Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ท5การจัดการดูแลสัตว์เศรษฐกิจ

ท5การจัดการดูแลสัตว์เศรษฐกิจ

Published by khumnuengnu.kk, 2018-05-20 08:44:30

Description: ท5การจัดการดูแลสัตว์เศรษฐกิจ

Search

Read the Text Version

บทท่ี 5 การสุขาภิบาล และการเล้ยี งสัตว์เศรษฐกจิจุดประสงค์การเรยี นการสอน 1. บอกหลกั การสขุ าภิบาลสตั ว์ได้ 2. จดั การเล้ยี งสตั ว์ใหญไ่ ดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การและกระบวนการ 3. จดั การเล้ยี งสตั ว์เล็กไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การและกระบวนการ 4. จดั การเล้ยี งสตั ว์ปีกไดถ้ กู ตอ้ งตามหลกั การและกระบวนการ การจดั การเป็นปัจจยั ทมี่ ีบทบาทตอ่ การผลติ หรือการประกอบกจิ การใหไ้ ดร้ ับความสาเร็จ ผูจ้ ดั การจะเป็นผูค้ วบคมุ วางแผนการดาเนนิ การจดั การสุขาภบิ าล การตดั สินใจ เชน่ จะจดั การในเรื่องใด ในชว่ งไหน ควรดาเนินการดว้ ยวิธใี ด จานวนเทา่ ใด เป็นตน้ ซ่งึ การตดั สินใจในการจดั การตอ้ งเป็นทางเลอื กทด่ี ที ส่ี ดุ เพอ่ื ใหผ้ ลการตดั สินใจนน้ั ไปปรากฏผลในทางปฏบิ ตั ิ1. การสุขาภบิ าลสัตว์ การสุขาภบิ าลสตั ว์ เป็นการปฏบิ ตั ใิ ด ๆ ตอ่ สตั วท์ ้ังทางตรงและทางออ้ ม เพื่อใหส้ ตั ว์มีสขุ ภาพดีมีความตา้ นทานโรคสูง ใหผ้ ลผลติ สูง ตลอดจนถงึ การปฏิบตั ิเพื่อไม่ให้สัตว์เกดิ โรคตา่ งๆ ข้นึ หรือทาใหโ้ รคทกี่ าลงั ระบาดอยนู่ น้ั ยตุ ลิ งโดยเร็วไมแ่ พร่กระจายออกไป หลกั ทว่ั ไปทใ่ี ชใ้ นการสุขาภิบาลสตั ว์ คือ หลักในการป้องกนั โรค และการควบคุมโรค ซ่ึงสามารถทาไดด้ งั น้คี ือ 1.1 หากจาเป็นตอ้ งนาสตั วจ์ ากทีอ่ น่ื เขา้ ฟาร์ม ตอ้ งแยกเล้ียงดูไว้ตา่ งหากในบริเวณที่หา่ งไกลจากสตั ว์ท่ีมีอยเู่ ดมิ พอสมควร เพื่อรอดวู า่ สตั วท์ นี่ ามาใหมน่ ้นั มโี รคติดมาหรือไม่ โดยทวั่ ไปนิยมแยกสตั วไ์ วด้ อู าการใชเ้ วลาไม่น้อยกว่า 15 วัน หรือจนแน่ใจวา่ สตั ว์ชดุ ใหมท่ ี่จะนาเขา้ ฟาร์มปราศจากโรคจึงนาเขา้ มาเล้ยี งรวมกนั ได้ 1.2 ตอ้ งเล้ียงสตั วใ์ หม้ ปี ริมาณท่เี หมาะสมตอ่ พ้นื ทโ่ี รงเรือน ไมแ่ ออดั จนเกนิ ไป 1.3 ไมค่ วรเล้ยี งสตั ว์ท่มี อี ายแุ ตกตา่ งกนั ไวใ้ นคอกเดียวกนัหลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสขุ าภบิ าลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ 85

1.4 ไมค่ วรเล้ยี งสตั วต์ า่ งชนดิ กนั ไวร้ ่วมกนั 1.5 ฉดี วคั ซีนใหต้ รงตามโปรแกรมและถกู ตอ้ งตามหลกั การใชว้ คั ซนี แตล่ ะชนดิ 1.6 ตรวจสุขภาพสตั ว์ท่เี ล้ยี งเป็นประจา 1.7 อาหารและน้าท่ีใหส้ ตั ว์กนิ ตอ้ งมีคณุ ภาพ และเพียงพอกบั ความตอ้ งการ 1.8 ควรมีร้ัวลอ้ มรอบบริเวณฟาร์มเล้ยี งสตั ว์ และควรใหม้ ที างเขา้ ออกเพียงทางเดียว เพื่อเป็นการควบคมุ ป้องกนั ไมใ่ หส้ ตั ว์ทเี่ ป็นพาหะนาโรคอื่น ๆ ตลอดจนรถบรรทุกสตั ว์เขา้ ไปในบริเวณฟาร์ม 1.9 ตอ้ งสรา้ งโรงเรือนใหถ้ กู สุขลกั ษณะเพือ่ ป้องกนั ความร้อน หนาว ฝนและสภาพของดนิ ฟ้าอากาศทเี่ ปล่ยี นแปลงไป นอกจากน้โี รงเรือนท่ดี นี น้ั ยงั ชว่ ยใหส้ ตั ว์มีสุขภาพดี ยงั ชว่ ยป้องกนั การตดิ ตอ่ ของพยาธิไดด้ ว้ ยและตอ้ งมีการจดั หมวดหมขู่ องโรงเรือนอยา่ งถกู ตอ้ ง เพื่อป้องกนัการแพรร่ ะบาดของโรคและสะดวกในการจดั การ 1.10 จดั การสิ่งแวดลอ้ มรอบตวั สตั วใ์ หม้ คี วามสะอาดและปราศจากเช้ือโรคโดยการถมที่ลุม่ ตา่ อยา่ ใหม้ นี ้าขงั จดั การบริเวณท่รี กใหโ้ ลง่ เพอ่ื ใหอ้ ากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวกและไม่เป็ นที่อยู่ของพาหะนาโรค หากเกดิ โรคระบาดตอ้ งใชย้ าฆา่ เช้อื โรคกบั สง่ิ รอบๆ ตวั สตั ว์ 1.11 จดั ระบบหมุนเวยี นทงุ่ หญา้ เล้ยี งสตั วเ์ พอื่ ตดั วงจรโรคพยาธิ 1.12 หากมสี ตั ว์ป่วยดว้ ยโรคติดตอ่ เกดิ ข้ึนควรทาลายสัตว์ป่ วยเหลา่ น้นั ให้หมดโดยมีหลกั การทาลายและกาจดั ซากสตั วด์ งั น้ี 1.12.1 อยา่ ทง้ิ ซากสตั ว์ลงในน้าหรือใกลล้ าธารเพราะโรคอาจแพร่ไปกบั น้าได้ 1.12.2 อยา่ ใชซ้ ากสตั วไ์ ปทาอาหารใหส้ ตั วอ์ ื่นกนิ 1.12.3 อยา่ ปลอ่ ยใหแ้ มลงเกาะหรือเจาะไชซากสตั ว์จนกวา่ จะมกี ารทาลายทถี่ กู วธิ ี 1.12.4 อยา่ เปิดผา่ ซากสตั ว์โดยผู้ที่มิใชส่ ตั วแพทย์ เพราะจะทาใหเ้ ช้ือโรคแพร่กระจายเป็นสาเหตุของการเกดิ โรคระบาดได้ 1.12.5 ควรกาจดั ซากสตั วใ์ กลเ้ คยี งบริเวณทสี่ ตั วต์ ายมากที่สุดเพ่ือป้องกนั เช้ือโรคขยายพน้ื ทก่ี วา้ งออกไป 1.12.6 ใชย้ าฆ่าเช้ือทุกจุดทส่ี มั ผสั กบั ซาก เพ่อื ป้องกนั การแพร่ระบาดของโรค86 หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสขุ าภบิ าลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ

2. การจัดการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกจิ 2.1 การจัดการเลย้ี งสัตว์ในกล่มุ สัตว์ใหญ่ สตั ว์ในกลมุ่ สตั วใ์ หญท่ ี่สาคญั ทางเศรษฐกจิ ไดแ้ กโ่ คและกระบือ ซ่ึงจะมีหลักการจดั การและเล้ยี งโดยทวั่ ไปจะคลา้ ยๆ กนั หลกั การจดั การเล้ยี งสตั ว์ในกลุ่มสตั ว์ใหญ่ท่ีสาคัญมีดงั น้ี 2.1.1 การจดั การพอ่ แม่พนั ธ์ุ พอ่ แมพ่ นั ธสุ์ ตั ว์ใหญท่ จ่ี ะนามาเล้ยี งตอ้ งมาจากสายพนั ธ์ุที่ดี มีลักษณะตรงตามสายพนั ธุ์ โครงรา่ ง กวา้ ง ยาวและลกึ มองดูแลว้ ไดส้ ดั สว่ นสวยงาม ลกั ษณะพอ่ พันธ์ุตอ้ งมีอวยั วะเพศ (ลงึ ค์) วางในแนวเสน้ กง่ึ กลางของลาตวั ไมเ่ บี่ยงไปดา้ นซา้ ยหรือดา้ นขวา เมด็ อณั ฑะท้งั สองจะตอ้ งมีขนาดเทา่ กนั และตอ้ งอยูใ่ นถงุ หุม้ ท่หี ยอ่ นยานพอดี ไมช่ ิดหรือหา่ งลาตัวมากเกนิ ไป สว่ นแมพ่ นั ธ์ุตอ้ งมีลกั ษณะเตา้ นมท่ีแสดงถึงการใหน้ มมาก หัวนมท้ังสี่ไมร่ วมเป็ นกระจกุ หวั นมตอ้ งไมบ่ อด อวยั วะเพศตอ้ งใหญ่ กวา้ ง วางอยใู่ นตาแหนง่ ท่ีเหมาะสมคือห่างจากทวารหนกั พอสมควรเพือ่ สะดวกในการคลอด การจดั การพอ่ แมพ่ นั ธุค์ วรพจิ ารณาถึงแหลง่ ที่มาของพอ่ แมพ่ นั ธ์ุและการจดั การเล้ยี งดพู อ่ แมพ่ นั ธ์ุ 1) แหลง่ ทีม่ าของพอ่ แมพ่ นั ธ์ุ ผูเ้ ล้ยี งสามารถจัดหาพ่อแมพ่ นั ธุ์สตั ว์มาจาก 2ทางดว้ ยกนั คอื เลอื กซือ้ มาจากทีอ่ น่ื และคดั สตั ว์ใหญภ่ ายในฝงู ไวท้ าพนั ธ์ุ การเลอื กซอื้ จากท่ีอื่นสว่ นใหญเ่ ป็นการซื้อหามาเพอื่ เร่ิมตน้ ทาฟาร์มใหมห่ รือขยายฟาร์มเกา่ ใหใ้ หญย่ ิ่งข้ึน การเลือกซื้อพอ่ แมพ่ นั ธุม์ าจากท่ีอน่ื น้ี นอกจากจะดูโครงร่างแลว้ จะตอ้ งดูบันทึกพนั ธุ์ประวตั ิประกอบการตดั สนิ ใจจึงจะไดส้ ตั ว์ทีด่ ีมาทาพนั ธุ์ สว่ นการคัดสตั ว์ใหญภ่ ายในฝูงไว้ทาพันธุ์น้ัน เป็ นวิธีการทีป่ ระหยดั วธิ ีน้นี อกจากจะลงทนุ ต่าแลว้ ยงั ไดแ้ มพ่ นั ธ์ุทผี่ ูเ้ ล้ยี งมนั่ ใจในคณุ ภาพอีกดว้ ยสว่ นพอ่ พนั ธุ์เพ่อื เป็นการป้องการการผสมแบบเลือดชิดควรใชว้ ิธีการผสมเทียมหรือหาซ้ือเพศผูจ้ ากแหลง่ อน่ื มาทาพอ่ พนั ธ์ุ 2) การเล้ยี งดพู อ่ แมพ่ นั ธ์ุ สตั ว์พอ่ แมพ่ นั ธท์ุ กุ ชนดิ อาศัยหลักการเดียวกนั ในการเล้ยี งดคู ือ พอ่ แมพ่ นั ธุ์ทเี่ ล้ยี งจะตอ้ งไมอ่ ว้ นหรือผอมจนเกนิ ไปและจะตอ้ งเล้ยี งสุขภาพของพอ่ แมพ่ นั ธใ์ุ หด้ ีซ่งึ จะมีผลตอ่ ความสมบรู ณ์พนั ธ์ุ ดงั น้นั จงึ ตอ้ งเอาใจใส่เป็ นพิเศษในเร่ืองของอาหารเสริม วติ ามนิ และเกลือแร่หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสขุ าภิบาลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ 87

2.1.2 หลักการจัดการผสมพนั ธ์ุ 1) หลกั ทีค่ วรยึดถือปฏิบตั ิในการผสมพนั ธ์ุโคกระบือ (1) โคพอ่ พนั ธุ์ควรใชผ้ สมพนั ธค์ุ ร้งั แรกเมอ่ื อายุหน่ึงปี คร่ึงถึงสองปี และควรใชก้ ระบือพอ่ พนั ธผ์ุ สมคร้งั แรกเม่ืออายุ 2-3 ปี (2) โคแมพ่ นั ธุค์ วรไดร้ ับการผสมพนั ธุ์คร้ังแรกเม่ืออายุหน่ึงปี คร่ึงหรือน้าหนกั สองในสามของน้าหนกั โตเตม็ ที่ สว่ นกระบอื ควรผสมพนั ธ์ุคร้ังแรกเมื่ออายุประมาณสองปี คร่ ึง (3) แมโ่ คและกระบือที่มีสขุ ภาพสมบูรณ์และไมต่ ้งั ทอ้ ง จะแสดงอาการเป็นสดั โดยเฉลยี่ ทกุ 21 วนั โดยแมโ่ คกระบอื จะแสดงอาการกระวนกระวายกวา่ ปกติ ไลข่ ้ึนทับตวั อื่นหรือยอมใหต้ วั อ่ืนข้นึ ทบั อวยั วะเพศจะบวมกวา่ เดมิ และอาจมเี มอื กใสไหลออกมา (4) ถา้ พบแมโ่ คกระบอื แสดงอาการเป็นสดั และยนื นิ่งตอนเช้า ควรผสมในตอนเยน็ ถา้ พบอาการเป็นสดั และยนื นิ่งตอนเย็น ควรผสมตอนเชา้ ของวนั รุง่ ข้ึน (5) แมพ่ นั ธค์ุ วรจะไดร้ บั การผสมพนั ธ์ุหลงั คลอดลกู แลว้ 60-90 วนั 2) วธิ กี ารผสมพนั ธ์ุ การผสมพนั ธุม์ ี 3 วธิ ี ซ่งึ แต่ละวิธีมีท้ังข้อดีและข้อเสียท่ีตา่ งกนั ผูเ้ ล้ยี งหรือผูจ้ ดั การตอ้ งเลอื กวิธีการผสมใหเ้ หมาะสมกบั ระบบของฟาร์ม (1) การผสมแบบปลอ่ ยพอ่ พนั ธค์ุ มุ ฝูง การผสมโดยวิธีน้ที าได้โดยการใช้พอ่ พนั ธุ์ปลอ่ ยรวมอยใู่ นฝงู แมพ่ นั ธ์ใุ นสดั สว่ นที่เหมาะสม เกษตรกรท่ีมีแม่พนั ธ์ุจานวนมากนยิ มการผสมดว้ ยวิธีน้ี การผสมวิธนี ้ผี ูเ้ ล้ยี งไมต่ อ้ งคอยสงั เกตการเป็ นสดั ของแม่พนั ธุ์ เม่ือถึงเวลาท่เี หมาะสมพอ่ พนั ธ์ุจะเขา้ ผสมกบั แมพ่ นั ธุ์เอง แตไ่ มส่ ามารถกาหนดวนั คลอดไดแ้ นน่ อน (2) การผสมแบบจงู เขา้ ผสม การผสมโดยวธิ นี ้พี อ่ พันธ์ุจะได้รับการแยกเล้ยี งตา่ งหาก เม่ือแมพ่ นั ธ์เุ ป็นสดั และอยใู่ นระยะยอมใหผ้ สมคือยนื น่งิ ยอมใหต้ วั อืน่ ข้ึนทบั แลว้กจ็ ะจงู แมพ่ นั ธุม์ าใหพ้ อ่ พนั ธผ์ุ สมหรือจูงพอ่ พนั ธไุ์ ปผสมกบั แมพ่ นั ธ์ุกไ็ ดแ้ ล้วแต่ความสะดวกในการจดั การ การผสมวธิ ีน้มี ขี อ้ ดคี อื กาหนดวนั คลอดไดค้ อ่ นขา้ งแนน่ อน พอ่ พนั ธจ์ุ ะมีสุขภาพดกี วา่ การผสมแบบแรกและพอ่ พนั ธ์ุจานวน 1 ตวั สามารถผสมกบั แมพ่ นั ธ์ไุ ดจ้ านวนมากตวั กวา่แบบแรก การผสมวธิ นี ้มี ีขอ้ เสียคอื ผูเ้ ล้ยี งตอ้ งเสยี เวลาจดั การเล้ยี งพอ่ พนั ธุ์เพิม่ ข้นึ กวา่ แบบแรกและผูเ้ ล้ยี งตอ้ งคอยสงั เกตการเป็นสดั ของแมพ่ นั ธุ์ เพราะถา้ พลาดทาใหแ้ มพ่ นั ธุ์ไดร้ ับการผสมชา้ ไปอกี หน่งึ วงรอบการเป็ นสดั88 หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภิบาลและการเล้ยี งสตั วเ์ ศรษฐกจิ

(3) การผสมเทยี ม เป็นวธิ ีท่ไี ดร้ ับความนิยมคอ่ นขา้ งมากในปัจจุบัน การผสมวิธีน้ที าไดโ้ ดยการนาน้าเช้อื ของพอ่ พนั ธมุ์ าสอดใสเ่ ขา้ ไปในอวยั วะเพศของเพศเมียหรือของแมพ่ นั ธุ์ในระยะเวลาที่เหมาะสม (12-18 ชวั่ โมงหลงั จากแมโ่ คเร่ิมยืนนง่ิ ยอมใหต้ วั อน่ื ข้ึนข่ี)การผสมวธิ ีน้มี ขี อ้ ดคี ือไม่ตอ้ งมีภาระในการเล้ียงดูพ่อพนั ธ์ุ กาหนดวันคลอดได้คอ่ นข้างแนน่ อน เลือกใชพ้ อ่ พนั ธ์ุดีไดต้ ามตอ้ งการและได้รับบริการฟรีจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง มีขอ้ เสยี คอื หากเจา้ หนา้ ทีผ่ ูร้ ับผดิ ชอบในการผสมขาดความชานาญอาจจะทาให้เกดิปัญหาตอ่ ระบบสบื พนั ธแุ์ ละการผสมติดของแมพ่ นั ธ์ไุ ด้ นอกจากน้ผี ูเ้ ล้ยี งยงั ตอ้ งคอยสงั เกตการเป็นสดั ของแมพ่ นั ธุ์ เพราะถา้ พลาดทาใหแ้ มพ่ นั ธไ์ุ ดร้ บั การผสมชา้ ไปอีกหน่งึ วงรอบ ภาพที่ 5.1 แสดงวธิ ีการลว้ งผสมเทียมโคกระบอื ภาพโดย : คานึง หนูดาษ 2.1.3 การตรวจการต้งั ท้อง เม่อื แมพ่ นั ธุโ์ คไดร้ บั การผสมไปแลว้ เพอ่ื เป็นการยืนยันวา่ การผสมในคร้ังนน้ั ผสมตดิ หรือไม่ ผูเ้ ล้ยี งตอ้ งตรวจเช็คโดยวิธีตอ่ ไปน้ี 1) การสงั เกตวงรอบการเป็นสดั โคและกระบอื จะมวี งรอบการเป็ นสัดหา่ งกนั โดยเฉลยี่ 21 วนั หลงั จากผสมไปแลว้ ผูเ้ ล้ยี งตอ้ งคอยสงั เกตอาการเป็นสดั ในวงรอบการเป็ นสดั ตอ่ ไป ถา้ หลงั จากผสมไปแลว้ 18-22 วนั แมพ่ นั ธุต์ วั น้นั ไมแ่ สดงอาการเป็นสดั สนั นษิ ฐานวา่การผสมในคร้ังน้นั นา่ จะผสมตดิ และอาจสงั เกตตอ่ ไปอกี 2-3 วงรอบการเป็นสดั จงึ จะยืนยนั ได้แนน่ อนวา่ การผสมคร้งั น้นั ตดิ จริงหรือไม่หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภิบาลและการเล้ยี งสตั วเ์ ศรษฐกจิ 89

2) การลว้ งตรวจภายใน หลงั จากผสมไปแล้วประมาณ 2 เดือนถา้ ผูเ้ ล้ียงมีความชานาญกส็ ามารถลว้ งตรวจทางชอ่ งทวารหนกั เพอ่ื คลาหาปี กมดลูก ปี กมดลูกดา้ นที่ลูกออ่ นฝังตวั อยจู่ ะมีขนาดใหญก่ วา่ ขา้ งทีล่ กู ออ่ นไมฝ่ ังตวั 2.1.4 การจัดการช่วงอ้มุ ท้อง หลงั จากโคแม่พันธ์ุไดร้ ับการผสมพนั ธ์ุไปแลว้ จะอุม้ ทอ้ งอยู่นานเฉลี่ยประมาณ 282 วนั จงึ จะถงึ กาหนดคลอด (325 วนั สาหรับกระบอื ) ในเดือนแรกหลงั จากผสมตอ้ งคอยระมดั ระวงั เป็นพิเศษ เพราะลูกออ่ นทีเ่ ร่ิมฝังตวั อาจจะหลดุ และแท้งได้ หลังจากน้ันผู้เล้ยี งกเ็ล้ยี งไปตามปกติใหอ้ าหารใหค้ รบถว้ นและเพยี งพอแกค่ วามตอ้ งการ คอยระมดั ระวงั อย่าใหไ้ ดร้ บั การกระทบกระเทอื น ไมว่ า่ การบงั คบั เพือ่ จดั การตา่ งๆ การฉีดวคั ซีนบางชนิด การฉีดยาหรือใหย้ าถา่ ยพยาธบิ างชนดิ ลว้ นเป็นสาเหตทุ าใหแ้ ทง้ ลูกไดท้ ง้ั ส้ิน ลกู ในทอ้ งจะเจริญเติบโตรวดเร็วในชว่ ง 2 เดือนกอ่ นคลอด ดงั นน้ั ในชว่ งน้แี มโ่ คกระบือควรไดร้ บั การเอาใจใสเ่ ล้ยี งเรื่องอาหารเป็นพิเศษ แตต่ อ้ งระวงั อยา่ ใหแ้ มพ่ นั ธ์ุอว้ นเกนิ ไป เพราะจะทาใหค้ ลอดยาก 2.1.5 การจัดการช่วงคลอด หลงั ผสมพนั ธแุ์ ลว้ สามารถกาหนดวนั คลอดไดโ้ ดยนาตวั เลข 10 ไปบวกกบัตวั เลขวนั ทผ่ี สม นาตวั เลข 9 ไปบวกกบั ตวั เลขเดอื นท่ผี สม และนาตวั เลข 0 ไปบวกกบั เลขปีพ.ศ. ท่ีผสม เม่อื รวมกนั แลว้ ผลทไี่ ด้ คือวนั เดอื น และปี ทีเ่ ป็นกาหนดคลอดโดยประมาณของโคตวั น้นั สว่ นกระบือกใ็ ชห้ ลกั การเดียวกนั เพยี งแตเ่ ปลี่ยนตวั เลขทจ่ี ะนาไปบวก โดยนาตวั เลข20 ไปบวกกบั ตวั เลขวนั ทีผ่ สม นาตวั เลข 10 ไปบวกกบั เดอื นที่ผสม และนาตวั เลข 0 ไปบวกกบัเลขปี พ.ศ. ทผ่ี สม เมื่อผูเ้ ล้ยี งสามารถกาหนดวนั คลอดโคกระบอื ทาให้เกษตรกรสามารถวางแผนการจดั การชว่ งคลอดไดถ้ ูกตอ้ ง ถา้ หากคิดกาหนดคลอดไมไ่ ด้กส็ ามารถสังเกตได้ดว้ ยสายตา เพราะประมาณ 2-3 สปั ดาหเ์ มอ่ื แมโ่ คและกระบือใกลก้ าหนดคลอด จะแสดงอาการอุ้ยอา้ ยมากข้ึน กระดกู เชงิ กราน อวยั วะเพศและเตา้ นมเร่ิมหยอ่ นและขยายตวั มากข้นึ ควรแยกแม่โคกระบอื ออกจากฝงู เขา้ สคู่ อกคลอดซ่งึ เป็นคอกท่ีแหง้ สะอาด มีวสั ดรุ องพ้ืน มีอาหารและน้าใหก้ นิ ตลอดเวลา เมือ่ ถึงระยะ 2-3 วนั กอ่ นคลอดกระดูกเชิงกรานจะหยอ่ นตวั มากทาใหผ้ ิวหนังสองขา้ งของบริเวณโคนหางหยอ่ นจมลึกลง อวยั วะเพศเร่ิมขยายบวม เร่ิมมีน้าเมอื กไหล90 หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภบิ าลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ

ภาพที่ 5.2 แสดงทา่ คลอดปกติของโคภาพโดย : คานึง หนดู าษ ขบวนการคลอดจะเริ่มจากแมโ่ คและกระบือมอี าการกระวนกระวายเดินวนไปมาลม้ ลงนอน แลว้ ลกุ ข้นึ บอ่ ยๆ ถงุ น้าคร่าจะถกู ดนั ออกมา ตามดว้ ยขาคหู่ น้า สว่ นหวั สว่ นไหลแ่ ละสว่ นอกของลูกผา่ นชอ่ งคลอดออกมา เมื่อลูกผา่ นออกมาถึงคร่ึงตัวแล้วลูกจะไหลออกมาเองโดยงา่ ย ปกติโคจะคลอดเองโดยไมต่ อ้ งชว่ ยเหลือการคลอดเลย แตถ่ ้าลูกคาอยู่ในชอ่ งคลอดนาน 2-3 ชวั่ โมงกม็ คี วามจาเป็นตอ้ งชว่ ยดึง โดยจดั ใหอ้ ยใู่ นทา่ คลอดทถี่ กู ตอ้ ง คือ ขาคหู่ นา้ เหยยี ดตรงออกมา สว่ นหวั วางอยบู่ นขาคหู่ นา้ แลว้ พยายามชว่ ยดึงออกมาตามแรงเบง่ อยา่ดึงฝืนแรงเบง่ เพราะทาใหแ้ มโ่ คไดร้ ับอนั ตรายและเกดิ อาการมดลกู ปลนิ้ ทะลกั ได้ ภายหลงั ลกู คลอดออกมาแลว้ 4-5 ชวั่ โมง รกจะถูกขบั ออกมา ถ้าภายใน 12ชวั่ โมงรกยงั ไมถ่ กู ขบั ออกมาแสดงวา่ รกคา้ ง ตอ้ งตามสตั วแพทย์หรือผูร้ ู้มาชว่ ยลว้ งเอารกออกและรักษาภายในตอ่ ไป 2.1.6 การจดั การเล้ียงลูกโคกระบือหลังคลอด ทนั ทีที่ลูกคลอดออกมาถา้ แมพ่ นั ธส์ุ ุขภาพสมบรู ณ์การคลอดไม่มีปัญหา แม่พนั ธจ์ุ ะเลยี ทาความสะอาดลกู ผู้เล้ียงไม่ต้องเขา้ ไปช่วยเหลือกไ็ ด้ แต่ในกรณีที่คลอดยากหลงั จากคลอดแลว้ ตอ้ งไดร้ บั การชว่ ยเหลือเพราะแมพ่ นั ธ์ุจะออ่ นเพลยี มากไมส่ ามารถลกุ ข้ึนยืนเลียลูกและใหล้ กู ดดู น้านมเหลืองได้ เมื่อลูกลกุ ข้นึ ยืนไดค้ วรตดั สายสะดือใหเ้ หลือส้นั 2-3 น้ิวหลงั ตดั สายสะดือแลว้ ใชย้ าฆ่าเชื้อทาและหยอดใสช่ อ่ งสายสะดือเพื่อป้องกนั การติดเชื้อประมาณ 10 วนั สายสะดอื จะหลุดเองหลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสขุ าภบิ าลและการเล้ยี งสตั วเ์ ศรษฐกจิ 91

หลงั จากคลอดควรช่วยให้ลูกโคกระบือไดก้ นิ น้านมเหลือง (Colostrum)โดยเร็วที่สดุ ภายใน 6 ชวั่ โมง เพราะรา่ งกายสามารถดูดซมึ น้านมเหลอื งผ่านทางผนังลาไสไ้ ปใชไ้ ดด้ ี แตถ่ า้ ปลอ่ ยไวน้ านถงึ 36 ชว่ั โมงลกู ยงั ไมไ่ ดก้ นิ น้านมเหลอื งทาใหม้ สี ขุ ภาพเสื่อมโทรมและตายได้ การจดั การอ่ืนๆ ในชว่ งน้ี นอกจากการตัดสายสะดือและให้ลูกกนิ น้านมเหลอื งแลว้ ผูเ้ ล้ยี งตอ้ งชงั่ น้าหนกั และทาเครื่องหมายโดยการตดิ ป้ายเบอร์หูและหรือตดั เบอร์หูและหรือสกั เบอร์หเู พอื่ สะดวกในการบนั ทึกประวตั ิ 2.1.7 การจัดการเล้ียงแม่และลูกโคกระบือในระยะเลี้ยงลูก หลงั จากคลอดแลว้ ผูเ้ ล้ยี งจะตอ้ งจัดการอาหารใหม้ ีโภชนะครบถ้วนและเพียงพอแกค่ วามตอ้ งการ เพือ่ ใหแ้ มพ่ นั ธ์ุมนี ้านมมากพอแกก่ ารเล้ียงลูก และอาหารท่ีได้รับสว่ นหน่ึงจะเสริมสร้างระบบสืบพนั ธุ์ใหม้ ีความสมบูรณ์พร้อมที่จะรับการผสมพันธุ์ในระยะเวลาอนั รวดเร็วโดยปกตแิ ลว้ แมโ่ คกระบือและลูกจะเร่ิมสมบูรณ์ หลงั จากคลอด 2-3สปั ดาห์และมดลูกจะกลบั เขา้ อตู่ ามปกติ 6-8 สปั ดาห์หลงั คลอดและสามารถผสมพนั ธุ์ใหมไ่ ด้ในชว่ ง 2-3 เดือนหลงั คลอด โดยในขณะลกู โคกระบืออยกู่ บั แมค่ วรจดั การดงั น้ี 1) ถา่ ยพยาธิคร้ังท่ี 1 เมื่ออายุ 3 สัปดาห์และถ่ายซ้าคร้ังที่ 2 เมื่ออายุ 10สปั ดาห์หรือ 2 เดอื นคร่ึงและตอ่ ไปทาซ้าทุก 6 เดอื น 2) ฉีดวคั ซนี ป้องกนั โรคแทง้ ตดิ ตอ่ ในลูกเพศเมีย อายุ 3-8 เดือน 3) ฉีดวคั ซนี ป้องกนั โรคปากและเทา้ เป่ือยเม่อื ลกู โคอายุ 4 เดือน และฉีดซ้าทุก 4 เดือน 4) ฉดี วคั ซนี ป้องกนั โรคคอบวม เมอ่ื ลกู อายุ 6 เดือน และฉดี ซ้าทุก 6 เดอื น 2.1.8 การจัดการเล้ียงลูกโคกระบือหย่านม การเล้ยี งลกู โคกระบือในชว่ งแรกควรปลอ่ ยใหล้ กู อยกู่ บั แมอ่ ยา่ งอิสระ ลกู โคกระบือจะเริ่มหดั กนิ หญา้ เมื่ออายุ 1-2 เดอื นและกนิ หญา้ ไดเ้ ต็มทีเ่ มอื่ อายุ 4-5 เดอื น การจดั การในชว่ งน้นี อกจากจะใหก้ นิ หญา้ อยา่ งเต็มทีแ่ ลว้ ควรจดั หาอาหารเสริมใหก้ นิ ดว้ ยลูกโคกระบือจะไดส้ มบูรณ์ย่งิ ข้นึ ทาใหค้ วามตอ้ งการน้านมลดลงเร่ือยๆ เมื่อเห็นว่าลูกโคกระบือกนิ หญ้าได้เต็มท่ีและมีความสมบรู ณ์ดแี ลว้ ควรทาการหยา่ นมโดยปกติจะหยา่ นมเม่ืออายุ 6-7 เดือนตามสภาพความสมบูรณ์ ถา้ สขุ ภาพออ่ นแอมากอาจยดื เวลาไปหยา่ นมเมือ่ อายุ 8 เดือนกไ็ ด้ แตจ่ ะทา92 หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภิบาลและการเล้ยี งสตั วเ์ ศรษฐกจิ

ใหส้ ุขภาพของแมท่ รุดโทรมมากข้นึ สง่ิ ทตี่ อ้ งจดั การชว่ งหยา่ นมมดี งั น้ีคือ ชงั่ น้าหนัก ตอนลูกเพศผู้ ทาเครื่องหมายแบบถาวรโดยการตเี บอร์ขา้ ง ฉีดวคั ซีนป้องกนั โรคปากและเทา้ เป่ือย เมือ่อายุได้ 8 เดือนและวคั ซีนป้องกนั โรคคอบวม เมื่ออายุได้1 ปี และคดั เลือกโคกระบอื ออกเป็น2กลมุ่ ๆ ทีม่ ลี กั ษณะดแี ยกเล้ยี งไวเ้ ป็นพอ่ แมพ่ นั ธ์ุ ที่มลี กั ษณะไมด่ ีแยกเล้ียงเพ่ือขุนขายเป็ นโคกระบือเนื้อ 2.1.9 การจดั การเลี้ยงโคกระบือร่นุ ลูกโคกระบอื ทห่ี ยา่ นมแลว้ เจา้ ของอาจจะขายไปจากฝงู หรือเล้ยี งไวต้ อ่ ไปเพอื่ขายเป็นพอ่ แมพ่ นั ธ์ุ โดยทวั่ ไปมวี ธิ ีการเล้ียงอยู่ 3 รูปแบบ คือ 1) เล้ยี งแบบปลอ่ ยตามธรรมชาตใิ นแปลงหญา้ การเล้ียงโดยวิธีน้ีเป็ นการปลอ่ ยใหล้ งไปหากนิ ในแปลงหญา้ ตามธรรมชาติ การเจริญเตบิ ของโคกระบือจะชา้ แตล่ งทุนนอ้ ยไมเ่ หมาะสาหรับโคกระบือทเ่ี ล้ยี งไวเ้ พอ่ื ใชเ้ ป็นพอ่ แมพ่ นั ธ์ุ เพราะการเจริญเติบโตของระบบสบื พนั ธ์ุไมส่ มบูรณ์เทา่ ทคี่ วร ทาใหค้ วามสมบูรณ์พนั ธุต์ ่ากวา่ โคกระบือที่เจริญเติบโตตามปกติ 2) เล้ยี งแบบปลอ่ ยตามธรรมชาติในแปลงหญา้ และใหอ้ าหารเสริม การเล้ียงโดยวิธนี ้นี อกจากจะใหก้ นิ อาหารหยาบเต็มท่ีแลว้ จะตอ้ งใหอ้ าหารขน้ เสริมด้วยทุกวันในช่วงฤดฝู นอาจเสริมนอ้ ยกวา่ ในฤดูแลง้ ยกตวั อยา่ งเชน่ ในฤดฝู นใชอ้ าหารขน้ เสริมเพียง 1 กโิ ลกรัมตอ่ ตวั ตอ่ วนั แตใ่ นฤดูแลง้ อาจเสริมถงึ 1.5 กโิ ลกรมั ตอ่ ตวั ตอ่ วนั จงึ จะเพียงพอทีจ่ ะใหโ้ คกระบือสมบรู ณ์ได้ การเล้ยี งโดยวิธีน้เี หมาะสาหรับการเล้ยี งไวใ้ ชเ้ ป็นพอ่ แมพ่ นั ธุ์ โดยเฉพาะโคกระบือเพศเมยี เพราะทาใหค้ วามสมบูรณ์พนั ธ์ุสงู ผสมไดเ้ ร็วแตถ่ า้ เล้ยี งเป็นโคกระบอื เนอื้ ธรรมดาจะไม่คมุ้ กบั การลงทนุ 3) การขุนโคกระบือ ไดแ้ กก่ ารเล้ยี งดว้ ยอาหารทีม่ ีคณุ ภาพดเี พ่อื ใหโ้ คกระบือเจริญเติบโตอยา่ งรวดเร็วและไดเ้ นอ้ื ตามทีต่ ลาดตอ้ งการ 2.1.10 การจดั การเล้ียงโคกระบือสาว นยิ มทาในกลมุ่ โคกระบอื ที่เกบ็ ไวเ้ ป็นพอ่ แมพ่ นั ธุ์ จุดประสงค์การเล้ียงโคกระบอื สาวจงึ เล้ยี งเพ่อื ไวท้ าพนั ธ์ุหรือขายเป็นแมพ่ นั ธโ์ุ ดยเฉพาะการเล้ยี งดจู งึ นยิ มเล้ยี งแบบให้กนิ อาหารเตม็ ทแี่ ลว้ เสริมดว้ ยอาหารขน้ ในสดั สว่ นทเ่ี หมาะสมเพอื่ ใหเ้ ตบิ โตเร็วระบบสืบพนั ธุ์สมบูรณ์ และผสมพนั ธุ์ไดเ้ ร็วหลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภบิ าลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ 93

2.1.11 การจัดการโดยทว่ั ไป 1) การกาจดั พยาธิภายใน พยาธิภายในที่พบภายในร่างกายสตั ว์ เช่น พยาธิไสเ้ ดอื น พยาธติ วั ตืด และพยาธิใบไมใ้ นตบั นยิ มกาจดั พยาธภิ ายในคร้ังแรกเม่ือลูกโคกระบืออายุ 3 สปั ดาห์และคร้งั ที่ 2 เมือ่ อายุ 10 สปั ดาห์ โดยวธิ กี ารกรอกหลงั จากน้ันทาซ้าทุก 6 เดือนหรืออยา่ งนอ้ ยปีละ 1 คร้ัง โดยวิธกี ารฉดี 2) การกาจดั พยาธิภายนอก พยาธิภายนอกคอื พยาธิทพ่ี บอยภู่ ายนอกรา่ งกายสตั ว์ เชน่ หมดั ไร เหา และเห็บ การกาจดั พยาธิภายนอกมีอยูห่ ลายวิธี ควรเลือกปฏิบตั ิตามความเหมาะสมกบั เวลาและจานวนสตั ว์ เชน่ การใชม้ อื เกบ็ ออก การใชผ้ ้าจุ่มน้ายาเช็ดตามตวัการพน่ ยาใหท้ ว่ั ตวั สตั ว์ ใชเ้ ครื่องพน่ ยาแรงดนั สูงแลว้ ไลต่ อ้ นโคกระบือท้งั ฝูงผ่านซองพ่นยาและไลต่ อ้ นโคกระบอื ทง้ั ฝูงลงบอ่ น้ายา เป็นตน้ 3) การทาวคั ซีน วคั ซนี หมายถึงสารละลายของจุลินทรีย์ท่ีมชี ิวติ อยู่หรือตายแลว้ หรือสง่ิ ใดกไ็ ดท้ ี่ไดม้ าจากจุลินทรีย์เม่อื ฉีดหรือนาเขา้ สรู่ ่างกายสตั ว์จะสามารถกระตุน้ ให้รา่ งกายสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ที่ตอ่ ตา้ นกบั จุลินทรียช์ นดิ เดยี วกนั วคั ซีนสาหรับโคกระบือทุกชนิดทาโดยวิธกี ารฉีดเขา้ สรู่ า่ งกาย การทาวคั ซีนตอ้ งทาตามโปรแกรมทีว่ างไวอ้ ยา่ งเครง่ ครดัตารางที่ 5.1 แสดงโรคระบาดทีจ่ าเป็นตอ้ งทาวคั ซีนในโคกระบือชอ่ื โรค อายโุ คท่ีควรฉีด ระยะคมุ้ โรคโรคปากและเทา้ เปื่อย 4 เดอื นข้ึนไป 4 เดือนโรคคอบวม 6 เดือนข้นึ ไป 6 เดอื นโรคแทง้ ติดตอ่ 3-8 เดอื น เฉพาะลกู โคกระบอื เพศเมยี ตลอดชีวิต 4) การตอน การตอนโคกระบือ เป็นวิธีการท่ีทาใหเ้ ม็ดอณั ฑะ (Testis) ไม่สามารถผลิตอสจุ ิได้ การตอนโคมีอยหู่ ลายวธิ ีท่ีนยิ มมากท่ีสุดในปัจจบุ นั คือการตอนโดยใช้คีมหนีบเสน้ เลือดและทอ่ นาน้าเช้ือทาใหเ้ มด็ อณั ฑะฝ่อลีบ มีข้นั ตอนการตอนโดยเริ่มจากล้มโคกระบอื ลงนอนแลว้ มดั ขาทง้ั 4 ใหแ้ นน่ จากนน้ั ใชม้ อื บบี ดนั กลุ่มเสน้ เ ลือด ท่อส่งน้าเชื้อและเสน้ ประสาทขา้ งใดขา้ งหน่งึ ใหอ้ ยชู่ ิดถุงอณั ฑะ จงึ หนีบคมี ลงบนกลมุ่ เส้นเลือดน้ีนาน 3 วินาทีหรือใชม้ ือคลาเมด็ อณั ฑะถา้ อุณหภมู ลิ ดลงจนเมด็ อณั ฑะเยน็ ถือวา่ ใชไ้ ด้ เสร็จแล้วจึงปฏิบัติใน94 หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภบิ าลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ

ทานองเดียวกนั กบั กลมุ่ เสน้ เลือดอีกขา้ งหน่งึ โดยรอยแผลท้งั สองขา้ งตอ้ งเย้ืองกนั ประมาณ 1น้ิว หลงั จากเสร็จการตอนแลว้ เช็ดยาฆา่ เชอ้ื และใสย่ าป้องกนั แมลงวนั วางไข่และระวังอยา่ ให้ตาแหนง่ ที่ตอนโดนน้า 3 วนั เมด็ อณั ฑะจะฝ่อลีบไปในท่ีสุด 5) การทาลายเขา ในอดตี โคกระบอื จะใชเ้ ขาเป็นอาวธุ ป้องกนั ตวั แต่เขาโคกระบือเป็นอนั ตรายตอ่ ผูเ้ ล้ยี งผูเ้ กยี่ วขอ้ งและโคกระบอื ในฝูงเดียวกนั ในปัจจบุ นั นยิ มทาลายเขาทิ้งไป ซ่งึ มอี ยหู่ ลายวิธตี ามขนาดของเขา เชน่ ใชส้ ารเคมีทา ใชห้ ลอดควกั เขา ใชห้ ัวแร้งจ้ี การตดั ดว้ ยมีด เลือ่ ยหรือคมี ตดั เขาเป็นตน้ นอกจากการใชส้ ารเคมที าป่มุ เขาแลว้ การทาลายเขาวิธีอื่นๆ ไมว่ า่ จะใชค้ มี ตดั การตดั ดว้ ยมดี หรือเลอ่ื ย จะตอ้ งใชห้ วั แรง้ จ้ีเขาท้งั น้ัน เพราะการใช้หัวแรง้ นอกจากทาลายเซลลป์ ่มุ เขาแลว้ ยงั ใชใ้ นการหา้ มเลอื ดอีกดว้ ย การทาลายเขาโดยใชห้ วั แร้งจ้ีสามารถทาไดโ้ ดยบงั คบั โคกระบือโดยลม้ ลงนอนมดั ใหแ้ นน่ ใชห้ วั แรง้ ท่เี ผาไฟจนแดงกดทาบลงไปบนป่มุ เขา กดและยกเป็นจงั หวะเพ่ือป้องกนั มใิ หเ้ จ็บปวดเกนิ ไปถา้ หวั แรง้ เยน็ เปล่ียนเอาหวั แรง้ อนั ใหมเ่ ขา้ มาจ้ตี อ่ จนป่มุ เขาแหง้ ในกรณีป่มุ เขายาวมากแลว้ ใหต้ ดั ป่มุ เขาท้งิ กอ่ นการตัดป่ ุมเขาทยี่ งั ออ่ นอยนู่ ยิ มใชม้ ดี ปาดโดยดึงคร้งั เดยี วใหข้ าดหรือใชค้ มี ตดั เขากไ็ ดเ้ ม่ือตดั เขาแลว้ จึงใชห้ วั แรง้ จ้จี นเซลล์ป่มุ เขาถกู ทาลายหมดเชน่ กนั 6) การทาเครื่องหมาย มีจุดประสงค์เพ่ือใหส้ ะดวกในการจดจา การทาเคร่ืองหมายโคกระบือมที ้งั แบบชว่ั คราวและแบบถาวร หากเป็ นลูกโคกระบือนิยมทาแบบชว่ั คราวโดยการตดิ ป้ายเบอร์หเู ม่ือโตเตม็ ท่ีแลว้ จึงจะทาแบบถาวรคอื การตีเบอร์โดยอาจ จะตีเบอร์รอ้ นหรือเบอร์เย็น (1) การทาเคร่ืองหมายโคโดยตดิ ป้ายเบอร์หู สามารถทาไดโ้ ดยบงั คบั โคกระบอื ใหอ้ ยนู่ ่งิ ใชย้ าฆ่าเชอื้ ทาใบหบู ริเวณทีจ่ ะตดิ เบอร์โดยบริเวณท่ีจะติดต้องไมต่ รงเสน้เลือดและอยใู่ นตาแหนง่ ทเ่ี มือ่ โคกระบอื กระดิกหูแลว้ เบอร์จะตอ้ งไม่ตีถูกนยั น์ตาใชเ้ บอร์ซ่ึงสอดใสใ่ นคีมหนบี เรียบรอ้ ยแลว้ หนีบใหต้ ดิ แนน่ กบั หู (2) การทาเคร่ืองหมายโคกระบือโดยการตีเบอร์รอ้ น สามารถทาได้โดยลม้ โคกระบอื ลงนอนแลว้ มดั ใหแ้ นน่ ใชเ้ หลก็ ตเี บอร์ซ่งึ เผาไฟจนร้อนแตย่ งั ไมแ่ ดงประทบั ลงบนผิวหนงั ของโคกระบอื ตรงบริเวณทีต่ อ้ งการนาน 2-3 วินาที ระวงั อยา่ ใหเ้ หล็กตีเบอร์ไถลหรือเคลื่อนทเ่ี พราะทาใหอ้ า่ นตวั เลขไมอ่ อกเสร็จแลว้ ทาบริเวณทต่ี เี บอร์ดว้ ยวาสลนีหลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสขุ าภิบาลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ 95

2.1.12 การเล้ียงดูโคกระบือโดยทว่ั ๆ ไป 1) หากใชน้ มผงเล้ยี งลูกโคกระบือ ใชน้ มผง 1 กโิ ลกรัมละลายน้าอุ่น 8-10กโิ ลกรัมแลว้ ใหล้ ูกโคกระบอื กนิ ในปริมาณวนั ละ 8-10 เปอร์เซน็ ต์ของน้าหนกั ตวั 2) โคกระบือกนิ อาหารหยาบสดและหรือหญา้ หมกั วนั ละ 8-10 เปอร์เซ็นต์ของน้าหนกั ตวั และโคกระบอื กนิ อาหารหยาบแหง้ ไดว้ นั ละ 2.5-3 เปอร์เซน็ ตข์ องน้าหนกั ตวั 2.2 การจัดการเล้ียงสัตว์ในกล่มุ สัตว์เลก็ สตั วใ์ นกลมุ่ สตั ว์เล็กไดแ้ กส่ ุกร แพะ แกะและกระตา่ ยแตท่ ี่มคี วามสาคญั มากที่สุดในปัจจบุ นั ไดแ้ ก ่“สกุ ร” ในทนี่ ้จี ะกลา่ วถึงการจดั การสกุ รเพยี งอยา่ งเดียว 2.2.1 การจัดการสุขาภบิ าลโรงเรือนสุกร โรงเรือนสุกรมีความสาคัญมากเพราะสุกรจะตอ้ งอาศยั อยูใ่ นโรงเรือนตลอดเวลาตอ้ งทาความสะอาดโรงเรือนถอื เป็นการสุขาภบิ าลทส่ี าคญั ตอ้ งทาทุกวนั เพราะการรกั ษาความสะอาดทาใหส้ ุกรอยสู่ บายและมีโอกาสติดเช้ือโรคน้อยลง การทาความสะอาดโรงเรือนสกุ รพอจะแบง่ ไดด้ งั น้ี 1) การทาความสะอาดภายในโรงเรือน (1) ใชพ้ ลว่ั ตกั มลู สุกรออกใหภ้ ายในโรงเรือนสะอาดเสมอ (2) ใชไ้ มก้ วาดกา้ นมะพรา้ วกวาดโรงเรือนทีแ่ หง้ ใหส้ ะอาด (3) หากโรงเรือนสุกรเปียกใหใ้ ชน้ ้าลา้ งพร้อมทง้ั ขดั ถใู หส้ ะอาด 2) การทาความสะอาดภายนอกโรงเรือนสกุ ร (1) ดูความสะอาดบริเวณรางระบายมลู และบอ่ เกบ็ มลู ให้สะอาดและไม่สง่ กลน่ิ เหม็น (2) บริเวณพืน้ ที่มีน้าขงั ตอ้ งถมใหห้ มดป้องกนั ไมใ่ หพ้ ยาธภิ ายนอกวางไข่ (3) ตอ้ งจดั การบริเวณรอบๆ โรงเรือนใหเ้ ตยี นโลง่ ไม่ใหเ้ ป็ นท่ีอยูข่ องงูตะขาบหรือตวั เบียนภายนอกอน่ื ๆ 2.2.2 การจดั การเมื่อนาสุกรเข้าฟาร์ม เม่ือเราจะนาสกุ รจากที่อนื่ เขา้ ฟาร์มตอ้ งทาความสะอาดโรงเรือนและอุปกรณ์เตรียมไวใ้ หพ้ รอ้ ม การเตรียมโรงเรือนน้นั ใหท้ าความสะอาดโดยใช้ผงซกั ฟอกหรือโซดาไฟหลงั จากน้นั ใชย้ าฆา่ เชื้อโรคพน่ หรือราดแลว้ ทง้ิ ไวใ้ หแ้ หง้ อยา่ งนอ้ ย 3-5 วนั ภายในคอกควรมีท่ี96 หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภิบาลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ

ใหน้ ้าและอาหารไวเ้ รียบร้อยโดยใชร้ างอาหาร 1 รางตอ่ สุกร 5 ตวั และที่ใหน้ ้าอตั โนมตั ิ 1 อนัตอ่ สุกร 10 ตวั 2.2.3 การจดั การผสมพนั ธ์สุ ุกร 1) การตรวจการเป็นสดั แมส่ กุ รจะเป็นสดั คร้งั แรกเมอ่ื อายุ 5-6 เดอื นน้าหนกัประมาณ 80-100 กโิ ลกรมั และจะเป็นสดั ทกุ ๆ 21 วนั โดยแสดงอาการเป็ นสดั ดังน้ีคือกระวนกระวาย กนิ อาหารลดลง ตามดมกน้ สกุ รตวั อน่ื พยายามปีนสกุ รตวั ขา้ งเคยี ง อวยั วะเพศบวมแดงมีน้าเมือกหลอ่ ลน่ื ยนื นิ่งไมเ่ คลือ่ นไหว หูตง้ั ร้องเสียงดงั ในลาคอและยอมรบั ใหต้ วั ผูข้ ้นึ ทบั 2) การผสมพนั ธุส์ ุกร (1) พอ่ พนั ธ์ุสุกรหนุม่ เร่ิมใชผ้ สมไดเ้ มื่ออายุ 8 เดือนข้ึนไป การใช้ผสมตอ้ งใชต้ ามขีดความสามารถของพอ่ พนั ธุ์คือพอ่ พนั ธุอ์ ายุ 8-12 เดือนใช้ผสมพนั ธุ์สปั ดาห์ละ 2คร้ัง และพอ่ พนั ธุอ์ ายุ 12 เดือนข้ึนไปใชผ้ สมพนั ธส์ุ ปั ดาหล์ ะ 3 คร้งั (2) แมส่ ุกรสาวควรผสมพนั ธ์เุ ม่อื น้าหนกั ไมน่ อ้ ยกวา่ 120 กโิ ลกรัมอายุไม่นอ้ ยกวา่ 7 เดือนคร่ึง (3) เม่อื พบวา่ แมพ่ นั ธ์ุเป็นสดั และยอมรับการผสมใหน้ าพ่อพนั ธ์ุมาผสมทนั ทโี ดยแมส่ ุกรสาวใหผ้ สมหา่ งกนั ทกุ 12 ชว่ั โมงจนกวา่ แม่พันธ์ุจะไม่ยอมให้ผสม ส่วนแม่สุกรหยา่ นมใหผ้ สมคร้งั ที่ 1 และคร้ังท่ี 2 หา่ งกนั 24 ชวั่ โมง แลว้ ผสมซ้าทุก 12 ช่วั โมง จนกวา่แมพ่ นั ธ์จุ ะไมย่ อมใหผ้ สม การผสมตอ้ งผสมใหไ้ ดม้ ากคร้งั ที่สดุ หรืออยา่ งนอ้ ยไมค่ วรต่ากว่า 3คร้ัง จะชว่ ยใหเ้ ปอร์เซ็นตก์ ารผสมติดสงู และขนาดครอกเกดิ กใ็ หญก่ วา่ ดว้ ย โดยปกตอิ ตั ราส่วนจานวนพอ่ แมส่ กุ รน้นั จะใชพ้ อ่ พนั ธุ์ 1 ตวั ตอ่ แมพ่ นั ธ์ุ 12 ตวั 2.2.4 การจัดการแม่สุกรก่อนคลอด แมส่ ุกรอมุ้ ทอ้ งนาน 114 วนั กอ่ นถงึ กาหนดคลอดจะต้องเตรียมคอกคลอดและเตรียมแมส่ ุกรดงั น้ี 1) คอกคลอดควรเป็นคอกทม่ี ีเนื้อทีท่ ส่ี ามารถเล้ียงลูกสุกรต้งั แตค่ ลอดถึงลูกหยา่ นมและจะตอ้ งมีทีป่ ้องกนั ไมใ่ หแ้ มส่ กุ รทบั ลูกไดโ้ ดยทางปฏิบตั ิแลว้ ท่คี ลอดของแมส่ ุกรจะมเี นอ้ื ทจ่ี ากดั แตเ่ พียงใหแ้ มส่ กุ รยืนและนอนไดเ้ ทา่ นน้ั 2) คอกคลอดควรมรี างน้ารางอาหารทแ่ี มส่ ุกรจะด่มื และกนิ ไดโ้ ดยสะดวกหลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสขุ าภิบาลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ 97

3) กอ่ นนาแมส่ กุ รเขา้ คอกคลอดควรทาความสะอาดดว้ ยโซดาไฟโดยใช้โซดาไฟ 1 กโิ ลกรมั ผสมน้ารอ้ น 1 ลติ ร 4) ควรทาความสะอาดหรือลา้ งตวั แม่สุกรด้วยสบูก่ อ่ นนาเข้าคอกคลอดโดยเฉพาะบริเวณใตท้ อ้ งและซอกขาหลงั ควรทาความสะอาดใหห้ มดจด 5) กอ่ นนาแมส่ ุกรเขา้ คอกคลอดควรปูวสั ดรุ องพ้ืนไวพ้ รอ้ ม 6) นาแมส่ ุกรเขา้ คอกคลอดกอ่ นที่จะคลอด 5-7 วนั 7) กอ่ นคลอด 3-4 วนั จะตอ้ งลดอาหารลงเหลือคร่ึงหน่ึงของจานวนท่ีให้ปกติ อาหารท่ีใหค้ วรเป็นอาหารทช่ี ว่ ยในการระบายทอ้ งอยา่ งออ่ น และกอ่ นคลอด 12 ชัว่ โมงจะตอ้ งหยดุ ใหอ้ าหาร แตต่ อ้ งมนี ้าไวใ้ หก้ นิ ตลอดเวลา 8) ไฟสาหรับกกลูกสุกรใชไ้ ฟขนาด 60-100 วัตต์ โดยแขวนสูงจากพื้นประมาณ 50 เซนตเิ มตร 2.2.5 การคลอดลูกและการจัดการลูกสุกรหลังคลอด 1) อุปกรณ์ที่จะตอ้ งเตรียมใหพ้ รอ้ มกอ่ นแมส่ ุกรคลอด คือเชือกสาหรับผูกสายสะดอื กรรไกรหรือมดี สาหรับตัดสายสะดือ คีมตัดเข้ียวหรือฟันของลูกสุกร ทิงเจอร์ไอโอดีนและสาลี 2) ขณะแมส่ ุกรคลอดควรเฝ้าอยา่ งใกลช้ ิด สุกรคลอดลูกได้หลายทา่ เช่นอาจจะเอาหวั ออกมา หรือขาหลงั ออกมากอ่ นกไ็ ด้ 3) ตามปกติแลว้ สุกรจะคลอดลูกหมดภายใน 2-4 ชวั่ โมง 4) รกของแมส่ ุกรจะถกู ขบั ออกมาหลงั จากคลอดลูกไดจ้ านวนหน่ึงและจะถูกขบั ออกมาอีกหลงั จากคลอดลูกหมดภายใน 2-4 ชวั่ โมงถา้ นานเกนิ ไป 12 ชว่ั โมงถือวา่ รกคา้ งในกรณีรกคา้ งควรใชฮ้ อร์โมนออ๊ กซโี ตซินฉีดใหแ้ มส่ ุกรพรอ้ มดว้ ยยาปฏชิ ีวนะ 5) หลงั จากลูกสุกรคลอดใหร้ ีบเอาน้าเมือกในปาก จมูกออกทนั ที เพ่ือป้องกนั ลกู สกุ รสาลกั ถา้ ลูกสกุ รไมห่ ายใจใหใ้ ชม้ อื นวดเบาๆ บริเวณซ่โี ครง เมื่อลกู สุกรคลอดออกมาใหมๆ่ ควรใชผ้ า้ เช็ดตามสว่ นตา่ งๆ ของลกู สุกรใหแ้ หง้ โดยเร็ว 6) การตดั สายสะดือ ควรตดั ใหห้ า่ งจากพ้นื ทอ้ งประมาณ 2.5-3 เซนติเมตรแลว้ ทาดว้ ยทิงเจอร์ไอโอดนี98 หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภิบาลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ

7) ตอ้ งตดั เข้ียวของลูกสกุ รเพื่อป้องกนั แมส่ ุกรเกดิ บาดแผลท่ีเต้านมในขณะที่ลกู สกุ รกนิ นมแม่ และเพ่ือป้องกนั การเกดิ บาดแผลเน่อื งจากลกู สุกรกดั กนั 8) ตอ้ งใหล้ กู สกุ รไดร้ บั น้านมเหลืองอยา่ งเร็วหลงั จากคลอด 9) ในกรณีทแี่ มส่ กุ รใหล้ กู มากเกนิ จานวนเตา้ นมควรนาลกู สุกรที่เกนิ ไปฝากเล้ยี งกบั แมส่ กุ รตวั อ่ืน สาเหตทุ ที่ าใหแ้ มส่ ุกรคลอดยากอาจเนอ่ื งมาจากสภาพผิดปกติของแมส่ ุกรเชน่ ชอ่ งเชงิ กรานแคบกวา่ ปกติ แมส่ ุกรอว้ นเกนิ ไป อุณหภูมิในโรงเรือนสูงเกนิ ไป แมส่ ุกรทอ้ งผูก แมส่ กุ รไดร้ ับอาหารไมส่ มดลุ หรือนอกจากน้อี าจจะมสี าเหตุจากความผิดปกติของลูกสุกรในครรภ์ ไดแ้ กล่ กู สุกรอยใู่ นทา่ ผิดปกติ เป็นตน้ 2.2.6 การจัดการลูกสุกร ข้นั ตอนการจดั การลูกสกุ รหลงั จากลูกสุกรคลอดออกมาและผ่านข้นั ตอนการจดั การหลงั คลอดเรียบร้อยแลว้ ใหด้ าเนนิ การตอ่ ไปน้ี 1) เปลย่ี นวสั ดรุ องพนื้ ใหม่ เปิดไฟกกลูกสกุ รตลอดเวลาอยา่ งนอ้ ย 7 วนั และตอ่ ไปเปิดไฟกกเม่อื อากาศเย็นลงกวา่ ปกติ เชน่ ฝนตก 2) เมอ่ื ลกู สกุ รอายไุ ด้ 2 วนั ใหธ้ าตเุ หล็กคร้ังที่ 1 โดยฉดี 1 มิลลิลิตรสาหรับตวั ที่สมบูรณ์และ 2 มิลลิลติ รสาหรับตวั ทไี่ มส่ มบรู ณ์ 3) ลูกสกุ รอายุ 7-10 วนั ฝึกใหก้ นิ อาหารอาหารลูกสุกรออ่ น 4) อายุ 9-14 วนั ตอนลูกสกุ รเพศผู้ 5) อายุ 15 วนั ใหธ้ าตุเหลก็ คร้งั ท่ี 2 6) อายุ 28 วนั หยา่ นมตวั ท่ีสมบรู ณ์และใหอ้ าหารลูกสุกรออ่ นตอ่ อีก 3-5 วนัสว่ นตวั ทีไ่ มส่ มบูรณ์ใหก้ นิ นมตอ่ ไปโดยใหก้ นิ กบั แมต่ วั เดิมหรือนาไปฝากให้แม่สุกรตัวอ่ืนเล้ยี งแทนกไ็ ด้ 7) ทาความสะอาดคอกและเปล่ยี นวสั ดุรองพ้นื ทุกวนัหลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสขุ าภบิ าลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ 99

2.2.7 การตอนสุกร การตอนสุกรนยิ มตอนลูกสุกรเพศผูส้ าหรับขนุ หรือสกุ รพนั ธ์ุที่ถูกคดั ทิ้งเพ่ือจะใหไ้ ดเ้ น้อื สุกรทีไ่ มม่ กี ลน่ิ เมื่อนาเนอ้ื สกุ รไปปรุงอาหาร การตอนนิยมตอนสุกรอายุ 9-14 วันเพราะสะดวกในการจดั การและสกุ รเครียดนอ้ ย 1) อุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นการตอนไดแ้ ก ่มดี ผา่ ตดั คีมหนบี เส้นเลือด เชือกสาหรับบงั คบั สกุ ร ดา้ ยสาหรับผูกทอ่ น้าเชอื้ สาลี ทงิ เจอร์ไอโอดนี และยาโรยแผลป้องกนั แมลงวนั 2) ข้นั ตอนการตอนสกุ ร (1) บงั คบั สกุ รใหอ้ ยนู่ ่ิงหากตอนคนเดียวใหจ้ บั สุกรนอนหงายท้องบนที่นอนรูปตวั วแี ลว้ ใชเ้ ชือกมดั ใหแ้ นน่ (2) ทาความสะอาดบริเวณทจ่ี ะตอนดว้ ยน้าสะอาดและน้ายาฆา่ เชอ้ื (3) ใชม้ ีดผา่ ตดั ผา่ ถงุ หมุ้ อณั ฑะใหถ้ งึ เมด็ อณั ฑะ ปลน้ิ เมด็ อณั ฑะออกมา (4) ใชด้ า้ ยผูกทอ่ นาน้าเช้อื ใหแ้ นน่ หนีบดว้ ยคมี หา้ มเลือดแลว้ ตดั ทอ่ นาน้าเช้ือระหวา่ งดา้ ยทผ่ี ูกกบั เมด็ อณั ฑะใหข้ าดโดยตาแหนง่ ท่ีผูกควรอยชู่ ดิ ดา้ นใน (5) ตอนอณั ฑะเมด็ ตอ่ ไปโดยปฏิบตั ิเชน่ เดยี วกบั เม็ดแรก (6) เมอื่ เสร็จแลว้ ใชท้ ิงเจอร์ทาบริเวณแผลท่ีผา่ แลว้ โรยด้วยยาป้องกนัแมลงเป็นอนั วา่ สิ้นสดุ การตอน 2.2.8 การทาเคร่ืองหมายสุกร การทาเคร่ืองหมายสกุ รทนี่ ยิ มมี 2 วธิ ีคอื การทาเคร่ืองหมายโดยการสักเบอร์หูและการตดั เบอร์หู 1) การทาเคร่ืองหมายโดยการสกั เบอร์หนู ิยมสกั ใบหูด้านใน การทาเคร่ืองหมายวธิ นี ้ีตอ้ งใชเ้ ครื่องมอื สกั หู (Ear Tattoo) ซ่งึ เป็นเข็มแหลมแสดงตัวเลขส่วนใหญ่มีอยู่ 4หลกั (4 แถว) กอ่ นทาเคร่ืองหมายจะตอ้ งเรียงตวั เลขใหไ้ ดเ้ บอร์ตามทีต่ อ้ งการแล้วนาไปกดลงบนใบหูดา้ นในทไี่ มม่ ขี นระวงั อยา่ ใหถ้ กู กระดกู ออ่ นและเสน้ เลือด หลงั จากกดเบอร์ลงไปแล้วนาหมึกป้ายบริเวณทส่ี กั ใหท้ วั่ เบอร์กจ็ ะติดอยูน่ านอา่ นไดช้ ดั เจน 2) การทาเคร่ืองหมายโดยการตดั เบอร์หู ทาไดโ้ ดยการนาคมี คบี ตดั เบอร์หูไปตดั บริเวณใบหใู หเ้ ป็นรูปตวั วหี รือรูปตวั ยถู า้ ตดั ริมใบหูดา้ นลา่ งจะเป็ นรูปตัววีคว่า (Λ) หรือยูควา่ (∩) ถา้ ตดั ริมใบหูดา้ นบนจะเป็นรูปตวั วีหรือตวั ยปู กติ การกาหนดตาแหนง่ ตัวเลขมีอยู่100 หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภบิ าลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ

หลายแบบ โดยทวั่ ไปจะกาหนดตวั เลขเป็นเลขส่ีหลกั โดยเร่ิ มนบั ต้ังแตห่ ลกั หน่วย หลกั สิบหลกั ร้อยและหลกั พนั โดยแบง่ สว่ นของใบหูออกเป็น 3 สว่ น ดงั น้คี ือสว่ นปลายใบหูตาแหน่งเลข 3 สว่ นกลางใบหูตาแหนง่ เลข 9 สว่ นโคนใบหูตาแหนง่ เลข 1 และหากสุกรหนั หนา้ เขา้ หาผูท้ าเคร่ืองหมายกาหนดใหใ้ บหซู า้ ยดา้ นลา่ ง เป็นเลขหลกั หนว่ ย ใบหูขวาดา้ นลา่ งเป็นเลขหลักสิบ ใบหูขวาดา้ นบนเป็นเลขหลกั ร้อยและใบหูซา้ ยดา้ นบน เป็นเลขหลกั พนั 2.2.9 การจัดการเล้ียงดูสุกร 1) การใหอ้ าหารแมส่ ุกรอมุ้ ทอ้ ง (1) ใหอ้ าหารมโี ปรตีน 12-13 เปอร์เซ็นต์ แบง่ ใหอ้ าหารวนั ละ 2 คร้ังและใหก้ นิ หญา้ ทุกวนั หลงั จากผสมพนั ธุ์ใหอ้ าหารปกติ 1.2-1.5 กโิ ลกรัมตอ่ ตวั ตอ่ วันจนถึงอายุ 84วนั (2) ชว่ ง 30 วนั กอ่ นคลอด ใหอ้ าหาร 1.5-3.5 กโิ ลกรัมต่อตัวต่อวนั ใกล้คลอด 3 - 4 วนั ลดใหต้ ามปกติ (1.2-1.5 กโิ ลกรัมตอ่ ตวั ตอ่ วนั ) (3) กอ่ นคลอด 12 ชวั่ โมงจะตอ้ งหยดุ ใหอ้ าหารแตต่ อ้ งมีน้าไวใ้ หก้ นิ ตลอดเวลา 2) การใหอ้ าหารแมส่ ุกรเล้ยี งลูก (1) ใหอ้ าหารที่มโี ปรตีน 13-14 เปอร์เซน็ ต์ (2) ครอกทีม่ ีลูกนอ้ ยกวา่ 6 ตวั ใหอ้ าหารแมส่ ุกรวนั ละ 1.5-3.0 กโิ ลกรมั (3) ครอกทมี่ ลี กู เกนิ 6 ตวั คอ่ ย ๆ เพมิ่ อาหารในสปั ดาหท์ ี่ 2 ใหอ้ าหารแม่สุกรประมาณ 2 กโิ ลกรัมและเพ่มิ ใหอ้ กี ประมาณ 0.3 กโิ ลกรมั ตอ่ ลูกสกุ ร 1 ตวั (4) กอ่ นหยา่ นม 3-5 วนั เริ่มลดปริมาณอาหารลงจนวันหยา่ นมให้อาหารแมส่ กุ รเพียงเล็กนอ้ ย หลงั จากหยา่ นม 2-3 วนั จงึ ใหอ้ าหารมากข้ึนเพือ่ ใหแ้ มเ่ ตรียมความพร้อมในการผสมคร้งั ตอ่ ไป 3) การใหอ้ าหารพอ่ สุกรใหอ้ าหารท่ีมโี ปรตีน 13-14 เปอร์เซ็นต์หรือมากกวา่เล็กนอ้ ยโดยใหป้ ริมาณ 1-1.2 เปอร์เซน็ ต์ของน้าหนกั ตวั และใหห้ ญา้ สดทุกวนั 4) การใหอ้ าหารลูกสุกรดูดนมใหล้ ูกสุกรหดั กนิ อาหารพิเศษต้ังแตอ่ ายุ 7-10วนั โดยใหก้ นิ ตลอดเวลาและใหบ้ อ่ ยคร้งั อาหารท่ใี หม้ โี ปรตนี ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ มเี ถา้ และเยือ่ ใยต่า นยิ มใชอ้ าหารที่มผี ลติ ภณั ฑ์นมเป็นสว่ นประกอบหลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสขุ าภิบาลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ 101

5) การใหอ้ าหารสุกรเลก็ (1) สกุ รน้าหนกั ประมาณ 10-20 กโิ ลกรัมใหส้ ุกรกนิ เต็มท่ี (2) สกุ รน้าหนกั 20-60 กโิ ลกรมั ใหอ้ าหารที่มโี ปรตีน 14-16 เปอร์เซ็นต์ถา้ อาหารราคาแพงและสุกรมีชวี ิตราคาตา่ อาจจากดั อาหารโดยเริ่มจากดั อาหารเมื่อสุกรมีน้าหนกั มากกวา่ 30 กโิ ลกรมั โดยใหก้ นิ วนั ละ 1.0-1.5 กโิ ลกรัม 6) การใหอ้ าหารสุกรรุ่นและสุกรขุน สุกรที่มีน้าหนัก 60-100 กโิ ลกรัมให้อาหารทม่ี ีโปรตนี 13-14 เปอร์เซ็นต์ หากตอ้ งการขนุ เพอ่ื จะไดจ้ าหนา่ ยออกเร็วควรใหอ้ าหารให้เตม็ ที่ 7) การใหอ้ าหารสุกรทดแทนหรือสกุ รทจ่ี ะเกบ็ ไวท้ าพนั ธุ์เร่ิมจากดั อาหารเม่ือสกุ รมนี ้าหนกั ประมาณ 60 กโิ ลกรัม โดยใหอ้ าหารที่มีโปรตีนประมาณ 15-16 เปอร์เซ็นต์ปริมาณ 1.0-1.1 กโิ ลกรัมตอ่ วนั สาหรบั เพศผู้ และ1.2-1.3 กโิ ลกรมั ตอ่ วนั สาหรบั เพศเมีย จนถึงระยะผสมพนั ธุ์ 2.2.10 การคัดเลือกสุกร 1) คดั ลกั ษณะตามคณุ สมบตั ิทีด่ ีของสุกร (1) ลาตวั ยาว กวา้ งและลกึ โคง้ รบั กบั สะเอวและไหล่ หลงั โค้งพองามรับกบั สะเอวและไหล่ แนวพ้นื ทอ้ งไดร้ ะดบั (2) บริเวณสะโพกตอ้ งใหญแ่ ละเนือ้ แนน่ สขี า้ งเรียบ ลกึ และเน้ือเตม็ ซอกขาลกึ (3) คาง ศีรษะเรียบไมเ่ หน็ หนงั หยอ่ นยาน หนา้ ตามีลกั ษณะตรงตามพนั ธุ์ไมโ่ ตและไมเ่ ล็กเกนิ ไป (4) ไหลเ่ ทลาดรับกบั สว่ นคอและสว่ นหลงั (5) สะโพกตงึ กลมรบั กบั ดา้ นขา้ งและบ้นั ทา้ ย บริเวณบน้ั ทา้ ยลาดเทลงมาจดหางแตพ่ องาม (6) ขาตง้ั ตรงไมส่ ้นั หรือยาวเกนิ ไป102 หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภิบาลและการเล้ยี งสตั วเ์ ศรษฐกจิ

2) การคดั เลอื กสุกรทาเป็นแมพ่ นั ธ์ุ (1) จะตอ้ งเป็นสุกรท่มี ลี กั ษณะทวั่ ๆ ไปดี (2) ควรมเี ตา้ นมท่ีสมบรู ณ์จานวนไมน่ อ้ ยกวา่ 12 เตา้ เตา้ นมไมย่ านเกนิ ไปและเตา้ นมควรจะอยขู่ า้ งหนา้ มากที่สุดเทา่ ทจ่ี ะมากได้ (3) หวั นมใหญเ่ ห็นชดั และต้งั อยหู่ า่ งเทา่ ๆ กนั (4) มีพนั ธุป์ ระวตั ดิ ีโดยพิจารณาจาก พอ่ แม่ ญาตพิ ่นี อ้ งใหล้ ูกครอกใหญ่อตั ราการตายหลงั คลอดต่า น้าหนกั แรกคลอดและน้าหนกั เมือ่ หยา่ นมสูง เล้ียงลกู เกง่ อตั ราการเจริญเตบิ โตเร็วและประสทิ ธภิ าพการใชอ้ าหารสูง คณุ ภาพของซากดีมีเน้ือมาก 3) การคดั เลือกสกุ รตวั ผูท้ าเป็นพอ่ พนั ธ์ุ (1) จะตอ้ งเป็นสกุ รที่มลี กั ษณะทวั่ ๆ ไปดี (2) อวยั วะสืบพนั ธจ์ุ ะตอ้ งเจริญเติบโตเต็มท่ีเมด็ อณั ฑะมีขนาดเทา่ กนั (3) พอ่ สุกรควรมลี กั ษณะเป็นตวั ผูท้ ่เี ป็ นนกั ผสมพนั ธ์ุอยา่ งเต็มที่ ต้องมีความแขง็ แรง หวั กวา้ ง คอเป็นสนั ลาตวั เตม็ ไปดว้ ยกลา้ มเน้ือ มอี ารมณ์คึกคะนองตลอดเวลา (4) ควรจะเลอื กสกุ รตวั ผูท้ มี่ าจากครอกใหญ่ (5) ศึกษาพนั ธุป์ ระวตั ขิ องสุกรตวั ท่ีจะทาเป็นพอ่ พนั ธ์ุคือ ญาติพ่ีนอ้ งฝ่ ายตวั เมยี ของสกุ รตวั น้นั จะตอ้ งมีเตา้ นมไมน่ อ้ ยกวา่ 12 เตา้ เล้ยี งลกู เกง่ ลูกดก โตเร็ว ประสทิ ธิภาพการใชอ้ าหารสงู น้าหนกั แรกคลอดและหยา่ นมสูงเป็นตน้ 2.2.11 การดูแลสุขภาพและการรกั ษาโดยทว่ั ไป 1) การนาสุกรเขา้ ออกจากคอกตอ้ งใชร้ ะบบเขา้ พร้อมกนั ออกพรอ้ มกนั 2) การดูแลสขุ ภาพสกุ รผูเ้ ล้ยี งตอ้ งเขา้ ไปเดินดถู ึงตวั สกุ รทกุ ตวั ทุกวนั 3) หากพบสุกรตวั ใดป่วยหรือแสดงอาการผิดปกตผิ ูเ้ ล้ยี งต้องรีบดาเนินการหรือแกป้ ัญหาอยา่ งทนั ทที นั ใดและดาเนนิ การคดั ทิง้ สกุ รที่มีปัญหาใหเ้ ร็วเพอื่ ลดตน้ ทุน 4) ถา้ อากาศร้อน ตอ้ งทาการลา้ งคอกทุก 3-7 วนั 5) ลกู สุกรทเ่ี ขา้ คอกใหมต่ อ้ งหดั ใหถ้ า่ ยเป็นทเี่ พื่อไมใ่ ห้คอกแฉะไม่ใหข้ ้ีลงรางและสะดวกตอ่ การแซะข้ี โดยตอ้ งทาการแซะข้ีลกู สกุ รเขา้ ใหม่ 2-3 คร้งั ตอ่ วนั 6) ถา้ ลมโกรกตอ้ งติดมา่ นบงั 7) หลงั จากขายเสร็จตอ้ งรีบจดั การคอกโดยเร็วหลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสขุ าภบิ าลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ 103

2.3 การจัดการเลย้ี งสัตว์ในกล่มุ สัตว์ปี ก 2.3.1 การจัดการโรงเรือน โรงเรือนสตั ว์ปีกโดยทว่ั ไปมีความกวา้ งอยา่ งนอ้ ย 6 เมตร แตไ่ ม่ควรเกนิ 10เมตร สว่ นความยาวตามจานวนสตั ว์ท่เี ล้ยี งแตไ่ มค่ วรยาวเกนิ 100 เมตร ภายในโรงเรือนอาจแบง่ กน้ั เป็นหอ้ งเพื่อใหส้ ะดวกในการจดั การรอบๆ โรงเรือนกน้ั ดว้ ยตาข่ายขนาดไมค่ วรเกนิ1x1 น้วิ ถา้ ชอ่ งตาขา่ ยใหญจ่ ะป้องกนั นก หนหู รือสตั วพ์ าหะนาโรคมาสสู่ ตั วป์ ีกทเี่ ล้ยี งไมไ่ ด้ 1) หลกั การพจิ ารณาในการสรา้ งโรงเรือน (1) ขนาดโรงเรือนตอ้ งเหมาะสมกบั ชนิดและประเภทสตั วป์ ีกทเ่ี ล้ยี ง (2) สามารถป้องกนั แดดไดด้ ี ลมไมโ่ กรกและฝนไมส่ าด (3) การถา่ ยเทอากาศดีภายในโรงเรือนไมอ่ บั ช้ืน (4) ไมม่ ีฝ่นุ ละออง 2) การจดั การโรงเรือนสตั ว์ปีก กอ่ นนาสตั ว์ปีกเขา้ โรงเรือนจะตอ้ งเตรียมโรงเรือนใหพ้ ร้อมโดยปฏิบตั ิดงั น้ี (1) ถา้ เป็นโรงเรือนทเี่ คยเล้ยี งสตั ว์ปีกมากอ่ นแลว้ ตอ้ งกาจดั มูลและส่ิงปฏกิ ลู ภายในโรงเรือนออกใหห้ มด (2) ปัดกวาดหยากไยห่ รือฝ่นุ ผงใหท้ ว่ั ทุกซอกทกุ มุม (3) ลา้ งทาความสะอาดขดั ถใู หส้ ะอาดทส่ี ดุ เทา่ ที่จะทาได้ (4) พน่ ยาฆ่าเชอ้ื โรคใหท้ วั่ จนมนั่ ใจวา่ โรงเรือนปราศจากเช้อื โรคจริงๆ (5) นาวสั ดรุ องพืน้ เขา้ ปูในโรงเรือน ความหนาประมาณ 5-8 เซนตเิ มตร 2.3.2 การจัดการด้านผสมพนั ธ์ุ 1) ควรทาใหพ้ อ่ แมพ่ นั ธ์ุแข็งแรงปราศจากโรคโดยเฉพาะโรคซ่ึงสามารถถา่ ยทอดทางไขฟ่ ักได้ เชน่ โรคข้ีขาว 2) ถา่ ยพยาธพิ อ่ แมพ่ นั ธุ์ 3) ใชส้ ดั สว่ นของพอ่ พนั ธแุ์ ละแมพ่ นั ธใุ์ หถ้ ูกตอ้ ง เชน่ ไกใ่ ช้พ่อพันธุ์ 1 ตวั ตอ่แมพ่ นั ธ์ุ 8-10 ตวั เป็ดใชพ้ อ่ พนั ธุ์ 1 ตวั ตอ่ แมพ่ นั ธ์ุ 5-7 ตวั และนกกระทาใชพ้ อ่ พันธ์ุ 1 ตวั ต่อแม่พนั ธ์ุ 2-3 ตวั เป็นตน้104 หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภิบาลและการเล้ยี งสตั วเ์ ศรษฐกจิ

4) ปรบั สภาพโรงเรือนใหม้ อี ณุ หภมู ิเหมาะสมคือโรงเรือนต้องมีอุณหภูมิไม่เกนิ 29.5 องศาเซลเซยี สหรือ 85 องศาฟาเรนไฮต์ 5) เลือกฤดูกาลผสมพนั ธุใ์ หเ้ หมาะสมคือ ไม่ควรผสมพันธุ์ในฤดูร้อนหรือชว่ งที่อณุ หภมู ิร้อนจดั เกนิ ไป 2.3.3 การเกบ็ รักษาไข่ก่อนเข้าฟัก 1) ควรเกบ็ ไขบ่ อ่ ยๆ อยา่ งนอ้ ยวนั ละ 3 คร้งั และไมเ่ กบ็ ไวน้ านเกนิ 10 วนั 2) ไขฟ่ ักตอ้ งสะอาดหากบริเวณใดสกปรกควรใชผ้ ้าหรือกระดาษทรายละเอียดทาความสะอาด 3) ไขท่ ่ีเกบ็ ไวค้ วรวางเอาดา้ นป้านข้ึนหรือวางในแนวนอนราบกไ็ ด้ 4) เกบ็ ไขใ่ นที่อากาศถา่ ยเทสะดวกและอณุ หภูมิตา่ ประมาณ 10-15.5 องศาเซลเซียสหรือ50-60 องศาฟาเรนไฮต์ 2.3.4 การฟกั ไข่และการส่องไข่ ปัจจบุ นั หากจะเล้ยี งสตั ว์ปีกเป็นธรุ กจิ นิยมฟักไขด่ ว้ ยเครื่องมากกว่าให้สัตว์ปีกฟักไขเ่ องตามธรรมชาติ เพราะการฟักไขโ่ ดยใชเ้ คร่ืองฟักนน้ั สามารถฟักไขไ่ ดค้ ร้ังละมากๆทาใหส้ ะดวกในการจดั การ 1) ลกั ษณะของไขท่ ี่นามาฟัก (1) มขี นาดเหมาะสมคือไมเ่ ลก็ หรือใหญเ่ กนิ ไปเชน่ ไขไ่ กค่ วรมนี ้าหนกั อยู่ระหวา่ ง 50-65 กรัม เป็นตน้ (2) ตอ้ งมผี วิ เรียบไมข่ รุขระ ไมบ่ ุบหรือแตกรา้ ว (3) ตอ้ งมีรูปทรงไมบ่ ดิ เบ้ยี ว (4) ตอ้ งไมเ่ ป็นไขแ่ ฝด (5) ชอ่ งอากาศภายในไขต่ อ้ งไมห่ ลดุ ลอย 2) อายุการฟักไข่ สตั วป์ ีกแตล่ ะชนิดจะมอี ายกุ ารฟักไขแ่ ตกตา่ งกนั ไปดงั แสดงในตารางหลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภบิ าลและการเล้ยี งสตั วเ์ ศรษฐกจิ 105

ตารางที่ 5.2 แสดงอายุการฟักไขแ่ ละน้าหนกั ไขข่ องสตั ว์ปีกบางชนดิ ชนดิ สัตวป์ ีก อายกุ ารฟัก(วนั ) นา้ หนกั ไข่(กรมั )ไก ่ 21 45-65เป็ ด 28 70-90เป็ ดเทศ 33-37 70-90หา่ น 30-32 100-200นกกระทาญ่ปี ่นุ 17-19 11-17นกกระจอกเทศ 42 1,500-1,900ไกง่ วง 28 70-120ทม่ี า : อาวุธ (2538) 3) ข้นั ตอนการฟักไขโ่ ดยใชเ้ คร่ืองฟัก (1) เชค็ ความพรอ้ มในการใชง้ านของเครื่อง (2) รมตฟู้ ักและไขเ่ พ่ือฆา่ เช้อื โรค นยิ มใชฟ้ อร์มาลินเขม้ ขน้ จานวน 40มิลลิลติ ร ผสมกบั ดา่ งทบั ทมิ 20 กรมั ตอ่ พืน้ ที่ 100 ลกู บาศกฟ์ ุต ใชเ้ วลา 15 นาที (3) ใสน่ ้าในอุปกรณ์ใสน่ ้าทอ่ี ยใู่ นเครื่องฟัก (4) เปิดเดนิ เครื่องเพื่อควบคมุ อณุ หภมู ใิ หไ้ ด้ตามตอ้ งการ 37.77 -39.44องศาเซลเซียสหรือ 100-103 องศาฟาเรนไฮต์ สาหรบั เครื่องฟักแบบถาดไขช่ ้นั เดยี ว (5) เม่อื อณุ หภูมคิ งทแี่ ลว้ ใสไ่ ขฟ่ ักเขา้ ไปโดยวางดา้ นป้านอยดู่ ้านบนหรือวางในแนวนอนกไ็ ด้ (6) เปิดชอ่ งระบายอากาศใหเ้ หมาะสม (7) กลบั ไขอ่ ยา่ งนอ้ ยวนั ละ 3 คร้ัง (8) สอ่ งไขเ่ พ่ือคดั ไขท่ ไ่ี มม่ เี ช้ือและไขเ่ ช้อื ตายออกจากตฟู้ ัก (9) เม่อื ลูกออกเป็นตวั และขนแหง้ ดีแลว้ ยา้ ยออกมาใสก่ รงกก (10) ทาความสะอาดตฟู้ ักหลงั เสร็จสน้ิ การฟัก106 หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภิบาลและการเล้ยี งสตั วเ์ ศรษฐกจิ

4) การสอ่ งไข่ การสอ่ งไขค่ อื การนาไขม่ าทาบกบั แสงในท่ีมืดเพ่ือมองสภาพภายในของไขว่ า่ อยูใ่ นสภาพใดทาใหส้ ามารถคดั ไขไ่ มม่ ีเชอ้ื และไขเ่ ช้อื ตายออกทง้ิ กอ่ นที่ไขจ่ ะเสยี และแตกสง่ กล่ินเหม็นอยใู่ นตูฟ้ ัก นยิ มสอ่ งคร้งั แรกเมอื่ ไขฟ่ ักอายุ 7 วนั คร้ังที่ 2 เมื่อไขฟ่ ักอายุ 14 วนั โดยไขม่ เี ชอ้ื ทีฟ่ ักไปได้7 วนั มีเสน้ เลอื ดสีแดงสดใสประสานกนั เป็ นร่างแหเชื้อลกู ไกเ่คลื่อนไหวขณะสอ่ ง หากจรดปากเครื่องสอ่ งนานสักหนอ่ ยจะเห็นเช้ือลูกไกด่ ิ้นไปมาเมือ่ ไขฟ่ ักอายุ14 วนั เชอ้ื ลูกไกโ่ ตข้นึ ดคู อ่ นขา้ งมดื ทบึ ชอ่ งอากาศโตข้ึนเช้ือลูกไกเ่คล่อื นไหวได้หวั ใจเตน้ และหากสอ่ งอีกคร้ังเมอื่ อายุ 18 วนั พบวา่ เน้อื ท่ีคร่ึงฟองไข่หรือกวา่ น้ันทึบแสงเห็นเสน้ เลอื ดตอน ลา่ งชดั อาจเหน็ ลูกไกก่ าลงั เคลือ่ นไหว 2.3.5 การจัดการลูกไก่ระยะกก 1) กอ่ นลกู ไกม่ าถึงหอ้ งกกตอ้ งอนุ่ เคร่ืองกกจนแนใ่ จวา่ ความอบอนุ่ คงที่ตามตอ้ งการ ตรวจดวู สั ดรุ องพืน้ ใหเ้ รียบร้อย ปูพน้ื ดว้ ยกระดาษหรือกระสอบ ใตฝ้ าชีกกมีอาหารโปรยบางๆ บนถาดและมีน้าทช่ี ายเครื่องกกใหพ้ รอ้ มกอ่ นลูกไกล่ งกกควรใหว้ ติ ามนิ ในน้ากนิ 3วนั แรกและในเวลาตอ่ มาหากสงั เกตเห็นลูกไกซ่ มึ ไมป่ ระเปรียว 2) ทนั ทีทีใ่ สล่ กู ไกล่ งกกหดั ใหก้ นิ น้ากนิ อาหาร ควรใหม้ แี สงสว่างให้ลูกไก ่เห็นทีก่ นิ น้าและอาหาร พอลูกไกม่ อี ายมุ ากข้ึนจึงเลื่อนรางอาหารและรางน้ามาไว้ในลานวิ่งชว่ ยไมใ่ หท้ ี่นอนแฉะสกปรก 3) ในชว่ ง 3-7 วนั แรกของการกกควรมีท่กี น้ั สงู 30 เซนติเมตร กน้ั หา่ งจากชายกกประมาณ 60 เซนตเิ มตรถึง 1 เมตร เพ่ือป้องกนั ลูกไกห่ า่ งความอบอุน่ ที่กน้ั น้ีจะตอ้ งเลื่อนหา่ งจากชายกกออกไปเร่ือยๆ ในวนั ตอ่ มา 4) ตอ้ งคอยตรวจรักษาความอบอนุ่ ใหบ้ อ่ ยคร้ังที่สุด โดยการดูปรอทและสงั เกตจากอาการของลกู ไกไ่ ปพรอ้ มๆ กนั หากลูกไกน่ อนราบไมส่ ุมทับกนั ไมม่ ีเสียงร้องผิดปกตถิ อื วา่ ความอบอนุ่ พอดี 5) คอยเติมอาหารใหอ้ ยใู่ นระดบั 1 ใน 3 ของความลึกของรางเสมอไม่ควรเติมคร้งั ละมากๆ เพราะจะทาใหเ้ กดิ ความสญู เสยี 6) ลา้ งภาชนะใสน่ ้าวนั ละ 1-2 คร้ัง ระวงั อยา่ ใหน้ ้าหมดหรือเปียกแฉะพ้ืนกกเพราะจะเป็นสาเหตใุ หไ้ กเ่ป็นโรคไดง้ า่ ย 7) เมอ่ื พบไกป่ ่วยและไกอ่ อ่ นแอใหแ้ ยกออกทาลายหลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภิบาลและการเล้ยี งสตั วเ์ ศรษฐกจิ 107

2.3.6 การตัดปากลูกไก่ การตดั ปากมคี วามสาคญั ตอ่ การเล้ยี งไกม่ าก เพราะการตัดปากจะลดปัญหาการจกิ กนั ในฝูง เพมิ่ ประสทิ ธิภาพการใชอ้ าหาร สามารถใชพ้ นื้ ทโ่ี รงเรือนได้เต็มท่ี การเจริญเติบโตสมา่ เสมอและอตั ราการแลกเนอื้ ดี การตดั ปากทีเ่ หมาะสมคอื ชว่ งลูกไกอ่ ายุ 6-9 วนั 2.3.7 การให้วคั ซีน การใหว้ คั ซนี จดั เป็นการสุขาภิบาลสตั วอ์ ยา่ งหน่งึ การใหว้ คั ซนี สตั ว์ปี กทาได้หลายวิธไี ดแ้ กก่ ารพน่ การหยอด การแทงปีก การฉดี เขา้ กลา้ มเนอื้ และการละลายใหก้ นิ 1) การใหว้ คั ซนี โดยวิธีพน่ การพน่ หรือการสเปรย์วคั ซนี นิยมทากบั ลูกสตั ว์ปีกที่เพ่ิงออกจากไขใ่ หมๆ่ สว่ นใหญบ่ ริษทั ผูผ้ ลติ ลกู ไกจ่ ะทาวคั ซีนน้ีมาเรียบร้อยแลว้ เชน่วคั ซนี โรคมาเร็กซ์ในไกไ่ ข่ 2) การใหว้ คั ซีนโดยการฉดี เขา้ ใตผ้ ิวหนงั การใหโ้ ดยวิธนี ้ีทาโดยฉีดเขา้ ใต้ผวิ หนงั บริเวณตน้ คอ นิยมทากบั ลูกไกอ่ ายุ 1 วนั เชน่ วคั ซนี โรคมาเร็กซใ์ นไกไ่ ข่ 3) การใหว้ คั ซนี โดยวธิ กี ารหยอด วธิ กี ารหยอดสามารถหยอดไดท้ ้งั ทางจมูกตาและปาก เชน่ วคั ซนี ป้องกนั โรคนิวคาสเซลิ และหลอดลมอกั เสบใหโ้ ดยหยอดตาหรือหยอดจมกู วคั ซีนป้องกนั โรคกมั โบโรใหโ้ ดยวิธีหยอดปากเป็นตน้ 4) การใหว้ คั ซีนโดยวธิ ีการแทงปีก การแทงปีกทาไดโ้ ดยใชเ้ ขม็ คจู่ มุ่ วคั ซีนที่ละลายแลว้ แทงตรงผนงั ปีกของไกบ่ ริเวณท่ีไมม่ เี สน้ เลอื ด แทงใหท้ ะลุแล้วดึงเข็มกลับถือวา่สนิ้ สุดการทาวคั ซนี โดยวธิ นี ้ี เชน่ วคั ซีนป้องกนั โรคฝีดาษไก ่ 5) การใหว้ คั ซีนโดยวธิ ีฉีดเขา้ กลา้ มเนื้อ วคั ซีนท่ีให้โดยวิธีน้ีได้แกว่ คั ซีนป้องกนั โรคอหวิ าตเ์ ป็ด ไก ท่ าไดโ้ ดยเขยา่ ใหเ้ ขา้ กนั ดดู วคั ซนี ในปริมาตรตามท่ีฉลากกาหนดฉีดเขา้ ไปบริเวณกลา้ มเนือ้ อก 6) การใหว้ คั ซีนโดยวิธลี ะลายน้า การใหว้ คั ซีนโดยวิธีน้ีตอ้ งคานึงถึงหลักปฏิบตั อิ ยา่ งเครง่ ครดั จึงจะไดผ้ ลดี ปัจจยั หลกั ทที่ าใหก้ ารใหว้ คั ซีนโดยวิธนี ้ปี ระสบผลหรือไม่คือ “น้า” เพราะน้าท่ใี ชเ้ ป็ นตวั ทาละลายวคั ซีนตอ้ งมสี ภาพเป็นกลางและไมม่ ียาฆา่ เช้ือปะปนอยู่การทาใหน้ ้ามีสภาพเป็นกลางทาไดโ้ ดยใชน้ มผงสกดั ไขมนั (Skim Milk Powder) ในสดั สว่ นนมผงสกดั ไขมนั 4 กรัมผสมน้าที่นามาละลายวัคซีน 1 ลิตรสามารถแกป้ ัญหาสภาพน้าได้วคั ซีนท่ีนยิ มละลายน้าไดแ้ ก ว่ คั ซนี นวิ คาสเซลิ วคั ซนี หลอดลมอกั เสบและวคั ซนี กมั โบโร108 หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสขุ าภบิ าลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ

2.3.8 การจดั การทวั่ ไปในการเล้ียงไก่ 1) ตอ้ งมีโรงเรือนดี คอื ระบายอากาศไดด้ แี ละมีอณุ หภูมิพอเหมาะ 2) ไกอ่ ยอู่ ยา่ งสบายไมห่ นาแนน่ จนเกนิ ไป 3) อาหารทีใ่ ชเ้ ล้ยี งมีคณุ ภาพและตรงตามความตอ้ งการของไกใ่ นแตล่ ะอายุ 4) มนี ้าสะอาดใหไ้ กอ่ ยา่ งเพียงพอ 5) ไกไ่ ดร้ บั แสงเพียงพอตรงตามความตอ้ งการในแตล่ ะชว่ งอายุ 6) ตอ้ งตรวจสขุ ภาพไกอ่ ยา่ งทว่ั ถงึ ทกุ วนั 7) มีการบนั ทึกและจดั ทาบญั ชีอยเู่ ป็นประจา ภาพที่ 5.5 แสดงวงกกลกู ไกแ่ ละการวางทใี่ หน้ ้าใหอ้ าหารสรปุ การจดั การท่ดี ยี อ่ มทาใหก้ ารเล้ยี งสตั ว์ประสบความสาเร็จ ในทางตรงกนั ขา้ มหากการจดั การไมด่ ีกจ็ ะทาใหก้ ารเล้ียงสตั วน์ น้ั ประสบกบั ความลม้ เหลว ดงั นน้ั “การจัดการ” คือหวั ใจสาคญั ของการเล้ยี งสตั ว์หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสุขาภิบาลและการเล้ยี งสตั ว์เศรษฐกจิ 109

แบบฝึ กหัดท้ายบท/คาถามท้ายบท 1. การป้องกนั และควบคมุ โรคมีความสาคญั ตอ่ การเล้ยี งสตั วอ์ ยา่ งไร อธบิ าย 2. การจดั การ มีความสาคญั อยา่ งไรตอ่ อาชีพการเล้ยี งสตั ว์แหล่ งความร้เู พมิ่ เตมิกนกวรรณ ศรีทศั นีย์, บรรณาธกิ าร. (2541). กระตา่ ย. สมุทรปราการ : ไฟวอ์ ดี ิเตอร์.คณาจารย์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. (2532). รวมเร่ืองโคเนือ้ . พมิ พ์คร้ังที่ 3. นครปฐม : ศนู ย์สง่ เสริมและฝึกอบรมการเกษตรแหง่ ชาติ.ถวลั ย์ วรรณกลุ . (2542). การเล้ียงและการป้องกันรักษาโรคแพะ. กรุงเทพฯ : สตั ว์เศรษฐกจิ แมกกาซนี .ปฐม เลาหเกษตร. (2540). การเลี้ยงสัตวป์ ีก. พมิ พ์คร้ังท่ี 3. นนทบุรี.: สหมติ รออฟเซท.ประสบ บูรณะมานสั . (2535). สุกรและการรักษาโรค. พิมพค์ ร้ังที่ 5. กรุงเทพฯ : ไทยวฒั นา พานชิ .มานติ ย์ เทวรกั ษพ์ ิทกั ษ.์ (2536). การจัดการฟาร์มสัตว์ปีก. พิมพ์คร้ังที่ 4. เชียงใหม่ : ดาวยอดชาย ทองไทยนนั ท,์ สมภพ จติ ตประไพ, ธรรมรตั น์ รุจริ าวงศ,์ สวา่ ง องั กโุ ร และ สนิ ชยั เรืองไพบูลย์. (2542). การเลี้ยงควาย. พิมพ์คร้ังท่ี 2. ม.ป.ท. (เอกสารคาแนะนา กรมปศสุ ัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ)์ยอดชาย ทองไทยนนั ท์ และคณะ. (2549). การเลี้ยงโคเน้ือ. พิมพ์คร้ังที่ 5. กรุงเทพฯ : ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. (เอกสารคาแนะนา กรมปศสุ ัตว์ กระทรวง เกษตรและสหกรณ)์สุรชน ตา่ งววิ ฒั น,์ อารักษ์ ชยั กลุ และสุวิทย์ อโนทยั สนิ ทวี. (2546). การเลี้ยงแพะ. พมิ พ์ คร้ังที่ 6. กรุงเทพฯ : ชมุ นุม สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย.สุวรรณ เกษตรสวุ รรณ และคณาจารย์มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. (3535). การเล้ียงไก่. พมิ พ์ คร้งั ท่ี 7. กรุงเทพฯ : ประชาชน.สวุ ิทย์ อโนทยั สนิ ทว.ี (2545). การเล้ียงแกะ. กรุงเทพฯ : ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. (เอกสารคาแนะนา กรมปศสุ ตั ว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์)110 หลกั การเล้ยี งสตั ว์ : การสขุ าภบิ าลและการเล้ยี งสตั วเ์ ศรษฐกจิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook