อยธุ ยานา่ ยล เยาวชนนา่ รู้ ศูนย์พัฒนากลุม่ สาระสังคมศกึ ษา ฯ จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา
...รว่ มเรียนรู้ ความเปนตวั เรา...
ภมู ปิ ญญาทอ้ งถนิ ขขอองงพพรระะนนคครรศศรรอี อี ยยุธธุ ยยาา ((ขขอองงดดแี ีแตตล่ ล่ ะะออําําเเภภออ)) ๑
๒
อาํ เภอภาชี ผ้าขาวม้า จดุ เริมต้นในการทอผา้ ของชาวหนองเครือบุญเกิดขนึ ตังแต่ พ.ศ. ๒๕๓๕ เมอื สํานักพระราชวงั นําความรู้ด้านการ ทอผา้ มาสอนผูค้ นในพนื ทีเพอื เปนการสร้างรายได้นอกเหนือ จากการทํานาตามปกติ ก่อนจะมกี ารประยุกต์มาทอผา้ ขาวมา้ และจดั ตังเปนกลุ่มในเวลาต่อมา สร้างชอื เปนงาน หัตกรรมคณุ ภาพระดับประเทศปจจบุ นั มปี ระชาชนและ นักเรียนนักศึกษามาดงู านของทางกลุ่มอยา่ งสมาเสมอ สําหรับนักท่องเทียวทัวไปสามารถเขา้ ไปเยยี มชมการทอผา้ พร้อมซอื สินค้าต่าง ๆ ของทางกลุ่มในราคาไมแ่ พง ๓
อาํ เภอบ้านแพรก พั ดสานบ้านแพรก พดั สานบา้ นแพรกเปนงานหัตถกรรมพนื บา้ นอันทรง คณุ ค่าทีเกิดจากภมู ปิ ญญาชาวบา้ นอําเภอบา้ นแพรก ทีริเริม การสานพดั มาเปนเวลานับ ๕๐ ปมกี ารประยุกต์ปรับปรุงรูปแบบ ตลอดเวลาการสานพดั เปนอาชพี เสริมทํารายได้ภายในครัวเรือน ชาวบา้ นจะสานพดั ในชว่ งวา่ งเวน้ จากการทํานาเปน สินค้าพนื เมอื งทีสําคัญอยา่ งหนึงของชาวอําเภอบา้ นแพรก พดั สานจงึ กลายมาเปนงานหัตถกรรมพนื บา้ นทีมชี อื เสียงและได้ รับการยกยอ่ งให้เปนเอกลักษณ์ของอําเภอบา้ นแพรก ดังปรากฏในคาขวญั ทีวา่ “หลวงพอ่ เขยี ว หลวงพอ่ ขาว หลวงพอ่ เภาค่บู า้ น พดั สานค่เู มอื งพพิ ธิ ภัณฑ์ลือเลือง ๔รุ่งเรืองเกษตรกรรม เลิศลาหัตถศิลป แดนดินถินลิเก”
อําเภอเสนา จักสานหวั เวยี ง ในอดีตชาวหัวเวยี งส่วนใหญม่ อี าชพี ทําการเกษตรทํานาป ซงึ ทําได้เพยี งปละหนึงครัง เมอื มเี วลาวา่ งในการเก็บเกียวผลผลิต ปราชญช์ าวบา้ นซงึ มคี วามรู้ความสามารถด้านการจกั สานจงึ รวมกันคิดค้น หาวธิ ีประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากหวาย เพอื ใชป้ ระโยชน์ในครัวเรือนเปนหลัก และจาํ หน่ายเพอื เปนอาชพี เสริมเพมิ รายได้ ให้กับครอบครัว เชน่ ตะกร้า สําหรับใส่เสือผา้ ใส่ของไปวดั หรือไวใ้ ส่ของ และของใชอ้ ืน ๆ ทีทําจากหวาย กลุ่มจกั สานบา้ นหัวเวยี ง ได้ก่อตังเมอื ป พ.ศ. ๒๕๔๒ มจี าํ นวนสมาชกิ ๕ คน จนในป พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้มกี ารบริหารจดั การโครงสร้างกลุ่ม แบง่ หน้าทีของการทํางาน ตามความสามารถของแต่ละบุคคล ต่อมาในป พ.ศ. ๒๕๔๗ ลักษณะการทํางานแบบงา่ ย ๆ ในชุมชน เล็งเห็นวา่ การตลาด สามารถดําเนินไปได้ดี จงึ ได้พฒั นารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความ ต้องการของตลาดแต่ก็ยงั คงอนุรักษ์ซงึ ภมู ปิ ญญาเดิมไวจ้ นถึง ๕ ปจจบุ นั สมาชกิ สามารถมรี ายได้เพยี งพอจนยดึ เปนอาชพี ได้
อาํ เภอบางซา้ ย เบญจรงค์และลายนําทอง ลายเบญจรงค์และลายน้าทอง เปนชอื เรียกเครือง ถ้วยชนิดหนึง ทีใชใ้ นประเทศไทย ตังแต่สมยั กรุงศรีอยุธยา ถึงรัตนโกสินทร์ เครืองถ้วยเหล่านีเปนของทีทําพเิ ศษจาก ประเทศจนี โดยชา่ งไทยเปนผูอ้ อกแบบให้ลาย ให้สีตาม ศิลปะแบบ ไทย แล้วส่งแบบลายให้ชา่ งจนี นําไปผลิตที ประเทศจนี จงึ เปนถ้วยชามเปนเอกลักษณ์ของไทยโดย เฉพาะ สําหรับใชใ้ นราชสานัก ไมม่ จี าํ หน่ายทัวไป ต่อมาจงึ มี การสร้างเตาเผาในประเทศไทย และมกี ารทําสืบทอดกันมา ๖
อําเภอบางไทร หัตถกรรมเปาแก้ว หัตถกรรมเปาแก้ว เปนงานศิลปะแขนงหนึงทีมคี วาม ประณีตละเอียดอ่อน จนสมาชกิ กลุ่มได้มโี อกาสได้เขา้ รับ การอบรมเรียนรู้วชิ าชพี แขนงนีทีศูนยศ์ ิลปาชพี บางไทร ได้ศึกษาเทคนิคและวธิ ีการต่างๆ ได้นําความรู้ทีได้รับมา ถ่ายทอดความชาํ นาญให้กับคนในชุมชน งานหัตถกรรมเปาแก้ว เปนงานทีเกิดจากความคิด โดยฝมอื ของคนไทย ไมต่ ้องพงึ เครืองจกั รทีมรี าคาแพง แต่ต้องอาศัยความอดทนและความชาํ นาญ จาก ประสบการณ์ ทีได้สังสมมานานบวกกับจนิ ตนาการทีได้ เปนวถิ ีชวี ติ ความเปนมาของคน สัตว์ สิงของ ทําให้สร้าง สรรค์และพฒั นาชนิ งานออกมาได้อยา่ งประณีต ๗ เชน่ ชา้ งทรงเครืองลายไทย สัตว์ 12 ราศี เปนต้น
อาํ เภอบางบาล ก้านธปู ประชาชนตําบลบา้ นก่มุ มอี าชพี หลักคือการทํานา และ มกี ารทําก้านธูปเปนอาชพี เสริม ในหมูบ่ า้ นของตําบลบา้ นก่มุ นีมกี ารทําก้านธูปกันมา ตังแต่สมยั บรรพบุรุษ เนืองจากสมยั ก่อนในหมูบ่ า้ นมตี ้นไผ่ ปลูกเปนแนวกันลมและเปนรัวบา้ นชาวบา้ นได้นําไมไ้ ผม่ า ใชจ้ กั สานทําเปนของใชใ้ นครัวเรือน ต่อมาได้เปลียนมาทํา ก้านธูป โดยมพี อ่ ค้าคนกลางเขา้ มาส่งเสริมให้ชาวบา้ นทํา ก้านธูป รับซอื แล้วนําไปทําดอกธูปเพอื ส่งจาํ หน่ายใน กรุงเทพ ฯ ๘
อําเภอนครหลวง มีดอรญั ญิก เเหล่งผลิตมดี เลืองชอื ทีสุดแห่งหนึงของประเทศทีมี ประวตั ิความเปนมายาวนานตังแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ จากฝมอื ชาวเวยี งจนั ทน์ ประเทศลาวแห่งบา้ นต้นโพธิและ บา้ นไผห่ นอง ซงึ เขา้ มาอยูเ่ มอื งไทยมาเนินนานแล้ว ไม่ ปรากฏหลักฐานแน่ชดั วา่ ถกู กวาดต้อนมาในสมยั เจา้ พระยา มหากษัตริยศ์ ึกคราวยกทัพไปตีเมอื งเวยี งจนั ทน์หรือจะ อพยพมาเอง แต่มหี ลักฐานวา่ นายเทาเปนผูน้ ํา ซงึ ในสมยั รัชกาลที ๕ ได้พระราชทานบรรดาศักดิเปน ขุนนราบริรักษ์ ชาวเวยี งจนั ทน์กลุ่มนีมฝี มอื ทางชา่ ง ได้แก่ ชา่ งทองกับ ชา่ งเหล็ก ๙
อําเภอนครหลวง มีดอรัญญกิ แต่เมอื พ.ศ.๒๓๖๕ ได้เลิกอาชพี ชา่ งทอง คงเหลือแต่การตีมดี อยา่ ง เดียว ประกอบกับภมู ปิ ระเทศ บริเวณนีเปนอู่ขา้ วอู่นา มดี งไมไ้ ผ่ หนาเเน่น มหี นองนาและแมน่ าปา สักไหลผา่ นจงึ สะดวกต่อการเดินทางและนําไมไ้ ผม่ าใชเ้ ปนองค์ ประกอบในการทํามดี คือ นํามาเปนเชอื เพลิงในเตาเผาเหล็ก เพราะถ่านไมไ้ ผใ่ ห้ความร้อนสูงกวา่ ไมช้ นิดอืน และนําลําต้นไปทํา ด้ามพะเนิน ด้ามค้อน เเละด้ามมดี ๑๐
อําเภอนครหลวง มดี อรญั ญกิ สมยั รัชกาลที ๓ เมอื ราว พ.ศ.๒๓๖๙ เจา้ อนุวงศ์ เวยี งจนั ทน์เสด็จมาถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาท สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้มาขอให้ชาวเวยี งจนั ทน์กลับ ประเทศเเต่ชาวบา้ นไผห่ นองและบา้ นต้นโพธิขออยูใ่ ต้ร่ม โพธิสมภาร สร้างชอื เสียงจากวชิ าตีมดี ในเมอื งไทยต่อไป สาเหตทุ ีได้ชอื วา่ มดี อรัญญกิ เปนเพราะสมยั โบราณมี ตลาดทีบา้ นอรัญญกิ ตําบลปากท่า อาเภอท่าเรือ จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา ห่างจากหมูบ่ า้ นต้นโพธิเเละหมูบ่ า้ นไผห่ นอง ประมาณ ๓ กิโลเมตร ชาวบา้ นนําเอามดี ไปขายทีตลาดแห่งนี คน ทีซอื ไปก็บอกต่อๆ กันวา่ มดี อรัญญกิ มคี ณุ ภาพดี เพราะทังแขง็ แรงทนทาน บางชนิดใชไ้ ด้นานตลอดชวั อายุคน และยงั สวยงาม ประณีต มดี อรัญญกิ มดี ้วยกัน 4 ตระกลู ได้แก่ มดี ตระกลู เกษตรกรรม มดี ตระกลู คหกรรม มดี ตระกลู อาวธุ และ ๑๑ มดี ตระกลู อืน ๆ
อาํ เภอลาดบัวหลวง ผ้าครยุ ชายมัดยอ้ ม ผูน้ ํากลุ่มผา้ มดั ยอ้ มลาดบวั หลวง ได้มโี อกาสเดิน ทางไปประกอบอาชพี ทีทางภาคเหนือ ในเขตจงั หวดั เชยี งใหม่ และจงั หวดั ใกล้เคียงอยู่ ๘ ป จงึ ได้พบเห็นและ สัมผสั วถิ ีชวี ติ ชาวบา้ นในแถบถินนัน ซงึ มอี าชพี ยอ้ มผา้ หรือผา้ มดั ยอ้ ม จงึ ได้จดจาํ และนํามาฝกหัดทดลองทําดู ปรากฎวา่ ได้ผลทีน่าพงึ พอใจ จงึ ได้ศึกษาและค้นควา้ ดัดแปลงการจบั ผา้ ในลักษณะต่าง ๆ เพอื ยอ้ ม และให้เกิด ลวดลายทีแปลก ๆ จนพฒั นาเปน ผา้ ครุยชายมดั ยอ้ ม สุด ยอดหนึงตําบล หนึงผลิตภัณฑ์ไทย ป พ.ศ. ๒๕๕๙ OTOP Product Champion : OPC ระดับ ๔ ดาว ๑๒
อําเภอบางปะหัน งอบไทยใบลาน งอบ เปนเครืองสวมศีรษะสาหรับกันแดดกันฝน ภายในเปนโครงไมไ้ ผส่ านด้วยตอกกรุด้วยใบลาน รูปร่าง คล้ายกระจาดควา มรี ังงอบสําหรับสวมศีรษะ ใชเ้ ชน่ เดียว กับหมวก งอบมใี ชก้ ันมากในชนบทภาคกลาง ในหมูช่ าวไร่ ชาวนา ชาวสวนและสามญั ชน ทัวไป งอบมปี ระโยชน์ใน การใชส้ อยเชน่ เดียวกับหมวกแต่งอบ มลี ักษณะและ คณุ สมบตั ิทีพเิ ศษกวา่ หมวก คืองอบมขี นาดใหญก่ วา่ กันแดดกันฝนได้ดีกวา่ มนี าหนักเบา รังงอบสาน ด้วย ไมไ้ ผส่ ําหรับสวมศีรษะมลี ักษณะโปร่งระบายอากาศได้ดี เหมาะสมสําหรับใชง้ านกลางแจง้ ชาวไร่ ชาวนา จงึ นิยม ใส่ งอบทํางานกันมากกวา่ การใชห้ มวก ๑๓ หรือใชผ้ า้ โพกศีรษะ
อาํ เภอผักไห่ ตะกรา้ หวายกาหลง ตําบลท่าดินแดง อําเภอผกั ไห่ จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา เปนชุมชนดังเดิมตังอยูร่ ิมแมน่ า น้อย ชาวตําบลท่าดินแดง สืบสานงานฝมอื จกั สานมา ตังแต่บรรพบุรุษในสมยั กรุงศรีอยุธยาเปนราชธานี โดยเริมงานจกั สานไมไ้ ผซ่ งึ มอี ยูม่ ากในชุมชน ต่อมามี การประยุกต์จากไมไ้ ผม่ าเปนหวายหอมและหวาย กาหลง ซงึ สามารถนํามาจกั สานได้หลากหลายรูปแบบ มากขนึ จากฝมอื ทีสังสมมาจากบรรพบุรุษบวกกับ ความรู้ทีได้รับเพมิ เติมในสมยั ปจจบุ นั จงึ พฒั นามา เปนตะกร้าหลายๆ รูปแบบ ๑๔
อาํ เภอบางปะอิน เครอื งจักสานจากผกั ตบชวา ผลิตภัณฑ์ภมู ปิ ญญาท้องถินของกลุ่มแมบ่ า้ น หมู่ ๖ พฒั นา ต.เชยี งรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ถือได้วา่ เปนผลิตภัณฑ์ ทีสร้าง ความภาคภมู ใิ จให้กับคนในชุมชนเปนอยา่ งยงิ เพราะ โครงการผลิตเครืองจกั สานจากผกั ตบชวา กลุ่มสตรี ชุมชนหมู่ ๖ พฒั นานี เกิดขนึ จากการร่วมแรงร่วมใจ ของประชาชน ในชุมชน กับสํานักงานคณะกรรมการ ปองกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) และตํารวจ ภธู รภาค 1 ทีต้องการแก้ไขปญหา ยาเสพติดในชุมชน หมู่ 6 ให้หมดไป ๑๕
อาํ เภอวังนอ้ ย ดอกไม้ประดิษฐ์จากผ้าและกระดาษสา เริมจดั ตังกลุ่มเมอื ป พ.ศ. ๒๕๕๑ มกี ารถ่ายทอด ความรู้การทําดอกไมป้ ระดิษฐ์จากผา้ และกระดาษสา จากประธานกลุ่มให้กับสมาชกิ ทีเปนคนวา่ งงานใน ชุมชนและพฒั นาผลงานให้มคี ณุ ภาพเปนทีต้องการ ของตลาดทังในและต่างประเทศ มสี มาชกิ แรกก่อตัง ของกลุ่มจาํ นวน ๗ คน ปจจบุ นั มสี มาชกิ มจี าํ นวน ๑๒ คน ๑๖
อําเภอมหาราช มะม่วงกวนส้มลมิ ในฤดกู าลทีต้นมะมว่ งออกผลมาจาํ นวนมากเกินกวา่ ที จะบริโภคผลสดได้หมด เริมจะมมี ะมว่ งสุกร่วงหล่นจากต้น มาก ไมน่ ่าใชร้ ับประทานผลไมส้ ดได้ วธิ ีดังเดิมของชาวบา้ นก็ มกั จะนํามะมว่ งสุกเหล่านีมาทํา “ส้มแผน่ ” ทีรสชาติอร่อย ออกหวานอมเปรียวเพอื เก็บไวก้ ินได้อีกนาน หากปไหนทําส้ม แผน่ กันมากเกินเก็บ ก็จะเอามาขายบา้ ง ประมาณป พ.ศ. ๒๕๔๐ คณุ สมบตั ิ คงเจริญ ซงึ เปนผูน้ ํา สตรีอาสาเปนผูร้ ิเริมและรวมกลุ่มสตรีในหมูบ่ า้ น เกิดความ คิดทีจะนําส้มแผน่ ซงึ เปนผลผลิตของชาวบา้ นมาเปนสินค้า หลักและมเี ปาหมายทีจะทําให้ ชอื “ส้มแผน่ ” เปนสินค้าของ ๑๗ฝาก จากอําเภอมหาราช จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา
อาํ เภออทุ ยั ครกหนิ กลงึ กลุ่มอาชพี “หัตถอุตสาหกรรมครกหินกลึง” อําเภออุทัย จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา ยงั คงเจตนารมณ์ดังเดิมของ บรรพบุรุษ ในการผลิตครกหินกลึง พร้อมกับการพฒั นารูป แบบ ของครกหินให้เขา้ กับยุคสมยั ปจจบุ นั และเพอื ให้ตรง ตามความต้องการของลูกค้าด้วยการสร้างชอื เสียง ให้เปนที รู้จกั ในนาม ผลิตภัณฑ์ครกหินกลึง และสากหินกลึง ซงึ ผลิต จากหินอัคนี ทีมคี ณุ สมบตั ิแขง็ และเหนียว ปากครกจะมขี อบ สากกลึงจะมลี วดลายคล้ายด้ามกระบี ๑๘
อําเภอทา่ เรอื ขนมบา้ บนิ ทา่ เรอื “ขนมบา้ บนิ ท่าเรือ” นันมกี ารผลิตจาํ หน่ายมานานเกือบร้อยปทีเดียว เจา้ แรก ทีผลิตจาํ หน่ายนันคือ ยา่ คร้าม ปูปลอด ต้นตระกลู “เอิบกมล” บา้ นอยูห่ มูท่ ี ๔ ตําบลวงั แดง อําเภอท่าเรือ จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา เปนผูผ้ ลิตขนมบา้ บนิ ทีมี ลักษณะคล้ายขนมปง ขนมของไทยดังเดิม ซงึ มสี ่วนผสมของมะพร้าว แปงขา้ ว เหนียว น้าตาลทราย รสชาติทีออกมาจะหอมหวาน แต่ก็ยงั ไมอ่ ร่อยเท่ากับขนมบา้ บนิ ในปจจบุ นั ทีมกี ารพฒั นาปรับปรุงให้รสชาติดีขนึ มาตลอดต่อมา ในราวป พ.ศ. ๒๔๘๓ แมเ่ สียน เอิบกมล (ปรีชากลุ ) ผูไ้ ด้รับมรดกทางฝมอื ใน การทําขนมบา้ บนิ จากบรรพบุรุษ ก็ได้มาผลิตอยูบ่ า้ นเลขที ๔๑๓/๖ ซอยเทศบาล ๓ ตําบลท่าเรือ แล้วนําไปจาหน่ายบนชานชาลาสถานีรถไฟท่าเรือและได้พยายาม ปรับปรุงรสชาติให้ดีขนึ มาตลอด (ปจจบุ นั นีแมเ่ สียน ได้เสียชวี ติ แล้วเมอื วนั ที ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ) แต่มคี ณุ เกษม จนดา (เอิบกมล) ซงึ เคยเปนลูกมอื ชว่ ยแม่ เสียนทําการผลิตมาหลายสิบป ก็ยงั ผลิตขนมบา้ บนิ จาาํ น่ายสืบทอดเปนมรดกอยู่ ต่อไป นับได้วา่ ขนมบา้ บนิ แมเ่ สียน ผลิตมานานกวา่ ๕๐ ป ๑๙
พระนครศรีอยธุ ยา โรตีสายไหม โรตีสายไหม สุดยอดหนึงตาบล หนึงผลิตภัณฑ์ไทย ป พ.ศ. ๒๕๕๙ OTOP Product Champion : OPC ระดับ ๔ ดาว ใชร้ ับประทานเพอื ความอร่อย และสามารถนําไปเปนของฝากเพราะเปนของฝากประจาํ จงั หวดั อยุธยาเปนขนมทีราคาไมแ่ พงสามารถซอื ฝากได้หลายคนเรืองราวผลิตภัณฑ์ โรตีสายไหมเปนขนมประจาํ จงั หวดั อยุธยา และเปนขนมชาวไทยมุสลิมทีมมี า ตังแต่บรรพบุรุษไมท่ ราบแหล่งทีมาทีชดั เจนนักแต่เดิมมกี ารขายโดยนําโรตี สายไหมมาใส่ในปบมแี ผน่ กระดาษกลม ๆ มตี ัวเลข 1 - 5 และมลี ูกศรเปนแผน่ เหล็ก ใต้ลูกศรมมี อเตอร์ทีใชถ้ ่าน ริมขอบฝามรี ูสําหรับยอด ไปอยูต่ รงเลขใด ซงึ เปนทีนิยมกันมากในสมยั ก่อน ต่อมาได้รับความนิยมจากนักท่องเทียวชม โบราณสถาน บวกกับมกี ารประชาสัมพนั ธ์ของหน่วยงานราชการ ประจาํ จงั หวดั และให้มกี ารนําสินค้า ขนึ ทะเบยี นโอทอป จงึ ทําให้มกี ารตังขายอยูก่ ับ ทีเปดเปนร้านถาวร มกี ารพฒั นารูปแบบใหม่ ๆ เชน่ มหี ลายสี หลายรส มที ังสรส้ม ใบเตย โกโก้ ส่วนแปงมหี ลายรสชาติ รสใบเตยใส่งา ๒๐ แปงอัญชนั ผสมใบเตยใส่งาแปงดังเดิมเปนต้น
พระนครศรีอยธุ ยา ปลาตะเพี ยนใบลาน การสานปลาตะเพยี นใบลานเปนอาชพี เก่าแก่ทีทาสืบต่อกันมาตังแต่ บรรพบุรุษนานกวา่ ๑๐๐ ป โดยสันนิษฐานวา่ ชาวไทยมุสลิมซงึ ล่องเรือขาย เครืองเทศอยูต่ ามแมน่ ้าเจา้ พระยาและอาศัยอยูใ่ นเรือเปนผูป้ ระดิษฐ์ปลา ตะเพยี นสานด้วยใบลานขนึ เปน ครังแรก แรงบนั ดาลใจอาจจะมาจากความ รู้สึกผูกพนั อยูก่ ับท้องนา สิงแวดล้อมรอบ ๆ และความค้นุ เคยกับรูปร่าง หน้าตาของปลาตะเพยี นเปนอยา่ งดี โดยใชว้ สั ดจุ ากท้องถิน เชน่ ใบมะพร้าว ใบลาน ใบตาล ปลาตะเพยี นทีสานด้วยใบลานในสมยั ก่อนนันไมส่ วยงามและมี ขนาดใหญโ่ ตเชน่ ปจจบุ นั ปลาตะเพยี นรุ่นแรกทีสร้างขนึ เรียกวา่ “ปลา โบราณ” โดยจะทําเปนตัวปลาขนาดเล็ก ๆ ขนาด 1 3 ตัวเท่านัน ปลาตะเพยี น ใบลานมกั ทาด้วยสีเหลืองซดี ๆ ทีทําด้วยวตั ถดุ ิบตามธรรมชาติทีเรียกวา่ “รงค์” ผสมกับนามนั วานิช แล้วนําไปเสียบไมส้ ําหรับห้อยแขวนและปลาตะเพยี นใบ ลานในสมยั ก่อนยงั มจี าํ นวนน้อยมากถ้าเทียบกับปจจบุ นั ปลาตะเพยี นใบลาน เปนงานหัตถศิลปฝมอื ชาวมุสลิมในท้องทีท่าวาสุกรี บา้ นหัวแหลมทีอยูค่ ู่ ๒๑ อยุธยามาเปนเวลาร่วมร้อยปจนถึงวนั นี นับได้วา่ อยุธยาเปนแหล่ง ผลิตปลาตะเพยี นสาน ใบลานใหญท่ ีสุดในประเทศ
ศนู ยพ์ ัฒนากลุ่มสาระ สังคมศกึ ษา ฯ จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: