Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการเรียนรู้รีไซเคิล

แผนการเรียนรู้รีไซเคิล

Published by กศน. ตำบลสาลี, 2022-07-07 15:12:58

Description: แผนการเรียนรู้รีไซเคิล

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรู้ การเรยี นร้ตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง รายวชิ าวัสดุศาสตร์ พว32024 ระดับมธั ยมศึกษาตอยปลาย ฐานการเรยี นรู้ สง่ิ ประดิษฐ์จากวัสดเุ หลอื ใช้ การเรยี นรูต้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3 จัดทาโดย ว่าท่ี ร.ต.หญงิ ศริ ิพร ศรหี ริ ญั ครู กศน.ตาบลสาลี นางสาวช่อผกา พนั ตัน บรรณารักษ์ นายปรัชญา ปลม้ื ใจ นกั ศึกษาแกนนา ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอบางปลามา้ สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี

ฐานการเรียนรู้ ส่ิงประดษิ ฐ์จากวสั ดเุ หลือใช้ 1. ชอื่ วชิ า : รายวิชาวสั ดศุ าสตร์ พว32024 เร่ืองสิ่งประดิษฐจ์ ากวัสดุตามหลกั สะเต็มศึกษา เทคโนโลยีการกำจดั วัสดุ 2. สาระการเรียนรู้ : ความรู้พน้ื ฐาน ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 3. มาตรฐานการเรียนรู้ สาระความรู้พื้นฐานเป็นสาระเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในด้านการเรียนรู้ ด้วย ตนเองการใช้แหลง่ เรยี นรู้ การจดั การความรู้ การคดิ เป็น และการวจิ ัยอย่างง่าย โดยมีวัตถุประสงค์ เพ่อื ให้ผู้เรียน สามารถกำหนดเป้าหมาย วางแผนการเรียนรู้ด้วยตนเองเข้าถึงและเลือกใช้แหล่งเรียนรู้ จัดการความรู้ กระบวนการแกป้ ญั หาและตัดสินใจอยา่ งมีเหตผุ ล ที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการช้ีนำตนเองในการเรียนรูแ้ ละ การประกอบอาชีพให้สอดคล้องกับหลักการพื้นฐาน และการพัฒนา 5 ศักยภาพของพื้นที่ใน 5 กลุ่มอาชีพใหม่ คือ เกษตรกรรม อุตสาหกรรมพาณิชยกรรม ความคิดสร้างสรรค์ การบริหารจัดการและการบริการ ตามยุทธศาสตร์ 2555 กระทรวงศึกษาธิการ ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตดังนั้น สาระความรู้พื้นฐาน ระดับมธั ยมศึกษาตอนตปลาย มมี าตรฐานการเรยี นรู้ระดบั ดงั น้ี 1. สามารถวิเคราะห์ เห็นความสำคัญ และปฏบิ ตั ิการแสวงหาความรู้จากการอ่าน ฟัง และสรปุ ไดถ้ กู ต้องตามหลกั วชิ าการ 2. สามารถจำแนก จดั ลำดบั ความสำคัญ และเลือกใช้แหลง่ เรียนรไู้ ดอ้ ย่างเหมาะสม 3. สามารถจำแนกผลทเ่ี กดิ ข้ึนจากขอบเขตความรู้ ตดั สินคุณค่า กำหนดแนวทางพฒั นา 4. ความสามารถในการศึกษา เลือกสรร จัดเกบ็ และการวเิ คราะห์ สงั เคราะหข์ อ้ มลู ทัง้ สามประการและ การใช้เทคนคิ ในการฝกึ ทกั ษะ การคดิ เปน็ เพ่อื ใชป้ ระกอบการตดั สินใจแก้ปญั หา 5. สามารถวิเคราะหป์ ญั หา ความจำเป็น เหน็ ความสมั พนั ธ์ของกระบวนการวิจยั กับการนำไปใช้ในชวี ติ และดำเนินการวิจัยทดลองตามขนั้ ตอน 6. สามารถจำแนก และวเิ คราะห์ ทักษะการเรยี นรู้ และศกั ยภาพหลกั ของพน้ื ทีใ่ นการเพิม่ ขีด ความสามารถของการประกอบอาชีพใน 5 กลุ่มอาชีพใหม่ 4. ตวั ช้ีวัด : เรอ่ื งส่ิงประดิษฐจ์ ากวัสดตุ ามหลกั สะเตม็ ศึกษา เทคโนโลยกี ารกำจดั วัสดุ 1. อธบิ ายหลักสะเตม็ ศึกษาประโยชนข์ องสะเต็มศึกษา หลักสะเต็มศึกษาสำหรบั การประดษิ ฐว์ สั ดใุ ช้ แล้วได้นำความรเู้ ร่ืองหลักสะเต็มศึกษาสำหรับการประดิษฐ์วัสดใุ ชแ้ ลว้ ไปใช้ได้ 2. อธบิ ายเทคโนโลยีการกำจัดเศษวัสดุเหลอื ท้ิงด้วยการเผาไปใช้ได้ การผลติ พลงั งานจากเศษวสั ดเุ หลือ ทง้ิ ได้นำความร้เู ร่อื งการผลิตพลังงานจากเศษวัสดุเหลอื ทงิ้ ไปใช้ได้

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวัสดศุ าสตร์ พว32024 จำนวน 3 หน่วยกติ สาระการเรียนรู้ ความรูพ้ น้ื ฐาน ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย แบบ พบกลมุ่ จำนวน 6 ชว่ั โมง ครั้งท่ี 12 ช่ือเรือ่ ง สง่ิ ประดิษฐจ์ ากวัสดุตามหลักสะเตม็ ศึกษา เทคโนโลยกี ารกำจดั วสั ดุ เน้ือหา 1. หลักสะเตม็ ศึกษา 2. หลกั สะเตม็ ศึกษาสำหรับการประดษิ ฐจ์ ากวัสดุใชแ้ ลว้ 3. การประดษิ ฐ์วัสดุใชแ้ ลว้ 4. เทคโนโลยกี ารกำจดั เศษวัสดุเหลือท้งิ ด้วยการเผา 5. การผลิตพลงั งานจากเศษวัสดุเหลอื ทงิ้ การบูรณาการกบั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. ความพอเพียง 1.1 ความพอประมาณ ครูมีการวิเคราะห์เนื้อหาของแผนการจัดการเรียนรู้ ออกแบบสื่อ กิจกรรมการเรียน การสอนท่ีตรงกบั ตวั ชว้ี ดั และเน้ือหาทกี่ ำหนด 1.2. ความมเี หตผุ ล - ครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้บรรลุวัตถุประสงค์ ตัวชี้วัดและเนื้อหาของ แผนการจดั การเรียนรู้ - ครมู อบหมายงานใหเ้ หมาะสมกบั ความสามารถของผู้เรยี นแต่ละคน 1.3 การมีภูมิคุม้ กันในตัวทดี่ ี - มีการวางแผน ออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้ให้ตรงกับแผนการจัดการเรียนรู้ - เรียงลำดบั เน้อื หาจากง่ายไปหายาก 2. คณุ ธรรมกำกับความรู้ 2.1 เง่ือนไขความรู้ - ครูเตรียมการสอนและกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับตัวชี้วัด เน้อื หา - ครูมีวเิ คราะหศ์ ักยภาพของผ้เู รียนรายบุคคล - ครูมีการใช้สื่อ-อุปกรณ์ เทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยในการจัดการเรียนการสอนใน รปู แบบตา่ งๆ 2.2 เง่ือนไงคณุ ธรรม - มคี วามรบั ผิดชอบ - ตรงตอ่ เวลา - มีความขยันหม่ันเพยี ร/หาความรูอ้ ยูเ่ สมอ - มีความ เมตตา กรุณาต่อลกู ศิษย์ - มีความซื่อสัตย์/ยุตธิ รรม 3. 4 มติ ิ 3.1 วตั ถุ/เศรษฐกจิ - มีทักษะการใชเ้ ทคโนโลยีและวัสดอุ ุปกรณ์ ถกู ต้อง ประหยดั ปลอดภัยและคุ้มค่า - รู้จักหลกั การออมใหส้ ำเร็จ และถูกต้องเหมาะสม

3.2 สงั คม - การทำงานร่วมกันเปน็ กลมุ่ - รับฟังความความคดิ เห็นของอื่น - รู้บทบาทหนา้ ท่ขี องตนเอง 3.3 ส่งิ แวดลอ้ ม - สรา้ งบรรยากาศ สภาพแวดลอ้ ม ในกศน.ตำบลทีเ่ อ้ือต่อการศึกษาเรยี นรู้ - มีจิตสำนกึ รักษาความสะอาดหอ้ งเรยี น/สถานท่ีพบกลมุ่ 3.4 วัฒนธรรม - ความซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต - การอยูร่ ว่ มกนั ในสังคม - การยอมรบั ความคดิ เหน็ ของผ้อู ่นื - การประหยัดอดออม ขน้ั ตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ขั้นท่ี 1 การกำหนดสภาพปญั หา ความต้องการในการเรยี นรู้ ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้ผู้เรียนช่วยกันบอกสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดจากการนำวัสดุเหลือทิ้ง หรือ การนำสงิ่ ของท่ีไม่ได้ใชแ้ ลว้ กลับมาทำใหม่โดยใช้การรีไซเคิล โดยใหผ้ เู้ รียน ยกตวั อย่างส่ิงประดิษฐ์ในบ้านตนเอง หรือในชุมชนท่อี าศัยอยู่ ขนั้ ท่ี 2 การแสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้ 1. ครอู ธิบายเรื่อง ส่ิงประดษิ ฐ์จากวัสดุตามหลกั สะเตม็ ศึกษา เทคโนโลยกี ารกำจัดวัสดุ 2. ครูใหผ้ ้เู รียนศึกษาเพม่ิ เตมิ จาก QR Code เร่อื ง สง่ิ ประดิษฐ์จากวสั ดุตามหลกั สะเตม็ ศึกษา เทคโนโลยี การกำจดั วสั ดุ 3. ครูใหผ้ ู้เรียนประดิษฐ์ดอกไม้จากถงุ น้ำยาปรบั ผา้ นุ่ม ขน้ั ท่ี 3 การปฏบิ ัติและนำไปประยุกต์ใช้ 1. ผเู้ รยี นนำเสนอแผนผงั ความคิด (Mind Mapping) 2. ครใู ห้ผู้เรียนประดิษฐด์ อกไมจ้ ากถงุ นำ้ ยาปรับผา้ นุม่ ข้นั ที่ 4 การประเมนิ ผล 1. ใบงาน 2. ดอกไมจ้ ากถงุ น้ำยาปรบั ผ้าน่มุ สอ่ื 1. หนังสือเรยี น 2. อนิ เตอร์เน็ต เช่น Youtube , QR Code เป็นตน้ 3. ใบความรู้ การวดั ผลประเมินผล การทดสอบ การตรวจผลงานจากใบงาน แผนผังความคิด (Mind Mapping) และดอกไม้จากถุงนำ้ ยา ปรับผ้านมุ่

ใบความรู้ ครงั้ ที่ 12 รายวชิ าวัสดศุ าสตร์ พว32024 จำนวน 3 หน่วยกติ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย เรือ่ งที่ 1 หลักสะเต็มศึกษาสำหรับการประดิษฐ์จากวัสดุใชแ้ ล้ว ทุกวันนี้ปัญหาเรื่องการจัดการขยะนับเป็นปัญหาระดับชาติ การจัดการเรียนการสอนตามแนวทางของ สะเตม็ ศึกษา (STEM Education) ทไี่ ดย้ ินกนั อยา่ งแพร่หลายมากขึ้นเร่ือย ๆ หลายท่านคงกำลังคร่นุ คิดว่า จะทำ ให้อย่างให้การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เชื่อมโยงสนับสนุนซึ่งกันและ กัน และเชื่อมโยงการเรียนรู้ สู่การแก้ปัญหาจริงเรื่องขยะได้ การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษาสำหรับ การจัดการกับวัสดุใช้แล้ว ทำได้หลากหลายแนวทาง บางอย่างเป็นการเปลี่ยนแปลงง่าย ๆ ทุกคนสามารถทำได้ ด้วยตัวเอง ส่วนบางแนวทางต้องการ “แนวร่วม” สนับสนุนที่กว้างขวางขึ้น เช่น การทำงานร่วมกันระหว่าง ผู้สอนกับนักเรียน การทำงานร่วมกันทั้งโรงเรียน หรือแม้กระทั่งการดำเนินการร่วมกันกับชุมชน หรือ สถาบันการศึกษาท้องถิ่น แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาสำหรับการประดิษฐ์วัสดุใช้แล้ว เ ป็น สว่ นหนง่ึ ของวธิ ีการหลากหลายทีจ่ ะจัดการกับวสั ดุใช้แลว้ ซึง่ มีแนวทางดังน้ี 1. เชื่อมโยงเนอ้ื หาวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี สูโ่ ลกจริง หลายท่านนา่ จะทำอยู่แล้วอย่างสม่ำเสมอ เพราะในชวี ติ ประจำวันเรามีการใชว้ ัสดุต่างอยู่เสมอตลอดจน มีการบริหารจัดการวัสดุนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ เพียงมองเห็นว่าแนวคิดหลัก หรือกระบวนการที่เรียนรู้นั้น สามารถเกดิ ขึ้นไดใ้ นธรรมชาติ ใช้ประโยชนไ์ ด้ในชวี ิตจริง ก็เปน็ ก้าวแรกสู่การบูรณาการความรสู้ ู่การเรียนอย่างมี ความหมาย เพราะปรากฏการณ์หรือประดิษฐ์กรรมใดๆ รอบตัวเรา ไม่ได้เป็นผลของความรู้จากศาสตร์หนึ่ง ศาสตร์ใดเพียงศาสตร์เดียว การประยุกต์ความรู้ง่าย ๆ เช่น การคำนวณพื้นที่ของแกนม้วนกระดาษชำระ เช่อื มโยงสู่ความรูค้ วามสงสยั ดา้ นวสั ดุศาสตร์ เทคโนโลยีการผลติ และการใชก้ ระบวนการทางวิศวกรรมวิเคราะห์ ปญั หาและสร้างสรรคว์ ิธีแก้ไขได้อย่างหลากหลายจนน่าแปลกใจ 2. การสบื เสาะหาความรู้ การเรียนรู้สะเต็มศึกษาสำหรับการประดิษฐ์วัสดุใช้แล้ว โดยให้ผู้เรียนได้ศึกษาประเด็นปัญหา หรือต้ัง คำถามซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเองหรือชุมชน เช่น ในชุมชนมีการใช้ขวดน้ำพลาสติกจำนวนมากจนเกิด ปัญหาขยะ ผู้เรียนนำประเด็นปัญหา ไปสร้างคำอธิบายด้วยตนเอง โดยการรวบรวมประจักษ์พยานหลักฐานที่ เกี่ยวข้อง สื่อสารแนวคิดและเหตผุ ล เปรียบเทียบแนวคิดต่าง ๆ โดยพิจารณาความหนักแน่นของหลักฐาน ก่อน การตัดสินใจไปในทางใดทางหนึง่ นับเปน็ กระบวนการเรียนรูส้ ำคัญที่ไม่เพียงแต่สนบั สนนุ การเรยี นรูใ้ นประเด็นที่ ศกึ ษาเทา่ นั้น แตย่ งั เป็นช่องทางให้มีการบูรณาการความรใู้ นศาสตร์อื่น ๆ ทเ่ี กีย่ วข้องกับคำถาม นับเป็นแนวทาง การจดั การเรยี นรทู้ ่สี นับสนุนจดุ เน้นของสะเต็มศึกษาสำหรับการประดษิ ฐจ์ ากวัสดใุ ชแ้ ล้วได้เป็นอยา่ งดี 87 3. การเรยี นรโู้ ดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน การทำโครงงานเป็นการสืบเสาะหาความรู้ในรูปแบบหนึ่ง แต่ผู้เขียนได้แยกโครงงานออกมาเป็นหัวข้อ เฉพาะ เนื่องจากเป็นแนวทางที่สามารถส่งเสริมการบูรณาการความรู้สู่การแก้ปัญหาได้ชัดเจน การสืบเสาะหา ความรู้บางครั้งผสู้ อนเป็นผู้กำหนดประเด็นปญั หา หรอื ใหข้ ้อมลู สำหรบั ศึกษาวิเคราะห์ หรอื กำหนดวิธีการในการ สำรวจตรวจสอบ ตามข้อจำกัดของเวลาเรียน วัสดอุ ุปกรณ์ หรือปจั จัยแวดล้อมตา่ ง ๆ แต่การทำโครงงานน้ันเป็น การเปิดโอกาสให้นักเรียนเกิดประสบการณ์การเรียนรู้สำคัญในทุกขั้นตอนด้วยตนเอง ตั้งแต่การกำหนดปัญหา ศึกษาความรู้ที่เกี่ยวขอ้ ง ออกแบบวิธีการรวบรวมข้อมูล ดำเนินการ ลงข้อสรุป และสื่อสารสิ่งที่ค้นพบ (บางคร้ัง ผู้สอนอาจกำหนดกรอบกว้าง ๆ เช่น ใหท้ ำโครงงานเก่ียวกับส่ิงประดษิ ฐ์จากวัสดุใช้แลว้ โครงงานเกี่ยวกับการใช้ คณิตศาสตรใ์ นวสั ดุใชแ้ ลว้ ของชุมชน เปน็ ต้น) โครงงานในรปู แบบสิ่งประดิษฐ์จะมกี ารบูรณาการกระบวนการทาง วศิ วกรรมได้อย่างโดดเดน่

4. การสร้างสรรค์ชน้ิ งาน ประสบการณ์การทำชิ้นงาน สร้างทักษะการคิด การออกแบบ การตัดสินใจ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนิ้ งานที่ผ้สู อนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกวัสดุใชแ้ ลว้ เองและคิดอย่างอสิ ระและสร้างสรรค์ การ ประดิษฐ์ชนิ้ งานเหล่านีจ้ ากเศษวสั ดใุ ชแ้ ลว้ ประยกุ ต์ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ อยา่ งไม่รูต้ ัวบางครั้งอาจ จัดให้ผู้เรียนสะท้อนความคิดว่าได้เกิดประสบการณ์หรือเรียนรู้อะไรบ้างจากงานที่มอบหมายให้ทำ เพราะ เปา้ หมายของการเรียนรู้อย่ทู ี่กระบวนการทำงานด้วยเช่นกัน หากผเู้ รียนมองเพยี งเป้าหมายชน้ิ งานที่สำเร็จอย่าง เดียวอาจไม่ตระหนักว่าตนเองได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญมากมายระหว่างทางและมีส่วนหรือบทบาทในการช่วย รกั ษาสภาพแวดลอ้ มอกี ด้วย 5. การบรู ณาการเทคโนโลยี เพยี งบรู ณาการเทคโนโลยที ่เี หมาะสมสู่กระบวนประดิษฐ์จากวัสดใุ ช้แลว้ กถ็ อื ว่าได้ก้าวเขา้ ใกลเ้ ป้าหมาย การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาอีกก้าวหนึ่งแล้ว เทคโนโลยีที่สามารถใช้ประโยชน์ในปัจจุบันมีได้ ตั้งแต่การสืบค้นข้อมูลลักษณะต่าง ๆ การบันทึกและนำเสนอข้อมูลด้วยภาพนิ่ง วีดิทัศน์ และมัลติมีเดีย การใช้ อุปกรณ์ sensor/data logger บนั ทกึ ขอ้ มูลในการสำรวจตรวจสอบ การใชซ้ อฟต์แวร์จัดกระทำ วิเคราะห์ข้อมูล และเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมาย การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ กระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจการเรียนรู้ เปิด โอกาสใหป้ ระยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ แก้ปัญหา และทำงานร่วมกัน รวมท้ังสรา้ งทกั ษะสำคัญในการศึกษาต่อและประกอบ อาชพี ตอ่ ไปในอนาคตดว้ ย 88 6. การมุง่ เนน้ ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาพัฒนาพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างทักษะการเรียนรู้และสร้างนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills) ตามกรอบแนวคิดของ Partnership for 21st Century Skills ที่ครอบคลุม 4C คือ Critical Thinking (การคิดเช ิงว ิพาก ษ์ ) Communication (การสื่อสาร) Collaboration (การทำงานร่วมกัน) และ Creativity (การคิดสร้างสรรค์) จะ เห็นได้ว่ากิจกรรมการเรียนรู้ในรูปแบบโครงงาน หรือการสร้างสรรค์ชิ้นงานจากวัสดุใช้แล้วที่กล่าวถึงข้างต้นน้นั สามารถสร้างเสริมทักษะเหล่านี้ได้มากอย่างไรก็ตามในบริบทของสถานศึกษาทั่วไป ผู้สอนอาจไม่สามารถให้ ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยการทำโครงงาน หรือการสร้างสรรค์ชิ้นงานเท่านั้น ดังนั้นในบทเรียนอื่น ๆ ถ้าผู้สอนมุ่งเน้น ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในทุกโอกาสที่เอื้ออำนวย เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็น ทำงานร่วมกัน เรียนรู้การหาที่ติ (ฝึกคิดเชิงวิพากษ์) หาที่ชมหรือเสนอวิธีการใหม่ (ฝึกคิดเชิงสร้างสรรค์) ก็นับว่าผู้สอนจัดการ เรยี นการสอนเขา้ ใกลแ้ นวคดิ สะเต็มศึกษามากข้ึนตามสภาพจรงิ ของช้ันเรียน 7. การสรา้ งการยอมรับและการมีส่วนรว่ มจากชุมชน ผูส้ อนหลายท่านอาจเคยมีประสบการณ์กบั ผูป้ กครองท่ีไม่เขา้ ใจแนวคิดการศกึ ษาที่พัฒนาผู้เรียนให้เป็น คนเต็มคน แต่มุ่งหวงั ใหส้ อนเพียงเนื้อหา อยากให้ผู้สอนสร้างเด็กที่สอบเรยี นต่อได้ แตอ่ าจใช้ชวี ิตไมไ่ ด้ ในสงั คม จรงิ ของการเรยี นรู้และการทำงาน เมื่อผสู้ อนมอบหมายใหผ้ ู้เรียนสืบคน้ สร้างช้นิ งาน หรือทำโครงงานผู้ปกครอง ไมใ่ หก้ ารสนบั สนนุ หรืออีกดา้ นหนึ่งผู้ปกครองรับหน้าที่ทำให้ทุกอย่าง อยา่ งไรก็ตามหวงั ว่าผู้ปกครองทุกคนจะไม่ เป็นไปตามที่กล่าวข้างต้น ผลงานจากความสามารถของเด็ก เป็นอาวุธสำคัญที่ผู้สอนจะนำมาเผยแพร่จัดแสดง เพ่ือชนะใจผปู้ กครองและชมุ ชนให้ให้การสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษา ผู้สอนสามารถนำ ผเู้ รียนไปศึกษาในแหลง่ เรียนรู้ของชุมชน สำรวจสง่ิ แวดล้อมธรรมชาติในท้องถ่ิน ศึกษาและรายงานสภาพมลพิษ หรือการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นที่ให้ชุมชนรับทราบ ตลอดจนศึกษาและแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ ผลิตภัณฑ์ในชุมชน กิจกรรมการเรียนรู้เหล่านี้ เกิดประโยชน์สำหรับนักเรียนเอง อาจเป็นประโยชน์สำหรับ ชุมชน และสามารถสร้างการมีส่วนร่วม ความภาคภูมิใจ และที่สำคัญอย่างยิ่งคือความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วม รบั ผิดชอบคณุ ภาพการจัดการศึกษาในทอ้ งถนิ่ ตัวเองให้เกิดขนึ้ ได้ 89

8. การสรา้ งการสนบั สนุนจากผู้เชยี่ วชาญในทอ้ งถนิ่ การให้ผู้เรียนได้ศึกษาปัญหาปลายเปิดตามความสนใจของตนเองในลักษณะโครงงาน ตลอดจนการ เชอ่ื มโยงการเรยี นรู้สู่การใช้ประโยชน์ในบริบทจริงนั้น บางคร้ังนำไปสู่คำถามทซ่ี ับซ้อนจนต้องอาศัยความรู้ความ ชำนาญเฉพาะทาง ผู้สอนไม่ควรกลวั จะยอมรับกับผเู้ รียนว่าผสู้ อนไม่รูค้ ำตอบ หรือผสู้ อนช่วยไม่ได้ แต่ควรใช้ เครือข่ายที่มีเชื่อมโยงให้ผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่นมาช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียน เครือข่ายดังกล่าวอาจ เป็นได้ทั้ง ศิษย์เก่า ผู้ปกครอง ปราชญ์ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่รัฐ หรืออาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา ในท้องถิ่น ผู้สอนสามารถเชญิ วิทยากรภายนอกมาบรรยายหรือสาธิตในบางหัวข้อ หรอื ใชเ้ ทคโนโลยี เชน่ การประชมุ ผ่าน วิดที ัศน์ เอ้อื อำนวยให้ผเู้ ช่ยี วชาญสามารถพูดคุย ใหค้ วามคดิ เหน็ หรอื วิพากษผ์ ลงานของผเู้ รียน เปน็ ต้น 9. การเรียนร้อู ยา่ งไมเ่ ป็นทางการ (informal learning) ทกุ คนชอบความสนุกสนาน หากเราจำกัดความสนกุ ไมใ่ ห้กลำ้ กรายใกล้ห้องเรียน ความสขุ คงอย่หู ่างไกล จากผู้สอนและจากผู้เรียนไปเรื่อย ๆ แต่จะบูรณาการความสนุกสู่การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ เทคโนโลยี ผ่านกระบวนประดิษฐ์สิ่งของจากเศษวัสดุใช้แล้วเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างไร ต้องอาศัยความคิด สร้างสรรค์ของผู้สอนในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่ท้าทาย เพลิดเพลิน ให้การเรียนเหมือนเป็นการเล่น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความรู้และความสามารถตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรด้วย การเรียนรู้อย่างไม่ เป็นทางการที่ได้รับความนิยม คือ การจัดกิจกรรมค่าย การเรียนรู้จากบทปฏิบัติการ หรือการประกวดแข่งขัน กิจกรรมเหล่านี้เป็นโอกาสดีที่จะสร้างการมีส่วนร่วมจากชุมชน เช่น อาจเชิญผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่นเป็นวิทยากร ในคา่ ย เปน็ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ หรือใหก้ ารสนบั สนนุ ของรางวัล 90 10. การเรียนรตู้ ามอัธยาศัย (non-formal learning) เมอ่ื ผู้สอนได้ดำเนินการ 9 ขอ้ ข้างตน้ แลว้ อาจมองออกนอกสถานศึกษา สรา้ งนสิ ัยการเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้เป็นวัฒนธรรมของชุมชน ร่วมกันสร้างแหล่งเรียนรู้ด้านสะเต็มในท้องถิ่น เช่น เข้าค่ายวิทยาศาสตร์ที่ศูนย์ วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา หรือประยุกต์ความรู้สะเต็มเพื่อสนับสนุนแหล่งเรียนรู้วิถีชุมชน เช่น ส่งเสริมให้ นักเรียนใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมนำเสนอข้อมูลภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมในชุมชนสร้างหอ เกียรติยศสะเต็มของหมู่บ้าน เพื่อนำเสนอเรื่องราวการใช้ความรู้สะเต็มในการพัฒนาอาชีพและพัฒนาคุณภาพ ชวี ิต เชน่ ผลงานด้านการเกษตร ด้านสาธารณสขุ ด้านการพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ หรือด้านการประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยี การส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาสำหรับการประดิษฐ์วัสดุใช้แล้ว เป็นความ พยายามจากหลากหลายภาคส่วนในการขับเคลื่อนการจัดการศึกษา ให้พร้อมสำหรับการดำรงชีวิต ด้วยความรู้ ความเข้าใจในความงามและคุณคา่ ของธรรมชาติ

ดอกไมจ้ ากถงุ น้ำยาปรบั ผา้ นุ่ม (สง่ิ ประดษิ ฐจ์ ากวัสดุเหลอื ใช้) อุปกรณ์ 1. กรรไกร 2. ถงุ พลาสติกเหลือใช้ เชน่ ถุงนำ้ ยาปรบั ผา้ นุ่ม ถงุ ผงซักฟอก ถุงนมโรงเรียน ฯลฯ 3. ไมต้ ะเกียบ หรอื ไมแ้ หลม 4. ใบกุหลาบ 5. พนั กบั ตะเกยี บหรอื ไม้แหลมเข้ามาจนสุด 5. ฟอล่าเทป ขนั้ ตอนการทำ 1. ตดั ดา้ นขา้ งถุงออกท้ังสองข้าง 6. ใชเ้ ทปใสพันท่ีโคนดอก 2. พบั คร่ึง แล้วใชเ้ ทปใสแปะ 7. พนั ฟอล่าเทปกบั ใบกุหลาบให้สวยงาม 4. ตัดใหเ้ ปน็ ริว้ ๆ สแกนคิวอาร์โคด้ เพ่อื ดูวธิ ที ำเพิ่มเติมค่ะ

ใบงาน ครง้ั ท่ี 12 รายวชิ าวัสดุศาสตร์ พว32024 จำนวน 3 หน่วยกิต ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ชื่อ – นามสกลุ ................................................................................... กศน.ตำบล .......................................... คำชีแ้ จง จงตอบคำถามต่อไปนใ้ี ห้ถูกต้อง (10 คะแนน) 1. จงบอกหลกั สะเต็มศึกษาสำหรบั การประดิษฐว์ สั ดใุ ชแ้ ล้ว ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เฉลยใบงาน ครัง้ ท่ี 12 รายวิชาวัสดุศาสตร์ พว32024 จำนวน 3 หนว่ ยกติ ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 1. จงบอกหลักสะเตม็ ศกึ ษาสำหรบั การประดิษฐ์วัสดใุ ชแ้ ล้ว เฉลย 1. เชื่อมโยงเน้ือหาวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี ส่โู ลกจริง หลายทา่ นนา่ จะทำอยู่แลว้ อย่างสม่ำเสมอ เพราะในชีวติ ประจำวันเรามีการใช้วัสดุต่างอยู่เสมอตลอดจน มีการบริหารจัดการวัสดุนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ เพียงมองเห็นว่าแนวคิดหลัก หรือกระบวนการที่เรียนรู้น้ัน สามารถเกดิ ข้ึนได้ในธรรมชาติ ใช้ประโยชนไ์ ดใ้ นชวี ิตจรงิ กเ็ ป็นก้าวแรกสู่การบรู ณาการความรสู้ ู่การเรียนอย่างมี ความหมาย เพราะปรากฏการณ์หรือประดิษฐ์กรรมใดๆ รอบตัวเรา ไม่ได้เป็นผลของความรู้จากศาสตร์หน่ึง ศาสตร์ใดเพียงศาสตร์เดียว การประยุกต์ความรู้ง่าย ๆ เช่น การคำนวณพื้นที่ของแกนม้วนกระดาษชำระ เชอื่ มโยงสคู่ วามรูค้ วามสงสัยดา้ นวัสดศุ าสตร์ เทคโนโลยีการผลิต และการใช้กระบวนการทางวิศวกรรมวิเคราะห์ ปัญหาและสรา้ งสรรค์วธิ ีแก้ไขได้อยา่ งหลากหลายจนน่าแปลกใจ 2. การสืบเสาะหาความรู้ การเรียนรู้สะเต็มศึกษาสำหรับการประดิษฐ์วัสดุใช้แล้ว โดยให้ผู้เรียนได้ศึกษาประเด็นปัญหา หรือตั้ง คำถามซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเองหรือชุมชน เช่น ในชุมชนมีการใช้ขวดน้ำพลาสติกจำนวนมากจนเกิด ปัญหาขยะ ผู้เรียนนำประเด็นปัญหา ไปสร้างคำอธิบายด้วยตนเอง โดยการรวบรวมประจักษ์พยานหลักฐานท่ี เกี่ยวข้อง สื่อสารแนวคิดและเหตุผล เปรียบเทียบแนวคิดต่าง ๆ โดยพิจารณาความหนักแนน่ ของหลักฐาน ก่อน การตัดสินใจไปในทางใดทางหนึง่ นับเปน็ กระบวนการเรียนรูส้ ำคัญที่ไม่เพียงแต่สนบั สนนุ การเรยี นรูใ้ นประเด็นท่ี ศกึ ษาเทา่ นั้น แต่ยังเป็นช่องทางให้มีการบูรณาการความรู้ในศาสตร์อ่ืน ๆ ที่เกีย่ วขอ้ งกบั คำถาม นับเป็นแนวทาง การจดั การเรียนรทู้ ่ีสนบั สนนุ จดุ เน้นของสะเต็มศกึ ษาสำหรบั การประดิษฐจ์ ากวสั ดใุ ช้แล้วได้เป็นอย่างดี 87 3. การเรยี นรู้โดยใช้โครงงานเปน็ ฐาน การทำโครงงานเป็นการสืบเสาะหาความรู้ในรูปแบบหนึ่ง แต่ผู้เขียนได้แยกโครงงานออกมาเป็นหัวข้อ เฉพาะ เนื่องจากเป็นแนวทางที่สามารถส่งเสริมการบูรณาการความรู้สู่การแก้ปัญหาได้ชัดเจน การสืบเสาะหา ความรู้บางคร้ังผูส้ อนเป็นผูก้ ำหนดประเดน็ ปญั หา หรอื ใหข้ ้อมลู สำหรับศึกษาวเิ คราะห์ หรือกำหนดวิธีการในการ สำรวจตรวจสอบ ตามข้อจำกัดของเวลาเรยี น วัสดุอุปกรณ์ หรอื ปัจจัยแวดลอ้ มตา่ ง ๆ แต่การทำโครงงานน้ันเป็น การเปิดโอกาสให้นักเรียนเกิดประสบการณ์การเรียนรู้สำคัญในทุกขั้นตอนด้วยตนเอง ตั้งแต่การกำหนดปัญหา ศึกษาความรู้ที่เกี่ยวข้อง ออกแบบวิธีการรวบรวมข้อมูล ดำเนินการ ลงข้อสรุป และสื่อสารสิ่งที่คน้ พบ (บางครั้ง ผู้สอนอาจกำหนดกรอบกว้าง ๆ เชน่ ให้ทำโครงงานเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์จากวสั ดุใช้แล้ว โครงงานเก่ียวกับการใช้ คณติ ศาสตร์ในวัสดใุ ชแ้ ลว้ ของชุมชน เป็นตน้ ) โครงงานในรูปแบบสงิ่ ประดิษฐ์จะมกี ารบูรณาการกระบวนการทาง วศิ วกรรมได้อยา่ งโดดเด่น 4. การสร้างสรรค์ช้ินงาน ประสบการณ์การทำชิ้นงาน สร้างทักษะการคิด การออกแบบ การตัดสินใจ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งชนิ้ งานท่ีผสู้ อนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกวัสดุใชแ้ ลว้ เองและคดิ อย่างอิสระและสร้างสรรค์ การ ประดิษฐ์ชน้ิ งานเหลา่ น้จี ากเศษวสั ดุใช้แล้ว ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ อยา่ งไม่รูต้ วั บางครั้งอาจ จัดให้ผู้เรียนสะท้อนความคิดว่าได้เกิดประสบการณ์หรือเรียนรู้อะไรบ้างจากงานที่มอบหมายให้ทำ เพราะ เปา้ หมายของการเรียนรู้อยู่ท่ีกระบวนการทำงานด้วยเช่นกัน หากผู้เรยี นมองเพียงเปา้ หมายชน้ิ งานท่ีสำเร็จอย่าง เดียวอาจไม่ตระหนักว่าตนเองได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญมากมายระหว่างทางและมีส่วนหรือบทบาทในการช่วย รักษาสภาพแวดล้อมอกี ด้วย

5. การบูรณาการเทคโนโลยี เพียงบูรณาการเทคโนโลยที เี่ หมาะสมสู่กระบวนประดิษฐ์จากวัสดใุ ช้แล้ว ก็ถอื ว่าได้ก้าวเข้าใกลเ้ ป้าหมาย การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาอีกก้าวหนึ่งแล้ว เทคโนโลยีที่สามารถใช้ประโยชน์ในปัจจุบันมีได้ ตั้งแต่การสืบค้นข้อมูลลักษณะต่าง ๆ การบันทึกและนำเสนอข้อมูลด้วยภาพนิ่ง วีดิทัศน์ และมัลติมีเดีย การใช้ อุปกรณ์ sensor/data logger บันทึกข้อมลู ในการสำรวจตรวจสอบ การใชซ้ อฟต์แวร์จัดกระทำ วิเคราะห์ข้อมูล และเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมาย การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ กระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจการเรียนรู้ เปิด โอกาสใหป้ ระยุกตใ์ ช้ความรู้ แกป้ ญั หา และทำงานร่วมกนั รวมทงั้ สรา้ งทกั ษะสำคัญในการศึกษาต่อและประกอบ อาชพี ตอ่ ไปในอนาคตด้วย 88 6. การมงุ่ เน้นทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาพัฒนาพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างทักษะการเรียนรู้และสร้างนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills) ตามกรอบแนวคิดของ Partnership for 21st Century Skills ที่ครอบคลุม 4C คือ Critical Thinking (การคิดเช ิงว ิพาก ษ์ ) Communication (การสื่อสาร) Collaboration (การทำงานร่วมกัน) และ Creativity (การคิดสร้างสรรค์) จะ เห็นได้ว่ากิจกรรมการเรียนรู้ในรูปแบบโครงงาน หรือการสร้างสรรค์ชิ้นงานจากวัสดุใช้แล้วที่กล่าวถึงข้างต้นนัน้ สามารถสร้างเสริมทักษะเหล่านี้ได้มากอย่างไรก็ตามในบริบทของสถานศึกษาทั่วไป ผู้สอนอาจไม่สามารถให้ ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยการทำโครงงาน หรือการสร้างสรรค์ชิ้นงานเท่านั้น ดังนั้นในบทเรียนอื่น ๆ ถ้าผู้สอนมุ่งเน้น ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในทุกโอกาสที่เอื้ออำนวย เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็น ทำงานร่วมกัน เรียนรู้การหาที่ติ (ฝึกคิดเชิงวิพากษ์) หาที่ชมหรือเสนอวิธีการใหม่ (ฝึกคิดเชิงสร้างสรรค์) ก็นับว่าผู้สอนจัดการ เรียนการสอนเขา้ ใกลแ้ นวคดิ สะเต็มศึกษามากข้ึนตามสภาพจริงของชน้ั เรียน 7. การสร้างการยอมรบั และการมสี ่วนร่วมจากชุมชน ผสู้ อนหลายท่านอาจเคยมีประสบการณ์กบั ผู้ปกครองท่ีไม่เขา้ ใจแนวคิดการศกึ ษาท่ีพัฒนาผู้เรียนให้เป็น คนเต็มคน แต่มุ่งหวังให้สอนเพียงเนื้อหา อยากให้ผู้สอนสร้างเด็กที่สอบเรียนต่อได้ แต่อาจใช้ชีวิตไม่ได้ในสังคม จริงของการเรียนรู้และการทำงาน เม่ือผู้สอนมอบหมายใหผ้ ู้เรยี นสืบคน้ สร้างชิน้ งาน หรอื ทำโครงงานผู้ปกครอง ไมใ่ ห้การสนบั สนุน หรืออกี ด้านหนึ่งผปู้ กครองรบั หน้าท่ีทำให้ทุกอยา่ ง อย่างไรก็ตามหวังวา่ ผู้ปกครองทุกคนจะไม่ เป็นไปตามที่กล่าวข้างต้น ผลงานจากความสามารถของเด็ก เป็นอาวุธสำคัญที่ผู้สอนจะนำมาเผยแพร่จัดแสดง เพ่ือชนะใจผปู้ กครองและชมุ ชนให้ให้การสนับสนนุ การจัดการเรียนรตู้ ามแนวทางสะเต็มศึกษา ผูส้ อนสามารถนำ ผูเ้ รยี นไปศึกษาในแหล่งเรียนรขู้ องชุมชน สำรวจส่งิ แวดล้อมธรรมชาติในท้องถ่ิน ศึกษาและรายงานสภาพมลพิษ หรือการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นที่ให้ชุมชนรับทราบ ตลอดจนศึกษาและแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ ผลิตภณั ฑใ์ นชุมชน กิจกรรมการเรียนรเู้ หลา่ น้ี เกิดประโยชน์สำหรับนักเรยี นเอง อาจเปน็ ประโยชน์สำหรับชุมชน และสามารถสร้างการมีส่วนร่วม ความภาคภูมิใจ และที่สำคัญอย่างยิ่งคือความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมรับผิ ดชอบ คุณภาพการจดั การศกึ ษาในท้องถน่ิ ตวั เองใหเ้ กดิ ข้ึนได้ 89 8. การสรา้ งการสนับสนนุ จากผเู้ ชี่ยวชาญในทอ้ งถ่ิน การให้ผู้เรียนได้ศึกษาปัญหาปลายเปิดตามความสนใจของตนเองในลักษณะโครงงาน ตลอดจนการ เชือ่ มโยงการเรียนรสู้ ู่การใชป้ ระโยชน์ในบริบทจริงน้ัน บางคร้ังนำไปสู่คำถามทีซ่ ับซ้อนจนต้องอาศัยความรู้ความ ชำนาญเฉพาะทาง ผู้สอนไม่ควรกลัวจะยอมรับกับผู้เรียนว่าผู้สอนไม่รู้คำตอบ หรือผู้สอนช่วยไม่ได้ แต่ควรใช้ เครือข่ายที่มีเชื่อมโยงให้ผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่นมาช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียน เครือข่ายดังกล่าวอาจ เป็นไดท้ ัง้ ศิษย์เก่า ผูป้ กครอง ปราชญ์ชาวบา้ น เจ้าหน้าทีร่ ฐั หรอื อาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาในท้องถ่ิน ผู้สอน สามารถเชญิ วิทยากรภายนอกมาบรรยายหรือสาธิตในบางหัวข้อ หรอื ใช้เทคโนโลยี เชน่ การประชุมผ่านวิดีทัศน์ เอือ้ อำนวยใหผ้ เู้ ชย่ี วชาญสามารถพูดคยุ ให้ความคิดเหน็ หรือวิพากษ์ผลงานของผูเ้ รยี น เปน็ ตน้

9. การเรยี นรูอ้ ย่างไมเ่ ป็นทางการ (informal learning) ทุกคนชอบความสนกุ สนาน หากเราจำกดั ความสนุกไม่ใหก้ ล้ำกรายใกล้ห้องเรียน ความสขุ คงอยู่ห่างไกล จากผู้สอนและจากผู้เรียนไปเรื่อย ๆ แต่จะบูรณาการความสนุกสู่การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ เทคโนโลยี ผ่านกระบวนประดิษฐ์สิ่งของจากเศษวัสดุใช้แล้วเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างไร ต้องอาศัยความคิด สร้างสรรค์ของผู้สอนในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่ท้าทาย เพลิดเพลิน ให้การเรียนเหมือนเป็นการเล่น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความรู้และความสามารถตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรด้วย การเรียนรู้อย่างไม่ เป็นทางการที่ได้รับความนิยม คือ การจัดกิจกรรมค่าย การเรียนรู้จากบทปฏิบัติการ หรือการประกวดแข่งขัน กิจกรรมเหล่านี้เป็นโอกาสดีที่จะสร้างการมีส่วนร่วมจากชุมชน เช่น อาจเชิญผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่นเป็นวิทยากร ในคา่ ย เปน็ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ หรอื ให้การสนบั สนุนของรางวัล 90 10. การเรียนรตู้ ามอธั ยาศัย (non-formal learning) เมือ่ ผู้สอนได้ดำเนินการ 9 ขอ้ ขา้ งตน้ แลว้ อาจมองออกนอกสถานศึกษา สรา้ งนิสัยการเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้เป็นวัฒนธรรมของชุมชน ร่วมกันสร้างแหล่งเรียนรู้ด้านสะเต็มในท้องถิ่น เช่น เข้าค่ายวิทยาศาสตร์ที่ศูนย์ วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา หรือประยุกต์ความรู้สะเต็มเพื่อสนับสนุนแหล่งเรียนรู้วิถีชุมชน เช่น ส่งเสริมให้ นักเรียนใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมนำเสนอข้อมูลภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมในชุมชนสร้างหอ เกียรติยศสะเต็มของหมู่บ้าน เพื่อนำเสนอเรื่องราวการใช้ความรู้สะเต็มในการพัฒนาอาชีพและพัฒนาคุณภาพ ชีวติ เชน่ ผลงานดา้ นการเกษตร ด้านสาธารณสุข ด้านการพฒั นาผลติ ภัณฑ์ หรือดา้ นการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยี การส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาสำหรับการประดิษฐ์วัสดุใช้แล้ว เป็นความ พยายามจากหลากหลายภาคส่วนในการขับเคลื่อนการจัดการศึกษา ให้พร้อมสำหรับการดำรงชีวิต ด้วยความรู้ ความเข้าใจในความงามและคณุ คา่ ของธรรมชาติ ด้วยความสามารถในการสร้างสรรคว์ ธิ กี ารแก้ปัญหาส่ิงแวดล้อม อยา่ งเปน็ ระบบดว้ ยกระบวนคิด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook