โรงเรยี นวดั เทพชมุ นุม รายวชิ า วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 สิ่งมีชีวติ รอบตวั เร่ือง การจาแนกสัตวม์ กี ระดูกสนั หลงั ครผู สู ้ อน นางสาววาชติ า สมบตั มิ าก (ครบู วิ )
สิง่ มีชวี ิต ลักษณะสาคัญของสงิ่ มีชีวิตมี 7 ลักษณะ คือ 1. สิ่งมีชีวิตมีการสืบพนั ธุ์ 2. สง่ิ มชี ีวติ ต้องการอาหารและพลงั งาน 3. สงิ่ มีชีวิตมีการเจรญิ เตบิ โตมีอายุขัยและขนาดจากดั 4. สิ่งมชี ีวิตมีการตอบสนองต่อส่ิงเร้า 5. ส่งิ มชี วี ติ มีการรักษาดุลยภาพของร่างกาย 6. สิ่งมีชีวติ มีลกั ษณะจาเพาะ 7. สิ่งมชี วี ติ มีการจัดระบบ
การจดั กลุ่มสง่ิ มีชวี ติ กล่มุ พืช กล่มุ สตั ว์ กลุ่มทีไ่ ม่ใชพ่ ืชและสตั ว์ กล่มุ สัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลัง กลมุ่ สตั ว์มกี ระดกู สันหลงั
สตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั คือ สัตว์ทม่ี ีระบบโครงกระดูกเป็นแกนค้ำจุนร่ำงกำย ช่วยให้ร่ำงกำยคงรูปร่ำงอยู่ได้ มรี ะบบร่ำงกำยท่ซี ับซ้อน เชน่ ปลำ กบ จระเข้ เตำ่ งู นก กระตำ่ ย สนุ ขั จิงจอก
กระดูกสันหลัง เป็นกระดูกแกนกลำงของร่ำงกำยซึ่งชว่ ยพยุงให้รำ่ งกำยสำมำรถคงรูปร่ำง อยู่ได้ ช่วยในกำรเคลื่อนทข่ี องสง่ิ มีชีวติ และเป็นศนู ย์รวมของเส้นประสำท ซ่งึ ท้ำหน้ำที่ในกำรตอบสนองตอ่ ส่ิงต่ำงๆ
กล่มุ สตั วไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลงั การจัดกลมุ่ สตั ว์ ใชก้ ระดกู สนั หลงั เป็นเกณฑ์ กลุ่มสตั ว์มกี ระดกู สันหลงั 1. กลุ่มปลา 2. กลุม่ สตั วส์ ะเทนิ นา้ สะเทินบก 3. กลุม่ สัตวเ์ ล้อื ยคลาน 4. กล่มุ นก 5. กลุ่มสัตวเ์ ลย้ี งลูกดว้ ยน้านม
สัตว์มีกระดูกสันหลังมีหลำยชนิด แต่ละชนิดมีลักษณะบำงอย่ำง เหมือนกันบำงอย่ำงแตกต่ำงกัน ถ้ำใช้ลักษณะเฉพำะที่สังเกตได้บำง ลักษณะ ได้แก่ ลักษณะของผิวหนัง เช่น เปียกหรือแห้ง มีเกล็ด มีขน เป็นเส้น หรือมีขนเป็นแผง ส่วนที่ใชใ้ นการเคลื่อนที่ เช่น กำรมีครีบ กำร มีปีก กำรมีขำ การออกลูกเป็นไข่หรือออกลูกเป็นตัว การวางไข่ในน้า หรือบนบก และการเลี้ยงลูกด้วยน้านม เป็นเกณฑ์ในกำรจ้ำแนกสัตว์มี กระดกู สันหลงั จะจ้ำแนกสัตว์มีกระดกู สนั หลังออกปน็ 5 กลมุ่
1. กลุม่ ปลา 1. กลุ่มปลา เป็นสตั ว์มกี ระดกู สันหลังทีอ่ ำศยั อยใู่ นน้ำ มลี ักษณะส้ำคญั ดังนี 1.1 ปลำเปน็ สัตว์เลือดเยน็ อุณหภูมภิ ำยในร่ำงกำยปรบั เปล่ยี นไปตำมอณุ หภูมิของน้ำ มีหัวใจ 2 หอ้ ง 1.2 ปลำอำศัยอยู่ในน้ำทังนำ้ จืด นำ้ เค็ม และนำ้ กรอ่ ย 1.3 ปลำมกี ระดูกสนั หลังต่อกนั เป็นข้อๆ กระดูกของปลำเรยี กวำ่ ก้ำง 1.4 ปลำหำยใจด้วยเหงือก เหงือกของปลำท้ำหน้ำท่ีแลกเปล่ียนแก๊สออกซิเจนและแก๊ส คำรบ์ อนไดออกไซด์ 1.5 มีครบี อก ครบี เอว ครีบก้น ครีบหลัง และครีบหำงยื่นยำวออกมำจำกล้ำตัวไว้ใช้เคลื่อนท่ี สว่ นใหญ่ผวิ หนงั มีเกลด็ ด้ำรงชีวิตในน้ำตลอดชีวติ 1.6 สว่ นใหญม่ ีกำรปฏสิ นธิภำยนอกออกลูกเป็นไข่ ยกเวน้ ปลำเขม็ ปลำสอด ปลำมิดไนท์ 1.7 ปลำมีถุงลมอยู่ในตวั เพอ่ื ช่วยลดและเพิ่มปริมำณอำกำศและยังชว่ ยในกำรลอยตัว
ตวั อย่างของสตั วก์ ลมุ่ ปลา ปลาไหล ปลาชอ่ น ปลาปกั เปา้
ฉนั คอื ใคร ในกลมุ่ ปลา ? มา้ นา้ ล้ำตวั ของฉันปกคลมุ ด้วยเปลอื กแขง็ เปน็ ขอ้ ๆ ตวั ผูม้ ลี กั ษณะต่ำงจำกตัวเมยี คอื มีถงุ หน้ำท้อง ฉนั ถือวำ่ เปน็ ปลำทอี่ อกลกู และแพร่ขยำยพันธุ์ ไดร้ วดเรว็ ส่วนหัวของฉนั มลี ักษณะเหมือนม้ำที่มปี ำก ยำวยน่ื ออกไปเปน็ ท่อ
2. กลุม่ สัตวส์ ะเทนิ นา้ สะเทนิ บก 2. กลุ่มสัตว์สะเทนิ น้าสะเทนิ บกเป็นสัตว์ที่อยู่ได้ทงั บนบกและในน้ำ มลี กั ษณะส้ำคญั ดังนี 2.1 เป็นสัตว์เลอื ดเยน็ มีหวั ใจ 3 ห้อง 2.2 กนิ หนอนและแมลงเป็นอำหำร โดยกำรใชล้ ินตวัดเข้ำปำก 2.3 ปฏสิ นธิภำยนอก ออกลกู เปน็ ไข่ ไมม่ เี ปลอื กแขง็ หมุ้ ระยะท่ีเป็นไข่จนถึงระยะก่อนเปน็ ตัว เต็มวยั จะอำศัยอยู่ในน้ำ เมือ่ เปลีย่ นเปน็ ตวั เตม็ วัยจะขนึ มำอำศัยอยู่บนบก แตย่ งั สำมำรถอยู่ใน นำ้ ไดเ้ ปน็ เวลำนำน 2.4 บำงชนิดมผี วิ เรยี บ บำงชนดิ มผี ิวขรขุ ระ ผวิ หนงั ไม่มเี กล็ดมีต่อมสร้ำงเมือกออกมำเคลือบ ผวิ หนังเพอ่ื ใหผ้ ิวหนงั ช่มุ ชืนตลอดเวลำ บำงพวกอำจมีต่อมพิษอยู่ตำมผวิ หนังทข่ี รขุ ระ 2.5 หำยใจดว้ ยปอด เหงือก และผิวหนัง จึงต้องมีผวิ หนังที่ชมุ่ ชืนอย่ตู ลอดเวลำเพ่ือชว่ ยใน กำรแลกเปลย่ี นแกส๊ 2.6 ในฤดูหนำวและฤดรู ้อนจะหลบควำมแหง้ แลง้ และไมอ่ อกหำอำหำรในช่วงระยะเวลำหน่ึง เพ่ือไปอยใู่ นที่ชุ่มชืน โดยขดุ รหู รือฝังตัวอยูใ่ ตด้ ิน เรยี กวำ่ กำรจำ้ ศลี ซง่ึ จะใช้อำหำรทส่ี ะสมไว้ใน ร่ำงกำยอยำ่ งช้ำๆ รอจนถงึ ฤดฝู นเพ่อื ออกมำกนิ อำหำรตำมปกติ
การจาศีลของกบมี 2 แบบ คือ กำรจ้ำศลี หน้ำหนำวและกำรจำ้ ศลี หน้ำรอ้ น 1. การจาศีลหน้าหนาว กบจะหำบรเิ วณทปี่ อ้ งกันอำกำศหนำวเยน็ แล้วนอนหลับ ซ่ึงจะ ไดร้ ับพลังงำนทเี่ กบ็ ไว้ในรูปของไขมนั ตลอดชว่ งฤดูหนำว และจะตื่นขนึ มำเมอ่ื อุณหภูมิ เปลีย่ นแปลง 2. การจาศีลหน้าร้อน จะคล้ำยกับกำรจำ้ ศีลหน้ำหนำว แตก่ บจะลอกผวิ หนงั ออกเปน็ ครำบ แลว้ ฝงั ตวั อยู่ในดนิ เพื่อป้องกนั ผวิ หนังแห้ง
ตวั อย่างกลมุ่ สัตว์สะเทินนา้ สะเทนิ บก กบ ซาลามานเดอร์ อึ่งอา่ ง
ฉนั คือใคร ในกลุ่มสัตว์สะเทนิ น้าสะเทนิ บก? ฉันนันมีขนำดโตกวำ่ กบ คางคก ฉันนันมีขำทีส่ ันกว่ำกบ ผวิ หนังเปน็ ปมุ่ ตะป่มุ ตะป่ำตลอดทงั ตวั ฉันนนั มีค้ำขึนตน้ ดว้ ยตวั “ค”
3. กล่มุ สตั ว์เลื้อยคลาน 3. สัตวเ์ ล้ือยคลาน มลี กั ษณะส้ำคัญ ดงั นี 3.1 เป็นสตั ว์เลือดเย็น มหี ัวใจ 3 หรือ 4 หอ้ งไม่สมบรู ณ์ ยกเว้นจระเขม้ ี 4 ห้องสมบูรณ์ 3.2 ดำ้ รงชีวติ อยู่บนบกหรอื ริมน้ำเป็นสว่ นใหญ่ บำงชนิดอำจหำอำหำรในนำ้ 3.3 มีผวิ หนังหนำและแหง้ มเี กลด็ ปกคลมุ รำ่ งกำยไม่มีขน 3.4 หำยใจดว้ ยปอด 3.5 มขี ำ 4 ขำ สว่ นของเลบ็ ที่อยู่ปลำยนิว ช่วยในกำรเคลอื่ นท่ี และอำจมกี ำร เปลยี่ นแปลงลกั ษณะใหเ้ หมำะสมกับกำรเคลื่อนท่ี เช่น เปล่ียนขำไปเปน็ ใบพำย ส้ำหรับว่ำยน้ำ เช่น เตำ่ ทะเล บำงชนิดไม่มขี ำจงึ เคล่ือนทีโ่ ดยกำรเลือย เช่น งู 3.6 ออกลกู เปน็ ไข่ ส่วนใหญจ่ ะฝงั ไข่ไว้ในดนิ หรือพงหญำ้ ปลอ่ ยใหฟ้ กั ตัวตำม ธรรมชำติ
ตวั อยา่ งกล่มุ สัตวเ์ ล้ือยคลาน จระเข้ ก้งิ กา่ จ้งิ จก
ฉนั คอื ใคร ในกลมุ่ สตั วเ์ ลื้อยคลาน? เตา่ ฉนั นนั เดนิ ชำ้ ๆ สีข่ ำเดนิ มำ ฉันท้ำหวั ผลบุ ๆ โผล่ ๆ ฉนั นันมกี ระดอง ฉนั นนั อยูใ่ นนทิ ำนทม่ี ชี อ่ื เสียง
4. กลมุ่ นก 4. สัตว์กลุ่มนก เปน็ สตั วท์ ่ีมีวิวัฒนำกำรมำจำกสัตวเ์ ลือยคลำนทีข่ ำหน้ำเปลย่ี นแปลงไป เป็นปกี เพ่ือชว่ ยในกำรบิน มลี ักษณะสำ้ คัญ ดงั นี 4.1 เปน็ สัตว์เลือดอุ่น อณุ หภมู ิภำยในรำ่ งกำยไม่เปลย่ี นตำมอุณหภูมขิ องสิ่งแวดล้อม มีหวั ใจ 4 ห้อง 4.2 มีขน 2 แบบ ได้แก่ ขนอุย เปน็ ขนทข่ี นึ ตอนแรกเกดิ เพอื่ ใหค้ วำมอบอุ่นแกร่ ่ำงกำย และขนแบบแผง ซ่งึ เป็นลักษณะพิเศษ โดยขนเสน้ เล็กๆ แตล่ ะเสน้ จะเรยี งชิดติดกันอยู่ บนก้ำนยำวที่มสี ว่ นโคนฝงั อยู่บรเิ วณผวิ หนัง 4.3 ปำกเป็นจะงอยมรี ปู ร่ำงแตกตำ่ งกนั ไป เพ่ือให้เหมำะสมกบั กำรกินอำหำรที่ต่ำงกนั 4.4 มเี กลด็ อยู่ท่ีบรเิ วณขำและนวิ เทำ้ 4.5 ใช้ปอดในกำรหำยใจ 4.6 มีถุงลมชว่ ยเกบ็ อำกำศ และยังชว่ ยใหร้ ำ่ งกำยมีนำ้ หนกั เบำ ท้ำใหล้ อยตวั อยู่ใน อำกำศได้ดี 4.7 ออกลูกเปน็ ไข่ มกั จะกกไข่ให้ควำมอบอนุ่ จนกวำ่ จะออกลูกเปน็ ตวั
กล่มุ นก นกจะกลนื อำหำรโดยไมม่ กี ำรเคียว เพรำะในปำกไม่มีฟัน อำหำรจะเคล่ือนผ่ำน หลอดอำหำรลงสู่กระเพำะพัก เพื่อเก็บสะสมไว้แล้วจึงส่งต่อให้กระเพำะจริง เรียกวำ่ กระเพำะบดหรือก๋ึน ช่วยบดอำหำรให้ละเอียด
นกสามารถแบ่งออกเปน็ กล่มุ ได้ตามลักษณะของการบนิ เป็น 2 กลุม่ ดังนี้ 1. นกทบ่ี นิ ได้ ส่วนใหญ่จะมีปกี ที่แขง็ แรง เช่น นกฮกู นกกระจอก นกบำงชนดิ สำมำรถ ปรบั โครงสร้ำงของร่ำงกำยใหเ้ หมำะสมกบั สถำนท่ีหรอื ทอี่ ยอู่ ำศัย จึงบินได้ต้่ำ เช่น ไก่ เป็ด นกยูง นกขนุ ทอง 2. นกบินไม่ได้ สว่ นใหญ่จะมีปีกขนำดเล็กจึงไมส่ ำมำรถบนิ ได้ ใช้ขำในกำรเดนิ และว่งิ เชน่ เพนกวิน นกกระจอกเทศ
ตวั อยา่ งสตั วก์ ลุ่มนก นกแก้ว เป็ด หงส์
ฉนั คือใคร ในกล่มุ นก? เพนกวนิ ตัวฉันนันปกคลมุ ดว้ ยขน ฉันอำศัยในพืนทหี่ นำวเยน็ มขี นสีดำ้ ท่ดี ้ำนหลงั และขนสีขำวท่ีด้ำนหน้ำ ไถลตัวไปตำมทำงลำดชนั หรือพนื ทีล่ ืน่ เปน็ น้ำแขง็
5. กลุ่มสัตว์เล้ยี งลูกดว้ ยน้านม 5. สตั วเ์ ลียงลกู ดว้ ยนำ้ นม มีลักษณะส้ำคัญ ดังนี 5.1 เป็นสัตว์เลอื ดอนุ่ มหี วั ใจ 4 หอ้ ง 5.2 ออกลูกเปน็ ตัว ยกเว้น ตุน่ ปำกเป็ดและตัวกินมดหนำม สัตวเ์ ลยี งลกู ดว้ ยน้ำนมใน เพศเมียจะมตี อ่ มน้ำนมเพอ่ื ผลติ นำ้ นมสำ้ หรับเลยี งตวั ออ่ น 5.3 มลี ักษณะขนเปน็ เสน้ สันๆ ปกคลมุ ลำ้ ตัว 5.4 หำยใจด้วยปอด 5.5 มีหวั ใจ 4 หอ้ ง 5.6 มแี ขนและขำไมเ่ กิน 2 คู่
สัตวเ์ ลียงลูกดว้ ยนำ้ นม สำมำรถแบง่ ตำมลักษณะของกำรออกลกู และเลียงลกู ได้ 3 กลุ่ม ดังนี 1. กลมุ่ ที่ออกลกู เป็นไข่ เปน็ สัตว์เลียงลกู ดว้ ยน้ำนมท่ีออกลูกเป็นไข่เหมือนสตั วป์ ีกและ สัตว์เลอื ยคลำน โดยไขม่ เี ปลือกหุ้ม ไดแ้ ก่ ตุ่นปำกเป็ดและตัวกินมดหนำม เมื่อตวั ออ่ นออก ไข่แลว้ จะกนิ น้ำนมจำกแมเ่ พ่อื เจริญเติบโตตอ่ ไป 2. กลุม่ ที่มถี ุงบรเิ วณหนำ้ ท้อง เปน็ สตั วเ์ ลียงลกู ดว้ ยนำ้ นมทมี่ ีถงุ บริเวณหนำ้ ท้องไว้ สำ้ หรบั เลียงดตู ัวออ่ นซงึ่ มขี นำดเลก็ มำก เช่น จิงโจ้ โคอำลำ 3. กล่มุ ท่ีมรี ก เปน็ สัตวเ์ ลยี งลูกด้วยนำ้ นมมีมดลูกที่พฒั นำดี เชน่ มนษุ ย์ วัว ช้ำง มำ้ ควำย สุนขุ แมว หมู เสือ สิงโต หมี
ตวั อย่างกล่มุ สัตว์เลย้ี งลูกดว้ ยน้านม วาฬ พะยนู ค้างคาว
ฉนั คือใคร ในกล่มุ สตั ว์เลย้ี งลูกดว้ ยนา้ นม? ฉนั อำศัยอยใู่ นป่ำท่ีมตี น้ ยูคำลิปตัส ลูกของฉนั จะอำศยั อยู่ในกระเปำ๋ หนำ้ ทอ้ งของฉัน ส่วนมำกลกู ของฉันมกั จะเกำะอยู่ท่หี ลังของฉนั ฉันมักนอนหลับบนต้นไม้ โคอาลา
การจดั กลุ่มสง่ิ มีชวี ติ กล่มุ พืช กล่มุ สตั ว์ กลุ่มทีไ่ ม่ใชพ่ ืชและสตั ว์ กล่มุ สัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลัง กลมุ่ สตั ว์มกี ระดกู สันหลงั
กล่มุ สตั วไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลงั การจัดกลมุ่ สัตว์ ใชก้ ระดกู สนั หลงั เป็นเกณฑ์ กลมุ่ สตั วม์ กี ระดกู สันหลงั 1. กล่มุ ปลา 2. กลุม่ สตั วส์ ะเทนิ นา้ สะเทินบก 3. กลมุ่ สัตวเ์ ล้อื ยคลาน 4. กล่มุ นก 5. กลมุ่ สัตวเ์ ลีย้ งลกู ด้วยน้านม
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: