหข้ อ้ มูล เชน่ หนังสือประวตั ิศาสตร์ หนงั สือชวี ประวตั บิ ุคคลสำคัญ นัก วิทยาศาตร์ของโลก เป็นต้น จะทำให้เราสามารถทราบเหตุการณ์ในอดีต ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง เพราะอะไร ทำไม อย่างไร ถ้าเราไม่ได้อ่านก็จะทราบแต่เรื่องราวปัจจุบัน ยิ่งเราอ่านหนังสือของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ผ่านมา ยาวนานเท่าไหร่ เรากไ็ ดท้ ราบขอ็ มลู ย้อนกลับไปไดน้ านเท่าน้ัน 12

2. เป็นเนื้อหาความรู้เชิงความคิด จินตนาการ เช่น นิยาย นิทาน วรรณกรรมต่างๆ ได้แก่ แฮรี่พ็อตเตอร์ ทำใหค้ นอ่านเกดิ จินตนาการตามไปด้วย เกิดเปน็ มโนภาพ เดก็ ๆ ทีพ่ ่อแม่เลา่ นทิ านให้ฟังตั้งแต่เด็กๆ กจ็ ะมีจินตนาการทกี่ ว้างไกลกว่าเดก็ ทไ่ี มไ่ ด้ฟงั ทำใหส้ ามารถสง่ เสริมการเชอ่ื มโยงเรือ่ งราวตา่ งๆ ไดด้ ยี ิ่งข้ึน เด็กเริ่มรู้ความจนถึงอายุ 6 ขวบ ช่วงนี้มีความสำคัญมากต่อการพัฒนาสมองของเด็ก เพราะ สมองเด็กน้ันเมื่อเลยอายุ 6 ขวบ เซลส์สมองจะเร่ิมอย่นู ิ่งกบั ที่ แต่ในชว่ ง 6 ปีแรกนั้นกำลังพฒั นา ถ้าพ่อแม่รู้จักเอา เรื่องเล่าอย่างที่เราเคยฟังในสมัยก่อน เช่น นิทานก่อนนอนมาเล่าให้ลูกฟัง เลือกเอาเรื่องที่น่าสนใจ จะทำให้ เดก็ เกิดจนิ ตนาการ และสมองจะมกี ารพัฒนา ทำอย่างไรจะเลยี้ งลกู ใหฉ้ ลาดเหมือนไอสไตน์ มีคนเคยไปถามไอสไตน์ว่า ทำอย่างไรจะเลี้ยงลูกให้ฉลาดเหมือนท่าน ไอสไตน์ก็ตอบว่าให้เล่า นิทานให้ลูกท่านฟังก่อนนอนสิ แล้วฝึกลูกให้รักการอ่าน เพราะตัวเขาเองเขาก็ได้มาอย่างนี้ ท ำให้มีจินตนาการ รู้จักคิด รูจ้ กั จบั ประเดน็ มนั จะพฒั นาการตอ่ ยอดไปได้เรอ่ื ยๆ นีค้ ือบทสรุปของอัจฉริยะของโลก ประเทศญี่ปุ่นสร้างชาติได้ด้วยการอ่านหนังสือนี่แหละ เพราะพออ่านมากๆ เข้าก็มีข้อมูลมาก ก็จะทำให้คนฉลาดขึน้ ขอบเขตความรู้ของคนญี่ปุ่นจงึ ค่อนข้างกวา้ งขวาง ถ้าอยากจะสร้างคนให้ฉลาดให้คิดเปน็ ก็ ต้องฝึกให้อ่านหนังสือ เริ่มจากหนังสือที่มีความเพลิดเพลินก่อนก็ได้ แล้วมันจะค่อยๆ ขยับไปเองไปสู่หนังสือที่มี เนื้อหาสาระมากการฝกึ นสิ ัยตนเอง ให้รกั การอา่ น การฝึกนิสัยตนเอง ให้รักการอ่านไม่ใช่เรื่องยาก เพราะหนังสือมีเรื่องที่น่าสนใจมากมายและ ยังเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายตามความชอบและความสนใจของแต่ละคน โลกของหนังสือเป็นโลกแห่งอิสระเสรีทาง ความคิด เราสามารถอ่านความคดิ ของผู้อืน่ แล้วนำมาพัฒนาความคดิ ของตนเอง การปลูกฝังตนเองใหร้ กั การอ่าน ทำไดด้ ้วยหลักง่ายๆ 3 ประการ ดังน้ี 1. อ่านตามความสนใจ การเริม่ อ่านจากเรือ่ งทต่ี วั เองชอบและสนใจจำทำให้อ่านหนงั สือไดโ้ ดยไมเ่ บ่ือ เราอาจเร่มิ ต้นอ่าน จากเรื่องสั้นๆ ไม่ยาวมาก มีภาพประกอบ โดยอาจเริ่มจากการอ่านนิทาน เรื่องสั้น หรือ เรื่องที่จบภายในตอน เดยี ว ถา้ เรามที ศั นคติที่ดตี อ่ การอ่านกจ็ ะอา่ นได้ตอ่ เนอ่ื ง 2. อ่านใหส้ มำ่ เสมอ การอา่ นอย่างสม่ำเสมอเป็นบนั ไดขั้นแรกของผู้ท่รี ักการอ่าน เพราะจะตอ้ งอ่านจนเป็นนสิ ัย ทันที ท่วี ่างจากหนา้ ที่ทท่ี ำในชีวิตประจำวัน เราก็สามารถหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านได้ ถ้าเราสามารถอ่านไดส้ ม่ำเสมอ เรา กจ็ ะเป็นผู้ทมี่ นี สิ ยั รักการอ่านได้ 3. อา่ นให้เจอขมุ ทรัพย์ ขุมทรัพย์ ที่ว่านี้ไม่ใช่ทรัพย์สิน เงินทอง แต่เป็น “ขุมทรัพย์แห่งปัญญา” ซึ่งมีค่ามหาศาล เป็น ขุมทรัพย์แห่งความรู้ที่ใครก็มาแย่งชิงไปไม่ได้ ผู้อ่านจะได้รับความรู้ ความเพลิดเพลิน ข้อคิด คุณธรรมที่แฝงอยู่ จากเรื่องที่อ่าน รวมถึงได้พัฒนาอารมณ์ของตนเอง ก่อให้เกิดการพัฒนาผู้อ่านในทางที่ดี ฉะนั้นหนังสือที่ดีก็ เปรยี บเสมือนวา่ เราได้พบขุมทรพั ยน์ ่นั เอง ดังนั้น เราจึงควรหันมาปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตั้งแต่วันน้ี เพื่อประโยชน์มากมายในวันข้างหนา้ “นสิ ัยรกั การอ่าน ไม่ใช่พันธกุ รรม ไม่ใชพ่ รสวรรค์ แตเ่ กิดจากการปลูกฝงั ” โลกของการอา่ นกำลังเปลยี่ นแปลงคร้ัง สำคัญ ทั้งในรูปลักษณ์ของสิ่งที่อ่าน รสนิยมของคนอ่าน เทคโนโลยีที่เก่ียวกับสิ่งพิมพ์ รวมไปถึงขนาดของ สิ่งพิมพ์ แต่ไม่ว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร การอ่านก็ยังมีความสำคัญอย่างไม่มีวันลดเลือนหายไปอย่าง แน่นอน 13

(ทมี่ า : popterms.mahidol.ac.th) 6 เทคนิคฝกึ ลูกรกั การอา่ น 1. การอ่านหนังสอื ให้ลูกฟงั บ่อยๆ เปน็ การปลูกฝงั ความรักต่อหนังสือและการอ่านท่ีดี โดยเฉพาะ การอ่านนิทาน เราสามารถเสริมจินตนาการด้วยท่าทาง น้ำเสียง ซึ่งทำให้เรื่องราวมีความน่าสนใจและสนุก มากย่งิ ข้ึน การอา่ นจะเข้าไปอยใู่ นใจของเด็กไดอ้ ย่าง่ายดาย 2. สังเกตว่าลูกชอบหรือสนใจสิ่งใดหรือเรื่องใดเป็นพิเศษ แล้วเชื่อมโยงเข้ากับการอ่าน โดย หาหนังสือที่มีเรื่องราวหรือสิ่งของที่ลูกชอบมาให้ นอกจากความประทับใจแล้ว ยังอาจสร้างแรงบันดาลใจให้ลูก ไดอ้ ีกทาง 3. สอดแทรกการอา่ นเข้ากับกจิ วตั รประจำวนั เช่น การช้ีชวนใหล้ ูกอา่ นป้าย ฉลากบนบรรจุภัณฑ์ กระทัง่ เมนูอาหาร ขณะท่อี อกไปทานข้าวนอกบา้ นกย็ ังได้ 4. บรรยากาศแห่งการอ่านสร้างได้ โดยเลือกมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน จัดเป็นมุมหนังสือ มีหนังสือ หลากหลายแบบให้ลูกเลือกอ่านหรือเพื่อให้คุณอ่านให้ฟัง ซึ่งควรวางอยู่ในที่ที่ลูกเห็นและสามารถหยิบเองได้ เปน็ อกี มมุ กิจกรรมท่คี วรมีเก้าอ้หี รอื โซฟานงั่ สบายสำหรบั เอนหลงั ชวนกันอ่าน 5. การพาลูกไปเลือกซื้อหนังสือเล่มโปรดด้วยตัวเอง เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่สร้างการมีส่วนร่วม และเข้ากับพัฒนาการของเด็กวัยนี้ที่เริ่มเป็นตัวของตัวเอง นอกจากร้านหนังสือแล้ว อาจพาลูกเข้าห้องสมุดอย่าง สม่ำเสมอ เพอ่ื ซึมซบั บรรยากาศแห่งการอา่ น 6. อ่านผ่านการเล่น นี่เป็นอีกวิธีที่ได้ทั้งความสนุกและการเรียนรู้ อาจะเป็นการทายคำ หาคำ จากภาพ หรือจบั คคู่ ำกบั ภาพท่เี หน็ ก็ได้ โดยเปน็ คำงา่ ยๆ ทใ่ี ช้บ่อยๆ ในชวี ิตประจำวนั (ที่มา : momypedia.com) 14

บทที่ 3 วิธดี ำเนินการ 3.1 กลุม่ เปา้ หมาย เชิงปรมิ าณ เดก็ เยาวชน และนักศึกษา กศน.อำเภอปง 50 คน เชงิ คณุ ภาพ เด็ก เยาวชน นักศึกษา กศน.อำเภอปง ได้รับรู้และร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเดจ็ พระกนิษฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี 3.2 ขน้ั ตอนดำเนนิ การ 3.2.1 ประชุมวางแผนผทู้ ่เี ก่ยี วข้อง 3.2.2 เขียนโครงการ 3.2.3 ประสานงานภาคีเครอื ขา่ ยและผู้เก่ยี วขอ้ ง 3.2.4 จัดเตรียมวัสดอุ ปุ กรณ์ 3.2.5 ดำเนนิ งานตามโครงการ 3.2.6 วดั ผลประเมนิ ผลโครงการ/สรุปโครงการเปน็ รูปเลม่ 3.2.7 นำผลประเมินโครงการมาปรับปรุงแก้ไขในครั้งตอ่ ไป กจิ กรรม กิจกรรมส่งเสรมิ การอ่านออนไลน์ - ลงนามถวายพระพร - แบบทดสอบออนไลน์ - ประกวดเรียงความ กิจกรรมสง่ เสรมิ การอา่ น - ประกวดเรยี งความ - บันทึกรักการอา่ น - การทำสายคล้องแมส - กิจกรรมถาม-ตอบปญั หารอบรู้ 3.3 เครอื่ งมอื ทใี่ ช้ประเมนิ เครอ่ื งมือทีใ่ ชป้ ระเมนิ ในครง้ั นี้ คอื แบบประเมินความพงึ พอใจ 3.4 การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ประเมินได้ใชว้ ธิ กี ารวเิ คราะหข์ ้อมูลโดยใชโ้ ปรแกรมประมวลผลทางคอมพวิ เตอร์ 15

บทท่ี 4 ผลท่เี กิดขึ้น ในการจัดกิจกรรม “โครงการ 2 เมษา วันรักการอ่าน เทิดไท้ “เจ้าฟ้านักอ่าน” พัฒนาการเรียนรู้ มวี ตั ถปุ ระสงคด์ งั นี้ 1. เพื่อเทิดพระเกียรติวันคล้ายวันพระราชสมภพ ๒ เมษายน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 2 เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรม สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารใี หป้ ระชาชนทัว่ ไปไดร้ บั รแู้ ละร่วมสำนึกในพระมหากรณุ าธคิ ุณ 3 เพื่อรณรงค์ปลูกฝั่งส่งเสริมให้กับเด็ก เยาวชน และนักศึกษา กศน.อำเภอปง มีนิสัยรักการอ่านและ การเรียนร้อู ย่างตอ่ เนอ่ื ง ขอ้ มูลทั่วไป ตารางท่ี 1 จำนวนร้อยละของเพศ ผูเ้ ข้ารว่ มกจิ กรรม รายการ จำนวน(คน) รอ้ ยละ เพศ 27 41.5 ชาย 38 58.46 หญิง 65 100 รวม แผนภูมแิ สดงเพศของผ้ตู อบแบบสอบถาม ชาย, 27 หญิง, 38 16

ตารางท่ี 2 จำนวนร้อยละของอายุของผู้ตอบแบบสอบถามในการเข้ารว่ มโครงการ ชว่ งอายุ รายการ จำนวนผูเ้ ขา้ ร่วม(คน) คดิ เปน็ ร้อยละ ต่ำกว่า 5 ปี -- 6 - 12 ปี 1 1.54 13 - 25 ปี 27 41.54 26 ปีขึ้นไป 37 56.92 65 100 รวม แผนภมู แิ สดงช่วงอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม 40 27 37 26 ปีขนึ ้ ไป 35 1 6-12 ปี 13-25 ปี 30 จานวนผ้เู ข้าร่วม 25 20 15 10 5 0 0 ตา่ กวา่ 5 ปี 17

ตารางท่ี 3 ร้อยละของระดบั การศกึ ษาชั้นสูงสุดของผูต้ อบแบบสอบถาม รายการ จำนวนผู้เข้าร่วม คดิ เป็น รอ้ ยละ ระดบั การศึกษา ต่ำกวา่ ประถมศึกษา - - ประถมศกึ ษา 10 15.38 มธั ยมศึกษาตอนตน้ 31 47.69 มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 24 36.92 อืน่ ๆ - 65 - รวม 100 แผนภมู ิแสดงระดบั การศกึ ษาของผู้ตอบแบบสอบถาม ระดบั การศึกษา ระดบั การศกึ ษา 31 24 10 0 0 18

ตารางท่ี 4 จำนวนร้อยละของความพึงพอใจของผ้ตู อบแบบสอบถาม รายละเอยี ด ระดับ 5 4 321 1. สถานทีใ่ นการจัดกิจกรรม ดีมาก ดี ปานกลาง นอ้ ย ปรับปรงุ 2. ระยะเวลาทใ่ี ช้ในการจัดกิจกรรม 3. กิจกรรมทจ่ี ดั มีความเหมาะสมกบั กลมุ่ เปา้ หมาย 87.89 7.63 4.48 4. ไดร้ ับความรเู้ พิ่มข้ึนในกิจกรรมน้ี 84.45 13.33 2.22 5. ได้รบั ความสนกุ สนานเพลิดเพลนิ 86.67 8.89 4.44 6. กิจกรรมที่จัดนา่ สนใจควรจัดกิจกรรมต่อไป 90 10 88.89 11.11 91.11 8.89 แผนภูมแิ สดงร้อยละของความพึงพอใจของผ้ตู อบแบบสอบถาม ความพงึ พอใจของผู้ตอบแบบสอบถาม ปานกลาง ดี ดมี าก กิจกรรมท่จี ดั นา่ สนใจควรจดั กิจกรรมต่อไป 8.89 ได้รับความสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ 11.11 91.11 88.89 ได้รับความรู้เพิ่มขนึ ้ ในกิจกรรมนี ้ 10 90 กจิ กรรมทจ่ี ดั มีความเหมาะสมกบั กลมุ่ เป้ าหมาย 4.44 86.67 84.45 ระยะเวลาที่ใช้ในการจดั กิจกรรม 8.89 87.89 สถานทใี่ นการจดั กจิ กรรม 2.22 13.33 4.48 7.63 19

บทที่ 5 สรปุ อภปิ ราย และข้อเสนอแนะ ในการจัดกิจกรรม โครงการ 2 เมษา วันรักการอ่าน เทิดไท้ “เจ้าฟ้านักอ่าน” พัฒนาการเรียนรู้ มวี ตั ถปุ ระสงค์ดังน้ี 1. เพอ่ื เทดิ พระเกยี รตวิ นั คลา้ ยวนั พระราชสมภพ ๒ เมษายน สมเด็จพระกนิษฐาธริ าชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี 2 เพือ่ เป็นการแสดงความจงรักภักดแี ละเผยแพร่พระเกยี รตคิ ุณของสมเดจ็ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรม สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารใี หป้ ระชาชนทว่ั ไปได้รบั รแู้ ละรว่ มสำนึกในพระมหากรณุ าธิคุณ 3 เพื่อรณรงค์ปลูกฝั่งส่งเสริมให้กับเด็ก เยาวชน และนักศึกษา กศน.อำเภอปง มีนิสัยรักการอ่านและ การเรียนรู้อย่างตอ่ เนอื่ ง สรุป ผูเ้ ข้ารว่ มกจิ กรรม โครงการ 2 เมษา วนั รักการอ่าน เทิดไท้ “เจา้ ฟ้านักอ่าน” พัฒนาการเรียนรู้ สว่ นใหญเ่ ป็นนกั เรียน/นักศึกษาระดับมัธยมตอนต้นได้ให้ความสนใจและรว่ มมือเป็นอย่างดใี นการทำกจิ กรรมและ การเรยี นรูใ้ นแต่ละฐาน มคี วามกระตือรือรน้ ในการทำกิจกรรม ผลจากแบบสอบถามของผู้เขา้ รว่ มโครงการดงั น้ี 1. สถานทีใ่ นการจดั กจิ กรรม อยู่ในระดบั ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 87.89 2. ระยะเวลาของในการจดั กิจกรรม อยู่ในระดับ ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 84.45 3. กิจกรรมท่ีจดั มีความเหมาะสมกบั กล่มุ เป้าหมาย อยใู่ นระดบั ดมี าก คดิ เป็นร้อยละ 86.67 4. ได้รบั ความรเู้ พ่ิมขนึ้ ในกจิ กรรมน้ี อยใู่ นระดับ ดมี าก คิดเป็นร้อยละ 90 5. ไดร้ บั ความสนุกสนานเพลิดเพลิน อยู่ในระดับ ดมี าก คิดเปน็ ร้อยละ 88.89 6. กจิ กรรมท่ีจัดน่าสนใจควรจดั กจิ กรรมต่อไป อยใู่ นระดับ ดีมาก คดิ เปน็ ร้อยละ 91.11 อภปิ รายผล 1. ผูเ้ ข้ารว่ มโครงการ จากเปา้ หมาย 50 คน มผี ู้เขา้ รว่ มโครงการจรงิ รวมจำนวน 65 คน 2. ลักษณะทั่วไปของกลุ่มเป้าหมาย พบว่าส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง 38 คน คิดเป็นร้อยละ 58.46 เพศชายจำนวน 27คน คดิ เปน็ ร้อยละ 58.46 3. ช่วงอายุของผู้เข้าร่วมกจิ กรรมระดับมากทีส่ ุด อยู่ในช่วงอายุ 26 ปีขึ้นไป จำนวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 56.92 ระดับมาก อยู่ในช่วงอายุระหวา่ ง 13-25 ปี จำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 41.54 ระดับปานกลาง อยู่ในช่วงอายุ ระหวา่ ง 6-12 ปี จำนวน 1 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 1.54 4. ระดับการศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมมากที่สุด อยู่ในระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 31 คน คิดเป็นร้อยละ 47.69 ระดับมาก อย่ใู นระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 24 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 36.92 ระดับปานกลาง อยู่ใน ระดบั ประถมศึกษา จำนวน 10 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 15.38 20

ข้อเสนอแนะ ผูต้ อบแบบสอบถามได้ให้ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ เพ่มิ เตมิ เกยี่ วกับการดำเนินโครงการในคร้งั นี้ ไดป้ ระมวลผล โดยนำข้อเสนอแนะมานำเสนอ สรปุ ผลไดด้ ังนี้ 1. เพ่ิมเนอื้ หา สาระ สง่ิ สำคัญให้มากขนึ้ 2. เป็นโครงการท่ีดีประชาชนสว่ นใหญ่ทเ่ี ขา้ รว่ มกิจกรรมมีความกระตอื รือรน้ สนใจร่วมทำ กจิ กรรมและเรียนรกู้ ันทกุ คน 21

รปู กจิ กรรม 22

รปู กจิ กรรม 23

รปู กจิ กรรม 24

รูปกิจกรรมสง่ เสรมิ การอ่านออนไลน์ 1. กิจกรรมตอบคำถามวันรักการอา่ น มผี เู้ ขา้ รว่ มกิจกรรม 272 คน 2. กิจกรรมลงนามถวายพระพร มผี ูเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรม 27 คน 25

รูปกิจกรรมส่งเสรมิ การอา่ นออนไลน์ 3. กิจกรรมประกวดเรียงความ มผี ู้เข้าร่วมกจิ กรรม 3 คน 26

ทป่ี รึกษา คณะผู้จดั ทำ 1. นายรฐั วัฒ นุธรรม 2. นายปฐมพงษ์ สมเช้อื ผอู้ ำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและตามอธั ยาศยั อำเภอปง ครผู ูช้ ว่ ย คณะทำงาน พนกั งานพมิ พ์ ส.3 1. นายปิยะ ซอ่ื สัตย์ ครอู าสาสมัครฯ 2. นางเยาวนนั ท์ ถูกจติ ร ครูอาสาสมัครฯ 3. นายธีรเจต อนิ เต็ม ครูอาสาสมัครฯ 4. นายไชยา ปมิ แปง ครูอาสาสมัครฯ 5. นายอำนาจ เลศิ คำ ครอู าสาสมัครฯ 6. นายนติ ิ เวยี งคำ ครูอาสาสมัครฯ 7. นายสมบตั ิ เมอื งเจยี ง ครอู าสาสมัครฯ 8. นายวฒุ ิพงษ์ พันธพ์ ัฒนกุล ครอู าสาสมัครฯ 9. นางณฐั กัญจณ์ เจือจาง ครอู าสาสมัครฯ 10. นางสาวนาถอนงค์ ชนาทปิ ครอู าสาสมัครฯ 11. นางพฒั นา สบื เครือ ครูอาสาสมัครฯ 12. นางสาวสายใจ สุขประสาร ครอู าสาสมัครฯ 13. นางสาวติ รี บณั ฑติ ครู กศน.ตำบล 14. นายวีรยทุ ธ บุญตอ่ ครู กศน.ตำบล 15. นายถวิล จนั ทร์แว่น ครู กศน.ตำบล 16. นางสาวพรพรรณ คำมา ครู กศน.ตำบล 17. นางดวงสมร ตาคำ ครู กศน.ตำบล 18. นางรตั ตยิ า มณชี ยั ครู กศน.ตำบล 19. นางสาวกฤตยาภรณ์ สนิท ครู กศน.ตำบล 20. นายพริ ณุ กลุ ชวาล ครู กศน.ตำบล 21. นายปฏิภาณ แสนจิตร์ ครู กศน.ตำบล 22. นายมานนท์ ใจมาเครือ ครู ศรช. 23. นางสาวนษิ ฐา มโนชยั ครสู อนคนพกิ าร 24. นางจรรยา ยง่ิ บญุ มา ครสู อนคนพิการ 25. นางสาวนภาพร สะสวย เจ้าหน้าที่บนั ทกึ ขอ้ มูล 26. นายมงคล ภธิ รรมมา บรรณารกั ษ์อัตราจ้าง 27. นางสาววรรณนดิ า จำรสั 27

ผูร้ วบรวม/เรยี บเรียง บรรณารกั ษ์อัตราจา้ ง นางสาววรรณนดิ า จำรสั บรรณารักษ์อตั ราจา้ ง ผวู้ ิเคราะหข์ อ้ มูลจากแบบสอบถาม บรรณารักษ์อัตราจ้าง นางสาววรรณนดิ า จำรสั พนักงานพิมพ์ ส.3 ศิลปกรรมและออกแบบปก นางสาววรรณนดิ า จำรัส ผู้จดั ทำเข้ารูปเลม่ นายปยิ ะ ซือ่ สตั ย์ 28





ก คำนำ ห้องสมุดประชาชนอำเภอปง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอปง ได้จัดโครงการ พอ.สว.เคลื่อนที่ กศน.นำความรู้สู่ชุมชน ประจำปี 2564 ขึ้น โดยการจัดกิจกรรมร่วมกับ หน่วยแพทย์เคล่ือนท่ี พอ.สว.จังหวัดพะเยา เพ่ือส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ท่ีเกิดขึ้นในชุมชน พ้ืนท่ีห่างไกล โดยมีหอ้ งสมุดประชาชน กศน.ตำบล และ ศศช. ในพืน้ ท่ี เป็นกลไกในการขับเคล่ือนการเสรมิ สร้างการรกั การอ่าน ตลอดจนเสริมสร้างภาคีเครือข่ายให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการส่งเสรมิ นิสัยรักการอ่านของชุมชนได้อย่างย่ังยืน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารรายงานผลการดำเนินงานฉบับน้ีจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ท่ีสนใจ จะไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ ต่อไป ( นางสาววรรณนดิ า จำรสั ) บรรณารกั ษ์อัตราจา้ ง

ข หน้า ก สารบญั ข 1 เร่ือง คำนำ 2 สารบญั บทที่ 1 บทนำ 8 - ความเปน็ มาและความสำคัญ 9 - วัตถุประสงค์ 13 - ขอบเขตของโครงการ บทท่ี 2 เอกสารที่เกยี่ วข้อง - ประวตั คิ วามเปน็ มา (พอ.สว.) - วตั ถุประสงค์ของมลู นธิ แิ พทยอ์ าสา สมเดจ็ พระศรนี ครินทราบรมราชชนนี - ภารกิจทส่ี ำคัญของมูลนธิ ิ - ความสำคญั ของการอ่าน บทท่ี 3 วธิ ีดำเนนิ การ - กลุ่มเป้าหมาย - ข้นั ตอนดำเนินการ - กจิ กรรม บทท่ี 4 ผลที่เกิดข้ึน บทที่ 5 สรปุ และอภปิ ราย ภาคผนวก - ภาพกจิ กรรม - โครงการ

บทท่ี 1 บทนำ 1. ความเป็นมาและความสำคญั การสร้างนิสัยรักการอ่านให้แก่เด็กและเยาวชนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการอ่านเป็นทักษะ ท่ีจำเป็นสำหรบั การศึกษาหาความรูค้ วบคู่กับทักษะอื่น การอ่านเป็นพน้ื ฐานที่สำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนา สติปัญญาของคนในสังคม ท้ังนี้ทางห้องสมุดประชาชนอำเภอปงจึงได้นำนโยบายเพิ่มอัตราการอ่านของประชาชน จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ ผลักดันให้เกิดห้องสมุดสู่การเป็นห้องสมุดเสมือนจริงต้นแบบ เพ่ือพัฒนาใหประชาชนสามารถรับรูขอมูลขาวสารท่ีถูกตอง ทันเหตุการณ นําความรูท่ีไดรับไปใชปฏิบัติจริง ในชีวิตประจําวัน การอ่านยังช่วยพัฒนาความสามารถ พฤติกรรมและค่านิยม ต่าง ๆ รวมทั้งช่วยใน การเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตพัฒนาไปสู่สิ่งท่ีดีท่ีสุดของชีวิต การอ่านจึงมีความสำคัญต่อเด็กและเยาวชน เป็นอยา่ งยิง่ ห้องสมุดประชาชนอำเภอปง สังกัดศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอปง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอ่านที่เป็นจุดบ่มเพาะและสร้างนิสัยรักการอ่าน การเรียนรู้ที่เกิดขึ้น ในชุมชน ในพ้ืนท่ีอำเภอปง จึงได้จัดทำโครงการพอ.สว.เคลื่อนท่ี กศน.นำความรู้ สู่ชุมชน ประจำปี 2564 ขึ้น ร่วมกับหน่วยแพทย์เคล่ือนที่ พอ.สว.จังหวัดพะเยา เพ่ือส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึนในชุมชนพ้ืนท่ี ห่างไกล โดยมีห้องสมุดประชาชน กศน.ตำบล และ ศศช. ในพื้นท่ี เป็นกลไกในการขับเคล่ือนการเสริมสร้าง การรักการอ่าน ตลอดจนเสริมสร้างภาคีเครือข่ายให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของ ชมุ ชนได้อยา่ งยัง่ ยืน 2. วัตถุประสงค์ 1. เพือ่ ส่งเสรมิ ปลกู ฝงั นสิ ัยรักการอ่านให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนทัว่ ไป 2. เพ่ือเพ่ิมโอกาสและช่องทางการรับรู้และเรยี นรู้ให้กับประชาชนในทอ้ งถิ่นห่างไกลในชนบท 3. เพือ่ เพ่ิมความหลากหลายในด้านการบริการของงานห้องสมุดและตอบสนองความต้องการ 3. ขอบเขตของโครงการ ห้องสมุดประชาชนอำเภอปง สังกัดศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอปง ได้จัดโครงการพอ.สว.เคล่ือนท่ี กศน.นำความรู้สู่ชุมชน ประจำปี 2564 ข้ึน เพ่ือเพิ่มความหลากหลายใน การให้บริการของงานห้องสมุด ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านเพิ่มช่องทางการรับรู้และเรียนรู้ให้กับเยาวชนในท้องถ่ิน หา่ งไกลในชนบทในเขตพ้ืนท่อี ำเภอปง ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 154 คน บทท่ี 2

เอกสารทีเ่ กย่ี วข้อง มูลนธิ ิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรนี ครินทรา บรมราชชนนี หรือทเ่ี รียกกนั ยอ่ ๆ วา่ พอ.สว. เกิดข้ึนเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2512 โดยมีจุดมุ่งหมายในการให้บริการทางสาธารณสุขแก่ประชาชนในท้องถิ่น ทรุ กนั ดารหา่ งไกลรวม 48 จงั หวดั มลู นิธแิ พทยอ์ าสาสมเด็จ พระศรนี ครินทราบรมราชชนนี (พอ. สว.) ประวัตคิ วามเปน็ มา หน่วยแพทย์อาสาสมเดจ็ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) เป็นหน่วยแพทย์ท่ีสมเด็จพระ ศรนี ครินทราบรมราชชนนีทรงก่อต้ังเมื่อ พ.ศ.2512 ปฏิบัติงานโดยอาสา สมัคร ประกอบด้วย แพทย์ ทันตแพทย์ เภสชั กร พยาบาล เจา้ หน้าที่ สาธารณสุข และอาสาสมคั รสายสนับสนุนออก ไปให้การ รักษาพยาบาลประชาชนใน ท้องถิน่ ทรุ กนั ดาร หลังจากท่เี สด็จฯเย่ยี มราษฎรตามพน้ื ทีช่ นบทหา่ งไกลนบั ต้ังแต่ พ.ศ.2507 เป็นต้นมา ทรงพบว่า ราษฎรเหล่านั้น เม่ือเจ็บป่วย ไม่มีโอกาสได้รับการรักษา จากแพทย์แผนปัจจุบัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้หน่วยแพทย์เคลื่อน ท่ีโดย เสด็จฯเสมอ ต่อมา พ.ศ.2516 ไดท้ รงเร่ิมนำระบบการส่ือ สารทาง วทิ ยรุ บั -สง่ มาใช้ในการให้คำปรกึ ษาและ รักษาผปู้ ว่ ย ซึ่ง เรยี กว่า \" แพทยท์ าง อากาศ\" หรอื ตอ่ มาเรียกว่า \"แพทย์ทางวิทยุ\" สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเล็งเห็นว่า กิจการและการดำเนิ นการให้ความ ช่วยเหลือประชาชนในด้านการ แพทย์และสาธารณสุข ประสบผลและเป็นคุณ ประโยชน์อย่างมหาศาล จึงทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุน ทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 1 ล้าน บาท เป็นทุน แรกเริ่มจดทะเบียนต้ัง เป็นมูลนิธิ \"แพทย์อาสาสมเด็จ พระศรีนครินทรา บรมราชชนนี( พอ.สว.) \" เม่ือวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2517 โดย พระองค์เป็นนายิกากิตติมศักดิ์หลังจากเสด็จสวรรคต เม่ือวันท่ี 18 กรกฎาคม พ.ศ.2538 สมเด็จพระเจ้าพี่ นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ ทรงดำรงตำแหน่งประธาน กิตติมศักด์ิ สืบต่อมา จนถงึ ปจั จบุ ัน จังหวัด พอ.สว. ปจั จุบัน มูลนิธิ พอ.สว ดำเนินกิจกรรมใน 51 จังหวัด พอ.สว.โดยการแบ่งเขต ตามเขตการตรวจ ราชการของกระทรวงสาธารณสขุ ดังนี้ เขต 2 นครนายก เขต 3 ชลบรุ ี ฉะเชิงเทรา ปราจีณบุรี สระแก้ว ตราด จันทบุรี ระยอง เขต 4 ราชบุรี กาญจนบรุ ี เพชรบรุ ี ประจวบครี ีขันธ์ เขต 5 นครราชสมี า ชยั ภมู ิ บุรีรมั ย์ สรุ นิ ทร์ เขต 6 ขอนแกน่ เลย หนองคาย อดุ รธานี สกลนคร หนองบวั ลำภู เขต 7 อบุ ลราชธานี อำนาจเจรญิ นครพนม มกุ ดาหาร ศรีสะเกษ ยโสธร เขต 8 ตาก เขต 9 พษิ ณโุ ลก เพชรบูรณ์ น่าน อุตรดติ ถ์ เขต10 เชยี งใหม่ เชยี งราย พะเยา แมฮ่ ่องสอน เขต11 นครศรีธรรมราช สรุ าษฎร์ธานี ชมุ พร ระนอง พงั งา ภูเก็ต กระบ่ี เขต12 สงขลา พัทลงุ ตรงั สตลู ยะลา ปตั ตานี นราธวิ าส วตั ถปุ ระสงคข์ องมลู นิธิแพทย์อาสาสมเดจ็ พระศรีนครนิ ทราบรมราชชนนี (พอ. สว.)

1. จัดหาและส่งเสริมให้แพทย์และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครท้ังส่วนกลางและส่วนภูมิภาคปฏิบัติ เพ่ือช่วยเหลือให้การรักษาพยาบาล ป้องกันโรคส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพอนามัย ของประชาชนและเจ้าหน้าที่ ในทอ้ งถ่ินทุรกันดารหรือหา่ งไกลคมนาคม หรอื ท้องถ่นิ ทค่ี ณะกรรมการกำหนด 2. จัดให้มีการรักษาพยาบาลผูป้ ว่ ยในท้องถิน่ ทุรกนั ดาร โดยสงั่ การรกั ษาทางเคร่อื งมือส่ือสาร 3. รว่ มมอื กับสว่ นราชการและองค์กรการกศุ ลอ่ืนๆเพือ่ สาธารณประโยชน์ 4. ดำเนินการอื่นๆเพ่อื บรรลุวัตถุประสงคข์ องมูลนิธิฯ 5. ไมด่ ำเนนิ การเก่ียวขอ้ งกบั การเมอื ง กิจกรรมของมลู นธิ ิ พอ.สว. 1.งานหน่วยแพทย์เคล่ือนที่ พอ.สว.จัดหาอาสาสมัครสายการแพทย์และสาธารณสุขและ สายสนับสนุน ไปปฏิบัติงานรักษา ป้องกัน ส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพอนามัย ของประชาชนและเจ้าหน้าท่ี ในทอ้ งถ่ินทรุ กนั ดารห่างไกลคมนาคม หรือในพื้นทีท่ ี่มีปญั หาสาธารณสขุ ใน 51 จังหวัด พอ.สว. 2.งานรกั ษาเฉพาะโรคที่มูลนิธิ พอ.สว.กำหนด ให้การรักษาโรคต่างๆ โดยการผ่าตัด ได้แก่ ตาต้อ กระจก ปากแหว่ง เพดานโหว่ ปลูกแก้วหูเทียม ใส่กายอุปกรณ์ แขน-ขาเทียม ฟันคุด หัวใจรูห์มาติกและหัวใจ พิการมาแต่กำเนิด และโรคไต ซงึ่ มภี าวะไตวายขั้นสดุ ท้าย และการรกั ษาดว้ ยการเปลีย่ นไตจากผทู้ ่ียงั มีชวี ติ อยู่ 3.งานฝึกอบรม แบ่งเป็นการฝึกอบรมตามแผนงานของจังหวัด พอ.สว. และการฝึกอบรม ซง่ึ สำนักงานมลู นิธิ พอ.สว.เปน็ ผูด้ ำเนินการ 4.งานทนั ตสาธารณสุข พอ.สว. แบง่ เปน็ 4.1 กิจกรรมในวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ วันที่ 21 ตุลาคม ให้การสนับสนุนด้วย การหาอาสาสมคั รทนั ตบคุ ลากรจากสว่ นกลางให้แก่จังหวดั พอ.สว. เพอื่ ออกปฏบิ ัติงานทันตบริการ 4.2 กิจกรรมทันตกรรมเคลื่อนท่ี พอ.สว. จัดส่งรถทันตกรรมเคล่ือนท่ี จำนวน 2 คัน ออกปฏิบัติการ คันละ 9 เดือนไปยังจังหวัด พอ.สว. เพ่ือสนับสนุนการให้บริการด้านทันตกรรมแก่ประช าชนซึ่ง อยใู่ นท้องถิน่ ทขี่ าดแคลนทันตแพทย์ 4.3 กิจกรรมเฝ้าระวังทางทันตสุขภาพในนักเรียนช้ันประถมศึกษาโรงเรียนตำรวจ ตระเวนชายแดน 174 โรงเรยี น ตามแนวสาธารณสุขมลู ฐาน 5.โครงการสนับสนุนโครงการพัฒนาดอยตุงด้านสาธารณสุข ให้บริการด้านสาธารณสุข แกข่ ้าราชการ และลูกจ้างทีป่ ฏบิ ตั ิงานในโครงการฯ และประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในบรเิ วณโครงการพฒั นาดอยตุง 6.โครงการทดลองแพทย์ทางโทรศัพท์ พอ.สว.ให้การรักษาพยาบาล และช่วยเหลือผู้ป่วยที่อยู่ ในท้องถิ่นทุรกันดารห่างไกล โดยใช้โทรศัพท์เป็นเคร่ืองมือในการติดต่อแพทย์ เพ่ือสั่งการรักษาแก่ผู้ป่วยซ่ึงมารับ บริการทส่ี ถานีอนามัย 7.กิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตสมเด็จพระศรีนคริน ทราบรมราชชนนี วันที่ 18 กรกฎาคม ได้แก่ การออกหน่วยแพทย์เคล่ือนท่ีในจังหวัด พอ.สว. การรณรงค์รักษา สุขภาพปากและฟัน การรณรงคร์ กั ษาโรคตา่ งๆด้วยการผา่ ตัด เช่น โรคตาต้อกระจก และโรคปากแหวง่ เพดานโหว่ ฯลฯ 8. กิจกรรมเพ่ือโดยเสด็จพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจา้ ฟ้ากลั ยาณิวัฒนา กรมหลวงนรานิวาสราชนครินทร์ ในวนั ท่ี 6 พฤษภาคม ไดแ้ ก่ การออกหน่วยแพทย์เคล่ือนท่ี ในจังหวัด พอ.สว. การรณรงค์รักษาโรคต่างๆด้วยการผ่าตัด เช่น โรคตาต้อกระจก และโรคปากแหว่ง เพดานโหว่ ฯลฯ ทีม่ า http://www.thaidentist.com/pmmv/ ภารกจิ ทสี่ ำคัญของมูลนิธิฯ ได้แก่

1. การจัดหน่วยแพทย์และบุคลากรทางด้านสาธารณสุขจากส่วนกลางหรือโรงพยาบาล ในจังหวัดใหญ่ๆ เดินทางเข้าสู่หมู่บ้าน ตำบล และอำเภอที่อยู่ในท้องถ่ินห่างไกลและทุรกันดาร เพ่ือช่วยเหลือ ทำการตรวจโรครักษาโรค มอบยา รักษาโรค ตลอดจนให้คำแนะนำในการปฏิบัติตวั ในระหว่างเจ็บป่วย การปฏิบัติ ตัวเพื่อป้องกนั โรคตา่ งๆ และคำแนะนำในดา้ นสขุ ศึกษา โภชนาการ ทนั ตสาธารณสขุ และอื่นๆ อีกมากมาย 2. การจัดให้มีโครงการแพทย์ทางอากาศ โดยการติดตั้งเคร่ืองส่งและเครื่องรับวิทยุทางอากาศ เพ่ือเป็นอุปกรณ์ให้บุคลากรสายสาธารณสุขท่ีประจำอยู่ตามสถานีอนามัยต่างๆ ท่ีขาดแพทย์ปฏิบัติงานประจำ ได้ตดิ ต่อโดยตรงกับแพทย์ประจำจังหวัด หรือประจำโรงพยาบาลได้เม่ือมีผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกลเกิดเจ็บปว่ ยกะทันหัน สามารถได้รับการตรวจและได้รับการบำบัดรักษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมโดยไม่ต้องเสียเวลาหรือค่าใช้จ่าย ในการเดินทาง 3. การจัดสง่ แพทย์ผู้เชยี่ วชาญสาขาตา่ งๆ ออกสชู่ นบทเป็นทีมเพือ่ ใหก้ ารรักษาโรคเฉพาะดา้ น 4. ให้บริการทางด้านทันตกรรม โดยการจัดทันตแพทย์ออกดูแลสุภาพในช่องปากของประชาชน ทัว่ ประเทศอยูเ่ ป็นประจำ ด้วยพระเมตตา และมหากรุณาธิคุณ ท่ีสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ได้พระราชทาน แก่วิชาชีพทันตแพทยศาสตร์ และทันต บุคลากรท้ังปวง ได้ประจักษ์ถึงน้ำพระทัยอันเปี่ยมไปด้วย พระเมตตา ทุกคนต่างมีความจงรักภัคดี ต่อพระองค์ท่านอย่างสุดซึ้ง จึงพร้อมใจกันถวายพระราชสมัญญา แก่ พระองค์เป็น \"พระมารดาแห่งการทันตแพทย์ไทย\" และทรงเป็นตัวอย่างของบุคคล ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อมว ล มนุษย์ มคี วามมุ่งม่ัน อุตสาหะอยา่ งตอ่ เน่อื ง มทิ ้อถอย และไม่ได้หวงั ส่งิ ตอบแทนใดๆ เม่ือ พ.ศ. 2529 ซ่ึงเป็นปีท่ีพระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษา 86 พรรษา เหล่าแพทย์บุคลากรพร้อมใจ กันสมัครเป็นอาสาสมัคร พอ.สว. เพ่ือ รณรงค์ทางทันตสาธารณสุขขึ้นในพื้นท่ี 48 จังหวัด เพ่ือถวายเป็นพระราช กุศลและเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี จึงเป็นกิจกรรมที่รณรงค์กันอย่าง ต่อเนอ่ื งและไดข้ ยายการรณรงค์ไปทวั่ ประเทศ ดังน้ัน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีการลงมติเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2532 ให้วันที่ 21 ตุลาคม อันเป็น วันคล้ายวันพระราชสมภพ เป็นวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ เพื่อสน องพระราชประสงค์ที่จะให้บริการ ทันตสาธารณสุขเขา้ ถึงประชาชนในถ่นิ ทุรกนั ดาร มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (Princess Mother's Medical Volunteer - PMMV) ช่ือย่อ พอ.สว. [1] เป็นกิจการแพทย์ทีต่ ้ังข้ึนตามพระราชดำรขิ องสมเด็จพระศรีนครินทราบ รมราชชนนี ท่ีได้ทรงพบเหน็ ความยากลำบากของราษฎร ในด้านการสาธารณสุข ในระหว่างทเี่ สด็จพระราชดำเนิน ทรงเยี่ยมตำรวจตระเวนชายแดน ตามจังหวัดชายแดน ต้ังแต่ พ.ศ. 2507 ในอดีต ราษฎรที่เจ็บไข้ได้ป่วยจะไม่ได้ รับการดูแลรักษาจากแพทย์เท่าท่ีควร เน่ืองการเดินทางยากลำบาก บางครั้งต้องรอจนอาการหนัก จึงเดินทาง มารกั ษาในโรงพยาบาลจังหวัด บางคร้งั อาการก็หนกั เกนิ กว่าจะรักษา หรือโรคทไ่ี มไ่ ด้เจบ็ ป่วยมากมาย กลบั เรอื้ รัง จนตอ้ งพิการทุพพลภาพ สมเด็จพระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี ทรงตงั้ กจิ การแพทย์อาสาเมอ่ื เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2512 ขณะทรงประทับอยู่ท่ีพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ โดยในเบ้ืองต้น ประกอบด้วยแพทย์และ พยาบาล อาสาสมัครจากโรงพยาบาลแมคคอรม์ ิค และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ หน่วยแพทย์อาสาออก ปฏิบัติการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ซ่ึงเป็นวันหยุดราชการ และไปเช้าเย็นกลับในวันเดียวกัน โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ เปน็ ยานพาหนะหลัก ในแตล่ ะหน่วยประกอบดว้ ย แพทย์ 2 คน ทันตแพทย์ 1 คน เภสชั กรหรอื พยาบาลที่มีความรู้ เร่ืองยา 1 คน พยาบาล 3 คน และอาสาสมัครสมทบ 1 คน ท้ังหมดนี้ อาสาทำงานโดยไม่มีรายได้ตอบแทน มีภูมิลำเนาหรือรับราชการอยู่ในจังหวัดนั้นๆ อาสาสมัคร พอ.สว. ทุกคนจะสวมเส้ือสีเทา กระเป๋าเส้ือสีเขียว มีเครื่องหมายของหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประชาชนจะเรียกขานอาสาสมัคร เหล่าน้ีว่า หมอกระเป๋าเขียว แม้แต่ผู้ที่มีอุดมการณ์ต่างกันในบางพ้ืนที่ ยังยกเว้นการทำร้าย \"หมอกระเป๋าเขียว\" ตง้ั แต่ พ.ศ. 2517 เป็นต้นมา หน่วยแพทยอ์ าสา พอ.สว. แบ่งออกเป็น 2 หน่วย คือ หน่วยแพทย์เคล่ือนท่ี พอ.สว.

เร่ิมดำเนินการตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2512 ทำหน้าที่ดูแลรักษาประชาชนท่ีด้อยโอกาสในท้องถิ่นทุรกันดาร โดยได้รับ การสนบั สนนุ ด้านพาหนะจากกองทัพบก กองทพั เรือ กองทพั อากาศ หรอื กรมตำรวจ ในแตล่ ะพ้ืนท่นี ั้น หน่วยแพทย์ทางวิทยุ พอ.สว. จัดตั้งข้ึนเม่ือปี พ.ศ. 2515 มีทั้งส้ินใน 24 จังหวัดทางภาคเหนือ ภาคตะวันตก และ ภาคใต้ โดยมีศนู ย์กลางอยูท่ สี่ ำนักงานกลาง วงั สระปทุม จังหวัดท่ีมีกจิ การแพทย์อาสา เรยี กวา่ จงั หวดั แพทยอ์ าสา ทรงวางกฎเกณฑ์ไว้ว่า จังหวัดท่ีต้องการต้ังหน่วยแพทยอ์ าสา ควรจะเป็นจงั หวัดทีม่ ีอาณาเขตติดกบั ชายแดน หรือ การคมนาคมไม่สะดวก มีที่ทุรกันดาร หรือจำเป็นต้องอาศัยกิจการแพทย์อาสา ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมด้วย คณะแพทย์ของจังหวัดน้ันๆ ขอพระราชทานตั้งจังหวัดของตนเป็นจังหวัดแพทย์อาสาเสียก่อน เมื่อทรงพิจารณา เหน็ ว่าเหมาะสม จงึ จะทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ รับไว้เป็นจงั หวัดแพทย์อาสา จังหวัดแรกที่มีกิจการแพทย์อาสา คือ จังหวัดเชียงใหม่ จนถึงปัจจุบัน มีจังหวัดแพทย์อาสา ท้ังส้ิน 45 จังหวัด กำหนดวางแผนการทำงานโดย คณะกรรมการระดับจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานคณะกรรมการ พอ.สว. ประจำจังหวัดโดยตำแหน่ง การติดต่อ ประสานงานในการปฏิบัติการทุกครั้ง ควบคุมโดย สำนักงานกลาง พอ.สว. ตั้งอยู่ท่ีวังสระปทุม ภายใต้การควบคุมของ คณะกรรมการกลาง ซ่ึงสมเด็จ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเปน็ องค์ประธานด้วยพระองค์เอง สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จ สวรรคต สมเดจ็ พระเจา้ พี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครนิ ทร์ ทรงรับเป็นองค์ประธาน มลู นธิ ิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครนิ ทราบรมราชชนนี เพือ่ สืบตอ่ พระราชภารกิจของพระชนนี โดยมี นายแพทย์ ประมุข จันทวิมล เป็นเลขาธิการมูลนิธิ พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช เป็นประธานมูลนิธิ ในปัจจุบัน หลังจากสมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ส้ิ นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเจ้า ลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงดำรงตำแหน่งเป็นประธานกิตติมศักด์ิ มูลนิธิแพทย์อาสา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) เพ่ือสืบสานพระราชปณิธานในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลย เดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิ วัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในการบำบัดทุกบำรุงสุขแก่ราษฎรด้านการแพทย์และสาธารณสุขสืบ ต่อไป โดยเริ่มปฏิบัติพระกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเป็นจังหวัดแรก ระหว่างวันที่ 26 - 28 กันยายน พ.ศ. 2552 (http://www.lib.ru.ac.th/journal/oct/oct21-ToothDay.html) ความสำคญั ของการอ่าน การอ่านมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนโต และจนกระทั่งถึงวัยชรา การอ่านทำให้ รู้ข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ ท่ัวโลก ซึ่งปัจจุบันเป็นโลกของข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ท่ัวโลกทำให้ผู้อ่านมีความสุข

มคี วามหวัง และมีความอยากรู้อยากเห็น อนั เปน็ ความต้องการของมนุษย์ทกุ คน การอ่านมปี ระโยชน์ในการพฒั นา ตนเอง คือ พัฒนาการศึกษา พัฒนาอาชีพ พัฒนาคณุ ภาพชีวิต ทำให้เป็นคนทันสมัย ทันตอ่ เหตุการณ์ และมีความ อยากรู้อยากเห็น การท่ีจะพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าได้ต้องอาศัยประชาชนท่ีมีความรู้ความสามารถ ซ่ึงความรู้ต่าง ๆ กไ็ ดม้ าจากการอ่าน ความหมายของการอา่ น การอ่าน คือ กระบวนการที่ผู้อ่านรับรู้สารซ่ึงเป็นความรู้ ความคิด ความรู้สึก และ ความคิดเห็นที่ผู้เขียนถ่ายทอดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร การทผ่ี ู้อ่านจะเข้าใจสารได้มากน้อยเพียงไรข้ึนอยู่กับ ประสบการณแ์ ละความสามารถในการใชค้ วามคิด จดุ มงุ่ หมายของการอ่าน 1. อ่านเพื่อความรู้ ได้แก่ การอ่านจากหนังสือตำราทางวิชาการ สารคดีทางวิชาการ การวิจัย ประเภทต่าง ๆ หรือการอ่านผ่านสื่ออีเล็กทรอนิกส์ ควรอ่านอย่างหลากหลายเพราะความรู้ในวิชาหน่ึงอาจนำไป ช่วยเสริมในอีกวชิ าหนง่ึ ได้ 2. อ่านเพื่อความบันเทิงได้แก่ การอ่านจากหนังสอื ประเภทสารคดีท่องเท่ยี ว นวนิยาย เรื่องแปล เรื่องส้ัน การ์ตูน บทประพันธ์ บทเพลง แม้จะเป็นการอ่านเพื่อความบันเทิง แต่ผู้อ่านจะได้ความรู้ที่สอดแทรกอยู่ ในเรื่องด้วย 3.อ่าน เพื่ อท ราบ ข่าวสารค วาม คิด ได้ แก่การอ่าน จากห นั งสือป ระเภ ท บ ท ค วาม บทวิจารณ์ ข่าว รายงานการประชุม ถ้าจะให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต้องเลือกอ่านให้หลากหลาย ไม่เจาะจง อ่านเฉพาะส่ือ ที่นำเสนอตรงกับความคิดของตน เพราะจะทำให้ได้มุมมอง ที่กว้างข้ึน ช่วยให้มีเหตุผลอ่ืน ๆ มาประกอบการวิจารณ์ วเิ คราะห์ไดห้ ลายมมุ มองมากขน้ึ 4. อ่านเพือ่ จุดประสงคเ์ ฉพาะทางแต่ละครั้ง ไดแ้ ก่ การอา่ นที่ไม่ได้เจาะจง แต่เปน็ การอา่ นในเร่อื ง ท่ีตนสนใจ หรืออยากรู้ เช่น การอ่านประกาศต่าง ๆ การอ่านโฆษณาแผ่นพับ ประชาสัมพันธ์ ฉลากยา ข่าวสังคม ข่าวบันเทงิ ข่าวกีฬา การอ่านประเภทน้ีมักใช้เวลาไม่นาน สว่ นใหญ่เป็นการอ่านเพ่ือให้ไดค้ วามรู้และนำไปใช้หรือ นำไปเป็นหัวข้อสนทนา เชื่อมโยงการอ่าน สู่การวิเคราะห์ และคิดวิเคราะห์ บางคร้ังก็อ่านเพ่ือใช้เวลาว่างให้ เกดิ ประโยชน์ หลกั 3 ประการในการปลกู ฝังนสิ ยั รกั การอา่ น การฝึกนิสัยตนเอง ให้รักการอ่านไม่ใช่เร่ืองยาก เพราะหนังสือมีเร่ืองท่ีน่าสนใจมากมายและ ยังเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายตามความชอบและความสนใจของแต่ละคน โลกของหนังสือเป็นโลกแห่งอิสรเสรี

ทางความคิด เราสามารถอ่านความคิดของผู้อ่ืนแล้วนำมาพัฒนาความคิดของตนเอง การปลูกฝังตนเอง ใหร้ กั การอ่าน ทำไดด้ ว้ ยหลักงา่ ยๆ 3 ประการ ดงั น้ี 1. อ่านตามความสนใจ การเร่ิมอ่านจากเร่ืองที่ตัวเองชอบและสนใจจำทำให้อ่านหนังสือได้โดยไม่เบ่ือ เราอาจเร่ิมต้น อ่านจากเรื่องส้ันๆ ไม่ยาวมาก มีภาพประกอบ โดยอาจเริ่มจากการอ่านนิทาน เร่ืองส้ัน หรือ เรื่องท่ีจบภาย ในตอนเดียว ถา้ เรามีทศั นคตทิ ี่ดีต่อการอ่านกจ็ ะอ่านได้ตอ่ เนอ่ื ง 2. อ่านใหส้ มำ่ เสมอ การอ่านอย่างสม่ำเสมอเป็นบันไดขัน้ แรกของผู้ที่รักการอ่าน เพราะจะต้องอ่านจนเป็นนิสัยทันที ท่ีว่างจากหน้าท่ีท่ีทำในชีวิตประจำวัน เราก็สามารถหยิบหนังสือข้ึนมาอ่านได้ ถ้าเราสามารถอ่านได้สม่ำเสมอเรา กจ็ ะเปน็ ผู้ทม่ี นี สิ ัยรักการอา่ นได้ 3. อา่ นให้เจอขุมทรพั ย์ ขุมทรัพย์ ที่ว่าน้ีไม่ใช่ทรัพย์สิน เงินทอง แต่เป็น “ขุมทรัพย์แห่งปัญญา” ซึ่งมีค่ามหาศาล เป็นขุมทรัพย์แห่งความรู้ท่ีใครก็มาแย่งชิงไปไม่ได้ ผู้อ่านจะได้รับความรู้ ความเพลิดเพลิน ข้อคิด คุณธรรมที่ แฝงอยู่จากเร่ืองท่ีอา่ น รวมถึงได้พัฒนาอารมณ์ของตนเอง ก่อให้เกิดการพฒั นาผู้อ่านในทางท่ดี ี ฉะน้ันหนังสือที่ดี ก็เปรียบเสมือนวา่ เราไดพ้ บขุมทรัพย์น่นั เอง ดังนั้น เราจึงควรหันมาปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตั้งแต่วันนี้ เพ่ือประโยชน์มากมายในวันข้างหน้า “นิสยั รกั การอ่าน ไม่ใช่พันธุกรรม ไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เกิดจากการปลูกฝัง” โลกของการอ่านกำลังเปลย่ี นแปลงคร้ัง สำคัญ ท้ังในรูปลักษณ์ของสิ่งท่ีอ่าน รสนิยมของคนอ่าน เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ รวมไปถึงขนาด ของสิ่งพิมพ์ แต่ไม่ว่า จะมีการเปล่ียนแปลงอย่างไร การอ่านก็ยังมีความสำคัญอย่างไม่มีวันลดเลือนหายไป อย่างแน่นอน บทที่ 3 วิธดี ำเนนิ การ

3.1 กล่มุ เปา้ หมาย 1 เชิงปริมาณ - เด็ก เยาวชน และประชาชนทัว่ ไป ในเขตพ้ืนท่อี ำเภอปง 150 คน 2 เชิงคุณภาพ - เด็ก เยาวชน และประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอปงได้รับบริการการส่งเสริมการอ่านผ่านกิจกรรม พอ.สว.เคลอ่ื นท่ี กศน.นำความรูส้ ู่ชุมชน และมีนสิ ัยรกั การอ่านเพ่ิมขน้ึ 3.2 ขนั้ ตอนดำเนนิ การ 3.2.1 ประชมุ วางแผนผ้ทู ่เี กี่ยวข้อง 3.2.2 เขยี นโครงการเพอ่ื ขออนมุ ัติ 3.2.3 ประสานงานภาคเี ครอื ข่ายและผูเ้ ก่ียวข้อง/จดั ทำคำสงั่ 3.2.4 จดั เตรยี มวสั ดอุ ปุ กรณ์ 3.2.5 ดำเนนิ งานตามโครงการ 3.2.6 วดั ผลประเมินผลโครงการ/สรุปโครงการเป็นรปู เลม่ 3.2.7 นำผลประเมินโครงการมาปรับปรงุ แกไ้ ขในครงั้ ต่อไป กจิ กรรม 1. ระบายสี รว่ มรำลกึ ในหลวง ร.9 2. เลา่ นิทานให้นอ้ งฟงั 3. ประดษิ ฐ์สอ่ื สรา้ งสรรคผ์ ่านการอ่าน 4. สง่ เสรมิ การอ่านสร้างเสริมอาชพี 3.3 เครือ่ งมือท่ใี ช้ประเมิน แบบสอบถามความพงึ พอใจ 3.4 การวิเคราะหข์ อ้ มลู ผู้ประเมินได้ใช้วิธกี ารวเิ คราะหข์ ้อมลู โดยใช้โปรแกรมประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ เครื่องมือที่ใช้ประเมนิ ในครง้ั น้ี คือแบบประเมนิ ความพึงพอใจ บทท่ี 4 ผลทเ่ี กิดขนึ้ ในการจัดกจิ กรรม “โครงการพอ.สว.เคลอื่ นท่ี กศน.นำความรูส้ ู่ชมุ ชน ประจำปี 2564” มวี ัตถุประสงคด์ งั น้ี

1. เพือ่ ส่งเสริมปลกู ฝังนิสัยรักการอ่านให้กบั เด็ก เยาวชน และประชาชนทว่ั ไป 2. เพ่ือเพม่ิ โอกาสและช่องทางการรบั รแู้ ละเรยี นรู้ใหก้ ับประชาชนในทอ้ งถน่ิ ห่างไกลในชนบท 3. เพ่ือเพ่ิมความหลากหลายในดา้ นการบรกิ ารของงานหอ้ งสมุดและตอบสนองความต้องการ จากการจัดกิจกรรรมโครงการพอ.สว.เคล่อื นที่ กศน.นำความรู้สู่ชมุ ชน ประจำปี 2564 เป้าหมายของ โครงการ 150 คน มีผูเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรม 154 คน ขอ้ มูลทั่วไป ร้อยละ ตารางที่ 1 จำนวนร้อยละของเพศ ผูเ้ ข้าร่วมกจิ กรรม 45.45 รายการ 54.55 เพศ ชาย หญงิ แผนภมู ิแสดงเพศของผู้ตอบแบบสอบถาม ชาย หญิง ตารางท่ี 2 จำนวนร้อยละของอายขุ องผูต้ อบแบบสอบถามในการเข้าร่วมโครงการ รายการ คิดเป็น รอ้ ยละ ชว่ งอายุ

0 - 6 ปี 6.49 7 - 15ปี 1.30 16 - 35ปี 25.32 36 – 50 ปี 43.51 51 ปขี ้นึ ไป 23.38 100 รวม แผนภมู แิ สดงช่วงอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม 23.38, 23% 6.491, .73%, 1% 0 - 6 ปี 25.32, 25% 7 - 15 ปี 16 - 35 ปี 43.51, 44% 36 - 50 ปี 51 ปีขนึ ้ ไป ตารางที่ 3ร้อยละของระดับการศกึ ษาช้ันสงู สุดของผตู้ อบแบบสอบถาม รายการ คดิ เป็น รอ้ ยละ ระดับการศกึ ษา

ตำ่ กวา่ ประถมศึกษา 23.38 ประถมศึกษา 34.42 ม.ต้น 19.48 ม.ปลาย / ปวช. 9.08 ปริญญาตรี 13.64 อื่น ๆ - รวม 100 แผนภูมิแสดงระดบั การศกึ ษาของผู้ตอบแบบสอบถาม 10.49 0, 0% 23.38, 23% 9.08, 9% ต่ากว่าประถมศกึ ษา 19.48, 20% ประถมศกึ ษา ม.ต้น 34.42, 34% ม.ปลาย / ปวช. ปริญญาตรี อน่ื ๆ ตารางที่ 4 จำนวนรอ้ ยละของความพึงพอใจของผูต้ อบแบบสอบถาม ระดับ รายละเอยี ด

54 3 21 ดมี าก ดี ปานกลาง นอ้ ย ปรบั ปรุง 1. รูปแบบการจดั กจิ กรรม 79.14 18.75 2.11 - - 5.16 - - 2. ระยะเวลาของในการจดั กจิ กรรม/โครงการ 77.35 17.49 - - 7.9 3. สงิ่ อำนวยความสะดวก การบริการดา้ นสถานท่ี 9.21 - - 6.88 - - หอ้ งนำ้ ห้องสว้ ม 81.5 10.6 3.51 - - 6.16 - - 4. การประชาสมั พนั ธ์กจิ กรรม/โครงการ 83.12 7.67 2.46 - - 5. สถานทีจ่ ดั กิจกรรมมคี วามเหมาะสม 82.24 10.88 6. การมีสว่ นรว่ มในกิจกรรม 86.16 10.33 7. ประโยชน์ทีไ่ ดร้ ับจากการเขา้ ร่วมกิจกรรม 87.4 6.44 8. ความพึงพอใจโดยรวมในการเข้ารว่ มโครงการนี้ 90.11 7.43 แผนภมู ิแสดงร้อยละของความพึงพอใจของผูต้ อบแบบสอบถาม 100.00 80.00 60.00 40.00 20.00 0.00 มากท่สี ดุ มาก ปานกลาง น้อย น้อยทีส่ ดุ บทท่ี 5 สรุป อภปิ ราย และขอ้ เสนอแนะ

ในการจัดกิจกรรม “โครงการพอ.สว.เคลอ่ื นท่ี กศน.นำความร้สู ่ชู ุมชน ประจำปี 2564” มวี ตั ถุประสงค์ดังน้ี 1. เพอ่ื สง่ เสริมปลูกฝังนิสยั รักการอ่านให้กบั เด็ก เยาวชน และประชาชนท่ัวไป 2. เพ่อื เพิ่มโอกาสและช่องทางการรับรูแ้ ละเรยี นรู้ใหก้ ับประชาชนในทอ้ งถิน่ ห่างไกลในชนบท 3. เพือ่ เพิ่มความหลากหลายในดา้ นการบริการของงานหอ้ งสมุดและตอบสนองความต้องการ สรปุ ผูเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรม “โครงการ พอ.สว.เคลอื่ นท่ี กศน.นำความรสู้ ู่ชุมชน ประจำปี 2564” ส่วนใหญเ่ ป็น ประชาชนทวั่ ไประดับชัน้ ประถมศึกษาที่ไดใ้ ห้ความสนใจและรว่ มมือเป็นอย่างดีในการทำกิจกรรมและการเรยี นรู้ มคี วามกระตือรอื รน้ ในการทำกิจกรรม ผลจากแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการดงั นี้ 1. รูปแบบการจดั กจิ กรรม อยใู่ นระดบั ดีมาก คิดเปน็ ร้อยละ 79.14 2. ระยะเวลาของในการจดั กจิ กรรม/โครงการ อยู่ในระดับ ดมี าก คดิ เป็นร้อยละ 77.35 3. ส่ิงอำนวยความสะดวก การบริการด้านสถานที่ ห้องน้ำห้องสว้ ม อยู่ในระดับ ดีมาก คิดเปน็ ร้อยละ 81.5 4. การประชาสมั พันธ์กิจกรรม/โครงการ อยู่ในระดับ ดมี าก คดิ เปน็ ร้อยละ 83.12 5. สถานทจ่ี ดั กิจกรรมมีความเหมาะสม อยใู่ นระดับ ดมี าก คดิ เป็นร้อยละ 82.24 6. การมสี ่วนร่วมในกจิ กรรม อยูใ่ นระดับ ดมี าก คิดเป็นร้อยละ 86.16 7. ประโยชนท์ ีไ่ ดร้ ับจากการเข้าร่วมกจิ กรรม อยใู่ นระดับ ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 87.4 8. ความพงึ พอใจโดยรวมในการเขา้ ร่วมโครงการน้ี อยใู่ นระดับ ดมี าก คดิ เปน็ ร้อยละ 90.11 อภปิ รายผล 1. ผู้เขา้ รว่ มโครงการ จากเป้าหมาย 150 คน มผี ู้เขา้ ร่วมโครงการจริง รวมจำนวน 154 คน

2. ลักษณะทวั่ ไปของกลมุ่ เปา้ หมาย พบวา่ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญงิ จำนวน 84 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 54.55เพศชาย จำนวน 70 คน คิดเป็นร้อยละ 45.45 3. ช่วงอายขุ องผ้เู ข้าร่วมกิจกรรมระดบั มากท่สี ุด อยู่ในช่วงอายรุ ะหว่าง 36-50 ปี คิดเป็นร้อยละ 43.51 ระดับมาก อยู่ในชว่ งอายรุ ะหวา่ ง 16-35 ปี คดิ เป็นรอ้ ยละ 25.32 ระดับปานกลาง อยู่ในชว่ งอายรุ ะหวา่ ง 51 ปีขน้ึ ไป คิดเปน็ ร้อยละ 23.38 ระดับน้อย อยู่ในช่วงอายุระหวา่ ง 0-6 ปี คดิ เปน็ รอ้ ยละ 6.49 และระดับน้อยทสี่ ุด อยู่ในชว่ งอายุ ระหว่าง 7-15 ปี คิดเป็นร้อยละ 1.30 4. ระดบั การศึกษาทเ่ี ขา้ รว่ มกิจกรรมากทสี่ ุด อย่ใู นระดบั ประถมศึกษา คดิ เป็นร้อยละ 34.42 ระดบั มาก อยู่ใน ระดับต่ำกวา่ ประถมศึกษา คิดเป็นรอ้ ยละ 23.38 ระดบั ปานกลาง อยู่ในระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ คิดเป็นร้อยละ 19.48 ระดบั น้อย อยู่ในระดับปรญิ ญาตรี คิดเป็นร้อยละ 13.64 และระดบั น้อยทสี่ ุด อยใู่ นระดับ มัธยมศึกษา ตอนปลาย คิดเปน็ ร้อยละ 9.09 ข้อเสนอแนะ -