การคายน้ำของพืช

โรงเรียนวดั เทพชุมนมุ หน่วยท่ี 2 ส่ิงมีชีวิต บทท่ี 2 ส่วนตา่ งๆของพืชดอก เรอ่ื ง การคายนา้ ของพชื 26 สิงหาคม 2564 ครผู สู้ อน นางสาววาชติ า สมบัตมิ าก (ครูบิว)

ขนั กระต้นุ ความสนใจ นักเรียนต้องดื่มนำ้ ทุกวนั หรือไม่ เพรำะอะไร ในวนั ทน่ี ักเรียนด่ืมนำ้ มำกกว่ำปกติ ร่ำงกำยของ นักเรียนมีกำรขับนำ้ ส่วนเกนิ หรือไม่ ลกั ษณะใด 199

หน้ำทข่ี องส่วนต่ำง ๆ ของพืช กำรคำยนำ้ ของพืช พืชมีกานรกกั าเรจียดั นนร้าดสน่ว้นาแพเลกืชะินทกอุกาอจวกดนัั จทหาารกงือลใไาดมตน่้ เพเหรมาะืออนะคไนรหรือไม่ 200

ขันสา้ รวจและคน้ หา 3.2 กำรคำยน้ำของพืช ส่วนใดของพืชท่ีทำหน้ำท่ีกำจัดน้ำ ส่วนเกนิ ออกจำกลำต้น นักเรียนสำมำรถเรียนรู้ได้จำก กำรปฏิบตั กิ จิ กรรมต่อไปนี้ 201

3.2 กำรคำยนำ้ ของพืช กจิ กรรมท่ี 5 สงั เกต การคายน้าของพืช ปัญหำ พืชกาจดั น้าส่วนเกินดว้ ยวิธีีใด ทกั ษะ 1. การสงั เกต 2. การจดั กระทาและส่ือความหมายขอ้ มูล 3. การตีความหมายขอ้ มูลและการลงขอ้ สรุป 202

3. หน้ำทีข่ องส่วนต่ำง ๆ ของพืช 3.2 กำรคำยนำ้ ของพืช อปุ กรณ์ ถุงพลาสติกใสขนาด เชือกยาวประมาณ 20 × 30 ซม. 2 ใบ 25 ซม. 2 เส้น ตน้ ไมท้ ่ีปลูก น้า 1 แกว้ นาฬิกาจบั เวลา ในกระถาง 1 ตน้ 1 เรือน 203

3. หน้ำท่ีของส่วนต่ำง ๆ ของพืช 3.2 กำรคำยน้ำของพืช ข้ันตอน ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิตามข้นั ตอนต่อไปน้ี กิ่งไมท้ ี่มีใบ กิ่งไมท้ ่ีเดด็ ใบออก 1. นาตน้ ไมท้ ี่ปลูกในกระถางมา 1 ตน้ แลว้ เดด็ ใบออกจากก่ิงไม้ 1 ก่ิง นาถุงพลาสติกใสท่ีแหง้ ครอบก่ิงไมท้ ่ีมีใบ และอีกใบหน่ึงครอบกิ่งไมท้ ่ีเดด็ ใบออก และผกู รวบถุงพลาสติกใสแต่ละใบดว้ ยเชือกบริเวณโคนใหแ้ น่น 204

3. หน้ำที่ของส่วนต่ำง ๆ ของพืช 3.2 กำรคำยน้ำของพืช ก่ิงไมท้ ี่มีใบ กิ่งไมท้ ่ีเดด็ ใบออก 2. รดน้าตน้ ไมเ้ ล็กน้อยแลว้ นากระถางไวก้ ลางแดดเป็ นเวลา 30 นาที แลว้ วาดรูปที่สังเกตไดเ้ มื่อเร่ิมวางกระถางไวก้ ลางแดด จากน้ันสังเกตการ เปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึนภายในถุงพลาสติกใสทุก ๆ 10 นาที และวาดรูป 205

3. หน้ำท่ีของส่วนต่ำง ๆ ของพืช 3.2 กำรคำยนำ้ ของพืช บนั ทึกผล กง่ิ ไม้ รูปวำดจำกกำรสังเกต (นำทที )่ี 30 0 10 20 มีใบ เดด็ ใบออก 206

ขนั อธิบายความรู้ 3.2 กำรคำยนำ้ ของพืช สรุปผล พชื มีการกาจดั น้าออกทางใบเป็นหลกั และมีการกาจดั น้าออกทางก่ิงเลก็ นอ้ ย 207

3. หน้ำท่ขี องส่วนต่ำง ๆ ของพืช 3.2 กำรคำยน้ำของพืช ค้นหำคำตอบ 1. การเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนแสดงถึงการกาจดั น้าของพืช ไดห้ รือไม่ สงั เกตจากอะไร ได้ โดยสงั เกตจากการเกิดไอน้าบนถุงท่ีคลุมก่ิงไม้ ซ่ึงแสดงถึง การลาเลียงน้าผา่ นก่ิงไมแ้ ละถูกกาจดั ออก 208

3. หน้ำท่ขี องส่วนต่ำง ๆ ของพืช 3.2 กำรคำยน้ำของพืช ค้นหำคำตอบ 2. จากการปฏิบตั ิกิจกรรม สรุปไดว้ า่ พชื กาจดั น้าทางใด สงั เกต จากอะไร พืชกาจดั น้ามากทางใบและบางส่วนของก่ิง โดยสงั เกต จากการเกิ ดไอน้ าบนถุงที่คลุมก่ิ งไม้ท่ีไม่ได้เด็ดใบ มีมากกวา่ ไอน้าท่ีเกิดข้ึนบนถุงท่ีคลุมก่ิงไมท้ ี่ไดเ้ ดด็ ใบ 209

นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้ำง เรำมำตรวจสอบควำมเข้ำใจกนั 1. พชื มีการคายน้าทางใด ปากใบ 2. พืชมีการคายน้าเพราะอะไร เพราะพชื ตอ้ งกาจดั น้าส่วนเกินออกจากลาตน้ 210

ข3.นั หนข้ำทยข่ี อางสย่วนคตว่ำงาๆมขอเงพขืช้าใจ 3.2 กำรคำยนำ้ ของพืช แนวคำถำม 1. นกั เรียนมองเห็นปากใบดว้ ยตาเปล่าหรือไม่ เพราะอะไร มองไม่เห็น เพราะปากใบมีขนาดเลก็ มาก 2. กลอ้ งจุลทรรศน์ทาหนา้ ที่อะไร ขยายภาพขนาดเลก็ ที่ตามองไม่เห็นใหม้ ีขนาดใหญ่ข้ึนจนตาเรา มองเห็นชดั เจน 211

3. หน้ำท่ขี องส่วนต่ำง ๆ ของพืช 3.2 กำรคำยนำ้ ของพืช แนวคำถำม 3. ปากใบมีลกั ษณะใด และพบบริเวณใด ปากใบมีลกั ษณะเป็นรูเลก็ ๆ ระหวา่ งเซลลท์ ่ีเหมือนเมลด็ ถว่ั ประกบกนั และพบกระจายทว่ั ท้งั ใบ 212

3. หน้ำท่ขี องส่วนต่ำง ๆ ของพืช 3.2 กำรคำยน้ำของพืช ปำกใบปิ ด ปำกใบ ไอนำ้ ปำกใบเปิ ด 213 ลกั ษณะของปำกใบและกำรทำงำนของปำกใบ

นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้ำง เรำมำตรวจสอบควำมเข้ำใจกนั 1. การเปิ ด–ปิ ดของปากใบมีความสมั พนั ธี์กบั การ คายน้าลกั ษณะใด ปากใบจะเปิ ดเมื่อพืชมีการคายน้า และปากใบ จะปิ ดเมื่อพืชไม่มีการคายน้า 2. การคายน้าของพชื สมั พนั ธี์กบั การลาเลยี งน้า เพราะอะไร เพราะเมื่อเกิดการคายน้า พชื จะดูดซบั น้าเขา้ มาใหม่ เพ่อื ทดแทนน้าท่ีเสียไป 214

สรุป ขันตรวจสอบผล กำรคำยนำ้ ของพืช เรียนรู้เก่ียวกบั พืชนาน้าที่ลาเลียงดว้ ย พืชมีการกาจดั น้ามากทางใบ ท่อลาเลียงน้ามาใชส้ าหรับ และบางส่วนของก่ิง การสร้างอาหารและการดารงชีวิต 215

สรุป กำรคำยนำ้ ของพืช เรียนรู้เกี่ยวกบั การคายน้าของพชื ประโยชนข์ อง เกิดข้ึนมากที่สุดท่ีใบ การคายน้า เช่น • ลดอณุ หภูมิท่ีใบพืช • ทาใหพ้ ืชไดร้ ับน้าและแร่ธีาตุ 216

มอบหมายงาน การทดลอง เรื่องการคายน้า ให้นกั เรยี นปฏิบัตกิ ารทดลอง เร่ือง การคายนา้ และอธิบายผลท่ี เกดิ ขึน อัดเป็นวิดโี อส่งไลน์รายวชิ าวิทยาศาสตร์ หัวข้อทจ่ี ะต้องมี 1. แนะนาตนเอง : ชือ่ -สกุล ชัน้ 2. อธบิ ายผลท่สี งั เกตไดจ้ ากการทดลองการคายน้าของพืช เป็นคลิปวดิ ีโอ 3. ส่งตารางการบนั ทกึ ผลในกลุ่มไลน์พร้อมวดิ ีโอ หมายเหตุ (เนื่องด้วยสถานการณป์ ัจจบุ ัน) 1. เร่อื งระยะเวลาการสง่ งานครไู ด้ยดื หยุ่นให้กบั นกั เรียน ใหน้ กั เรยี นมคี วามพรอ้ มแล้วท้าสง่ มาในไลนก์ ลมุ่ ครตู รวจยอ้ นหลงั ให้ค่ะ217 2. ในกรณที ่นี กั เรียนมีขอ้ จ้ากดั ในการท้ากิจกรรมใหต้ ิดต่อครผู ่านไลนส์ ว่ นตวั เพ่อื ชแี จงหาแนวทางการปฏิบัติรว่ มกัน ขอบคุณคะ่

3. หน้ำทข่ี องส่วนต่ำง ๆ ของพืช 3.2 กำรคำยนำ้ ของพืช อปุ กรณ์ ถุงพลาสติกใส 2 ใบ เชือกยาวประมาณ 2 เสน้ ตน้ ไมท้ ี่ปลูก น้า 1 แกว้ นาฬิกาจบั เวลา ในกระถาง 1 ตน้ 1 เรือน 218

3. หน้ำท่ีของส่วนต่ำง ๆ ของพืช 3.2 กำรคำยนำ้ ของพืช ข้ันตอน ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิตามข้นั ตอนต่อไปน้ี กิ่งไมท้ ่ีมีใบ กิ่งไมท้ ่ีเดด็ ใบออก 1. นาตน้ ไมท้ ่ีปลูกในกระถาง(หรือเป็นตน้ ไมท้ ี่อยกู่ ลางแจง้ )มา 1 ตน้ แลว้ เดด็ ใบ ออกจากก่ิงไม้ 1 กิ่ง นาถุงพลาสติกใสท่ีแหง้ ครอบกิ่งไมท้ ี่มีใบ และอีกใบหน่ึง ครอบก่ิงไมท้ ี่เดด็ ใบออก และผกู รวบถุงพลาสติกใสแต่ละใบดว้ ยเชือกบริเวณ โคนใหแ้ น่น 219

3. หน้ำที่ของส่วนต่ำง ๆ ของพืช 3.2 กำรคำยน้ำของพืช ก่ิงไมท้ ี่มีใบ กิ่งไมท้ ่ีเดด็ ใบออก 2. รดน้าตน้ ไมเ้ ล็กน้อยแลว้ นากระถางไวก้ ลางแดดเป็ นเวลา 30 นาที แลว้ วาดรูปที่สังเกตไดเ้ มื่อเร่ิมวางกระถางไวก้ ลางแดด จากน้ันสังเกตการ เปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึนภายในถุงพลาสติกใสทุก ๆ 10 นาที และวาดรูป 220

3. หน้ำทีข่ องส่วนต่ำง ๆ ของพืช 3.2 กำรคำยนำ้ ของพืช บันทึกผล ตวั อยา่ งตารางบนั ทึกผล กง่ิ ไม้ รูปวำดจำกกำรสังเกต (นำทที )่ี 0 10 20 30 มีใบ เดด็ ใบออก 221

อย่าลมื ส่งงาน และทบทวนบทเรียนบ่อยๆนะคะ