Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Description: 3

Search

Read the Text Version

การวางแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 3   วเิ คราะห์สาระมาตรฐานและขอบข่ายการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดบั ช้ัน ประถมศึกษาปี ที่ 3 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ เกย เกอว กด สดใส สาระสาคญั ตามมาตรฐาน การเรียนรู้ท่ี ท 1.1 / ท 3.1 / 1. การอ่านสะกดคา ท 4.1 2. วรรณกรรมเร่ือง นิทานเริงใจ 3. การพดู ในโอกาสตา่ งๆ ลาดบั แผนการจดั การเรยี นรู้ 4. มารยาทในการพดู - แผนการเรียนรู้ที่ 3 5. มาตราตวั สะกดมาตรา เกย เกอว และกด 6. การผนั อกั ษร กระบวนการเรยี นรู้หลกั กิจกรรมท่ี เวลา 7 ชวั่ โมง กระบวนการเรยี นรู้บูรณาการ 1. มาตราตวั สะกด เวลา 6 ชวั่ โมง 2. สนุกกบั การผนั อกั ษร เวลา 2 ชว่ั โมง 3. วรรณกรรมเรื่อง นิทานเริงใจ เวลา 5 ชว่ั โมง 4. การพดู สื่อสาร - กระบวนการเรียนภาษา - กระบวนการปฏบิ ตั ิ - บรู ณาการสู่การคดิ โดยแบ่งกลุม่ กลุ่มละ 5 – 6 คน ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ คิดคาท่ีมตี วั สะกดในมาตรา เกย เกอว และกด มาตราละ 3 คา แลว้ แตง่ นิทานส้นั ๆ โดยใชค้ าทคี่ ดิ ประกอบ พร้อมวาดรูประบายสี ให้สวยงาม 65

 กาหนดเป้าหมายการจดั การเรียนรู้ ประจาหน่วยท่ี 3 ด้านความรู้ (K) ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ด้านคุณลกั ษณะ 1. การอ่านสะกดคา 2. วรรณกรรมเร่ือง นิทานเริงใจ 1. การฟังสิ่งท่ีครูและเพอ่ื นพดู ท่พี ึงประสงค์ (A) 3. การพดู ในโอกาสตา่ งๆ 2. การพดู ตอบคาถาม และการพูด 1. เหน็ คุณคา่ ของการใชภ้ าษาไทย 4. มารยาทในการพูด 5. มาตราตวั สะกดมาตรา เกย เกอว แสดงความคดิ ในชีวิตประจาวนั 2. มคี วามกระตือรือรน้ สนใจใฝ่รู้ และกด 3. การอา่ นออกเสียงสะกดคา 3. มีความรับผิดชอบในงานของตน 6. การผนั อกั ษร 4. การเขยี นสะกดคา 5. การคดิ วเิ คราะห์ และมีส่วนร่วมในการทากิจกรรม 6. การคดั ลายมือตวั บรรจง 4. มนี ิสยั รักการอ่านและเขียน 5. มมี ารยาทในการพดู เตม็ บรรทดั เป้าหมายการเรียนรู้ เกย เกอว กด สดใส หลกั ฐานการเรยี นรู้ ภาระงานทป่ี ฏบิ ตั ริ ะหว่างเรียน ผลงานการเรียนรู้รวบยอด ผลงานการประเมินตนเอง - ฝึกกระบวนการเรียนรู้โดยการ - ฝึกกระบวนการคดิ วิเคราะห์ ผลงานนิทานแสนสนุก อ่าน เขยี น และคิดจากกิจกรรม จากกิจกรรมพฒั นาการคิด พฒั นาการเรียนรู้ และใบงาน (จานวน 9 ชิน้ ) (จานวน 7 ชิน้ ) 66

 ออกแบบการจัดการเรียนรู้ 1. กาหนดเป้าหมายการเรียนรู้ สาระท่ี 1 : การอ่าน มาตรฐาน ท 1.1 : ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคดิ เพอื่ นาไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ัญหาในการ ดาเนินชีวติ และมีนิสัยรักการอ่าน (1) อา่ นออกเสียงคา ขอ้ ความ เรื่องส้ันๆ และบทร้อยกรองง่ายๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง คลอ่ งแคล่ว (2) อธิบายความหมายของคา และขอ้ ความทอ่ี ่าน สาระท่ี 3 : การฟัง การดู และการพดู มาตรฐาน ท 3.1 : สามารถเลือกฟัง และดูอยา่ งมีวิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และความรู้สึก ในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์ (5) พดู สื่อสารไดช้ ดั เจนตรงตามวตั ถุประสงค์ (6) มีมารยาทในการฟัง การดู และการพดู สาระที่ 4 : หลักการใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท 4.1 : เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลงั ของ ภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ (1) เขียนสะกดคา และบอกความหมายของคา 2. ความคดิ รวบยอด เม่อื เรียนจบหน่วยการเรียนรู้น้ีแลว้ นกั เรียนจะตอ้ งมคี วามรู้ความเขา้ ใจท่คี งทน ดงั น้ี - การฝึกอ่านออกเสียงสะกดคา จะทาให้อา่ นคา ขอ้ ความและเรื่องส้ันๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง คล่องแคลว่ - การพูดคุยเพอ่ื สื่อสารกนั มหี ลายโอกาส เช่น การพดู ทกั ทาย การพูดแนะนาตวั การพูดสนทนา โตต้ อบ เราจึงควรพูดให้เหมาะสมกบั โอกาส และควรพูดอยา่ งมีมารยาทดว้ ย - การสะกดคาไดถ้ กู ตอ้ งตามมาตราตวั สะกด จะทาให้อา่ นและเขียนคาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง - การผนั อกั ษร ทาให้ออกเสียงคาไดต้ รงตามเสียงวรรณยกุ ต์ และเขียนรูปคาไดถ้ กู ตอ้ ง 67

3. แก่นสารสาคญั ของการเรียนรู้ 1. การเรียนรู้มาตราตวั สะกด และการผนั อกั ษร มคี วามจาเป็นต่อการดารงชีวิตของนกั เรียนอยา่ งไร 2. นกั เรียนคิดวา่ ถา้ นกั เรียนไมส่ ามารถพดู ส่ือสารไดอ้ ยา่ งเหมาะสม จะเกิดผลเสียต่อการดารงชีวิต ของนกั เรียนอยา่ งไร 4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ 4.1 การประเมินก่อนเรียน 1) การใชค้ าถามเพื่อประเมินความรู้เดิมของนกั เรียน 2) การทากิจกรรมนาสู่การเรียน - การหาคาทมี่ ีตวั สะกดในมาตรา เกย เกอว และกด จากตารางตามแนวต้งั และแนวนอน แลว้ วงรอบคา และเขียนคาลงในช่องว่าง 4.2 การประเมนิ ระหว่างเรียน 1) การจาแนกคาตามมาตราตวั สะกดตามทกี่ าหนด แลว้ เขยี นจาแนกคาลงในสมดุ 2) การเขียนคาจากคาอา่ นทก่ี าหนด 3) การเขียนผนั อกั ษรจากคาทกี่ าหนด แลว้ ฝึกอา่ นออกเสียง 4) การเขียนบอกรูปและเสียงวรรณยกุ ตข์ องคาทกี่ าหนด 5) การอา่ นสะกดคาบทอา่ น และหาความหมายของคาทีก่ าหนด 6) การตอบคาถามจากเรื่องที่อา่ น 7) การฝึกพดู คยุ สนทนา โดยคิดหัวขอ้ เร่ืองในการสนทนาเอง 4.3 การประเมนิ หลังเรียน - แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิ ประจาหน่วยท่ี 1-5 4.4 การประเมินพฤตกิ รรมการเรียนรู้รวบยอด 1) การวงรอบคาที่มีตวั สะกดในมาตรา เกย เกอว และกด จากตารางตามแนวต้งั และแนวนอน แลว้ เขยี นจาแนกคาตามมาตราให้ถูกตอ้ ง 2) การคดิ คา แลว้ ผนั อกั ษรจากคาทีค่ ดิ ลงในช่องว่าง 3) การอ่านบทสนทนาทก่ี าหนด แลว้ คิดและเขยี นบทสนทนาทหี่ ายไปให้สมบูรณ์ จากน้นั จบั คู่ พดู กบั เพือ่ น 4) ใบงานที่ 9 เรื่อง เกย เกอว ชวนทา 5) ใบงานที่ 10 เร่ือง ตวั สะกดน่ารู้ 6) ใบงานท่ี 11 เรื่อง มาผนั อกั ษรกลางกนั เถอะ 7) ใบงานท่ี 12 เรื่อง อกั ษรสูง ผนั สนุก 8) ใบงานที่ 13 เร่ือง รู้หลกั การพูด 68

9) ใบงานที่ 14 เรื่อง นานา นิทาน 4.5 การประเมินตนเอง - ผลงานนิทานแสนสนุก 5. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. สื่อการเรียนรู้ ( ตวั อยา่ ง : สื่อฯ มมฐ. หลกั สูตรแกนกลางฯ ภาษาไทย ป. 3 ) 2. บตั รภาพ ตน้ มะพร้าว กระตา่ ย ก๋วยเตยี๋ ว และตน้ กลว้ ย 3. เกม บอกใบท้ ายคา 4. เกม จงั หวดั ไทย จงั หวดั ไหนมีแม่กด 5. บตั รภาพรูปผา รูปกาลงั ผ่าฟืน และรูปผา้ 6. กิจกรรมฐานการเรียนรู้ รู้หลกั การพดู 7. วรรณกรรมนิทานอีสป 5 เร่ือง 8. สื่อและแหลง่ การเรียนรู้ เช่น หอ้ งสมดุ อนิ เทอร์เนต็ 69

แผนการเรียนรู้ท่ี 3 เกย เกอว กด สดใส รหสั วิชา / ช่ือรายวิชา..........................................................................................................................................................................กลมุ่ สาระภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3 เวลา 20 ชว่ั โมง ภาคเรี ยนที่........................................... ผสู้ อน โรงเรียน........................................................................................................ ................................................................................................................................... 1. สาระสาคัญ มาตราเกย เกอว และกด เป็นมาตราตวั สะกดในภาษาไทยที่สาคญั และการผนั อกั ษร เป็นการออก เสียงคาใหต้ รงกบั เสียงวรรณยกุ ต์ การเรียนรู้มาตราตวั สะกด และการผนั อกั ษรเป็นพ้นื ฐานสาคญั ของการอ่าน และเขียนคาในภาษาไทยให้ถกู ตอ้ ง 2. ตวั ชี้วดั / จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อา่ นออกเสียงคา ขอ้ ความ เร่ืองส้นั ๆ และบทร้อยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคล่ว (ท 1.1 ป. 3/1) 2. อธิบายความหมายของคา และขอ้ ความทอี่ า่ น (ท 1.1 ป. 3/2) 3. พดู สื่อสารไดช้ ดั เจนตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ (ท 3.1 ป. 3/5) 4. มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด (ท 3.1 ป. 3/6) 5. เขียนสะกดคา และบอกความหมายของคา (ท 4.1 ป. 3/1) 3. สาระการเรียนรู้ ความรู้ 1. การอา่ นสะกดคา 2. วรรณกรรมเร่ือง นิทานเริงใจ 3. การพูดในโอกาสตา่ งๆ 4. มารยาทในการพดู 5. มาตราตวั สะกดมาตรา เกย เกอว และกด 6. การผนั อกั ษร ทักษะ/กระบวนการ 1. การฟังส่ิงทค่ี รูและเพอ่ื นพูด 2. การพดู ตอบคาถาม และการพดู แสดงความคิด 70

3. การอ่านออกเสียงสะกดคา 4. การเขียนสะกดคา 5. การคิดวิเคราะห์ 6. การคดั ลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทดั คณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ 1. เห็นคุณค่าของการใชภ้ าษาไทยในชีวิตประจาวนั 2. มีความกระตอื รือร้น สนใจใฝ่ รู้ 3. มีความรบั ผิดชอบในงานของตนและมีส่วนร่วมในการทากิจกรรม 4. มนี ิสยั รกั การอา่ นและเขยี น 5. มีมารยาทในการพดู 4. กิจกรรมการเรียนรู้ กจิ กรรมท่ี  มาตราตวั สะกด เวลา 7 ชั่วโมง กระบวนการเรียนภาษา ชั่วโมงที่ 1 กิจกรรมนาสู่การเรียน 1. ครูตดิ บตั รภาพบนกระดาน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเขียนคาใหส้ มบูรณบ์ นกระดาน โดยบตั รภาพท่ีใช้ มดี งั น้ี ตน้ + ภาพกลว้ ย กระ + ภาพกระต่าย ตน้ + ภาพมะพรา้ ว ก๋วย + ภาพก๋วยเตยี๋ ว 2. ครูใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียงสะกดคาพร้อมกนั และให้นกั เรียนสงั เกตตวั สะกดทา้ ยพยางค์ ของคา จากน้นั ครูช้ีแจงใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ ตวั สะกดทา้ ยพยางคด์ งั กลา่ วเป็นตวั สะกดในมาตรา เกย และเกอว 71

3. ครูใหน้ กั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน (หนา้ 44) หวั ขอ้ ยอ่ ย มาตรา เกย หรือแม่เกย และมาตรา เกอว หรือแมเ่ กอว แลว้ ครูอธิบายใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ โดยใชต้ วั อยา่ งคาในหนงั สือเรียน (หนา้ 44) ประกอบการอธิบาย 4. ครูให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงสะกดคาในหนงั สือเรียน (หนา้ 44) พร้อมกนั จนอา่ นไดค้ ลอ่ ง กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ 1. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งออกเป็นกล่มุ กลุม่ ละ 4-5 คน เพื่อเลน่ เกม “บอกใบ้ ทายคา” โดยครูเป็นผูใ้ บ้ คาที่อยใู่ นมาตรา เกย และเกอว และนกั เรียนแต่ละกล่มุ เป็นผทู้ ายคา กลุ่มใดทายไดถ้ กู ตอ้ งมาก ทส่ี ุดถอื เป็นผชู้ นะ เมอ่ื ครูอา่ นคาใบใ้ หน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั ทายคา และเขยี นคาลงในสมุด ของนกั เรียนให้ถูกตอ้ ง คาใบ้ 1. อุปกรณ์ชนิดหน่ึง ไวส้ าหรบั ตดั ไม้ (เลื่อย) 2. การสิ้นชีวติ (ตาย) 3. สตั วช์ นิดหน่ึง มี 4 ขา ชอบเค้ยี วเอ้ือง ชาวนาชอบใชไ้ ถนา (ควาย) 4. นิ้วท่ีเลก็ ทส่ี ุดในมือของเรา (กอ้ ย) 5. หาของไมเ่ จอ (หาย) 6. อปุ กรณ์ชนิดหน่ึง ชาวนาใชส้ าหรับเก่ียวขา้ ว (เคียว) 7. คูส่ มรส (บ่าวสาว) 8. อาการอา้ ปากเม่ือรู้สึกงว่ ง (หาว) 9. สตั วช์ นิดหน่ึงมี 4 ขา ร้องเหมียวๆ (แมว) 10. นกมีหู หนูมีปี ก (คา้ งคาว) 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั เฉลยคาตอบ จากน้นั ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงคาท่ีไดใ้ นมาตราเกย และเกอว ในสมุดพร้อมกนั ช่ัวโมงท่ี 2 3. ครูทบทวนความรู้เดิมของนกั เรียนเกี่ยวกบั มาตราตวั สะกด มาตรา เกย และเกอว และให้ นกั เรียนฝึกอ่านออกเสียงคาในมาตรา เกย และเกอว ในหนงั สือเรียน (หนา้ 44) พร้อมกนั อกี คร้งั 72

4. ครูให้นกั เรียนทาใบงานที่ 9 เกย เกอว ชวนทา โดยให้นกั เรียนคิดคาท่อี ยใู่ นมาตรา เกย และเกอว ใหไ้ ดม้ ากทส่ี ุด และเขยี นคาใหถ้ ูกตอ้ ง จากน้นั ครูสุ่มเรียกให้นกั เรียนตอบคาท่ีเติมลงในใบงาน เพือ่ ตรวจสอบความถูกตอ้ งของคาตอบ ถา้ ตอบผดิ ให้เพือ่ นนกั เรียนในหอ้ งช่วยกนั แกไ้ ขให้ ถกู ตอ้ ง ชั่วโมงท่ี 3 5. ครูให้นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน (หนา้ 45) หวั ขอ้ ยอ่ ย มาตรา กด หรือแมก่ ด แลว้ ครูอธิบาย ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจมาตราตวั สะกดมาตรา กด โดยใชต้ วั อยา่ งในหนงั สือเรียน (หนา้ 45) ประกอบ การอธิบาย และให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงขอ้ ความในกรอบคาพดู สีชมพใู นหนงั สือเรียน (หนา้ 45) พร้อมกนั 6. ครูให้นกั เรียนอ่านออกเสียงคาในหนงั สือเรียน (หนา้ 45) พร้อมกนั 7. ครูใหน้ กั เรียนเลน่ เกม “จงั หวดั ไทย จงั หวดั ไหนมีแม่กด” โดยให้นกั เรียนแบ่งออกเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน แต่ละกลุ่มจะผลดั กนั ออกมาเขียนช่ือจงั หวดั ในประเทศไทยทีม่ ีตวั สะกด ในมาตรา กด บนกระดาน กลมุ่ ใดไม่สามารถเขียนไดใ้ หบ้ อกผ่าน ถา้ เขียนไดถ้ กู ตอ้ งตามมาตรา ได้ 1 คะแนน โดยมคี รูและเพือ่ นนกั เรียนกลุ่มอน่ื ช่วยตรวจสอบความถกู ตอ้ ง กลุ่มทไ่ี ดค้ ะแนน มากที่สุดเป็นผชู้ นะ 8. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เก่ียวกบั มาตราตวั สะกดมาตรา กด ชั่วโมงท่ี 4 9. ครูทบทวนความรู้เดิมของนกั เรียนเกี่ยวกบั มาตราตวั สะกดมาตรา กด และใหน้ กั เรียนอ่าน ออกเสียงคาในหนงั สือเรียน (หนา้ 45) พร้อมกนั จนอ่านไดค้ ล่อง 10. ครูให้นกั เรียนทาใบงานที่ 10 ตวั สะกดน่ารู้ โดยให้นกั เรียนเตมิ ตวั สะกดในมาตรา กด ลงในช่องวา่ งให้ถกู ตอ้ ง 11. ครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจคาตอบ โดยสุ่มให้นักเรียนออกมาเขียนคาบนกระดาน จากน้นั ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงคามาตรา กด บนกระดานพร้อมกนั ชั่วโมงท่ี 5 กิจกรรมรวบยอด 1. ครูใหน้ กั เรียนทากิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ท่ี 1 ขอ้ 1-2 ในหนงั สือเรียน (หนา้ 46) โดยจาแนกคา ตามมาตราตวั สะกดตามที่กาหนด แลว้ เขียนคาอ่านจากคาทกี่ าหนดให้ลงในสมุด และเขียนคา จากคาอ่านทกี่ าหนดให้ 73

2. ครูให้นกั เรียนอาสาสมคั รหรือสุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเขียนคาตอบบนกระดาน โดยมเี พือ่ น นกั เรียนในหอ้ งช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ถา้ ผดิ ให้นกั เรียนในห้องช่วยกนั แกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ ง ช่ัวโมงท่ี 6 3. ครูใหน้ กั เรียนทากิจกรรมพฒั นาการคดิ ขอ้ 1 ในหนงั สือเรียน (หนา้ 57) โดยวงรอบคา ท่ีมีตวั สะกดในมาตรา เกย เกอว และกด แลว้ เขยี นจาแนกคาตามมาตราลงในสมดุ ให้ถูกตอ้ ง 4. ครูให้นกั เรียนอาสาสมคั รหรือสุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเฉลยคาตอบของกิจกรรม และใหน้ กั เรียน ในห้องคนอื่นช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ชั่วโมงท่ี 7 5. ครูให้นกั เรียนทากิจกรรมบรู ณาการสร้างสรรค์ ในหนงั สือเรียน (หนา้ 58) โดยใหน้ กั เรียน แบง่ ออกเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 5 – 6 คน ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ คิดคาที่มีตวั สะกดในมาตรา เกย เกอว และ กด มาตราละ 3 คา แลว้ แตง่ นิทานส้นั ๆ โดยใชค้ าที่คิดประกอบ พร้อมกบั วาดรูปประกอบเรื่อง ใหส้ วยงาม 6. ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน โดยครูและเพื่อนนกั เรียนช่วยกนั แสดงความคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะ 7. ครูใหน้ กั เรียนนาผลงานนิทานของแตล่ ะกลมุ่ มารวมเล่มเป็นหนงั สือ “นิทานชวนอ่าน” ประจาหอ้ งเรียน กิจกรรมที่  สนุกกบั การผันอกั ษร เวลา 6 ชั่วโมง กระบวนการเรียนภาษา ช่ัวโมงท่ี 1 กจิ กรรมนาสู่การเรียน 1. ครูให้นกั เรียนดบู ตั รภาพที่ครูติดบนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนทายคา โดยบตั รภาพท่ีใช้ มดี งั น้ี ผผ ผ 74

2. ครูใหน้ กั เรียนออกมาเขยี นคาบนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียงพร้อมกนั 3. ครูอธิบายให้นกั เรียนเห็นถงึ ความแตกตา่ งของวรรณยกุ ตร์ ะหวา่ งคาท้งั 3 คา เพอื่ นาเขา้ สู่การ เรียนรู้เรื่อง การผนั อกั ษร 4. ครูให้นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน (หนา้ 47) หัวขอ้ การผนั อกั ษร และอธิบายให้นกั เรียนเขา้ ใจเรื่อง การผนั อกั ษรกลาง และใหน้ กั เรียนฝึกผนั อกั ษรกลาง ตามตวั อยา่ งคาในหนงั สือเรียน (หนา้ 47) จนสามารถอ่านไดค้ ลอ่ ง ช่ัวโมงท่ี 2 กจิ กรรมพฒั นาการเรียนรู้ 1. ครูให้นกั เรียนเลม่ เกม “ผนั คา สนุกจงั ” โดยให้นกั เรียนสุ่มเลอื กบตั รคาอกั ษรกลางจากในกล่อง คนละ 1 บตั รคา เมอ่ื นกั เรียนไดบ้ ตั รคาแลว้ ให้นกั เรียนออกมาผนั คาหนา้ ช้นั เรียนทีละคน โดยครู และเพอ่ื นนกั เรียนช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 2. ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกบั การผนั คาอกั ษรกลาง แลว้ ให้นกั เรียนทาใบงานที่ 11 มาผนั อกั ษร กลางกนั เถอะ จากน้นั ครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบคาตอบ ช่ัวโมงที่ 3 3. ครูให้นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน (หนา้ 48) หวั ขอ้ ยอ่ ย การผนั อกั ษรสูง แลว้ ครูอธิบายใหน้ กั เรียน เขา้ ใจเกี่ยวกบั วธิ ีการผนั อกั ษรสูง โดยใช้ตวั อยา่ งในหนงั สือเรียน (หนา้ 48) ประกอบการอธิบาย แลว้ ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงคาในหนงั สือเรียน (หนา้ 48) พร้อมกนั 4. ครูใหน้ กั เรียนทาใบงานที่ 12 อกั ษรสูง ผนั สนุก โดยเขียนผนั อกั ษรจากคาทกี่ าหนดให้ แลว้ ฝึก อ่านออกเสียง จากน้นั ครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจคาตอบ และให้นกั เรียนฝึกผนั อกั ษรสูงจากคา ในใบงานพร้อมกนั ช่ัวโมงท่ี 4 5. ครูให้นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน (หนา้ 49) หวั ขอ้ ยอ่ ย การผนั อกั ษรต่า แลว้ ครูอธิบายให้นกั เรียน เขา้ ใจเกี่ยวกบั วธิ ีการผนั อกั ษรต่า โดยใชต้ วั อยา่ งในหนงั สือเรียน (หนา้ 49) ประกอบการอธิบาย แลว้ ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงคาในหนงั สือเรียน (หนา้ 49) พร้อมกนั 6. ครูใหน้ กั เรียนเล่นเกม “อกั ษรต่า ผนั ไม่ยาก” โดยใหน้ กั เรียนแบง่ ออกเป็นกลุ่ม กลุม่ ละ 4-5 คน แลว้ ครูให้แต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมาจบั ฉลากบตั รคาอกั ษรต่า จากน้นั เมือ่ ไดร้ บั บตั รคาอกั ษรต่า แลว้ นกั เรียนภายในกลุ่มจะตอ้ งช่วยกนั เขยี นผนั อกั ษรต่าจากคาที่กาหนดในบตั รคาลงในสมุด 75

ให้ถูกตอ้ ง และนาเสนอการผนั อกั ษรต่าที่หนา้ ช้นั เรียน โดยครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบ ความถกู ตอ้ ง 7. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เก่ียวกบั การผนั อกั ษรต่า จากน้นั ใหน้ กั เรียนฝึกผนั อกั ษรต่า ในหนงั สือเรียน (หนา้ 49) ชั่วโมงท่ี 5 กจิ กรรมรวบยอด 1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนกั เรียนเกี่ยวกบั วิธีการผนั อกั ษรกลาง อกั ษรสูง และอกั ษรต่า จากน้นั ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ที่ 2 ขอ้ 1-2 ในหนงั สือเรียน (หนา้ 51) โดยให้นกั เรียนเขยี นผนั อกั ษรจากคาทีก่ าหนดให้ แลว้ ฝึกอา่ นออกเสียง และเขียนบอกรูป และเสียงวรรณยกุ ตข์ องคาท่ีกาหนด 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั เฉลยคาตอบ จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านออกเสียงคาพร้อมกนั ชั่วโมงที่ 6 3. ครูให้นกั เรียนทากิจกรรมพฒั นาการคิด ขอ้ 2 ในหนงั สือเรียน (หนา้ 57) โดยคิดคา แลว้ ผนั อกั ษรจากคาท่คี ิดลงในช่องว่างใหถ้ ูกตอ้ ง 4. ครูสุ่มเรียกนกั เรียนใหอ้ อกมาเขยี นคาที่ตนเองคดิ ไดบ้ นกระดาน พร้อมกบั เขียนผนั อกั ษร ใหถ้ กู ตอ้ ง โดยมคี รูและเพอ่ื นนกั เรียนช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากน้นั ครูให้นกั เรียน อ่านออกเสียงคาบนกระดานพร้อมกนั กจิ กรรมที่  วรรณกรรมเรื่อง นิทานเริงใจ เวลา 2 ชั่วโมง กระบวนการปฏบิ ตั ิ ช่ัวโมงท่ี 1 กิจกรรมนาสู่การเรยี น 1. ครูให้นกั เรียนอ่านออกเสียงวรรณกรรมเรื่อง นิทานเริงใจ ในหนงั สือเรียน (หนา้ 52-53) พร้อมกนั 2. ครูใหน้ กั เรียนอาสาสมคั รหรือสุ่มเรียกนกั เรียนออกมาแสดงบทบาทสมมติหนา้ ช้นั เรียน โดยแสดงบทบาทตามเน้ือเร่ือง นิทานเริงใจ ในหนงั สือเรียน (หนา้ 52) 76

3. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภปิ รายว่า ชอบอ่าน หรือชอบฟังนิทานหรือไม่ เพราะเหตุใด และการอา่ น หรือฟังนิทานมปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ 1. ครูใหน้ กั เรียนทากิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ท่ี 3 ขอ้ 1 ในหนงั สือเรียน (หนา้ 53) โดยให้นกั เรียน เขยี นคาท่พี มิ พด์ ว้ ยสีฟ้า และบอกความหมายของคาให้ชดั เจนลงในสมุด 2. ครูให้นกั เรียนฝึกอา่ นคาท่ีพิมพด์ ว้ ยสีฟ้าจนอา่ นไดค้ ลอ่ งแคลว่ 3. ครูใหน้ กั เรียนคดั ลอกนิทานเร่ือง ห่านออกไขเ่ ป็นทอง ในหนงั สือเรียน (หนา้ 53) ดว้ ยตวั บรรจง เตม็ บรรทดั ลงในสมดุ เป็นการบา้ น ชั่วโมงที่ 2 กจิ กรรมรวบยอด 1. ครูให้นกั เรียนอ่านออกเสียงนิทานเร่ือง ห่านออกไข่เป็นทอง ในหนงั สือเรียน (หนา้ 52) พร้อมกนั 2. ครูให้นกั เรียนแบ่งออกเป็นกลุม่ กลมุ่ ละ 4 – 5 คน เพ่อื ทากิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ท่ี 3 ขอ้ 2 ในหนงั สือเรียน (หนา้ 53) โดยตอบคาถามหลงั อ่านบทอา่ นจบ แลว้ เขียนคาตอบลงในสมดุ 3. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอความคดิ เกี่ยวกบั นิทานเร่ือง ห่านออกไข่เป็นทอง ของกลมุ่ ตนเองทห่ี นา้ ช้นั เรียน 4. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปใจความสาคญั ของนิทานเรื่อง ห่านออกไข่เป็นทอง กจิ กรรมท่ี  การพดู สื่อสาร เวลา 5 ชั่วโมง กระบวนการปฏบิ ตั ิ ช่ัวโมงท่ี 1 กิจกรรมนาสู่การเรียน 1. ครูให้นกั เรียนอาสาสมคั รหรือสุ่มเรียกนกั เรียน 5 คน ออกมาแสดงบทบาทสมมติตามบทที่ครู กาหนดให้ ดงั น้ี 77

นกั เรียนคนท่ี 1: สวสั ดีค่ะ/ครบั ช่ืออะไรคะ/ครบั นกั เรียนคนที่ 2: ชื่อ (นกั เรียน) คะ่ /ครบั นกั เรียนคนท่ี 1: แลว้ คุณละ่ คะ/ครับ นกั เรียนคนที่ 3: อยา่ มายงุ่ ! นกั เรียนคนที่ 4: ไปไหนมา นกั เรียนคนที่ 5: อ๋อ ยาว 20 เซนติเมตร 2. ครูถามนกั เรียนวา่ การส่ือสารดงั กล่าวมีขอ้ บกพร่องหรือไม่ อยา่ งไร จากน้นั ครูอธิบาย ให้นกั เรียนเห็นความสาคญั ของการพดู ว่า เป็นทกั ษะสาคญั ทีต่ อ้ งใชใ้ นการติดต่อสื่อสาร ในชีวิตประจาวนั ซ่ึงนกั เรียนควรพดู ส่ือสารให้เขา้ ใจง่าย และมมี ารยาทในการพดู กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ 1. ครูให้นกั เรียนทากิจกรรม “รู้หลกั การพูด” โดยให้นกั เรียนแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม กลมุ่ ละเท่าๆ กนั แต่ละกลมุ่ จะตอ้ งไปศกึ ษาตามฐานการเรียนรู้ท่ีครูจดั ไว้ ฐานละ 5 นาที เวยี นไปจนครบท้งั 5 ฐาน จากน้นั นาความรู้ที่ไดม้ าเขียนแผนผงั ความคดิ ในใบงานท่ี 13 รู้หลกั การพดู โดยฐานการเรียนรู้มีดงั น้ี - ฐานการเรียนรู้ที่ 1 ศึกษาเรื่อง การพดู แนะนาตวั - ฐานการเรียนรู้ที่ 2 ศึกษาเรื่อง การพดู ทกั ทาย - ฐานการเรียนรู้ที่ 3 ศกึ ษาเร่ือง การพดู สนทนาโตต้ อบ - ฐานการเรียนรู้ที่ 4 ศึกษาเร่ือง การพูดแสดงความคดิ เห็น - ฐานการเรียนรู้ท่ี 5 ศกึ ษาเร่ือง มารยาทในการพดู 2. เมอ่ื นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ทากิจกรรม “รู้หลกั การพูด” เรียบร้อยแลว้ ครูและนกั เรียนร่วมกนั เฉลย แผนผงั ความรู้ในใบงาน 3. ครูและนกั เรียนสรุปความรู้เกี่ยวกบั การพดู ในโอกาสตา่ งๆ ร่วมกนั ชั่วโมงท่ี 2 4. ครูทบทวนความรู้เดิมให้นกั เรียนเขา้ ใจเก่ียวกบั การพูดแนะนาตวั และการพูดทกั ทาย 5. ครูให้นกั เรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน เพือ่ คดิ สถานการณใ์ นการแสดงบทบาทสมมติ เก่ียวกบั การพูดแนะนาตวั และการพูดทกั ทาย กลมุ่ ละไม่เกิน 5 นาที 78

6. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอการแสดงบทบาทสมมติหนา้ ช้นั เรียน โดยมเี พือ่ น นกั เรียนกล่มุ อ่นื คอยดูวา่ การแสดงบทบาทสมมติของนกั เรียนแต่ละกลมุ่ เป็นการพูดแนะนาตวั และทกั ทายไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมหรือไม่ 7. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เกี่ยวกบั การพดู แนะนาตวั และการพูดทกั ทาย 8. ครูใหน้ กั เรียนทากิจกรรมพฒั นาการคิด ขอ้ 3 ในหนงั สือเรียน (หนา้ 58) เป็นการบา้ น โดยอา่ น บทสนทนาที่กาหนด แลว้ คิดและเขียนบทสนทนาทหี่ ายไปให้สมบรู ณ์ จากน้นั จบั คู่พดู กบั เพื่อน ช่ัวโมงที่ 3 9. ครูทบทวนความรู้เดิมให้นกั เรียนเขา้ ใจเกี่ยวกบั การพดู สนทนาโตต้ อบ 10. ครูให้นกั เรียนทากิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ที่ 4 ในหนงั สือเรียน (หนา้ 56) โดยใหน้ กั เรียนจบั คู่ กบั เพื่อน แลว้ คดิ หัวขอ้ เร่ืองทจ่ี ะสนทนากนั จากน้นั เขยี นบทสนทนาลงในสมดุ 11. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคอู่ อกมาพูดบทสนทนาของตนเองหนา้ ช้นั เรียน โดยมเี พ่ือนนกั เรียน คอยดวู า่ เป็นการพูดสนทนาที่เหมาะสมหรือไม่ 12. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 – 6 คน เพอ่ื คดิ หัวขอ้ สนทนา เช่น หวั ขอ้ การประชุม วางแผนการทากิจกรรม เพ่อื ออกมาแสดงบทบาทสมมติหนา้ ช้นั เรียนในคาบเรียนตอ่ ไป เป็นการบา้ น ช่ัวโมงท่ี 4 13. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ออกมาแสดงบทบาทสมมตหิ นา้ ช้นั เรียนตามหวั ขอ้ ตามท่ีนกั เรียน เตรียมตวั มา และให้เพอื่ นนกั เรียนกลุม่ อน่ื คอยดวู ่า เป็นการพดู สนทนาโตต้ อบไดเ้ หมาะสม และถูกตอ้ งหรือไม่ 14. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เกี่ยวกบั การพูดสนทนาโตต้ อบ ชั่วโมงที่ 5 กิจกรรมรวบยอด 1. ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกบั การพดู แสดงความคดิ เห็น การพูดแนะนาตวั การพูดทกั ทาย และการพดู สนทนาโตต้ อบ เพ่อื ให้นกั เรียนมคี วามเขา้ ใจมากข้ึน 2. ครูใหน้ กั เรียนแบง่ ออกเป็นกลุ่ม ท้งั หมด 5 กลมุ่ กลุ่มละเทา่ ๆ กนั แลว้ ให้แตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทน ออกมารับใบงานท่ี 14 นานา นิทาน จากครูกลมุ่ ละ 1 เรื่อง จากน้นั นกั เรียนในกล่มุ อ่านนิทาน 79

และช่วยกนั สรุปใจความสาคญั แลว้ ออกมาเล่านิทานโดยสรุปใหเ้ พ่ือนกลมุ่ อนื่ ฟัง และพดู แสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกบั ขอ้ คดิ คตสิ อนใจ หรือประโยชนจ์ ากการอา่ นนิทาน โดยนิทานมีท้งั หมด 5 เร่ือง จากนิทานอสี ป ดงั น้ี เร่ืองที่ 1 ลูกปูกบั แม่ปู กาลคร้งั หน่ึง ช่วงเวลาน้าลด แม่ปพู ร้อมลูกปูพากนั ไต่ลงไปหากนิ ตามชายเลน ขณะเดินไต่ไปน้นั แมป่ ูเดินตามหลงั ลกู ปู และสังเกตลกู ปเู ดินมา ตลอด พอเดินไปไดส้ กั ครู่ แมป่ ูจึงร้องบอกลกู ปวู ่า “เจา้ ทาไมเดินง่มุ ง่ามเซไป เซมา จะเดินใหต้ รงๆ ไมไ่ ดห้ รือ เจา้ จะไดไ้ ปถึงบริเวณทีม่ อี าหารเร็วข้ึน มวั เดินคดเค้ยี วอยา่ งน้ีน้าจะข้ึนเสียก่อนทเี่ ราจะเดินไปถงึ ” ลกู ปูจึงยอ้ นตอบว่า “แมจ่ ะให้ฉนั เดินตรง ขอให้แม่ลองเดินใหฉ้ ันดูสักทกี อ่ น” แม่ปูไดฟ้ ังดงั น้นั กเ็ ดินให้ดู แต่ปรากฏวา่ แมป่ กู เ็ ดินตรงไม่ได้ เนื่องจากเวลาปูเดินจะตอ้ งเดิน คดไปคดมาเป็นธรรมดา เพียงแตแ่ ม่ปูไม่รู้สึกตวั เทา่ น้นั เรื่องท่ี 2 กบเลือกนาย กาลคร้ังหน่ึง มฝี งู กบฝูงใหญ่อาศยั อยใู่ นบงึ ใหญ่ ตอ่ มาฝงู กบ อยากจะหานายไวป้ กป้องจากอนั ตราย จึงไปร้องขอเทวดาใหส้ ่งนายมาให้ เทวดาเล็งเห็นความโง่เขลาของฝูงกบ จึงทิง้ ทอ่ นไมใ้ หญ่ลงไปในบงึ ทาให้ เกิดเสียงสะทา้ นไปทวั่ น้ากระเพ่ือมเป็นระลอกๆ ทาใหฝ้ งู กบตืน่ ตกใจ กระโดดหนีกนั อลหมา่ น เมอื่ น้าหยดุ กระเพื่อม มกี บตวั หน่ึงกลา้ วา่ ยน้าเขา้ ไป ดเู ห็นขอนไมใ้ หญล่ อยน้ากด็ ีใจ จึงตะโกนบอกฝงู กบว่า “เทวดาส่งนายลงมา ใหแ้ ลว้ ” ต่อมาไมน่ านฝงู กบเกิดความเบื่อหน่าย เน่ืองจากขอนไมไ้ ดแ้ ต่ลอย น้าอยเู่ ฉยๆ ไม่สามารถให้การคมุ้ ครองฝูงกบได้ จึงร้องขอเทวดาให้ส่งนาย ใหม่ท่ีมีฤทธ์ิเดชมาให้ เทวดารู้สึกขุน่ เคอื ง จึงส่งนกกระสาลงมาเป็นนาย นก กระสาจบั กบกินเป็นอาหารทุกวนั ๆ จนหมดฝูง 80

เรื่องที่ 3 หมาป่ ากับลกู แกะ กาลคร้งั หน่ึง ขณะท่ีหมาป่ ากาลงั กนิ น้าอยทู่ ต่ี น้ ลาธารแห่งหน่ึง มนั เหลอื บไปเห็นลกู แกะเดินมาแต่ไกล หมาป่ าจึงต้งั ใจที่จะจบั ลูกแกะกินเสีย หมาป่ าคดิ ว่า จะตอ้ งทาให้ลกู แกะเห็นความชอบธรรมของตนเองทจ่ี ะจบั ลกู แกะกินเสียจึงกลา่ วข้ึนว่า “เจา้ ถอื ดีอยา่ งไรจึงมากวนน้ากินของขา้ ให้ขนุ่ ” ลกู แกะไดฟ้ ังดงั น้นั รู้สึกตกใจมาก กลา่ วตอบไปวา่ “ท่านจะมาหาว่าขา้ กวนน้า ใหข้ ุ่นไดอ้ ยา่ งไร ในเมือ่ น้าในลาธารน้ีไหลจากทา่ นมายงั ขา้ ไมไ่ ดไ้ หลจากขา้ ไปยงั ท่าน” ดว้ ยความพาล หมาป่ าจึงหาความต่อไปว่า “ถึงเจา้ ไมไ่ ดท้ าน้ากิน ของขา้ ให้ขนุ่ ในวนั น้ี เจา้ ก็ด่าวา่ ขา้ เม่อื ปี กลายน้ี” ลูกแกะจึงตอบข้นึ ว่า “ทา่ น จะวา่ ขา้ ด่าทอท่านเมอ่ื ปี กลายไดอ้ ยา่ งไร ในเมอื่ ปีกลายขา้ ยงั ไมไ่ ดเ้ กิดมาเลย” หมาป่ าจึงตอบข้นึ วา่ “เอาล่ะ ถึงเจา้ ไมไ่ ดด้ า่ ขา้ แตพ่ ่อของเจา้ ก็ดา่ ขา้ เจา้ ยอ่ มมี ความผิดอยดู่ ี” พดู จบหมาป่ าก็จบั ลกู แกะกินเป็นอาหาร เร่ืองท่ี 4 สุนัขจงิ้ จอกกบั นกกระสา กาลคร้ังหน่ึง สุนขั จิง้ จอกและนกกระสาเป็นเพือ่ นกนั วนั หน่ึงสุนขั จิ้งจอกเชิญนกกระสาไปกินอาหารม้ือเยน็ พอตกเยน็ นกกระสาก็มาตามนดั และกาลงั หิวมาก สุนขั จิ้งจอกจึงยกซุปร้อนๆ ออกมา 2 จาน โดยใหน้ กกระสา จานหน่ึง แลว้ สุนขั จิง้ จอกกก็ ินน้าซุปของตนจนหมดจาน นกกระสาไม่ สามารถดื่มน้าซุปในจานได้ เพราะจานมลี กั ษณะต้นื มาก ทาให้ปากท่ียาวของ มนั กินไม่ได้ สุนขั จิ้งจอกหันมาและพูดวา่ “เธอไมช่ อบน้าซุปหรือ” แลว้ ก็ หยิบจานของนกกระสามากนิ น้าซุปจนหมด นกกระสาโกรธมากจึงรีบบิน กลบั บา้ นไป วนั ตอ่ มา นกกระสาก็เชิญสุนขั จิง้ จอกไปกินอาหารค่าบา้ ง มนั ใส่ซุป ไวใ้ นคนโทน้าสองใบ สุนขั จิง้ จอกไม่สามารถกินซุปไดเ้ น่ืองจากคนโทน้า มีทรงสูงเกินไป ทาให้ปากท่ีส้ันของมนั กินไมไ่ ด้ นกกระสาไดท้ จี ึงพูดว่า “เธอคงไม่ชอบน้าซุปน้ี” แลว้ นกกระสากก็ ินน้าซุปของสุนขั จิ้งจอกจนหมด คร้ังน้ีสุนขั จิง้ จอกจึงเป็นฝ่ ายหิวกลบั บา้ นไป 81

เร่ืองที่ 5 กระต่ายกับเต่า กาลคร้งั หน่ึง กระตา่ ยตวั หน่ึงเห็นเตา่ คลานผ่านมา จึงหวั เราะเยาะ พร้อมกบั พดู วา่ “เต่าขาส้นั เดินชา้ สู้เราไม่ได”้ เต่าจึงตอบวา่ “แมท้ ่านจะวง่ิ ได้ เร็ว และขาเราจะส้นั กว่า แต่เรากจ็ ะขอลองดีแขง่ กบั ท่าน ทา่ นจะว่ากระไร” กระต่ายไดย้ นิ ดงั น้นั กร็ ู้สึกกระหย่มิ ใจ ตกลงตามทเี่ ต่าเสนอ จากน้นั ท้งั ค่ไู ด้ พร้อมใจกนั ไปหาสุนขั จิ้งจอกเพ่ือให้เป็นกรรมการในการแข่งขนั เมอ่ื ถึงวนั นดั เตา่ และกระตา่ ยกม็ าท่จี ดุ เริ่มตน้ เตา่ เม่อื เร่ิมออกเดินทาง ก็กม้ หนา้ กม้ ตาคลานลดั ตดั ตรงไปทลี ะนอ้ ยๆ จนถึงเส้นชยั ฝ่ายกระตา่ ยสาคญั ว่าตวั เองวงิ่ ไดไ้ ว เมือ่ ออกวิง่ มาไดส้ กั ครู่จึงแวะนอนพกั ขา้ งทาง เมื่อกระต่ายตนื่ ข้ึนมามนั สะดุง้ ตกใจ เหลียวซา้ ยแลขวาไมเ่ ห็นเต่า จึงรีบวง่ิ ไปยงั เส้นชัยทนั ที เม่อื ไปถึงเสน้ ชยั กระต่ายกลบั พบว่า เต่าคลานไป ถึงเสน้ ชยั กอ่ นแลว้ 3. ครูให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน โดยนกั เรียนจะตอ้ งพูดแนะนาตวั แนะนากลุ่มของตนเอง และพดู ทกั ทายเพอื่ นกอ่ นท่ีจะนาเสนอผลงาน 4. ครูให้นกั เรียนอาสาสมคั รหรือสุ่มเรียกนกั เรียน 2 – 3 คน ใหพ้ ดู แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั การนาเสนอผลงานของเพ่อื นว่า ดีหรือไม่ พร้อมกบั ใหเ้ หตุผลประกอบ และหากนกั เรียนคนใด ไม่เขา้ ใจ หรือมีขอ้ สงสยั เก่ียวกบั เรื่องท่ีเพ่ือนนาเสนอให้ยกมือข้ึนถามกลุม่ ท่นี าเสนอ เม่ือการนาเสนอจบแลว้ 5. ครูและนกั เรียนสรุปความรู้เกี่ยวกบั การพูดเพื่อส่ือสาร ร่วมกนั 6. ครูให้นกั เรียนทาแบบทดสอบที่ 3 ในหนงั สือเรียน (หนา้ 59) เพือ่ ทบทวนความรู้ที่เรียนมา 5. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ 1. ส่ือการเรียนรู้ (ตวั อยา่ ง : ส่ือฯ มมฐ. หลกั สูตรแกนกลางฯ ภาษาไทย ป. 3) 2. บตั รภาพ ตน้ มะพร้าว กระต่าย ก๋วยเตี๋ยว และตน้ กลว้ ย 3. เกม บอกใบท้ ายคา 4. เกม จงั หวดั ไทย จงั หวดั ไหนมแี ม่กด 5. บตั รภาพรูปผา รูปกาลงั ผ่าฟืน และรูปผา้ 6. กิจกรรมฐานการเรียนรู้ รู้หลกั การพดู 82

7. วรรณกรรมนิทานอสี ป 5 เร่ือง 8. สื่อและแหลง่ การเรียนรู้ เช่น หอ้ งสมดุ อนิ เทอร์เน็ต 6. การวดั และประเมินผล 6.1 หลกั ฐานการเรยี นรู้ (ชิ้นงานสุดท้ายท่แี สดงพฤตกิ รรมการเรียนรู้รวบยอด) 1. กิจกรรมพฒั นาการคิด ขอ้ 1-3 2. ใบงานท่ี 9 เร่ือง เกย เกอว ชวนทา 3. ใบงานท่ี 10 เร่ือง ตวั สะกดน่ารู้ 4. ใบงานท่ี 11 เร่ือง มาผนั อกั ษรกลางกนั เถอะ 5. ใบงานท่ี 12 อกั ษรสูงผนั สนุก 6. ใบงานท่ี 13 เรื่อง รู้หลกั การพูด 7. ใบงานท่ี 14 เรื่อง นานา นิทาน 8. ผลงานนิทานแสนสนุก 6.2 วธิ ีการวดั และประเมินผล 1. ตรวจกิจกรรมพฒั นาการคิด ขอ้ 1-3 2. ตรวจการทาใบงานท่ี 9 เรื่อง เกย เกอว ชวนทา 3. ตรวจการทาใบงานท่ี 10 เร่ือง ตวั สะกดน่ารู้ 4. ตรวจการทาใบงานท่ี 11 มาผนั อกั ษรกลางกนั เถอะ 5. ตรวจการทาใบงานที่ 12 เร่ือง อกั ษรสูงผนั สนุก 6. ตรวจการทาใบงานที่ 13 เรื่อง รู้หลกั การพูด 7. ตรวจการทาใบงานท่ี 14 เร่ือง นานา นิทาน 8. สงั เกตทกั ษะการพดู และการเขยี น 9. สงั เกตพฤตกิ รรมในขณะปฏบิ ตั กิ ิจกรรม 6.3 เคร่ืองมือวัดและประเมินผล และเกณฑ์ 1. กิจกรรมพฒั นาการคดิ ขอ้ 1-3 2. ใบงานท่ี 9 เรื่อง เกย เกอว ชวนทา 3. ใบงานท่ี 10 เรื่อง ตวั สะกดน่ารู้ 4. ใบงานท่ี 11 เรื่อง มาผนั อกั ษรกลางกนั เถอะ (ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์) 5. ใบงานท่ี 12 เร่ือง อกั ษรสูงผนั สนุก 6. ใบงานที่ 13 เรื่อง รู้หลกั การพูด 7. ใบงานท่1ี 4 เรื่อง นานา นิทาน 83

8. แบบประเมินทกั ษะการอ่านออกเสียง (ดูเกณฑ์ในแบบประเมิน) 9. แบบประเมินทกั ษะการเขียน 10. แบบประเมนิ ทกั ษะการพูด 11. แบบประเมินคณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ 12. แบบประเมินผลงาน 13. แบบประเมนิ สมรรถนะผเู้ รียน 5 ดา้ น 14. แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 8 ดา้ น 7. กิจกรรมเสนอแนะ ¯............................................................................................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................................................... 84

8. บันทกึ ผลการสอน 1. ผลการเรียนรู้ 1.1 ผเู้ รียนท่ี ผ่าน ตวั ช้ีวดั มีจานวน ........................................................ คน คดิ เป็นร้อยละ............................................... 1.2 ผเู้ รียนที่ ไม่ผ่าน ตวั ช้ีวดั มีจานวน ........................................................ คน คดิ เป็นร้อยละ............................................... 1) ................................................................สาเหตุ (ถา้ ทราบ) ................................................... 2) ................................................................สาเหตุ ....................................................................... แนวทางแกป้ ัญหา .......................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .. ............................................................................................................................. ............................... 1.3 ผเู้ รียนทมี่ คี วามสามารถพเิ ศษ ไดแ้ ก่ 1) ........................................................................ 2) .................................................................... แนวทางการพฒั นา / ส่งเสริม ...................................................................................................... ก ............................................................................................................................................................ ................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................................................ 1.4 ผเู้ รียนไดร้ บั ความรู้ (K)………..................................................................................................... 1.5 ผเู้ รียนเกิดทกั ษะกระบวนการ (P)…………................................................................................ 1.6 ผเู้ รียนมคี ณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม (A)…................................................................................ 2. ปัญหาอปุ สรรค (ถ้าม)ี .......................................................................................................................... ....................................................................................................................... ............................................ ........................................................................................................................... ........................................ 3. ข้อเสนอแนะ (ถ้ามี) .............................................................................................................................. .......................................................................................................................................... ......................... ลงช่ือ.......................................................... (.........................................................) 85

ใบงานท่ี 9 เกย เกอว ชวนทา ช่ือ – นามสกลุ .......................................................................... ช้ัน ป. 3 / ............ เลขที่ ............ คาสั่ง เติมคาท่อี ยู่ในมาตราตัวสะกด มาตรา เกย และเกอว ให้ได้มากที่สุด แ มาตรา เกย 86

มาตรา เกอว การประเมนิ ผลงาน : ระบายสีในสัญลกั ษณร์ ูปใบหนา้ ตามความเป็นจริง ตนเอง ☺  ผ้ปู กครอง ☺  ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง   เพื่อน ☺ คุณครู ☺ 87

ใบงานที่ 10 ตัวสะกดน่ารู้ ชื่อ – นามสกลุ .......................................................................... ช้ัน ป. 3 / ............ เลขที่ ............ คาสั่ง เติมตัวสะกดในมาตรา กด ลงในช่องว่างให้ถูกต้อง 1. กิโลเม _____ 2. โอกา _______ ........................................... 3. ศกั ด์ิสิ ______ 4. ก ______ หมาย 5. ร ______ ชาติ 6. อนุญา ________ 7. รา _______ ฎร 8. ประเสริ _______ 9. บณิ ฑบา _______ ๊ 10. ประเท ________ การประเมินผลงาน : ระบายสีในสัญลกั ษณ์รูปใบหนา้ ตามความเป็นจริง ตนเอง ☺  ผ้ปู กครอง ☺  ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ดี พอใช้ ควรปรับปรุง   เพือ่ น ☺ คุณครู ☺ 88

ใบงานท่ี 11 มาผนั อักษรกลางกันเถอะ ชื่อ – นามสกุล .......................................................................... ช้ัน ป. 3 / ............ เลขที่ ............ คาสั่ง เขยี นผนั อักษรกลางจากคาที่กาหนดให้ ข้อ คา เสียงสามญั เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี เสียงจัตวา 1. เก ........................................... 2. บา 3. เกา ๊ 4. ปาก 5. จา 6. ปา 7. จดั 8. ตวั 9. ออ 10. แกะ การประเมินผลงาน : ระบายสีในสัญลกั ษณ์รูปใบหนา้ ตามความเป็นจริง ตนเอง ☺  ผ้ปู กครอง ☺  ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ดี พอใช้ ควรปรับปรุง   เพ่อื น ☺ คุณครู ☺ 89

ใบงานที่ 12 อักษรสูง ผนั สนุก ชื่อ – นามสกลุ .......................................................................... ช้ัน ป. 3 / ............ เลขท่ี ............ คาสั่ง เขยี นผันอกั ษรสูงจากคาทก่ี าหนดให้ 11ข้อ คา เสียงสามญั เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี เสียงจตั วา 1. สอง 2. ฝา 3. หนา 4. หดั 5. ผูก 6. หอ 7. ขา 8. แส 9. ไข 10. เสา การประเมินผลงาน : ระบายสีในสญั ลกั ษณร์ ูปใบหนา้ ตามความเป็นจริง ตนเอง ☺  ผ้ปู กครอง ☺  ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ดี พอใช้ ควรปรับปรุง   เพอ่ื น ☺ คณุ ครู ☺ 90

ใบงานท่ี 13 รู้หลักการพดู ชื่อ – นามสกลุ .......................................................................... ช้ัน ป. 3 / ............ เลขที่ ............ คาสั่ง เติมแผนผงั ความคดิ ให้สมบูรณ์ การพดู แนะนาตวั พดู เม่อื ____________ ยกตวั อยา่ งเช่น______________ ________________ _________________ ________________ _________________ ________________ _________________ การพูดทักทาย พดู เมอื่ ____________ ยกตวั อยา่ งเช่น _____________ ________________ _________________ ________________ _________________ ________________ _________________ 91

การพดู สนทนาโต้ตอบ พดู เพ่ือ _________ ขอ้ ควรปฏิบตั ิ เช่น 1. _____________ ______________ ______________ _____________ ______________ 2. _____________ ______________ _____________ การพูดแสดงความคิดเหน็ คือ ______________ มารยาทในการพูด ________________ ________________ ________________ ยกตวั อยา่ งเช่น 1. ______________________________ ______________________________ 2. ______________________________ ______________________________ 3. ______________________________ ______________________________ การประเมินผลงาน : ระบายสีในสัญลกั ษณ์รูปใบหนา้ ตามความเป็นจริง ตนเอง ☺  ผ้ปู กครอง ☺  ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง   เพื่อน ☺ คณุ ครู ☺ 92

ใบงานท่ี 14 นานา นทิ าน ชื่อ – นามสกุล .......................................................................... ช้ัน ป. 3 / ............ เลขท่ี ............ คาส่ัง อ่านนทิ านทก่ี าหนดให้ และสรุปใจความสาคัญ พร้อมกับเขียน แสดงข้อคิดเกี่ยวกบั นิทานทอี่ ่าน 1. สรุปใจความสาคญั ของนิทาน _____________________________________________________ _____________________________________________________ _____________________________________________________ _____________________________________________________ _____________________________________________________ _____________________________________________________ _____________________________________________________ _____________________________________________________ _____________________________________________________ _____________________________________________________ _____________________________________________________ 93

2. จงแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั นิทานทีไ่ ดอ้ า่ น ยกตวั อยา่ งเช่น - ขอ้ คดิ หรือคตสิ อนใจของนิทานคืออะไร - ตวั ละครในนิทานแต่ละตวั มคี วามประพฤตดิ ีหรือไม่ เพราะเหตุใด และนกั เรียนเห็นดว้ ยกบั การกระทา ของตวั ละครน้นั ๆหรือไม่ - เม่ืออา่ นนิทานแลว้ นกั เรียนไดป้ ระโยชนห์ รือไม่ อยา่ งไร ________________________________________________________ ________________________________________________________ ________________________________________________________ ________________________________________________________ ________________________________________________________ ________________________________________________________ ________________________________________________________ ________________________________________________________ ________________________________________________________ ________________________________________________________ การประเมนิ ผลงาน : ระบายสีในสญั ลกั ษณ์รูปใบหนา้ ตามความเป็นจริง ตนเอง ☺  ผ้ปู กครอง ☺  ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง   เพอ่ื น ☺ คณุ ครู ☺ 94

เกณฑ์ประเมนิ ชิ้นงาน = 5 คะแนน = 4 คะแนน กิจกรรมพัฒนาการคิด ข้อ 1 ( เต็ม 5 คะแนน ) = 3 คะแนน = 2 คะแนน การจาแนกคาตามมาตราตัวสะกด ( 5 คะแนน ) = 1 คะแนน - จาแนกคาตามมาตราตวั สะกดถกู ตอ้ งทุกคา = ไมม่ คี ะแนน - จาแนกคาตามมาตราตวั สะกดถูกตอ้ ง 15 - 19 คา - จาแนกคาตามมาตราตวั สะกดถกู ตอ้ ง 10 - 14 คา = 5 คะแนน - จาแนกคาตามมาตราตวั สะกดถกู ตอ้ ง 5 - 9 คา = 4 คะแนน - จาแนกคาตามมาตราตวั สะกดถกู ตอ้ ง 1 - 4 คา = 3 คะแนน - จาแนกคาตามมาตราตวั สะกดผดิ ทุกคา = 2 คะแนน = 1 คะแนน กิจกรรมพฒั นาการคิด ข้อ 2 ( 5 คะแนน ) = ไมม่ ีคะแนน การเขียนผนั คา ( 5 คะแนน ) - เขียนผนั คาไดถ้ กู ตอ้ งทกุ คา - เขยี นผนั คาไดถ้ กู ตอ้ ง 4 คา - เขียนผนั คาไดถ้ ูกตอ้ ง 3 คา - เขียนผนั คาไดถ้ ูกตอ้ ง 2 คา - เขียนผนั คาไดถ้ กู ตอ้ ง 1 คา - เขยี นผนั คาผิดทุกคา 95

เกณฑ์ประเมนิ ชิน้ งาน = 5 คะแนน = 4 คะแนน กิจกรรมพฒั นาการคิด ข้อ 3 ( 5 คะแนน ) = 3 คะแนน = 2 คะแนน การเติมบทสนทนา ( 5 คะแนน ) = 1 คะแนน - เตมิ บทสนทนาไดถ้ กู ตอ้ ง และเหมาะสมทุกบทสนทนา = ไมม่ ีคะแนน - เตมิ บทสนทนาไดค้ ่อนขา้ งถกู ตอ้ ง และเหมาะสมทกุ บทสนทนา - เติมบทสนทนาไดถ้ กู ตอ้ ง และเหมาะสมเพยี ง 1 บทสนทนา - เติมบทสนทนาไดไ้ ม่คอ่ ยถกู ตอ้ ง ท้งั 2 บทสนทนา - เติมบทสนทนาไดไ้ ม่ค่อยถกู ตอ้ ง 1 บทสนทนา - เติมบทสนทนาไดไ้ มถ่ ูกตอ้ ง และไม่เหมาะสมเลย 96

ประแเบมบินประเมิน ทักษะการอ่านออกเสียง ช้นั ป. 3 /…………………....หน่วยที่ ...................................................................……………………………….…….………….......................... กิจกรรม ………..……….…………………………………………………………………………………………………………...………………….... คาชีแ้ จง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตการใชท้ กั ษะการอา่ นออกเสียงของผเู้ รียนในขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยเขยี นระดบั คะแนนลงในตารางทต่ี รงกบั ความสามารถของผเู้ รียน เกณฑ์การให้คะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ควรปรบั ปรุง รายการประเมิน สรุปผล การประเมิน รวม เลขที่ ชื่อ – นามสกุล อ่านออกเสียง อ่านออกเสียง คะแนน ผ่าน ไม่ วรรณกรรม สะกดคา ✓ ผ่าน ท่ีกาหนด  และข้อความ ลงช่ือ ................................................................................. ผปู้ ระเมนิ เกณฑ์การประเมนิ : นกั เรียนได้ 4 คะแนนข้ึนไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ประเมิน 97

แบบประเมิน ทักษะการเขียน ช้นั ป. 3 /…………………....หน่วยท่ี ...................................................................……………………………….…….………….......................... กิจกรรม ………..……….…………………………………………………………………………………………………………...………………….... คาชี้แจง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตการใชท้ กั ษะการเขยี นของผเู้ รียนในขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยเขียนระดบั คะแนน ลงในตารางท่ีตรงกบั ความสามารถของผเู้ รียน เกณฑ์การให้คะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ควรปรบั ปรุง รายการประเมนิ สรุปผล การประเมิน รวม เลขท่ี ชื่อ – นามสกลุ เขียน เขียนด้วย ความ คะแนน ผ่าน ไม่ สะกดคา ลายมือที่ สะอาด ✓ ผ่าน ถูกต้อง สวยงาม เรียบร้อย  ลงช่ือ ................................................................................. ผปู้ ระเมนิ เกณฑ์การประเมนิ : นกั เรียนได้ 6 คะแนนข้ึนไป ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์ประเมิน 98

แบบปปรระะเมเมินนิ ทกั ษะการพดู ช้นั ป. 3 /…………………....หน่วยที่ ...................................................................……………………………….…….………….......................... กิจกรรม ………..……….…………………………………………………………………………………………………………...………………….... คาชีแ้ จง : ให้ ผ้สู อน สังเกตการใชท้ กั ษะการพดู ของผเู้ รียนในขณะปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยเขียนระดบั คะแนน ลงในตารางที่ตรงกบั ความสามารถของผเู้ รียน เกณฑ์การให้คะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ควรปรับปรุง รายการประเมนิ รวม สรุปผล คะแนน การประเมิน พดู ได้ การลาดบั มมี ารยาท เลขท่ี ชื่อ – นามสกุล คล่องแคล่ว เนื้อหาสาระ ในการพดู ผ่าน ไม่ ✓ ผ่าน ในการพดู  ลงช่ือ ................................................................................. ผปู้ ระเมิน เกณฑ์การประเมนิ : นกั เรียนได้ 6 คะแนนข้นึ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ประเมิน 99

ประเมิน แบบประเมิน คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ช้นั ป. 3 / วชิ า…......…… ............................................................................................………………….……………………………………….... คาชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมการทางาน การปฏิบตั งิ านของนกั เรียนวา่ มีการปฏบิ ตั ิหรือไม่ ถา้ มกี ารปฏบิ ตั ใิ นรายการใดให้ขีด ✓ ถา้ ไมม่ ีให้เวน้ วา่ ง รายการประเมนิ สรุปผล การประเมิน เลขท่ี ชื่อ - นามสกลุ เห็น ุคณ ่คาของการใ ้ชภาษาไทย รวม ไม่ ใน ีชวิตประจาวัน มีความกระ ืตอ ืรอ ้รนและสนใจใ ่ฝ ู้ร คะแนน ผ่าน ผ่าน มีความ ัรบ ิผดชอบ ✓  ีม ่สวน ่รวมในการทากิจกรรม ีมนิ ัสย ัรกการ ่อานและเขียน ลงช่ือ ................................................................................. ผปู้ ระเมิน เกณฑ์การประเมนิ : นกั เรียนมีการปฏิบตั ิ 3 รายการข้ึนไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ประเมิน 100

ประเมิน แบบประเมิน ผลงาน ช่ือ - นามสกลุ .............................................................................................. ช้นั ป. 3 / …………….... เลขที่ ……………………… หน่วยการเรียนรู้ที่ .................................................................... กิจกรรม ……………….………………………………………….... คาชีแ้ จง : ใหผ้ ปู้ ระเมินขีด ✓ ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดบั คะแนน (ดเู กณฑก์ ารใหค้ ะแนนผลงานในหนา้ ถดั ไป) รายการประเมนิ ผ้ปู ระเมนิ ตนเอง เพอื่ น ครู 432143214321 1. ตรงจดุ ประสงคท์ ่ีกาหนด 2. มีความถูกตอ้ งสมบรู ณ์ 3. มีความคดิ สร้างสรรค์ 4. มคี วามเป็นระเบยี บ 5. เสร็จตามเวลาทก่ี าหนด รวม รวมทกุ รายการ เฉล่ีย ผปู้ ระเมิน ................................................................................. (ตนเอง) ผปู้ ระเมนิ ................................................................................. (เพอ่ื น) ผปู้ ระเมิน ................................................................................. (ครู) 101

เกณฑ์การให้คะแนนผลงาน ประเดน็ ท่ปี ระเมนิ คะแนน 1. ผลงานตรงกบั 43 2 1 จดุ ประสงคท์ กี่ าหนด ผลงานทท่ี า ผลงานทท่ี า ผลงานทที่ า ผลงานท่ีทา 2. ผลงานมีความถกู ตอ้ ง สอดคลอ้ งกบั ไม่สอดคลอ้ ง สมบรู ณ์ สอดคลอ้ ง สอดคลอ้ ง จดุ ประสงค์ กบั จุดประสงค์ บางประเด็น 3. ผลงานมคี วามคิด กบั จดุ ประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ เน้ือหาสาระของ เน้ือหาสาระของ สร้างสรรค์ ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานไมถ่ กู ตอ้ ง ทกุ ประเดน็ เป็ นส่วนใหญ่ เป็ นบางส่วน เป็ นส่วนใหญ่ 4. ผลงานมคี วามเป็น ผลงานมคี วาม ผลงานไมแ่ สดง ระเบียบ เน้ือหาสาระของ เน้ือหาสาระของ น่าสนใจ แต่ยงั แนวคิดใหม่ ไมม่ แี นวคิด 5. ผลงานเสร็จตามเวลา ผลงานถูกตอ้ ง ผลงานถกู ตอ้ ง แปลกใหม่ ผลงานส่วนใหญ่ ทก่ี าหนด ไมเ่ ป็นระเบียบ ครบถว้ น เป็ นส่วนใหญ่ ผลงานมคี วาม และมีขอ้ บกพร่อง เป็นระเบียบแตม่ ี มาก ผลงานแสดงออก ผลงานมแี นวคิด ขอ้ บกพร่อง คอ่ นขา้ งมาก ส่งผลงานชา้ กว่า ถึงความคิด แปลกใหมแ่ ต่ยงั เวลาท่กี าหนดเกิน ส่งผลงานชา้ กวา่ กว่า 5 วนั สร้างสรรค์ ไมเ่ ป็นระบบ เวลาทีก่ าหนด 3-5 วนั แปลกใหม่ และเป็ นระบบ ผลงานมีความเป็น ผลงานส่วนใหญ่ ระเบยี บ แสดงออก มคี วามเป็น ถึงความประณีต ระเบยี บแต่ยงั มี ต้งั ใจ ขอ้ บกพร่อง เล็กนอ้ ย ส่งผลงานตามเวลา ส่งผลงานชา้ กวา่ ท่ีกาหนด เวลาที่กาหนด 1-2 วนั เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 17 - 20 ดีมาก 12 - 16 ดี 8 - 11 5-7 ปานกลาง ปรับปรุง 102

ประเมิน แบบประเมนิ สมรรถนะผ้เู รียน 5 ด้าน คาชีแ้ จง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน สมรรถนะทีป่ ระเมนิ ระดับคะแนน 3 21 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1.1 มคี วามสามารถในการรบั – ส่งสาร 1.2 มคี วามสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม 1.3 ใชว้ ธิ ีการส่ือสารท่เี หมาะสม 2. ความสามารถในการคิด 2.1 มคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห์ เพ่ือการสร้างองคค์ วามรู้ 2.2 มีความสามารถในการคดิ เป็นระบบ เพื่อการสร้างองคค์ วามรู้ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3.1 แกป้ ัญหาโดยใชเ้ หตุผล 3.2 แสวงหาความรูม้ าใชใ้ นการแกป้ ัญหา 3.3 ตดั สินใจโดยคานึงถึงผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืน 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 4.1 ทางานและอย่รู ่วมกบั ผอู้ ืน่ ดว้ ยความสัมพนั ธ์อนั ดี 4.2 มีวิธีแกไ้ ขความขดั แยง้ อยา่ งเหมาะสม 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5.1 เลอื กใชข้ อ้ มลู ในการพฒั นาตนเองอย่างเหมาะสม 5.2 เลอื กใชข้ อ้ มลู ในการทางานและอยู่ร่วมกบั ผอู้ ่นื อยา่ งเหมาะสม ลงชื่อ ................................................................................. ผปู้ ระเมิน / /........................ ......................... ............................. เกณฑ์การให้คะแนน : - พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน - พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิบางคร้ัง ให้ 1 คะแนน 103

ประเมิน แบบประเมิน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 8 ด้าน คาชีแ้ จง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะอนั พึง รายการท่ปี ระเมิน ระดับ ประสงค์ด้าน คะแนน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 มคี วามรักและภูมใิ จในความเป็นชาติ กษตั ริย์ 1.2 ปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ธรรมของศาสนา 1.3 แสดงออกถึงความจงรกั ภกั ดีตอ่ สถาบนั พระมหากษตั ริย์ 2. ซื่อสัตย์สุจริต 2.1 ปฏบิ ตั ิตามระเบยี บการสอนและไมล่ อกการบา้ น 2.2 ประพฤติ ปฏิบตั ิ ตรงตอ่ ความเป็นจริงต่อตนเอง 3. มวี นิ ัย 2.3 ประพฤติ ปฏิบตั ิ ตรงตอ่ ความเป็นจริงต่อผอู้ ่นื 3.1 เขา้ เรียนตรงเวลา 4. ใฝ่ เรียนรู้ 3.2 แต่งกายเรียบร้อยเหมาะสมกบั กาลเทศะ 3.3 ปฏิบตั ิตามกฎระเบียบของห้องและของโรงเรียน 5. อย่อู ย่างพอเพียง 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ การเรียนรู้ต่างๆ 6. ม่งุ มั่นในการทางาน 4.2 มีการจดบนั ทึกความรู้อยา่ งเป็นระบบ 4.3 สรุปความรูไ้ ดอ้ ย่างมเี หตผุ ล 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและสิ่งของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และรู้คณุ ค่า 5.3 ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเก็บออมเงนิ 6.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แทต้ ่ออุปสรรค เพื่อใหง้ านสาเร็จ 104

ประเมิน แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 8 ด้าน (ต่อ) คาชี้แจง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน คุณลักษณะอันพึง รายการท่ปี ระเมิน ระดบั ประสงค์ด้าน คะแนน 7.1 มจี ติ สานึกในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทย 321 7. รักความเป็ นไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รู้จกั การให้เพอื่ ส่วนรวมและเพอื่ ผอู้ ืน่ 8. มจี ิตสาธารณะ 8.2 แสดงออกถงึ การมีน้าใจหรือการให้ความชว่ ยเหลอื ผูอ้ นื่ 8.3 เขา้ ร่วมกิจกรรมบาเพญ็ ตนเพือ่ ส่วนรวมเม่อื มโี อกาส ลงช่ือ ................................................................................. ผปู้ ระเมิน / /......................... ......................... ............................. เกณฑ์การให้คะแนน : - พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ชิ ดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน - พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั ชิ ดั เจนและบ่อยคร้งั ให้ 2 คะแนน - พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั บิ างคร้ัง ให้ 1 คะแนน 105


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook