บทที่ 4 ระบบบัส (Bus System) BUS หมายถึง ชองทางการขนถายขอมูลจากอุปกรณหน่ึงไปยังอุปกรณหน่ึงของระบบคอมพิวเตอร เพราะการทํางานของระบบคอมพิวเตอร CPU จะตองอานเอาคําส่ังหรือโปรแกรมจากหนวยความจํา มาตีความและทําตามคําสั่งนั้นๆ ซ่ึงในบางคร้ังจะตองอานขอมูลจากอุปกรณอ่ืนๆเพื่อใชประกอบในการทํางาน หรือใชในการประมวลผลดวยผลลัพธของการประมวลผล ก็ตองสง ไปแสดงผลทยี่ งั จอภาพ หรอื เครอ่ื งพมิ พหรืออุปกรณอ ื่นๆ ระบบ BUS ทางกายภาพ คือสายทองแดงท่ีวางตัวอยูบ นแผงวงจรของเครื่องคอมพิวเตอร ที่เชื่อมโยงกับอุปกรณตางๆ ความกวางของระบบบัส จะนับขนาดขอมูลที่ว่ิงอยูโดยจะมีหนวยเปนบิต (BIT) บนเครื่องไมโครคอมพิวเตอร บัสจะมีความกวางหลายขนาด ข้ึนอยูกับรุนของเคร่ืองพีซีเชน บัสขนาด 8 บิต 16 บิต และ 32 บิต โดยปจจุบันจะกวาง 16 บิต บัสย่ิงกวางจะทําใหการสงถายขอมูลจะทําไดค ร้งั ละมากๆ จะมผี ลทําใหค อมพวิ เตอรเครื่องนน้ั ทํางานไดเร็วตามไปดวย ระบบบัส ขนาด 16 บิต ก็คือระบบการสงถายขอมูลพรอมๆกันในคราวเดียวกันไดถึง 16บิต และบัส 32 บิต ยอมเร็วกวาบัส 16 บิต ในระบบบัสที่สงขอมูลไดจํานวนเทาๆกัน นั้นก็ยังมีบางอยางท่ีทําใหการสงขอมูลมีความแตกตางกัน ดังท่ีเราจะเห็นวาเคร่ืองพีซีของเราในปจจุบันจะมีระบบบสั อยหู ลายขนาด เชน ISA, EISA, MCA, VLPCI เปนตน ท้ัง ISA, PCI, AGP, VLPCI ลวนแตเปน CARD เพ่ิมขยาย (EXPANSION CARD) ซ่ึงนํามาตอกับระบบบัสเพิ่มขยาย (EXPANSION BUS) ที่จะชวยเพ่ิมประสิทธิภาพ และชวยเพ่ิมขีดความสามารถใหกับคอมพิวเตอรระบบบัสเพ่ิมขยายน้ัน จะชวยใหเราสามารถปรับแตง หรือเพิ่มขยายความสามารถของระบบ โดยผานทาง PLUG-IN BOARD หรือเรียกวา เปน CARD เพิ่มขยายEXPANSION CARD เชนเมื่อตองการใหเครื่อง COMPUTER มีเสียง อยากใหคอมพิวเตอรเลนเพลงไดก็ตองหาซื้อ SOUNDCARD และลําโพงมาตอเพ่ิม โดยแคนํามา PLUG ลงในEXPANSION SLIT บน MAINBOARD และทําการ CONFIG ก็สามารถใชงานได โดยไมจาํ เปน ตอ งเดนิ สายไฟ รอื้ MAINBOARD ใหย งุ ยาก ระบบบัสเพิ่มขยายนี้มีใชมานานแลว โดยสมัยแรกๆท่ีทําการลดขนาดเมนเฟรม เปนMINICOMPUTER บริษัท DIGITAL EQUIPMENT CORPORATION หรือที่รูจักกันในนาม DECไดวางตลาด MINICOMPUTER ลักษณะ BUS-ORIENTED DESIGN ซ่ึงประกอบไปดวยแผงวงจรยอยๆบน BOARD นํามาประกอบรวมกัน ตอมา เคร่ืองจักรท่ีไดรับยกยองวาเปน PC(PERSONAL COMPUTER) เครื่องแรกก็ไดถือกําเนิดขึ้น เปนผลงานของ ED ROBERTS โดยใหช่ือวา ALTAIR (อัลแตร) ซ่ึงลักษณะของเคร่ืองน้ี จะเปนลักษณะ SINGLE BOARD MACHINE
กลาวคือมีเพียง BOARD เปลาๆ ซ่ึงมี SLOT เพิ่มขยายใหจํานวนหน่ึง และตัว CPU เองรวมทั้งหนวยความจําหลัก (MAIN MEMORY/RAM) ก็อยูบน BOARD เพ่ิมขยายที่นํามา PLUG บนSLOT นั้นๆน่ันเอง โดยระบบบัสท่ีใชเรียกวา S-100 หรือ ALTAIR BUS (IEEE 696) ซ่ึงก็ใชเปนมาตรฐานในวงการน้ีมานานหลายป แตก็ใชวาเคร่ืองทุกๆเครื่องจะตองใช ALTAIR BUS น้ี เพราะทาง APPLE เองก็ออกมาตรฐานของตัวเองข้ึนมา เรียกวา APPLE BUS และทาง IBM เอง ก็ไดกําหนดมาตรฐาน PC BUS ขน้ึ มาพรอ มๆกบั การ IBM PC ตน แบบพ้นื ฐานระบบบัส (Bus) การทํางานของระบบคอมพิวเตอร ถาเปรียบเทียบกับระบบโครงสรางรางกายของมนุษยเรานาจะเปรียบเทียบไดงายและเห็นภาพชัดเจน เพราะอยางนอยคนเราสวนใหญคงจะพอรูระบบโครงสรา งการทํางานของรางกายของเราเองอยบู า งไมมากกน็ อยละดังน้ันระบบการทํางานของบัสก็จะคลายกับเสนเลือดในรางกายของมนุษยนั่นเอง สําหรับทําหนาสงถายกระแสเลือดไปหลอเล้ียงสวนตางๆของรางกาย ซ่ึงกระแสเลือดในระบบคอมพิวเตอรก็คือขอ มลู (Data) นน่ั เอง บสั คอื ทางเดิน หรอื ชองทางระหวางอุปกรณต างๆที่ใชในการติดตอสอื่ สารภายในคอมพิวเตอร บัสทถ่ี กู เรยี กเฉพาะตามวตั ถปุ ระสงคก ารใชง านมตี วั อยา งดังนี้• Processor Bus• System Bus• Frontside or Gunning Transceiver Logic plus (GTL+) Bus• Main Memory Bus• Host Bus• Local Bus• Internal Bus• External Busสว นประกอบของ System Bus มดี ังนี้• Address Bus• Data Bus• Control Bus
โครงสรางของบัสแอดเดรสบัส (Address Bus) ใชส ําหรบั• ถายโอนตน ทาง (Source) และปลายทาง (Distination) ของการสง ขอมลู บน Data Bus• ชีต้ ําแหนงของหนว ยความจําที่ระบโุ ดย Microprocessor, Bus Masters หรือ Direct MemoryAccess (DMA) Controller ขนาดของแอดเดรสบัสแยกตามชนดิ ของโพรเซสเซอรโพรเซสเซอร จาํ นวนเสน ของแอดเดรสบัสอางหนว ยความจาํ สงู สุด80286 24 16 MB80386 และ 80486 32 4 GBPentium 32 4 GBPentium Pro 36 64 GBPentium II และ III 36 64 GBPentium II Xeon and II Xeon 36 64 GBอักษรท่ีใชอางถงึ แอดเดรสบสั คือ A เชน A0-A35 เปนตนดาตาบสั (Data Bus) คอื ทางเดนิ สาํ หรับรบั -สงขอ มลู ระหวางโพรเซสเซอร (Processor) กับหนวยความจาํ (Memory) หรอื หนว ยความจาํ กบั อปุ กรณอินพทุ เอาทพ ุท (I/O)
ขนาดของแอดเดรสบัสแยกตามชนิดของโพรเซสเซอรโพรเซสเซอร ขนาดของดาตา บัส80286 16 บิต80386 และ 80486 32 บิตPentium และ Pentium Pro 64 บติPentium II และ III 64 บติPentium II Xeon และ III Xeon 64 บิตอักษรที่ใชอา งถงึ ดาตา บสั คอื D เชน D0-D63 เปน ตนคอนโทรลบัส (Control Bus) คอื ทางเดนิ สาํ หรับสญั ญาณควบคมุ การทํางานของสว นตา งๆระหวา งโพรเซสเซอรกบั หนว ยความจําและอปุ กรณอินพุทเอาทพ ุทตัวอยางเชน• W/R - Write/Read• IRQ - Interrupt Requests• BCLK - Bus Clock• DRQ - DMA Requestsการทํางานของระบบบสั ในเครอ่ื งพีซี ในระบบไมโครคอมพิวเตอร การสงถายขอมูลสวนมากจะเปนระหวางไมโครโปรเซสเซอรกับอปุ กรณภายนอกทงั้ หมด โดยผา นบสั ในไมโครโพรเซสเซอรจ ะมบี สั ตา งๆ ดังนค้ี อื บัสขอ มลู (DATA BUS) คือบัสท่ี ไมโครโพรเซสเซอร (ซพี ีย)ู ใชเปนเสนทางผา นในการควบคุมการสงถายขอมูลจากตัวซีพียูไปยังอุปกรณภายนอกหรือรับขอมูลจากอุปกรณภายนอก เพื่อทําการประมวลผลทีซ่ ีพยี ู บัสรองรับขอมูล (ADDRESS BUS) คือบัสที่ตัวซีพียู เลือกวาจะสงขอมูลหรือรับขอมูลจากอุปกรณไ หนไปที่ใดโดยจะตอ งสงสญั ญาณเลอื กออกมาทางแอดเดรสบัส บัสควบคุม (CONTROL BUS) เปนบสั ทีร่ ับสัญญาณการควบคมุ จากตัวซีพียูโดยบัสควบคุม เพ่ือบังคับวาจะอานขอมูลเขามา หรือจะสงขอมูลออกไป จากตัวซีพียู โดยระบบภายนอกจะตอบรับตอสัญญาณควบคมุ นัน้ ไมโครโพรเซสเซอรไ มใชจ ะควบคุมการทํางานของบัสทั้งหมด บางกรณใี นการสงถา ยขอมลูภายนอกดว ยกนั เอง ผา นบสั ไดเ ปนกรณีพเิ ศษเหมือนกนั เชน การอานขอมลู จากหนว ยความจาํสํารองขนาดใหญ สามารถสงผานมายงั หนว ยความจําหลกั ไดโ ดยไมผา นไมโครโพรเซสเซอรเลย ก็โดยการใชขบวนการทีเ่ รยี กวา ขบวนการ DMA (DIRECT MEMORY ACCESS)
บทบาทของระบบบสั บัสเปน เสนทางหลกั ของคอมพวิ เตอรใ นการเชื่อมโยงการด ขยายทุกชนดิ ไปยงั ไมโครโพรเซสเซอร บสั ความจริงกค็ ือ ชดุ ของเสน ลวดทว่ี างขนานกันเปน เสน ทางวงจรไฟฟา เปรียบเทยี บเหมือนถนนทม่ี ีหลายชอ งทางจราจร ยิ่งมชี อ งทางจราจรมาก ก็ยิง่ ระบายรถไดม ากและหมดเร็ว เมื่อเราเสยี บการด ลงชอ งเสียบบนแผงวงจรหลัก (สลอ ต) ก็เทากับวา ไดเ ช่ือมตอการด นน้ั เขา กบั วงจรบัสโดยตรง จดุ ประสงคหลกั ของบัสกค็ อื การสงผานขอ มูลไปและกลับ จากไมโครโพรเซสเซอรห รือจากอุปกรณห นงึ่ โดยทางคอนโทรลเลอร DMA การด ทุกตวั ที่เสียบอยูบ นสล็อตของแผงวงจรหลกั จะใชเสน ทางเดนิ ของบัสอนั เดยี วกัน ดังน้ันขอ มลู ตางๆจงึ ถูกจัดระบบและควบคมุ การสง ผานในระบบจะพบวาบัสแบงไดเปน 4 สว นใหญๆดงั นี้ 1. สายไฟฟา (POWER LINE) จะใหพ ลงั ไฟฟา กับการดขยายตางๆ 2. สายควบคุม (CONTROL LINE) ใชส ําหรับสง ผานสญั ญาณเวลา (TIMING SIGNS) จากนาฬิกาของระบบ และสงสัญญาณอนิ เตอรรัพต 3. สายแอดเดรส (ADDRESS LINE) ขอมลู ใดๆทจ่ี ะถูกสงผา นไป แอดเดรสเปาหมายจะถกู สงมาตามสายขอมลู และบอกใหต าํ แหนงรบั ขอมลู (แอดเดรส) รวู า จะมีขอ มลู บางอยา งพรอ มท่จี ะสงมาให 4. สายขอ มลู (DATA LINE) ไมโครเมตรจะตรวจสอบวา มีสญั ญาณแสดงความพรอ มหรอื ยัง(บนสาย I/O CHANNEL READY) เมอ่ื ทกุ อยา งเปนไปดว ยดี ขอมูลกจ็ ะถูกสงผานไปตามสายขอมูล จาํ นวนสายทรี่ ะบุถงึ แอดเดรสของบสั หมายถึง จาํ นวนของหนวยความจาํ ทอี่ างแอดเดรสไดทั้งหมด เชน สายแอดเดรส 20 สาย สามารถใชหนว ยความจําได 1 เมกะไบต จาํ นวนของสายบสั จะหมายถึงบสั ขอ มลู ซึ่งก็คือขอมลู ทั้งหมดทส่ี งผานไปในบสั ตามกฎที่ต้ังไว ความเร็วในการทาํ งานที่เหมาะสมจะเปนไปไดก ็ตอเมอ่ื จํานวนสายขอ มลู เพยี งพอกบั จาํ นวนสายสงขอ มลู ของไมโครโพรเซสเซอร จาํ นวนสายสงขอ มลู มกั จะระบุถงึ คุณสมบัติของบัสในเครื่องพีซนี ้นั ๆ เชน บัส 16 บติหมายถงึ บสั ทีใ่ ชส ายขอมลู 16 สายนั่นเองระบบบัสแบบตางๆ เปนสถาปตยกรรมที่ทําใหขอมูลไหลไดอยางรวดเร็ว คลองแคลว ระหวางจุดหมายปลายทางท้ังสอง การเปรียบเทียบ บัสขอมูลกับไฮเวยจะเห็นภาพไดชัดในขณะท่ีไฮเวยมีชองทางมากก็จะใหรถไปไดมาก ดังนั้นบัสท่ีกวางกวาก็สามารถรับขอมูลไดมากกวา เม่ือชองทางของไฮเวยวัดเปนชองทาง บัสอุปกรณพวงตอของพีซีก็วัดเปนบิต เชน พีซีเกา หรือ XT จะใชบัสแบบ 8 บิต ก็คือขอมูลจะเคลอ่ื นจากท่ีหนงึ่ ไปอกี ทห่ี นงึ่ ภายในเครอื่ งพซี ี รุน เกา ได 8 บิตตอครงั้
ในชวงเวลาของเครื่อง AT และโพรเซสเซอร 286 ผูใชพีซีตองการส่ิงท่ีเร็วกวา ดังนั้นจึงเกิดส่ิงท่ีเราเรียกกนั ในทุกวันนว้ี า บัส ISA บสั ทีธ่ รรมดา และจะสามารถเคล่อื นขอมูลไปจากอุปกรณพวงตอแบบเดียวกับบัส 8 บิต แตมันจะเคลื่อนจากที่ขอมูลเปน 16 บิตตอคร้ัง ดังนั้นบัสนี้จึงถูกเรียกวา บัสแบบ 16 บิต การเคลอื่ นทขี่ องบสั ขอมลู ทบ่ี สั ไมส ามารถรับเพ่มิ ไดอกี และไมสามารถเคลื่อนท่ีขอมูลไดเร็วขึ้นจะเกิดเงื่อนไขท่ีรูจักกันในชื่อวา การอิ่มตัว (ASTURATION) และมักจะเกิดขึ้นในพีซีดวย ถาพยายามท่ีจะเคลื่อนขอมูลมากเกินไป จากที่หนึ่งไปท่ีอ่ืน (จากแรมไปซีพียู จากดิสกไปแรม จากซีพียูไปการแสดงผล หรือ อ่ืนๆ) มีอีกคําหนึ่งคือแบนวิดซ (BANDWIDTH) หรือชวงกวางแถบความถี่ ที่จริงก็คือ คาวัดของจํานวนขอมูลท่ีสามารถสงไปตามบัสท่ีเวลาใดๆเปรียบเหมือนการวัดปรมิ าณน้าํ ทผี่ า นไปยงั หวั ฉดี รดนา้ํ ถาจะเพิ่มขนาดของหวั ฉดี รดนํ้า เชน จาก 8 บติ เปน 16 บิต หรือแรงดนั ในทอ ฉดี จาก 8 MHz เปน 33 MHz ก็ไมส ามารถจะเคล่ือนน้ําใหผ านไปมากข้ึนไดคุณสมบตั ิชนดิ ตา งๆPC BUS เม่ือ IBM ไดทําการเปดตัว IBM PC(XT) ตัวแรกซึ่งใช CPU 8088 เปน CPU ขนาด 8 BIT ดังนั้นเคร่ืองคอมพิวเตอรเครื่องนี้ จึงมีเสนทางขอมูลเพียง 8 เสนทาง (8 DATA LINE) และเสนทางท่ีอยู20 เสน ทาง (20 ADDRESS LINE) เพ่ือใชในการอา งตาํ แหนงของหนว ยความจํา CARD ท่ีนํามาตอกับ PC BUS น้ันจะเปน CARD แบบ 62 PIN ซ่ึง 8 PIN ใชสําหรับสงขอมูลอีก20 PIN ไวสําหรับอางตําแหนงของหนวยความจํา ซึ่ง CPU 8088 นั้น สามารถอางอิงหนวยความจําไดเ พยี ง 1 เมกะไบตซ่ึงในแตละ PIN นั้นสามารถสงขอมูลไดเพียง 2 คา คือ 0 กับ 1 (หรือ LOW กับHIGH) ดงั น้นั เมอ่ื ใช 20 PIN กจ็ ะอา งอิงตําแหนง ไดท่ี 2 คูณกัน 20 ครัง้ (หรือ 2 ยกกําลัง 20) ซึ่งก็จะไดเทากับ 1 MEGABYTE พอดี สวน PIN ท่ีเหลือก็ใชเปนตัวกําหนดการอานคา วาอานจากตําแหนงของหนวยความจํา หรือตําแหนงของ INPUT/OUTPUT หรือบางสวน PIN ก็ใชสําหรับจายไฟ +5ม -5ม +12 และสาย GROUND สายดิน) เพื่อจายไฟใหกับ CARD ท่ีตอพวงบน SLOTของ PC BUS นั่นเอง และยังมี PIN บางตัวท่ีทําหนาที่เปนตัว RESET หรือเปนตัว REFRESH หรือแมก ระทวั่ CLOCK หรอื สัญญาณของระบบนัน่ เอง ระบบ BUS แบบ PC BUS นี้มีความกวางของ BUS เปน 4.77 MHz และยังสามารถสงถายขอมูลดว ยความเรว็ สูงสุดที่ 2.38 MB ตอวินาทีVISA BUS ในยุดของ PC AT หรือต้ังแต CPU รุน 980286 เปนตนมาไดมีการเปลี่ยนขนาดของ เสนทางขอมูลจาก 8 BIT เปน 16 BIT ทําให IBM ตองมาทําการออกแบบระบบ BUS ใหมเพ่ือใหสามารถสงผานขอมูลที่ละ 16 BIT ไดแนนอนวา การออกแบบใหมน้ันก็ตองทําใหเกิดความเขากันไดยอนหลังดวย (COMPATBLE) กลาวคือ ตองสามารถใชงานกับ PC บัส ไดดวย เพราะถาหาก
ไมเ ชน นน้ั แลว ก็คงจะขายออกยาก ลองคิดดูวา ถาหากออก PC AT ท่ีใชระบบบัสใหมทั้งหมด และไมเ ขา กนั กับ PC XT ทอ่ี อกมากอ นหนา นน้ั ได เครอ่ื ง PC AT น้นั ๆอนาคตกค็ งขายไมไ ด ปญหาน้ีทาง IBM ทําการแกไขไดดีทีเดียว กลาวคือไดทํา SLOT มาตอเพ่ิมจาก PC BUS เดิมอีก36 PIN โดยที่เพิ่มเสน ทางขอ มูลอีก 8 PIN รวมแลว กจ็ ะเปน 16 PIN สําหรบั สงขอ มลู คร้ังละ 16 BITพอดี และเพ่ิม 4 PIN สําหรับทําหนาที่อางตําแหนงจากหนวยความจํา ซ่ึงก็จะรวมเปน 24 PIN และจะอางไดมากถึง 16 Meg. ซึ่งก็เปนขนาดของหนวยความจําสูงสุดท่ี CPU 80286 นั้นสามารถที่จะอางได แตอ ยา งไรกต็ ามการอา งตําแหนง ของ I/O PORT นัน้ ก็ยงั ถูกกําหนดไวท ่ี 1024 อยดู ี เน่อื งจากปญ หาการเขากนั ไดกบั PC BUS นอกจากน้ี PIN ทเี่ ขามายังชวยเพิม่ การอา งตําแหนง DMA และคา ของ IRQ SLOT แบบใหมนี้เรียกวาเปน SLOT แบบ 16-BIT ซึ่งตอมาก็เรียกกันวาเปน AT BUS แตเราจะรูจักกันในนาม ISA BUS มากกวาโดยคําวา ISA มาจากคําเต็มวา INDUSTRY STANDARDARCHITECTURE รปู แสดงรปู รา งของ ISA BUS แสดงตาํ แหนงของทง้ั 8 BIT และ 16 BIT เราสามารถนํา CARD แบบ 8 BIT มาเสียบลงชอง 16 BIT ได เพราะใชสถาปตยกรรมเหมือนๆกัน จะตา งกันกต็ รงท่ีเพม่ิ มา สาํ หรับ 16 BIT เทาน้ันซ่ึงจะใช (ในกรณีที่ใช CARD 16 BIT)หรือ ไมใ ช (ในกรณีที่ใช CARD 8 BIT) กไ็ ด ระบบบัส แบบ ISA BUS น้ีมีความกวางของ BUS เปน 8 MHz และสามารถสงถายขอมูลดวยความเร็วสูงสุดท่ี 8 MB ตอวินาที ในป 1985 ทาง COMPAG ไดประกาศเปดตัว COMPUTER ของตน ในรุน 286/12 โดย 12 น้ันหมายถึงความเรว็ คอื 12 MHz ซึง่ ขณะนัน้ IBM มีแค 286 ท่ที าํ งานดวยความเรว็ 8 MHz
ในขณะน้ัน ความเร็วจาก 8 MHz ไป 12 MHz นับวาสูงมากๆเลย เพราะเพิ่มขึ้นมาอีก คร้ังหน่ึงเลยทีเดียว (ถาเทียบกับสมัยน้ีก็เหมือนๆกับจาก PENTIUM II 300 ไปเปน PENTIUM II 450นนั่ เอง) ซงึ่ แนน อน BUS ของระบบ กต็ องทาํ งานที่ 12 MHz ตามไปดว ย แลวปญหากเ็ กดิ ขนึ้ ) ISA BUS นั้นเราทราบแลววามันทํางานที่ 8 MHz ถานํามันมาทํางานที่ 12 MHz จะทําใหเกิดปญหาท่ีสําคัญขึ้น เพราะหากวา CPU ทํางานไดเร็วจริง แตไมสามารถใช CPU ไมได ก็แยกการใชนาฬิกา ของระบบบัสออกจาก CPU ไปเลย โดยท่ี CPU และอุปกรณอ่ืนๆ บน MAINBOARD จะทํางานที่ความเร็ว 12 MHz แตที่ตัว BUS เองจะทํางานคงที่ที่ 8 MHz เพราะใชสัญญาณนาฬิกาแยกจากกัน ซงึ่ วิธกี ารนี้กเ็ ปน วธิ ีแกซง่ึ กใ็ ชก ันจวบจนปจ จบุ ันนี้ แตใ นสมัยน้ัน หนวยความจําหลักหรือ RAM จะอยูบน EXPANSION CARD ที่อยูกับ IAS BUSดวยเพราะฉะน้ัน มันก็เลยทํางานดวยความเร็วเพียง 8 MHz เทานั้น และตอๆมาย่ิงมี CPU ขนาด 16MHz หรือ 24 MHz ในยุดของ 386 ดวยแลว RAM กจ็ ะทาํ งานดว ยความเรว็ เพยี งแค 8 MHz เทาน้นั ทาง COMPAQ จึงไดทําการแกไขอีกคร้ัง ซ่ึงในตนป 1987 ทาง COMPAQ ก็ไดวางตลาดCOMPAQ DESKPRO 386 ที่ความเร็ว 16 MHz โดยคราวนี้ก็แยกสัญญาณนาฬิกาของ RAMออกไปดวย ซ่ึงก็เปนตนแบบสําคัญที่ใชกันตอมาในปจจุบันน้ีโดยให ISA BUS ทํางานที่ความเร็วคาหน่ึง RAM อีกคา หนึ่ง และ CPU อกี คาหนง่ึMCA BUS ท้ัง IBM และ COMPAQ น้ันเปนคูแขงทางการคากัน ดังน้ันเร่ืองที่จะให COMPAQ อยูเหนือตนเองสําหรับ IBM นั้นเปนไปไมได ทาง IBM จึงไดออกมาตรฐานระบบบัสของตนใหม เรียกวาMICRO CHANNEL AECHITECTURE หรือ MCA เมือ่ ระบบบัสไดมีการแขงกนั กนั ขน้ึ แนนอน ระบบที่ถูกนํามาเปรียบเทียบ คือ ISA ซึ่งก็มีการจับตามองวาทาง IBM น้ันจะหาแกไขจุดออนของ ISA BUS ของตนอยางไร ซ่ึงวิศวการของทาง IBMนั้นมองในมมุ ท่ีแตกตางจากคนอน่ื ๆ เม่ือ INTEL ไดเปด CPU ของตนรุน 80386 ซ่ึงเปน CPU ขนาด 32 BIT สามารถอางตําแหนงหนวยความจําไดมากถึง 4 GIGABYTE โดยมีความเร็วเร่ิมตนที่ 16 MHz ซ่ึง ISA BUS ดูจะไมเหมาะแลว กับ CPU ระดบั น้ี บรรดาผใู ช PC ตางก็มองกนั วาทางออกท่ดี ี คือควรจะมรี ะบบบสั ใหมท่ีสามารถรองรบั ในจุดน้ไี ด จากการที่วิศวกรของ IBM มองในจุดท่ีแตกตางจากคนอื่นๆ ท่ัวไป เพราะแตเดิมน้ัน IBM จับตลาด MAINFRAME มากอน ทําใหวิศวกร IBM ถนัดกับ MAINFRAME มากกวา ทําใหวิศวกรเหลานั้นมองวา PC ก็ควรจะทํางานแบบหลายๆ TASK พรอมๆกันได (MULTIPLE TASK)ประกอบกบั IBM ตอ งการทีจ่ ะใหภาพพจน MAINFRAME ของตน ดูมีประสิทธิภาพสูงกวา PC จึงไมคอ ยไดเพ่ิมหรอื เปล่ียนแปลงขดี ความสามารถใหกับระบบบสั ใหมใ หเดนกวา เดมิ มากนกั จุดเดน และจุดดว ยของ MCA เรม่ิ จากจุดเดนของ MCA กนั กอ น
- MCA น้ันใชตัวควบคุม BUS ของตัวเองแยกจาก CPU เรียกวา CENTRAL ARBITRATIONPOINT และการสงผานขอมูลทําโดยผานระบบที่เรียกวา BUS MASTER ซึ่งชวยใหการสงผานขอมูลระหวาง CARD ตางๆกับหนวยความจําหลักไดอยางรวดเร็ว และยังชวยในการสงผานขอมูลระหวา ง CARD อกี ดวย - สามารถกําหนดคาตางๆ ท้ัง IRO, DMA, PORT ผานทาง SOFTWARE ได โดยไมตองไปยุงเก่ียวกับ JUMPER หรือ DIRSWITCH บน CARD เลยโดยคาตางๆ สามารถ SET ผานทางPROGRAM เพียงตัวเดยี วกส็ ามารถ SET ไดกับทุกๆ CARD ท่ีใชก บั MCA - สามารถแชร IRQ รวมกันได ซ่ึงนี่เปนปญหาสําคัญเร่ืองหนึ่ง เพราะ IRQ มีจํานวนจํากัด แตก็อยากมี CARD เพิม่ มากๆ IRQ ก็อาจไมเ พียงพอ MCA สามารถแชรก ารใชง าน IRQ รวมกันระหวางCARD อนื่ ๆได - ทํางานที่ 10 MHz สนับสนุนเสนทางขอมูลทั้ง 16 BIT และ 32 BIT ซ่ึงสามารถใหอัตราการสงถายขอมูลไดสูงสุดถึง 20 MEG. ตอวินาที และดวยความกวางของเสนทางตําแหนงของ 32 BIT ก็สามารถอา งตําแหนงบนหนว ยความจาํ ไดถึง 4 GIGABYTE จดุ ดอยของ MCA - ความไมเขากันกับ ISA BUS เพราะ IBM น้ันไดออกแบบ MCA มาใหมท้ังหมด ทําใหไมเขากันกับ ISA เลยแมแตนอย แนนอนระบบบัสแบบ MCA นี้ไดนํามาใชบน IBM PS/2 ของ IBM เองดังนั้นในเครื่อง PS/2 น้ีก็จะไมมี ISA และ CARD ISA ก็ไมสามารถนํามาใชกับ PS/2 ไดนี่เปนปญหาสาํ คัญ - และปญหาท่ีหนักสุดคือ ทาง IBM นั้นไดจดลิขสิทธิ์ในเร่ืองของ MCA เอาไวดวย ดังนั้นผูที่จะผลิต CARD แบบ MCA เพ่ือมาใชก ับ BUS แบบ MCA ของตนก็ตอ งเสียคา ลขิ สิทธิใ์ หด วย (เปน เงนิ5% ของรายไดจากการขาย CARD นั้น) ตอมาภายหลังไดมีการเพิ่มขีดความสามารถเขาไปอีก คือเรื่องของ STREAMING DATA MODE ซ่ึงทําใหใชเสนทางขอมูลไดถึง 64 บิต และสามารถเพ่ิมอัตราการสงผานขอมูลไดถึง 80 M/s และยังไดเพิ่มสัญญาณนาฬิกาไปเปน 20 MHz ซ่ึงจะสามารถทาํ ใหัอัตราสง ถายขอ มูลสูงสดุ ท่ี 160 M/s ดว ยEISA BUS เปนบัสที่สรางขึ้นจากกลุมผูขาย 9 บริษัท นําโดยบริษัท COMPAG สรางขึ้นเพื่อสูกับสถาปตยกรรมไมโครแซนแนลของ IBM EISA น้ันใชพ้ืนฐานหลักมาจาก ISA แตไดเพ่ิมขีดความสามารถบางอยางข้นึ ซ่ึงบางอยางก็พัฒนามาจาก MCA ดวย ซ้ํายังเขากันไดกับ ระบบ ISA รุนเกาดวย และเสียคา ลิขสิทธ์นิ อยกวา ทจี่ ะตองขา ย IBM อกี ดว ย บัส EISA รันที่ 8 MHz แตออกแบบใหกวางกวา 32 บิต หมายความวา แบนดวิดธ ของมันเปน33 MHz ตอวินาที ผานบัสภายใตเง่ือนไขท่ีดีท่ีสุด บัส EISA มีปญหาการแอดเดรส และปญหาหน่ึงท่ีทําใหเลิกพัฒนาอุปกรณไมโครแแซนเนล คือการคอมแพตทิเบิลยอนหลัง คือถาซื้อคอมพิวเตอร
ใหมแบบไมโครแซนเนลจาก IBM เราจะตองซื้อการดอุปกรณพวงตอเปนรุน MCA ท้ังหมด ซ่ึงรวมถึงคอนโทรลเลอรของดิสก การดแสดงผลโมเด็ม และอ่ืนๆในทางตรงกันขาม ขอกําหนดของEISA จะเรียกใชคอนเน็กเตอรท่ียอมรับการด EISA หรือ การด ISA อนุญาตใหมีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณบางตัว หรือทั้งหมดของเครื่องเกามาเคร่ืองใหมได สล็อตของ EISA จะทําจากพลาสติกสีนาํ้ ตาล จุดเดนและจุดดอ ย ของ EISA - ใชเ สนทางขอ มูลขนาด 32 BIT ซึ่งทําใหม ีอัตราการสงผานขอ มูลไดถึง 33 Meg ตอ วินาที - อางหนวยความจําไดถึง 4 GIGABYTE - ดึงเอาความสามารถเดนๆ ท้ัง BUS MASTERING,AUTOMATED SETUP และ INTERRUPT SHARINGT จาก MCA และพัฒนามาเปนแบบฉบับของตน ดังนั้นจึงสามารถปรับแตงคาตางๆ ทั้ง IRQ, DMA และ PORT ผานทาง SOFIWARE โดยไมต อ งไปยุง เกย่ี วกบั JUMPER หรือ DIPSWITCH ได - ใชสัญญาณนาฬิกาที่ 8.33 MHz เทานั้น ซึ่งตรงน้ีเองที่เปนจุดดอยของมัน แตที่ตองใชเพียงเทานีก้ เ็ พ่อื คงความเขา กันไดกบั ระบบ ISA แบบเกา - ไมมีการเพิ่ม IRQ และ DMA เพราะใชร ว มกนั ได - เมื่อ IBM เห็นเชนน้ัน จึงไดทําการเพ่ิม FEATURE ใหกับ MCA ซึ่งทําใหอัตราการสงถายขอมูลเพ่ิมไดถึง 160 M/s และทาง WATCHZONE ไดทําการพัฒนา EISA ขึ้นเปน EISA-2 ซ่ึงมีอัตราการสง ถายถึง 132 M/sLOCAL BUS ระบบบัสเหลาน้ีแตเดิมเรียกวา เปน PRIVATE BUS เพราะใชเปนการสวนตัวเฉพาะบริษัทเทานั้น แตตอมาก็เรียกวาเปน LOCAL BUS หรือ BUS เฉพาะท่ี เพราะใชสัญญาณนาฬิกาเดียวกับCPU โดยไมต อ งพึ่งสญั ญาณนาฬิกาพิเศษแยกออกจาก CPU เลย ขอดขี องมันกค็ ือ สามารถใชสัญญาณนาฬกิ าเดยี วกันกับ CPU ในขณะน้ันได ซ่ึงก็มักจะนําไปใชกับหนวยความจาํ หลกั เพือ่ เพ่มิ ประสทิ ธภิ าพโดยรวมของระบบ แตก็มีการดแสดงผลอีกชนิดหน่ึงที่ตองการความไวสูง เชน DISPLAY CARD ซึ่งหากมีการเขาถึงและสงถายขอมูลระหวาง CPU กับDISPLAY CARD ไดเร็วแลว ก็จะชวยลดปญหาเรื่อง REFRESH RATE ต่ํา เพราะ CPU จะตองทําการประมวลผลและนํามาแสดงผลบนจอภาพ ยิ่งหากวามีการใช MODE RESOLUTION ของจอภาพสูงๆ และเปน MODE GRAPHICS ดวยแลว CPU ก็ยิ่งตองการการสงถายขอมูลใหเร็วข้ึนเพอ่ื ภาพทีไ่ ดจ ะไดไมกระตกุ และไมกระพรบิ เนื่องจากระบบ LOCAL BUS นั้น จะชวยในการสงผาน และเขาถึงขอมูลไดเร็ว จึงไดมีบางบรษิ ัท นําเอาระบบ LOCAL BUS มาใชกบั DISPLAY CARD ดว ย ตอมาไดมกี ารกาํ หนดมาตรฐานระบบบัสน้ีขึ้นมา โดยกลุมที่ชื่อ VIDEO ELECTRONIC STANDARDS ASSOCIATION หรือVESA และไดเ รยี กมาตรฐานนน้ั วา VESA LOCAL BUS หรือเรยี กสัน้ ๆวา VL BUS ในป 1992
ระบบ VL BUS นั้น สามารถใชส ญั ญาณนาฬิกาไดสูงถึง 50 MHz ทั้งยังสนับสนุนเสนทางขอมูลทั้ง 32 BIT และ 62 BIT รวมถงึ อา งถึงตําแหนงหนวยความจาํ ไดส ูงถงึ 4 GIGABYTE อีกดวย แตอยางไรก็ตาม VL BUS ก็ไมเชิงวาเปนสถาปตยกรรมที่ดีนัก เพราะไมมีเอกลักษณ หรือคุณสมบัติพิเศษนอกเหนือไปจาก ISA มากนัก เพราะมันเหนือกับเพิ่มขีดความสามารถใหกับ ISAมากกวาที่จําเปนพัฒนาความสามารถใหกับ ISA เน่ืองจากมันก็ยังคงให CPU เปนตัวควบคุมการทํางานใช BUS MASTERING ไมได และยงั ไมส ามารถปรบั แตงคา ตา งๆผานทาง SOFTWARE ไดVL BUS โลคอลบัสแบบ VESA ออกแบบโดยกลุมที่ช่ือ VIDEO ELECTRONIC STANDARDSASSOCIATION หรือ VESA เปนการรวมมอื ของผูขายผลติ ภณั ฑ การแสดงผลและบริษัทท่ีเก่ียงกับดานกราฟประมาณ 120 แหง ลักษณะคอนเน็กเตอรเสียบของการดอุปกรณพวงตอแบบวีแอลบัสควรจําไววา คอนเน็กเตอรเสียบแบบมาตรฐาน ISA 16 บิต อยูดานขวาและมีคอนเน็กเตอรเพ่ิมแบบโลคอลบัสดานซาย ขอสําคัญที่ตองจําไววา การเพ่ิมสลอต โลคอลบัส เพียง 1 หรือ 2 สลอตใหกับระบบ ไมจําเปนวาจะสามารถปรับปรุงการทํางานของระบบไดจนไมนาเช่ือมันจะปรับปรุงการทํางานแตกับเพียงสวนประกอบท่ีออกมาโดยเฉพาะเทาน้ัน เชน เสียบการดแสดงผลท่ีไมใชการดเรงความเร็วในสลอต โลคอลบัส อาจมีผลทําใหการทํางานชาลงมากกวาเสียบการดเรงความเร็ววิโตรสล งในบัส ISA การออกแบบ VL BUS จะเรียกใชคอนเน็กเตอรที่เพ่ิมจากคอนเน็กเตอรของ EISA หรือ ISAความจริงผูขายสวนใหญที่ใสสลอต VL BUS ในเคร่ืองพีซีจะวางอยูขางๆ สลอต ISA หรือ EISAบนบอรดแม ลองใหรันท่ีความเร็วซีพียู และลองรับขอมูลแบบ 32 บิต ได VL BUS มีแบนดวิดธสงู สุด 133 เมกะไบตตอ วนิ าทลี ักษณะของ VL BUS ไมใชบ ัสท่อี อกแบบมาทดแทน ISA เหมอื นกบัที่ EISA และ MCA ไดพยายามมากอนและประสบความลมเหลว หากแตเปนบัสสวนขยายท่ีผูผลิตเพ่ิมเขาไปบนแผงวงจรหลักของรุนใหมๆ จะมีสลอตของ VL BUS ท่ีตอย่ืนออกมาจากสลอตเดิมของ ISA ซงึ่ อาจมีตง้ั แต 1-3 สลอ ต ตามแตล ะบรษิ ัทจะเปนผูผ ลติ ความเร็วในการถายโอนขอมูลใน VL BUS ไมไดกําหนดใหมีคาตายตัวเหมือนกับบัสแบบ ISAหรอื EISA หากแตม ีความเร็วตามความเรว็ ของซีพียูโดยตรง ขอจํากดั ของ VL BUS วีแอลบัสมีขอจํากัดสําคัญประการหนึ่งคือ จํานวนการดแอลบัส ท่ีจะเสียบใชงานไดจะขึ้นอยูกับความเร็วของซีพียูท่ีกําหนดของ VESA แลวผูใชสามารถเสียบการดเม่ือใชซีพียู 486 ที่ความเร็ว33MHz และตองลดกาํ หนดการดลงไป เม่ือใชซพี ียูท่มี ีความเรว็ สูงขน้ึ ท้งั น้เี พอื่ ความเพยี้ นของสัญญาณท่ีอาจเกิดขึ้นจนเกิดคาท่ียอมรับได และจะสงผลใหไมสามารถใชงานระบบ ยกเวนในกรณีที่แผงวงจรหลักไดร บั การออกแบบใหมีบัฟเฟอรสําหรับเก็บพักขอมูลอยูก็อาจเพิ่มการดไดมากขึ้นใช
กับซีพียูท่ีมีความเร็วสูงๆ แตทวาการใชกับบัฟเฟอรก็อาจมีขอเสียเน่ืองจากจะเปนตัวถวงความเร็วของซพี ียู จากการท่ีตอ งเพ่มิ สถานะการอคอย ซงึ่ ยอมสงผลใหสมรรถนะการทาํ งานลดลง ขอจํากัดของวีแอลบัส แนะนําวาไมควรติดตั้งการดเกินกวา 1 การด เมื่อใชซีพียูท่ีมีความเร็ว 40MHz และไมควรใชการดวีแอลบัส กับซีพียูที่มีความเร็ว 50 MHz เพราะการออกแบบ วีแอลบัสไมสามารถรบั อุปกรณทพ่ี วงตอ ใหเทา กับความเร็วของซีพียูท่เี กินกวา 40 MHz ได แผงวงจรหลักที่จําหนายในเมืองไทย โดยสวนใหญจะมีสลอตสําหรับ วีแอลบัสเพียง 2 สลอตซึ่งมักจะไมเปนปญหาสําหรับการใชงาน และโดยเฉพาะอยางยิ่ง การดแบบวีแอลบัสที่มีจําหนายโดยทัว่ ไปคอ นขา งจาํ กดั อยเู พียงการดจอภาพและการด ควบคุมดสิ กเทานั้นPCI BUS ระบบ PCI หรือ PERIPHERAL COMPONENT INTERCONNECT ก็เปน LOCAL BUS อีกแบบหนงึ่ ท่พี ัฒนาขน้ึ โดย INTEL โดยทแ่ี ยกการควบคมุ ของระบบบัส กบั CPU ออกจากกนั และสงขอมูลผานกันทางวงจรเช่ือมซึ่งจะมี CHIPSET ที่คอยควบคุมการทํางานของระบบบัสตางหาก โดยท่ี CHIPSET ที่ควบคุมน้ีจะเปนลักษณะ PROCESSOR INDEPENDENT คือไมขึ้นกับตัวPROCESSOR ตอมาเม่ือ INTEL เปดตัว CPU ใน GENERATION ท่ี 5 ของตน INTEL PENTIUM ซ่ึงเปนCPU ขนาด 64 BIT ทาง INTEL ไดทําการกําหนดมาตรฐาน ของ PCI เสียใหมเปน PCI 2.0 ซึ่ง PCI2.0 น้ีก็จะมีความกวางของเสนทางขอมูลถึง 64 BIT ซึ่งหากใชกับ CARD 64 BIT แลวก็จะสามารถใหอัตราเร็วในการสงผา นทสี่ ูงสุดถึง 266 M/s จดุ เดนของ PCI ที่เห็นไดชัดนอกเหนือไปจากท่ีกลาวขางตนก็ยังมีเรื่องของ BUS MASTERINGซ่ึง PCI นั้นก็สามารถทําไดเชนกันกับ EISA และ MCA แลว CHIPSET ท่ีใชเปนตัวควบคุมการทํางาน ก็ยังสนับสนุนระบบ ISA และ EISA อีกดวย ซ่ึงก็ทําใหสามารถผลิต MAINBOARD ที่มีทั้งSLOT ISA, EISA และ PCI รวมกนั ได นอกจากนั้นยังสนบั สนนุ ระบบ PLUG-AND-PLAY อีกดว ย รูปแสดงรูปรา ง ของ PCI BUS สวน SLOT สีดําดา นลา ง ก็คอื SLOT ISA
AGP ในกลางป 1996 เม่ือ INTEL ไดทําการเปดตัว INTEL PENTIUM II ซ่ึงพรอมกันนั้นก็ไดทําการเปดตัวสถาปตยกรรมท่ีชวยเพ่ิมประสิทธิภาพของหนวยแสดงผลดวย นั่นก็คือ ACCELERATEDGRAPHICS PORT หรอื AGP ซึง่ กไ็ ดเปดตัว CHIPSET ท่สี นับสนุนการทาํ งานนี้ดวย คือ 440LX AGP นั้นจะมีการเชื่อมตอกับ CHIPSET ของระบบแบบ POINT-TO-POINT ซ่ึงจะชวยใหการสงผานขอมูลระหวาง CARD AGP กับ CHIPSET ของระบบไดเร็วขึ้น และยังมีเสนทางเฉพาะสําหรับติดตอกับหนวยความจําหลักของระบบ เพ่ือใชทําการ RENDER ภาพแบบ 3D ไดอยางรวดเรว็ อกี ดว ย จากเดิม CARD แสดงผลแบบ PCI นั้นจะมีปญหาเร่ืองของหนวยความจําเปน CARD เพราะเม่ือตองการใชงานดานการ RENDER ภาพ 3 มิติ ท่ีมีขนาดใหญมากๆ ก็จําเปนตองกมีการใชหนวยความจําบน CARD นั้นมากๆเพื่อรองรับขนาดของพื้นผิว ท่ีเปนองคประกอบสําคัญของงานRENDER แนนอนเม่ือหนวยความจํามากๆ ราคาก็ยิ่งแพง ดังนั้นทาง INTEL จึงไดทําการคิดคันสถาปต ยกรรมใหมเ พ่อื งานดาน GRAPHICS น้ีโดยเฉพาะ AGP จงึ ไดถ ือกาํ เนดิ ขึ้นมา AGP น้ันจะมี MODE ในการ RENDER อยู 2 แบบ คือ LOCAL TEXTURING และ AGPTEXTURING โดยใช LOCAL TEXTURING นั้นจะทําการ COPY หนว ยความจาํ ของระบบไปเก็บไวที่เฟรมบัฟเฟอรของ CARD จากนั้นจะทําการประมวลผลโดยดึงขอมูลจากเฟรมบัฟเฟอรบนCARD นั้นอีกที ซ่ึงวิธีการนี้ก็เปนวิธีที่ใชบนระบบ PCI ดวย วิธีการน้ีจะเพ่ิมขนาดของหนว ยความจําเปน CARD มาก AGP TEXTURING น้ันเปนเทคนิคใหมท่ีชวยลดขนาดของหนวยความจํา หรือเฟรมบัฟเฟอรบน DISPLAY CARD ลงไดมาก เพราะสามารถทการใชงานหนวยความจําของระบบใหเปนเฟรมบัฟเฟอรไ ดเลย โดยไมตองดึงขอ มลู มาพกั ไวท เ่ี ฟรมบัฟเฟอรข อง CARD กอ น แสดงระบบบสั ของ AGP ท่ีมีจดุ เดน ทเี่ หนอื กวา PCI ตรง PORT พิเศษของ AGP
โดยปกติแลว AGP จะทํางานที่ความเร็ว 66 MHz ซึ่งแมวาระบบจะใช FSB เปน 100 MHz แตมันก็ยังคงทํางานที่ความเร็ว 66 MHz ซ่ึงใน MODE ปกติของมันก็จะมีความสามารถแทบจะเหมือนกับ PCI แบบ 66 MHz เลยโดยจะมีอัตราการสงขอมูลที่สูงถึง 266 M/s และนอกจากน้ียังสามารถทํางานไดท้ังขอบขาข้ึนและขอบขาลงของ 66 MHz จึงเทากับวามันทํางานที่ 133 MHz ซ่ึงจะชวยเพิ่มอัตราการสงถายขอมูลข้ึนไดสูงถึง 532 M/s ซึ่งเรียก MODE นี้วา MODE 2X และMODE ปกติวา MODE 1X สําหรับความเร็วในการสงถายขอมูลนั้น ก็ขึ้นกับชนิดของหนวยความจําหลักดวย ถาหนวยความจาํ หลักเปนชนดิ ท่เี ร็วก็จะยง่ิ ชวยเพม่ิ อัตราเร็วในการสง ถา ยมากขน้ึ ดังนี้ - EDO RAM หรอื SD RAM PC 66 ได 528 M/s - SD RAM PC 100 ได 800 M/s - DR RAM ได 1.4 G/s อีกสาเหตหุ น่งึ ทีท่ ําใหระบบบสั แบบ AGP ทําไดดีกวา PCI ก็เพราะเปน SLOT แบบเอกเทศไมตอ งไปใช BANDWIDTH รวมกบั ใคร
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: