Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน พต21001 1-63

แผนการสอน พต21001 1-63

Published by dreamflowerjane13, 2020-06-11 03:19:31

Description: แผนการสอน พต21001 1-63

Search

Read the Text Version

แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ ประกอบวชิ า ภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจำวัน รายวชิ าบงั คบั ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น รหสั วิชา พต21001 ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอท่าบ่อ สำนกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั หนองคาย สำนักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศกึ ษาธิการ

แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ กกกกกกกแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ รายวิชา พต21001 ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น เป็นการนำรายวิชาน้ีสู่การปฏิบัติจริงของครูผู้สอน ด้วยการวางแผนออกแบบการจัด ประสบการณ์การเรยี นร้ไู วล้ ่วงหน้า วา่ ครูผู้สอนจะจดั กิจกรรมการเรียนรู้ใหบ้ รรลมุ าตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วดั และ จุดประสงค์ ด้วยรูปแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ONIE MODEL อย่างไร ซ่ึงครูผู้สอนรายวิชานท้ี ุกคนต้องศกึ ษา และจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เป็นไปกรอบของการจัดการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาขั้น พื้น ฐาน พุทธศักราช 2551 จึงจะทำให้การจัดประสบการณ์ การเรียน รู้ใน รายวิชาน้ี มปี ระสิทธภิ าพและเกิดประสทิ ธิผล กกกกกกกแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้รายวิชา พต21001 ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ประกอบดว้ ย 18 แผน ดังน้ี กกกกกกก1. แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ เรอ่ื งท่ี 1 การปฐมนิเทศ 2. แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เรอ่ื งท่ี 2 การทกั ทายการกลา่ วลา การแนะนำตนเองและผู้อ่ืน 3. แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ เรอ่ื งท่ี 3 การให้และสอบถามขอ้ มูลสว่ นตวั 4. แผนการจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ เรอื่ งที่ 4 การใช้ภาษากายและการพดู โทรศพั ท์ 5. แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ เรื่องที่ 5 การแสดงความรูส้ กึ ตอ่ เรือ่ งท่ีสนใจ 6. แผนการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ เรอื่ งที่ 6 การแสดงยนิ ดี เสียใจ และขอโทษ 7. แผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ เรื่องท่ี 7 การแสดงความคิดเห็น 8. แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ เรอ่ื งที่ 8 การเดินซ้ือของ 9. แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ เรอื่ งท่ี 9 การให้บรกิ ารดา้ นต่าง ๆ 10. แผนการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ เรอ่ื งที่ 10 ชนดิ ของประโยคทใี่ ช้ในการสื่อสาร 11. แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ เรื่องท่ี 11 ประโยคความรวม 12. แผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ เรื่องท่ี 12 Present Simple Tense 13. แผนการจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ เรื่องที่ 13 Present Continuous Tense 14. แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ เรอ่ื งที่ 14 Future Simple Tense 15. แผนการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ เรอ่ื งท่ี 15 Past simple Tense 16. แผนการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ เร่อื งท่ี 16 Past Continuous Tense 17. แผนการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ เรื่องที่ 17 ภาษาองั กฤษในอาชีพพนกั งานขับรถรบั จ้าง โดยมรี ายละเอียดดังนี้

แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ กลมุ่ สาระความรู้พน้ื ฐาน รายวิชา ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวัน พต21001ระดับมธั ยมศึกษา ตอนต้น แผนการจัดการเรยี นร้เู ร่อื งที่ 1 การปฐมนิเทศ เวลา 6 ช่วั โมง สอนวันท่ี …….……เดอื น …………………พ.ศ.………......... ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2563 มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ ความรู้ ความเข้าใจในการเรียนวชิ าภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวนั พต21001ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ เก่ยี วกับรายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวิชา กิจกรรมการเรียนการสอน ข้อตกลง และข้นั ตอนการปฏิบตั ิกจิ กรรมให้ เปน็ ไปตามวัตถุประสงค์การเรยี นรู้ เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นบรรลุผลตามที่คาดหวัง และชว่ ยใหก้ ิจกรรมการเรียนการสอนมี ประสทิ ธภิ าพ ตัวช้ีวัด 1. เพอื่ ให้ผ้เู รียนมีความเขา้ ใจแนวทำงการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน ในรายวิชา รายวิชา ภาษาอังกฤษในชีวติ ประจำวนั พต21001ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น 2. เพ่อื เตรียมตวั ล่วงหนา้ ในการเรยี น และมีส่วนรว่ มในกจิ กรรมการเรยี นการสอนอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 3. เพอ่ื ทดสอบความรู้พน้ื ฐานเดิมของผเู้ รียน และเป็นแนวทำงในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ การปฐมนิเทศ 1. รายละเอยี ดคาอธบิ ายรายวชิ า ภาษาอังกฤษในชีวติ ประจำวนั พต21001ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น 2. หลักเกณฑ์การวดั ผล และการใหค้ ะแนนรายวชิ า ภาษาอังกฤษในชีวติ ประจำวนั พต21001ระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น 3. ขอ้ ตกลงเกี่ยวกบั หลักการ ขอ้ ปฏบิ ัตแิ ละกฎระเบียบในการเรียนการสอนในหอ้ งเรียน กระบวนการจดั การเรียนรู้ 1. ขั้นกำหนดสภาพปญั หาความตอ้ งการในการเรียนรู้ 1.1 ครกู ล่าวทกั ทำยผู้เรียน และแนะนาตวั เอง โดยบอกชื่อ นามสกุล และชอ่ งทำงการตดิ ต่อ 1.2 ครูสอบถามผ้เู รียนถงึ กจิ กรรมท่ีทำในระหว่างปดิ ภาคเรยี นทผ่ี ่านมา และนาเข้าสู่เรือ่ งท่จี ะเรียน 1.3 ครแู จง้ ใหผ้ ู้เรียนทราบว่า ในภาคเรยี นนจี้ ะได้เรียน รายวิชา ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวนั พต 21001 2. ขัน้ แสวงหาข้อมูล และจดั การเรยี นรู้ 2.1 ครูช้ีแจงรายละเอียดคาอธิบายรายวชิ า ภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจำวนั พต21001ระดับมัธยมศึกษา ตอนตน้ ทจี่ ะเรยี นในภาคเรยี นน้ี จานวน 6 เรอื่ ง คือ การฟัง การดู การพดู การอ่าน การเขียน หลกั การใช้ภาษา และวรรณคดี วรรณกรรม ครแู จ้งตวั ช้วี ดั และอภิปรายถงึ เนื้อหา ทจี่ ะเรยี นรว่ มกันกบั ผูเ้ รยี น

2.2 ครู และผู้เรียนตกลงหลักเกณฑก์ ารวัดผล และการใหค้ ะแนนในสว่ นตา่ ง ๆ รว่ มกนั จากคะแนนเตม็ 100 คะแนน อัตราส่วนคะแนนระหว่างภาคต่อปลายภาค = 60 : 40 เปน็ ดังน้ี 1. คะแนนระหว่างเรียน 60 คะแนนแบง่ เก็บ ดังนี้ 1.1 คะแนนดา้ นความรู้ 30 คะแนน 1.2 คะแนนด้านทักษะ (โครงงาน/ชนิ้ งาน) 20 คะแนน 1.3 คะแนนดา้ นคณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ 10 คะแนน 2. คะแนนปลายภาคเรยี น 40 คะแนน ดงั น้ี เกณฑก์ ารประเมนิ ผลสมั ฤทธ์ิทำงการเรยี นด้านความรู้ ของผเู้ รยี นท่ีศึกษา หลกั สูตรรายวชิ า ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวนั พต21001มีดังน้ี หมายถงึ ผู้เรยี นมคี ะแนนสอบปลายภาคเรยี น ตงั้ แต่ 12.00 – 40.00 หรือ ร้อยละ 30 ของคะแนนเต็ม ข้นึ ไป ไมผ่ า่ น หมายถงึ ผเู้ รียนมีคะแนนสอบปลายภาคเรียน ต้งั แต่ 0.00 – 11.99 หรือ ร้อยละ 0.00 – 29.99 ของคะแนนเต็มขึ้นไป การตดั สินผลการเรยี น รายวิชา ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจำวัน พต21001จะนำคะแนนระหว่างภาคมา รวมกบั คะแนนปลายภาคเรียน และจะตอ้ งได้คะแนนไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 50 จงึ จะถอื ว่าผ่าน ทัง้ น้ี ผ้เู รยี นตอ้ งเข้าสอบปลายภาคเรียนด้วย แลว้ นำคะแนนไปเปรียบเทยี บกบั เกณฑ์ทก่ี ำหนดใหค้ ่าระดับผลการ เรียนเป็น 8 ระดบั ดงั น้ี ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 80 – 100 ให้ระดับ 4 หมายถงึ ดีเยยี่ ม ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 75 – 79 ใหร้ ะดบั 3.5 หมายถงึ ดีมาก ไดค้ ะแนนร้อยละ 70 – 74 ให้ระดับ 3 หมายถึง ดี คะแนนรอ้ ยละ 65 – 69 ให้ระดับ 2.5 หมายถงึ ค่อนข้างดี ได้คะแนนร้อยละ 60 – 64 ใหร้ ะดบั 2 หมายถึง ปานกลาง ได้คะแนนรอ้ ยละ 55 – 59 ให้ระดับ 1.5 หมายถึง พอใช้ ได้คะแนนรอ้ ยละ 50 – 54 ใหร้ ะดบั 1 หมายถึง ผ่านเกณฑ์ข้นั ต่ำท่ีกำหนด ได้คะแนนร้อยละ 0 – 49 ให้ระดบั 0 หมายถงึ ต่ำกว่าเกณฑข์ นั้ ต่ำทีก่ ำหนด 2.3 ขอ้ ตกลง ขอ้ ปฏบิ ัติ และกฎระเบียบในการเรยี นการสอนในห้องเรยี น ดังนี้ 1. ผเู้ รยี นตอ้ งเขา้ เรียนไมต่ ่ำกว่า 80 เปอร์เซน็ ต์ ของเวลาเรยี นท้งั หมด 2. ผเู้ รียนไมพ่ ูดคยุ เสียงดงั หรอื สง่ เสียงรบกวนเพือ่ นในเวลาเรยี น 3. ผ้เู รยี นตอ้ งเข้าเรยี นให้ตรงเวลา 4. หากมีความจำเปน็ ตอ้ งหยดุ เรียน ต้องขออนุญาตครผู ูส้ อนกอ่ นทุกครั้ง 5. ไมน่ ำอาหารมารับประทานในหอ้ งเรียนขณะครสู อน 6. หากมขี อ้ สงสัยขณะเรียน ใหส้ อบถามครไู ดท้ ันที 3 2.4 ครชู ีแ้ จงรายละเอยี ดการพบกลมุ่ วนั เวลา สถานท่ีให้ผู้เรยี นทราบ 3. ขน้ั ปฏบิ ตั ิ และนำไปประยุกตใ์ ช้ 3.1 ครใู ห้ผู้เรียนแนะนำตัวใหค้ รู และเพื่อน ๆ ทกุ คนในหอ้ งเรยี นไดร้ ้จู กั

3.2 ครแู จกแบบทดสอบกอ่ นเรยี น รายวิชา ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวนั พต21001ให้ผู้เรยี นทำจากนัน้ ตรวจแบบทดสอบพรอ้ มบนั ทึกคะแนนไว้ และร่วมกนั สรุปถงึ การทำแบบทดสอบ กอ่ นเรยี น รายวชิ า ภาษาองั กฤษ ในชวี ติ ประจำวัน พต21001 4. ข้ันประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 4.1 ครูถามผู้เรยี นเกย่ี วกบั เรอ่ื งที่ครกู ลา่ วมาข้างต้น ว่ามเี รอื่ งอะไรบ้างมีรายละเอียดทีส่ ำคญั อยา่ งไร (เร่ืองท่จี ะเรยี น หลักเกณฑก์ ารให้คะแนน กฎระเบยี บ ขอ้ ตกลง ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิ กตกิ าในการเรียนการสอน) 4.2 ครูถามผู้เรียนว่าพบกลุ่มวันไหน เวลาไหน และท่ไี หน 4.3 ครูซักถามผเู้ รยี นวา่ มขี ้อสงสัยหรือไม่ 4.4 ครมู อบหมายให้ผเู้ รียนศกึ ษาเรอื่ งท่จี ะเรียนในครงั้ ต่อไปล่วงหน้า (เร่อื ง การฟัง และการด)ู การวัดผลประเมนิ ผล วธิ ีการวัด ประเมินจากการสังเกต การซกั ถาม ตอบคำถาม และแบบทดสอบกอ่ นเรียน เครอ่ื งมือ ได้แก่ แบบประเมิน และแบบทดสอบก่อนเรียน เกณฑก์ ารวัด ผ่าน ตอ้ งทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน ไดค้ ะแนนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 50 ของคะแนนเตม็ สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น รายวชิ า ภาษาองั กฤษในชวี ิตประจำวัน พต21001ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น 2. ใบความรู้ เอกสารประกอบการปฐมนิเทศ

บันทึกหลังสอน 1. ปญั หาหรอื อปุ สรรคในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. แนวทางการแกป้ ญั หาหรืออุปสรรค กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การปรบั ปรงุ แผนการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ เร่อื ง การปฐมนเิ ทศ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………………………………… (นางสาวเขมจริ า คำหงษา) ตำแหน่ง ครผู สู้ อนคนพิการ ความคิดเหน็ ของผนู้ ิเทศท่ไี ด้รบั มอบหมายจากผูบ้ รหิ าร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตำแหนง่ …………………………………………………. ความคิดเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ………………………………………………..…… (นางจามรี ภูเมฆ) ตำแหนง่ ผอ.กศน.อำเภอทา่ บ่อ

แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ กลมุ่ สาระความรูพ้ ้นื ฐาน รายวิชา ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวนั พต21001ระดบั มัธยมศึกษา ตอนตน้ แผนการจดั การเรยี นรู้เรอื่ งท่ี 2 เรือ่ งการทกั ทายการกล่าวลา การแนะนำตนเองและผูอ้ ่ืน เวลา 6 ชั่วโมง สอนวนั ที่ …….……เดอื น …………………พ.ศ.………......... ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดับ ความรู้ ความเข้าใจในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวนั พต21001ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ เก่ยี วกับรายละเอียดคำอธบิ ายรายวชิ า กิจกรรมการเรียนการสอน ข้อตกลง และข้ันตอนการปฏิบตั ิกจิ กรรมให้ เป็นไปตามวตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้ เพ่ือให้ผเู้ รยี นบรรลุผลตามที่คาดหวัง และชว่ ยให้กจิ กรรมการเรยี นการสอนมี ประสิทธิภาพ ตัวช้ีวัด 1. เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นมีความเขา้ ใจแนวทำงการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ในรายวิชา รายวชิ า ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวัน พต21001ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ 2. เพอื่ เตรยี มตัวล่วงหนา้ ในการเรียน และมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมการเรียนการสอนอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 3. เพอ่ื ทดสอบความรู้พนื้ ฐานเดมิ ของผเู้ รียน และเปน็ แนวทำงในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ การทักทายการกล่าวลา การแนะนำตนเองและผอู้ ื่น 1. รายละเอยี ดคำอธิบายรายวิชา ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน พต21001ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น 2. หลกั เกณฑก์ ารวัดผล และการใหค้ ะแนนรายวชิ า ภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจำวนั พต21001ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น 3. ขอ้ ตกลงเกี่ยวกับหลักการ ขอ้ ปฏิบตั ิและกฎระเบยี บในการเรียนการสอนในห้องเรยี น กระบวนการจัดการเรียนรู้ 1. ข้ันกำหนดสภาพปญั หาความตอ้ งการในการเรยี นรู้ ครูและผู้เรียนร่วมกนั กำหนดการเรยี นรู้ในเรอ่ื งต่อไปน้ี - ภาษาทา่ ทางในการสื่อสารในชวี ิตประจำวัน - คำศัพท์ สำนวน ประโยคต่าง ๆ - ให้ผเู้ รียนทำกิจกรรมตามใบงาน 2. ข้ันแสวงหาข้อมูล และจดั การเรียนรู้ 2.1 ครผู เู้ รยี นร่วมกนั กำหนดกรอบเน้ือหาเก่ียวกับการเรยี นรู้ด้วยตนเอง การใช้แหล่งเรียนรู้ รวมทั้งการจัดการความรู้ 2.2 ครู และผู้เรียนตกลงหลกั เกณฑ์การวดั ผล และการให้คะแนนในสว่ นตา่ ง ๆ ร่วมกัน จากคะแนนเตม็ 100 คะแนน อตั ราสว่ นคะแนนระหว่างภาคตอ่ ปลายภาค = 60 : 40 เป็นดังน้ี

1. คะแนนระหวา่ งเรียน 60 คะแนนแบ่งเกบ็ ดังนี้ 1.1 คะแนนด้านความรู้ 30 คะแนน 1.2 คะแนนด้านทกั ษะ (โครงงาน/ช้นิ งาน) 20 คะแนน 1.3 คะแนนดา้ นคุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ 10 คะแนน 2. คะแนนปลายภาคเรียน 40 คะแนน ดงั นี้ เกณฑ์การประเมนิ ผลสัมฤทธท์ิ ำงการเรยี นด้านความรู้ ของผู้เรียนท่ีศกึ ษา หลักสูตรรายวิชา ภาษาองั กฤษในชีวิตประจำวนั พต21001มีดงั นี้ หมายถงึ ผเู้ รียนมคี ะแนนสอบปลายภาคเรยี น ต้งั แต่ 12.00 – 40.00 หรือ ร้อยละ 30 ของคะแนนเตม็ ข้นึ ไป ไมผ่ ่าน หมายถงึ ผเู้ รยี นมีคะแนนสอบปลายภาคเรียน ต้ังแต่ 0.00 – 11.99 หรือ ร้อยละ 0.00 – 29.99 ของคะแนนเต็มข้ึนไป การตัดสนิ ผลการเรยี น รายวชิ า ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวนั พต21001จะนำคะแนนระหว่างภาคมา รวมกบั คะแนนปลายภาคเรียน และจะต้องไดค้ ะแนนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 50 จงึ จะถอื ว่าผา่ น ท้ังน้ี ผเู้ รียนต้องเขา้ สอบปลายภาคเรียนดว้ ย แลว้ นำคะแนนไปเปรยี บเทยี บกบั เกณฑท์ ก่ี ำหนดใหค้ ่าระดบั ผลการ เรียนเป็น 8 ระดับ ดังนี้ ได้คะแนนรอ้ ยละ 80 – 100 ใหร้ ะดับ 4 หมายถึง ดีเยย่ี ม ไดค้ ะแนนร้อยละ 75 – 79 ให้ระดบั 3.5 หมายถึง ดีมาก ได้คะแนนรอ้ ยละ 70 – 74 ให้ระดบั 3 หมายถึง ดี คะแนนรอ้ ยละ 65 – 69 ใหร้ ะดับ 2.5 หมายถึง ค่อนข้างดี ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 60 – 64 ใหร้ ะดับ 2 หมายถึง ปานกลาง ได้คะแนนร้อยละ 55 – 59 ใหร้ ะดบั 1.5 หมายถงึ พอใช้ ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 50 – 54 ใหร้ ะดบั 1 หมายถึง ผ่านเกณฑข์ ้ันต่ำท่ีกำหนด ไดค้ ะแนนร้อยละ 0 – 49 ให้ระดับ 0 หมายถงึ ต่ำกว่าเกณฑ์ข้นั ต่ำท่ีกำหนด 2.3 ขอ้ ตกลง ข้อปฏิบัติ และกฎระเบยี บในการเรยี นการสอนในห้องเรียน ดงั นี้ 1. ผู้เรียนตอ้ งเขา้ เรียนไม่ต่ำกวา่ 80 เปอรเ์ ซ็นต์ ของเวลาเรยี นทั้งหมด 2. ผู้เรียนไมพ่ ูดคุยเสยี งดงั หรอื ส่งเสียงรบกวนเพอ่ื นในเวลาเรียน 3. ผ้เู รียนตอ้ งเข้าเรียนให้ตรงเวลา 4. หากมคี วามจำเป็นตอ้ งหยดุ เรยี น ต้องขออนญุ าตครูผสู้ อนก่อนทุกครง้ั 5. ไมน่ ำอาหารมารับประทานในหอ้ งเรียนขณะครสู อน 6. หากมขี ้อสงสยั ขณะเรียน ใหส้ อบถามครไู ด้ทันที 3 2.4 ครชู ี้แจงรายละเอียดการพบกลุ่ม วนั เวลา สถานท่ีให้ผู้เรียนทราบ 3. ข้นั ปฏบิ ัติ และนำไปประยกุ ต์ใช้ - ครูให้ผูเ้ รยี นแนะนำตวั ใหค้ รู และเพอ่ื น ๆ ทุกคนในห้องเรียนไดร้ จู้ กั

ใบความรู้ เร่ือง การใชภ้ าษาทา่ ทางในการส่ือความหมายในชวี ิตประจำวัน การทกั ทายและการแนะนำตนเอง (Greeting and Introducing Yourself) 1.1 การทักทาย (Greeting) ในภาษาอังกฤษทีไ่ ด้รบั ความนิยมโดยทว่ั ไปมกั ใช้คำวา่ Hello หรือ Hi ซง่ึ แปลวา่ สวสั ดี คำว่า Hello จะใชใ้ นรปู แบบท่ีค่อนข้างเปน็ ทางการ แตค่ ำว่า Hi จะใช้กับคนท่สี นทิ สนม นอกจากนีย้ ังมสี ำนวนเก่ียวกบั การทกั ทาย ซ่ึงเปน็ สำนวนทางภาษาทีเ่ ป็นทางการและใชก้ ันอย่างแพร่หลายใน กรณีท่ีเราพบปะกับบคุ คลอน่ื เป็นคร้ังแรก เราต้องทักทายด้วยคำวา่ How do you do? ผทู้ ่ีเราทักทายด้วยกจ็ ะตอบกลบั วา่ How do you do? เช่นกัน ซงึ่ เป็นวฒั นธรรมของชาวอังกฤษ การทกั ทาย และการสนทนาเมือ่ พบกนั คร้งั แรก เมอื่ ใช้ประโยคทกั ทายวา่ How do you do? แลว้ อาจจะแนะนำตนเอง ด้วยชอ่ื ของผ้พู ดู และคู่สนทนากต็ อ้ งตอบกลบั มาในสำนวนเดยี วกนั ยกตวั อย่างเชน่ Suda : How do you do? I am Suda. Malee : How do you do? I am Malee. เมือ่ รจู้ กั กันแลว้ และทักทายกนั ดว้ ยประโยควา่ How do you do? แล้วตอ้ งการถามถึงทุกข์สุขวา่ เป็น อยา่ งไรบา้ ง คสู่ นทนากจ็ ะโต้ตอบดว้ ยคำวา่ How do you do? เชน่ กัน และตามดว้ ยคำว่า I’m fine, thank you. And you? และผเู้ ร่มิ การสนทนาจะตอบว่า Fine, thanks. ยกตัวอยา่ งเชน่ Wichai : How do you do? Mana : How do you do? I’m fine, thank you. And you? Wichai : Fine, thank you. สำหรับช่วงเวลาของการกลา่ วคำทักทายในภาษาองั กฤษ แบง่ ออกไดเ้ ปน็ 3 ช่วง ดงั นี้ Good morning ใช้ทักทายในตอนเชา้ ตัง้ แต่เวลา 06.00 น. ถึงตอนเท่ียงวนั เวลา 12.00 น. Good afternoonใช้ทักทายในตอนหลังเท่ียงวนั ตง้ั แต่เวลา 13.00 น. ถงึ ก่อนพระอาทติ ย์ตก Good evening ใช้ทักทายหลังเวลา 17.00 น. หรอื หลงั ดวงอาทติ ย์ตกเป็นต้นไป สำนวนทใี่ ช้สอบถามทุกขส์ ขุ วา่ เป็นอยา่ งไรบ้างเม่ือพบกัน ในภาษาอังกฤษนิยมใช้หลายสำนวนด้วยกนั เชน่ How are you? สบายดหี รอื เปล่า/ How are you today? สบายดไี หม / เปน็ อย่างไรบ้าง / How are you doing? How have you been? สบายดีไหม / เปน็ อยา่ งไรบ้าง / ใชใ้ นกรณีที่ไม่ได้พบเจอกนั เป็น เวลานาน นอกจากนี้ ยงั มีสำนวนทีใ่ ชก้ ันอกี ดังน้ี How is it up? (How’s it up?) หม่นู เ้ี ปน็ อย่างไรบา้ ง What is up? (What’s up?) สำนวนทใี่ ชต้ อบรบั ถึงการสอบถามทกุ ข์สุขวา่ เป็นอยา่ งไรเมื่อพบกัน เช่น Fine, thank you. And how are you? สบายดี ขอบคณุ แลว้ คุณละ่ Very well, thanks. How about you?

Great, thanks. How about you? สบายดมี าก ขอบคณุ แลว้ คณุ ละ่ So so กเ็ รอ่ื ย ๆ นะ I’m just so and so. กอ็ ย่างน้ันแหละ I’m quite well, thank you. And you? สบายดนี ะ ขอบคุณ แลว้ คุณละ่ Not quite well, I have a cold. ไม่สบายนัก เป็นหวดั Dialogues about Greeting Situation 1: Suda and Malee meet for the first time. Suda : Good morning. Malee, How do you do? Malee : Good morning. Suda, How do you do? Suda : I’m quite well, thank you. And you? Malee : Fine, thank you. Situation 2: การแสดงความยนิ ดที ไ่ี ด้รจู้ ักกนั Suda : Good morning. Malee, I am suda. Malee : Good morning. Suda, I am Malee. Suda : I’m pleased to meet you. Malee : I’m pleased to meet you too. 1.2 การแนะนำตนเอง (Introducing Yourself) ชาวตะวนั ตกยึดถือเปน็ ธรรมเนยี มปฏิบตั ิตอ่ กนั วา่ เมอ่ื บคุ คล พบหรือรจู้ ักกันเป็นครั้งแรก การแนะนำตนเองใหบ้ คุ คลอ่นื รู้จักเป็นสิง่ สำคญั และจำเปน็ เมอ่ื กล่าวคำทกั ทายแลว้ จะตอ้ งบอกช่อื ตนเองด้วยสำนวนต่าง ๆดงั นี้ Hello. My name is……………………… (ใช้ Hello สำหรบั การร้จู กั ครัง้ แรก) Hi. I’m……………………… (สำหรับผู้ท่เี ราร้จู กั คุ้นเคย) Good morning. My name is ………………… Good morning. I’m …………………………. สวัสดฉี นั / ผม/ ดิฉันช่อื ....................... หากตอ้ งการบอกชอ่ื เลน่ ให้ทราบด้วยกอ็ าจพูดวา่ Hello. My name is ……………… and nickname is ………………

เมื่อกลา่ วแนะนำตวั แลว้ คู่สนทนาควรพดู ว่า It’s nice to meet you. ยินดที ่ไี ด้ร้จู กั คุณ \\ Nice to meet you. I’m glad to meet you. I’m glad to see you. ยินดที ่ีไดร้ ้จู ักกนั Nice meeting you. I’m glad to have met you (ใช้กลา่ วเมื่อลาจากกัน) การแนะนำบุคคลอ่นื ใหร้ ้จู กั กัน (Introducing Oneself and Others) หากจะพดู คุยกนั ระหว่างบุคคลจะตอ้ งได้รับการแนะนำใหร้ ู้จักกันเสยี กอ่ น ยกตวั อยา่ ง เช่น สุดาตอ้ งการแนะนำใหม้ าลีรจู้ ักกับสวุ ฒั น์ สดุ าตอ้ งกล่าวแนะนำ ดังน้ี Suda : Malee, this is Suwat, Suwat, this is Malee. นอกจากน้ี ยงั มสี ำนวนทีส่ ามารถใช้กล่าวแนะนำให้บคุ คลรู้จกั อีก เชน่ Suwat, I’d like to introduce Miss Malee. Suwat, let me introduce Miss Malee. Suwat, May I present Miss Malee? Suwat, this is my friend, Miss Malee. การกล่าวลา (Parting) การกล่าวลา (Parting) คำทม่ี ักนิยมใช้กนั โดยทั่วไป ในการกลา่ วลา ไดแ้ ก่ คำว่า Good bye, Bye นอกจากนี้ ยังมีสำนวนที่ใชใ้ นการกล่าวลาอน่ื ๆ อีก ซงึ่ จะใช้ตามสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีเกดิ ขึ้น เช่น See you later. แล้วคอ่ ยพบกันใหม่ So long. ลาที (คนสนทิ ) I’ll be seeing you. แล้วคอ่ ยพบกันใหม่ Good day. กลา่ วลาตอนกลางวนั Good night. กลา่ วลาตอนกลางคนื

ใบงาน เร่ืองที่ 1 การทกั ทาย และการกลา่ วลา (Greeting and LeaveTaking) Exercise 1 Choose the best answer. Jaew : Hi, Joy. Toy : _______ (1) _______. How have you been? Jaew : _______ (2) _______. And you? Toy : Good thanks. _______ (3) _______. Jaew : I've changed my work. Now I'm with Jook. Toy : ______ (4) _______. I hope you enjoy it. Jaew : I think so. I'm afraid I have to go now. I've a meeting this afternoon. ___________ (5)____________. Toy : See you later. 1. a. Hi. b. Hi. Jaew. c. Good morning. d. Good morning, Jaew. 2. a. Very well. b. Very well, thank. c. Very well, thanks. d. Very well, Toy. 3. a. How does your work? b. How about your work? c. How do you do your work? d. How are you doing your work? 4. a. How nice! b. How good! c. How's that! d. How about! 5. a. Bye. b. See you. c. Good luck. d. I'll be back. Exercise 2 Choose the best answer. 1. Pom : Hi, Jun. How's life? Jun : ________________. a. I'm fine, thank you. b. Very well, thanks, and you? c. Fine, thanks. d. Nothing to complain. 2. Nooch : ____________________. Lak : I'm O.K. a. Good morning, Madam. How are you keeping? b. Good morning, Miss Lak. How are you today? c. Hello, lady. How are everything? d. Hello, Lak. How are you doing? 3. Ton : What's wrong with you, Sommai? Sommai : _______________________ a. I'm not so well. I catch a cold. b. I'm O.K. I'll go to see the doctor. c. Nothing to complain. I have a toothache. d. So, so. My leg is broken. 4. Tui : My mother is waiting for me at the bus stop. I have to go now, bye! Kaew : ____ a. See you. b. Take care. c. Have a good time. d. Please come again. 5. Mr.Ya : I'm sorry. I have to leave for Chiangmai now. Goodbye! Miss Pattana : _____ a. See you later. b. Please come again. c. Have a nice trip. d. Take good care of yourself.

เฉลยแบบฝกึ หดั Exercise 1 2. c 3. b 4. a 5. a 1. b 5. C 2. d 3. a 4. a Exercise 2 1. d

บันทกึ หลงั สอน 1. ปญั หาหรอื อุปสรรคในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. แนวทางการแก้ปัญหาหรอื อุปสรรค กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การปรบั ปรงุ แผนการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ เรื่อง การทกั ทายการกล่าวลา การแนะนำตนเองและผ้อู ืน่ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………………………………… (นางสาวเขมจริ า คำหงษา) ตำแหน่ง ครูผ้สู อนคนพิการ ความคิดเห็นของผนู้ ิเทศท่ีไดร้ ับมอบหมายจากผบู้ ริหาร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตำแหน่ง…………………………………………………. ความคิดเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ ………………………………………………..…… (นางจามรี ภูเมฆ) ตำแหนง่ ผอ.กศน.อำเภอท่าบ่อ

แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กลุ่มสาระความร้พู น้ื ฐาน รายวิชา ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวัน พต21001ระดับมัธยมศกึ ษา ตอนต้น แผนการจัดการเรยี นรูเ้ ร่ืองท่ี 3 เร่ืองการใช้ภาษากายและการพูดโทรศพั ท์ เวลา 6 ช่ัวโมง สอนวันท่ี …….……เดอื น …………………พ.ศ.………......... ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั ความรู้ ความเขา้ ใจในการเรียนวชิ าภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวัน พต21001ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น เกีย่ วกับรายละเอยี ดคำอธิบายรายวิชา กิจกรรมการเรียนการสอน ขอ้ ตกลง และขน้ั ตอนการปฏิบัติกจิ กรรมให้ เป็นไปตามวัตถุประสงค์การเรยี นรู้ เพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นบรรลุผลตามที่คาดหวัง และชว่ ยให้กิจกรรมการเรยี นการสอนมี ประสิทธิภาพ ตวั ชว้ี ดั 1. เพอื่ ให้ผู้เรียนมคี วามเข้าใจแนวทำงการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ในรายวชิ า รายวชิ า ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจำวัน พต21001ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ 2. เพ่อื เตรยี มตัวล่วงหนา้ ในการเรียน และมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมการเรยี นการสอนอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 3. เพือ่ ทดสอบความรู้พนื้ ฐานเดิมของผ้เู รียน และเป็นแนวทำงในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 4. รบั -ตอบ โทรศัพทอ์ ย่างง่าย ๆ 5. เข้าใจและใช้ภาษาในการสอื่ สารในชีวิตประจำวนั สาระการเรยี นรู้ การใชภ้ าษากายและการพดู โทรศัพท์ 1. รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวชิ า ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจำวัน พต21001ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 2. หลักเกณฑ์การวดั ผล และการให้คะแนนรายวิชา ภาษาองั กฤษในชวี ิตประจำวัน พต21001ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น 3. ข้อตกลงเกีย่ วกบั หลักการ ขอ้ ปฏิบัติและกฎระเบยี บในการเรียนการสอนในห้องเรียน กระบวนการจดั การเรยี นรู้ 1. ข้ันกำหนดสภาพปญั หาความตอ้ งการในการเรียนรู้ - การโตต้ อบโทรศพั ท์ - คำศัพท์ สำนวน ประโยคต่าง ๆ - ให้ผูเ้ รียนทำกิจกรรมตามใบงาน 2. ข้นั แสวงหาขอ้ มลู และจดั การเรยี นรู้ 2.1 ครผู เู้ รยี นร่วมกันกำหนดกรอบเนือ้ หาเก่ยี วกับการเรียนรดู้ ้วยตนเอง การใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ รวมท้ังการ จัดการความรู้ 2.2 ครู และผเู้ รียนตกลงหลักเกณฑ์การวดั ผล และการใหค้ ะแนนในส่วนตา่ ง ๆ ร่วมกนั จากคะแนนเตม็ 100 คะแนน อัตราส่วนคะแนนระหว่างภาคตอ่ ปลายภาค = 60 : 40 เปน็ ดังน้ี

1. คะแนนระหวา่ งเรยี น 60 คะแนนแบ่งเก็บ ดังน้ี 1.1 คะแนนดา้ นความรู้ 30 คะแนน 1.2 คะแนนด้านทักษะ (โครงงาน/ชนิ้ งาน) 20 คะแนน 1.3 คะแนนดา้ นคุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ 10 คะแนน 2. คะแนนปลายภาคเรียน 40 คะแนน ดงั นี้ เกณฑก์ ารประเมินผลสัมฤทธท์ิ ำงการเรียนดา้ นความรู้ ของผูเ้ รียนที่ศึกษา หลักสูตรรายวิชา ภาษาองั กฤษในชีวิตประจำวัน พต21001มีดังนี้ หมายถงึ ผเู้ รียนมคี ะแนนสอบปลายภาคเรียน ต้งั แต่ 12.00 – 40.00 หรอื ร้อยละ 30 ของคะแนนเตม็ ขน้ึ ไป ไม่ผา่ น หมายถึง ผเู้ รียนมีคะแนนสอบปลายภาคเรยี น ตงั้ แต่ 0.00 – 11.99 หรือ ร้อยละ 0.00 – 29.99 ของคะแนนเตม็ ข้ึนไป การตัดสนิ ผลการเรยี น รายวชิ า ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจำวนั พต21001จะนำคะแนนระหวา่ งภาคมา รวมกับคะแนนปลายภาคเรียน และจะต้องไดค้ ะแนนไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 50 จงึ จะถอื ว่าผา่ น ทั้งน้ี ผูเ้ รยี นต้องเขา้ สอบปลายภาคเรียนด้วย แลว้ นำคะแนนไปเปรียบเทียบกับเกณฑท์ ี่กำหนดให้ค่าระดบั ผลการ เรยี นเป็น 8 ระดบั ดงั น้ี ได้คะแนนรอ้ ยละ 80 – 100 ให้ระดบั 4 หมายถึง ดเี ย่ียม ได้คะแนนรอ้ ยละ 75 – 79 ให้ระดับ 3.5 หมายถงึ ดมี าก ได้คะแนนรอ้ ยละ 70 – 74 ใหร้ ะดบั 3 หมายถงึ ดี คะแนนร้อยละ 65 – 69 ใหร้ ะดับ 2.5 หมายถึง ค่อนขา้ งดี ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 60 – 64 ใหร้ ะดบั 2 หมายถงึ ปานกลาง ไดค้ ะแนนร้อยละ 55 – 59 ให้ระดบั 1.5 หมายถึง พอใช้ ได้คะแนนร้อยละ 50 – 54 ใหร้ ะดับ 1 หมายถงึ ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำท่กี ำหนด ได้คะแนนร้อยละ 0 – 49 ให้ระดับ 0 หมายถึง ต่ำกวา่ เกณฑ์ข้นั ต่ำทีก่ ำหนด 2.3 ข้อตกลง ข้อปฏิบัติ และกฎระเบยี บในการเรียนการสอนในหอ้ งเรยี น ดังน้ี 1. ผู้เรียนตอ้ งเขา้ เรียนไมต่ ่ำกว่า 80 เปอรเ์ ซ็นต์ ของเวลาเรยี นทงั้ หมด 2. ผู้เรยี นไมพ่ ดู คยุ เสียงดงั หรือสง่ เสยี งรบกวนเพื่อนในเวลาเรยี น 3. ผู้เรียนต้องเขา้ เรียนให้ตรงเวลา 4. หากมคี วามจำเป็นตอ้ งหยุดเรียน ตอ้ งขออนญุ าตครผู สู้ อนก่อนทกุ ครั้ง 5. ไม่นำอาหารมารบั ประทานในหอ้ งเรยี นขณะครูสอน 6. หากมขี ้อสงสัยขณะเรียน ให้สอบถามครูได้ทนั ที 3 2.4 ครูชี้แจงรายละเอยี ดการพบกลมุ่ วัน เวลา สถานทีใ่ ห้ผู้เรยี นทราบ 3. ขั้นปฏบิ ตั ิ และนำไปประยุกตใ์ ช้ - ครูให้ผู้เรยี นรับโทรศัพท์และเพ่อื น ๆ ทกุ คนในห้องเรยี นได้ร้จู กั การรบั โทรศพั ท์

ใบความรู้ เรือ่ ง การใช้ภาษากายและการพูดโทรศัพท์ วชิ า ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวนั ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ .......................................................................... ภาษาทา่ ทางท่ใี ชใ้ นโอกาสต่าง ๆ ดงั นี้ 1. ทา่ ทางทสี่ อ่ื ความหมายทางภาษา เชน่ กวักมอื = Come here. โบกมือ = Bye-bye. ชู 2 นิว้ = Victory ผายมือ = This way, please. 2. ทา่ ทางการปฏบิ ตั ติ ามวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา เชน่ - Waving good-bye. - Hand Shaking. - Good-bye hug/kiss - Good night hug/kiss 3. คำศัพท์ สำนวน ประโยคและทา่ ทางที่ใช้สื่อสารในโอกาสตา่ ง ๆ เช่น - Merry Christmas. - Happy New Year. - Happy Valentine’s. - Happy Birthday. - Congratulations on your graduation - Thanks. - Thank you very much. - The same to you. - Many happy returns. etc. (ภาพเหล่านคี้ ือตวั อย่างของการใช้ภาษากาย ซึ่งนำมาใชโ้ ดยผู้คนทีอ่ ยู่ในประเทศที่ใชภ้ าษาองั กฤษเปน็ สอื่ กลาง) What time is it? I don't know (เวลาเท่าไหรแ่ ลว้ ) (ผมไมท่ ราบ) Wish me luck! Show anger. (ขอให้ฉันโชคดี) (แสดงอาการโกรธ)

Examples of Body Language (ตัวอย่างของภาษาทา่ ทาง) sitting with legs crossed, foot kicking slightly (น่งั ไขวห่ า้ ง เตะเทา้ ไปมาเลก็ น้อย) boredom (แสดงอาการเบือ่ ) hand to cheek (เอามอื เทา้ คาง) thinking (กำลังใช้ความคดิ ) touch, slightly rubbing the nose (เอามือแตะจมกู แล้วถเู บา ๆ) lying, doubt, rejection (โกหก, สงสัย, ปฎิเสธ) tapping or drumming fingers (ใช้นว้ิ มือเคาะเปน็ จังหวะ) impatience (กระสบั กระส่าย) In your country (ในประเทศของคณุ ) 1. What gestures do you use to call a waiter in the restaurant? (ใช้ท่าทางอย่างไรเมอื่ จะเรียกพนกั งานเสิรฟ์ ในรา้ นอาหาร) Ans. Wave ours hands. (ตอบ โบกมือ) 2. What gestures do you use to indicate, “Yes” or “No”? (ใชท้ ่าทางอยา่ งไรเมื่อจะตอบรับหรอื ตอบปฎิเสธ) Ans. Nod when refers \"Yes\" and shake one's head when we refers “No”. (ตอบ ก้มศรี ษะเม่ือต้องการตอบว่า\"ใช\"่ และสนั่ หัวเมอื่ ตอ้ งการตอบวา่ \"ไมใ่ ช่\" 3. How much eye-contact is there between people talking to each other? (มีการสอื่ สารกนั ทางสายตามากนอ้ ยแค่ไหนเม่อื พูดคุยกนั ) Ans. They will gaze one another. (ตอบ เขาต่างมองตากนั ) 4. How much eye-contact is there between strangers passing each other in the street? (มกี ารสื่อสารกนั ทางสายตามากน้อยแค่ไหน เมอ่ื คนแปลกหนา้ เดินสวนกันบน ถนน) Ans. They don't look at one another. (ตอบ เขาไม่มองหนา้ กนั ) 5. Do people stand close enough to touch when they are speaking? (คนเรายนื ใกลก้ นั จนสมั ผัสกนั ไดต้ อนทพ่ี ูดคยุ กนั หรือไม่) Ans. Yes, they do. (ตอบ ใช่) 6. Do people walk arm in arm in public? (คนเราเดินเดยี่ วแขนกันในทีส่ าธารณะหรอื ไม่) Ans. A few of them do. (ตอบ มีไมก่ ค่ี นทที่ าเชน่ น้ัน) 7. Do people show affection in public? (คนเราแสดงความรู้สกึ รกั ใคร่ในท่ีสาธารณะหรือไม่) Ans. Some of them do. (ตอบ บางคนทำเช่นนนั้ )

การติดต่อส่ือสารทางโทรศัพทเ์ ป็นวธิ ีการที่สะดวกและรวดเร็ว การรับและพูดโทรศัพทโ์ ดยใช้ ภาษาอังกฤษด้วยสำนวนท่ถี กู ตอ้ งและชัดเจนตรงตามความต้องการของผพู้ ูดจะชว่ ยใหส้ ่ือสารได้เขา้ ใจตรงกันตาม วตั ถปุ ระสงค์ ผู้เรยี นจึงต้องศึกษาคำศัพท์ สำนวนและประโยคภาษาอังกฤษในการสนทนาทางโทรศัพท์ใหเ้ ขา้ ใจ และนำไปใชใ้ นแตล่ ะสถานการณไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม คำศพั ทแ์ ละสำนวน Sorry, I can’t hear. = ขอโทษนะคะ / ครับ ดฉิ ันไม่ไดย้ นิ เลยค่ะ / ครบั Louder, please. = กรุณาพูดดังกวา่ นี้คะ่ / ครบั Pardon? = ขอโทษวา่ อะไรนะคะ / ครบั He’s not here now. = ขณะนเี้ ขาไม่อยูค่ ะ่ / ครบั My phone number is…… = โทรศัพทข์ องฉันเหมายเลข.................................. Sorry, you’ve got a wrong number = ขอโทษคะ่ / ครับ คุณโทรผิดหมายเลขแลว้ ค่ะ /ครบั wrong number. a phone line is busy = สายโทรศพั ท์ไม่ว่าง a telephone is out of order = โทรศพั ทข์ ดั ข้องหรือเสยี speak = พดู speak to = พดู กับ who’s calling? = ใครกำลังพูด, ใครกำลังโทรศพั ท์ บทสนทนาทางโทรศัพท์ (Conversation on phone) เหตกุ ารณ์ตอ่ ไปนี้เป็นเรอื่ งการสนทนาทางโทรศัพทร์ ะหว่างสดุ าและมาลี Situation 1 กรณีบุคคลที่เราต้องการพดู ด้วยอยู่ ณ ทนี่ ัน้ Suda : Hello. Can I speak to Wipa, please? Malee : Hello. Who’s calling, please? Suda : I’m Suda. Malee : Hold on, please. Situation 2 กรณีบุคคลที่เราต้องการพูดดว้ ยไม่อยู่ ณ ทนี่ ้นั และไมต่ อ้ งการฝากข้อความไว้แต่จะ โทรศพั ทก์ ลับมา อีกคร้ัง Suda : Hello. This is Suda. Could I speak to Wipa, please? Malee : Sorry. She’s not in. Do you want to leave a message? Suda : No. Thank you. I’ll call her later on. Malee : All light. Bye-bye. Suda : Thanks. Bye.

Situation 3 กรณีบุคคลที่เราตอ้ งการพดู ด้วยไม่อยู่ ณ ท่ีน้ันและตอ้ งการฝากขอ้ ความไว้ Suda : Hello. Suda’s speaking. Is Malee in? Wipa : Sorry. She’s out. Would you like to leave a message? Suda : Yes, please tell Malee. I can’t see her tomorrow. Wipa : Right. I’ll tell her. Suda : Thanks a lot. Bye. Wipa : Bye.

ใบงาน เร่อื ง การใชภ้ าษากายและการพูดโทรศัพท์ วิชา ภาษาองั กฤษในชวี ิตประจำวนั ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ .......................................................................... Exercise 1 What might each picture mean? Match the picture with the sentences given. a. I don't know b. I know the answer. c. Wish me luck! d. This smells terrible. d. What time is it? f. I can't hear you. ……………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………. …….1. Let's go up. ……………………………………………………………………………………. …….2. Let's go down. .........3. Are you O.K.? I'm O.K. ………4. You'll be killed. ….….5. I can't breathe. I'm running out of air.

เฉลยใบงาน เร่ือง ภาษาทา่ ทางทใี่ ช้ในโอกาสต่าง ๆ ทา่ ทางท่สี ื่อความหมายทางภาษา ทา่ ทางการปฏิบัติตามวัฒนธรรมของ เจ้าของ คำศัพท์ สำนวน ประโยคและทา่ ทางที่ใช้สอื่ สารในโอกาสต่าง ๆ เรื่องท่ี 4 การใชภ้ าษากาย (Body Language) Exercise 1 1. e 2. A 3. c 4. B 5. d 6. f Exercise 2 1. d 2. b 3. a 4. e 5. c

บันทึกหลงั สอน 1. ปัญหาหรืออปุ สรรคในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. แนวทางการแก้ปัญหาหรอื อปุ สรรค กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การปรับปรงุ แผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ เรอ่ื ง การใชภ้ าษากายและการพูดโทรศัพท์ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………………… (นางสาวเขมจริ า คำหงษา) ตำแหน่ง ครผู ้สู อนคนพิการ ความคิดเหน็ ของผ้นู ิเทศทไ่ี ดร้ ับมอบหมายจากผู้บรหิ าร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตำแหนง่ …………………………………………………. ความคิดเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ………………………………………………..…… (นางจามรี ภูเมฆ) ตำแหนง่ ผอ.กศน.อำเภอทา่ บอ่

แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ กลุม่ สาระความรู้พน้ื ฐาน รายวชิ า ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวนั พต21001ระดบั มธั ยมศึกษา ตอนต้น แผนการจดั การเรียนรเู้ ร่ืองที่ 7 เร่อื งการแสดงความคิดเหน็ เวลา 6 ชั่วโมง สอนวนั ที่ …….……เดือน …………………พ.ศ.………......... ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2563 มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั ความรู้ ความเขา้ ใจในการเรยี นวชิ าภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจำวนั พต21001ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น เก่ยี วกับรายละเอยี ดคำอธิบายรายวิชา กิจกรรมการเรยี นการสอน ข้อตกลง และขนั้ ตอนการปฏบิ ัติกิจกรรมให้ เปน็ ไปตามวตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้ เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นบรรลผุ ลตามที่คาดหวงั และช่วยให้กิจกรรมการเรยี นการสอนมี ประสิทธภิ าพ ตวั ชีว้ ัด 1. เพือ่ ใหผ้ ้เู รียนมคี วามเขา้ ใจแนวทำงการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ในรายวชิ า รายวิชา ภาษาองั กฤษในชีวิตประจำวนั พต21001ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ 2. เพอื่ เตรยี มตวั ล่วงหนา้ ในการเรียน และมสี ่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 3. เพอื่ ทดสอบความรู้พืน้ ฐานเดมิ ของผเู้ รยี น และเป็นแนวทำงในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 4. ใช้ภาษาอังกฤษในการแสดงความรสู้ ึก (ดใี จ/เสียใจ/เขา้ ใจ/พอใจ/ไมพ่ อใจ/ใหก้ ำลงั ใจ/สนใจ/ ไมส่ นใจ) สาระการเรยี นรู้ การแสดงความคดิ เห็น 1. รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวิชา ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวนั พต21001ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 2. หลักเกณฑก์ ารวดั ผล และการให้คะแนนรายวชิ า ภาษาองั กฤษในชวี ิตประจำวัน พต21001ระดับ มธั ยมศึกษาตอนตน้ 3. ข้อตกลงเก่ยี วกบั หลักการ ข้อปฏบิ ัติและกฎระเบียบในการเรียนการสอนในหอ้ งเรยี น 4. การแสดงความรู้สกึ และความคิดเหน็ ต่าง ๆ (Expression of feelings) กระบวนการจัดการเรียนรู้ 1. ข้ันกำหนดสภาพปญั หาความต้องการในการเรียนรู้ - ใช้ภาษาองั กฤษในการแสดงความรู้สึก - แสดงความต้องการในสถานการณต์ ่าง ๆ - ให้ผู้เรียนทำกิจกรรมตามใบงาน 2. ขนั้ แสวงหาข้อมูล และจดั การเรียนรู้ 2.1 ครูผู้เรยี นร่วมกันกำหนดกรอบเนือ้ หาเกี่ยวกับการเรียนรดู้ ้วยตนเอง การใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ รวมท้งั การ จัดการความรู้

2.2 ครู และผเู้ รยี นตกลงหลักเกณฑก์ ารวดั ผล และการให้คะแนนในสว่ นต่าง ๆ รว่ มกนั จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน อัตราสว่ นคะแนนระหวา่ งภาคต่อปลายภาค = 60 : 40 เป็นดังนี้ 1. คะแนนระหวา่ งเรยี น 60 คะแนนแบ่งเกบ็ ดังน้ี 1.1 คะแนนด้านความรู้ 30 คะแนน 1.2 คะแนนด้านทักษะ (โครงงาน/ชน้ิ งาน) 20 คะแนน 1.3 คะแนนด้านคณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ 10 คะแนน 2. คะแนนปลายภาคเรยี น 40 คะแนน ดังน้ี เกณฑ์การประเมินผลสมั ฤทธิท์ ำงการเรยี นด้านความรู้ ของผู้เรียนทศ่ี ึกษา หลกั สูตรรายวชิ า ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวนั พต21001มีดังนี้ หมายถงึ ผ้เู รียนมคี ะแนนสอบปลายภาคเรยี น ต้ังแต่ 12.00 – 40.00 หรือ รอ้ ยละ 30 ของคะแนนเตม็ ขน้ึ ไป ไม่ผา่ น หมายถึง ผูเ้ รยี นมคี ะแนนสอบปลายภาคเรยี น ต้ังแต่ 0.00 – 11.99 หรือ รอ้ ยละ 0.00 – 29.99 ของคะแนนเต็มข้นึ ไป การตัดสินผลการเรียน รายวชิ า ภาษาอังกฤษในชีวติ ประจำวัน พต21001จะนำคะแนนระหวา่ งภาคมา รวมกบั คะแนนปลายภาคเรียน และจะต้องได้คะแนนไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 50 จงึ จะถือวา่ ผา่ น ทัง้ นี้ ผูเ้ รยี นต้องเข้าสอบปลายภาคเรียนดว้ ย แลว้ นำคะแนนไปเปรยี บเทียบกับเกณฑ์ทกี่ ำหนดใหค้ ่าระดับผลการ เรยี นเป็น 8 ระดับ ดงั น้ี ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 80 – 100 ใหร้ ะดับ 4 หมายถงึ ดีเย่ยี ม ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 75 – 79 ใหร้ ะดับ 3.5 หมายถงึ ดมี าก ได้คะแนนร้อยละ 70 – 74 ให้ระดบั 3 หมายถงึ ดี คะแนนร้อยละ 65 – 69 ใหร้ ะดบั 2.5 หมายถึง ค่อนขา้ งดี ได้คะแนนร้อยละ 60 – 64 ใหร้ ะดบั 2 หมายถึง ปานกลาง ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 55 – 59 ใหร้ ะดับ 1.5 หมายถงึ พอใช้ ไดค้ ะแนนร้อยละ 50 – 54 ให้ระดบั 1 หมายถงึ ผ่านเกณฑ์ข้นั ต่ำทกี่ ำหนด ได้คะแนนรอ้ ยละ 0 – 49 ให้ระดบั 0 หมายถึง ต่ำกว่าเกณฑ์ข้นั ต่ำทีก่ ำหนด 2.3 ข้อตกลง ข้อปฏิบัติ และกฎระเบียบในการเรียนการสอนในห้องเรียน ดังนี้ 1. ผู้เรยี นต้องเข้าเรยี นไม่ต่ำกว่า 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของเวลาเรยี นทั้งหมด 2. ผู้เรยี นไม่พูดคุยเสียงดงั หรอื สง่ เสยี งรบกวนเพื่อนในเวลาเรยี น 3. ผเู้ รยี นตอ้ งเขา้ เรยี นให้ตรงเวลา 4. หากมคี วามจำเป็นตอ้ งหยุดเรยี น ตอ้ งขออนญุ าตครูผู้สอนกอ่ นทกุ คร้งั 5. ไม่นำอาหารมารบั ประทานในหอ้ งเรยี นขณะครสู อน 6. หากมขี ้อสงสัยขณะเรยี น ให้สอบถามครูได้ทันที 3 2.4 ครูช้แี จงรายละเอยี ดการพบกลุ่ม วนั เวลา สถานทใี่ ห้ผ้เู รียนทราบ 3. ขน้ั ปฏิบัติ และนำไปประยกุ ตใ์ ช้ 3.1.ครูและผู้เรยี นสรปุ สาระสำคัญและนำความรู้ท่ีสอดคล้องกบั วถิ ชี วี ิตไปเปน็ แนวทางในการดำเนินชีวิต 3.2.จดั ทำเป็นรูปเลม่ รายงานจดั นิทรรศการและอภปิ รายรว่ มกัน

ใบความรู้ เรอื่ ง การแสดงความคดิ เห็นและแสดงความต้องการในสถานการณ์ต่าง ๆ เร่ืองที่ 1. ฉนั ควรใส่ชุดไหนดีสำหรับงานเล้ยี งตอ้ นรบั (Which dress should I wear to the welcome party?) เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเป็นปัจจัยหน่ึงที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ โดยเฉพาะการแต่งกายไปในงานเลี้ยงต่าง ๆ ให้ เหมาะสมกบั โอกาสและสถานทส่ี ำนวนทีใ่ ช้สอบถามเกีย่ วกบั ความคดิ เห็น ไดแ้ ก่ What do you think about...................? (คณุ คิดอยา่ งไรเก่ยี วกบั ................... ) Do you have any idea about………………..? (คุณมีความคิดเหน็ เก่ียวกบั .....................หรอื ไม)่ Do you agree that…………………..? (คณุ เหน็ ดว้ ยกับ........................หรอื ไม่) สำนวนท่ีใชต้ อบ ไดแ้ ก่ In my opinion,……………. ในความคดิ เห็นของฉนั In my point of view,………. I think so. ฉนั เห็นดว้ ย I agree with you. I don't think so. ฉันไมเ่ ห็นดว้ ย I disagree. I have no idea. ฉนั ไม่มีความเห็น สดุ าไดร้ บั เชญิ ไปงานเล้ียงตอ้ นรับของบรษิ ทั ในบทสนทนาสุดาได้ปรึกษากับมาลีเพ่ือนรัก เพ่อื ขอ ความเห็นว่าควรจะสวมใสช่ ดุ ไหนไปงานดงั กลา่ วดี Situation 1 Suda : I have nothing to wear to the welcome party. Malee : Oh Dear, that's not true. You have a lot of dresses. How about your black dress? Suda : That long black dress? It's too elegant. I want to wear something casual. What do you think about the pretty yellow dress? Malee : That's a good idea. It's nice. Suda : So, you think I should wear the yellow dress? Malee : I think so. You will look very attractive. อีกตวั อยา่ งหนึ่ง คอื สุดาสนทนากบั มาลเี ก่ยี วกบั การพกั อาศยั สุดาสอบถามมาลวี า่ เธอชอบอยู่ในเมอื ง หรืออยชู่ านเมือง มาลีได้แสดงความคิดเห็นว่าเธอชอบอยชู่ านเมืองมากกวา่ อย่ใู นเมือง ตอ่ ไปน้ี คอื บทสนทนา ระหว่างสุดาและมาลี Situation 2 Suda : Where do you like to live in the city or in the rural? Malee : In my opinion, I like to live in the rural because there is no traffic jams and the weather is good for our health. Suda : I think so.

เร่ืองที่ 2 เดินซอ้ื ของ (Shopping) การใช้ชีวิตประจำวันของคนเราต้องเก่ียวข้องกับการจับจ่ายใช้สอยไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครอื่ งด่ืม เส้ือผ้า และของใช้ ตลอดจนยารักษาโรค สถานท่ีที่คนนิยมไปจับจ่ายซ้ือของ ได้แก่ ร้านค้าสะดวกซื้อ (a convenience store) และห้างสรรพสินค้า (a department store) เม่ือมีลูกค้าเข้าไปในร้าน พนักงานจะ สอบถามความตอ้ งการของลูกค้าเพอื่ อำนวยความสะดวกในการจับจ่ายซ้อื ของได้เร็วขึน้ สำนวนทใ่ี ชถ้ าม เมื่อให้บริการ เช่น What can I do for you? ฉันจะช่วยอะไรคณุ ไดบ้ า้ ง What are you looking for? คณุ กำลงั มองหาอะไรอยู่ Can I help you? ฉนั จะชว่ ยคุณไดไ้ หม May I help you? Do you need some help? คุณตอ้ งการความช่วยเหลอื รึเปล่า If you need anything, please tell me. ถ้าต้องการอะไรโปรดบอก If you need anything, please let me know. นะครับ/คะ่ ในกรณที ่พี ดู ให้สภุ าพจะใชก้ ริยารูป would หรือ could สำนวนท่ใี ช้ตอบ เชน่ I'm looking for ..................... ฉนั กำลงั หา............................อยู่ I want.................. ฉนั ต้องการ................................ Certainly. I want............... แนน่ อน ฉันตอ้ งการ.................. Yes, of course. I'm looking for ................ แนน่ อน ฉันกำลงั มองหา........... Situation 1 At the Department Store Salesgirl : Hello. What can I do for you? Malee : Hello. I'm looking for a jacket. Salesgirl : How about this one? Malee : What size is it? Salesgirl : It's a large size. Malee : Can I try? Salesgirl : Sure. Malee : It's a little bit large. Salesgirl : This is a medium size. Malee : Medium size will do. I will take the black one. How much is it? Salesgirl : Twenty-five dollars Malee : Here's the money. Salesgirl : Please wait for a moment. ……….. Here's your jacket and change. Malee : Thank you. Salesgirl : You're welcome.

เรอื่ งท่ี 3 การให้บริการดา้ นต่าง ๆ (Various Services) สถานีตำรวจเป็นสถานที่ทีจ่ ะใหบ้ รกิ ารในด้านความปลอดภัยในชีวติ และทรพั ยส์ นิ ของ ประชาชน เช่น ปญั หาเกี่ยวกบั การประสบอบุ ตั เิ หตุ การถกู เอารัดเอาเปรยี บเร่อื งค่าจา้ ง ของหาย เปน็ ตน้ สถานทูตเป็นสถานที่ สำหรบั ตดิ ตอ่ และให้บริการแก่ผทู้ ่ีเดินทางไปในประเทศนัน้ ๆ ลองมาดูสถานการณ์การทำหนังสอื เดินทาง (Passport) สญู หายระหวา่ งการเดินทางไปตา่ งประเทศของสุดาว่าจะแก้ปัญหาอยา่ งไร Situation 1 At the police station Suda : Malee, I lost my passport. What can I do? Malee : You should go to the police station to inform about this matter. Policeman : Good morning, Madame. Are there anything I can do for you? Suda : Good morning, Sir. I lost my passport at the bus terminal. Policeman : When did it happen? Suda : It was yesterday night about 10 o'clock. Policeman : What's your name? Suda : I'm Suda Boonma. Policeman : Let me see your I.D. card, please. Suda : Here it is. Policeman : Where do you stay? Suda : I stay in King Street near the central market. Policeman : Here's police record. You should bring this record to the embassy to reissue your passport. Suda : Thank you very much, goodbye. Policeman : You're welcome. หลงั จากสดุ าไปแจ้งความว่า Passport สญู หาย และตำรวจได้บนั ทึกข้อความรับแจ้ง ของหายไว้เปน็ หลักฐานแลว้ และไดแ้ นะนำให้สุดานำบันทึกแจง้ ความไปทสี่ ถานทูตเพือ่ ขอทำหนังสอื เดนิ ทางใหม่ หลังจากน้นั สดุ า จึงได้เดินทางไปท่ีสถานทูต Situation 5 At the post office. Suda : Hi, Malee. What are you doing today? Malee : Hi, Suda. I'm going to the post office. Last night I wrote a letter to my family. Suda : Oh! I would like to send a parcel and buy stamps, too. Malee : Let's go. ...................................................... Teller : What can I do for you madam? Malee : I would like to send this letter to Thailand. How much will I pay for a stamp? Teller : Two U.S. dollars. Here it is. Malee : Thank you. Teller : You're welcome.

การใชภ้ าษาในการนำเสนอใหบ้ รกิ ารและการตอบรับ จะมีภาษาและสำนวนทม่ี กั ใช้ ดังน้ี 1. ผู้ใหบ้ ริการมกั จะเสนอใหบ้ ริการ โดยใชส้ ำนวนดังนี้ May I help you? Can I help you? What can I do for you? If you need anything, please tell me. If you want something, let me know. 2. ผู้รับบริการโดยใช้สำนวนดงั น้ี Yes, please. Yes, of course. Sure. Of course. Certainly. I need …………. . I want …………. .

ใบงาน เรอ่ื งที่ 5 การแสดงความคิดเหน็ และแสดงความต้องการในสถานการณ์ตา่ งๆ Exercise 1 Read the conversation, then answer the questions. Interviewer : Excuse me. I'm doing a survey about mobile phones. Can I ask you a few questions? Preecha : Yes, of course. Interviewer : How often do you use your mobile phone? Preecha : All the time, I enjoy talking with my friend. Interviewer : And do you use any other options on your phone? Like SMS or ….. Preecha : Oh! I often sent SMS. It's cheaper. And sometimes I take photos and send them to my friends. Interviewer : Anything else? Preecha : Oh yes! My parents often call me on mobile phone when I'm out at night. They like to know if I'm safe. Interviewer : Do you have any problems with your phone? Preecha : Yes. The large bill at the end of the month. 1. Who is the interviewer? ____________________________________________________ 2. What is the interview about? ____________________________________________________ 3. How often does Preecha use his mobile phone? ____________________________________________________ 4. What options does he use? ____________________________________________________ 5. What are problems of Preecha for using the mobile phone? ____________________________________________________

Exercise 2 Read the conversation, then answer the questions. Waiter : Could I help you, Madame Siriporn : Yes, please. I'm hungry. What is your advice? Waiter : Today specials are hot curry with fish ball, fried rice with garlic pork sausages and super fried noodle with seafood gravy. What would you like, Madame Siriporn : Um… Fried rice with garlic pork sausages, please. Will I have a small Tomyamkung as well. Waiter : Certainly, Madam. And what would you like for drink, soft drink or coffee or Chinese tea? Siriporn : I prefer cold water. Waiter : Is that all, Madame? Siriporn : Correct. Waiter : All right. I'll read your list again. One fried rice with garlic pork sausages, a small Tomyamkung and cold water, right. Siriporn : Correct. Waiter : I'll serve you just a minute. 1. Where is Siriporn? ________________________________________________________ 2. What are special for today? ________________________________________________________ 3. What does Siriporn order? ________________________________________________________ 4. What does she take for drink? ________________________________________________________ 5. How long does it take for her meal to be served? ________________________________________________________

Exercise 3 Read the conversation, then answer the questions. Suda : Excuse me, do you know where the police station is? Woman : Sorry, I don’t. I’m not from this city. Suda : Thanks anyway. Man : Can I help you, Miss? Suda : Oh, yes. Can you tell me how to get to the police station? Man : Walk up this road about two blocks. When you get to Saint Bernard road, turn right. It’s beside the post office. Suda : O.K. Go up this street and turn right at Saint Bernard road. It’s next to the post office. Man : That’s correct. Suda : Thank you very much. Man : No problem. 1. Who wants to go to the police station? ________________________________________________________ 2. Can the woman show her the way to the police station? Why? ________________________________________________________ 3. Who can tell her the way? ________________________________________________________ 4. Where is the police station? ________________________________________________________ 5. How can we go to the police station? ________________________________________________________

แบบเฉลยใบงาน Exercise 1 1. He is a surveyor about mobile phone. 2. It is about mobile phone. 3. Preecha uses his mobile phone all the time. 4. He uses options to call, take photos and send SMS and photos. 5. His problem is the large bill at the end of the month. Exercise 2 1. Siriporn is in the restaurant. 2. Specials for today are hot curry with fish ball, fried rice with garlic pork sausages and super fried noodle with seafood gravy. 3. Siriporn orders fried rice with garlic pork sausages and a small Tomyamkung. 4. She takes cold water. 5. It takes for her meal to be served just a minute. Exercise 3 1. Suda wants to go to the police station. 2. No, she can't. Because she is not from this city. 3. The man can tell her the way. 4. The police station is beside the post office. 5. Go up the street and turn right at Saint Bernard road. The police station is next to the post office.

บนั ทึกหลังสอน 1. ปญั หาหรืออุปสรรคในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. แนวทางการแกป้ ญั หาหรอื อปุ สรรค กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การปรับปรุงแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เรอื่ ง การแสดงความคิดเห็น กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………………… (นางสาวเขมจิรา คำหงษา) ตำแหน่ง ครผู ู้สอนคนพิการ ความคิดเห็นของผูน้ เิ ทศทีไ่ ด้รับมอบหมายจากผูบ้ รหิ าร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตำแหน่ง…………………………………………………. ความคิดเห็นของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ………………………………………………..…… (นางจามรี ภูเมฆ) ตำแหน่ง ผอ.กศน.อำเภอท่าบอ่

แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กลุม่ สาระความรู้พืน้ ฐาน รายวิชา ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวัน พต21001ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น แผนการจัดการเรยี นรเู้ รื่องท่ี 11 เร่อื งประโยคความรวม เวลา 6 ช่ัวโมง สอนวันท่ี …….……เดือน …………………พ.ศ.………......... ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ ความรู้ ความเข้าใจในการเรียนวชิ าภาษาองั กฤษในชีวติ ประจำวนั พต21001ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น เก่ยี วกบั รายละเอียดคำอธิบายรายวชิ า กิจกรรมการเรียนการสอน ขอ้ ตกลง และข้นั ตอนการปฏิบตั ิกจิ กรรมให้ เป็นไปตามวตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้ เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นบรรลผุ ลตามท่ีคาดหวงั และชว่ ยใหก้ จิ กรรมการเรียนการสอนมี ประสทิ ธภิ าพ ตัวชวี้ ัด 1. เพื่อให้ผเู้ รียนมคี วามเขา้ ใจแนวทำงการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ในรายวิชา รายวิชา ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวนั พต21001ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น 2. เพือ่ เตรยี มตัวล่วงหนา้ ในการเรยี น และมีสว่ นร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างมีประสทิ ธภิ าพ 3. เพอื่ ทดสอบความร้พู นื้ ฐานเดิมของผู้เรียน และเปน็ แนวทำงในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. รู้จักลกั ษณะของ Compound Sentence และสามารถนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวัน สาระการเรยี นรู้ ประโยคความรวม 1. รายละเอียดคำอธิบายรายวชิ า ภาษาองั กฤษในชีวิตประจำวนั พต21001ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น 2. หลกั เกณฑ์การวัดผล และการให้คะแนนรายวชิ า ภาษาองั กฤษในชวี ิตประจำวนั พต21001ระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น 3. ขอ้ ตกลงเกยี่ วกบั หลักการ ข้อปฏบิ ตั ิและกฎระเบียบในการเรยี นการสอนในห้องเรยี น 4. การแสดงความร้สู กึ และความคิดเหน็ ต่าง ๆ (Expression of feelings) กระบวนการจัดการเรยี นรู้ 1. ขน้ั กำหนดสภาพปญั หาความตอ้ งการในการเรียนรู้ - ประโยคตา่ ง ๆ ในภาษาอังกฤษ - ประโยคความรวม - คำศัพท์ สำนวน ประโยคตา่ ง ๆ - ให้ผู้เรียนทำกิจกรรมตามใบงาน 2. ข้นั แสวงหาข้อมลู และจดั การเรยี นรู้ 2.1 ครผู ูเ้ รียนร่วมกันกำหนดกรอบเน้ือหาเก่ียวกบั การเรยี นรู้ด้วยตนเอง การใช้แหล่งเรียนรู้ รวมทง้ั การ จัดการความรู้

2.2 ครู และผเู้ รยี นตกลงหลักเกณฑก์ ารวดั ผล และการให้คะแนนในสว่ นต่าง ๆ รว่ มกนั จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน อัตราสว่ นคะแนนระหวา่ งภาคต่อปลายภาค = 60 : 40 เป็นดังนี้ 1. คะแนนระหวา่ งเรยี น 60 คะแนนแบ่งเกบ็ ดังน้ี 1.1 คะแนนด้านความรู้ 30 คะแนน 1.2 คะแนนด้านทักษะ (โครงงาน/ชน้ิ งาน) 20 คะแนน 1.3 คะแนนด้านคณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ 10 คะแนน 2. คะแนนปลายภาคเรียน 40 คะแนน ดังน้ี เกณฑ์การประเมินผลสมั ฤทธิท์ ำงการเรยี นด้านความรู้ ของผู้เรียนทศ่ี ึกษา หลกั สูตรรายวชิ า ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวนั พต21001มีดังนี้ หมายถงึ ผ้เู รียนมคี ะแนนสอบปลายภาคเรยี น ต้ังแต่ 12.00 – 40.00 หรือ รอ้ ยละ 30 ของคะแนนเตม็ ขน้ึ ไป ไม่ผา่ น หมายถึง ผูเ้ รยี นมคี ะแนนสอบปลายภาคเรยี น ตงั้ แต่ 0.00 – 11.99 หรือ รอ้ ยละ 0.00 – 29.99 ของคะแนนเต็มข้นึ ไป การตัดสินผลการเรียน รายวชิ า ภาษาอังกฤษในชีวติ ประจำวัน พต21001จะนำคะแนนระหวา่ งภาคมา รวมกบั คะแนนปลายภาคเรียน และจะต้องได้คะแนนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 50 จงึ จะถือวา่ ผา่ น ทัง้ นี้ ผูเ้ รยี นต้องเข้าสอบปลายภาคเรียนดว้ ย แลว้ นำคะแนนไปเปรยี บเทียบกับเกณฑ์ทกี่ ำหนดใหค้ ่าระดับผลการ เรยี นเป็น 8 ระดับ ดงั น้ี ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 80 – 100 ใหร้ ะดับ 4 หมายถงึ ดีเย่ยี ม ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 75 – 79 ใหร้ ะดับ 3.5 หมายถงึ ดมี าก ได้คะแนนร้อยละ 70 – 74 ให้ระดบั 3 หมายถงึ ดี คะแนนร้อยละ 65 – 69 ใหร้ ะดบั 2.5 หมายถึง ค่อนขา้ งดี ได้คะแนนร้อยละ 60 – 64 ใหร้ ะดบั 2 หมายถึง ปานกลาง ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 55 – 59 ใหร้ ะดับ 1.5 หมายถงึ พอใช้ ไดค้ ะแนนร้อยละ 50 – 54 ให้ระดบั 1 หมายถงึ ผ่านเกณฑ์ขน้ั ต่ำทกี่ ำหนด ได้คะแนนรอ้ ยละ 0 – 49 ให้ระดบั 0 หมายถึง ต่ำกว่าเกณฑ์ข้นั ต่ำทีก่ ำหนด 2.3 ข้อตกลง ข้อปฏิบัติ และกฎระเบียบในการเรียนการสอนในห้องเรียน ดังนี้ 1. ผู้เรยี นต้องเข้าเรยี นไม่ต่ำกว่า 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของเวลาเรยี นทั้งหมด 2. ผู้เรยี นไม่พูดคุยเสียงดงั หรอื สง่ เสยี งรบกวนเพื่อนในเวลาเรยี น 3. ผเู้ รยี นตอ้ งเขา้ เรยี นให้ตรงเวลา 4. หากมคี วามจำเป็นตอ้ งหยุดเรยี น ตอ้ งขออนญุ าตครูผสู้ อนกอ่ นทกุ คร้งั 5. ไม่นำอาหารมารบั ประทานในหอ้ งเรยี นขณะครสู อน 6. หากมขี ้อสงสัยขณะเรยี น ให้สอบถามครูได้ทันที 3 2.4 ครูช้แี จงรายละเอยี ดการพบกลุ่ม วนั เวลา สถานทใี่ ห้ผ้เู รียนทราบ 3. ขน้ั ปฏิบัติ และนำไปประยกุ ตใ์ ช้ 3.1.ครูและผู้เรยี นสรปุ สาระสำคัญและนำความรู้ท่ีสอดคล้องกบั วถิ ชี วี ิตไปเปน็ แนวทางในการดำเนินชีวิต 3.2.จดั ทำเป็นรูปเลม่ รายงานจดั นิทรรศการและอภปิ รายรว่ มกัน

ใบความรู้ เรือ่ ง ประโยคคำถามการใช้ Who, When, Where, Why, What, Whom, How ประโยคคำถาม (Question sentence) เป็นประโยคทีใ่ ชถ้ ามเพือ่ ต้องการคำตอบจาก ผู้ทเี่ ราสนทนาดว้ ย ประโยคคำถามมี 4 ชนดิ คอื (1) ประโยคคำถามทีข่ ้นึ ต้นด้วยกริยาชว่ ย (Yes-no question) เปน็ ประโยคที่ตอ้ งการคำตอบวา่ yes (ใช)่ หรือ no (ไมใ่ ช่) เท่านัน้ ประโยคคำถามประเภทนตี้ ้องขึ้นตน้ ประโยคด้วยกริยาชว่ ย (Yes-no question) เป็นประโยคที่ตอ้ งการคำตอบว่า yes (ใช่) หรือ no (ไม่ใช่) เท่านัน้ ประโยคคำถามประเภทนี้ตอ้ งข้ึนต้นประโยค ดว้ ยกริยาชว่ ยการทาประโยคคำถามแบบ Yes-no question นี้ ทาจากประโยคบอกเล่าธรรมดา (Affirmative sentence) โดยเอากริยาชว่ ย (Helping Verb) มาไว้ข้างหนา้ ได้แก่ Verb to be, will, have ถ้าประโยคใดไม่มี กริยาช่วยให้ใช้ Verb to do โดยกระจายรูปกรยิ าช่วยให้ถกู ตอ้ งตามประธาน และทำกรยิ าแท้ให้อยู่ในรูปเดิมทไี่ ม่ ต้องเติม s หรือ es แล้วลงท้ายประโยคด้วยเครื่องหมายคำถาม (question mark) ดงั ตัวอย่างตอ่ ไปน้ี ประโยคบอกเลา่ ประโยคคำถาม She is your teacher. Is she your teacher? (เธอเป็นครูของคุณ) (เธอเป็นครูของคณุ ใชไ่ หม) He likes you. Does he like you? (เขาชอบคุณ) (เขาชอบคณุ หรือเปล่า) They buy air ticket. Do they buy air ticket? (เขาซ้ือตั๋วเครอ่ื งบนิ ) (เขาซ้ือตวั๋ เครอ่ื งบนิ ใช้ไหม) (2) ประโยคที่ขึน้ ตน้ ด้วยคาทเี่ ป็นคำถาม (Question word question) คอื ประโยคทขี่ ้นึ ต้นด้วยคำท่ี เป็นคำถาม ไดแ้ ก่ what (อะไร), when (เม่ือไหร่), where (ทไ่ี หน), who (ใคร), whom (ถึง, แกใ่ คร), whose (ของใคร), which (อันไหน/ส่งิ ไหน), why (ทาไม), how (อย่างไร) ในการตง้ั คำถามด้วยคำเหลา่ น้ี ส่วนใหญ่จะต้องตามด้วยกริยาช่วย ยกเว้น who ตามดว้ ยกรยิ าแท้ และ whose ตามด้วยคำนาม ส่วน which ตามด้วยคำนามท่ีเป็นกรรมหรอื กริยาช่วย ขอให้ศกึ ษารายละเอียดการใชค้ าทเ่ี ป็น คำถาม (Question word question) แต่ละตวั ดังตอ่ ไปน้ี What อ่านว่า วอท แปลวา่ อะไร ใชถ้ ามเก่ียวกบั คน สตั ว์ สงิ่ ของ เช่น ประโยค ตอบแบบสนั้ (Short form) ตอบแบบยาว (Long form) A bird is in the cage. What is in the cage? A bird. (อะไรอยู่ในกรง) (นกตวั หนง่ึ ) I am reading a newspaper. A newspaper. He is a doctor. What are you reading? (หนงั สือพมิ พ์ฉบบั หน่งึ ) (คณุ กำลังอา่ นอะไรอยู่) A doctor. What is your father? (หมอคนหนงึ่ ) (พอ่ ของคณุ เปน็ อาชพี อะไร)

1. Where อา่ นว่า แวรฺ แปลวา่ ที่ไหน ใช้ถามสถานท่ี เชน่ ประโยค ตอบแบบส้นั ตอบแบบยาว (Long form) (Short form) I live in Phuket. Where do you live? In Phuket. I will go to the market. (คณุ อาศยั อย่ทู ใี่ ด) (ในจงั หวัดภูเกต็ ) The dog is under the tree. Where will you go? To the market. (คุณจะไปไหน) (ไปตลาด) Where is the dog? Under the tree. (ใต้ตน้ ไม้) (สุนขั อยู่ทีไ่ หน) 3. When อ่านวา่ เวน แปลวา่ เมื่อไร ใชถ้ ามเกี่ยวกับเวลา เช่น ประโยค ตอบแบบสัน้ ตอบแบบยาว (Long form) (Short form) I will go home at four o’clock. When will you go home? At four o’clock. My uncle will visits to next (คณุ จะกลับบ้านเมอ่ื ไร) (สโ่ี มง) year. When will your uncle Next year next year. Visit to you ? (ลงุ ของคุณมาเยยี่ มคณุ เม่อื ไร) (ปีหน้า) 4. Who อ่านว่า ฮู แปลว่า ใคร ใชถ้ ามบุคคล เช่น ประโยค ตอบแบบสั้น ตอบแบบยาว (Short form) (Long form) Who is that man? George Smith. That man is George Smith. (ผู้ชายคนนัน้ เป็นใคร) (จอรจ์ สมิธ) Who wants to go home now? Boonchu and Chalerm. Boonchu and Chalerm want (บญุ ชูและเฉลิม) to go home. (ใครอยากจะกลบั บา้ นตอนนบี้ า้ ง) 5. Why อ่านว่า วาย แปลวา่ ทำไม ใชถ้ ามเมื่อตอ้ งการถามถึงเหตุผล เชน่ ประโยค ตอบแบบส้นั ตอบแบบยาว (Long form) (Short form) I go to the book store to buy a book. Why do you go to the book To buy a book. I am late Because the traffic store? (ซอ้ื หนงั สือ) is heavy. (คณุ ไปร้านหนังสอื ทำไม) Because the traffic is Why are you late? heavy. (ทำไมคณุ มาสาย) (เพราะรถตดิ )

6. Which อ่านว่า วซิ แปลว่า ตัวไหน อันไหน หรอื เป็นการไถ่ถามใหเ้ ลอื กอยา่ งใดอย่างหนงึ่ เช่น ประโยค ตอบแบบสน้ั ตอบแบบยาว (Short form) (Long form) Which work do you prefer a A teacher. I prefer a teacher. teacher or a soldier? (คุณชอบทำงานอะไร ครหู รอื ทหาร) (ครู) Which school do you go? Satri Phuket School. I go to Satri Phuket School. (โรงเรยี นสตรภี เู ก็ต) (คณุ จะไปโรงเรียนไหน) 7. How อ่านว่า ฮาว แปลว่า อย่างไร ใช้ในความหมายท่ีต่างกัน ดังนี้ How ใช้ถามลกั ษณะอาการ วิธกี ารคมนาคม การใชเ้ คร่อื งมอื ต่าง ๆ เชน่ ประโยค ตอบแบบสน้ั ตอบแบบยาว (Short form) (Long form) How do you go to Suan By bus. I go to Suan by bus. Chatuchak? (นง่ั รถโดยสารประจำทางไป) (คณุ จะไปสวนจตุจกั รอย่างไร) Very nice. She is very nice. How is Wasana? (ดมี าก) (วาสนาเป็นอยา่ งไรบา้ ง) Fine, thank you. And you? I am fine, thank you. How are you? (สบายดี ขอบคณุ แล้วคุณหละ) (คุณเปน็ อยา่ งไรบา้ ง) How long ใชถ้ ามเก่ียวกับระยะเวลาวา่ นานเท่าใด เชน่ ประโยค ตอบแบบสัน้ ตอบแบบยาว (Short form) (Long form) How long does it take from About half an hour by taxi. It’s half an hour by taxi. Sanamloang to Victory (ประมาณคร่งึ ชว่ั โมงโดยรถ Monument? รับจา้ ง) (จากสนามหลวงไปอนสุ าวรยี ช์ ยั สมรภูมใิ ช้เวลานานเทา่ ไร) How often ใชถ้ ามเกีย่ วกบั ความถี่ เชน่ ตอบแบบสั้น ตอบแบบยาว ประโยค (Short form) (Long form) Once a week. He sees her once a week. How often does he see her? (สัปดาหล์ ะครงั้ ) (เขามาหาเธอบ่อยเพียงไร)

How many ใช้ถามจำนวนมากนอ้ ยเทา่ ใด (คำนามนับได้) เช่น ประโยค ตอบแบบส้นั ตอบแบบยาว (Long form) (Short form) I read two books. How many books do you read? Two books. ตอบแบบยาว (Long form) (คุณอ่านหนังสอื มากเท่าไร) (สองเล่ม) It is about 850 Kilometers. How far ใช้ถามระยะทางว่าไกลเท่าไร เช่น ตอบแบบยาว (Long form) ประโยค ตอบแบบสั้น I am twenty years old. (Short form) ตอบแบบยาว How far is it from here to About 850 Kilometers. (Long form) Bangkok? (ประมาณ 850 กิโลเมตร) It is very good. จากท่นี ไี่ ปกรุงเทพฯ ไกลแค่ไหน) How old ใช้ถามอายุ เชน่ ประโยค ตอบแบบส้นั (Short form) How old are you ? Twenty years old. (คุณอายุเทา่ ไหร่ อะไร) (ย่สี ิบปี) How about ใช้ถามความคิดเห็นเก่ียวกับส่ิงตา่ ง ๆ เชน่ ประโยค ตอบแบบสน้ั (Short form) How about the cinema ? Very good (ภาพยนตร์เป็นอย่างไรบา้ ง) (ดีมาก) How high ใช้ถามความสงู ของสิง่ ของทม่ี คี วามสงู มากๆ เช่น อาคาร ภูเขา เชน่ ประโยค ตอบแบบส้ัน ตอบแบบยาว (Long form) (Short form) It is fifty feet high. How high is that building? Fifty feet. I am six feet tall. (อาคารหลังนน้ั สงู เทา่ ไร) (สูง 50 ฟตุ ) How tall are you? Six feet. (คุณสูงเทา่ ไร) (สูง 6 ฟตุ ) การต้งั คำถาม ขอใหน้ ักศกึ ษาสงั เกตวา่ การใช้ Question words มาต้ังเปน็ ประโยคคำถามนน้ั Question words จะอยู่ ขา้ งหนา้ ประโยค ตามด้วยกริยาชว่ ย ประธาน กรยิ าแท้ กรรมและส่วนขยาย ตามโครงสรา้ งประโยค ดังน้ี Example (ตัวอยา่ ง) you go to Suan Chatuchak? you live? home? How do you go Where do When will

Who is that man? to the book store? What are you reading? Why do you go Question words บางคำสามารถตามดว้ ยกรยิ าแท้ (Verb) ไดเ้ ลย หากคำถามนนั้ ถามถงึ ประธาน (Subject) ของประโยค ซงึ่ มโี ครงสร้างดังนี้ Example (ตัวอย่าง) What is - in the case? Who wants to go home now? What ในคำถามแรกถามถึงประธานของประโยคซึ่งเปน็ สัตว์ จงึ ใชค้ ำวา่ What ส่วน Who ใช้ถามสำหรบั คนเท่านัน้ สำหรบั คำว่า Which เปน็ คำถามเกี่ยวกบั ลักษณะใหเ้ ลือกตอบ แปลว่าอันไหน ตวั ไหน จึงตอ้ งตามดว้ ย คำนามหรือสรรพนามเสมอ แลว้ ตามดว้ ยกริยาช่วย ประธาน กริยาแท้ กรรมและสว่ นขยาย มโี ครงสรา้ งดังน้ี Example (ตัวอย่าง) Which work do you prefer, a teacher or a soldier? Which school do you go? Which one do you like? Which one does he want? สว่ นคำวา่ How สามารถตามตัวดว้ ยคาคุณศพั ท์ (Adjective) เพือ่ ถามลกั ษณะต่างๆ ได้ มีโครงสรา้ งดังน้ี Example (ตัวอย่าง) How long does it take from Sanamluang to Victory Monument? How often does he see her? How far is it from here to Bangkok? How old are you? How high is that building? ถ้าถามถึงจำนวนหรือปริมาณจะใช้ How many สำหรบั สง่ิ ทนี่ ับได้ และ How much สำหรบั สิ่งทนี่ ับ ไม่ได้ เช่น How many boys are there in this village? (ในหมู่บ้านนีม้ ีเดก็ ผู้ชายกคี่ น) How much sugar do you want? (คุณต้องการน้ำตาลเท่าไร) How much coffee does he drink everyday? (เขาดม่ื กาแฟมากเท่าใดใน 1 วัน) How many birds are there in that case? (ในกรงนนั้ มีนกกีต่ วั ) สำหรบั การถามราคาจะใช้คำถามวา่ How much does it cost? เสมอ

ใบความรู้ เรือ่ งประโยคปฏิเสธและคำกริยา ประโยคคำส่ัง และประโยคอุทาน ประโยคปฏิเสธ (Negative Sentence) คอื ประโยคบอกเลา่ ทม่ี ีคำหรอื วลที มี่ ีความหมายในเชงิ ปฏเิ สธ อย่ใู นประโยค ซึง่ จะเปน็ คำกรยิ าวิเศษณ์ (Adverb) เชน่ not, never, hardly, scarcely, rarely เป็นตน้ หรือคำ สรรพนามแสดงการปฏิเสธ เชน่ no one, nobody, none, no, nothing เปน็ ตน้ (ตัวอยา่ ง) Nobody told me to go there on Sunday. (ไม่มีใครบอกใหฉ้ ันไปทน่ี ัน่ ในวันอาทิตย์) I don't want to attend the class today. (ฉนั ไม่อยากไปเรียนวนั นี้เลย) This subject is not difficult for us. (วิชาน้ไี ม่ยากเลย) Nothing is worrying, you will pass the examination. (ไม่ตอ้ งหว่ ง คุณคงจะสอบผ่าน) วิธีการทำประโยคบอกเลา่ ใหเ้ ป็นประโยคปฏเิ สธ ทำได้ 2 แบบ คอื 1. เตมิ คาว่า not ไปขา้ งหลงั กริยาชว่ ย (Helping or Auxiliary Verb) ในประโยค บอกเลา่ (Affirmative Sentence) (ตวั อยา่ ง) I will not go to school tomorrow. (พร่งุ น้ฉี ันจะไม่ไปโรงเรียน) She doesn’t like cats. (เธอไมช่ อบแมว) สงั เกตวธิ กี ารทำประโยคบอกเล่าใหเ้ ป็นประโยคปฏิเสธ จะใช้หลกั เดยี วกนั กบั วธิ ีทำประโยคบอกเล่าให้ เป็นประโยคคำถาม คือ ถ้าประโยคใดมีกริยาชว่ ยอยใู่ หเ้ ตมิ คาว่า “not” (ไม่) เข้าไปหลงั กริยาช่วย แต่ถา้ ประโยค ใดไมม่ กี รยิ าชว่ ยใหเ้ ตมิ “Verb to do” ไปหนา้ กรยิ าแท้ หรือกรยิ าหลัก โดยกระจายให้ถูกบรุ ษุ เพศ พจนแ์ ละกาล ประโยคปฏิเสธ กรยิ าชว่ ยท่ีแสดงการปฏเิ สธสามารถใชใ้ นรูปย่อได้ คอื do not don't does not doesn't have not haven't has not hasn't am not 'm not is not isn't are not aren't shall not shan't will not won't cannot can't กรยิ าช่วย “can”(สามารถ) เม่ือเตมิ คำวา่ \"not\" เข้าไปจะเขียนติดกันเปน็ cannot คำกริยาชว่ ยตัวใดทำ หน้าทเ่ี ปน็ กรยิ าแท้ เชน่ have (กนิ ,ม)ี do (ทา) เวลาทำเป็นประโยคปฏิเสธ ต้องใช้กรยิ าชว่ ย Verb to do เช่นเดียวกนั ประโยคคำสั่ง (Imperative or Order sentence) เป็นประโยคท่บี อกใหท้ ำหรือขอรอ้ งใหท้ ำตามทผ่ี ู้ น้ันบอก ซ่งึ ผู้ท่รี บั คำสัง่ คือ ผทู้ ี่คนส่งั พดู ด้วย ซึ่งคนที่จะส่ังจะเป็นบุรุษ ที่ 1 คอื ผพู้ ดู (I หรอื we) ส่วนคนทถ่ี กู ส่ัง

จะเปน็ บุรษุ ที่ 2 (You) เม่ือเป็นประโยคคำสง่ั จะตัด ประธาน (You) ออก ประโยคคำส่งั ต้องข้นึ ตน้ ด้วยคำกริยาชอ่ ง ท่ี 1 เสมอ ซ่ึงอาจจะเป็นรูปบอกเลา่ หรอื ปฏเิ สธก็ได้ (ตวั อย่าง) Don't walk on the loan! หา้ มเดนิ ในสนาม Enter your personal code. ใสร่ หัสสว่ นตัวของทา่ น Sit down here! นัง่ ตรงนี้ Follow me! ตามฉันมา วิธีการทำประโยคคำสั่ง Verb + Object + Complement (กริยา) (กรรม) (สว่ นขยาย) ประโยคคำส่งั จะเป็นประโยคท่ีสรรพนามบรุ ษุ ท่ี 2 (You) เป็นประธานและอยู่ในรูป ปจั จบุ ันกาลธรรมดา (Present Simple Tense) เสมอ เพราะการท่ีจะสั่งหรือขอร้องใหใ้ ครทำ อะไรจะพดู หรอื บอกใหท้ ำหรือไมท่ ำในขณะที่พดู นั้น การทำประโยคคำส่งั จะมาจากประโยคบอกเล่า (Affirmative Sentence) โดยตัด ประธานออก ตัวอย่าง ประโยคบอกเลา่ ประโยคคำส่งั (Affirmative Sentence) (Imperative or Order sentence) You follow me. Follow me. (คุณตามฉนั มา) (ตามฉันมา) You sit down here. Sit down here. (คุณนัง่ ลงตรงนี้) (น่ังลงตรงนี้) You don't walk on the lawn. Don't walk on the lawn. (คุณไม่เดินบนสนามหญา้ ) (อย่าเดนิ บนสนามหญา้ ) You turn a little bit left. Turn a little bit left. (คุณเขยบิ ไปทางซ้ายอีกสกั นดิ ) (เขยิบไปทางซา้ ยอีกสกั นิด) ประโยคอุทาน (Exclamatory sentence) คือประโยคทใ่ี ชแ้ สดงความรูส้ ึกและ อารมณ์ เช่น เสียใจ ดี ใจ เป็นตน้ ใชไ้ ดท้ ั้งประโยคเตม็ รูปและลดรปู 1. ประโยคอทุ านเตม็ รปู จะขน้ึ ตน้ ด้วยคาที่เปน็ คำถาม (Question word) how (อยา่ งไร) และ what (อะไร) ถ้า ข้ึนตน้ ด้วย How จะตามด้วยคำคณุ ศพั ท์ (Adjective) หรือคำกริยา วิเศษณ์ (Adverb) แล้วตามด้วยประธาน (Subject) และกรยิ า (Verb) ซ่งึ อาจจะมีสว่ นขยาย (Complement) ด้วยกไ็ ด้ สว่ นประโยคทข่ี นึ้ ต้นดว้ ย What จะตามดว้ ยนามวลี (Noun phrase) แลว้ ตามด้วยประธาน (Subject) และกรยิ า (Verb) How + Adjective + Subject + Verb + Complement (คำคณุ ศัพท์) (ประธาน) (กรยิ า) (ส่วนขยาย) Adverb (คำกรยิ าวิเศษณ์) What + Noun phrase + Subject + Verb (นามวลี) (ประธาน) (กริยา) เช่น How beautiful she is! เธอชา่ งสวยอะไรเชน่ น้ี How fluently he can speak English! เขาช่างพดู ภาษาองั กฤษคล่องอะไรเชน่ น้ี What a healthy man he is! เขาชา่ งเปน็ คนแข็งแรงอะไรเชน่ นี้ What a wonderful girl she is! เธอชา่ งเป็นเดก็ มหศั จรรยอ์ ะไรอยา่ งนี้

2.ประโยคอทุ านลดรูป เป็นประโยคท่ีตดั ประธาน (Subject) และกรยิ า (Verb) รวมทั้งสว่ นขยาย (Complement) ออก เชน่ How beautiful! สวยจรงิ ๆ How fluently! พดู คล่องจริงๆ What a healthy man! ชา่ งเปน็ คนท่แี ข็งแรงจริงๆ What a wonderful girl! ช่างเป็นเดก็ มหัศจรรย์อะไรเชน่ น้ี

ใบงาน เรือ่ งประโยคคำถามการใช้ Who, When, Where, Why, What, Whom, How Choose the best answer. 1. If you want to ask about your friend's health. You say “_____________” a. Where do you live? b. How do you do? c. What do you do? d. How about you? 2. You accidentally step on someone's foot. You blame yourself “____________” a. How clumsy of me! b. It's not my fault. c. I'm sorry. d. Thank you. 3. Suda would like to buy a computer notebook. The shopkeeper say “________” a. May I help you? b. Where are you going? c. What are you doing here? d. What would you like to do? 4. Suda : Could you show me how to get to the post office? Malee : “_____________” a. Yes, I can. b. Yes, I do. c. Yes, I should. d. Yes, I would. 5. A tourist is visiting Bangkok for the first time and she wants to go to the Grand Palace. She asks a policeman, “_____________” a. I want to go to the Grand Palace. Please take me there. b. Could you tell me where I go to the Grand Palace? c. Could you tell me how to get to the Grand Palace? d. Give me the map of the Grand Palace.

6. Suda has got grade A in English. What will you say? a. Cheers. b. I wish you luck. c. Don't worry about it. d. How clever you are! 7. When will you say, \"Merry Christmas and a Happy New Year.\" a. On your birthday. b. On Christmas day. c. On New Year’s Day. d. On Christmas and New Year’s Day. 8. What is the population of this town? The answer will be about, “_____________” . a. the number of people b. famous men and women c. history and geography d. masses of buildings 9. The apartment has been vacant for over a week. What will you do? a. Make a notice for the apartment to rent. b. Tell all of my friends. c. Have it repaired. d. Leave it like that . 10. The robber climbed up and went into the opened window and stole his money. What should he do? He should “_____________” . a. does nothing b. tells his friend c. informs the police d. blames his neighbor

เฉลยใบงาน เร่ืองประโยคคำถามการใช้ Who, When, Where, Why, What,Whom, How 1. d 2. c 3. a 4. a 5. c 6. d 7. d 8. a 9. a 10. C

บนั ทึกหลงั สอน 1. ปญั หาหรืออปุ สรรคในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. แนวทางการแกป้ ัญหาหรอื อุปสรรค กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การปรบั ปรุงแผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ เร่อื ง ประโยคความรวม กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………………………………… (นางสาวเขมจิรา คำหงษา) ตำแหนง่ ครูผูส้ อนคนพิการ ความคิดเหน็ ของผ้นู ิเทศทไี่ ด้รับมอบหมายจากผู้บริหาร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตำแหน่ง…………………………………………………. ความคิดเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ………………………………………………..…… (นางจามรี ภูเมฆ) ตำแหน่ง ผอ.กศน.อำเภอทา่ บ่อ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook