10 เรื่องน่ ารู้ วัฒนธรรมอินเดีย India Culture
1 10เรื่องน่ ารู้ วัฒนธรรมอินเดีย ภาษาที่ใช้ในอินเดีย ประเทศอินเดียมีภาษาพูดที่แตกต่างกันมากมาย ในกลุ่มคนต่าง ๆ กัน มีภาษาอย่างน้ อย 30 ภาษา รวมถึง ภาษาย่อยอีก 2,000 ภาษาด้วย รัฐธรรมนูญอินเดียได้ กำหนดให้ภาษาฮินดีและภาษาอังกฤษ เป็ นสองภาษาที่ใช้ ในการติดต่อกับรัฐบาลกลาง ปั จจุบันนี้ ภาษาฮินดีและภาษาอังกฤษ ถูกใช้ใน ฐานะภาษาราชการของอินเดีย ประชากรราว 43% ของ 1.3 พันล้านคนของอินเดียพูดภาษาฮินดี และแพร่หลายใน ตอนเหนื อของประเทศ อามิต ชาห์ รัฐมนตรีมหาดไทยของอินเดีย กล่าวใน วันชาติฮินดีว่าภาษาฮินดีควรเป็ นภาษาประจำชาติอินเดีย ท่ามกลางความไม่พอใจของกลุ่มนั กการเมืองต่างๆ โดย เฉพาะในแถบรัฐทางใต้ของอินเดี ยที่ ไม่ได้ ใช้ ภาษาฮิ นดี
2 10เรื่องน่ ารู้ วัฒนธรรมอินเดีย การแต่งกายในอินเดีย วัฒนธรรมการแต่งกายของอินเดีย เนื่ องจาก ประเทศอินเดียมีภูมิประเทศค่อนข้างแห้งแล้ง อากาศ ร้อน จะมีผ้าสำหรับนุ่ งและห่ม ใช้เป็ นเครื่องปกปิ ด ร่างกายเท่านั้ น และเนื่ องจากมีชาวอาหรับเข้ามารุ กราน อินเดียจึงรับวัฒนธรรมอาหรับไว้ด้วย
3 10เรื่องน่ ารู้ วัฒนธรรมอินเดีย ระบบวรรณะในอินเดีย ตั้งแต่สมัยโบราณ วรรณะที่สำคัญมี 4 วรรณะ คือ 1) วรรณะพราหมณ์ ได้แก่ นั กบวช ปั จจุบันอาจตีความไปถึงนั กวิชาการ นั กวิทยาศาสตร์และนั กการเมือง 2) วรรณะกษัตริย์ ได้แก่ นั กรบ ซึ่งอาจรวมไปถึงข้าราชการ 3) วรรณะแพศย์ ได้แก่ พ่อค้า นั กธุ รกิจ 4) วรรณะศูทร ได้แก่ ผู้ใช้แรงงาน ชาวนา และคนยากจน ซึ่งสามวรรณะแรกเป็ นชนชั้นผู้ปกครอง วรรณะสุดท้ายเป็ นผู้ถูก ปกครอง แม้ว่าวรรณะเหล่านี้ เป็ นที่เข้าใจทั่วไปในอินเดีย แต่ยังมีการ แบ่งวรรณะต่ำสุดในสังคมฮินดู เรียกกันว่าเป็ นกลุ่มคนอันมิพึงแตะต้อง คือ จัณฑาล หรือเรียกชื่อใหม่ว่า ดาลิต มีความหมายว่า อันเป็ นที่รัก ของพระเจ้า ซึ่งเป็ นชนชั้นที่ถูกเลือกปฏิบัติ ได้รับโอกาสทางสังคมและ อาชีพน้ อยที่สุดในสังคม การปฏิรู ปเศรษฐกิจและกฎหมายของอินเดีย ในปั จจุบันได้พยายามลดช่องว่างของสังคมและการกีดกันทางวรรณะ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึ กษา และอาชีพให้เท่าเทียมกันในสังคม เช่น มีโควตาพิเศษสำหรับนั กศึ กษาดาลิตในการเข้ามหาวิทยาลัย โดยไม่ ต้องสอบแข่งขัน เป็ นต้น
4 10เรื่องน่ ารู้ วัฒนธรรมอินเดีย สถาปั ตยกรรมของอินเดีย อินเดียได้รับอิทธิพลมาจากเปอร์เซีย (ลานด้านใน ประตูโค้ง) ที่เมืองหลวงใหม่ของพระเจ้าอัคบาร์ คือ ฟาเตห์ปูร์สิครี ใกล้เมืองอัครา แสดงสถาปั ตยกรรมแบบโมกุลแท้ในการสร้างราชวัง สุเหร่า เช่นเดียว กับหลุมศพของพระเจ้าอัคบาร์ที่สีกันดารา และ วัดโก-แมนดาล ที่ โอไดปูร์ แต่งานที่เด่นที่สุด คือ ทัชมาฮัล ประดับด้วยหินมีค่า บนยอด เป็ นหินสีขาว เส้นทุกเส้นเข้ากันได้อย่างงดงามกับสวน และน้ำพุ นั บ เป็ นสถาปั ตยกรรมที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ งในโลก นอกจากนั้ นมีสุเหร่า มุกของเมืองอัครา เกิดนิ กายขึ้นหลายนิ กายในหมุ่คนฮินดู เช่น ตันตริก ซิก มาดวา ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีซากเมืองฮารับปาและโมเฮนโจดาโร ทำให้เห็น ว่ามีการวางผังเมืองอย่างดี มีสาธารณูประโภคอำนวยความสะดวกหลาย อย่าง เช่น ถนน บ่อน้ำ ประปา ซึ่งเน้ นประโยชน์ ใช้สอยมากกว่าความ สวยงาม ซากพระราชวังที่เมืองปาฏลีบุตรและตักศิ ลา สถูปและเสาแปด เหลี่ยม ที่สำคัญคือ สถูปเมืองสาญจี (สมัยราชวงศ์ โมริยะ) และสุสานทัช มาฮาล สร้างด้วยหินอ่อน เป็ นการผสมระหว่างศิ ลปะอินเดียและเปอร์ เชีย
5 10เรื่องน่ ารู้ วัฒนธรรมอินเดีย วรรณกรรมที่น่ าสนใจ วรรณกรรมอินเดียที่มีอิทธิพล ได้แก่ รามายณะ มหาภารตะ คัมภีร์ปุราณะและเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับธรรมเนี ยม กษัตริย์ การสืบราชวงศ์ ตามแบบธรรมเนี ยมโบราณของ ราชวงศ์ ในลุ่มแม่น้ำคงคา วรรณกรรมอินเดียมีอิทธิพลต่อชีวิต ชาวบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย โดยการเล่า การอ่าน นิ ทานแสดงเกี่ยวกับเนื้ อเรื่องในวรรณกรรม การแสดงหุ่น กระบอก หนั ง ละครที่มีเนื้ อหาของวรรณกรรม รามายณะ มหากาพย์ และชาดก รามาวตาร หรือ รามจันทราวตาร หรือ พระราม จากมหากาพย์รามายณะ ชาวไทยรู้จักกันในชื่อเรื่องรามเกียรติ์
6 10เรื่องน่ ารู้ วัฒนธรรมอินเดีย เทศกาลดิวาลี (Diwali) เทศกาลดิวาลี (Diwali) เป็ นเทศกาลแห่งแสงไฟและ ความรื่นเริงของชาวฮินดู เป็ นการต้อนรับปี ใหม่และ เป็ นการเฉลิมฉลองชัยชนะความดีที่สามารถเอาชนะความชั่ว ร้ายได้ นอกจากนี้ พลุที่ใช้จุดภายในงานยังบ่งบอกถึงแสง สว่างที่อยู่เหนื อความมืดมน ส่วนมากนิ ยมจัดในช่วงเริ่มต้น ฤดูหนาว หรืออยู่ในช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนตาม ปฏิทินจันทรคติ
7 10เรื่องน่ ารู้ วัฒนธรรมอินเดีย เทศกาลเล่นสี (Holi festival) เทศกาลเล่นสี (Holi festival) หรือเทศกาลโฮลี เป็ นเทศกาลที่มีจัดขึ้นทั่วทั้งประเทศอินเดีย ได้รับความ นิ ยมเป็ นอย่างมาก มักเริ่มในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ เป็ นช่วง ที่อากาศเปลี่ยนแปลงจากฤดูหนาวสู่ฤดูร้อน ซึ่งส่งผลต่อ สภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจของมนุษย์ ทำให้ป่ วย ได้ง่าย เทศกาลนี้ มีขึ้นมาในช่วงโบราณ โดยใช้ผงสีจากพืชและ สมุนไพรธรรมชาติที่มีสีต่าง ๆ ทั้งแดง, เหลือง, คราม หรือเขียว มาโปรยใส่กัน เพื่อสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย พร้อมทั้ง ได้รับความสนุกสนานอีกด้วย
8 10เรื่องน่ ารู้ วัฒนธรรมอินเดีย เทศกาลศิ ลปะ (Kala Ghoda) เทศกาลศิ ลปะ (Kala Ghoda) เป็ นเทศกาลประจำปี ซึ่งมีความยาวเก้าวัน โดยเริ่มในวันเสาร์แรกของเดือน กุมภาพันธ์เสมอ และปิ ดในวันอาทิตย์ที่สองของเดือน กุมภาพันธ์เสมอ เทศกาลนี้ จะจัดในพื้นที่ Kala Ghoda ทางใต้ของมุมไบ ส่วนของในเทศกาล ได้แก่ ทัศนศิ ลป์ การเต้นรำ ดนตรี โรงละคร โรงภาพยนตร์ วรรณกรรม เวิร์กช็อป ทางเดินมรดก การออกแบบเมืองและ สถาปั ตยกรรม อาหาร มีส่วนสำหรับเด็กโดยเฉพาะ รวมถึง แผงขายของที่เป็ นมิตรกับสิ่ งแวดล้อม งานศิ ลปะทำมือและ งานฝี มือ การเข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดนั้ นฟรีสำหรับทุกคน (จำกัดโดยขนาดของสถานที่เท่านั้ น)
9 10เรื่องน่ ารู้ วัฒนธรรมอินเดีย ฤดูกาลในอินเดีย ฤดูกาลของอินเดียมีถึง 6 ฤดู แต่ประเทศอื่นในโลกนั้ น มีเพียงแค่ 3 หรือ 4 ฤดูกาล ได้แก่ ร้อน ฝน หนาว หรือ อาจมีฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ แต่อินเดียนั้ นมีถึง 6 ฤดู ได้แก่ 1.ฤดูร้อน 2.ฤดูใบไม้ร่วง 3.ฤดูหนาว 4.ฤดูใบไม้ผลิ 5.ฤดูมรสุม 6.ฤดูก่อนฤดูหนาว
10 10เรื่องน่ ารู้ วัฒนธรรมอินเดีย ศาสนาในอินเดีย อินเดียคือแหล่งกำเนิ ดศาสนา ฮินดู , เชน , ศาสนาพุทธ และศาสนาซิกข์ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับแนวคิดของธรรมะและ กรรม Ahimsaซึ่งเป็ นปรัชญาของอหิงสา เป็ นลักษณะสำคัญ ของความเชื่อดั้งเดิมของอินเดีย ซึ่งผู้เสนอที่รู้จักกันดีที่สุด คือ มหาตมะคานธี ผู้ซึ่งใช้อารยะขัดขืนเพื่อรวมอินเดีย ระหว่างการเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชของอินเดีย โดยปรัชญา นี้ เป็ นแรงบันดาลใจให้ มาร์ตินลูเธอร์ ในช่วงพลเรือน อเมริกันขบวนการสิทธิ ศาสนาที่มีต้นกำเนิ ดจากต่าง ประเทศ รวมทั้งศาสนาอับราฮัม เช่นศาสนายิวคริสต์และ อิสลามก็มีอยู่ในอินเดียเช่นกัน
จัดทำโดย นายศิ วัช ประเสริฐศรี รหัสนั กศึ กษา 16415162 สาขาการสอนภาษาไทย คณะครุ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: