Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การพัฒนาความคิด Wackward Desing

การพัฒนาความคิด Wackward Desing

Published by kanya insorn, 2018-10-24 22:49:19

Description: การพัฒนาความคิด Wackward Desing

Search

Read the Text Version

50 การพัฒนาการคิด : การออกแบบการเรียนรู้ตามแนว Backward Design ในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับการบริโภคที่ดีเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย และวิธีประเมินตาม ที่ Wiggins และ McTighe ได้เขียนย่อๆให้เข้าใจง่าย “ WHERETO” จะมี กิจกรรมในการเรียนรู้ดังนี้ 1. ครูนำเสนอเรื่องเล่าเกี่ยวกับโรคลึกลับของลูกเรือ 2. ครูตั้งคำถามสำคัญประจำหน่วยการเรียนรู้ และคำถามสำคัญที่นักเรียนจะได้เรียน เกี่ยวกับอาหาร 3. นักเรียนเรียนเกี่ยวกับอาหารหมู่ต่างๆ แล้ววิเคราะห์อาหารจากตัวอย่างอาหาร ฉลากบนกล่องอาหาร 4. นักเรียนอ่านแล้วอภิปรายเกี่ยวกับสารอาหารจากข้อมูลในแผ่นพับของกระทรวง สาธารณสุข 5. ครนู ำเสนอเกี่ยวกับพีระมิดอาหารและสารอาหารแต่ละหมู่ 6. นำเสนอวิดีทัศน์เกี่ยวกับสารอาหาร 7. นักเรียนออกแบบแผ่นพับเกี่ยวกับสารอาหารสำหรับเด็กวัยประถมต้น 8. ประเมินและให้ข้อมูลป้อนกลับเกี่ยวกับแผ่นพับ ให้นักเรียนประเมินตนเองและ ประเมินงานของเพื่อน 9. นักเรียนทำงานกลุ่ม นักเรียนวิเคราะห์การกินอาหารของครอบครัว 10. ให้ข้อมลู ป้อนกลับเกี่ยวกับการวิเคราะห์การกินอาหาร 11. นักเรียนตั้งคำถามค้นคว้าเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพอันเป็นผลเนื่องมาจากการบริโภค ที่ไม่เหมาะสม 12. นักเรียนทำงานเดี่ยวเพื่อกำหนดรายการอาหารสำหรับลกู เสือที่จะเข้าค่าย 3 วัน 13. ประเมินและให้ข้อมูลป้อนกลับเกี่ยวกับการกำหนดรายการอาหาร ให้นักเรียน ประเมินตนเองและประเมินงานของเพื่อน 14. สรุปการเรียนรู้หน่วยนี้โดยให้นักเรียนประเมินพฤติกรรมการกินอาหารของตนและ ปรับปรุงพฤติกรรมการกิน ในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ดังกล่าวข้างต้น คุณครูต้องคำนึงถึงกระบวนการ เรียนรู้ เช่นการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กระบวนการเรียนรู้ที่ให้นักเรียนลงมือปฏิบัติจริง กระบวนการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการเรียนรู้ทางภาษา ได้แก่ กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน เป็นต้น การออกแบบการเรียนรู้ที่เน้นความเข้าใจจะช่วยให้จัดกิจกรรมและ ประสบการณ์ ทน่ี ำไปสกู่ ารเสรมิ สรา้ งความเขา้ ใจทค่ี งทน ทกั ษะกระบวนการ และคณุ ลกั ษณะ พึงประสงค์ ซึ่งในหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551ได้กำหนดไว้

การพัฒนาการคิด : การออกแบบการเรียนร้ตู ามแนว Backward Design 51 หลังจากกำหนดกิจกรรมการเรียนแต่ละขั้นตอนไว้คร่าวๆ แล้ว คุณครูจะนำขั้นตอนเหล่านี้ไปจัดแบ่งให้เหมาะกับเวลา แล้วขยายรายละเอียดเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ เช่น สอดแทรกคำถามที่เน้นการคิดระดับสูง กำหนดประเด็นการอภิปราย การสืบค้น และวางแผนการบริหารจัดการชั้นเรียนให้เอื้อต่อการเรียนรู้ เช่น การจัดกลุ่ม การฝึกเดี่ยว การฝึกเป็นคู ่ การจัดแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นฐาน รวมทั้งเตรียมสื่อ และแหล่งการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการสืบค้น จะเห็นได้ว่าการออกแบบการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคแบบย้อนกลับ (Backward Design) จะช่วยให้คุณครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตามแนวทางที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับหลักการทำงานของสมองรวมทั้งการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ด้วยปัญญา (Constructionism) อีกทั้งมีการวัดและประเมินผลที่สนองวัตถุประสงค์ของการประเมินทั้งการประเมินเพื่อทราบความก้าวหน้าและพัฒนาการ การประเมินเพื่อให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง และการประเมินเพื่อตัดสินผล ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการของผู้เรียน และการพัฒนาการสอนของครูอย่างต่อเนื่อง

52 การพฒั นาการคดิ : การออกแบบการเรยี นร้ตู ามแนว Backward Designแผนภาพ ตารางที่ช่วยในการออกแบบ Backward Design ฃั้นที่ 1 กำหนดเป้าหมาย มาตรฐานการเรียนรู้ความเข้าใจ คำถามสำคัญในการเรียนรู้นักเรียนจะเข้าใจว่า........นักเรียนจะรู้ นักเรียนจะสามารถทำ/ปฏิบัติ ขน้ั ที่ 2 กำหนดหลกั ฐานการเรียนรู้ภาระงานที่มอบหมาย ร่องรอยการเรียนรู้อื่นๆ ขั้นท่ี 3 ออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้ แบบฟอร์มนี้ช่วยให้เห็นภาพรวมของการสอน ซึ่ง McTighe และ Grant Wiggins (1998และ 2004) ได้ให้ขั้นตอนในรปู ของกราฟิคประกอบการอธิบายเพื่อช่วยให้ครูสามารถออกแบบหน่วยการเรียนรู้ได้ ในแต่ละขั้นตอนการออกแบบการเรียนรู้ McTighe และ Wiggins ได้เสนอแบบฟอร์มไว้เพื่อนำความคิด แต่หัวใจสำคัญก็คือความสอดคล้องระหว่างเป้าหมาย การประเมินผล และ กิจกรรมการเรียนรู้

การพัฒนาการคิด : การออกแบบการเรียนรตู้ ามแนว Backward Design 53การออกแบบการเรียนรู้กอ่ นใช้เทคนคิ Backward Design ขน้ั ที่ 1 กำหนดเป้าหมายเรื่อง: พื้นผิวและปริมาตร Gความเข้าใจที่คงทน U คำถามสำคัญในการเรียนรู้ Q สิ่งที่นักเรียนต้องรู้ K สิ่งที่นักเรียนจะทำได้ S- วธิ คี ำนวณพน้ื ผวิ และปรมิ าตรรปู ทรง 3 มติ ิ - คำนวณพื้นผิวและปริมาตรของรูปทรง 3- หลักการของ Cavalieri มิติต่างๆ- สตู รการคำนวณพน้ื ผวิ และปรมิ าตรรปู ทรง 3 มติ ิ - ใช้หลักการของ Cavalieri เปรียบเทียบ ปริมาตรของรปู ทรง 3 มิติข้ันที่ 2 กำหนดหลักฐาน ร่อยรอยการเรยี นรู้ภาระงานที่มอบหมาย T ร่องรอยการเรียนรู้อื่นๆ O -ทำโจทย์ปัญหาในหนังสือ หน้า ....... -ทำแบบทดสอบตนเอง หน้า ....... -ทำการบ้านในตอนที่ 3 ของทุกตอน และ ศึกษาทบทวน ขัน้ ที่ 3 ออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้ WHERETO- อ่านบทที่ 10 ในหนังสือ- ศึกษาเรื่อง “ การทำให้บรรจุภัณฑ์ที่มีความจุน้อยเพิ่มปริมาตรความจุโดยทำให้ยาวและบางลง” แล้วยกตัวอย่าง- ศึกษาวิธีการเสนอแผนที่โลกเพื่อวิพากษ์การใช้มิติ 2 ระนาบบนแผนที่โลก

54 การพัฒนาการคดิ : การออกแบบการเรียนรู้ตามแนว Backward Designการออกแบบการเรียนรู้หลงั ใช้เทคนิค Backward Design ข้ันที่ 1 กำหนดเปา้ หมายเรื่อง : พื้นผิวและปริมาตร Gมาตรฐาน ค-- ใช้แบบจำลองและสูตรในการหาพื้นที่ผิวและปริมาตรมาตรฐาน ค-- สร้างแบบจำลอง 2 มิติ/ 3 มิติ และ เขียนแบบ 2 มิติ/ 3 มิติความเข้าใจที่คงทน U คำถามสำคัญในการเรียนรู้ Q- การปรับโมเดลและความคิดไปใช้แก้ - รูปแบบของคณิตศาสตร์บริสุทธิ์อาจทำให้ปัญหาต้องอาศัยการพิจารณาอย่าง เกิดความสับสนในสภาพจริงอย่างไรรอบคอบและตระหนกั ถงึ ผลกระทบของการใช้ - ในกรณีใดที่คำตอบที่ถูกทางคณิตศาสตร์- การนำสิ่งที่เป็น 3 มิติไปเขียนในรปู 2 มิติ ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมที่สุดอาจทำให้คลาดเคลื่อนจากความจริง- บางครั้งคำตอบที่ถกู ทางคณิตศาสตร์ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมในชีวิตจริงสิ่งที่นักเรียนจะรู้ K สิ่งที่นักเรียนจะทำได้ S- สตู รการคำนวณพื้นผิวและปริมาตรรูปทรง - คำนวณพื้นผิวและปริมาตรของรูปทรง 3 มิติ3 มิติ ต่างๆ- หลักการของ Cavalier - ใช้หลักการของ Cavalierเปรียบเทียบ ปริมาตรของรูปทรง 3 มิติต่างๆขน้ั ที่ 2 กำหนดหลักฐาน รอ่ งรอยการเรยี นรู้ภาระงานที่มอบหมาย T ร่องรอยการเรียนรู้อื่นๆ O- ปัญหาการบรรจุผลิตภัณฑ์:รูปแบบกล่อง - ทำโจทย์ปัญหาในหนังสือหน้า............บรรจุผลไม้กวนที่เป็นผลิตภัณฑ์ ของ - ทำแบบทดสอบตนเอง หน้า...............ท้องถิ่นที่เหมาะสม ในการขนส่ง จัดเก็บ - ทำการบ้านในตอนที่ 3 ของทุกตอน และและตั้งวางขายเป็นอย่างไร ศึกษาทบทวน- ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาองค์กรสห- ประชาชาติให้ท่านยกประเด็นที่เป็นข้อ ขัดแย้งในการใช้แผนที่ โลก 2 มิติ และอธิบายโดยใช้หลักคณิตศาสตร์

55การพฒั นาการคิด : การออกแบบการเรยี นรูต้ ามแนว Backward Design ขั้นท่ี 3 ออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้- วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของพื้นหน้าตัด ความสูงและปริมาตรของกล่องบรรจุภัณฑ์ต่างๆ - อ่านบทที่... ในหนังสือ- วิเคราะห์มิติ 2 ระนาบบนแผนที่โลกเพื่อระบุความถูกต้องทางคณิตศาสตร์ เช่น มุมที่ ผิดเพี้ยน ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน การออกแบบการเรยี นรทู้ ใี่ ช้เทคนิค Backward Design ข้นั ท่ี 1 กำหนดเปา้ หมายเรื่อง: สาวกของพระพุทธองค์นำสู่ชีวิตที่ดี Gส 1.1 ป. 1 ข้อ 2 ชื่นชมและบอกแบบอย่างการดำเนินชีวิตและข้อคิดจากประวัติสาวกชาดก เรื่องเล่าและศาสนิกชนตัวอย่างตามที่กำหนดความเข้าใจที่คงทน U คำถามสำคัญในการเรียนรู้ Qประวัติสาวก ชาดก เรื่องเล่าและศาสนิกชนเป็นตัวอย่างการดำเนินชีวิตที่ส่งผลดีต่อตนเองและผู้อื่นสิ่งที่นักเรียนจะรู้ K สิ่งที่นักเรียนจะทำได้ S- ประวัติสาวก (พระอานนท์ พระสารีบุตร) - สรุปเรื่องราวสาวก- แบบการปฏิบัติตนที่ดี - อธิบายผลดีที่จะเกิดจากการกระทำตาม- ผลการกระทำที่เกิดต่อตนและสังคม ข้อคิดของสาวก - ปฏิบัติตนตามข้อคิด 1 สัปดาห์ ขั้นที่ 2 กำหนดหลักฐาน ร่องรอยการเรียนรู้ภาระงานที่มอบหมาย T ร่องรอยการเรียนรู้อื่นๆ Oบันทึกการปฏิบัติในตามแนวทางของ - เขียนตอบสั้นๆเกี่ยวกับประวัติ จุดเด่น ของพระสาวก 1 สัปดาห์ และบอกผลดีที่เกิดขึ้น พระสาวก - ตอบแบบตัวเลือก 10 ข้อ/ เขียนตอบสั้นๆ

56 การพฒั นาการคิด : การออกแบบการเรยี นรู้ตามแนว Backward Design ขั้นที่ 3 ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ WHERETO - นร. ดภู าพวาด/ภาพยนต์ เกี่ยวกับพุทธประวัติ ตอนที่เกี่ยวข้องกับสาวกของพระพุทธเจ้า - นร. ตั้งคำถามที่ต้องการทราบเกี่ยวกับสาวกของพระพุทธเจ้า - ครนู ำนักเรียนอ่านประวัติของพระสาวก ตอนที่สำคัญ และตอบคำถาม การกระทำใด/ข้อคิดใดของพระสาวกที่เป็นแบบอย่างที่ดี การกระทำนั้นช่วยให้เกิดผลดีต่อพระสาวกและผู้อื่นอย่างไร - นักเรียนแบ่งกลุ่มร่วมกันอภิปรายการนำแนวปฏิบัติของพระสาวกมาใช้ในเหตุการณ์ที่ กำหนดตามประเด็น (การเรียน การปฏิบัติต่อเพื่อน การทำงานกลุ่ม การเล่น ฯลฯ) - นักเรียนจับคู่ร่วมกันคิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะนำมาปฏิบัติใน 1 สัปดาห์ในชีวิตประจำวันอย่างไร - นักเรียนจดบันทึกผลดีต่อตนเองและต่อผู้อื่นอย่างไรในกระดาษชิ้นเล็กๆนำมาติดไว้ที่ต้นไม้ ความดี

57การพัฒนาการคดิ : การออกแบบการเรยี นรู้ตามแนว Backward Design ตอนที่ 2ทกั ษะทีค่ รูใช้ในการออกแบบการเรียนรู้ตามแนว Backward Design ในการนำแนวคิดการออกแบบการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค Backward Design ไปใช้ ครผู ู้สอนสามารถเชื่อมโยงความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ เช่น การวิเคราะห์หลักสูตร การวัดและประเมินผล กระบวนการเรียนรู้ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มีทักษะบางด้านที่ครผู ู้สอนควรฝึกเพิ่มจากประสบการณ์การทำงานออกแบบการเรียนรู้ร่วมกับคุณครูพบว่า คุณครูต้องการเรียนรู้และฝึกเพิ่มเกี่ยวกับ - การระบุความเข้าใจที่คงทน/ความรู้ฝังแน่นที่จะเกิดกับนักเรียน - การตั้งคำถามสำคัญที่ท้าทายให้นักเรียนแสวงหาความรู้ - การเลือกเครื่องมือและเทคนิคในการประเมิน - การกำหนดเกณฑ์การประเมินที่สะท้อนมาตรฐาน และการสร้าง/ใช้ระดับคุณภาพ - การเลือกใช้กระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพเทคนิคต่างๆในการออกแบบการเรียนรู้ที่ครูต้องการฝึกดังกล่าวสามารถเรียนรู้จากการค่อยๆลงมือปฏิบัติ และฝึกฝนให้ชำนาญได้การระบุความเข้าใจท่คี งทน/ความรู้ฝังแน่น เมื่อครูกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ซึ่งเป็นความเข้าใจตามแนวของ Wiggins และ McTigheแล้ว คุณครูจะต้องจำแนกได้ว่าอะไรที่เป็นเนื้อหา ทักษะ และความเข้าใจที่คงทน เพราะนักเรียนจะแสดงความรู้ความเข้าใจที่ลุ่มลึกแตกต่างกันนี้ออกมาต่างกัน โกวิท ประวาลพฤกษ์(2551) กล่าวถึงองค์ความรู้ว่า ความคิดรวบยอด ความสัมพันธ์และหลักการในเนื้อหาในวิชา

58 การพัฒนาการคิด : การออกแบบการเรยี นรูต้ ามแนว Backward Design นั้นๆ เป็นความรู้แบบติดเนื้อหา (content-based หรือ topic-based knowledge) ซึ่งผู้เรียนต้อง สร้างขึ้นจากข้อมูลที่ได้รับ การสอนปัจจุบันก็มีความรู้ประเภทนี้อยู่แล้ว เช่น นิยาม คำจำกัด ความ หลักการ เช่น เมื่อนักเรียนอ่านเอกสาร ดู ฟัง เกี่ยวกับระบบนิเวศน์ป่าชายเลน ป่า เบญจพรรณ ฯลฯ สิ่งที่อ่าน ดู ฟัง สัมผัส เป็นเนื้อหา/ข้อมูลที่นักเรียนได้รับ ซึ่งต้องไปจัด หมวดหมู่ เปรียบเทียบ วิเคราะห์ และสังเคราะห์ แล้วสร้างความหมายเองว่า ระบบนิเวศน์คือ อะไร สร้างเป็นความคิดรวบยอดว่าระบบของสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตในแหล่งที่อยู่หนึ่งต้อง สัมพันธ์พึ่งพากันและส่งผลกระทบต่อกัน เป็นความเข้าใจตามหัวเรื่อง ส่วนความเข้าใจที่ว่าใน ธรรมชาติมีระบบต่างๆสัมพันธ์กันเป็นระบบใหญ่ การกระทำของมนุษย์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ระบบนิเวศน์ส่งผลต่อระบบในธรรมชาติตัวมนุษย์เอง จึงต้องร่วมกันรักษาธรรมชาติ นักเรียน เกิดความเข้าใจเชิงระบบ เป็นความเข้าใจที่คงทน/ลุ่มลึก สำหรับความรู้อันเกิดจากทักษะการปฏิบัติ เช่น การเย็บกระดุม การเย็บตะเข็บ การปัก ฯลฯ เป็นทักษะย่อยในงานผ้า เมื่อนักเรียนออกแบบผ้ากันเปื้อน นักเรียนต้องวางแผนและใช้ ทักษะย่อยต่างๆ เช่น การออกแบบ การตัด การใช้ทักษะการเย็บแบบต่างๆ ในขั้นตอนการ ทำงานให้เหมาะสมกับการทำผ้ากันเปื้อนจนสำเร็จ การที่นักเรียนนำความรู้จากการสาธิตไป ลงมือปฏิบัติ นักเรียนจะพัฒนาทักษะกระบวนการ เช่น กระบวนการคิด กระบวนการ แก้ปัญหา กระบวนการอ่าน นอกจากนี้เมื่อนักเรียนมีโอกาสไตร่ตรอง ประเมินคุณค่า ตัดสินใจลงมือทำและเห็นผลดี จะทำให้รู้จักตนเองในด้านต่างๆ เกิดความภาคภูมิใจในการ กระทำของตนและเห็นคุณค่า เกิดเป็นค่านิยม คุณธรรม ความเข้าใจที่คงทนเป็นแก่นของ ศาสตร์ ความคิดรวบยอด ตามหัวเรื่องที่เรียนเชื่อมโยงกับแก่นของศาสตร์

การพฒั นาการคิด : การออกแบบการเรยี นรู้ตามแนว Backward Design 59 ความเขา้ ใจทคี่ งทน (Enduring Understanding) ความเขา้ ใจท่คี งทน/ ถา่ ยโอนได้ ความคดิ รวบยอดตามหวั เรอ่ื งศิลปะ หน่วยการเรียนศิลปะยุคอิมเพรสชันนิซึมนกั ศลิ ปะผยู้ ง่ิ ใหญม่ กั แหวกแนวขนบประเพณี ศิลปินนักวาดยุคอิมเพรสชันนิส ใช้เทคนิคการวาดความนิยมแบบดั้งเดิม และเทคนิคที่ยึดมั่น แบบใหม่ วาดภาพแสดงผู้คนในชีวิตประจำวันกันมา เพื่อแสดงออกถึงสิ่งที่ตนเห็นและ ศิลปินใช้สี แสง และเงา นำเสนอความรู้สึกประทับรู้สึกได้ดียิ่งขึ้น ใจที่แสงสีสะท้อนออกมาในชั่วขณะนั้นวรรณกรรม หน่วยการเรียน เรื่อง นวนิยายแห่งยุคนวนิยายสมัยใหม่ไม่ใช้องค์ประกอบเรื่อง ตัวเอกในนวนิยายเรื่องคำพิพากษา เป็นตัวเอกที่ตามแบบดั้งเดิม และวางรูปแบบการเล่า แตกต่างจากตัวเอกเรื่องอื่นๆที่สง่า กล้า เก่ง และเรื่องสิ่งที่บรรยายในสภาพจริง ให้ดึงดูด แปลกแยกออกไป จากคนปรกติธรรมดาในสังคมผู้อ่านมากขึ้นหน้าที่พลเมือง / รัฐบาล หน่วยการเรียนพลเมืองดีสร้างสังคมผู้นำที่ดีปฏิบัติตนและแก้ปัญหาเพื่อผล ชุมชนต้องการทั้งผู้นำและผู้ตามร่วมกันพัฒนาและด้านบวกของสังคม แก้ปัญหาของชุมชน บางครั้งผู้นำมีบทบาทเป็น ผู้ตามเพื่อให้การทำงานได้ผลดีต่อส่วนรวม เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรียนเงินและเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นอุปทานและอุปสงค์ทำให้เกิดมูลค่าของ ต้นทุนเริ่มแรกของหนังสือหายากไม่ค่อยเกี่ยวข้องสินค้าและบริการ กับมูลค่าสุดท้าย เนื่องจากความต้องการของผู้ซื้อ และสภาพของหนังสือเป็นตัวกำหนดมูลค่า ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง

60 การพัฒนาการคิด : การออกแบบการเรียนรู้ตามแนว Backward Design เทคนิคการวเิ คราะหค์ วามเขา้ ใจจากหัวเร่อื ง หลังจากกำหนดหัวเรื่องแล้ว คุณครูกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ที่เป็นความเข้าใจ แล้ว เขียนเป็นประโยค เช่น หัวเรื่อง การวัด เนื้อหาที่เรียน การวัดโดยไม่ใช้หน่วยมาตรฐาน สรุปเป็นข้อความที่นักเรียนจะเข้าใจ (นักเรียนจะเข้าใจว่า) การใช้หน่วยวัดที่กำหนดขึ้นเองทำให้อธิบายสมบัติของสิ่งที่วัดได้ไม่ตรงกัน ทำให้เข้าใจไม่ ตรงกัน เรื่อง วัฒนธรรม เนื้อหาที่เรียน ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและการรักษาวัฒนธรรม สรุปเป็นข้อความที่นักเรียนจะเข้าใจ (นักเรียนจะเข้าใจว่า) การคมนาคม เทคโนโลยี การสื่อสารรวมทั้งให้มีการแพร่และรับวัฒนธรรมระหว่างชุมชน และประเทศอื่นๆ ทำให้วัฒนธรรมเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นบุคคลจึงต้องเลือกรับวัฒนธรรมที่ เหมาะสมและรักษาวัฒนธรรมที่ดีงามของชาติ การกำหนดเป้าหมายที่เป็นความเข้าใจซึ่งเกิดจากการเรียนรู้ ความคิดรวบยอดจะ ต่างจากการระบุความเข้าใจที่เขียนเป็นทักษะกระบวนการ เนื่องจากคุณครูจะไม่ระบุเพียงว่า นักเรียนจะเข้าใจหลักการเขียนโน้มน้าว แต่ต้องถอดกระบวนการที่ตนได้ปฏิบัติออกมาได้ เรื่อง การเขียนโน้มน้าว เนื้อหาที่เรียน การโน้มน้าว เป้าหมาย กลุ่มผู้อ่าน ผลกระทบ เทคนิคการเขียน สรุปเป็นข้อความที่นักเรียนจะเข้าใจ (นักเรียนจะเข้าใจว่า) นักเขียนโน้มน้าวผู้อ่านด้วยเทคนิคเฉพาะหลายอย่างทั้งความนิยมตามยุคสมัย การใช้ ข้อมลู การกระตุ้นอารมณ์เพื่อให้ผู้อ่านคิดคล้อยตามหรือทำตาม เทคนิคเหล่านี้ต้องเลือกใช้ให้ เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์ การตง้ั คำถามสำคญั ทีท่ า้ ทาย Wigging และ McTighe จำแนกคำถาม 2 ชนิดที่กำหนดกรอบในการออกแบบหลักสูตร คือ คำถามของหน่วยการเรียนรู้และคำถามสำคัญในการเรียนรู้ (essential question) คำถาม ของหน่วยการเรียนรู้เป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับวิชา (สาระ) และหัวเรื่อง ซึ่งช่วยให้มีกรอบของ เนื้อหาและกรอบการแสวงหาความรู้ คำถามของหน่วยการเรียนรู้นำไปสู่คำถามที่สูงขึ้นไปคือ คำถามสำคญั ในการเรยี นรู้ (essential question) คำถามทง้ั 2 ชนดิ นใ้ี ชใ้ นการวางแผนการเรยี นรู้

การพัฒนาการคดิ : การออกแบบการเรียนรตู้ ามแนว Backward Design 61โดยคำถามของหน่วยงานการเรียนรู้ (unit question) นำไปสู่จุดหมายระดับจุดประสงค์(objectives) ส่วนคำถามสำคัญในการเรียนรู้ (essential question) นำไปสู่จุดหมายระดับ เป้าหมาย (goals) จุดประสงค์การเรียนรู้ควรระบุถึงความสามารถของนักเรียนที่จะตอบคำถามของหน่วย ส่วนเป้าหมายการเรียนรู้ควรระบุถึงความสามารถของนักเรียนที่จะตอบคำถามสำคัญในการเรียนรู้ เนื่องจากการเรียนรู้เป็นความเข้าใจระดับความคิดรวบยอด นักเรียนจึงไม่สามารถสร้างความคิดรวบยอดซึ่งเป็นเป้าหมายให้เกิดขึ้นได้จากการเรียนรู้ในบทเรียนเดียวดังนั้น ครูจะต้องระบุความเข้าใจระดับความคิดรวบยอดซ้ำแล้วซ้ำอีกในการสอนครั้งต่อๆไปสำหรับจุดประสงค์การเรียนรู้นั้นเฉพาะเจาะจงจึงมีมากกว่าและเป็นการระบุถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการสอนแต่ละครั้ง ลองพิจารณาตัวอย่างคำถามสำคัญในบทเรียนนี้ และสังเกตดูว่ามันแตกต่างจากคำถามตามแบบในหนังสือเรียน หรือในแบบทดสอบอย่างไร Ó ศิลปะสะท้อนวัฒนธรรมและหล่อหลอมวัฒนธรรมใช่หรือไม่ Ó นกั เขยี นทป่ี ระสบความสำเรจ็ มวี ธิ ดี งึ ดดู และจบั ตรงึ ความสนใจผอู้ า่ นของตนไดอ้ ยา่ งไร Ó นิทาน นิยายทุกเรื่องต้องมีตอนเริ่มต้น ตอนกลาง และตอนจบเรื่องใช่ไหม Ó โครงสร้างสิ่งมีชีวิตช่วยให้ดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมของตัวมันได้อย่างไร Ó สุขภาพดีมีสุขคืออะไร Ó ประวัติศาสตร์คือประวัติความก้าวหน้าใช่ไหม Ó ใครเป็นเจ้าของรัฐ/ประเทศใด และเพราะอะไรล ักษณะพิเศษของคำถามสำคญั ลักษคณำะถาดมังทนี่เี้น้นแก่นของการเรียนรู้ นำไปสู่การแสวงหาความรู้จนเกิดความเข้าใจที่ลุ่มลึกมี Ó ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องชัดเจนคำตอบเดียว แต่เป็นเสมือนประตูทางเข้าไปสู่การ อภิปราย การแสวงหาความรู้ และการศึกษาวิจัยที่มีจุดเน้นแน่นอน น่าตื่นเต้นเร้าใจ คำถามเช่นนี้จะเปิดไปสู่ข้อโต้แย้ง หรือปัญหาปริศนาที่สลับซับซ้อน หรือทัศนะมุมมองของเนื้อหาวิชาคำถามเหล่านี้ยังช่วยให้เห็นว่ายังมีความเข้าใจด้านอื่นๆ อีก ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการแสวงหาความรู้เรื่องนั้นๆ Ó เสนอปัญหาสำคัญอื่นๆ มักเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาวิชาอื่น คำถามเช่นนี้นำไปสู่การตั้ง คำถามสาระสำคัญอื่นๆ และคำถามที่เกี่ยวกับหัวเรื่อง ตัวอย่างเช่น ผู้ที่แข็งแรงเท่านั้นจึง ดำรงชีวิตอยู่ได้ใช่ไหม...นำไปสู่คำถามอื่น เช่น “ผู้ที่แข็งแรง” ในความคิดของเราหมายถึงอะไร

62 การพฒั นาการคิด : การออกแบบการเรียนรูต้ ามแนว Backward Design และ... แมลงแข็งแรงเพราะมันดำรงชีวิตอยู่ได้ใช่ไหม คำถามเช่นนี้นำไปสู่การแสวงหาความรู้ ในเรื่องระบบชีววิทยามนุษย์ (human biology) และสรีรวิทยา (physiology) Ó มุ่งเสนอหลักการพื้นฐานแนวคิดหรือปรัชญาของศาสตร์สาขานั้น คำถามสำคัญนี้ พบได้ในประเด็นที่ยังเป็นปัญหา ข้อโต้เถียงอภิปราย และปัญหาที่อยู่ในสาขาวิชานั้น Ó ใช้ถามซ้ำๆ คำถามสำคัญในการเรียนรู้จะนำมาถามซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดการเรียนร ู้ ของคนเรา เช่น หนังสือที่ถือว่าเป็นหนังสือที่ยิ่งใหญ่เพราะสิ่งใด คำถามเช่นนี้สามารถนำมา ถามได้ทั้งนักเรียนประถมศึกษาปีที่หนึ่งและนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย Ó กำหนดขน้ึ มาเพอ่ื กระตนุ้ และดงึ ดดู ความสนใจของนกั เรยี นใหค้ งอยู่ ชว่ ยกระตนุ้ สง่ เสรมิ และสามารถดึงดูดนักเรียนให้ค้นคว้าแสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่องได้ เช่น ข้อโต้แย้ง ท้าทาย กระตุ้นให้คิดในหลายแง่มุม เช่น อินเทอร์เนตเป็นอันตรายต่อเด็กและเยาวชนใช่ไหม และ อาหารที่ดีเหมาะกับตัวเราต้องมีรสชาติไม่อร่อยใช่ไหม คำถามสำคัญจึงเป็นคำถามที่นำการออกแบบการสอนและการสร้างคำถามอื่นๆในบท เรียนหรือแผนการจัดการเรียนรู้ทำให้เกิดการคิดใคร่ครวญและการค้นคว้าแสวงหาความรู ้ ต่อไป จากการที่ครกู ำหนดระดับความเข้าใจออกเป็นความเข้าใจที่ถ่ายโอนได้ กับความเข้าใจ ที่เกิดจากการเรียนรู้ในหน่วยการเรียนรู้ คำถามสำคัญก็มีความลุ่มลึก 2 ระดับได้แก่ คำถามที่ เชื่อมโยง และ คำถามตามหัวข้อเรื่อง ค ำถามแบบครอบคลุมเช่อื มโยง Ó มุ่งสู่หลักความคิดที่ใหญ่กว่า/สูงกว่าความเข้าใจในหน่วยการเรียนรู้ ตัวอย่าง เช่น นวนิยายวิทยาศาสตร์เป็นวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ได้ไหม นี่เป็นคำถามแบบเชื่อมโยง นำไปใช้ได้ ในหน่วยการเรียน Ó เชื่อมโยงหัวข้อเรื่องหนึ่งไปสู่อีกหัวข้อเรื่องหนึ่งหรือวิชาที่เกี่ยวข้องกัน เข้ากับ ประเด็นปัญหาและการแสวงหาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเรื่องอื่นหรือวิชาอื่น ถ้านำมาเน้น ในการสร้างแผนการเรียนรู้จะช่วยให้การเรียนเรื่องนั้นสัมพันธ์กับเรื่องอื่นๆ ซึ่งในการสอนทั่วๆ ไปมักไม่ค่อยมีการเชื่อมโยงระหว่างวิชาต่างๆ เช่น.. จริงไหมที่ว่านิทาน/นิยายจำเป็นต้อง สร้างสรรค์ให้น่าสนใจและน่าจดจำ...เป็นคำถามที่นอกจากใช้ในการเรียนวรรณกรรม แต่ยังนำ ไปใช้ได้ในการเรียนภาษาอังกฤษและประวัติศาสตร์ด้วย คำถามตามหัวขอ้ เรือ่ ง คำถามตามหัวเรื่องถามในขอบเขตสิ่งที่อยู่ในหัวเรื่อง ไม่ใช่คำถามชี้แนะหรือคำถามนำ คำตอบของคำถามแบบนี้อาจมาจากผลการค้นคว้าลงลึกในหัวข้อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็น

การพัฒนาการคดิ : การออกแบบการเรยี นรตู้ ามแนว Backward Design 63คำถามปลายเปิดและกระตุ้นความคิด ไม่มีคำตอบที่ถูกเพียงข้อเดียว แต่อาจมีคำตอบที่มีเหตุผลได้หลายข้อ โดยใช้ข้อมลู ความรู้ในหน่วยการเรียนมายืนยัน จะเห็นได้ว่าคำถามตามหัวข้อเรื่องสัมพันธ์กับความคิดรวบยอด หลักการที่เกิดจากการเรียนเรื่องนั้นๆ และคำถามสำคัญในการเรียนรู้นำให้คุณครูออกแบบการเรียนรู้ที่กระตุ้นให้นักเรียนแสวงหาความรู้ข้ามขอบเขตของวิชาที่เรียน และใช้ความรู้จากสหวิชามาตอบคำถามหรือประเด็นที่ศึกษาอย่างลุ่มลึกรอบด้าน การเลือกเครอื่ งมือและเทคนคิ ในการประเมิน คุณครูกำหนดจุดหมายของการวัดและประเมินผลก่อนเลือกเทคนิค เครื่องมือ และควรพิจารณาข้อควรระวังในการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลให้สอดคล้องกับจุดหมายของการประเมิน 3 ลักษณะ - assessment of learning เป็นการประเมินเพื่อตัดสินผล - assessment for learning เป็นการประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนและพัฒนาการสอนของครู - assessment as learning เป็นการประเมินระหว่างการเรียนรู้เพื่อให้ทราบพัฒนาการทักษะกระบวนการ ซึ่งต้องอาศัยความต่อเนื่อง หรือเป็นมิติที่ต้องสะท้อนจากตัวผู้เรียนในด้านความรู้สึก วิธีการ เป็นต้น การกำหนดหลักฐานการเรียนรู้ในที่นี้มิใช่เอกสารการวัดและประเมินผลของโรงเรียนแต่เป็นงานหรือการปฏิบัติของนักเรียน ร่องรอยการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากการสอนมีทั้งร่องรอยที่สะท้อนความเข้าใจที่คงทน เช่น การเขียนบทความ การจัดทำโครงงาน การทำสื่อเพื่อถ่ายทอดความคิด สำหรับร่องรอยที่เป็นหลักฐานสะท้อนความรู้ หรือทักษะย่อยๆ เช่น แบบฝึก การตอบคำถามปลายปิด การจับคู่คำตอบ เป็นต้น ในการเลือกใช้เทคนิคและเครื่องมือประเมินคุณครูควรทำความเข้าใจนิยามหรือความหมายของความเข้าใจ 6 ด้าน และตัวบ่งชี้ รวมทั้งเทคนิคที่เสนอแนะไว้ในตอนที่ 1 ซึ่งจะช่วยให้เห็นระดับคุณภาพของงาน และมากำหนดเกณฑ์ที่จะนำไปแจกแจงรายละเอียดของระดับคุณภาพของงานหรือการปฏิบัติต่อไป ผู้สอนควรใช้เกณฑ์การประเมินที่สะท้อนคุณภาพที่มาตรฐานต้องการ อีกทั้งสะท้อนระดับคุณภาพการเรียนรู้ที่แตกต่าง การสร้างเกณฑ์การประเมินสามารถทำได้โดยกำหนดเกณฑ์การประเมินที่สอดคล้องกับเป้าหมายของความรู้ ทักษะ กระบวนการทำงาน จิตพิสัย รวมทั้งลักษณะที่พึงประสงค์ซึ่งวิเคราะห์ไว้แล้วในขั้นตอนการกำหนดเป้าหมาย (ขั้นตอนที่ 1)

64 การพฒั นาการคดิ : การออกแบบการเรยี นรูต้ ามแนว Backward Design เกณฑ์สำหรับประเมินงานหรือการแสดงออกของผู้เรียนที่กำหนดไว้คร่าวๆนี้ จะนำไปใช้ในการสร้างเกณฑ์การประเมินในมิติคุณภาพ (Rubrics) การบรรยายระดับคุณภาพในแต่ละมิติของงานหรือการแสดงออก ช่วยให้ผู้สอนและนักเรียนเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับสิ่งที่จะประเมินและนักเรียนใช้มิติคุณภาพเป็นแนวในการพัฒนางานของตน ในขั้นตอนนี้ ผู้สอนคำนึงถึงสิ่งที่ต้องการประเมินและเทคนิคการประเมิน ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดกิจกรรมการประเมินซึ่งจะกลมกลืนไปกับการเรียนการสอน เช่น การเลือกคำตอบ ถูก-ผิด ตัวเลือก การเขียนเติมสั้นๆ การเขียนอัตนัย การจัดกิจกรรมเพื่อกลุ่มเป้าหมายในโรงเรียน (นิทรรศการ รายการเสียงตามสาย ผลิตคลิปวีดีทัศน์ แสดงละคร เล่าเรื่อง ฯลฯ) ซึ่งเป็นการประเมินตามสภาพจริงที่มีกลุ่มเป้าหมายในโรงเรียน ไม่ซับซ้อน ในกิจกรรมการประเมินที่กลุ่มเป้าหมายของการเขียน การศึกษานอกสถานที่ การทำโครงงานเพื่อแลกเปลี่ยนเรยี นรกู้ บั ชมุ ชนนอกโรงเรยี น และนกั เรยี นตอ้ งเผชญิ ความซบั ซอ้ นของสภาพนอกโรงเรยี นมากขน้ึนักเรียนได้เรียนรู้สภาพปัญหาที่เป็นชีวิตจริงมากกว่าในโรงเรียน ผู้สอนจะเห็นความ หลากหลายของกจิ กรรมการประเมนิ และระดบั คณุ ภาพทส่ี ามารถนำมาใชใ้ นหนว่ ยการเรยี นดงั ตอ่ ไปน้ีการสังเกตแบบไมเ่ ป็นทางการ หรอื งานปฏบิ ัตสิ ่วนรวมการสมั ภาษณ์นกั เรยี น เปลี่ยนเรื่องเทพนิยายเป็น การสัมมนาอภิปรายวิธีการเลือก บทกลอน หรือบทความข่าวการบรรยายเล่าเรื่องของผู้เขียน การเข้าใจตามเป้าหมายผลงานเขยี น การเล่าเรอ่ื ง มีความเข้าใจว่าความสัมพันธ์ นักเรยี นประเมนิ ตนเอง ระหว่างรปู แบบการเขียน บันทึกการอ่าน หรืองานแสดงพพิ ิธทศั นา กับเนื้อหาที่อยู่ในวรรณกรรม และทศั นะของเพือ่ นทจ่ี ัดทำขึ้นตอบสนองฉบั พลัน มักให้ความกระจ่างในหลัก บันทึกการอ่านพร้อม ในฐานะบรรณาธิการ นักเรียน ข้อคิดเห็นของนักเรียนในเขียนวิจารณ์เรื่องที่ลอกเลียนทาง ความคิดสำคัญเสมอ ด้านศิลปะสร้างสรรค์ของ วรรณกรรมมาเท่าที่ทำได้ ผู้แต่งเนื้อเรื่องที่ลอกเลียนแนวเขียนของนักเขียนมีชื่อเรื่อง ช้นิ งานปฏบิ ัตหิ ลัก แบบทดสอบยอ่ ย และแบบ(เช่น ของกวี อี. อี. คัมมิงส์) บันทึกวีดีทัศน์การวิจารณ์หนังสือ ทดสอบที่ตอบส้นั ๆ ทดสอบย่อยการอ่านในด้าน ที่เลียนแบบนักวิจารณ์ มุมมองและวรรณศิลป์ของ เพื่อทำเป็นคลิปภาพยนต์ ผู้เขียนนิทรรศการ หรอื แบบจำลองของนักเรยี น จัดนิทรรศการทางเว็บไซต์ในด้านการใช้ศิลปะการประพันธ์นานาวิธีที่ใช้แก่นเรื่องเดียวกันในหนังสือหลาย ๆ เรื่อง (เช่น ความกล้าหาญ และความหวาดกลัวสงคราม)

65การพฒั นาการคดิ : การออกแบบการเรยี นรู้ตามแนว Backward Design การอธิบาย การตคี วาม การประยกุ ตใ์ ช้มากประสบการณ์: ให้รายละเอียดที่ ลึกซึ้ง: การตีความและการวิเคราะห์ เชี่ยวชาญชำนาญ : คล่องแคล่ว ยืดคิดสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันประณีต สิ่งสำคัญยิ่งใหญ่ที่มีความหมาย หยุ่น และมีประสิทธิภาพ, สามารถครบถ้วนมากกว่าปรกติ (ตัวแบบ และมีความสำคัญ มีพลังและ ใช้ความรู้และทักษะได้ดี อีกทั้งปรับทฤษฎี หรือข้ออธิบาย), มีข้อมูล กระจ่างชัดเจน, บอกเล่าเรื่อง นิทาน แก้ความเข้าใจได้ดีในบริบทสภาพสนับสนุนที่ผ่านการพิสูจน์และสม นิยายได้อย่างอรรถรสและรู้แจ้งเห็น แวดล้อมใหม่หลากหลายอย่างและเหตุสมผล ลงลึก ครอบคลุมกว้างดี จริง, ให้ประวัติเรื่องราวหรือ ยุ่งยากขึ้น กว่าข้อมูลความรู้ที่ครใู ห้ สถานการณ์แวดล้อมเรื่องที่เล่าได้ ครบถ้วนสมบูรณ์, มองเห็นการแฝง มีทักษะชำนาญ : มีสมรรถนะวิสัยลงลึก : ให้รายละเอียดที่ไม่เป็นไป นัยในการตีความที่ต่างออกมาได้ ในการใช้ความรู้และทักษะ รวมทั้งตามแบบแผน เปิดเผยให้เห็นสิ่งที่ อย่างแหลมคมลึกซึ้ง และลงลึก การปรับแก้ความเข้าใจได้ตามอยู่นอกเหนือครูสอน หรือสิ่งที่สอน แสดงให้เห็น : การตีความหมาย บริบทสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดชัดแจ้ง, มีการเชื่อมโยงที่ และการวิเคราะห์สิ่งที่ยิ่งใหญ่ สิ่งที่มี เหมาะสมตามต้องการแนบเนียนดีเยี่ยม, มีประเด็นสาระ ความหมายและสิ่งที่สำคัญต่างออกและหลักฐานสนับสนุนดี, แสดง ไปบ้างเล็กน้อย, บอกเล่าเรื่อง มีความสามารถ : สามารถปฏิบัติความคิดใหม่ ๆ ออกมา นิทาน นิยายได้ชนิดหยั่งรู้เห็นจริง, หรือแสดงออกได้อย่างดี โดยใช้ ให้ประวัติภูมิหลังหรือสถานการณ์ ความรู้และทักษะในบริบทสภาพมีการพัฒนา: รายละเอียดที่แสดงถึง แวดล้อมเรื่องที่เล่า, มองเห็นข้อแตก แวดล้อมหลัก ๆ 2-3 อย่าง กับความความคิดบางสิ่งบางอย่างที่ลงลึก ต่าง ระดับ และการแฝงนัยที่ สามารถที่มีจำกัด รวมทั้งความยืดและแสดงตัวตนเอง, นักเรียนทำงาน ละเอียดอ่อนในการตีความหมายได้ หยุ่น และการปรับแก้ให้เข้ากับด้วยตนเอง ออกไปนอกกรอบสิ่งที่ อย่างหลากหลาย บริบทสถานการณ์อันหลากหลาย กำหนดให้ทำ โดยมีทฤษฎีสนับสนุน แสดงการรับรู้ : การตีความหมาย เริ่มฝึกหัด : อาศัยแต่ความสามารถในจุดนั้น แม้จะมีหลักฐานและ และการวิเคราะห์สิ่งที่ยิ่งใหญ่ สิ่งที่มี ขีดจำกัดจากงานประจำ, สามารถประเด็นสำคัญที่ไม่พอเพียงหรือเต็ม ความหมายและสิ่งสำคัญที่มี ทำได้ดีในบริบทสภาพแวดล้อมที่คุ้นที่ ประโยชน์, บอกเล่าเรื่องนิทานนิยาย เคยหรือง่าย ๆ ซึ่งอาจมีการฝึกสอนแสดงการรับรู้ : รายละเอียดไม่ครบ ได้กระจ่างชัดเจนและมีคติสอนใจ, บ้างตามจำเป็น, มีขีดจำกัดในการสมบูรณ์ แต่มีความคิดเหมาะสม ให้ประวัติ ภูมิหลังหรือสถานการณ์ ใช้ข้อวินิจฉัยและการโต้ตอบส่วนและหยั่งรู้เห็นจริง, ขยายสิ่งที่เรียน แวดล้อมที่มีประโยชน์, มองเห็นการ บุคคลต่อสิ่งกำหนดพิเศษของมาให้กว้างและลงลึก, อ่านความ ตีความในระดับต่างกันไป สถานการณ์/ผลย้อนกลับหมายที่แฝงอยู่ได้, รายละเอียดมีข้อ มีการตีความ : การตีความหรือการสนับสนุน ข้อโต้แย้ง ข้อมูลจำกัด วิเคราะห์สิ่งที่ยิ่งใหญ่ สิ่งที่มีความหรือรวบรัดข้อสรุปนัยทั่วไปเร็วไป, หมายและสิ่งสำคัญมีเหตุผลน่าเชื่อรวมทั้งมีการใช้ทฤษฎีที่มีการ ถือ, เข้าใจความหมายของเรื่องทดสอบและหลักฐานในขีดจำกัด นิทาน นิยาย, ให้ประวัติความเป็น มาหรือสถานการณ์สภาพแวดล้อม ได้

66 การพัฒนาการคิด : การออกแบบการเรียนรตู้ ามแนว Backward Designการอธิบาย การตคี วาม การประยุกตใ์ ช้ มือใหม่ : สามารถปฏิบัติหรือแสดงไร้ประสบการณ์ : รายละเอียดผิว ยึดตามตัวหนังสือ : การอ่านหนังสือ ได้ตามที่ฝึกสอนมาเท่านั้น หรือต้องเผิน ไม่ลงลึก, เป็นเชิงพรรณนามาก แบบลวก ๆ หรือผิวเผินไม่ลงลึก, อาศัยบทที่เขียนไว้มากทีเดียว หรือกว่าวิเคราะห์ หรือสร้างสรรค์, ราย การแปลเป็นไปตามกลไก, การถอด ยึดแต่ทักษะ (ขั้นตอนวิธีและระบบละเอียดความรู้ข้อเท็จจริง หรือ ความหมายไม่มีการตีความ หรือมี กลไก) วิธีดำเนินการ หรือวิธีการความคิด หรือข้อสรุปนัยทั่วไปตาม เล็กน้อย ไม่มีจิตรับรู้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ อย่างเดียวอารมณ์, กระท่อนกระแท่น คร่าว ๆ หรือสิ่งที่สำคัญ, การกล่าวซ้ำอีกในไม่ครบสมบูรณ์ รายละเอียดต่างกัน สิ่งที่เคยเรียนหรืออ่านมาอย่างสิ้นเชิง, ไม่ค่อยใช้ทฤษฎี ใช้แต่ความรู้สึกสังหรณ์ใจที่ไม่ได้ตรวจสอบหรือความคิดที่ยืมมาใช้แหล่งที่มา : Wiggins & Mctighe, 1998, น. 76-77

การพัฒนาการคิด : การออกแบบการเรยี นรูต้ ามแนว Backward Design 67สมการและฟงั กช์ น่ั ม.2 ตัวอย่างเกณฑก์ ารประเมิน ระดับ 4 เพิ่มเติมจากระดับ 3 นักเรียนแสดงออกถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้งของการถ่ายโอนความรู้ และประยุกต์ใช้ที่นอกเหนือจากสิ่งที่สอน ระดับ 3.5 นักเรียนแสดงออกถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้งของการถ่ายโอนความรู้และประยุกต์ใช้ได้บาง ส่วน ระดับ 3 เมื่อปฏิบัติงานตามระดับเกรด นักเรียนแสดงออกว่ามีความเข้าใจเกี่ยวกับฟังก์ชั่นและ สมการ โดย - ประเมินสมการเชิงเส้นและแก้ปัญหาสมการที่ต้องใช้ขั้นตอนหลายขั้น อธิบายขั้นตอน เหล่านั้นได้ - จำแนกตัวแปรและความสัมพันธ์ อธิบายได้ว่าความสัมพันธ์ที่กำหนดให้เป็นความ สัมพันธ์เชิงเส้นตรงหรือไม่ นักเรียนไม่มีข้อผิดพลาดในการปฏิบัติหรืออธิบาย ระดับ 2.5 นักเรียนแสดงออกว่าไม่มีความเข้าใจผิดที่สำคัญเกี่ยวกับระดับ 2.0 และความรู้บางส่วน ของระดับ 3.0 ระดับ 2 นักเรียนแสดงออกว่ามีความเข้าใจโดยไม่มีข้อผิดพลาดที่สำคัญเกี่ยวกับรายละเอียด ง่ายๆและกระบวนการ เช่น - จำนิยามสำคัญ(linear relation, non linear relation, ตัวแปรตาม ตัวแปรต้น) ได้ - จำหลักการสำคัญเกี่ยวกับ (linear relation, เช่น........... ไม่เป็นฟังก์ชั่นเชิงเส้นตรง) (relation, เช่น........... ไม่เป็นฟังก์ชั่นเชิงเส้นตรง) (คู่ลำดับ เช่น................... ฟังก์ชั่น เช่น..............) ระดับ 1.5 นักเรียนแสดงออกว่ามีความเข้าใจบางส่วนของระดับ 2.0 แต่ไม่มีความเข้าใจผิดเกี่ยว กับเรื่องที่สำคัญของระดับ 3.0 ระดับ 1 เมื่อช่วยเหลือแล้วนักเรียนแสดงออกว่ามีความเข้าใจบางส่วนของระดับ 2.0 และความ เข้าใจบางส่วนของระดับ 3.0 ระดับ 0.5 เมื่อช่วยเหลือแล้วนักเรียนแสดงออกว่ามีความเข้าใจบางส่วนของระดับ 2.0 แต่ไม่มี ความเข้าใจบางส่วนของระดับ 3.0 ระดับ 0 แม้ว่าช่วยเหลือแล้วนักเรียนแสดงออกว่าไม่เข้าใจหรือไม่มีทักษะ

68 การพัฒนาการคดิ : การออกแบบการเรียนรตู้ ามแนว Backward Designชวี วิทยา เร่อื งโครงสร้างของเซลล์และระบบระดับ 4 เพิ่มเติมจากระดับ 3 นักเรียนแสดงออกถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้งของการถ่ายโอนความรู้ และประยุกต์ใช้ที่นอกเหนือจากสิ่งที่สอนระดับ 3.5 เพิ่มเติมจากระดับ 3 นักเรียนแสดงออกถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้งของการถ่ายโอนความรู้ และประยุกต์ใช้ได้บางส่วนระดับ 3 เมื่อปฏิบัติงานที่กำหนดให้เกี่ยวกับหน้าที่ โครงสร้างของและระบบ นักเรียนแสดงออก ว่ามีความเข้าใจข้อมลู สำคัญ เช่น - กระบวนการแบ่งเซลล์และการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่เกิดขึ้นจากการแบ่งแบบ prokaryotic และ eukaryyotic - เหตุผลว่าทำไมเซลล์จึงต้องหน้าที่เฉพาะในเซลล์ที่เป็น multicellular เช่นในเม็ดเลือด แดง เม็ดเลือด ขาว - ความสัมพันธ์ของเซลล์ในระบบของสิ่งมีชีวิต เช่นต่อเนื้อเยื่อ ต่ออวัยวะ นักเรียนปฏิบัติหรืออธิบายโดยไม่มีข้อผิดพลาดระดับ 2.5 นักเรียนแสดงออกว่าไม่มีความเข้าใจผิดที่สำคัญเกี่ยวกับระดับ 2.0 และความรู้ บางส่วนของระดับ 3.0ระดับ 2 นักเรียนแสดงออกว่ามีความเข้าใจโดยไม่มีข้อผิดพลาดที่สำคัญเกี่ยวกับรายละเอียด และกระบวนการ เช่น - จำศัพท์สำคัญเช่นการแบ่งเซลล์ (เช่นการทำให้เซลล์เปลี่ยนแปลง เซลล์ที่มีหน้าที่ เฉพาะ) ได้ - จำความหมายของคำสำคัญเช่น (การแบ่งเซลล์เป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต) (กลุ่มของเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะทำให้เกิดเป็นเนื้อเยื่อ)ระดับ 1.5 นกั เรยี นแสดงออกวา่ มคี วามเขา้ ใจบางสว่ นของระดบั 2.0 แตไ่ มม่ คี วามเขา้ ใจผดิ เกย่ี วกบั เรื่องที่สำคัญของระดับ 3.0ระดับ 1 เมื่อช่วยเหลือแล้วนักเรียนแสดงออกว่ามีความเข้าใจบางส่วนของระดับ 2.0 และความ เข้าใจบางส่วนของระดับ 3.0ระดับ 0.5 เมื่อช่วยเหลือแล้วนักเรียนแสดงออกว่ามีความเข้าใจบางส่วนของระดับ 2.0 แต่ไม่มี ความเข้าใจบางส่วนของระดับ 3.0ระดับ 0 แม้ว่าช่วยเหลือแล้วนักเรียนแสดงออกว่าไม่เข้าใจหรือไม่มีทักษะ

69การพัฒนาการคิด : การออกแบบการเรยี นรตู้ ามแนว Backward Design ตอนท่ี 3 การจดั การเรียนรู้และหนว่ ยการเรยี นรู้การออกแบบการเรียนการสอน ในการพัฒนาการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพนั้น ขั้นตอนของการออกแบบการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพนั้นจะต้องกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจในการเรียนและควรมีการออกแบบตามทฤษฎีของจิตวิทยาการศึกษาด้วย (Morrison) และคณะ (อ้างในสิริพรรณ สุวรรณมรรคาและคณะ 2551) ได้เสนอ รูปแบบการออกแบบระบบการเรียนการสอนประกอบด้วย 9 ขั้นตอนดังนี้ 1) วิเคราะห์ปัญหา/ความจำเป็นในการจัดการเรียนการสอน (Instructional Problems) ซึ่งประกอบด้วย การประเมินความต้องการโดยรวม (Need Assessment) การวิเคราะห์เป้าหมาย (GoalAnalysis) และการประเมินสภาพการทำงาน (Performance Assessment) ขั้นตอนทั้ง 3 ดังกล่าวนี้จะช่วยในการระบุสภาพปัญหาที่แท้จริงและตัดปัญหาที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปได้ 2) การวิเคราะห์ลักษณะของผู้เรียน (learner characteristics) โดยพิจารณาจาก ลักษณะทั่วไปของผู้เรียน ข้อมลู การศึกษา บุคลิกลักษณะทางสังคมและส่วนตัวและบุคลิกลักษณะของผู้เรียนที่ไม่ปกติ รวมทั้งการวิเคราะห์บริบทของผู้เรียน 3) การวิเคราะห์เนื้อหาบทเรียนและงานที่สัมพันธ์กับเป้าหมายในการเรียนรู้ที่กำหนดไว้(task analysis) พิจารณาจากความรู้ทักษะที่จำเป็นต้องมีในบทเรียนและความรู้พื้นฐานที่ผู้เรียนจำเป็นต้องมีมาก่อน 4) การวิเคราะห์วัตถุประสงค์ (instructional objectives) ซึ่งในเทคนิคการออกแบบการเรียนรู้ตามแนว Backward Design นี้เน้นการตั้งเป้าหมายที่เป็นภาพปลายทางที่เป็นความเข้าใจซึ่งมี

70 การพัฒนาการคิด : การออกแบบการเรียนรู้ตามแนว Backward Design มิติต่างๆ ความเข้าใจดังกล่าวครอบคลุมทั้งด้านความคิดรวบยอดและทักษะกระบวนการและ ด้านจิตใจ 5) การวเิ คราะหล์ ำดบั เนอ้ื หาใหเ้ หมาะสม (content sequencing) ซง่ึ ตามแนวทางของ Posner and Strike (1976) มีแนวทางให้พิจารณาจาก คุณลักษณะของผู้เรียนและการวิเคราะห์ผู้เรียน ความรู้และทักษะที่ผู้เรียนจำเป็นต้องมีมาก่อน การจัดลำดับเนื้อหา โดยเริ่มจากสิ่งที่ผู้เรียนคุ้น เคยและจากความสนใจของผู้เรียนพัฒนาไปสู่เนื้อหาที่ยากและซับซ้อนยิ่งขึ้นหรือพิจารณา จาก บริบทและภาพรวมโดยการจัดลำดับเนื้อหาให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ผู้เรียน อาจต้องเผชิญในชีวิตจริงนอกจากนี้อาจพิจารณาจากความสัมพันธ์ของหลักการและเนื้อหา อาจทำได้โดยการจัดกลุ่มเนื้อหาที่มีความคล้ายคลึงกัน การจัดกลุ่มจากความง่ายไปยาก จาก มโนทัศน์ที่เป็นรปู ธรรมไปยังสิ่งที่เป็นนามธรรมเป็นต้น 6) การออกแบบกลยุทธ์การสอน (Instructional Strategies) โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญอาจ เลือกกลยุทธ์ต่างๆ เช่น 1) การสอนข้อเท็จจริงโดยเน้นให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์ตรงกับ ข้อเท็จจริงนั้นหรือการอธิบาย 2) การสอนมโนทัศน์โดยการยกตัวอย่างประกอบการอธิบาย นั้นๆ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงมโนทัศน์กับตัวอย่างต่างๆ นั้นได้ 3) การสอนกฎและหลัก การเพื่อให้ผู้เรียนเกิด การเชื่อมโยงจากกฎและหลักการไปสู่การประยุกต์ใช้ 4) การสอน กระบวนการโดยให้ผู้เรียนเห็นความต่อเนื่องในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการนั้นๆ 5) การสอน เพื่อพัฒนาทักษะระหว่างบุคคลของผู้เรียน เน้นการพัฒนาทักษะการติดต่อสื่อสารซึ่งมี รากฐานมาจากทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูรา โดยกลวิธีนี้อาจเริ่มจากการสังเกต การสาธิต และการเข้าร่วมแสดงบทบาทสมมติเป็นต้น และ 6) การสอนทัศนคติประกอบด้วย ความเชื่อและพฤติกรรมการตอบสนองของผู้เรียน โดยกลยุทธ์ในการพัฒนาทัศนคติมีรากฐาน มาจากทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูราเช่นเดียวกัน ดังนั้นการสังเกต การสาธิต การนำเสนอสถานการณ์ และการแสดงบทบาทสมมติจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสอน ทัศนคติแก่ผู้เรียน 7) การออกแบบสาร (Designing for Message) ให้เข้าใจง่ายและตรงกับสิ่งต้องการสื่อสาร ใน 3 ส่วน คือ 1) กลยุทธ์การสอน (การเตรียมการเรียนการสอน) เป็นการเตรียมผู้เรียนให้พร้อมสำหรับ การเรียน เช่น กระตุ้นให้ผู้เรียนตระหนักถึงหัวข้อที่สำคัญในบทเรียน การนำเสนอวัตถุประสงค์ การสรุปภาพรวมของบทเรียน 2) การออกแบบสารสำหรับภาษาที่ใช้ เช่น การใช้คำถามที่สอดคล้องกับพื้นฐานของผู้ เรียนการช่วยกระตุ้นความคิดของผู้เรียน 3) การเลือกใช้ภาพและกราฟิกสำหรับการเรียนการสอนทำให้เกิดการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น

การพฒั นาการคิด : การออกแบบการเรยี นรตู้ ามแนว Backward Design 71โดยเฉพาะกับเนื้อหาที่มีความเป็นนามธรรมมากๆ 8) การเลือกสื่อทรัพยากรต่างๆ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมการเรียนการสอน (Development ofInstruction) 9) การพัฒนาเครื่องมือในการวัดและประเมินผล (Evaluation Instruments) พัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินผลที่สอดคล้องกับเป้าหมายการเรียนรู้ซึ่งมีความลุ่มลึกต่างๆ โดยมีทั้งเครื่องมือประเมินที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการดังได้กล่าวมาแล้ว จากหลักการดังกล่าวข้างต้น ผู้สอนนำไปใช้ในการขยายรายละเอียดของกระบวนการเรียนรู้ โดยจัดทำเป็นหน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องเชื่อมโยงกันในรายวิชา สำหรับแบบฟอร์มของหน่วย/แผนการเรียนรู้นั้น สถานศึกษาแต่ละแห่งวางกำหนดหัวข้อในหน่วยการเรียนรู้และแผนการเรียนรู้ที่มีรายละเอียดแตกต่างกันไป ซึ่งหัวใจสำคัญที่คงมีร่วมกันคือกระบวนการเรียนรู้ที่นำไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้และกระบวนการประเมิน ที่สัมพันธ์กัน

72 การพัฒนาการคิด : การออกแบบการเรียนรูต้ ามแนว Backward Design แบบบันทกึ หน่วยการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้เรื่อง ............................................................................................................................... รหัส-ชื่อรายวิชา....................................................กลุ่มสาระการเรียนรู้................................................... ชั้น......................................ภาคเรียน........................เวลา..........................ชั่วโมง................................... ผู้สอน...................................................................โรงเรียน....................................................................... มาตรฐานการเรียนร้กู ลุ่มสาระการเรียนรู้ ศลิ ปะ สาระที่ 3 นาฏศิลป์ มาตรฐานการเรียนรู้ ศ 3.2 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของนาฏศิลป์ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภมู ิปัญญาไทยและสากล ตัวชี้วัด ศ 3 . ม 1 / 1 ระบุปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ของนาฏศิลป์ นาฏศิลป์พื้นบ้าน ละครไทย และละครพื้นบ้าน สาระสำคญั การแพร่ทางวัฒนธรรมจากนานาชาติ ค่านิยมของผู้ชม และการแข่งขันทางธุรกิจมีผลต่อ การเปลี่ยนแปลงของนาฏศิลป์ นาฏศิลป์พื้นบ้าน ละครไทย และละครพื้นบ้าน สาระการเรียนรู้ ความรู้ ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ของนาฏศิลป์ นาฏศิลป์พื้นบ้าน ละครไทย และ ละครพื้นบ้าน ทักษะ/กระบวนการ การแสดงทางนาฏศิลป์ สมรรถนะ การคิด (วิเคราะห์เหตุและผลกระทบ) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (สืบค้นข้อมลู และเลือกใช้ข้อมลู จากแหล่งข้อมลู ใน internet) คณุ ลักษณะพงึ ประสงค์ รักความเป็นไทย (เห็นคุณค่าการสืบทอดนาฏศิลป์) การประเมินรวบยอด ช้ินงานหรือภาระงาน แผ่นพับ/สาธิตการแสดง ผลการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงของนาฏศิลป์ นาฏศิลป์พื้นบ้าน ละครไทย และละครพื้นบ้าน สำหรับผู้อ่านที่เป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษา เพื่อกระตุ้นให้มีส่วนร่วมอนุรักษ์

การพัฒนาการคิด : การออกแบบการเรียนรตู้ ามแนว Backward Design 73เกณฑก์ ารประเมินผล ระดบั คณุ ภาพการประเมินแผ่นพับ ประเมนิ เริ่มพัฒนา (1) กำลังพัฒนา (2) พัฒนาแล้ว (3) เป็นตัวอย่างได้ (4)การวิเคราะห์ ระบุปัจจัยที่ส่ง ระบุปัจจัยสำคัญ ระบุปัจจัยสำคัญ ระบุปัจจัยสำคัญที่ปัจจัยที่ส่งผลต่อ ผลต่อการ ที่ส่งผลต่อการ ที่ส่งผลต่อการ ส่งผลต่อการการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงมี เปลี่ยนแปลงมี เปลี่ยนแปลงมี เหตุผลสนับสนุน เหตุผลสนับสนุน เหตุผลสนับสนุน เหตุผลมีน้ำหนัก เหตุผลมีน้ำหนัก มีรายละเอียด และมีตัวอย่าง สนับสนุนบาง ขยายรายละเอียด ประการการเสนอ เสนอแนวทาง เสนอแนวทาง เสนอแนวทาง เสนอแนวทางแก้ไขแนวทางแก้ไข แก้ไขแต่ แก้ไขที่เป็นไปได้ แก้ไขที่เป็นไปได้ ที่เป็นไปได้ส่งผลดี แนวทางแก้ไข ส่งผลดีต่อผู้ ส่งผลดีต่อผู้ ต่อผู้เกี่ยวข้องและ ยังเป็นไปไม่ได้ เกี่ยวข้อง เกี่ยวข้องและส่วน ส่วนรวมอย่างยั่ง รวม ยืน กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมนำ 1. ครูนำเสนอภาพ เอกสาร สารคดี ที่เกี่ยวกับการแสดงละครพื้นบ้านในอดีต และปัจจุบันกระตุ้นความรู้สึกแล้วให้นักเรียนสังเกตความเปลี่ยนแปลง ประเด็นปัญหา 2. ครแู นะนำเทคนิค KWL (สิ่งที่รู้แล้ว สิ่งที่ต้องการรู้ สิ่งที่ได้เรียนรู้) เพื่อช่วยนักเรียนกำหนดสิ่งที่ยังไม่รู้ และการวิเคราะห์ปัญหาโดยใช้แผนภูมิก้างปลา 3. นักเรียนแบ่งกลุ่มอภิปรายปัญหาที่ตนสังเกต จากการศึกษาเอกสาร สารคดี เพื่อกำหนดขอบเขตของปัญหา และวิเคราะห์ปัญหาที่สำคัญและกลุ่มมีความสนใจโดยใช้แผนภมู ิก้างปลา 4. นักเรียนใช้ข้อมลู จากแผนภมู ิก้างปลา ร่วมกันกำหนดปัญหา ตั้งคำถาม กำหนดประเด็นที่จะเก็บรวบรวมข้อมลู เลือกแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือตามประเด็นต่างๆ เช่น - สัมภาษณ์ผู้รู้ /พ่อแม่ ปู่ ย่า ตายาย ตามประเด็น - ศึกษาจากเอกสาร รูปภาพ ของจริง เสื้อผ้า อุปกรณ์ ฯลฯ

74 การพฒั นาการคดิ : การออกแบบการเรียนร้ตู ามแนว Backward Design 5. นักเรียนใช้แผนภาพวิเคราะห์เปรียบเทียบความเหมือน และกำหนดประเด็น/ลักษณะ สำคัญของความแตกต่างในด้านเนื้อหา การแต่งกาย การจัดการ ความนิยม รายได้ ฯลฯ 6. นักเรียนวิเคราะห์สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นส่งผลต่อแสดงละครพื้นบ้านในอดีต และปัจจุบัน 7. นักเรียนคาดเดาผลกระทบต่อวัฒนธรรม และสังคม ในอนาคตต่อตนเอง ชุมชน สังคม 8. ระดมความคิดหาแนวทางแก้ไข เลือกทางเลือกที่เป็นไปได้ 9. กลุ่มเวียนตามฐาน อภิปราย แลกเปลี่ยนข้อมลู จากกลุ่มอื่น 10. แต่ละกลุ่มสรุป สังเคราะห์ข้อมูล ของกลุ่ม 11. ออกแบบเรียบเรียงข้อมลู การนำเสนอ เป็นแผ่นพับ สอ่ื การเรียนรู้ - ภาพ หนังสือ สื่อ CD VCD เกี่ยวกับการแสดงนาฏศิลป์ นาฏศิลป์พื้นบ้าน - ผู้รู้ ศิลปินพื้นบ้าน - สารานุกรมไทย - เว็บไซต์ สำนักงานวัฒนธรรมแห่งชาติ http://www. m-culture.go.th/library

75การพัฒนาการคิด : การออกแบบการเรียนรูต้ ามแนว Backward Design การออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้องิ มาตรฐาน ตามแนว Backward Designชื่อหน่วย สาวกของพระพุทธเจ้า ชั้น ม. 3 จำนวน ชั่วโมงมาตรฐานสาระการเรียนรู้ ส. 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถกู ต้อง ยึดมั่น และปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ตัวชี้วัด ส1.1 ม 3/4 วิเคราะห์พุทธประวัติจากพระพุทธรูปปางต่างๆหรือประวัติศาสดาที่ตนนับถือตามที่กำหนด ตัวชี้วัด ส1.1 ม 3/5 วิเคราะห์และประพฤติตนตามแบบอย่างการดำเนินชีวิต และข้อคิดจากประวัติสาวกชาดก/เรื่องเล่า และศาสนิกชนตัวอย่างตามที่กำหนดความคดิ รวบยอด -พระพุทธรูปปางต่างๆมีความหมาย สัมพันธ์กับพุทธประวัติช่วยเตือนใจให้ระลึกถึงวิธีคิดและวิธีปฏิบัติของพระพุทธเจ้าซึ่งสามารถนำมาเป็นแนวทางปฏิบัติให้เกิดผลดีต่อตนและสังคม - สาวกแต่ละองค์มีความสามารถที่โดดเด่น และมีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและเป็นแบบอย่างการปฏิบัติดี - ศาสนิกชนตัวอย่างเป็นผู้ปฏิบัติในยุคปัจจุบันที่ช่วยทำนุบำรุงและสืบทอดศาสนา - การตรวจสอบตนเองและประพฤติตนตามแบบอย่างสาวกและศาสนิกชนตัวอย่างมีผลดีต่อตน สังคม และ ศาสนาความเขา้ ใจท่ีคงทน/ฝังแนน่ พุทธประวัติ สาวก และชาดก ช่วยให้ชาวพุทธศรัทธาและมีแบบอย่างการในการปฏิบัติเป็นพุทธศาสนิกชนเพื่อให้เกิดผลดีต่อตนและสังคมที่ดี ความร้แู ละทักษะ - พุทธประวัติ พระพุทธรูปปางต่างๆ ประวัติสาวก ศาสนิกชนตัวอย่าง (หม่อมเจ้าหญิง พนู พิสมัย ศ. สัญญา ธรรมศักดิ์) - การวิเคราะห์พุทธประวัติ ความสามารถและบทบาทของสาวก ศาสนิกชนต่อศาสนา - วิธีปรับปรุงตนเองให้เป็นศาสนิกชน

76 การพัฒนาการคดิ : การออกแบบการเรียนร้ตู ามแนว Backward Design - ผลดีของการปฏิบัติที่เกิดต่อตนเอง สังคม และศาสนา - ทักษะการปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชน สมรรถนะ (ทกั ษะครอ่ มวชิ า) - ทักษะการคิดไตร่ตรอง - ทักษะการคิดหาทางเลือก - ทักษะการใช้เทคโนโลยี คุณลกั ษณะพงึ ประสงค์ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ (ปฏิบัติตนตามหลักของศาสนาที่ตนนับถือ) - อยู่อย่างพอเพียง (ไม่เบียดเบียน อยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสันติสุข) คำถามทา้ ทาย ศาสนาหล่อหลอมจิตใจให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสันติและสร้างสรรค์อย่างไร คำถามประจำหน่วยการเรียนรู้ พุทธประวัติและพระพุทธรูปปางต่างๆเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตที่ดีในสังคมได้ อย่างไร การประเมินผล กิจกรรมรวบยอด - แผ่นพับ หัวข้อ “พระสาวก ศาสนิกชน : แม่แบบของเยาวชนในการสืบทอดศาสนาสู่ อนาคต” นักเรียน/กลุ่มมีบทบาทเป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนไปร่วมประชุมร่วมกับเยาวชนทั่ว ประเทศในหัวข้อ “ แบบอย่างของเยาวชนในการปฏิบัติตามหลักศาสนา” และใช้แผ่นพับเพื่อ กระตุ้นให้เยาวชนอื่นๆนำแนวคิดไปปฏิบัติ ร่องรอยการเรียนรู้อื่นๆ - คำถาม-คำตอบ เกี่ยวกับ พุทธประวัติ ปาง พระพุทธรูป พระสาวก ศาสนิกชน 15 ข้อ - แบบทดสอบ 15 ข้อ - แผนผังความคิดเกี่ยวกับพุทธประวัติ การปฏิบัติของพระสาวกและ ศาสนิกชนตัวอย่าง - เขียนวิเคราะห์เชื่อมโยงการปฏิบัติของตนกับศาสนิกชนที่เป็นแบบอย่าง

การพฒั นาการคิด : การออกแบบการเรยี นรตู้ ามแนว Backward Design 77เกณฑ์การประเมินผล - การประเมิน แผ่นพับ เกณฑ์การ ระดับคุณภาพ 4 3 2 1 ประเมิน การวิเคราะห์พุทธ ระบุเหตุการณ์ ระบุเหตุการณ์ ระบุเหตุการณ์ ระบุเหตุการณ์ ประวัติ สำคัญในพุทธ สำคัญในพุทธ สำคัญในพุทธ สำคัญในพุทธ ประวัติ วิเคราะห์ ประวัติ วิเคราะห์ ประวัติ วิเคราะห์ ประวัติ การ คำสอน/ วิธีปฏิบัติ คำสอน/ วิธีปฏิบัติ คำสอน/ วิธีปฏิบัติ วิเคราะห์คำสอน/ ที่เป็นแบบอย่างได้ ที่เป็นแบบอย่างได้ ที่เป็นแบบอย่างได้ วิธีปฏิบัติที่เป็น ถกู ต้อง แสดง ถกู ต้อง แสดง ถกู ต้อง แสดง แบบอย่างยังไม่ถูก เหตุผลสนับสนุน เหตุผลสนับสนุน เหตุผลสนับสนุน ต้อง ขาดการ อย่างสมเหตุ อย่างสมเหตุ แต่ยังไม่สมเหตุสม แสดงเหตุผล สมผล ยก สมผล ยก ผลทั้งหมด และมี สนับสนุนหรือยัง ตัวอย่างประกอบ ตัวอย่างประกอบ ตัวอย่างประกอบ ไม่สมเหตุสมผล มีการขยายราย บางส่วน ละเอียด การวิเคราะห์หลัก ระบุประโยชน์ของ ระบุประโยชน์ของ ระบุประโยชน์ของ ระบุประโยชน์ของ การ คุณค่า และ หลักการ และการ หลักการ และการ หลักการ และการ หลักการ และการ การปฏิบัติ ปฏิบัติที่มีต่อ ปฏิบัติที่มีต่อตน ปฏิบัติที่มีต่อตน ปฏิบัติที่มีตนและ ตนเองและสังคม และสังคมด้าน และสังคมบางด้าน สังคมได้จำกัด ไทยด้านต่างๆได้ ต่างๆได้ครอบคลุม อย่างครอบคลุม มี ตัวอย่างประกอบ ช่วยให้เห็นคุณค่า การเชื่อมโยงแบบ ระบุประเด็นสำคัญ ระบุประเด็นสำคัญ ระบุประเด็นสำคัญ ระบุประเด็น อย่างกับการปฏิบัติ จากการปฏิบัติของ จากการปฏิบัติของ จากการปฏิบัติของ สำคัญจากการ ของเยาวชน ตัวแบบที่เยาวชน ตัวแบบที่เยาวชน ตัวแบบที่เยาวชน ปฏิบัติของตัวแบบ จะนำไปใช้ได้ จะนำไปใช้ได้ จะนำไปใช้ได้บาง ที่เยาวชนจะนำไป หลายประเด็น หลายประเด็น มี ประเด็น มีเหตุผล ใช้ได้บางประเด็น หลายสถานการณ์ เหตุผลสนับสนุน สนับสนุนแต่บาง ขาดเหตุผล และ มีเหตุผลที่มี ถูกต้อง ส่วนยังไม่สมเหตุ สนับสนุน น้ำหนักสนับสนุน สมผล

78 การพฒั นาการคดิ : การออกแบบการเรยี นรู้ตามแนว Backward Design กิจกรรมการเรยี นรู้ งานก่อนวันเรียน 1. มอบหมายให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม ศึกษาพระพุทธรูปปางต่างๆ พุทธประวัติ (ตามรายชื่อ/รายการที่กำหนด) และนำรูปพร้อมเรื่องราวพุทธประวัติตอนนั้นๆ มา 2. แจ้งกติกาการแข่งขันเกม “ แฟนพันธุ์แท้ พุทธประวัติ” 3. ให้กลุ่มส่งคำถามที่จะใช้แข่งขันกลุ่มละ 10 คำถาม พร้อมเฉลยคำตอบ ในชั่วโมงเรียน 1. ครทู บทวนกติกาของ เกมการแข่งขัน “ แฟนพันธุ์แท้ พุทธประวัติ สาวก” 2. ทีมส่งตัวแทนแข่งขันตอบปัญหา ปางพระพุทธรูป พุทธประวัติ สรุปผลการแข่งขัน อภิปรายข้อสงสัยจากคำถาม คำตอบ 3. ครูตั้งคำถาม ท้าทายการคิด “พุทธประวัติและพระพุทธรูปปางต่างๆเป็นแบบอย่างใน การดำเนินชีวิตที่ดีในสังคมได้อย่างไร” 4. ร่วมกันฝึกวิเคราะห์พระพุทธประวัติ ปางพระพุทธรูป ชาดก แก่นคำสอนที่เกี่ยวกับ ตอนใดตอนหนึ่ง และคาดเดาผลที่จะเกิดจากการนำแนวคิดไปใช้ เป็น mind map 5. แต่ละกลุ่มเลือกปางพระพุทธรูปพุทธประวัติ และวิเคราะห์เองตามแนวทางในข้อ 3 6. กลุ่มนำเสนอแบบตลาดนัด แล้วจัดเวียนศึกษาผลการวิเคราะห์เป็นฐาน 7. แต่ละกลุ่มสังเคราะห์ ข้อคิด แบบอย่างที่สำคัญจากพุทธประวัติ สาวก ชาดกและเชื่อม โยงกับการปฏิบัติของตน/เยาวชน นำเสนอในรูปแผ่นพับ 8. แต่ละคนเขียนวิเคราะห์การปฏิบัติของตนเองที่ได้จากแบบอย่าง สิ่งที่ต้องการปฏิบัติ เพิ่ม 9. นำไปปฏิบัติใน 1-2 สัปดาห์ และบันทึกผลการกระทำ ความคิด ความรู้สึกที่ได้ ส่ือและแหล่งเรยี นรู้ - DVD / การ์ตูน เรื่องพระพุทธเจ้า - ภาพพระพุทธรปู ปางต่างๆ - ซองคำถามและแบบบันทึกคะแนนเกมการแข่งขัน - แบบทดสอบ - กระดาษแผ่นใหญ่ สีเมจิก - รางวัล

การพัฒนาการคิด : การออกแบบการเรยี นรตู้ ามแนว Backward Design 79บรรณานกุ รมกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา, คุณหญิง การออกแบบการเรียนรู้เพื่อสร้างความเข้าใจ : เอกสารสรุปความจากหนังสือ Understanding by Design Grant Wiggins and Jay McTighe http//:www.obec.go.thโกวิท ประวาลพฤกษ์ การสร้างความรู้ (Construction of Knowledge). สถาบันพัฒนา คุณภาพวิชาการกรุงเทพมหานคร 2547.สิริพันธุ์ สุวรรณมรรคา และคณะ. รายงานการสังเคราะห์ รูปแบบ เทคนิค วิธีการ กระบวนการ นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการคิดของครูท้ังในประเทศ และต่างประเทศ. ศูนย์พัฒนาการเรียนรู้และวิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. (เอกสารอัดสำเนา),2551.สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. กรุงเทพมหานคร : องค์การค้าคุรุสภา, 2542.Fosnot, C.T.Constructivism: A Psychological Theory of Learning. In Catherine Twomey Fosnot. Constructivism Theory Perspectives and Practice. New York. USA. Teachers Collage, Columbia University. 1995. pp. 8-34.Glasersfeld, E. Introduction: Aspects of constructivism. In Catherine Twomey Fosnot. Constructivism: Theory Perspectives and Practice. New York. USA. Teachers Collage, Columbia University. 1995. pp.3-8.Mazano, R.J Classroom Assessment and Grading That Works. Alexandria, Virginia: USA. Association for Supervision and Curriculum Development. 2006.McTighe, J. & Wiggins, G. Understanding by Design: Professional Development Workbook. Alexandria, Virginia: USA. Association for Supervision and Curriculum Development. 1998. 2004Wiggins, G. & McTighe, J. Understanding by Design. Alexandria, Virginia: USA Association for Supervision and Curriculum Development. 1998.Wolfe, P. Brain Matters : Translating Research into Practice Alexandria, Virginia: USA. Association for Supervision and Curriculum Development. 2001.

80 การพัฒนาการคิด : การออกแบบการเรียนรู้ตามแนว Backward Design คณะผ้จู ัดทำท่ปี รกึ ษา คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายวินัย รอดจ่าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดร.สมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดร.อรทัย มูลคำ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา นางสาววนั เพญ็ สจุ ปิ ตุ โต รองผอู้ ำนวยการสำนกั พฒั นานวตั กรรมการจดั การศกึ ษาคณะทำงาน ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา นายสมควร วรสันต์ กรุงเทพมหานคร เขต 1 ช่วยราชการสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา นักวิชาการศึกษา สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา นักวิชาการศึกษา สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา นายศักดิ์สิน ช่องดารากุล นักวิชาการศึกษา สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา ดร.วรรณา ช่องดารากุล นักวิชาการศึกษา สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา นายพิทักษ์ โสตถยาคม นักวิชาการศึกษา สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา นางสาวธัญนันท์ แก้วเกิด นักวิชาการศึกษา สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา นางสาวฐานิตา นพฤทธิ์ บรรณาธกิ าร ดร.วรรณา ช่องดารากุล ภาพ นกั วชิ าการศกึ ษา สำนกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา นางสาววงเดอื น สวุ รรณศริ ิ โรงเรียนท่าม่วงราษฎร์บำรุง สพท.กาญจนบุรี เขต 1 นางสาวศุลีพร วงษ์ภาณุวัฒน์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook