นิ ท า น พื้ น บ้ า น อุสา-บารส ห นั ง สื อ อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ ป ร ะ ก อ บ ร า ย วิ ช า นิ ท า น พื้ น บ้ า น จั ง ห วั ด อุ ด ร ธ า นี ภ า พ ป ร ะ ก อ บ : ผ ศ . วิ รั ต น์ ไ ม้ เ จ ริ ญ เ นื้ อ เ รื่ อ ง : ผ ศ . ฤ ดี ม น ป รี ดี ส นิ ท โ ม ฬี ศ รี แ ส น ย ง ค์ จั ด ทำ : จั น ทิ พ า มี ชั ย โ ร ง เ รี ย น เ ต รี ย ม อุ ด ม ศึ ก ษ า พั ฒ น า ก า ร อุ ด ร ธ า นี
อุษานางน้อย อยู่ในหอบ่มีโศก ได้องค์บารสท้าว นอนซ้อนกล่อมเสน่ห์ นางก็มีสุขล้น จนลืมหมู่นางกำนัล ความรัก & ความกตัญญู เมื่อใดนางอุษา หากมีผัวนั้น จักเป็นวันที่ราชาเจ้า ภูธรตนพ่อ สิได้มุดมอดเมี้ยน เมื่อฟ้าสู่สวรรค์ แท้ดาย
คำนำ นิทานพื้นบ้านเรื่องอุสา-บารสเล่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งในรายวิชานิทานพื้นบ้าน จังหวัดอุดรธานี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ เป็นการนำนิทานพื้นบ้านที่มีอยู่ในพื้นที่ บริเวณใกล้เคียงโรงเรียนมาจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อบอกเล่าเรื่องราว ความเป็นไป ค่านิยม ความเชื่อ คติ ข้อคิดของผู้คนในอดีตที่สะท้อนผ่านนิทานพื้น บ้าน ผู้จัดทำเห็นว่าการนำนิทานพื้นบ้านมานำเสนอผ่านนวัตกรรมที่สอดคล้องกับ การเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงได้จัดทำสื่อการเรียนรู้ แบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ขึ้นมา โดยได้นำเนื้อหาของนิทานพื้นบ้านเรื่อง อุสา-บารส สำนวนร้อยแก้วมาจากหนังสือ \"มองตำนานอ่านอดีต\" โดย ผศ.ฤดีมน ปรีดีสนิท อดีตผู้อำนวยการสำนักศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี อีก สำนวนเป็นแบบกลอนลำอีสาน โดยอาจารย์โมฬี ศรีแสนยงค์ อาจารย์สอนวิชา นาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เนื้อหาทั้ง ๒ สำนวนมีความคล้ายคลึง กัน มีเพียงการใช้คำที่แตกต่างกัน ได้แก่คำว่า อุสา-อุษา ในสำนวนร้อยแก้วจะใช้คำ ว่า \"อุสา\" เนื่องจากเป็นนิทานพื้นบ้านอีสาน ชาวอีสานนิยมใช้ \"ส\" ในการเขียน ส่วน สำนวนกลอนลำจะใช้คำว่า \"อุษา\" เนื่องจากเห็นว่าความหมายมีความสอดคล้องกับ การเกิดของนางอุสา คือ เกิดในช่วงเช้า ดังนั้นผู้จัดทำจึงได้คงการเขียนของทั้ง ๒ แบบไว้ตามต้นฉบับ คือ สำนวน ร้อยแก้วจะใช้คำว่า \"อุสา\" ส่วนในสำนวนกลอนลำจะใช้คำว่า \"อุษา\" แต่ในเนื้อหา ส่วนที่นอกเหนือจากที่กล่าวมา ผู้จัดทำจะใช้คำว่า \"อุสา\" เพื่อให้สอดคล้องกับการ เขียนคำของชาวอีสานในสมัยก่อน และเพื่อให้ผู้อ่านไม่สับสนในการใช้คำสลับไปมา ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่านิทานเล่มนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยว กับนิทานพื้นบ้าน เรื่องอุสา-บารส ทั้งในด้านความเชื่อ ค่านิยม คติ ข้อคิด ของผู้คน ในสมัยก่อนที่สอดแทรกไว้ในนิทานเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย หากมีข้อเสนอแนะประการ ใด ผู้จัดทำขอรับไว้ด้วยความขอบคุณยิ่ง ผู้จัดทำ
๑ ปฐมบท อุสา-บารส ท้าวกงพาน เจ้าเมืองพาน อันเป็นเมืองใหญ่อุดมสมบูรณ์ เป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์มาก ได้ขอนางอุสาผู้เกิดมาในดอกบัวบนเทือก เขาจากพระฤาษีจันทา ผู้เป็นอาจารย์มาเลี้ยงไว้เป็นลูก นางอุสา มีกลิ่นเนื้อหอม และสวยงามมาก
๒ เมื่อเติบโตเป็นสาวมีเจ้าชายเละเจ้าเมืองต่างๆ มาสู่ขอไปเป็นคู่ ครอง แต่ท้าวกงพานหวงลูกสาวมากไม่ยอมยกให้ใคร จึงไป สร้างตำหนักบนภูเขาให้นางอยู่ และให้เรียนวิชากับพระฤาษี จันทา
๓ วันหนึ่งนางอุสาและพี่เลี้ยง บริวารไปเล่นน้ำที่ลำธาร ใกล้ตำหนัก นางเก็บดอกไม้มาร้อยเป็นมาลัยรูปหงส์ แล้วลอยลงแม่น้ำไป พลางอธิษฐานว่าผู้ใดเป็นเนื้อคู่ของนาง ขอให้ได้พบมาลัยนี้
๔ พวงมาลัยรูปหงส์ได้ลอยไปลงแม่น้ำโขงถึงหน้าเมืองปะโค \"เวียงงัว\" ท้าวบารสเป็นโอรสเจ้าเมืองปะโค เป็นเจ้าชายรูปงาม เกิดเมื่อดอกไม้บานทั้งเมือง จึงได้ชื่อว่าบารส ผู้มีกลิ่นหอม คืน ก่อนที่มาลัยจะมาถึงเมืองปะโค บารสนอนฝันไปว่าได้ไปเล่นน้ำ ในสระน้ำแห่งหนึ่ งที่มีดอกบัวมากมายบานสล้าง ในดอกบัวดอกหนึ่งมีดวงแก้วสุกใสงดงามมาก บารสรีบว่ายน้ำ เข้าไปจะเอาดวงแก้วพอจับดวงแก้วขึ้นมา ดวงแก้วก็แตกสลาย ออกเป็นเสี่ยง ๆ บารสเสียใจมากจนร้องให้ออกมา และตกใจตื่น ขึ้นมารู้ว่าเป็นความฝันแต่ก็เสียดายดวงแก้วนั้นมาก เกิดความ กลัดกลุ้มใจด้วยเสียดาย
๕ จึงชวนบริวารทั้งหลายไปเล่นน้ำที่แม่น้ำโขง ขณะที่ว่ายน้ำอยู่ บารสเห็นมาลัยรูปหงส์ที่สวยงาม และมีกลิ่นหอมอบอวล บารสให้สืบหาเจ้าของมาลัยก็ไม่มีผู้ใดรู้ จึงออกหาสืบเอง
๖ บารสเดินทางตามหาเจ้าของมาลัยไปในที่ต่าง ๆ จนมาถึง เขาภูพานบารสและบริวารขี่ม้าไปบนเขาไปถึงหินก้อนหนึ่ ง ม้าบารสไม่ยอมเดินต่อไป บารสจึงพักม้าที่ก้อนหินนั้น และบริวารก็แยกไปผูกม้าที่ก้อนหินอีกก้อน
๗ บารสผูกม้าแล้วก็ออกตรวจภูมิประเทศ ได้พบนางอุสากำลัง เล่นน้ำอยู่ที่ลำธารและรู้ว่านางเป็นเจ้าของมาลัย
๘ ด้วยความใกล้ชิดกันทั้งสองได้เสียโดยไม่ให้ท้าวกงพานรู้
๙ ต่อมาความรู้ไปถึงท้าวกงพานจึงให้ทหารจับบารส ไปประหาร
๑๐ แต่เสนาอำมาตย์ห้ามไว้ด้วยกลัวจะเกิดสงครามระหว่าง เมืองปะโคริมโขง กับเมืองพาน
๑๑ จึงทำอุบายให้แข่งขันกันสร้างวัด ในหนึ่งวันให้เสร็จ โดยนับตั้งแต่เช้า จนดาวประกายพรึกขึ้น ผู้ใดสร้างไม่เสร็จจะต้องเสียหัวแก่อีกฝ่าย ท้าวกงพานก็เกณฑ์ไพร่พลมาสร้างวัดที่เมืองพาน บารสไม่มีไพร่พล มาช่วยสร้าง นอกจากบารส นางอุสา และพี่เลี้ยงนางอุสา ก็จะมีบริวารไม่กี่คนจะต้องสร้างไม่ทันกำหนดแน่ ๆ นางพี่เลี้ยงของ นางอุสาเป็นคนเฉลียวฉลาด จึงออกอุบายให้บารสยกโดมขึ้นไปแขวน ไว้บนยอดไม้ใหญ่เป็นเวลาจวนดึก พวกเมืองพานมองขึ้นมาก็จะเห็น เป็นดาวประกายพรึก จะหยุดสร้างวัด บารสก็จะได้รีบเร่งสร้างต่อไป จนเช้าคงจะทันเวลา
๑๒ รุ่งเช้าท้าวกงพานมาตรวจสอบการก่อสร้างปรากฎว่าบารส สร้างวัดได้สำเร็จตามสัญญาแต่ท้าวกงพานสร้างไม่เสร็จ จึงถูกตัดหัว
๑๓ บารสพานางอุสากลับปะโคเวียงงัว บรรดาชายาทั้งหลายของบารส ไม่พอใจโกรธและเกลียดนางอุสามาก เพราะบารสยกให้นางเป็น ใหญ่กว่าพวกตน จึงหาทางทำร้ายนาง โดยคบคิดกับโหรให้ตั้งพิธี สะเดาะเคราะห์กรรม และโหรทำนายว่าบารสเคราะห์ร้ายมากถึง ชีวิต ต้องออกเดินป่าผู้เดียวให้ครบหนึ่งปี จึงจะเข้าเมืองได้พ้น เคราะห์ บารสออกเดินป่า ทิ้งนางอุสาไว้ที่ปะโค นางถูกบรรดาชายา บารสรุมทำร้าย ท้าวปะโค บิดาของบารสไม่ช่วยเหลือนางแม้แต่น้อย
๑๔ นางจึงพาพี่เลี้ยงกลับเมืองกงพานไปอยู่ที่หอนางอุสา และล้มเจ็บด้วยความตรอมใจ
๑๕ บารสเมื่อกลับจากเดินป่าได้รู้ว่าอุสาหนีกลับไปกงพาน จึงรีบ ตามนางไป ได้พบนางก่อนที่นางจะสิ้นใจ เมื่อนางตายบารสจึง ฝังนางไว้ที่บนภูพาน และต่อมาบารสก็ตรอมใจตายตามนางไป ศพของบารสถูกฝังเคียงข้างนาง
กลอนลำอีสาน อุสา-บารส
๑๗ ยังมีดาบสเถ้า (เฒ่า) เนานั่งภาวนา บำเพ็ญเพียร อยู่ในคงกว้าง โดนนานได้ ดวงญาณแจ้งส่อง เห็นเหตุฮู้ ดีฮ้ายซู่ประการ นั่งนานแล้ว ฤๅษีมึนเมื่อย คิดว่าวันฮุ่งเช้า จักเดินให้สว่างหาย พอเมื่อ ดาวเพ็กขึ้น ใกล้ฮุ่งยามปลาย ยินเค้าโมงมันขัน อ่านคอนจวนแจ้ง กาเวาฮ้อง เตยเวยเสียงม่วน ไก่ป่าตบปีกท้า ขันชั้นแข่งกัน ฤาษีลุกขึ้นแล้ว ล้างส่วยเจียฟัน ครองหนังเสือ ออกเดินยามเช้า เถึงโบกขรณ์กว้าง เห็นบัวยืนเบิ่ง เห็นกะยอมคัดเค้า ดอกสะมั่งมันปลา กะดังงาดวนดง ค่ำลงหอมเฮ้า ยินเสียงโพนโดกฮ้อง ฟังม่วนอรชร พุ้นเยอ กาเวาวอน เมื่อตาเว็น คล้อย เขาขานขึ้น ขันคูเฮียกคู่ แขกขอดเอี้ยง แซวฮ้องอยู่ไฮ ดีแต่ องค์ท่านท้าว กับเอกมเหสี ทั้งสนมกำนัล ม่วนใจจนลืมบ้าน จนว่าเลยล่วงเข้า ขงเขตอาศรม
๑๘ ขององค์พระฤๅษี ผู้มีญาณกล้า มีแต่อุษาน้อย นางเดียวเป็นหมู่ อยู่ซ่วงใช้ ตนเจ้าพ่อรัสสี แต่นั้นสองราชเจ้า กรุงพานยศใหญ่ เห็นอุษาอ่อนน้อย ใจเจ้าอิ่นดู คึดอยากเอาไปเลี้ยง เป็นลูกในอุทร จึงเหนี่ยววอนฤๅษี ให้โผดผายสองเจ้า ฝ่ายว่าฤๅษีเถ้า บ่มีขืนคำราช กะเลยถวยนาฎน้อย อุยาให้แก่พระยา แล้วจิ่งแจ้ง ในเหตุเป็นรหัส เมื่อใดนางอุษา หากมีผัวนั้น จักเป็นวันที่ราชาเจ้า ภูธรตนพ่อ สิได้มุดมอดเมี้ยน เมื่อฟ้าสู่สวรรค์ แท้ดาย แต่ว่าราชาเจ้า บ่มีใจหย้านหย่อน เถิงซิเป็นเยื่องนั้น ซิขอเลี้ยงให้ใหญ่สูง แท้แล้ว สวยสามโมงมาแล้ว แก้วอุ่นนางอุษา สิไปชมมาลา จั่งค่อยสาสรงน้ำ ยามเมื่อตาเว้นค้อย ตะเวนแลงแสงต่ำ จั่งสิกลับต่าวห้อง โฮงกว้างแม่นบ่อนนอน อุกใจเด้ เด้หล้า อุษานางแสนว้าเหว่ อกสิเพแตกม้าง ฮามฮ้างอยู่ผู้เดี่ยว นางเหลียวหลังเหลียวหน้า ยามอุษาสิลงท่า พาหมู่สาวซ่วงใช้ ไปลงเล่นแม่นที
๑๙ พอแต่เสร็จสรงน้ำ อุษานางขึ้นจากท่า คึดอยากเอาดอกไม้ มาฮ้อยแล้วแต่งสาร แต่นั้นนางเลยฮ้อยดอกไม้ เป็นรูปหงส์เหิน คือสิเวิ่นเวิ่นบิน ล่วงลมเทิงฟ้า แล้วจิ่งเอาหยวกกล้วย มาผูกเป็นแพ เผื่อเป็นยานให้หงส์จับ เมื่อลอยลงน้ำ แล้วคัดเอากาบกล้วย อันงามควรเบิ่ง เฮ็ดเป็นสารส่งให้ ชายกล้าผู้ประสงค์ สารนี้ชื่อว่าหงส์คำน้อย โตเดียวบ่มีคู่ ของคนผู้อยากได้หมู่เว้า วานใช้ส่งมา คั่นใผได้อ่านแล้ว อย่าติว่าคนเขียน ขอให้พิจารณาดู ก่อนสิวางลงถิ้ม โอนอน้องชื่อว่าอุษาเศร้า ลูกพ่อพระยาพาน เนาในหอเสาเดียว อยู่กลางดงด้าว พ่อเพิ่นตกแต่งไว้ บ่ให้ใผฮู้ฮ่อม เฮ็ดเป็นหอเซื่องน้อง หวังให้ม้มหมู่ชาย คอบว่าพ่อนั้นมีเคราะห์ฮ้าย เข็ญใหญ่จำจอง คั่นนางมีชายครอง พ่อจักตายวันนั้น น้องนี้อุกอั่งแหน้น บ่มีใผซิมาซ่อย ได้แล้ว ชายใดฮู้ข่าวแล้ว ให้ไวฟ้าวมาซ่อยนาง แน่ท้อน
พอเมื่อนางแต่งแล้ว ม้วนห่อดาดี ๒๐ เหน็บไว้ว่างตีนหงส์ บ่ให้หลุดลงน้ำ แล้วก็ยอมือขึ้น อธิษฐานคำม่วน สาธุเด้อเทพอยู่ฟ้า ทั้งในน้ำแม่นที เทือนี้อุษาน้อย ขอเพิ่งใบบุญ ให้พาสารหงส์คำ ส่งเถึงชายกล้า ผู่เคยทำบุญสร้าง นำกันแต่ปางก่อน เชิญเพิ่นมาเที่ยวเหล้น นำน้องให้ม่วนใจ แน่ท้อน บัดนี้จะกล่าวเถึงบารสท้าว ก้ำฝ่ายเมืองพะโค โอรสของพระยา แห่งนครไกลพุ่น บาก็ชวนเอาได้ เสนาเป็นหมู่ ลีลาสู่ท่าน้ำ ลงเล่นโสรจสรง แต่นั้นบารสท้าว เหลียวเบิ่งกลางกระแส เห็นแพหงส์ลอยวน ค่อยเวียนมาใกล้ บาก็คว้าเอาได้ แพหงส์หยวกอ่อน ใต้ตีนหงส์ดอกไม้ เห็นกาบกัทลี มีโตอักษรจารเขียน อ่านดูเห็นแจ้ง ว่าสารนี้ชื่อหงส์คำน้อย อุษานางเขียนส่ง ทนทุกข์หลายจั่งฮ้อง หาชายกล้าซอยนาง นั่นแหล่ว บุพกรรมก่อนกี้ เคยเป็นคู่เคียงหมอน ดลใจบาจำจร จากเมืองมาหาน้อง หลายวันมื้อ กับเสนาทั้งคู่ กะมาเถิงแห่งห้อง ของน้อยอ่อนอุษา บาก็เหลียวเบิ่งแล้ว เห็นหอใหญ่เสาเดี่ยว เป็นดั่งคำในสาร ที่ส่งไปหาอ้าย นั่นแหล่ว บาจิ่งจานำอ้าย เสนาทั้งคู่ ว่าให้คอยอยู่นี้ ตนข้อยซิด่วนไป ก่อนแล้ว
๒๑ บากะย่างของเข้า โฮงนาถนางอุษา เห็นนงนางนอนหลับ อยู่เถิ่งเตียงน้อย แอมเสียงให้ สัญญาณน้องตื่น อุษานางนาถน้อย ผินหน้าสู่พระองค์ ลงจากอาสน์ วันทาถามพี่ เหตุดีฮ้าย ใดดั้นดุ่งมา ที่แห่งนี้ ต้องห้ามชายหาญ ใผ๋ผายมา มรณาเหมิดเหมี้ยน คอบว่าข้า ชาตาขัดพ่อ ชายชู้ฆ่า พ่อม้วยแม่นจริง เอามาลี้ อยู่ดงแดนเถื่อน พ้นโศกย้อน จั่งสิเต้าสู่เมือง โตอวนอ้าย มีชื่อสันใด จั่งผายมา แห่งโฮงตัวน้อง ขอให้เผยคำเว้า เป็นมาทุกสิ่งนั้นถ้อน
๒๒ โตพี่นี้ บารสเป็นชื่อ นั่นแหล่ว โอรสท้าว พะโคนั้นพ่อตน สุขอยู่สร้าง เมืองกว้างถิ่นไกล ลงสรงน้ำ หงส์คำน้อยล่องมา พี่เห็นเข้า คัวได้แห่งหงส์ เห็นสารน้อง อุษาเป็นชื่อ เจ้าของหงส์ ล่องลอยถึงพี้ กรรมใดสร้าง กำพลอยพรากคู่ อยู่เดียวยั้ง โฮงกว้างแห่งหอ พิสวาทน้อง ดั้นดุ้งมาหา บุพเพหลัง เหนี่ยวมาหาน้อง เอาพี่เลี้ยง อาชาเป็นหมู่ คอยอยู่เบื้อง ทางใต้ตีนหอ รอพี่ชาย เพิ่นมาเป็นเพื่อน องค์อวนน้อง สิว่าสันใด พอสิยินดีนำ ผู้ประสงค์เคียงน้อง บ่เด พอได้ฟังคำต้าน มาดีโดยเที่ยง อุษาเชิญพี่เจ้า ประทับอาสน์บ่อนบน ยกเต้าแก้ว ขันหมากสลาถวาย มือซุนมือ หื่นกระหายใจเต้น
ท้าวชวนน้อง ๒๓ ฮ่วมพี่ชาย จูงแขนน้อง นั่งอาสน์เถิงเตียง อุษาอาย อย่าเดียดฉันท์อวนอ้าย มานั่งเทียมองค์ น้องนี้แนวนามเชื้อ เอ่ยคำควรเว้า อยู่ป่ากว้าง ดนดงแดนเถื่อน นั่นแหล่ว ทุกข์ยากไฮ้ กาน้อยต่ำวงศ์ แต่อยู่ได้ กำพลอยพ่อแม่ อุปภัมภ์เลี้ยง พานท่านเมตตา ฮักดั่งแก้ว เจริญมาจนใหญ่ ขอให้เมตตาน้อง ตาท่านแม่นจริง เข้าสู่ท้าว อย่าหยามเพิ่นพ่อ โอมน้องก่อนควร โอ้ย อุษาน้อง พี่มาแดนเถื่อน หลายขวบมื้อ หิวฮ้อนเมื่อยแฮง อึดอยากไฮ้ แนวกินซู่สิ่ง มาเถิ่งน้อง หวังเจ้าผู้เดียว ฮักนาถน้อง ผู้เดียวแท้เที่ยง พี่สิตกแต่งน้อง เอกแท้เที่ยงจริง พี่สิไปโอมน้อง เอาเป็นเอกมเหสี แต่ว่าในเทื่อนี้ อย่าให้พี่มาตาย ให้พี่ชายเชยชม ดั่งจิตกระสันต์ดน ให้ขอสงสารอ้าย ผู้ฮักจริงดั้นดุ้ง คั่นบได้มื้อนี้ สิตายถิ้มบ่เหลือเด้อ น้องเอย
ความอันนี้ ๒๔ แต่ว่าเร็วเกินไป เพิ่นจาไว้ น้องบ่คึดเดียดฉันท์ เย็นเอาไว้ ย่านภัยพ่อเจ้า ความเค็มหนักอยู่ เฮาสองฮู้ ฮักหมั่นจั่งอยู่โดนดี้ อ้ายเอย บ่ได้เผยบอกต้าน เห็นกันจริงเที่ยง หยับเข้าใกล้ ใผ๋ซิฮู้ดั่งใจ เด้ละน้อง สองสุขสม สองกอดเชยชม ดั่งภิรมย์หมายแม้น อุษาน้อย อยู่ในหอบ่มีโศก ได้องค์บารสท้าว นอนซ้อนกล่อมเสน่ห์ นางก็มีสุขล้น จนลืมหมู่นางกำนัล ชายก็ลืมหลงดู หมู่เสนาเจ้า ลืมกินข้าว ลืมสรงลืมอาบ หญิงลืมพ่อบาทเจ้า ชายลืมเหง้ามิ่งเมีย แท้แล้ว หลายวันเข้า ความรหัสเลยฮั่ว สู้ฮอดพระบาทเจ้า เมืองพานพุ้นบ่นาน พระก็มีอาชญ์ให้ เกณฑ์หมู่คนหาญ ถือหอกแหลม คาบคมมาพร้อม หมายซิจับชายชู้ อุษานางน้อยอ่อน มามัดฆ่า ให้หายแค้นเคียดฟุน นั่นแล้ว
๒๕ พระยาพานโกรธกล้า เห็นเหตุควรอาย เห็นลูกสาวกับชาย ล่วงศีลกาเมนั้น มันหากบังอาจแท้ บ่มีเกรงขามพ่อ ลักลอบเหล้น เป็นชู้บ่กลัว กูนอ ฟ้าวฟั่งเข้า สูอย่ายอมมัน เร็วพลันจับ มัดมันอย่าช้า กูซิฟันคอขาด ให้มันตายกับที่ ให้เป็นผีอยู่เฝ้า ดงนี้บ่ให้หนี ได้แล้ว นงนางหล่า ฟังบิดามาต้านต่อ กรรมใดนออีน้อง มาเกี่ยวข้อง สิท่าวตาย ความฮักชายฮักแท้ มันหลายเด้อให้อุกอั่ง ส่วนว่า ฮักพ่อแม่นั้น มันคือแก้วและหน่วยตา คอบเวรมานำต้อง เถิงเฮาให้ไกลห่าง สิได้จากพ่อแม่เจ้า หรือทางอ้ายส่อง บ่เห็น จำเป็นน้องสิไปซ่อยผัวขวัญ สร้างวัดไว้นำกันให้เสร็จสมมโนแม้ง ลูกขอวันทาไหว้ อินตาเทวราช เชิญองค์พ่อท่อนไท้ มาซ่อยยู้ให้ดั่งหวัง ขอให้สร้างวัดแล้ว สมดั่งมโนนึก อย่าให้ศึกติดพัน หมู่ประชาสิฮนฮ้อน ขอให้สมพรข้า อุษาหวังเด้อคุณพ่อ อย่าได้รออยู่ช้า มาช่วยลูกผู้กล่าวขอ แด่ท้อน
กล่าวถึงองค์ภูธรท้าว ๒๖ ท้าวได้ท้าก่อสร้าง ท้าวกะเงยหน้าขึ้น พระยาพานพระพ่อ เห็นวัดงามหมดจด อารามไว้แข่งลูกเขย บาดเบิ่งวัดโตทางนี้ เบิ่งอารามบารส มีแต่โครงฮางไม้ อร่ามตาพอป่านย้อย หือเป็นเวรของข้อย เต็มที ท่านพ่อแม่ นำสนองเทื่อนี้ บ่ทันแล้ว แม่นจั่งเห็น ปางหลังมาน้าวจ่อง อย่าได้มีเวรไป ให้ตายแท้ พ่อแม่เอย อย่าได้มีเวรฮ้าย ต่อกันในคราวหน้า ให้สุดกันท่อนี้ นำไปน้าวจ่อง (พ่อเด้อ) อันว่านามกษัตริย์นี้ ไปหน้าอย่าได้เห็น คำใดปากออกแล้ว วาจาต้องตั้งเที่ยง นั้นแหล่ว พอ่ นี้สู้บ่ได้ คำนั้นให้เที่ยงตรง ขอให้ลูกอ่อนน้อย สิตายไปหนีจาก เจ้าเอย อันว่าผัวของเจ้า มาฟังพื้นพ่อสิสอน เขามีชู้ก่อนเจ้า เมียเขาซอนกะมีอยู่ นางเอ๊ย ส่วนว่าเจ้าอ่อนน้อย เฮาเป็นน้อยแม่นอยู่หลัง คั้นว่าเนาในเวียง สิฮ่วมเพิ่นผัวเขา ขอให้นางแจ่มเจ้า แห่งเขาระวังไว้ ฟังคำเขา ซื่อต่อสามีโต แมน่ ว่ายามซิเว้า เชื่อความเขาเว้า วาจาให้ฟังม่วน นางเอย
เผยคำควรท่อนั้น ๒๗ ทั้งอย่าลบหลู่เหล้น ประเพณีฮีตคลอง ฟังแล้วถืกหู คั่นว่าไปภายหน้า เถิงบุพการี บุญสินำสนองส่งให้ ลูกจื่อจำสงวนไว้ พอแต่เสร็จกล่าวต้าน บุญผลาถืกปล่อง ท้าวกะเลยมรณาตาย โตเจ้านั้นอยู่เย็น……… อกพระแตกสะเด็นหงาย กล่าวถึงพระบาทเจ้า อยู่กลางดงด้าว กับทั้งองค์นาฎไท้ เมืองพะโคเป็นใหญ่ นับแต่บารสท้าว มเหสีเจ้าแม่เมือง ได้อุษานาฎน้อย เสด็จดงดั้นป่า ว่าสมัครฮักหมั้น มาเทียมข้างแห่งบา บ่คึดเบี่ยงจากน้อง นำกับแท้เที่ยง พระจิ่งโปรดให้ท้าว ยื่นมั่นบ่หน่ายหนี ตามกำหนดฤกษ์งาม อภิเษกสมรส พระบาทเจ้า ซุมประชามาพร้อม ลุกจากอาสน์นั่งแล้ว มเหสียัวรยาตร ระฆังฆ้อง ประทานน้ำจากสังข์ สาวช่ำน้อย พิณแคนขับเสพ ทวยฟ้อนฮ่อนระบำ ปีตุราชเจ้า อวยพรโอรส สุนิสานาฎน้อย จงยื้นหมั้นหมื่นปี ตั้งแต่นี้ ให้ครองราชย์เวียงชัย ปกครองหมู่ประชาชี พ่อสิถือศีลสร้าง ซิปล่อยวางการบ้าน การเมืองบ่ข้องเกี่ยว หวังสิ่งเดียวแต่ห้อง นิพพานหุ้นดั่งพุทโธ
๒๘ ส่วนว่านางสนมเหง้า บารสมันขมเคียด ลุกออกมาทูลไหว้ เหนือหัวเจ้าพ่อเมือง อันว่าตัวของข้า ยินดีเหลือขนาด อันที่พระบาทไท้ เวนบ้านมอบเมือง ให้กับบารสท้าว เป็นกษัตริย์เหนือหมู่ อยากฮู้กาลมื้อหน้า ว่าดีฮ้ายจั่งใด๋ ขอพระพ่อโปรดให้ โหรทายเบิ่งสาก่อน เผื่อว่ามีเหตุฮ้อน เข็ญข้องเมื่อลุน สิได้หาทางแก้ เสียเคราะห์เข็ญหาย ให้เกิดสุขซ่ำบาย ซู่ทุกคนภายหน้า นางสนมเก่าท้าว มันกะคึดอิจฉา ออกมาหาโหรหลวง ให้แต่งแปลงคำเว้า บอกว่าโอรสท้าว มีเคราะห์หนักหนา ให้ออกจากพารา ดุ่งเดินไพรกว้าง ไปองค์เดียวท่อนั้น เป็นเวลาปีหนึ่ง แล้วจั่งกลับต่าวบ้าน เมืองกว้างพะโค คั่นแม่นท่านเฮ็ดได้ เงินคำของฝาก ข้อยสิหาให้เจ้า หลายล้นเที่ยงจริง ความอันนี้ เก็บงำอย่าเผยบอกใผ๋เด้อ หากว่ามีผู้ฮู้ ตนเจ้าแม่นบ่ยื้น แท้แหล่ว แต่นั้นโหรก็จับสอต้อง กระดานหินอันเก่า เอายามวันเดือนปีตั้ง ลงไว้หว่างกลาง เอาดวงบารสท้าว วางไว้ในที่ทางสูง ทางใต้เป็นดวงเมือง ซิซ่อยชูบาท้าว เป็นดวงอุปถัมภ์ให้ บาคราญมียศใหญ่ เป็นอาจใต้ลุ่มฟ้า มีท้าวผู้เดียว
๒๙ หากแต่ฮูฮาเถ้า ถืกสนมทั้งสี่ บังคับให้ ทวยเบื้องบ่ดี จำต้องมุสาเจ้า ตนพ่อพระยาเมือง ว่าบารสมีเคราะห์ สิเกิดเข็ญแฮงฮ้าย เถิงตายแท้ ทางเดียวพอสิซ่อยได้นั้น ให้บาออกจากบ้าน ไปเนายั้งอยู่ดง ก่อนถ้อน โหรฮ่ำแล้ว เลยขาบทูลคดี ตามที่ใจตนคึด ใส่ความบาท้าว แต่นั้นบารสท้าว น้ำตาหย่าวลงรินไหล บ่อยากจากเมียขวัญ อุษานงนางน้อย แต่งงานกันบ่พอมื้อ คือสิได้ด่วนจากเมียขวัญ ช่างมาเสียใจหลาย วาสนานอคราวนี้ ท้าวเลยออกปากต้าน กับอุษาเมียมิ่ง อ้ายสิจากอ่อนน้อย เดินด้นสู่ดง จงอยู่ดีเด้อน้อง คองคอยถ่าพี่ เพียงขวบปีท่อนั้น ตนอ้ายสิด่วนมา พี่ขอฝากพ่อแม่อ้าย ให้น้องเบิ่งบัวรบัติ เอาเพิ่นเป็นโพธิ์ทอง ซู่วันแลงเช้า เจ้าจงครองตนไว้ แม่นชายใด๋กะตามช่าง สิมาออกปากเกี้ยว โตเจ้าอย่าเล่าหลง น้องเอ้ย ขอให้สายใจหมั้น ฮักพี่เพียงชายเดียว เจ้าอย่าไปแลเหลียว เล่าหลงชายชู้ เขาประสงค์ลวงเล่น หวังชมทรัพย์สิ่ง พอมันสมมักแล้ว มันสิฟ้าวฟั่งหนี นางเอ๊ย
๓๐ มันบ่ยินดีเลี้ยง มักหญิง ผู้ใจง่าย จงถนอมตนจื่อไว้ คำอ้ายที่สั่งสอน การเฮือนเฮามีมากล้น ให้ฟ้าวฟั่งทำเอา ฟืมหูกควายเขาคำ ไฮ่นา เฮานั้น ข้าว และน้ำ เงินคำทุกสิ่ง อย่าให้อึดอยากไฮ้ หาไว้ใส่เฮือน เป็นหญิงนี้ เฮือนสามน้ำสี่ แนวใด๋ดีนั้นละน้อง ฮีตคองหมั้นอย่าเล่าลืม หลายวันใด้ หลายคืนผันเปลี่ยน เวียนวันเข้า เดือนนั้นผ่านมา คองคอยท่า สามีบารส กลับต่าวท้อง เมืองบ้านพะไค เหล่าสนมหนุ่มน้อย ทั้งสี่มาหา เจรจากับนาง ปากเค็มเหลือฮ้าย สายใจน้อง ทนฟังคำพากย์ คืนค่ำเช้า เขาเว้าบาดใจ ไสสิเทิงด่าป้อย เหน็บแนมทุกสิ่ง แต่งคำเว้า เผยพากย์ให้อาย คนพลอยมาโดดเดี่ยว เจ็บใจเด้ๆ ข้อย นอนซ้ำอยู่ซู่คืน ถึกเขาตีด่าป้อย เจ็บอายเหลืออนาถ สุดฝืนฟังคำฮ้าย เป็นชู้แม่นบ่อาย เขาว่าย้าดคู่ซ้อน ได้รู้เพิ่นมาครอง กรรมอีหยังของข้อย
ยักสำรองซอนชม ๓๑ ของเพิ่นฮักเพิ่นใคร่ บาปสินำสนอง ผู้เพิ่นใต้ประสงค์ใกล้ น้องนี้ทนบ่ได้ เฮาอย่าไปแวจ่อง สิอดทนนอนคอย ให้ทุกข์ใจบ่สิ้นกรรมนั้นจ่องเถึง ตกเป็นมื้อ สิคอยพี่บารส ฆ่าและตีนาถน้อง อยู่หอรออ้าย น้องนี้คึดฮอดอ้าย ยินแต่เสียงเขาป้อยด่า น้องสิกลับไปตาย จนสิล่มท่าวตาย ถิ่นที่เฮาเคยมั่น เจ็บปวดในใจ คำ ที่ พี่บอกสอน แห่งหอคำนั้น สัญญากันตั้งแต่ก่อน ลูกขอลาท่อนไท้ น้องยังจำจื่อไว้ สุดทนแล้วพี่เอย ทั้งองค์พี่บารส พ่อแม่ จงสุขี กับพระพี่นางน้อย สุขเกษมซู่แลงเช้า น้องสิคืนเมื่อห้อง น้องสิลาไปก่อน พระพ่อสร้าง หอโฮงบ้านบ่อนเนา แม่นน้องตายเป็นผี ให้นางอยู่หนหลัง เตือนสติพี่น้อง ให้คนเขาลือก้อง อย่าได้คึดย้าดซู้ ลุงป้าอย่าลืมหลง ของเพิ่นมาซม นั่นเด้อท่าน คืนวันพ้น เดือนปีแถมถ่าย น้องนี้ท่าบาทเจ้า คอยอ้ายอยู่หอ ตรอมใจเศร้า นอนซมแสนอนาถ ยามได๋นอบาทไท้ พระอวนอ้ายสิต่าวมา คืนค่ำค้อย วอนเสียงการเวก มันเฮียกฮ้อง หมายมุ่งแม่นพระองค์
๓๒ เสือสางเก้ง กวางฟานไก่ป่า กะทาขันถ่าถ่า ท่าอ้ายแม่นบ่เห็น ทุกข์เข็ญน้องมื้อนี้ สิตายถิ้มบ่มีเหลือ แม่นน้องมุดมอดเมี้ยน เป็นผีอยู่ในป่า หอแห่งนี้ ให้คนเฮียกชื่ออุษา เตือนใจเจ้าหญิงชาย อย่าหย้าดฮักเขานั้น ผัวเมียท่าน อย่าแย่งมาเทียมข้าง แห่งตน ตัดใจไว้ บ่ทุกข์ฮ้อนแม่นบ่อนหลัง นั้นเด้อท่าน แต่นั้นบารสท้าว สะเทือนใจเหลืออนาถ จสิคับขาดเมี้ยน นำน้องอุษา บาสะอื้นฮ่ำไห้ รำพันนำชู้ฮัก อ้ายนี้หวังยึดเจ้า เอาน้องอยู่ชม ฮักถึกแล้ว ตรงใจของพี่ หวังสิได้ครองฮัก ดอมสุขนั่งเมืองบ้าน ยามเจ้าเขียนสารน้อย ใส่ทงหงส์ลอยล่อง คำสัญญาเฮาสอง ต่อกันหมายมั่น ถึงพระพ่อน้องห้าม ขัดขวางกะตามช่าง สองเฮาอดทนสู้ จั่งได้แม่นแต่งกัน หวังสิกลับเมืองบ้าน เอานางครองราชย์ อีกาลีแต่งเล่ห์ ให้ไกลน้องดุ้งดง พี่จำป๋าน้องไว้ ให้หมู่อีใจเสือ ให้มันรุมด่าตี ฆ่านางเถิ่งป้อย บ่แม่นเจ็บแต่กายเจ้า เจ็บใจแถมตื่ม อ้ายมาสมเพชน้อง คีงไข้หล่าเหลือง
๓๓ ย้อนว่าฮักอวนอ้าย ซื่อตรงบ่มีเบี่ยง เจ้ามาตายจากจ้อย อ้ายสิยั้งอยู่จั่งใด๋ แม่นน้องหนีเมือฟ้า พี่สิอยู่ไปหยัง พี่สิกลั้นใจตาย ตามนงนางน้อย พี่สิหมายเอาฟ้า เมืองบนเป็นที่ ประนมมือลาเฒ่า สองเจ้าให้อยู่เย็น ลูกขอลาท่อนไท้ พระพ่อเหนือหัว อีกทั้งองค์มารดา ลูกขอลาไปแล้ว แล้วสำรวมใจมั่น จิตแตกสะเด็นหงาย ท้าวกะมรณาตาย คู่นงนางน้อย ยุติกาบั้น อุษาบารส เรื่องนี้มีปรากฏ ถิ่นอุดรฯ ไทยนั้น คั่นว่าท่านบ่แจ้ง ให้ไปเบิ่งบ้านผือ หออุษาล่ำลือ วัดพ่อตา ลูกเขยนั้น ยังญืนค้ำ อนุสรณ์คนใหม่ เตือนใจเจ้า เฮานั้นให้เฮ็ดดี เด้อท่านเด้อ
บรรณานุกรม ฤดีมน ปรีดีสนิท. ๒๕๔๑). มองตำนานอ่านอดีต. เอกสารของศูนย์ศิลปวัฒนธรรม สถาบันราชภัฎอุดรธานี. โมฬี ศรีแสนยงค์. (๒๕๔๙). การวิเคราะห์วรรณกรรมเพื่อบทแสดงพื้นบ้านอีสาน เรื่องอุษา-บารส. (งานวิจัย ไทยคดีศึกษา). มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาสารคาม.
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: