บทท่ี 4 วธิ ีดำเนินกำรวจิ ัยประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำง ดร.ทุตยิ รัตน์ รื่นเริงควำมหมำยของประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำง ป ร ะ ช า ก ร (Population) ห ม า ย ถึ ง ก ลุ่ ม ข อ ง ข อ ง ส่ิ ง ใ ด ๆ ที่ จ ะ น า ม า ศึ ก ษ าซ่ึงสมาชิกในกลุ่มแต่ละหน่วยมีคุณลกั ษณะหรือคุณสมบตั ิบางอยา่ งร่วมกนั ตามท่ีผวู้ ิจยั กาหนดจะศึกษา ประชากรแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ 1 . ป ร ะ ช า ก ร ท่ี มี จ า น ว น จ า กั ด ( Finite population) ห ม า ย ถึ งประชากรท่ีสามารถนบั จานวนไดค้ รบถว้ น 2 . ป ร ะ ช า ก ร ท่ี มี จ า น ว น ไ ม่ จ า กั ด ( Infinite population) ห ม า ย ถึ งประชากรท่ีไม่สามารถนบั จานวนไดค้ รบถว้ น เนื่องจากมีจานวนมากจนนบั จานวนที่แน่นอนไม่ได้หรืออาจหมายถึง ไม่สามารถจานวนได้ ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง ( Sample) ห ม า ย ถึ งบางส่วนของประชากรที่ผวู้ ิจยั เลือกข้ึนมาเป็นตวั แทนในการศึกษาคาวา่ เป็นตวั แทนในที่น้ีหมายถึงการมี คุณ สมบัติต่างๆ ครบ ถ้วน เท่ าเที ยมกัน กล่าวคือ ถ้าป ระชากรมี คุณ สมบัติใดๆแลว้ กลุ่มตวั อย่างท่ีเลือกมาก็จะตอ้ งมีคุณสมบตั ิต่างๆ เช่นน้ันดว้ ย กลุ่มตวั อย่างที่เป็ นตวั แทนท่ีดีหมายถึง กลุ่มตัวอย่างท่ีค่าสถิติ (Statistic) ท่ีคานวณได้ใกล้เคียงหรือเกือบเท่ากับพารามิเตอร์( Parameter) ข อ ง ป ร ะ ช า ก รซ่ึ งการที่ จะได้กลุ่มตัวอย่างที่ เป็ นตัวแทนท่ี ดี น้ี จะต้องคานึ งถึงห ลักสองประการ คือก า ร เลื อ ก ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง ใ ห้ เป็ น ตั ว แ ท น ไ ด้ จ ริ ง ๆ แ ล ะ มี จ า น ว น เห ม า ะ ส ม คื อมีจานวนมากพอท่ีจะทดสอบความเช่ือถือโดยวิธีการทางสถิติได้เทคนิคกำรเลือกกล่มุ ตวั อย่ำง การเลือกกลุ่มตวั อยา่ งเพ่ือมาเป็นตวั แทนในการศึกษาน้นั มีเทคนิคการเลือกอยู่ 2 แบบ คือ 1. การเลือกโดยไม่ใช้หลักทฤษฎีความน่าจะเป็ น (Non probability sampling) คือเลือกโดยท่ีสมาชิกทุกหน่วยมีโอกาสได้รับเลือกไม่เท่ากัน เช่น เลือกโดยจงใจ (Purposivesampling) เลือกเพราะความสะดวก (Convenience sampling) หรือเลือกโดยบงั เอิญ (Accidentalsampling)
2 2. ก าร เลื อ ก โ ด ย ใ ช้ ห ลัก ท ฤ ษ ฎี ค ว าม น่ าจ ะ เป็ น (Probability sampling) คื อเลือกโดยใหส้ มาชิกทุกหน่วยของประชากรมีโอกาสไดร้ ับเลือกเท่าๆ กนั ซ่ึงคือการเลือกโดยการสุ่ม(Random) นนั่ เองควำมหมำยของกำรสุ่มตัวอย่ำง ก า ร สุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง ( Random sampling) ห ม า ย ถึ งการเลือกตวั อยา่ งข้ึนมาเป็นตวั แทนในการศึกษาโดยสมาชิกของกลุ่มตวั อยา่ งที่เลือกข้ึนมาน้นั มีโอกาสไดร้ ับการเลือกเท่าๆ กนั หรือถูกเลือกข้ึนมา โดยปราศจากความลาเอียง (Unbias) เพ่ือที่ค่าสถิติ(Statistic) ที่คานวณไดจ้ ากกลุ่มตวั อยา่ งจะมีค่าใกลเ้ คียง หรือเกือบเท่าค่าพารามิเตอร์ (Parameter)ของประชากร ความหมายของคาว่า ในที่น้ี หมายถึง อาจสู งกว่าหรื อต่ากว่าเล็กน้อยถ้ า ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง ท่ี เลื อ ก ม า น้ั น จ ะ เป็ น ตั ว แ ท น ที่ ดี ไ ด้ ม า ก น้ อ ย เพี ย ง ใ ด น้ั นจะตอ้ งอาศยั เทคนิคการสุ่มตวั อยา่ งที่เหมาะสมข้นั ตอนกำรสุ่มตวั อย่ำง 1. วิเคราะห์จุดมุ่งหมายของการวิจัยให้ละเอียด เพ่ือให้ทราบว่าประชากรคือใครแ ล ะ คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ ท่ี จ ะ ศึ ก ษ า คื อ อ ะ ไ รถ้าผู้วิ จัย ไ ม่ วิ เค ร าะ ห์ จุ ด มุ่ ง ห ม าย ใ ห้ ล ะ เอี ย ด แ ล้ว มั ก จ ะ มี ปั ญ ห าต อ น ห ลัง เช่ นเลือกกลุ่มตวั อยา่ งไม่สมบูรณ์ครบถว้ น เป็นตน้ 2 . ไ ด้ ค า จ า กั ด ค ว า ม ข อ ง ป ร ะ ช า ก ร ห ม า ย ถึ งการระบุขอบเขตและลกั ษณะของประชากรที่ศึกษาเพื่อใหท้ ราบวา่ ประชากรท่ีตอ้ งการศึกษาน้นั มีขอ บ เ ข ต ก ว้ า ง แ ค่ ไ ห นและคุณลกั ษณะของประชากรที่ศึกษาคืออะไรบา้ งเพื่อใหส้ ามารถเลือกกลุ่มตวั อยา่ งไดค้ รอบคลุมลักษณะของประชากรตามท่ีตอ้ งการ 3 . ก า ห น ด ห น่ ว ย ข อ ง ตั ว อ ย่ า ง ( sampling unit) ห น่ ว ย ตั ว อ ย่ า ง คื อหน่ วยท่ีผู้วิจัยใช้เป็ นหลักในการสุ่ ม หน่ วยตัวอย่างในการสุ่ มมีต้ังแต่หน่ วยใหญ่ ที่สุ ดมาจนถึงหน่วยท่ีเลก็ ท่ีสุด เช่น หน่วยตวั อยา่ งอาจเป็ นจงั หวดั แต่ละจงั หวดั โรงเรียนแต่ละโรงเรียนช้ั น เ รี ย น แ ต่ ล ะ ช้ั น ห้ อ ง เ รี ย น แ ต่ ล ะ ห้ อ ง เ รี ย นจ น ถึ ง นั ก เรี ย น แ ต่ ล ะ ค น ก็ ไ ด้ ก า ร จ ะ ใ ช้ ห น่ ว ย ตั ว อ ย่ า ง เป็ น อ ะ ไ ร น้ั นข้ึนอยู่กับขอบเขตของประชากรว่ามีเขอบเขตกวา้ งแค่ไหน ถ้าประชากรมีขอบเขตกวา้ งมากในบางคร้ังอาจตอ้ งใชห้ น่วยตวั อยา่ งในการสุ่มหลายหน่วยกอ้ ได
3 4 . ก า ห น ด ข อ บ ข่ า ย ข อ ง ป ร ะ ช า ก ร ( Population frame)ในข้นั นี่ผวู้ ิจยั ตอ้ งทาการรวบรวมรายชื่อหรือทาบญั ชีรายช่ือหน่วยตวั อยา่ งท้งั หมดของประชากรให้ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งครอบถว้ น ซ่ึงจะทาใหท้ ราบขนาดของประชากร 5. ประมาณขนาดของกลุ่มตวั อยา่ ง (Sample size) และกาหนดระดบั ความถูกตอ้ งแม่นยา( Precision)ในข้ันน้ีผู้วิจัยต้องพิจารณาว่าเรื่ องท่ีวิจัยน้ันควรใช้กลุ่มตัวอย่างขนาดเท่าใดในการศึกษาจึงจะมีความเหมาะสมการพิจารณาขนาดของกลุ่มตวั อย่างตอ้ งคานึงถึงองค์ประกอบสาคญั 2ประการ คือ ขนาดของประชากร (Population size) และระดบั ความถูกตอ้ งแม่นยา (Precision)ก ล่ าว คื อถา้ ประชากรมีขอบเขตกวา้ งมากหรือมีขนาดใหญ่มากและตอ้ งการใหม้ ีระดบั ความถูกตอ้ งแม่นยาสูงก็ ต้ อ ง ใ ช้ ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง ข น า ด ใ ห ญ่ถ้ า ป ร ะ ช า ก ร ข น า ด เล็ ก แ ล ะ ต้ อ ง ก า ร ใ ห้ มี ร ะ ดั บ ค ว า ม ถู ก ต้ อ ง แ ม่ ย า ไ ม่ สู ง นั กก็ ใ ช้ ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง ไ ม่ ใ ห ญ่ นั กก า ร ก า ห น ด ค ว า ม ถู ก ต้ อ ง แ ม่ น ย า น้ี จ ะ น า ไ ป สู่ ค ว า ม เช่ื อ มั น ใ น ผ ล วิ จั ย ท่ี ไ ด้และการกาหนดระดบั ความถูกตอ้ งแม่นยาน้ีข้ึนอยกู่ บั ลกั ษณะของเรื่องท่ีวิจยั แบละการนาผลการวิจัยน้ันไปใช้และยงั ข้ึนอยู่คุณธรรมของผูน้ าไปใช้ด้วย เช่น งานวิจัยทางการแพทย์ ทางคดีต่างๆซ่ึ ง เ ก่ี ย ว ข้ อ ง กั บ ค ว า ม เ ป็ น ค ว า ม ต า ย ข อ ง ม นุ ษ ย์ง า น วิ จั ย ลั ก ษ ณ ะ เช่ น น้ี ต้ อ ง ก า ร ค ว า ม ถู ก ต้ อ ง แ ม่ น ย า ใ น ร ะ ดั บ สู ง ม า กส า ห รั บ ง า น วิ จั ย ท า ง ด้ า น พ ฤ ติ ก ร ร ม ศ า ส ต ร์ แ ล ะ สั ง ค ม ศ า ส ต ร์ซ่ึ ง เ ป็ น ก า ร ศึ ก ษ า เ กี่ ย ว กั บ พ ฤ ติ ก ร ร ม ท่ั ว ไ ป ข อ ง ม นุ ษ ย์ผ ล วิ จั ย ท่ี ไ ด้ ไ ม่ เ กิ ด ค ว า ม เ สี ย ห า ย ต่ อ ชี วิ ต ม นุ ษ ย์ ม า ก นั กก็ อ า จ ก า ห น ด ค ว า ม ถู ก ต้ อ ง แ ม่ น ย า ไ ม่ สู ง ม า ก นั กห รื อ ก ล่ า ว อี ก นั ย ห น่ึ ง คื อ ย อ ม ใ ห้ มี ค ว า ม ค ล า ด เค ลื่ อ น เกิ ด ข้ึ น ไ ด้ ม า ก ข้ึ นการกาหนดความถูกตอ้ งแม่ยาน้ีมกั กาหนดในรูปของระดบั นยั สาคญั ทางสถิติเช่นกาหนดเป็ น .01.05 .10 เป็ นต้น ผลวิจัยที่ระดับนัยสาคัญ .01 หมายความว่าผลวิจัยน้ันเช่ือถือได้ 99%ห รื อ มี ค ล า ด เค ล่ื อ น 1 % ง า น วิ จั ย ท า ง ก า ร แ พ ท ย์ มั ก ก า ห น ด ท่ี ร ะ ดั บ .0 0 1งานวิจยั ทางดา้ นพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์ นิยมกาหนดระดบั นับสาคญั ไวท้ ่ีระดบั .01แ ล ะ .0 5 ก ล่ า ว โ ด ย ส รุ ป ใ น ก า ร ป ร ะ ม า ณ ข น า ด ข อ ง ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า งผู้วิจัยจะต้องทราบขนาดของประชากร และต้องกาหนดระดับความถูกต้องแม่นยาด้วยซ่ึงทางปฏิบตั ิผวู้ ิจยั สามารถประมาณขนาดของกลุ่มตวั อยา่ งไดโ้ ดยอาศยั ตารางหลงั หนงั สือสถิติทวั่ๆ ไ ป ซ่ึ ง ไ ด้ ป ร ะ ม า ณ ค่ า ไ ว้ เรี ย บ ร้ อ ย แ ล้ ว ว่ า ป ร ะ ช า ก ร ข น า ด เท่ า ใ ดที่ระดบั ความถูกตอ้ งแม่นยาเท่าใด ควรใชก้ ลุ่มตวั อยา่ งจานวนเท่าใด
4 6 . ก า ห น ด วิ ธี เ ลื อ ก ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง แ ล ะ ว า ง แ ผ น ใ น ก า ร สุ่ มใ น ข้ั น น้ี เป็ น ก า ร พิ จ า ร ณ า ตั ด สิ น ใ จ ว่ า ค ว ร เลื อ ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง โ ด ย วิ ธี ใ ดซ่ึงควรเป็ นการเลือกโดยการสุ่ม จากน้ีในข้นั น้ีผูว้ ิจยั ตอ้ งวางแผนเกี่ยวกบั ค่าใชจ้ ่าย กาหนดเวลาและตระเตรียมกาลงั คนท่ีใชใ้ นการเกบ็ ขอ้ มูลเพื่อการสุ่มกลุ่มตวั อยา่ งดว้ ย 7. ลงมือปฏิบตั ิจริงเพอื่ เลือกกลุ่มตวั อยา่ งกำรเลือกตวั อย่ำงหรือสุ่มกลุ่มตัวอย่ำง วิธีสุ่มตวั อยา่ งมีอยู่ 4 วิธี คือ 1. การสุ่มตวั อยา่ งง่าย (Simple random sampling) 2. การสุ่มระดบั ช้นั หรือการสุ่มแบบแบ่งช้นั (Stratified random sampling) 3. การสุ่มแบบมีระบบ (Systematic random sampling) 4. การสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster or area sampling) 1. กำรสุ่มตวั อย่ำงง่ำย (Simple random sampling) ห ลั ก ก า ร ข อ ง วิ ธี ก า ร สุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง ง่ า ย คื อให้แค่ละหน่วยตัวอย่างของประชากรมีโอกาสได้รับเลือกเท่าๆ กัน และเป็ นอิสระจากกันการสุ่มแบบน้ีที่นิยมปฏิบตั ิกนั อยมู่ ี 2 วิธี คือ ก. การจบั ฉลาก วธิ ีน้ีใชไ้ ดด้ ีสาหรับประชากรที่มีขนาดใหญ่ไม่มากนกั ข . ก า ร ใ ช้ ต า ร า ง เ ล ข สุ่ ม ( Table of random number)วิ ธี น้ี เ ห ม า ะ ส า ห รั บ ป ร ะ ช า ก ร ข น า ด ใ ห ญ่ เ ช่ น วิ ธี น่ี มี ห ลั ก อ ยู่ ว่ าผู้วิจัยต้องกาห น ดตัวเลขแทนห น่ วยตัวอย่างของประชากรก่อน จากน้ันน าตารางสุ่ มม า แ ล้ ว ก า ห น ด ใ น ใ จ ว่ า จ ะ ต้ั ง ต้ น อ ย่ า ง ไ รโ ด ย สุ่ ม ห า จุ ด ต้ั ง ต้ น ซ่ึ ง อ า จ ท า โ ด ย ห ลั บ ต า ใ ช้ ดิ น ส อ จิ้ ม ล ง ท่ี ตั ว เล ข ใ น ต า ร า งเ มื่ อ ไ ด้ จุ ด เ ร่ิ ม ต้ น แ ล้ ว ก็ ด า เ นิ น ก า ร เ ลื อ ก ห น่ ว ย ตั ว อ ย่ า งตามทิศทางท่ีกาหนดไวเ้ รียงลาดบั หมายเลขที่ปรากฎในตารางน้นั ตนไดค้ รบจานวนตามที่ตอ้ งการ ขอ้ ดีของการสุ่มอยา่ งง่ายมี 2 ประการ คือ 1 . ง่ า ย แ ล ะ ส ะ ด ว ก ใ น ก า ร ใ ช้แต่ควรใชก้ บั ประชากรท่ีสมาชิกในกลุ่มมีลกั ษณะคลา้ ยคลึงกนั หรือที่เรียกว่าความเป็ นเอกพนั ธ์(Homgeniety) มาก 2. ปัญหาในการประมาณคา่ ต่างๆ มีนอ้ ย ขอ้ เสียของการสุ่มอยา่ งง่ายมี 2 ประการ คือ
5 1. ไม่เหมาะสมสาหรับประชากรท่ีสมาชิกในกลุ่มมีความแตกต่างกันมาก เช่นการสารวจรายไดข้ องประชากรในทอ้ งที่ต่างๆ ซ่ึงมีสภาพความเป็นอยตู่ ่างกนั มาก 2. ถ้าประชากรมีขนาดใหญ่มากเกินไป กลุ่มตัวอย่างก็ตอ้ งมีขนาดใหญ่ด้วยจะทาใหก้ ารสุ่มตอ้ งเสียเวลามาก และตอ้ งใชค้ ่าใชจ้ ่ายสูง ขอ้ ควรคานึงสาหรับการสุ่มอยา่ งง่าย คือ บั ญ ชี ร า ย ชื่ อ ข อ ง ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง เ ป็ น สิ่ ง จ า เ ป็ น ม า กต้ อ ง มี ร า ย ช่ื อ ค ร บ ถ้ ว น ต า ม ท่ี เ ป็ น จ ริ งการขาดหายไปของสมาชิกประชากรมีผลทาใหก้ ารสุ่มน้นั ไดต้ วั แทนท่ีไม่ครอบคลุมลกั ษณะของประชากร 2. กำรสุ่มแบบแบ่งช้ันหรือตำมระดับช้ัน (Stratified random sampling) การสุ่มโดยวธิ ีน้ีมกั จะใชก้ บั ประชากรท่ีมีลกั ษณะแตกต่างกนั มากจนสามารถแยกเป็นกลุ่มย่อ ย ๆ ต า ม ลั ก ษ ณ ะ ที่ แ ต ก ต่ า ง กั น ไ ด้ซ่ึ ง ป ร ะ ช า ก ร ใ น ลั ก ษ ณ ะ ดั ง ก ล่ า ว น้ี ไ ม่ เห ม า ะ ส ม ที่ จ ะ ใ ช้ วิ ธี สุ่ ม อ ย่ า ง ง่ า ยการสุ่มแบบเป็นช้นั น้ีมีข้นั ตอนและหลกั การ ดงั น้ี 1.ศึกษาลกั ษณะประชากรของเร่ืองท่ีจะวจิ ยั เพอื่ ใหเ้ กิดความรู้วา่ ประชากรท่ีจะศึกษาน้นั มีลกั ษณะใดบ้างท่ีแตกต่างกนั จนสามารถแยกเป็ นกลุ่มยอ่ ยๆ ได้ เช่น ลกั ษณะอาชีพ เพศ ระดบั การศึกษา ศาสนาสังกัด ช้ันเรียน เป็ นต้น น่ันคือ การสุ่มแบบน้ียึดหลักการแบ่งประชากรออกเป็ นกลุ่มย่อยๆห รื อ เ ป็ น ร ะ ดั บ ช้ั น ( Strata) ต า ม ลั ก ษ ณ ะ ที่ แ ต ก ต่ า ง กั นโด ยพ ยายาม ให้ ส ม าชิ ก มี ค วาม ค ล้ายค ลึ งใน แ ต่ ล ะช้ัน (Homogeniety within stratum)แต่มีความแตกต่างกนั ระหวา่ งช้นั (Heterogeniety between stratum) มากท่ีสุด 2. ทาการแบ่งกลุ่มยอ่ ยตามคุณลกั ษณะท่ีแตกต่างกนั 3.สุ่ มตัวอย่างจากประชากรแต่ละกลุ่มย่อยมาเข้าเป็ น กลุ่มตัวอย่างโดยวิธี สุ่ มอย่างง่ายโดยใชส้ ดั ส่วนในการสุ่มตวั อยา่ ง ลกั ษณะใดลกั ษณะหน่ึงในสองลกั ษณะดงั ต่อไปน้ี ก . ถ้ า ป ร ะ ช า ก ร แ ต่ ล ะ ก ลุ่ ม ย่ อ ย ไ ม่ แ ต ก ต่ า ง กั น ม า ก เช่ นมีจานวนเป็ นหลกั พนั เท่ากนั หมด เป็ นตน้ ก็สุ่มตามสัดส่วนของประชากรในแต่ละกลุ่มย่อย คือถา้ กลุ่มใดมีจานวนประชากรมากก็สุ่มมาเป็นกลุ่มตวั อยา่ งจานวนมากถา้ กลุ่มใดมีจานวนนอ้ ยกส็ ุ่มมาเป็ นตวั อย่างจานวนน้อยดว้ ย ซ่ึงวิธีการสุ่มตามระดบั ช้นั แบบน้ีเรียกว่า (Proportional stratifiedrandom sampling) ข . ถ้ า เป็ น ป ร ะ ช า ก ร แ ต่ ล ะ ก ลุ่ ม ย่ อ ย แ ต ก ต่ า ง กั น ม า ก เช่ นบ า ง ก ลุ่ ม มี จ า น ว น เ ป็ น ห ลั ก พั น ค่ อ น ข้ า ง ไ ป ท า ง สู ง
6แ ล ะ บ า ง ก ลุ่ ม มี จ า น ว น เ ป็ น ห ลั ก ร้ อ ย ท่ี ค่ อ น ข้ า ง ม า ท า ง ต่ าก ร ณี เ ช่ น น้ี จ ะ ไ ม่ ใ ช้ สั ด ส่ ว น ต า ม จ า น ว น ข อ ง ป ร ะ ช า ก รแ ต่ จ ะ ใ ช้ ห ลั ก เ ห ตุ ผ ล แ ล ะ ค ว า ม ห ม า ย บ า ง ป ร ะ ก า รโดยคานึงใหก้ ลุ่มตวั อยา่ งที่สุ่มจากแต่ละกลุ่มของประชากรมีจานวนที่เหมาะสมท่ีจะครอบคลุมคุณลกั ษณะของประชากรอย่างครบถว้ นมากท่ีสุดซ่ึงจะการสุ่มตามวิธีน้ีเรียกว่า Disproportional ornonproportional stratified random sampling การสุ่มกลุ่มตวั อยา่ งแบบแบ่งช้นั หรือตามระดบั ช้นั น้ีมีขอ้ ดีคือจะไดก้ ลุ่มตวั อยา่ งที่เป็นตวั แท น ท่ี ดี ข อ ง ป ร ะ ช า ก ร เพ ร า ะ ไ ด้ มี แ บ่ ง ก ลุ่ ม ย่ อ ย แ ล้ ว สุ่ ม จ า ก แ ต่ ล ะ ก ลุ่ ม ย่ อ ยดังน้ันโอกาสที่จะได้ตัวแทนที่มีคุณลักษณ ะทุกประเภทของประชากร จึงมีมากท่ีสุ ดจึงเป็ นที่นิยมใช้ ส า ห รั บ ข้ อ ที่ ค ว ร ค า นึ งคือคุณลกั ษณะท่ีใชใ้ นการแบ่งกลุ่มกลุ่มน้นั เมื่อจาแนกเป็นลกั ษณะยอ่ ยแลว้ ตอ้ งแตกต่างกนั อยา่ งชดัเจน ตัวอย่ำงกำรสุ่มแบบแบ่งช้ัน (Stratified random sampling) นกั วิจยั ตอ้ งการศึกษาคุณภาพการสอนเพอื่ ส่งเสริมการเล้ียงลูกดว้ ยนมมารดาของทีมการพยาบาลในโรงพยาบาลแห่งหน่ึง ผูว้ ิจยั อาจแบ่งทีมการพยาบาลออกเป็ น 5 กลุ่ม คือ พยาบาลวิชาชีพพยาบาลเทคนิค นักศึกษาพยาบาล ผูช้ ่วยพยาบาล เจา้ หน้าที่ช่วยเหลือผูป้ ่ วย จานวนแต่ละกลุ่มไดแ้ ก่ 100, 80, 200, 150, 60 ตามลาดบั รวมท้งั สิ้น 500 คน ผูว้ ิจยั เปิ ดตารางไดก้ ลุ่มตวั อย่าง 80คน จะไดจ้ านวนตวั อยา่ งแต่ละกลุ่มตามวธิ ีคานวณดงั น้ีจานวนตวั อยา่ งแต่ละกลุ่ม = จานวนตวั อยา่ งท่ีตอ้ งการ x จานวนทีมการพยาบาลแต่ละกลุ่ม จานวนทีมการพยาบาลท้งั หมดนน่ั คือจะไดต้ วั อยา่ งเป็นพยาบาลวิชาชีพ = 80 100 = 13.55 = 14ตวั อยา่ งเป็นพยาบาลเทคนิค คน 590 = 10.87 = 11 = 80 80 คน 590
7ตวั อยา่ งที่เป็นนกั ศึกษาพยาบาล = 80 200 = 27.12 = 27ตวั อยา่ งท่ีเป็นผชู้ ่วยพยาบาล คนตวั อยา่ งท่ีเป็นเจา้ หนา้ ท่ีช่วยเหลือผปู้ ่ วย 590 = 20.33 = 20 = 80 150 คน 590 = 8.13 = 5 คน = 80 60 รวม = 80 คน 590 กลุ่มท่ี 3 สุ่มโดยวธิ ีการสุ่มแ บบง่ายหรือแบบมีร ะบบโดยคานึงถึงสักลุ่มที่ 1 กลุม่ ท่ี 2 ดส่วน กลุ่มตวั อยา่ งจาก กลุ่มตวั อยา่ งประชากร A ภาพการเลือกกลุ่มประชากรแบบแบ่งช้นั 3. กำรสุ่มแบบมรี ะบบ (Systematic sampling) การสุ่มโดยวิธีน้ีใชใ้ นกรณีท่ีหน่วยตวั อยา่ งของกลุ่มประชากรจดั เรียงไวเ้ ป็ นระบบอยแู่ ลว้เช่น รายชื่อหนงั สือในตูบ้ ตั รรายการในหอ้ งสมุด รายช่ือนกั เรียนในบญั ชีเรียกช่ือเรียงตามตวั อกั ษรการเรียงตวั ในพจนานุกรม เป็ นตน้ วิธีการสุ่มแบบน้ีผูว้ ิจยั ตอ้ งรู้กรอบของประชากร (Populationframe) ก่ อ น ว่ า มี จ า น ว น ป ร ะ ช า ก ร เท่ า ใ ด แ ล้ ว ใ ห้ ห ม า ย เล ข ป ร ะ ข า ก รจากน้ันผูว้ ิจยั ตอ้ งกาหนดขนาดของกลุ่มตวั อย่างต่อไปก็หาช่วงของการสุ่ม (Sampling interval)ซ่ึงมีสูตรดงั น้ี Sampling interval (i) = N n
8เม่ือ N คือ ขนาดของประชากรn คือ ขนาดของกลุ่มตวั อยา่ งดังน้ั น ห น่ ว ย ตัว อ ย่างที ต ก อ ยู่ใน ทุ ก ๆ ช่ ว งข อ งก าร สุ่ ม (Sampling interval)จะเป็ นสมาชิ กของกลุ่มตัวอย่างข้ันต่อไปก็จะหาหน่ วยเริ่ มต้น ซ่ึ งกระทาโดยการสุ่ ม( อ า จ ใ ช้ ต า ร า ง สุ่ ม – Table of random number ห รื อ ใ ช้ ก า ร จั บ ส ล า ก ก็ ไ ด้ )ส ม ม ติ ว่าได้ห น่ วยเร่ิ ม ต้น เป็ น a ห น่ วยตัวอ ย่างห น่ วยแ รก ก็ คื อ ส ม าชิ ก ที่ มี เล ข ที่ aหน่วยตวั อยา่ งต่อไปคือ a + i, a + 2i, a + 3i ไปเร่ือยๆ จนไดก้ ลุ่มตวั อยา่ งครบจานวนตามท่ีตอ้ งการการสุ่มแบบมีระบบมีข้อดี คือ ง่ายและสะดวกในการปฏิบัติ แต่มีข้อที่ควรคานึงคือบัญชีรายชื่อนักเรี ยนน้ันต้องเรี ยงตามตัวอักษรเพราะถือว่าเป็ นการเรี ยงโดยการสุ่ มแล้วถา้ การเรียงน้นั เรียงตามลกั ษณะบางอยา่ ง ซ่ึงไม่เป็นการสุ่ม กอ็ าจเกิดความลาเอียงได้4. กำรสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster or area sampling)ใ น ก ร ณี ที่ ป ร ะ ช า ก ร อ ยู่ อ ย่ า ง ก ร ะ จั ด ก ร ะ จ า ย กั นก า ร สุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง จ า ก ป ร ะ ช า ก ร มั ก ป ร ะ ส บ กั บ ปั ญ ห าท้งั น้ีเพราะการเลือกหน่วยตวั อยา่ งมาทีละหน่วยดงั วิธีสุ่มท้งั สามแบบที่กล่าวมาแลว้ อาจทาไม่ไดใ้ นทางปฏิ บัติ ห รื อท าให้สิ้ น เปลืองมากใน การจัดทากรอบ (Frame) ของมวลประชากรสิ้ น เ ป ลื อ ง แ ร ง ง า น ที่ จ ะ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล แ ล ะ อ่ื น ๆ ใ น ก ร ณี เ ช่ น น้ีผู้ วิ จั ย อ า จ เลื อ ก ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง โ ด ย แ บ่ ง ป ร ะ ช า ก ร อ อ ก เป็ น ก ลุ่ ม ย่ อ ย ๆ ก่ อ นแ ล้ ว จึ ง สุ่ ม บ า ง ก ลุ่ ม ม า ศึ ก ษ า ใ น ก า ร แ บ่ ง ก ลุ่ ม น้ั น ๆผวู้ จิ ยั อาจใชล้ กั ษณะทางภูมิศาสตร์หรือสภาพภูมิประเทศเป็นเกณฑใ์ นการแบ่งกลุ่มเช่นใชเ้ ส้นเขตถนนในการแบ่งกลุ่มหรือใช้ หมู่บา้ น ตาบล อาเภอ จงั หวดั เป็นเกณฑใ์ นการแบ่งกลุ่มกไ็ ด้หลักการของการสุ่ มแบบแบ่งกลุ่ม คือ อาจแบ่งประชากรออกเป็ นกลุ่มย่อยๆตามเกณฑ์อย่างใดอย่างหน่ึง ยึดหลักให้สมาชิกในกลุ่มมีคุณลักษณะแตกต่างกันมากที่สุด( Heterorgeniety within group)ซ่ึงจะครอบคลุมคุณลักษณะทุกอย่างของประชากรและให้ระหว่างกลุ่มมีความคล้ายคลึงกัน( Homogeniety between group) ม า ก ท่ี สุ ดซ่ึ ง ห ลั ก ก า ร น้ี ต ร ง กั น ข้ า ม กั บ ห ลั ก ก า ร ข อ ง ก า ร สุ่ ม แ บ บ แ ป ง ช้ั นและข้อแตกต่างระหว่างการสุ่ มแบบแบ่งช้ันกับการสุ่ มแบบแบ่งกลุ่มอีกประการหน่ึ งคื อ ก า ร สุ่ ม แ บ บ แ บ่ ง ช้ั น เม่ื อ แ บ่ ง ป ร ะ ช า ก ร อ อ ก เ ป็ น ร ะ ดั บ ช้ั น แ ล้ วสุ่ ม ม า เข้ า เป็ น ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง จ า ก ทุ ก ร ะ ดั บ ช้ั น ส่ ว น ก า ร สุ่ ม แ บ บ แ บ่ ง ก ลุ่ ม น้ั นสุ่มเพียงบางกลุ่มมาศึกษาเท่าน้นัก า ร สุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง แ บ บ แ บ่ ง ก ลุ่ ม น้ี มี ข้ อ ดี คื อประหยดั เวลาและค่าใช้จ่ายเพราะไม่ต้องอาศัยกรอบของมวลประชากร (Population frame)
9ซ่ึ ง อ ยู่ ใ น ลั ก ษ ณ ะ ที่ เ ป็ น ร า ย ช่ื อ ซ่ึ ง ร ว บ ร ว ม ไ ด้ ย า กแต่ใชแ้ นวเขตธรรมชาติเป็ นเคร่ืองแบ่งประชากรออกเป็ นกลุ่มๆ ส่วนขอ้ เสียของการสุ่มโดยวิธีน้ีคื อ ไ ม่ ท ร า ย ว่ า ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง ที่ ไ ด้ ม า น้ั น มี สั ด ส่ ว น ข อ ง คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ ต่ า ง ๆสอดคลอ้ งกบั สดั ส่วนของคุณลกั ษณะต่างๆ ของประชากรหรือไม่ ตวั อย่ำง ตอ้ งการสารวจบุคลิกภาพของแพทยส์ งั กดั กระทรวงกลาโหมประชาชนที่ศึกษาจะแพทยจ์ าก โ ร ง พ ย า บ า ล ก อ ง ทั พ บ ก ก อ ง ทั พ เ รื อ ก อ ง ทั พ อ า ก า ศจะเห็นว่าแพทยจ์ ากทุกโรงพยาบาลจะมีลกั ษณะต่างๆ กัน ของประชากร (แพทย)์ รวมกันอยู่แต่เม่ือเปรี ยบเทียบลักษณะของแต่ละกลุ่มแล้วจะมีความคล้ายคลึงกัน หรื อเท่าเทียมกันก า ร เลื อ ก ตั ว อ ย่ าง จึ ง ส า ม า ร ถ เลื อ ก ม า ศึ ก ษ า เพี ย ง ห น่ึ ง ก ลุ่ ม ห รื อ ส อ ง ก ลุ่ ม ไ ด้โดยใชเ้ ทคนิคการสุ่มตวั อยา่ งแบบง่ายๆ สรุปไดด้ งั ภาพ สุ่มกลุม่ ยอ่ ยออกมา ก 1-2 กลุม่ เพ่อื ศึกษาดว้ ยเ ทคนิคการสุ่มแบบ กลุ่ม 2 กลุ่ม 1 (แพทยก์ องทพั เรือ) กลุ่ม 3 ง่าย(แพทยก์ องทพั บก) (แพทยก์ องทพั อากาศ) ตวั อยา่ ง (แพทยก์ ระทรวงกลาโหม)
10 ในเร่ืองของการสุ่มกลุ่มตวั อย่างน้ี มีอยดู่ า้ นหน่ึงที่ควรทาความเขา้ ใจให้ถูกตอ้ ง คือ คาว่า“multistage random sampling” ห รื อ “multistage sampling” ค า น้ี ต ร ง กั บ ภ า ษ า ไ ท ย ว่ า“การสุ่มหลายข้นั ตอน” หมายถึง มีการเลือกหรือมีการสุ่มมากกวา่ 1 คร้ังขนำดของกลุ่มตัวอย่ำง จากการศึกษาของนกั วจิ ยั พบวา่ ขนาดของกลุ่มตวั อยา่ งข้ึนอยกู่ บั องคป์ ระกอบต่อไปน้ี 1 . ก ำห น ด ร ะ ดั บ ค ว ำม ถู ก ต้ อ ง แ ม่ น ย ำ (Precision) ข อ งก าร ค าด ค ะ เน คื อผู้ วิ จั ย ต้ อ ง พิ จ า ร ณ า ว่ า เรื่ อ ง ท่ี วิ จั ย น้ั น ต้ อ ง ก า ร ค ว า ม ถู ก ต้ อ ง แ ม่ ย า เพี ย ง ใ ดหรือยอมใหเ้ กิดความผดิ พลาดเท่าใดในระดบั ความมน่ั ใจเท่าใด เช่น ยอมให้เกิดความผิดพลาดได้1 % ที่ ร ะ ดั บ ค ว า ม เ ช่ื อ มั่ น 9 9 % ค ว า ม ห ม า ย ว่ าค่าที่ศึกษาได้จากกลุ่มตัวอย่างจะคลาดเคล่ือนไปจากค่าของประชากรอยู่ระดับ -1 ถึง +1แ ล ะ ค่ า ค ว า ม ค ล า ด เค ลื่ อ น ห รื อ มี ผิ ด พ ล า ด ที่ จ ะ เป็ น เช่ น น้ี จ ะ เช่ื อ มั่ น ไ ด้ 9 9 %ก า ร ก า ห น ด ร ะ ดั บ ค ว า ม ถู ก ต้ อ ง แ ม่ น ย า น้ีใ น บ า ง ค ร้ั ง ต้ อ ง อ า ศั ย คุ ณ ธ ร ร ม แ ล ะ ก า ร วิ นิ จ ฉั น ข อ ง ผู้ วิ จั ย เ อ งถ้ า เร่ื อ ง ใ ด ก า ห น ด ร ะ ดั บ ค ว า ม ถู ก ต้ อ ง แ ม่ น ย า ต่ า ท่ี ร ะ ดั บ ค ว า ม เช่ื อ มั่ น ต่ า ด้ ว ยก็ ใ ช้ ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง ข น า ด เ ล็ ก ห รื อ จ า น ว น น้ อ ยซ่ึงการประมาณขนาดของกลุ่มตวั อยา่ งตามระดบั ความถูกตอ้ งแม่นยาและระดบั ความเช่ือมน่ั น้ีสามารถดูไ้ ดจ้ ากตารางทา้ ยเล่มของตาราวจิ ยั ทวั่ ๆ ไป 2. ขอบเขตของประชำกร ถ้ า ป ร ะ ช า ก ร ท่ี ศึ ก ษ า มี ข อ บ เข ต ก ว้า ง ม า ก เช่ น ก า ร ศึ ก ษ า ทั่ ว ป ร ะ เท ศกลุ่มตัวอย่างก็ต้องมีจานวนมากด้วย ถ้าประชากรท่ีศึกษาน้ันมีขอบเขตไม่กว้างนัก เช่นเป็นระดบั จงั หวดั หรือระดบั โรงเรียนใดโรงเรียนหน่ึงกลุ่มตวั อยา่ งไม่ตอ้ งใชม้ าก 3. กำรเปรียบเทยี บคุณลกั ษณะบำงประกำรของประชำกร และวธิ ีทางสถิติที่ใช้ ถ้างาน วิจัยใดต้องการจะมี การเป รี ยบ เที ยบ ระห ว่างกลุ่มตามตัวแป รท่ี ศึกษ าและตอ้ งใชส้ ถิติพาราเมตริกในการทดสอบสมมติฐาน งานวิจยั น้นั ตอ้ งใชก้ ลุ่มตวั อยา่ งค่อนขา้ งมากเพราะต้องแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็ นกลุ่มย่อยๆ ตามตัวแปรที่ศึกษา โดยแต่ละกลุ่มย่อยน้ันค วรมี จาน วน ไม่ น้ อ ยก ว่า 30 ค น เป็ น ต้น ถ้าก ลุ่ ม ย่อ ยมี ห ลายก ลุ่ ม วิจัยเชิ งคุ ณ ภ าพกอ็ าจไม่ตอ้ งการจานวนกลุ่มอยา่ งมากถึง 30 ได้ 4. วธิ ีกำรเลือกกลุ่มตัวอย่ำง การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเป็ นช้ันหรื อตามระดับช้ัน (Stratified random sampling)ใช้กลุ่มตัวอย่างจานวนน้อยท่ีสุ ด รองลงมาคือการสุ่ มอย่างง่าย (simple random sampling)และการสุ่มแบบเป็ นระบบ (Systematic random sampling) สาหรับการสุ่มแบบเป็ นกลุ่ม (Cluster
11or area sampling)ตอ้ งใชก้ ลุ่มตวั อยา่ งท่ีมีสมาชิกมากท่ีสุดเพราะเราเลือกมาศึกษาเพยี งบางกลุ่มเท่าน้นั5. ประเภทของการวิจยัโ ด ย ท่ั ว ไ ป ง า น วิ จั ย เชิ ง บ ร ร ย า ย มั ก ต้ อ ง ใ ช้ ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง ค่ อ น ข้ า ง ม า กโดยเฉพาะที่เป็นการวิจยั เชิงสารวจเพราะการวิจยั ประเภทน้ีส่วนใหญ่ตอ้ งการขอ้ มูลพ้ืนฐานในเร่ืองต่ าง ๆ จ าก ค น ก ลุ่ ม ใ ห ญ่ แ ล ะ ก็ มี เค ร่ื อ ง มื อ ที่ จ ะ เอ้ื อ อ าน ว ย ใ น ก าร เก็ บ ข้อ มู ล ไ ด้ดั ง น้ั น จ า น ว น ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง จึ ง มั ก มี ข น า ด ใ ห ญ่ ห รื อ มี จ า น ว น ม า กจะ พ บ ว่างาน วิ จัยเชิ งบ รรยายห ล ายเรื่ อ งท่ี มี จ าน ว น ก ลุ่ ม ตัวอ ย่างเป็ น ร้ อ ยเป็ น พันส า ห รั บ ง า น วิ จัย เชิ ง ท ด ล อ ง จ า น ว น ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง ค่ อ น ข้ า ง จ ะ มี ข อ บ เข ต จ า กั ดเ พ ร า ะ ต้ อ ง มี ก า ร ท ด ล อ ง ป ฏิ บั ติ จ ริ ง โ ด ย ทั่ ว ๆ ไ ปก ลุ่ ม ย่อ ยท่ี ใช้ใน ก ารท ด ล อ งเพื่ อ เป รี ยบ เที ยบ ผ ล มัก จ ะ มี จ าน ว น ป ระ ม าณ 30 ค นถา้ เป็นการวิจยั เชิงคุณภาพ จานวนกลุ่มตวั อยา่ งกย็ ง่ิ มีนอ้ ยลงมากอาจมีเพยี งไม่ก่ีคนกอ้ ได้6. องค์ประกอบอื่นๆ ไดแ้ ก่ เงิน เวลา และบุคลากรกำรกำหนดขนำดตัวอย่ำงเมื่อผูว้ ิจยั เลือกประชากรและตวั อย่างได้แลว้ ตอ้ งกาหนดว่าตวั อย่างจะมีจานวนเท่าไรเ พ ร า ะ ก า ร เ ลื อ ก ตั ว อ ย่ า ง ต้ อ ง ส า ม า ร ถ เ ป็ น ตั ว แ ท น ป ร ะ ช า ก ร ไ ด้การกาหนดจานวนตวั อยา่ งถา้ สามารถกาหนดไดพ้ อเหมาะจะทาใหก้ ารวิจยั มีประสิทธิภาพไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ เวลา และกาลงั คน มีผกู้ าหนดขนาดตวั อยา่ งไดห้ ลายวิธี เช่น1 . ต า ร า ง ส า เร็ จ รู ป เค ร ซี แ ล ะ ม อ ร์ แ ก น ( Krejeic of Morgan, 1970 : 607-610)เป็ นตารางสาเร็จรูปท่ีแสดงจานวนประชากรและกลุ่มตวั อย่างไวใ้ ห้ผูว้ ิจยั สามารถเลือกไดท้ นั ทีขนาดของความคลาดเคลื่อนไม่เกินร้อยละ 52. การคานวณขนาดของกลุ่มตวั อยา่ ง (Daniel. 1998:180) จากสูตร n NZ2pq d2N 1 Z2pqเมื่อ n = ขนาดของกลุ่มตวั อยา่ ง N = ขนาดของประชากร Z = คาที่ไดจ้ ากตารางแจกแจงแบบปกติ ณ ระดบั ความเช่ือมน่ั ที่ตอ้ งการ p = สดั ส่วนของประชากรท่ีจะศึกษา q = 1–p d= ผลคูณของคาสัมประสิทธ์ิความเช่ือมนั่ และความคลาดเคลื่อนมาตร
12 ฐานหรือค่าความคลาดเคล่ือนสูงสุดท่ีเกิดข้ึนได้ (The product of the reliability coefficient and the Standard error)ในกรณีขนาดของประชากรมีขนาดใหญ่ อาจใชส้ ูตร ดงั น้ี n Z2pq d2ตัวอย่ำงการวางแผนสารวจภาวะสุขภาพตามสุขภาพตามสุขบญั ญตั ิกระทรวงสาธารณสุขในพ้ืนที่ของเทศบาลเมืองราชบุรี โดยการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างที่มีสัดส่วนประชากรไม่เกิน 0.35ใ น ร ะ ดั บ ค ว า ม เชื่ อ มั น 9 5 % ซ่ึ ง มี ค่ า ผ ล คู ณ ค่ า สั ม ป ร ะ สิ ท ธ์ิ ค ว า ม เชื่ อ ม่ั นและความกลาดเคล่ือนมาตรฐาน (d) = 0.05 จะไดข้ นาดของกลุ่มตวั อยา่ งที่ตอ้ งการศึกษาดงั น้ีZ = 1.96 p = .35 q = .65 d = .05n 1.962 0.5.65 = 349.6 ประมาณ 350 คน .052ควำมคลำดเคลื่อนของกำรสุ่มตวั อย่ำง ค ว า ม ค ล า ด เ ค ล่ื อ น ข อ ง ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า งเป็ น ผ ล ต่ า ง ข อ ง ค่ า ที่ ไ ด้ จ า ก ป ร ะ ช า ก ร กั บ ค่ า ท่ี ไ ด้ จ า ก ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง ท่ี สุ่ ม ไ ด้สาเหตุเนื่องมาจากเหตุสาคญั 2 ประการคือ 1. มีความลาเอียงในการเลือกลุ่มตวั อยา่ ง 2. ความแตกต่างที่เกิดจากกลุ่มตวั อยา่ งเอง บ า ง ค ร้ั ง ผู้ วิ จั ย เ ลื อ ก วิ ธี ก า ร เ ลื อ ก ตั ว อ ย่ า ง ไ ด้ แ ล้ วแ ต่ ไ ม่ ท ร า บ ว่ า จ ะ ใ ช้ ตั ว อ ย่ า ง เท่ า ไ ร จึ ง จ ะ เห ม า ะ ส ม มี ข้ อ สั ง เก ต ดั ง น้ีถ้า ป ร ะ ช าก ร มี ข น า ด ใ ห ญ่ ก าร เลื อ ก ตัว อ ย่าง จ าน ว น น้ อ ย จ ะ เกิ ด ค ว า ม ค ล าด เค ล่ื อ น ไ ด้ม า กแ ล ะ อ า จ ไ ม่ ไ ด้ ตั ว แ ท น ท่ี ดี ข อ ง ป ร ะ ช า ก รดังน้ันกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่นาจะเป็ นตัวแทนประชากรที่ดีกว่ากลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กถา้ ประชากรมีจานวนเป็ นร้อยตวั อยา่ งควรใช้ 25% ถา้ ประชากรมีจานวนเป็นพนั ตวั อยา่ งควรใช้ 10% ถ้ า ป ร ะ ช า ช น เ ป็ น ห ม่ื น ตั ว อ ย่ า ง ค ว ร ใ ช้ 1 % ( ป ร ะ ค อ ง , 2 5 2 4 )ถ้ า เป็ น ก า ร วิ จั ย ก่ึ ง ท ด ล อ ง /ท ด ล อ ง ค ว ร เป็ น อ ย่ า ง น้ อ ย ที่ สุ ด 2 0 -3 0 ร า ยถา้ มีการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มแต่ละกลุ่มท่ีเปรียบเทียบไม่ควรน้อยกว่า 10 ราย อย่างไรก็ตาม
13ตวั อยา่ งท่ีมีขนาดใหญ่จะเป็ นตวั แทนของประชากรไดด้ ีกว่าตวั อยา่ งขนาดเลก็ เน่ืองจากความคลาดเคล่ือนจะนอ้ ยลงลกั ษณะของกลุ่มตวั อย่ำงทดี่ ี กลุ่มตวั อยา่ งท่ีดีควรมีคุณลกั ษณะดงั น้ี 1 . เ ป็ น ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง ท่ี มี คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ ต่ า ง ๆสอดคลอ้ งครอบคลุมคุณลกั ษณะทุกประการของประชากรซ่ึงหมายถึงว่ากลุ่มตวั อยา่ งน้นั ตอ้ งเลือกมาจากประชากรโดยปราศจากความลาเอียงมาโดยการสุ่มน้นั เอง 2 . มี ข น า ด พ อ เห ม า ะ ท่ี จ ะ ส า ม า ร ถ ท ด ส อ บ ค ว า ม เช่ื อ ม่ั น ท า ง ส ถิ ติ ไ ด้เพื่อท่ีวา่ ผลที่ไดจ้ ะไดส้ ามารถอา้ งอิงไปสู่ประชากรอยา่ งเช่ือถือได้รำยกำรอ้ำงองิกระท รวงส าธารณ สุ ข ส ถาบัน พ ระบ รมราชชน ก. เอกส ำรชุ ดวิชำวิจัย. กรุ งเท พ ฯ :โรงพิมพว์ จิ ิตรหตั ถการ, 2544.ประกาย จิโรจน์กลุ . (2556). กำรวิจัยทำงกำรพยำบำล : แนวคดิ หลกั กำร และวิธีปฏิบตั .ิ พมิ พค์ ร้ังที่ 3 กรุงเทพมหานคร: บริษทั สร้างสื่อจากดั .พวงรัตน์ ทวีรัตน์. วิธีกำรวิจัยทำงพฤติกรรมศำสตร์และสังคมศำสตร์. พิมพค์ ร้ังท่ี 7. กรุงเทพฯ :ศูนยห์ นงั สือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , 2540.รัตน์ศิริ ทาโต. (2552). กำรวิจัยทำงพยำบำลศำสตร์ : แนวคิดสู่กำรประยุกต์ใช้. พิมพ์คร้ังที่ 2. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พแ์ ห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: