ก คำนำ การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้นับเป็นวิธีหนึ่งท่ีทาให้ครูผู้สอนได้มีการเตรียมการสอน ลว่ งหนา้ กอ่ นทจี่ ะทาการสอนจริง โดยมกี ารเตรยี มเน้ือหาเตรียมกิจกรรม เตรียมสอ่ื การเรยี นการสอน รวมทั้งวิธีการวัดผลประเมินผลซึ่งการเตรียมการสอนจะช่วยให้ครูผู้สอนมีความพร้อมที่จะสอนให้ ผู้เรยี นบรรลตุ ามจุดมงุ่ หมายของหลกั สตู ร การจัดทาแผนการจดั การเรยี นรู้ฉบบั นี้ ผ้จู ัดทาได้ศึกษาคน้ คว้าหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศักราช 2560) เอกสารอื่นๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง วเิ คราะห์ หลกั สตู ร จัดทากาหนดการสอน โครงสรา้ งรายวชิ า และหารูปแบบการทาแผนการจัดการเรียนรู้โดย เน้นให้ผูเ้ รียนได้เรียนผา่ นกระบวนการคิดด้วยตนเอง โดยคานึงถึงสภาพแวดล้อมของผู้เรียน โรงเรียน และชมุ ชนเป็นหลัก แผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ เป็นแผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 แผนภูมิรูปภาพและตารางทางเดียว เพ่ือพัฒนาความ เข้าใจเกี่ยวกับสัญลักษณ์ และการดาเนินการต่อวิชาคณิตศาสตร์ โดยเน้นขั้นตอนหรือวิธีการทาง คณิตศาสตร์ จัดทาไว้เพ่ือสะดวกตอ่ การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน สามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ได้ทุก ปกี ารศกึ ษา ผทู้ จ่ี ะนาไปใช้ควรอา่ นคาช้แี จงการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ให้เขา้ ใจกอ่ นนาไปใช้จริง ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างย่ิงว่า แผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้จะช่วยให้การเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 ดาเนินไปด้วยดี และทาให้ผู้เรยี นมีความรู้ ความสามารถ มที ักษะกระบวนการและมคี ุณลกั ษณะอันพึงประสงคต์ รงตามจดุ มุ่งหมายของหลักสตู ร ต่อไป ....................................
ข สารบัญ หน้า 1 เรอื่ ง สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ 2 ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง 7 คาอธิบายรายวิชา 9 โครงสร้างเวลาเรยี น โครงสรา้ งรายวชิ า 10 กาหนดแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 แผนภูมริ ปู ภาพและตารางทางเดยี ว 11 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 12 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 3 17 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 22 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 27 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 6 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 7 31 36 40
1 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 จานวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ จานวน ผลท่ีเกิดขึ้นจากการดาเนินการ สมบัติของการดาเนินการ และการ นาไปใช้ มาตรฐาน ค 1.2 เข้าใจและวิเคราะห์แบบรูป ความสัมพันธ์ ฟังก์ชัน ลาดับและอนุกรม และ นาไปใช้ มาตรฐาน ค 1.3 ใช้นิพจน์ สมการ และอสมการ อธิบายความสัมพันธ์หรือช่วยแก้ปัญหาที่ กาหนดให้ สาระท่ี 2 การวัดและเรขาคณติ มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพ้ืนฐานเกี่ยวกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของส่ิงท่ีต้องการวัดและ นาไปใช้ มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวเิ คราะห์รปู เรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหว่าง รูปเรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนาไปใช้ สาระที่ 3 สถติ แิ ละความน่าจะเป็น มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรทู้ างสถิติในการแก้ปัญหา มาตรฐาน ค 3.2 เข้าใจหลกั การนับเบอ้ื งตน้ ความน่าจะเป็น และนาไปใช้
2 ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระท่ี 1 จานวนและพชี คณิต มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ จานวน ผลที่เกิดขึ้นจากการดาเนินการ สมบัติของการดาเนินการ และการ นาไปใช้ ชัน้ ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป. 3 จานวนนับไม่เกิน 100,000 และ 0 1. อ่านและเขียน ตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ - การอ่าน การเขยี นตวั เลขฮินดูอารบกิ ตวั เลขไทย และตัวหนังสอื แสดง ตัวเลขไทย และตัวหนังสอื แสดงจานวน จานวนนบั ไมเ่ กิน 100,000 และ 0 - หลัก คา่ ของเลขโดดในแต่ละหลกั และ 2. เปรียบเทยี บและเรยี งลาดับจานวนนับ การเขียนตวั เลขแสดงจานวนในรปู ไม่เกิน 100,000 จากสถานการณ์ตา่ งๆ กระจาย - การเปรยี บเทยี บและเรยี งลาดบั จานวน เศษส่วน 3. บอก อ่าน และเขียนเศษสว่ นแสดง - เศษส่วนทมี่ ตี ัวเศษนอ้ ยกวา่ หรือเทา่ กบั ปรมิ าณสิง่ ต่างๆ และแสดงสง่ิ ต่างๆ ตัวสว่ น ตามเศษส่วนทก่ี าหนด - การเปรยี บเทียบและเรียงลาดับ 4. เปรียบเทียบเศษสว่ นทตี่ ัวเศษเทา่ กัน เศษส่วน โดยท่ีตัวเศษน้อยกวา่ หรอื เท่ากับตัว สว่ น การบวก การลบ การคูณ การหารจานวน 5. หาคา่ ของตวั ไมท่ ราบค่าในประโยค นับไมเ่ กิน 100,000 และ 0 สญั ลักษณแ์ สดงการบวกและประโยค - การบวกและการลบ สญั ลักษณ์แสดงการลบของจานวนไม่ - การคณู การหารยาวและการหารส้นั เกนิ 100,000 และ 0 - การบวก ลบ คูณ หารระคน 6. หาคา่ ของตัวไมท่ ราบคา่ ในประโยค - การแก้โจทยป์ ญั หาและการสร้างโจทย์ สญั ลักษณ์ แสดงการคณู ของจานวน 1 ปัญหา พร้อมท้งั หาคาตอบ หลักกบั จานวนไม่เกิน 4 หลกั และ จานวน 2 หลักกับจานวน 2 หลัก 7. หาคา่ ของตวั ไม่ทราบคา่ ในประโยค สญั ลักษณ์ แสดงการหารที่ตวั ต้งั ไมเ่ กนิ 4 หลัก ตัวหาร 1 หลกั
3 ชน้ั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ป. 3 8. หาผลลัพธก์ ารบวก ลบ คณู หารระคน ของจานวนนบั ไมเ่ กิน 100,000 และ 0 9. แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา 2 ขัน้ ตอน ของจานวนนบั ไม่เกิน 100,000 และ 0 การบวก การลบเศษสว่ น 10. หาผลบวกของเศษส่วนทมี่ ีตัวสว่ น - การบวกและการลบเศษส่วน เทา่ กนั และผลบวกไมเ่ กิน 1 และหาผล - การแก้โจทย์ปญั หาการบวกและโจทย์ ลบของเศษส่วนทม่ี ีตัวส่วนเท่ากัน ปญั หาการลบเศษส่วน 11. แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาการ บวกเศษสว่ นทีม่ ีตวั ส่วนเทา่ กันและ ผลบวกไมเ่ กนิ 1 และโจทยป์ ญั หาการ ลบเศษสว่ นทีม่ ีตัวสว่ นเท่ากัน สาระที่ 1 จานวนและพชี คณติ มาตรฐาน ค 1.2 เขา้ ใจและวเิ คราะหแ์ บบรูป ความสมั พนั ธ์ ฟังก์ชัน ลาดับและอนกุ รม และ นาไปใช้ ชน้ั ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป. 3 แบบรูป 1. ระบจุ านวนทีห่ ายไปในแบบรูปของ - แบบรปู ของจานวนท่ีเพม่ิ ข้นึ หรอื ลดลง จานวนที่เพม่ิ ข้นึ หรอื ลดลงทลี ะเทา่ ๆ กัน ทลี ะเท่าๆ กนั สาระที่ 1 จานวนและพชี คณติ มาตรฐาน ค 1.3 ใช้นิพจน์ สมการ และอสมการ อธิบายความสมั พันธห์ รอื ช่วยแกป้ ัญหาท่ี กาหนดให้ ช้นั ตัวชี้วดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ป. 3 - -
4 สาระที่ 2 การวัดและเรขาคณติ มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพื้นฐานเกีย่ วกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของสง่ิ ทีต่ อ้ งการวดั และ นาไปใช้ ชนั้ ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป. 3 เงนิ 1. แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา - การบอกจานวนเงนิ และเขยี นแสดง เกยี่ วกับเงิน จานวนเงนิ แบบใชจ้ ดุ 2. แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา - การเปรยี บเทยี บจานวนเงินและการ เกยี่ วกับเวลา และระยะเวลา แลกเงนิ - การอา่ นและเขยี นบนั ทึกรายรบั รายจา่ ย - การแก้โจทยป์ ญั หาเกย่ี วกับเงนิ เวลา - การบอกเวลาเปน็ นาฬกิ าและนาที - การเขยี นบอกเวลาโดยใชม้ หัพภาค (.) หรอื ทวิภาค (:) และการอ่าน - การบอกระยะเวลาเปน็ ช่ัวโมงและนาที - การเปรยี บเทียบระยะเวลาโดยใช้ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งช่ัวโมงกบั นาที - การอา่ นและการเขยี นบนั ทกึ กิจกรรมท่ี ระบเุ วลา - การแกโ้ จทย์ปญั หาเก่ยี วกับเวลาและ ระยะเวลา ความยาว 3. เลือกใช้เครื่องมือวัดความยาวท่ี - การวดั ความยาวเป็นเซนตเิ มตรและ เหมาะสมวัดและบอกความยาวของส่งิ มลิ ลิเมตร เมตรและเซนตเิ มตร ต่างๆ เป็นเซนตเิ มตรและมลิ ลิเมตร กโิ ลเมตรและเมตร เมตรและเซนตเิ มตร - การเลอื กเคร่อื งมอื วดั ความยาวท่ี 4. คาดคะเนความยาวเปน็ เมตรและเป็น เหมาะสม เซนติเมตร - การคาดคะเนความยาวเปน็ เมตรและ 5. เปรียบเทียบความยาวระหว่าง เปน็ เซนติเมตร เซนตเิ มตรกบั มลิ ลเิ มตร เมตรกับ - การเปรียบเทยี บความยาวโดยใช้ เซนติเมตร กโิ ลเมตรกบั เมตร จาก ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งหนว่ ยความยาว สถานการณต์ ่างๆ - การแก้โจทย์ปญั หาเก่ียวกบั ความยาว
5 ชน้ั ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ป. 3 6. แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา เกีย่ วกับความยาวทีม่ หี น่วยเปน็ เซนติเมตรและมลิ ลเิ มตร เมตรและ เซนติเมตร กิโลเมตรและเมตร น้าหนัก 7. เลือกใชเ้ ครือ่ งชัง่ ท่เี หมาะสม วดั และ - การเลอื กเครอ่ื งชัง่ ทเ่ี หมาะสม บอกน้าหนกั เป็นกิโลกรัมและขีด - การคาดคะเนน้าหนกั เปน็ กิโลกรมั และ กโิ ลกรมั และกรัม เปน็ ขดี 8. คาดคะเนน้าหนกั เป็นกิโลกรัมและเป็น - การเปรยี บเทียบนา้ หนกั โดยใช้ ขีด ความสัมพันธ์ระหว่างกโิ ลกรมั กบั กรัม 9. เปรยี บเทยี บน้าหนักระหว่างกิโลกรมั เมตรกิ ตันกับกโิ ลกรมั และกรมั เมตริกตันกบั กิโลกรมั จาก - การแกโ้ จทยป์ ญั หาเก่ียวกบั นา้ หนัก สถานการณต์ ่างๆ 10. แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ัญหา เกย่ี วกบั นา้ หนักทมี่ หี นว่ ยเปน็ กโิ ลกรมั กบั กรมั เมตรกิ ตันกบั กิโลกรัม นา้ หนัก 11. เลือกใชเ้ คร่ืองตวงท่ีเหมาะสม วดั และ - การวัดปรมิ าตรและความจเุ ป็นลิตร เปรยี บเทียบปรมิ าตร ความจุเปน็ ลิตร และมลิ ลลิ ิตร และมลิ ลลิ ิตร - การเลือกเคร่ืองตวงทเี่ หมาะสม 12. คาดคะเนปรมิ าตรและความจเุ ป็นลิตร - การคาดคะเนปรมิ าตรและความจุเปน็ 13. แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา ลติ ร เก่ียวกับปรมิ าตรและความจุทมี่ หี นว่ ย - การเปรยี บเทียบปรมิ าตรและความจุ เป็นลิตรและมลิ ลลิ ิตร โดยใชค้ วามสมั พนั ธร์ ะหว่างลติ รกบั มลิ ลลิ ติ ร ช้อนชา ชอ้ นโตะ๊ ถ้วยตวงกบั มลิ ลลิ ิตร - การแก้โจทยป์ ญั หาเกี่ยวกบั ปรมิ าตร และความจทุ มี่ ีหนว่ ยเปน็ ลติ รและ มลิ ลิลิตร
6 สาระที่ 2 การวดั และเรขาคณติ มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะหร์ ปู เรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณติ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง รปู เรขาคณิต และทฤษฎบี ททางเรขาคณิต และนาไปใช้ ชน้ั ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป. 3 รปู เรขาคณิตสองมิติ 1. ระบรุ ปู เรขาคณิตสองมิตทิ ม่ี ีแกน - รปู ทมี่ แี กนสมมาตร สมมาตรและจานวนแกนสมมาตร สาระท่ี 3 สถิตแิ ละความนา่ จะเป็น มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใชค้ วามรทู้ างสถิติในการแกป้ ัญหา ชั้น ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ป. 3 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู และการนาเสนอ 1. เขียนแผนภูมริ ปู ภาพ และใชข้ ้อมลู จาก ขอ้ มลู แผนภูมริ ูปภาพในการหาคาตอบของ - การเกบ็ รวบรวมข้อมูลและจาแนก โจทยป์ ัญหา ขอ้ มลู 2. เขยี นตารางทางเดียวจากขอ้ มลู ทเี่ ป็น - การอา่ นและการเขยี นแผนภมู ริ ปู ภาพ จานวนนบั และใชข้ ้อมูลจากตารางทาง - การอ่านและการเขยี นตารางทางเดยี ว เดียวในการหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา (one – way table) สาระท่ี 3 สถติ แิ ละความน่าจะเป็น มาตรฐาน ค 3.2 เข้าใจหลกั การนบั เบอ้ื งต้น ความนา่ จะเปน็ และนาไปใช้ ช้ัน ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ป. 3 - -
7 คาอธบิ ายรายวชิ า รายวชิ าพนื้ ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 เวลา 200 ช่ัวโมง/ปี ศึกษาการอ่านและการเขียนตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย ตัวหนังสอื แสดงจานวนนบั หลัก คา่ ของเลขโดดในแต่ละหลัก และการเขียนตัวเลขแสดงจานวนในรปู กระจาย การเปรยี บเทยี บจานวน การเรียงลาดับจานวน แบบรูปของจานวนที่เพิม่ ข้ึนและลดลง การบวกจานวนนับทีม่ ีผลบวกไม่เกนิ 100,000 การบวกจานวนสามจานวนที่มีผลบวกไม่เกิน 100,000 โจทย์ปัญหาและการสร้างโจทย์ ปัญหาการบวก การลบจานวนทีม่ ตี ัวต้งั ไมเ่ กนิ 100,000 การลบจานวนสามจานวน การหาตัวไมท่ ราบ ค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวกและการลบ โจทย์ปัญหาและการสร้างโจทย์ปัญหาการลบ การคูณจานวนหนงึ่ หลกั กับจานวนไม่เกินส่ีหลัก การคณู กบั จานวนสองหลกั กบั จานวนสองหลัก โจทย์ ปญั หาและการสรา้ งโจทย์ปญั หาการลบ การหารที่มตี วั ต้งั ไมเ่ กินส่หี ลักและตัวหารมหี นึ่งหลกั การหา ตัวไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการคูณและการหาร โจทย์ปัญหาและการสรา้ งโจทย์ปัญหา การหาร การวัดความยาวเป็นเซนติเมตรและมิลลิเมตร เมตรและเซนติเมตร กิโลเมตรและเมตร การเลือกเครอ่ื งมอื วัดความยาวทเ่ี หมาะสม การคาดคะเนความยาวเปน็ เมตรและ เป็นเซนติเมตร การ เปรียบเทยี บความยาวโดยใชค้ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งหน่วยความยาว โจทย์ปัญหาเกยี่ วกับความยาว รปู ที่มีแกนสมมาตรและจานวนแกนสมมาตร การบอก อ่านและเขียนเศษส่วนที่ตัวเศษน้อยกว่าหรือ เท่ากับตัวสว่ น การเปรยี บเทียบเศษส่วน การเรยี งลาดับเศษส่วน การบวกเศษสว่ นที่มีตัวสว่ นเท่ากนั การลบเศษส่วนที่มตี ัวส่วนเท่ากัน โจทย์ปัญหาการบวกและการลบเศษส่วน การวัดและบอกนา้ หนกั เป็นกิโลกรัมและขีด กิโลกรัมและกรัม การเลือกเคร่ืองช่ังที่เหมาะสม การคาดคะเนน้าหนักเป็น กิโลกรมั และเป็นขีด การเปรยี บเทียบน้าหนกั โดยใช้ความสมั พันธ์ระหว่างกิโลกรัมกบั กรัม เมตรกิ ตัน กับกิโลกรัม โจทยป์ ญั หาเก่ยี วกบั น้าหนกั การวดั ปริมาตรและความจุเป็นลิตรและมิลลิลติ ร การเลอื ก เคร่ืองตวงท่ีเหมาะสม การคาดคะเนปริมาตรและความจุเป็นลิตร การเปรียบเทียบปริมาตรและ ความจุโดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างลิตรกับมิลลิลิตร ช้อนชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยตวงกับมิลลิลิตร โจทย์ ปัญหาเกีย่ วกับปริมาตรและความจทุ ่ีมหี น่วยเป็นลิตรและมลิ ลิลิตร การเก็บรวบรวมขอ้ มลู และจาแนก ข้อมลู การอา่ นและเขียนแผนภมู ิรูปภาพ การอา่ นและเขียนตารางทางเดยี ว การบอกเวลาเป็นนาฬิกา และนาที การเขียนบอกเวลาและการอ่าน การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมงและนาที การเปรียบเทียบ ระยะเวลาโดยใชค้ วามสมั พันธร์ ะหวา่ งชัว่ โมงกับนาที การอ่านและการเขียนบันทึกกิจกรรมท่ีระบเุ วลา โจทย์ปัญหาเก่ียวกับเวลาและระยะเวลา เงินเหรยี ญและธนบัตรชนดิ ต่างๆ การบอกจานวนเงนิ และ เขียนแสดงจานวนเงินแบบใช้จดุ และการอ่าน การเปรียบเทยี บจานวนเงินและการแลกเงิน การอ่าน และการเขียนบันทึกรายรับ รายจ่าย โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเงิน การบวก ลบ คูณ หารระคน โจทย์ ปัญหาและการสรา้ งโจทยป์ ญั หาการบวก ลบ คูณ หารระคน
8 โดยการจดั ประสบการณห์ รอื สร้างสถานการณ์ทีใ่ กลต้ ัวผู้เรยี นไดศ้ กึ ษา คน้ ควา้ ฝกึ ทกั ษะ โดย การปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพื่อพัฒนาทักษะและกระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปญั หา การให้เหตุผล การเชื่อมโยง การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ ด้านความรู้ ความคิด ทักษะและกระบวนการท่ไี ดไ้ ปใช้ในการเรียนรู้ส่งิ ต่าง ๆ และใช้ในชีวติ ประจาวัน อย่างสร้างสรรค์ เพ่ือให้เห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานได้อย่างเป็นระบบ มี ระเบียบ รอบคอบ มคี วามรบั ผิดชอบ มีวิจารณญาณ มีความคิดริเร่ิมสรา้ งสรรคแ์ ละมีความเช่อื มั่นใน ตนเอง ตัวช้วี ดั ค 1.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5, ป.3/6, ป.3/7, ป.3/8, ป.3/9, ป.3/10, ป.3/11 ค 1.2 ป.3/1 ค 2.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5, ป.3/6, ป.3/7, ป.3/8, ป.3/9, ป.3/10, ป.3/11, ป.3/12, ป.3/13 ค 2.2 ป.3/1 ค 3.1 ป.3/1, ป.3/2 รวม 28 ตวั ชว้ี ัด
9 โครงสร้างเวลาเรียน ภาคเรยี นท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 บทท/่ี เร่ือง เวลา (ช่วั โมง) ภาคเรียนท่ี 1 บทท่ี 1 จานวนนบั ไม่เกิน 100,000 18 บทที่ 2 การบวกและการลบจานวนนบั ไมเ่ กนิ 100,000 28 บทท่ี 3 เวลา 16 บทที่ 4 รูปเรขาคณติ 2 บทที่ 5 แผนภมู ิรปู ภาพและตารางทางเดยี ว 7 บทท่ี 6 เศษส่วน 16 บทท่ี 7 การคณู 18 รวมภาคเรยี นที่ 1 105
10 โครงสรา้ งรายวชิ า หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา เรียนรู/้ ตัวชว้ี ดั (ชม.) แผนภูมิรูปภาพและ ค 3.1 การเก็บรวบรวมข้อมลู และจาแนกข้อมูล มีวิธีการ 7 ตารางทางเดียว ป.3/1 ท่ีหลากหลายและใช้ทักษะกระบวนการทาง ป.3/2 คณิตศาสตร์ในการหาคาตอบและตรวจสอบความ สมเหตุสมผลของคาตอบโดยต้องเลือกใช้ให้ เหมาะสม ส่วนการนาเสนอข้อมลู สามารถใชต้ าราง ทางเดียว และแผนภมู ริ ปู ภาพได้
11 กาหนดแผนการจดั การเรยี นรู้ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 แผนภมู ริ ปู ภาพและตารางทางเดียว แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี เรื่อง จานวน (ช่ัวโมง) 1 การเกบ็ รวบรวมข้อมูลและจาแนกข้อมลู 2 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และจาแนกขอ้ มูล 1 3 การอา่ นแผนภูมริ ปู ภาพ 1 1 4 การอ่านแผนภูมริ ปู ภาพ 5 การเขยี นแผนภมู ริ ปู ภาพ 1 6 การอ่านตารางทางเดยี ว 1 7 การเขียนตารางทางเดียว 1 รวม 1 7
12 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 1 รายวิชาคณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 แผนภมู ิรูปภาพและตารางทางเดยี ว เวลาเรียน 7 ชวั่ โมง เรอ่ื ง การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลและจาแนกขอ้ มลู เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง สอนวันที.่ ...... เดือน.......................... พ.ศ. ......... ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2563 ............................................................................................................................. ................................... มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 3.1 : เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรทู้ างสถติ ิในการแก้ปญั หา ตวั ชีว้ ัด ค 3.1 ป.3/1 : เขียนแผนภูมิรูปภาพ และใชข้ อ้ มลู จากแผนภูมิรปู ภาพในการหาคาตอบของ โจทย์ปญั หา สาระสาคัญ การเก็บรวบรวมข้อมูล สามารถเก็บรวมรวมข้อมูลซึ่งอยู่ในรูปข้อความหรือตัวเลขด้วยวิธี ต่างๆ เช่น การสมั ภาษณ์ การสอบถาม การสารวจ การสังเกต และการทดลอง ส่วนการจาแนกขอ้ มูล เป็นการนาข้อมูลมาจัดให้เป็นหมวดหมู่หรือเรียงลาดับในลักษณะต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ท่ีจะนา ขอ้ มลู ไปใช้ จากน้นั จึงนาเสนอขอ้ มูลในรูปแบบต่างๆ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกวธิ กี ารเกบ็ รวบรวมข้อมูลและจาแนกข้อมูลได้ (K) 2. เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และจาแนกข้อมูลได้อยา่ งถกู ตอ้ ง (P) 3. นาความรเู้ ก่ยี วกับการเก็บรวบรวมข้อมูลและจาแนกข้อมูลไปใช้ในชีวิตจริงได้ (A) สาระการเรียนรู้ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู และจาแนกขอ้ มลู ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 1. ความสามารถในการสื่อสารและการสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ 2. ความสามารถในการให้เหตผุ ล คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทางาน
13 กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครสู นทนาเรอ่ื งตา่ งๆ เก่ยี วกับตวั นกั เรยี นพรอ้ มบันทึกผลบนกระดาน เช่น - จานวนนกั เรยี นในห้องมที ้งั หมดกี่คน เป็นชายกค่ี น เปน็ หญิงกค่ี น - จานวนนักเรียนท่ีมาเรียนในวนั น้ีมีก่ีคน เป็นชายกคี่ น เป็นหญงิ กคี่ น - กฬี าทน่ี กั เรียนชอบ มอี ะไรบา้ ง - ผลไมท้ ่นี กั เรียนชอบ มีอะไรบ้าง ครแู นะนาสิ่งทก่ี ล่าวมานีเ้ รียกว่า ขอ้ มลู ขั้นสอน 1. ครจู ัดกิจกรรมเสริมความฉลาดไปกับเยลลี่ โดยนาเยลลี่คละสี 1 ถงุ มาให้นกั เรียนดู แลว้ ใหน้ ักเรยี นบอกข้อมลู เก่ียวกับเยลลใี่ นถุง โดยครอู าจใช้คาถามนา แล้วเขียนคาตอบลงบนกระดาน เช่น - เยลลีใ่ นถุงมีทงั้ หมดกี่สี สีอะไรบ้าง - เยลลีแ่ ต่ละสมี ีจานวนเทา่ ใด ทาอยา่ งไรจงึ จะหาคาตอบได้ - เยลลแี่ ต่ละสีมีจานวนเท่ากันหรอื ไม่ - เยลล่สี ใี ดมีจานวนมากทีส่ ุด และสใี ดมจี านวนนอ้ ยที่สดุ โดยการใหข้ ้อมลู ครง้ั น้ี ครูให้นกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเกย่ี วกับขอ้ มูล จนได้ข้อสรปุ ว่า ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจรงิ ของส่งิ ทสี่ นใจ ซึ่งได้จากการเก็บรวบรวม อาจเป็นไปได้ทั้งข้อความ และ ตวั เลข และวิธีเกบ็ รวบรวมข้อมูล อาจใชว้ ิธีการสงั เกต หรือการสอบถามกไ็ ด้ 2. ครูแนะนาเพิ่มเติมว่า ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้น ก่อนเก็บข้อมูล เราควรรู้ว่า ต้องการเก็บข้อมูลเก่ียวกับอะไร ประเด็นอะไรบ้าง หรือสนใจจะทราบเกีย่ วกับอะไรบ้างเพื่อที่จะได้ เก็บขอ้ มลู ไดค้ รบถ้วน และไม่เสียเวลาไปกับข้อมลู ที่เราไม่ต้องการ 3. ครูจัดกิจกรรมโดยกาหนดประเด็นว่า เราต้องการสารวจว่านักเรียนในห้องเรยี นนี้ ชอบด่ืมนมรสใดมากทส่ี ดุ นมแต่ละรสทน่ี ักเรยี นชอบมกี ี่คน เป็นต้น ครูให้ตัวแทนนักเรียนกลุ่มละ 1 คน ช่วยกันเก็บขอ้ มูลดงั กล่าวด้วยการสอบถาม แล้วให้นักเรยี นแต่ละคนเลือกระดาษสีคนละ 1 แผน่ ตามรสนมทีน่ ักเรยี นชอบมากทีส่ ดุ โดยครกู าหนดให้ กระดาษสีขาวแทนนมรสจืด กระดาษสชี มพูแทนรสสตรอเบอร่ี กระดาษสีฟ้าแทนนมรสหวาน กระดาษสีน้าตาลแทนนมรสชอ็ คโกแลต ฯลฯ 4. จากน้ันให้นากระดาษทเี่ ลอื กไวม้ าตดิ บนกระดานตามใจชอบ แลว้ ใหน้ ักเรยี นท้งั หมด ชว่ ยกันตอบคาถาม จากขอ้ มลู ท่นี ามาตดิ บนกระดาน เช่น - นมท่ีนกั เรยี นชอบมรี สอะไรบา้ ง - มนี ักเรียนชอบนมแตล่ ะรสก่คี น - นมรสอะไรที่นกั เรยี นชอบมากทส่ี ดุ - นมรสอะไรที่นักเรียนชอบนอ้ ยท่ีสุด
14 5. ครูนาสนทนาถึงความไม่สะดวกของการใช้ข้อมูลทีก่ ระจัดกระจายสาหรับการตอบ คาถามดังกล่าว แล้วนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนเห็นว่า ถ้ามีการจัดข้อมูลที่เก็บได้มาแยกให้เป็น หมวดหมู่จะช่วยให้การอ่านข้อมูลหรือตอบคาถามสะดวกมากยิ่งขึ้น ครูให้นักเรียนช่วยกันคิดวิธี จัดเรียงขอ้ มลู จาแนกหรือจดั ประเภทขอ้ มูลแลว้ นาเสนอ ซ่งึ นกั เรยี นอาจนากระดาษสีเดยี วกันมารวม ไวด้ ว้ ยกนั หรอื นับจานวนแผน่ กระดาษา เพื่อแสดงจานวนนักเรียนท่ชี อบนมรสตา่ งๆ เชน่ นมจืด 8 คน นมรสหวาน 6 คน นมรสสตรอเบอรี่ 9 คน นมรสช็อกโกแลต 11 คน จากนั้นให้นักเรียนตอบคาถามชุดเดิมอีกครั้ง แล้วให้นักเรียนเปรียบเทียบความ สะดวก รวดเร็วในการตอบคาถามจากข้อมูลที่กระจัดกระจาย ยังไม่มีการจาแนกกับข้อมูลที่มีการ จาแนกแลว้ 6. ครูให้นักเรียนทาใบงานที่ 1 การเกบ็ รวบรวมข้อมูลและจาแนกข้อมลู เมื่อเสร็จแลว้ ให้นกั เรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากน้ันครแู ละนกั เรียนรว่ มกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 1 ขน้ั สรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การเก็บรวบรวมข้อมูล สามารถทาไดห้ ลากหลายวิธี เชน่ การสัมภาษณ์ การสอบถาม การสารวจ การทดลอง สว่ นการจาแนก ขอ้ มูลเปน็ การนาข้อมูลมาจัดให้เปน็ หมวดหมหู่ รือเรียงลาดับในลกั ษณะตา่ งๆ ตามวัตปุ ระสงคท์ ่เี รานา ข้อมูลนั้นไปใช้ ส่ือการเรียนรู้ 1. เยลลค่ี ละสี 1 ถุง 2. นมรสต่างๆ 3. กระดาษสีต่างๆ ขนาดเดยี วกันหลายๆ แผ่น เชน่ สีขาว สีฟ้า สชี มพู สีนา้ ตาล 4. ใบงานที่ 1 การเก็บรวบรวมข้อมูลและจาแนกข้อมลู
15 การวดั ผลและประเมนิ ผล สิ่งทีต่ ้องการวัด วิธีวัด เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การประเมิน 1. ดา้ นความรู้ ทากิจกรรมจากใบงานท่ี ใบงานที่ 1 70% ขึน้ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์ 1 การประเมนิ 2. ด้านทักษะ สังเกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกต นักเรยี นไดค้ ะแนนระดบั กระบวนการ ทักษะกระบวนการ พฤติกรรมด้าน คุณภาพดีขึ้นไป ทกั ษะกระบวนการ 3. ด้านคณุ ลกั ษณะ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกต นกั เรียนได้คะแนนระดบั ทีพ่ งึ ประสงค์ คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ พฤตกิ รรมดา้ น คุณภาพดขี นึ้ ไป คุณลักษณะ ท่ีพึงประสงค์ ความคดิ เห็นผบู้ รหิ าร ลงชื่อ.....................................ผูต้ รวจ () ผอู้ านวยการโรงเรียน ..../................../........
16 บันทึกหลังการเรยี นการสอน 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1 ผลการเรียนร้ตู ามจุดประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรยี นได้คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละ 1.2 ผลการประเมนิ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ นักเรยี นอยู่ในระดบั ดมี าก คน คดิ เปน็ ร้อยละ นักเรยี นอยู่ในระดบั ดี คน คิดเปน็ ร้อยละ นักเรยี นอยใู่ นระดบั พอใช้ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ นกั เรียนอยู่ในระดบั ปรับปรุง คน คิดเปน็ ร้อยละ 1.3 ผลการประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ นักเรียนอยู่ในระดบั ดีมาก คน คิดเปน็ ร้อยละ นกั เรียนอยูใ่ นระดบั ดี คน คิดเป็นรอ้ ยละ นกั เรียนอยใู่ นระดบั พอใช้ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ นักเรยี นอยู่ในระดบั ปรับปรุง คน คิดเป็นรอ้ ยละ 2. ปญั หาและอุปสรรค 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางในการแก้ปญั หา ลงชอ่ื .....................................ผสู้ อน () ..../................../........
17 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 2 รายวิชาคณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 แผนภมู ิรูปภาพและตารางทางเดยี ว เวลาเรียน 7 ชวั่ โมง เรอ่ื ง การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลและจาแนกขอ้ มลู เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง สอนวันท.่ี ...... เดือน.......................... พ.ศ. ......... ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 ............................................................................................................................. ................................... มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 3.1 : เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรทู้ างสถติ ิในการแก้ปญั หา ตวั ชีว้ ัด ค 3.1 ป.3/1 : เขียนแผนภูมิรูปภาพ และใชข้ อ้ มลู จากแผนภูมิรปู ภาพในการหาคาตอบของ โจทย์ปญั หา สาระสาคญั การเก็บรวบรวมข้อมูล สามารถเก็บรวมรวมข้อมูลซึ่งอยู่ในรูปข้อความหรือตัวเลขด้วยวิธี ต่างๆ เชน่ การสัมภาษณ์ การสอบถาม การสารวจ การสังเกต และการทดลอง ส่วนการจาแนกขอ้ มูล เป็นการนาข้อมูลมาจัดให้เป็นหมวดหมู่หรือเรียงลาดับในลักษณะต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ท่ีจะนา ขอ้ มลู ไปใช้ จากน้นั จึงนาเสนอขอ้ มูลในรูปแบบต่างๆ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกวิธกี ารเกบ็ รวบรวมข้อมูลและจาแนกข้อมูลได้ (K) 2. เกบ็ รวบรวมข้อมลู และจาแนกข้อมูลไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (P) 3. นาความรเู้ ก่ยี วกับการเก็บรวบรวมข้อมลู และจาแนกข้อมูลไปใช้ในชีวิตจริงได้ (A) สาระการเรียนรู้ การเก็บรวบรวมข้อมลู และจาแนกขอ้ มลู ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 1. ความสามารถในการสื่อสารและการสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ 2. ความสามารถในการให้เหตผุ ล คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทางาน
18 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนการจาแนกขอ้ มูล โดยแจกกระดาษแผ่นเล็กๆ (1 ใน 4 ของกระดาษ A4) ให้นักเรยี นเขยี นชือ่ กฬี าที่นกั เรียนชอบจากชนดิ กีฬาตอ่ ไปน้ี คือ ฟตุ บอล วอลเลยบ์ อล เทเบิลเทนนสิ ว่ายน้า และใหน้ กั เรียนนามาติดบนกระดาน (ขอ้ มูลทน่ี ักเรียนตดิ จะกระจดั กระจาย) 2. ครตู ้งั คาถามถามนกั เรยี นวา่ นกั เรียนในห้องชอบกีฬาชนิดใดมากทสี่ ดุ ชอบกีฬาชนิด ใดน้อยทีส่ ดุ มนี กั เรียนชอบกฬี าฟุตบอลกีค่ น ซึ่งนักเรียนจะตอบคาถามไดช้ ้า หรือเกิดความยงุ่ ยากใน การตอบค ครูถามนักเรียนว่า เราควรทาอย่างไรจงึ จะตอบคาถามได้เรว็ (จัดข้อมลู เปน็ กลมุ่ ๆ โดยนา ขอ้ มลู ทเี่ ป็นกฬี าชนิดเดียวกนั ติดไว้ในกลุม่ เดยี วกัน) 3. ครใู หน้ กั เรยี นจาแนกข้อมูลบนกระดานใหม่ ครูต้งั คาถามให้นักเรยี นช่วยกนั ตอบอีก คร้ัง เช่น นักเรียนในห้องชอบกีฬาชนิดใดมากท่ีสุด ชอบกีฬาชนิดใดน้อยที่สุด มีนักเรียนชอบกีฬา ฟุตบอลก่ีคน มนี กั เรยี นชอบกฬี าวอลเลยบ์ อลมากกวา่ หรือนอ้ ยกวา่ วา่ ยน้าก่คี น ขนั้ สอน 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันเก็บรวบรวมข้อมูลและจาแนกข้อมูลเก่ียวกับรสไอศกรีมที่ นักเรียนชอบมากที่สุด โดยมอบใบรายชื่อสาหรับเก็บรวบรวมข้อมูลให้ตัวแทนนักเรียน 2 – 3 คน ช่วยกันสอบถามนักเรยี นทกุ คนในช้ันเรียนเกยี่ วกับรสไอศกรีมทีน่ ักเรียนชอบมากทส่ี ุดเพียงรสเดยี ว แลว้ ให้เขียน ตรงกบั รสไอศกรมี ทชี่ อบมากทีส่ ดุ พรอ้ มเขียนสรปุ ข้อมูลทรี่ วบรวมได้ เช่น รสไอศกรีมทช่ี อบ สรปุ ข้อมลู รสวนิลา ชอื่ -นามสกลุ วนิลา รสช็อกโกแลต คน ็ชอกโกแลต รสมะนาว คน คน มะนาว รสสตรอเบอร่ี สตรอเบอร่ี คน 1. ด.ช.ณรงค์ ใจกล้า 2. ด.ช.สมชาย คงทน 3. ............................................. 4. ............................................. 5. ............................................. รวม ครูให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของผลสรุปข้อมูลที่ได้ จากนั้นให้ นกั เรียนชว่ ยกนั ตอบคาถามต่อไปน้ี เชน่ - ไอศกรมี รสใดทน่ี ักเรยี นชอบมากท่ีสดุ - ไอศกรมี รสใดทน่ี กั เรียนชอบนอ้ ยท่ีสดุ - ไอศกรมี รสใดที่ไมม่ ีนักเรยี นคนใดชอบเลย
19 - นักเรียนท่ีชอบไอศกรมี รสมะนาวกับรสสตรอเบอรร่ี วมกัน มีจานวนมากกวา่ ห น้อยนอ้ ยกว่านักเรยี นทีช่ อบไอศกรมี รสวนิลาและรสช็อกโกแลตรวมกัน และมากกวา่ กนั หรือนอ้ ยกว่า กนั อยูก่ ี่คน 2. ครูแบ่งนักเรียนเป็น 2 กลุ่ม ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมาเลือกสลาก 1 ใบ เพ่ือ ปฏิบัติกิจกรรมเก็บรวบรวมข้อมูลและจาแนกข้อมลู แล้วให้แต่ละกลุ่มนาผลการเก็บรวบรวมขอ้ มูล และจาแนกข้อมูลติดบนกระดานเพ่ือนาเสนอ พร้อมกบั ต้ังคาถามใหอ้ กี กล่มุ หนง่ึ ตอบ กลุ่มละ 2 – 3 คาถาม ตวั อย่างสลาก เชน่ - เกบ็ ขอ้ มูลและจาแนกข้อมลู เก่ียวกบั สีทน่ี กั เรยี นชอบมากทีส่ ุด - เกบ็ ข้อมูลและจาแนกขอ้ มลู เกย่ี วกับวิชาที่นกั เรยี นชอบเรียนมากทสี่ ดุ 3. ครูให้นักเรยี นทาใบงานท่ี 2 การเก็บรวบรวมข้อมลู และจาแนกข้อมลู เมื่อเสรจ็ แล้ว ให้นักเรียนชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนน้ั ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั เฉลยกจิ กรรมในใบงานท่ี 2 ขั้นสรปุ 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การเก็บรวบรวมข้อมูล สามารถทาไดห้ ลากหลายวิธี เช่น การสมั ภาษณ์ การสอบถาม การสารวจ การทดลอง สว่ นการจาแนก ขอ้ มูลเปน็ การนาขอ้ มูลมาจดั ให้เปน็ หมวดหมู่หรือเรียงลาดบั ในลกั ษณะตา่ งๆ ตามวตั ปุ ระสงคท์ ี่เรานา ขอ้ มูลน้ันไปใช้ สือ่ การเรียนรู้ 1. กระดาษแผ่นเลก็ 2. สลากการปฏิบตั กิ จิ กรรมเก็บรวบรวมขอ้ มูลและการจาแนกข้อมลู 3. ใบรายช่อื นักเรียนในหอ้ ง 4. ใบงานที่ 2 การเก็บรวบรวมขอ้ มลู และจาแนกข้อมลู
20 การวดั ผลและประเมนิ ผล สิ่งทีต่ ้องการวัด วิธีวัด เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การประเมิน 1. ดา้ นความรู้ ทากิจกรรมจากใบงานท่ี ใบงานที่ 2 70% ขึน้ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์ 2 การประเมนิ 2. ด้านทักษะ สังเกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกต นักเรยี นไดค้ ะแนนระดบั กระบวนการ ทักษะกระบวนการ พฤติกรรมด้าน คุณภาพดีขึ้นไป ทกั ษะกระบวนการ 3. ด้านคณุ ลกั ษณะ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกต นกั เรียนได้คะแนนระดบั ทีพ่ งึ ประสงค์ คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ พฤตกิ รรมดา้ น คุณภาพดขี นึ้ ไป คุณลักษณะ ท่ีพึงประสงค์ ความคดิ เห็นผบู้ รหิ าร ลงชื่อ.....................................ผูต้ รวจ () ผอู้ านวยการโรงเรียน ..../................../........
21 บันทึกหลังการเรยี นการสอน 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1 ผลการเรียนร้ตู ามจุดประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรยี นได้คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละ 1.2 ผลการประเมนิ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ นักเรยี นอยู่ในระดบั ดมี าก คน คดิ เปน็ ร้อยละ นักเรยี นอยู่ในระดบั ดี คน คิดเปน็ ร้อยละ นักเรยี นอยใู่ นระดบั พอใช้ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ นกั เรียนอยู่ในระดบั ปรับปรุง คน คิดเปน็ ร้อยละ 1.3 ผลการประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ นักเรียนอยู่ในระดบั ดีมาก คน คิดเปน็ ร้อยละ นกั เรียนอยูใ่ นระดบั ดี คน คิดเป็นรอ้ ยละ นกั เรียนอยใู่ นระดบั พอใช้ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ นักเรยี นอยู่ในระดบั ปรับปรุง คน คิดเป็นรอ้ ยละ 2. ปญั หาและอุปสรรค 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางในการแก้ปญั หา ลงชอ่ื .....................................ผสู้ อน () ..../................../........
22 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 แผนภูมริ ูปภาพและตารางทางเดยี ว เวลาเรยี น 7 ชว่ั โมง เรอื่ ง การอา่ นแผนภูมริ ูปภาพ เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง สอนวันท่ี....... เดือน.......................... พ.ศ. ......... ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 ............................................................................................................................. ................................... มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 : เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใชค้ วามรูท้ างสถติ ิในการแกป้ ัญหา ตัวช้ีวดั ค 3.1 ป.3/1 : เขียนแผนภมู ริ ปู ภาพ และใชข้ อ้ มลู จากแผนภูมิรูปภาพในการหาคาตอบของ โจทย์ปัญหา สาระสาคญั การอา่ นแผนภูมิรปู ภาพ เป็นการอ่านข้อมลู จากแผนภมู ทิ ี่ใชร้ ูปภาพแทนจานวนสิ่งตา่ งๆ โดย จะระบขุ อ้ กาหนดของรปู ภาพ ซ่ึงง่ายตอ่ การอ่านรายละเอยี ดของข้อมูล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกวธิ กี ารอ่านแผนภมู ริ ูปภาพได้ (K) 2. อา่ นแผนภมู ิรูปภาพตามทกี่ าหนดใหไ้ ด้อย่างถกู ต้อง (P) 3. นาความร้เู ก่ยี วกบั การอา่ นแผนภูมิรูปภาพไปใช้ในชีวิตจริงได้ (A) สาระการเรียนรู้ การอ่านแผนภูมิรปู ภาพ ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 1. ความสามารถในการแก้ปญั หา 2. ความสามารถในการสือ่ สารและการสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ 3. ความสามารถในการเชอ่ื มโยง คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทางาน
23 กจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครตู ้ังคาถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า “จากประสบการณท์ ี่ผ่านมานักเรยี น พบเหน็ การนาเสนอข้อมูลด้วยวธิ ีการใดบา้ ง” 2. ครูนาตัวอย่างแผนภูมิรูปภาพมาให้นักเรยี นดู 3–5 ตัวอย่าง โดยติดไว้บนกระดาน ครูให้นักเรียนช่วยกันพิจารณาส่วนประกอบของแผนภูมิรูปภาพว่าประกอบไปด้วยส่วนประกอบ อะไรบ้าง 3. ครูตั้งคาถามว่า “จากการพิจารณาแผนภูมิรูปภาพบนกระดาน แผนภูมิรูปภาพ ประกอบไปด้วยสว่ นประกอบอะไรบ้าง” โดยคาตอบต้องไมซ่ า้ กัน ครูและนักเรยี นร่วมกันตรวจสอบ ความถูกตอ้ ง ขน้ั สอน 1. ครตู ิดแผนภูมิรปู ภาพ ให้นกั เรียนจับคกู่ นั อภปิ รายเก่ียวกบั ลักษณะของแผนภูมริ ูปภาพ ส่วนประกอบของแผนภมู ิรปู ภาพ และการอ่านแผนภมู ริ ปู ภาพ ลกู บอลทีข่ ายได้ในเวลา 5 วนั วันจันทร์ วนั อังคาร วนั พธุ วนั พฤหสั บดี วันศกุ ร์ กาหนดให้ แทนจานวนลูกบอล 2 ลกู ครใู ห้นกั เรียนสังเกต และตอบคาถาม ในประเด็นตอ่ ไปน้ี - แผนภูมิน้ี เปน็ แผนภมู ิ ชนิดใด (แผนภมู ิรปู ภาพ) - รปู ภาพในแผนภูมินี้ เปน็ รปู อะไร (รปู ลกู บอล) - แผนภมู ิรปู ภาพ รปู ภาพที่ใช้แทนส่งิ เดียวกัน ต้องเป็นรปู ทเี่ หมอื นกนั และมขี นาด เท่ากนั หรอื ไม่ (เท่ากัน) - รูปภาพ 1 รูป ใชแ้ ทนจานวนเทา่ ไร (2 ลูก) - แผนภูมนิ แ้ี สดงข้อมลู เกีย่ วกบั อะไร (ลูกบอลทีข่ ายได้ในเวลา 5 วัน) - วนั จนั ทรข์ ายลกู บอลได้ก่ีลูก (4 ลกู )
24 - วนั พุธขายลกู บอลได้มากกวา่ วันอังคารกี่ลูก (6 ลูก) - ในเวลา 5 วัน ขายลกู บอลได้ก่ลี กู (34 ลูก) - วนั อังคารขายลกู บอลไดม้ ากกวา่ วันใดบา้ ง (วนั จันทร์ วันศกุ ร์) 2. นักเรียนอ่านแผนภูมิรูปภาพแสดงลูกบอลท่ีขายได้ในเวลา 5 วัน โดยครูแนะนาว่า ภาพแต่ละภาพแทนลกู บอล 2 ลกู อ่านแผนภมู ไิ ด้ว่า “วนั จนั ทร์ขายลูกบอลได้ 4 ลกู วันองั คารขายลกู บอลได้ 6 ลกู วันพธุ ขายลกู บอลได้ 10 ลกู วนั พฤหัสบดขี ายลูกบอลได้ 12 ลกู วันศุกรข์ ายลกู บอลได้ 2 ลูก” 3. ครูติดแผนภมู ิรูปภาพบนกระดาน จานวนสตั ว์เลยี้ งแต่ละชนิด สุนขั แมว ปลา กระตา่ ย กาหนดใหร้ ปู 1 รูป แทนจานวนสัตวเ์ ล้ยี ง 3 ตวั ครูให้นักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง โดยให้นักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี - มีสนุ ัขกต่ี ัว (12 ตวั ) มรี ูปสนุ ขั กี่รูป (4 รูป) - มแี มวกี่ตวั (15 ตวั ) มรี ูปแมวก่ีรูป (5 รปู ) - มปี ลาก่ตี วั (9 ตวั ) มรี ูปปลาก่ีรปู (3 รูป) - มีกระตา่ ยกีต่ ัว (3 ตัว) มีรปู กระตา่ ยก่รี ปู (1 รปู ) 4. นกั เรยี นอ่านแผนภมู ริ ปู ภาพแสดงจานวนสัตว์เล้ียง โดยครแู นะนาวา่ ภาพแตล่ ะภาพ แทนจานวนสัตว์ 3 ตัว อ่านแผนภมู ไิ ด้ว่า มสี ุนัข 12 ตัว มแี มว 15 ตวั มปี ลา 9 ตัว มีกระตา่ ย 3 ตัว 5. ครูให้นักเรียนทาใบงานท่ี 3 การอ่านแผนภูมิรูปภาพ เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียน ชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนั้นครแู ละนกั เรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 3
25 ขัน้ สรุป 1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปสง่ิ ทไี่ ดเ้ รียนรรู้ ว่ มกนั ดังน้ี - แผนภูมิรูปภาพเป็นการใช้รูปภาพแสดงจานวนหรือปริมาณของสิ่งต่างๆ โดย รูปภาพที่แทนสิ่งเดียวกัน ตอ้ งเปน็ รูปภาพทีเ่ หมือนกนั และมีขนาดเท่ากนั - จานวนรูปภาพในแผนภมู ริ ปู ภาพ อาจไม่ใชจ่ านวนทแ่ี ทจ้ ริงของสงิ่ ตา่ งๆ จานวน ท่ีแท้จริงของสิ่งต่างๆ ข้ึนอยู่กับข้อกาหนดในแผนภูมิและหาได้จากการนับเพิ่มหรอื นาจานวนรปู ใน แผนภมู คิ ูณกับจานวนรปู ภาพ 1 รปู ท่ีใช้แทนตามข้อกาหนด สือ่ การเรียนรู้ 1. ภาพสนุ ัข ภาพแมว ภาพปลา ภาพกระต่าย 2. แผนภมู แิ สดงจานวนสตั วเ์ ล้ยี งแต่ละชนดิ 3. ใบงานท่ี 3 การอ่านแผนภมู ริ ปู ภาพ การวัดผลและประเมนิ ผล สิง่ ทต่ี ้องการวดั วธิ วี ัด เคร่อื งมือวัด เกณฑ์การประเมนิ 1. ดา้ นความรู้ ทากิจกรรมจากใบงานที่ ใบงานที่ 3 70% ขน้ึ ไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ 3 การประเมนิ 2. ดา้ นทักษะ สงั เกตพฤติกรรมด้าน แบบสงั เกต นักเรียนไดค้ ะแนนระดบั กระบวนการ ทักษะกระบวนการ พฤตกิ รรมด้าน คณุ ภาพดขี ึน้ ไป ทักษะกระบวนการ 3. ด้านคุณลกั ษณะ สังเกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสงั เกต นกั เรียนไดค้ ะแนนระดับ ที่พงึ ประสงค์ คุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ พฤตกิ รรมดา้ น คุณภาพดขี น้ึ ไป คุณลักษณะ ทพี่ งึ ประสงค์ ความคิดเห็นผู้บรหิ าร ลงช่ือ.....................................ผู้ตรวจ () ผู้อานวยการโรงเรียน ..../................../........
26 บันทึกหลังการเรยี นการสอน 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1 ผลการเรียนร้ตู ามจุดประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรยี นได้คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละ 1.2 ผลการประเมนิ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ นักเรยี นอยู่ในระดบั ดมี าก คน คดิ เปน็ ร้อยละ นักเรยี นอยู่ในระดบั ดี คน คิดเปน็ ร้อยละ นักเรยี นอยใู่ นระดบั พอใช้ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ นกั เรียนอยู่ในระดบั ปรับปรุง คน คิดเปน็ ร้อยละ 1.3 ผลการประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ นักเรียนอยู่ในระดบั ดีมาก คน คิดเปน็ ร้อยละ นกั เรียนอยูใ่ นระดบั ดี คน คิดเป็นรอ้ ยละ นกั เรียนอยใู่ นระดบั พอใช้ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ นักเรยี นอยู่ในระดบั ปรับปรุง คน คิดเป็นรอ้ ยละ 2. ปญั หาและอุปสรรค 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางในการแก้ปญั หา ลงชอ่ื .....................................ผสู้ อน () ..../................../........
27 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 แผนภูมริ ูปภาพและตารางทางเดยี ว เวลาเรยี น 7 ชว่ั โมง เรอื่ ง การอา่ นแผนภมู ริ ูปภาพ เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง สอนวันท่ี....... เดือน.......................... พ.ศ. ......... ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 ............................................................................................................................. ................................... มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 : เขา้ ใจกระบวนการทางสถติ ิ และใชค้ วามรูท้ างสถิติในการแกป้ ัญหา ตัวช้ีวดั ค 3.1 ป.3/1 : เขียนแผนภมู ริ ปู ภาพ และใช้ข้อมลู จากแผนภูมิรูปภาพในการหาคาตอบของ โจทย์ปัญหา สาระสาคญั การอา่ นแผนภูมิรปู ภาพ เป็นการอ่านข้อมลู จากแผนภมู ทิ ่ีใชร้ ปู ภาพแทนจานวนสิ่งตา่ งๆ โดย จะระบขุ อ้ กาหนดของรปู ภาพ ซ่ึงงา่ ยตอ่ การอ่านรายละเอียดของข้อมลู จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกวธิ กี ารอ่านแผนภมู ริ ูปภาพได้ (K) 2. อา่ นแผนภมู ิรูปภาพตามทกี่ าหนดใหไ้ ดอ้ ย่างถกู ต้อง (P) 3. นาความร้เู ก่ยี วกบั การอา่ นแผนภูมิรูปภาพไปใช้ในชีวิตจรงิ ได้ (A) สาระการเรียนรู้ การอ่านแผนภูมิรปู ภาพ ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 1. ความสามารถในการแก้ปญั หา 2. ความสามารถในการส่ือสารและการสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ 3. ความสามารถในการเชอื่ มโยง คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทางาน
28 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูยกตวั อย่างการอ่านขอ้ มลู จากแผนภมู ิรูปภาพใหน้ ักเรยี นดู 2. ใหน้ กั เรียนบอกรายละเอยี ดของแผนภูมริ ปู ภาพ เชน่ แผนภมู ริ ปู ภาพท่ีแสดงเกีย่ วกบั อะไร อ่านข้อมูลได้อย่างไร ฝึกทักษะการต้ังคาถามโดยให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนตั้งคาถามและหา คาตอบจากแผนภูมริ ูปภาพท่ีครูกาหนดให้ ขัน้ สอน 1. ครตู ดิ แผนภูมิรปู ภาพแสดงจานวนภาชนะของครูบนกระดาน พรอ้ มข้อกาหนดรปู ภาพ 1 รปู ภาพ แทนจานวนภาชนะ 5 ใบ ดงั นี้ จานวนภาชนะของครู แก้วน้า จาน ถว้ ย ชาม กาหนดใหร้ ปู 1 รปู แทนจานวนภาชนะ 5 ใบ ครูให้นักเรียนพิจารณาแผนภูมิรูปภาพแล้วร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับส่วนประกอบ ของแผนภูมิ จากน้นั ครใู หน้ กั เรยี นช่วยกันตอบคาถาม เช่น - แผนภูมินี้แสดงอะไร ดูจากส่วนใด (จานวนภาชนะของครู ดูจากส่วนบนของ แผนภมู )ิ - รูปภาพ 1 รูป แทนภาชนะกใ่ี บ (5 ใบ) - ครมู ีแกว้ น้ากี่ใบ (15 ใบ) - ครมู ีภาชนะทัง้ หมดกใ่ี บ (65 ใบ) - ภาชนะชนิดใดมจี านวนเทา่ กนั ชนิดละกี่ใบ (แก้วนา้ และถว้ ย ชนิดละ 15 ใบ) - ครมู ีจากมากกว่าชามก่ใี บ (15 ใบ) 2. ครูให้นักเรียนทาใบงานท่ี 4 การอ่านแผนภูมิรูปภาพ เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียน ชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากน้นั ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยกจิ กรรมในใบงานท่ี 4
29 ขัน้ สรุป 2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปสง่ิ ท่ไี ด้เรยี นร้รู ่วมกัน ดังนี้ - แผนภูมิรูปภาพเป็นการใช้รูปภาพแสดงจานวนหรือปริมาณของสิ่งต่างๆ โดย รูปภาพทแ่ี ทนสิง่ เดยี วกัน ตอ้ งเปน็ รูปภาพท่ีเหมือนกนั และมีขนาดเทา่ กัน - จานวนรปู ภาพในแผนภูมริ ปู ภาพ อาจไม่ใชจ่ านวนท่ีแท้จริงของสิง่ ตา่ งๆ จานวน ที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ ข้ึนอยู่กับข้อกาหนดในแผนภูมิและหาได้จากการนับเพ่ิมหรอื นาจานวนรปู ใน แผนภูมิคูณกบั จานวนรปู ภาพ 1 รูป ท่ีใชแ้ ทนตามข้อกาหนด สอ่ื การเรยี นรู้ 1. แผนภมู ิภาชนะของครู 2. ใบงานที่ 4 การอา่ นแผนภูมริ ปู ภาพ การวดั ผลและประเมนิ ผล สง่ิ ท่ีตอ้ งการวดั วธิ วี ัด เครือ่ งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ 1. ด้านความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงานท่ี ใบงานที่ 4 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ 4 การประเมิน 2. ดา้ นทักษะ สงั เกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสงั เกต นักเรยี นไดค้ ะแนนระดบั กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ พฤตกิ รรมดา้ น คุณภาพดีขึน้ ไป ทักษะกระบวนการ 3. ด้านคุณลกั ษณะ สังเกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสงั เกต นักเรยี นไดค้ ะแนนระดับ ทีพ่ งึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ พฤตกิ รรมด้าน คณุ ภาพดขี น้ึ ไป คณุ ลกั ษณะ ทพี่ งึ ประสงค์ ความคิดเห็นผูบ้ รหิ าร ลงชื่อ.....................................ผู้ตรวจ () ผอู้ านวยการโรงเรียน ..../................../........
30 บันทึกหลังการเรยี นการสอน 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1 ผลการเรียนร้ตู ามจุดประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรยี นได้คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละ 1.2 ผลการประเมนิ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ นักเรยี นอยู่ในระดบั ดมี าก คน คดิ เปน็ ร้อยละ นักเรยี นอยู่ในระดบั ดี คน คิดเปน็ ร้อยละ นักเรยี นอยใู่ นระดบั พอใช้ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ นกั เรียนอยู่ในระดบั ปรับปรุง คน คิดเปน็ ร้อยละ 1.3 ผลการประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ นักเรียนอยู่ในระดบั ดีมาก คน คิดเปน็ ร้อยละ นกั เรียนอยูใ่ นระดบั ดี คน คิดเป็นรอ้ ยละ นกั เรียนอยใู่ นระดบั พอใช้ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ นักเรยี นอยู่ในระดบั ปรับปรุง คน คิดเป็นรอ้ ยละ 2. ปญั หาและอุปสรรค 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางในการแก้ปญั หา ลงชอ่ื .....................................ผสู้ อน () ..../................../........
31 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 5 รายวิชาคณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 แผนภมู ริ ูปภาพและตารางทางเดยี ว เวลาเรยี น 7 ชั่วโมง เรอื่ ง การเขยี นแผนภูมิรปู ภาพ เวลาเรยี น 1 ช่วั โมง สอนวันท.่ี ...... เดอื น.......................... พ.ศ. ......... ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 ............................................................................................................................. ................................... มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 : เขา้ ใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความร้ทู างสถติ ิในการแกป้ ญั หา ตัวชว้ี ัด ค 3.1 ป.3/1 : เขยี นแผนภูมริ ปู ภาพ และใช้ขอ้ มูลจากแผนภูมริ ูปภาพในการหาคาตอบของ โจทย์ปญั หา สาระสาคญั การเขยี นแผนภูมริ ปู ภาพ เปน็ การเขียนข้อมูลโดยใชร้ ูปภาพแทนจานวนสิ่งต่าง ๆ โดยจะระบุ ข้อกาหนดของรูปภาพ ซ่ึงงา่ ยตอ่ การอา่ นรายละเอยี ดของข้อมลู จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. เขียนแผนภูมริ ปู ภาพได้ (K) 2. เขียนแผนภมู ิรูปภาพได้ถูกต้อง (P) 3. นาความรเู้ ก่ียวกบั การเขยี นแผนภูมริ ปู ภาพไปใชใ้ นชวี ิตจริงได้ (A) สาระการเรียนรู้ การเขียนแผนภูมิรปู ภาพ ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 1. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 2. ความสามารถในการส่อื สารและการสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ 3. ความสามารถในการเชอื่ มโยง คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
32 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนาเข้าส่บู ทเรียน 1. สนทนากับนักเรียนถึงสีที่นักเรียนชอบ มีสีอะไรบ้าง สีใดท่ีคนนิยมมากที่สุด เราจะ ทราบข้อมลู นีโ้ ดยวิธีใด 2. นักเรียนช่วยกนั เกบ็ รวบรวมข้อมูลเก่ยี วกับสีทเี่ พือ่ นช้นั ชอบ โดยร่วมกันระดมความ คิดเห็นว่า ควรจะใช้วธิ ีใดจงึ จะเหมาะสม เชน่ ถามเพ่อื นทีละคนหรอื ถามพร้อมกัน ข้ันสอน 1. ครนู าขอ้ มลู ผลไม้ทแี่ ม่ค้าขายได้ใน 1 วัน ดังน้ี มะม่วง 20 ผล สม้ 40 ผล แอปเปลิ 10 ผล มังคดุ 35 ผล และชมพู่ 25 ผล 2. ครูให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์ข้อมูลและคิดหาแนวทางที่จะเขียนเป็นแผนภูมิรูปภาพ จากน้นั ใหช้ ว่ ยกนั เขียนแผนภูมริ ปู ภาพบนกระดาน โดยอภิปรายดว้ ยคาถาม - กาหนดช่ือของแผนภมู ิวา่ อยา่ งไร - กาหนดสัญลกั ษณ์ว่ารปู 1 รูปแทนผลไม้กผ่ี ล - ผลไมม้ ีกี่ชนดิ อะไรบา้ ง - ผลไมแ้ ตล่ ะชนิดแทนด้วยสัญลกั ษณร์ ูปผลไม้กร่ี ปู - จะเขียนแผนภูมิในแนวต้งั หรอื แนวนอน 3. ครูแนะนาการเขียนแผนภูมิรูปภาพ โดยกาหนดให้ 1 รูป แทนจานวนผลไม้ 5 ผล ครนู าภาพผลไม้ทั้ง 5 ชนิดมาให้นักเรยี น พรอ้ มท้ังอธิบาย ดังนี้ แทนมะม่วง 5 ผล แทนสม้ 5 ผล แทนแอปเปิล 5 ผล แทนมงั คดุ 5 ผล แทนชมพู่ 5 ผล 4. ครถู ามนักเรียนว่า ถา้ ใชร้ ปู ภาพแสดงจานวนผลไม้ ผลไม้แต่ละชนิดแทนด้วยรปู ภาพ ก่รี ปู จานวนมะมว่ ง 20 ผล แทนดว้ ยรปู ภาพมะมว่ ง 4 ภาพ จานวนส้ม 40 ผล แทนด้วยรูปภาพส้ม 8 ภาพ จานวนแอปเปลิ 10 ผล แทนดว้ ยรปู ภาพแอปเปลิ 2 ผล จานวนมงั คดุ 35 ผล แทนด้วยรูปภาพมังคดุ 7 ผล จานวนชมพู่ 25 ผล แทนด้วยรูปภาพชมพู่ 5 ผล
33 5. ครูนาข้อมลู ผลไม้ทีแ่ ม่คา้ ขายไดใ้ น 1 วนั เขียนแสดงเปน็ แผนภมู ริ ูปภาพบนกระดาน จานวนผลไมท้ ่แี มค่ ้าขายได้ใน 1 วัน มะม่วง สม้ แอปเปิล มงั คดุ ชมพู่ กาหนดใหร้ ูป 1 รูป แทนจานวนผลไม้ 5 ผล 6. นักเรียนอ่านแผนภูมิรูปภาพแสดงจานวนผลไม้ท่ีแม่ค้าขายได้ใน 1 วัน โดยครู แนะนาว่าภาพแต่ละภาพแทนจานวนผลไม้ 5 ผล อ่านแผนภูมิได้ ดังน้ี “แม่ค้าขายมะมว่ งได้ 20 ผล ขายสม้ ได้ 40 ผล ขายแอปเปิลได้ 10 ผล ขายมังคดุ ได้ 35 ผล และขายชมพไู่ ด้ 25 ผล” 7. ครูให้นักเรียนทาใบงานท่ี 5 การเขียนแผนภูมิรูปภาพ เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียน ชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง จากนน้ั ครูและนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 5 ขนั้ สรปุ 1. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ส่ิงท่ไี ดเ้ รยี นรู้ร่วมกนั ดังนี้ การเขียนแผนภูมริ ปู ภาพ ถ้า เป็นข้อมูลสิ่งเดียวกัน รูปภาพท่ีใช้ต้องเป็นรูปท่เี หมือนกันและมีขนาดเท่ากัน การวางรูปในแผนภูมิ รูปภาพจะวางตามแนวต้ังหรือแนวนอนก็ได้ และการเขียนแผนภูมิรูปภาพ เป็นเขียนข้อมูลโดยใช้ รูปภาพแทนจานวนสิ่งต่างๆ โดยจะระบุข้อกาหนดของรูปภาพ ซ่ึงง่ายต่อการอ่านรายละเอียดของ ข้อมลู ส่ือการเรยี นรู้ 1. แผนภมู ิแสดงจานวนผลไม้ทแี่ ม่ค้าขายไดใ้ น 1 วัน 2. ใบงานที่ 5 การเขียนแผนภูมิรปู ภาพ
34 การวดั ผลและประเมนิ ผล สิ่งทีต่ ้องการวัด วิธีวัด เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การประเมิน 1. ดา้ นความรู้ ทากิจกรรมจากใบงานท่ี ใบงานที่ 5 70% ขึน้ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์ 5 การประเมนิ 2. ด้านทักษะ สังเกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกต นักเรยี นไดค้ ะแนนระดบั กระบวนการ ทักษะกระบวนการ พฤติกรรมด้าน คุณภาพดีขึ้นไป ทกั ษะกระบวนการ 3. ด้านคณุ ลกั ษณะ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกต นกั เรียนได้คะแนนระดบั ทีพ่ งึ ประสงค์ คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ พฤตกิ รรมดา้ น คุณภาพดขี นึ้ ไป คุณลักษณะ ท่ีพึงประสงค์ ความคดิ เห็นผบู้ รหิ าร ลงชื่อ.....................................ผูต้ รวจ () ผอู้ านวยการโรงเรียน ..../................../........
35 บันทึกหลังการเรยี นการสอน 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1 ผลการเรียนร้ตู ามจุดประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรยี นได้คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละ 1.2 ผลการประเมนิ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ นักเรยี นอยู่ในระดบั ดมี าก คน คดิ เปน็ ร้อยละ นักเรยี นอยู่ในระดบั ดี คน คิดเปน็ ร้อยละ นักเรยี นอยใู่ นระดบั พอใช้ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ นกั เรียนอยู่ในระดบั ปรับปรุง คน คิดเปน็ ร้อยละ 1.3 ผลการประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ นักเรียนอยู่ในระดบั ดีมาก คน คิดเปน็ ร้อยละ นกั เรียนอยูใ่ นระดบั ดี คน คิดเป็นรอ้ ยละ นกั เรียนอยใู่ นระดบั พอใช้ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ นักเรยี นอยู่ในระดบั ปรับปรุง คน คิดเป็นรอ้ ยละ 2. ปญั หาและอุปสรรค 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางในการแก้ปญั หา ลงชอ่ื .....................................ผสู้ อน () ..../................../........
36 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 6 รายวิชาคณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 แผนภูมริ ูปภาพและตารางทางเดยี ว เวลาเรียน 7 ชวั่ โมง เร่ือง การอา่ นตารางทางเดียว เวลาเรียน 1 ชัว่ โมง สอนวันที่....... เดือน.......................... พ.ศ. ......... ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ............................................................................................................................. ................................... มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 : เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรทู้ างสถติ ใิ นการแก้ปญั หา ตัวชีว้ ดั ค 3.1 ป.3/2 : เขียนตารางทางเดียวจากข้อมูลท่ีเป็นจานวนนับ และใช้ข้อมูลจากตาราง ทางเดยี วในการหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา สาระสาคัญ การอา่ นตารางทางเดยี ว เป็นการอ่านข้อมลู จากตารางซึ่งเป็นการนาเสนอข้อมลู รปู แบบหนึ่ง ทมี่ ีการจาแนกขอ้ มลู เพียง 1 ลักษณะ โดยการอา่ นขอ้ มูลจะอ่านตรงจุดตดั แนวต้ังกับแนวนอน จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกวิธีการอ่านตารางทางเดียวได้ได้ (K) 2. อ่านตารางทางเดยี วไดถ้ กู ตอ้ ง (P) 3. นาความรู้เกีย่ วกับการอา่ นตารางทางเดยี วไปใชใ้ นชวี ติ จริงได้ (A) สาระการเรียนรู้ การอ่านตารางทางเดยี ว ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ 1. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 2. ความสามารถในการสื่อสารและการสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ 3. ความสามารถในการเช่ือมโยง คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทางาน
37 กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรยี น 1. ครูต้ังคาถามกระตุ้นความสนใจนักเรียนว่า “จากประสบการณ์ที่ผ่านมานักเรียนพบ เห็นการนาเสนอขอ้ มลู ด้วยวธิ กี ารใดบา้ ง” 2. ครนู าตวั อยา่ งตารางทางเดยี วมาให้นักเรยี นดู 3 - 5 ตัวอย่าง โดยติดไวบ้ นกระดาน ครู ให้นักเรยี นช่วยกนั พจิ ารณาสว่ นประกอบของตารางทางเดียววา่ ประกอบไปดว้ ยสว่ นประกอบอะไรบา้ ง 3. ครตู ง้ั คาถามแลว้ ใหต้ ัวแทนนกั เรียนออกมาตอบว่า “จากการพจิ ารณาตารางทางเดียว บนกระดาน ตารางทางเดียวประกอบไปด้วยส่วนประกอบอะไรบ้าง” โดยคาตอบต้องไม่ซ้ากัน ครูและ นักเรยี นท่เี หลอื ร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ขน้ั สอน 1. ครตู ิดตารางทางเดียวบนกระดาน แล้วแบง่ นักเรียนออกเปน็ 2 กล่มุ ใหน้ กั เรียนแขง่ ขัน กันตอบคาถาม โดยมีกติกาดังน้ี - นักเรียนท่ยี กมอื กอ่ นจะมีสิทธ์ิตอบกอ่ น - กลมุ่ ทตี่ อบคาถามได้ถูกตอ้ งจะไดค้ ะแนนสะสม 1 คะแนน - นกั เรียนกลมุ่ ใดตอบผิด อีกกล่มุ จะมีโอกาสตอบโดยไมต่ อ้ งยกมอื จานวนนักเรยี นทีช่ อบกฬี าชนิดต่างๆ ชนิดของกฬี า จานวนนกั เรยี น (คน) วอลเลยบ์ อล 17 32 ฟุตบอล 45 แบดมนิ ตัน 27 20 วา่ ยน้า ปิงปอง - ตารางทางเดยี วนีแ้ สดงอะไร (จานวนนักเรียนทีช่ อบกีฬาชนดิ ตา่ งๆ) - ชนิดของกีฬามีทั้งหมดกี่ชนิดอะไรบ้าง (วอลเลย์บอล ฟุตบอล แบดมินตัน ว่ายน้า ปิงปอง) - จานวนนักเรยี นทช่ี อบกฬี าวอลเลย์บอลมจี านวนเท่าไร (17 คน) - จานวนนักเรยี นที่ชอบกีฬาฟุตบอลมจี านวนเท่าไร (32 คน) - จานวนนักเรยี นท่ีชอบกีฬาวา่ ยน้ามจี านวนเท่าไร (27 คน) - นักเรียนชอบกีฬาชนิดใดนอ้ ยท่ีสุด จานวนก่คี น (วอลเลย์บอล จานวน 17 คน) - นกั เรยี นชอบกฬี าชนิดใดมากที่สดุ จานวนกค่ี น (แบดมนิ ตนั จานวน 45 คน) - นักเรยี นชอบกฬี าวอลเลยบ์ อลนอ้ ยกวา่ วา่ ยนา้ ก่ีคน (10 คน) 2. ครูถามคาถามกระตุ้นความคิดนักเรียนว่า “ส่ิงสาคัญในการอ่านตารางทางเดียวคือ อะไร” (จะต้องอ่านขอ้ มูลตรงจดุ ตดั แนวตง้ั กับแนวนอน)
38 3. ครูให้นักเรียนทาใบงานท่ี 6 การอ่านตารางทางเดียว เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียน ชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง จากนน้ั ครูและนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยกจิ กรรมในใบงานที่ 6 ข้นั สรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ สิง่ ทไ่ี ด้เรยี นรรู้ ่วมกนั ดังน้ี การอ่านตารางทางเดยี วเปน็ การอ่านข้อมลู จากตารางซ่ึงเป็นการนาเสนอข้อมลู รปู แบบหน่งึ ที่มกี ารจาแนกขอ้ มลู เพยี ง 1 ลักษณะ โดยการอ่านขอ้ มลู จะอา่ นตรงจดุ ตัดแนวตงั้ กับแนวนอน ส่อื การเรียนรู้ 1. ตารางทางเดยี ว 2. ใบงานท่ี 6 การอ่านตารางทางเดียว การวัดผลและประเมนิ ผล สิ่งที่ตอ้ งการวัด วิธีวัด เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารประเมิน 1. ดา้ นความรู้ ทากิจกรรมจากใบงานท่ี ใบงานที่ 6 70% ขนึ้ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ 6 การประเมนิ 2. ดา้ นทักษะ สังเกตพฤติกรรมดา้ น แบบสงั เกต นกั เรียนได้คะแนนระดับ กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ พฤตกิ รรมดา้ น คุณภาพดีขึน้ ไป ทกั ษะกระบวนการ 3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะ สังเกตพฤติกรรมด้าน แบบสงั เกต นกั เรียนได้คะแนนระดับ ทีพ่ ึงประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ พฤติกรรมด้าน คณุ ภาพดีขน้ึ ไป คณุ ลกั ษณะ ที่พงึ ประสงค์ ความคดิ เห็นผบู้ รหิ าร ลงช่ือ.....................................ผู้ตรวจ () ผูอ้ านวยการโรงเรียน ..../................../........
39 บันทึกหลังการเรยี นการสอน 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1 ผลการเรยี นรูต้ ามจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ นกั เรยี นไดค้ ะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละ 1.2 ผลการประเมินทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ นักเรยี นอยใู่ นระดบั ดมี าก คน คดิ เปน็ ร้อยละ นักเรยี นอยู่ในระดบั ดี คน คิดเปน็ ร้อยละ นักเรยี นอยใู่ นระดบั พอใช้ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ นกั เรียนอยู่ในระดบั ปรบั ปรงุ คน คิดเปน็ ร้อยละ 1.3 ผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ นักเรียนอยใู่ นระดบั ดีมาก คน คิดเปน็ ร้อยละ นกั เรียนอยใู่ นระดบั ดี คน คิดเป็นรอ้ ยละ นกั เรียนอยู่ในระดบั พอใช้ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ นักเรยี นอย่ใู นระดบั ปรบั ปรุง คน คิดเป็นรอ้ ยละ 2. ปญั หาและอปุ สรรค 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางในการแกป้ ัญหา ลงชอ่ื .....................................ผสู้ อน () ..../................../........
40 แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 7 รายวชิ าคณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 แผนภูมริ ูปภาพและตารางทางเดยี ว เวลาเรียน 7 ชว่ั โมง เร่อื ง การเขยี นตารางทางเดียว เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง สอนวันท.ี่ ...... เดอื น.......................... พ.ศ. ......... ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 ............................................................................................................................. ................................... มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 : เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความร้ทู างสถิติในการแกป้ ัญหา ตัวช้วี ดั ค 3.1 ป.3/2 : เขียนตารางทางเดียวจากข้อมูลท่ีเป็นจานวนนับ และใช้ข้อมูลจากตาราง ทางเดียวในการหาคาตอบของโจทย์ปญั หา สาระสาคญั การเขียนตารางทางเดียว เป็นการนาเสนอข้อมูลรูปแบบหนึ่งท่ีมีการจาแนกข้อมูลเพียง 1 ลกั ษณะ โดยการอา่ นขอ้ มลู จะอ่านตรงจุดตดั แนวตงั้ กบั แนวนอน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกวิธีการเขียนตารางทางเดยี วได้ (K) 2. เขยี นตารางทางเดียวได้ถูกต้อง (P) 3. นาความรู้เกย่ี วกบั การเขียนตารางทางเดยี วไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ได้ (A) สาระการเรยี นรู้ การเขียนตารางทางเดยี ว ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 1. ความสามารถในการแก้ปญั หา 2. ความสามารถในการสื่อสารและการสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ 3. ความสามารถในการเชอื่ มโยง คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ม่งุ ม่ันในการทางาน
41 กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันนาเขา้ ส่บู ทเรียน 1. ครูทบทวนเรื่องส่วนประกอบของตารางทางเดียว โดยครูติดตารางทางเดียวบน กระดาน จากน้ันสุ่มตัวแทนนักเรียนตอบคำถาม ว่าส่ิงท่ีครูช้ี คือ ส่วนประกอบใดของตารางทางเดียว โดยครูและนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคำตอบ ขนั้ สอน 1. ครูใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 4 – 5 คน จากน้นั ครูนาภาพผลไม้ตา่ งๆ มาวางรวมกัน บนโต๊ะหน้าช้ันเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเดินสารวจแล้วพิจารณาผลไม้ทีละชนิดว่ามีผลไม้ชนิด ใดบ้าง และมจี านวนเท่าไร 2. ครูให้นักเรียนเขียนช่ือผลไม้พรอ้ มท้ังวาดภาพประกอบเพื่อแสดงจานวนผลไม้ท่ไี ด้ สารวจลงในแบบบนั ทกึ ข้อมลู ตารางท่ี 1 เช่น แอปเปลิ กล้วย สม้ มังคดุ มะมว่ ง 3. ครูตั้งคาถามจากตารางแสดงจานวนผลไม้โดยให้นักเรียนร่วมกันตอบเพื่อให้ได้ ประเดน็ ต่างๆ ดงั น้ี - แอปเปิล มจี านวนกีผ่ ล - กลว้ ย มจี านวนกผ่ี ล - สม้ มจี านวนกี่ผล - มงั คุด มจี านวนกผี่ ล - มะม่วง มจี านวนกีผ่ ล - ผลไม้ชนดิ ใดมีจานวนมากทีส่ ุดและมีจานวนเท่าไร - ผลไม้ชนิดใดมีจานวนมากรองลงมาและมจี านวนเทา่ ไร - ผลไมช้ นดิ ใดมีจานวนนอ้ ยทส่ี ดุ และมจี านวนเท่าไร 4. ครูถามนักเรียนกระตุ้นความคิดนักเรียนว่า ข้อมูลที่ได้มีลักษณะอย่างไร (เป็น ขอ้ ความหรอื ตวั เลข) 5. ครใู ห้นกั เรยี นกลุ่มเดิมรว่ มกันพิจารณาส่วนประกอบของตารางทางเดยี วที่ครูติดบน กระดานว่าประกอบไปด้วยสว่ นประกอบอะไรบ้าง จากนั้นร่วมกนั สรปุ ส่วนประกอบลงในกระดาษที่ ครแู จกให้ 6. ครูตงั้ คาถาม โดยให้ตัวแทนนกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมาตอบกลมุ่ ละ 1 คาตอบ วา่ จาก การพิจารณาตารางทางเดียวบนกระดานมสี ่วนประกอบอะไรบ้าง โดยคาตอบต้องไม่ซ้ากัน ครูและ นกั เรยี นกลุ่มที่เหลอื รว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง และครูอธิบายเพ่มิ เตมิ ในสว่ นทยี่ งั มีข้อบกพรอ่ งอยู่ 7. ครูให้นักเรียนทาใบงานที่ 7 การเขียนตารางทางเดียว เม่ือเสร็จแล้วให้นักเรียน ช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั เฉลยกจิ กรรมในใบงานที่ 7
42 ขน้ั สรปุ 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสง่ิ ทไี่ ด้เรียนรู้ร่วมกัน ดังน้ี การเขียนตารางทางเดียววา่ ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ช่อื ตาราง หัวตาราง และขอ้ มูลในตาราง ซึ่งข้อมลู ในตารางจะประกอบด้วย ข้อความและตัวเลขแสดงข้อมูลต่างๆ การเขียนตารางทางเดียวต้องกาหนดหัวข้อและแปลงข้อมูล ต่างๆ เป็นตัวเลข และการเขียนตารางทางเดียว เป็นการนาเสนอข้อมูลรูปแบบหน่ึงท่ีมีการจาแนก ข้อมูลเพียง 1 ลักษณะ โดยการอ่านขอ้ มลู จะอา่ นตรงจุดตดั แนวตงั้ กับแนวนอน สือ่ การเรียนรู้ 1. ภาพผลไมต้ ่างๆ เชน่ แอปเปลิ กล้วย ส้ม มังคุด มะมว่ ง 2. ใบงานท่ี 7 การเขยี นตารางทางเดียว การวัดผลและประเมนิ ผล สิ่งทตี่ ้องการวัด วิธีวัด เครือ่ งมอื วัด เกณฑ์การประเมิน 1. ดา้ นความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงานที่ ใบงานท่ี 7 70% ขึน้ ไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ 7 การประเมิน 2. ดา้ นทักษะ สงั เกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสงั เกต นกั เรียนได้คะแนนระดับ กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ พฤติกรรมด้าน คณุ ภาพดขี ึน้ ไป ทกั ษะกระบวนการ 3. ดา้ นคุณลกั ษณะ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกต นกั เรียนได้คะแนนระดับ ท่ีพงึ ประสงค์ คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ พฤติกรรมดา้ น คุณภาพดขี นึ้ ไป คณุ ลกั ษณะ ท่พี งึ ประสงค์ ความคิดเห็นผบู้ รหิ าร ลงช่อื .....................................ผตู้ รวจ () ผูอ้ านวยการโรงเรยี น ..../................../........
43 บันทึกหลังการเรยี นการสอน 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1 ผลการเรียนร้ตู ามจุดประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรยี นได้คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละ 1.2 ผลการประเมนิ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ นักเรยี นอยู่ในระดบั ดมี าก คน คดิ เปน็ ร้อยละ นักเรยี นอยู่ในระดบั ดี คน คิดเปน็ ร้อยละ นักเรยี นอยใู่ นระดบั พอใช้ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ นกั เรียนอยู่ในระดบั ปรับปรุง คน คิดเปน็ ร้อยละ 1.3 ผลการประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ นักเรียนอยู่ในระดบั ดีมาก คน คิดเปน็ ร้อยละ นกั เรียนอยูใ่ นระดบั ดี คน คิดเป็นรอ้ ยละ นกั เรียนอยใู่ นระดบั พอใช้ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ นักเรยี นอยู่ในระดบั ปรับปรุง คน คิดเป็นรอ้ ยละ 2. ปญั หาและอุปสรรค 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางในการแก้ปญั หา ลงชอ่ื .....................................ผสู้ อน () ..../................../........
44 ใบงาน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 แผนภูมิรูปภาพและตารางทางเดยี ว สาระท่ี 1 จานวนและพีชคณิต มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 : เขา้ ใจกระบวนการทางสถิติ และใชค้ วามรทู้ างสถติ ิในการ แก้ปญั หา ตวั ชว้ี ัด ค 3.1 ป.3/1 : เขียนแผนภูมิรูปภาพ และใช้ข้อมูลจากแผนภูมิรปู ภาพในการ หาคาตอบของโจทย์ปญั หา ค 3.1 ป.3/2 : เขียนตารางทางเดียวจากขอ้ มูลท่เี ปน็ จานวนนับ และใชข้ อ้ มลู จากตารางทางเดยี วในการหาคาตอบของโจทย์ปญั หา
45 ใบงานท่ี 1 การเก็บรวบรวมข้อมลู และจาแนกขอ้ มลู คาช้แี จง ให้นักเรยี นสารวจขอ้ มลู ต่อไปนีแ้ ลว้ ตอบคาถาม สารวจขอ้ มูลวนั เกดิ ของเพ่อื นในห้อง แล้วเกบ็ ข้อมลู ด้วยวธิ ีการที่กกาหนดให้ แลว้ ตอบ คาถาม แทนจานวนนักเรยี น 1 คน แทนจานวนนักเรยี น 2 คน แทนจานวนนกั เรียน 3 คน แทนจานวนนกั เรยี น 4 คน แทนจานวนนักเรียน 5 คน การสารวจขอ้ มูลวันเกดิ ของนกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปที ่ี .......... จานวน ......... คน กฬี าท่ีนกั เรียนชอบ จานวน (คน) วันจนั ทร์ วันอังคาร วันพธุ วนั พฤหัสบดี วันศุกร์ วันเสาร์ วนั อาทติ ย์ 1. นักเรยี นเกดิ ตรงกบั วันใดมากท่สี ุด 2. นักเรียนเกดิ ตรงกบั วนั ใดนอ้ ยทส่ี ดุ 3. จานวนนักเรยี นที่เกดิ วนั ศกุ ร์กบั วันอาทิตย์ ตา่ งกนั เท่าใด
46 ใบงานที่ 2 การเกบ็ รวบรวมข้อมูลและจาแนกข้อมูล คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนสารวจขอ้ มูลตอ่ ไปน้ีแลว้ ตอบคาถาม จานวนนกั เรียนในห้องท่ีชอบกีฬาตอ่ ไปนี้ แบดมินตัน บาสเกตบอล ฟตุ บอล วอลเลย์บอล ปงิ ปอง มีชนิดละกคี่ น ให้นักเรียนเติมจานวนนักเรียนท่ชี อบกฬี าตา่ งๆ โดยวิธีการดังน้ี แทนจานวนนกั เรียน 1 คน แทนจานวนนักเรียน 2 คน แทนจานวนนกั เรียน 3 คน แทนจานวนนักเรยี น 4 คน แทนจานวนนกั เรยี น 5 คน การสารวจข้อมูลจานวนกีฬาทน่ี ักเรยี นชอบของนกั เรียน ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี .......... จานวน ......... คน กฬี าที่นกั เรยี นชอบ จานวน (คน) แบดมนิ ตัน บาสเกตบอล ฟตุ บอล วอลเลยบ์ อล ปงิ ปอง ผลจากการสารวจขอ้ มูลจานวนกฬี าทน่ี ักเรยี นชอบจาแนกได้ ดงั น้ี แบดมนิ ตัน คน บาสเกตบอล คน ฟตุ บอล คน วอลเลยบ์ อล คน ปงิ ปอง คน
47 ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ 1. กีฬาท่ีนักเรียนชอบมากท่ีสดุ 2. กฬี าที่นักเรยี นชอบนอ้ ยท่ีสดุ 3. จานวนนกั เรยี นทช่ี อบวอลเลย์บอลกบั ฟตุ บอล ตา่ งกันเทา่ ใด 4. จานวนนักเรียนที่ชอบแบดมินตันกับปงิ ปอง ตา่ งกันเทา่ ใด
Search