Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการใช้ : รูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง

คู่มือการใช้ : รูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง

Published by DARIKA MARNEECHAI, 2022-08-05 00:53:45

Description: คู่มือการใช้ : รูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง

Search

Read the Text Version

ค่มู อื การใชร้ ูปแบบการพัฒนาชุมชนแหง่ การเรียนรทู้ างวชิ าชพี ทส่ี ง่ เสรมิ สมรรถนะ การจัดการเรียนรเู้ ชงิ รุกของครูโรงเรียนสตรีทงุ่ สง นางสุภาภรณ์ คงคานนท์ ผู้อำนวยการสถานศกึ ษา วทิ ยฐานะ ผอู้ ำนวยการชำนาญการพเิ ศษโรงเรยี นสตรีทุ่งสง สำนักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษานครศรีธรรมราช สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

ก คำนำ คู่มือรูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการ เรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทาง วชิ าชพี ทส่ี ง่ เสรมิ สมรรถนะการจัดการเรียนรเู้ ชิงรุกของครู รวมท้งั เพอื่ ชว่ ยใหค้ รู ผบู้ ริหาร และผู้มีส่วน เกี่ยวข้องใชเ้ ปน็ แนวทางในการปฏบิ ัติงานทางวิชาชีพมุ่งสู่คุณภาพการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นนักเรียนเป็น สำคัญ รูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ เชิงรุกของครโู รงเรียนสตรีทุ่งสง หรอื SCCERTS Model ประกอบดว้ ย 7 องคป์ ระกอบสำคัญของการ พัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียน สตรีทุ่งสง คือ 1) การมีค่านิยมและบรรทัดฐานร่วมกัน (Shares Values & Norms) 2) การกำหนด เป้าหมายร่วมกันเพื่อการเรียนรู้ของนักเรียน (Collective Focus on Student Learning) 3) การ ร่วมมือรวมพลัง (Collaboration) 4) การชี้แนะหรือการให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ (Expert Advice) 5) การสนทนาเพื่อสะท้อนผล (Reflection) 6) การใช้เทคโนโลยีส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ (Technology) และ 7) เงื่อนไขการสนับสนุน (Supportive Condition) ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คู่มือ รูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสงนี้ จะช่วยให้เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทาง วิชาชีพซึ่งเป็นการการรวมตัวของครู ผู้บริหาร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อการเรียนรู้ร่วมกันอย่าง ตอ่ เนอ่ื งในการจดั การเรียนรู้เชิงรุก เชน่ การเตรียมการจัดการเรยี นร้แู ละการดำเนนิ การจัดการเรียนรู้ เชิงรุก การวัดผลประเมินผลนักเรียน การสะท้อนผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุก รวมทั้งการนำ ข้อเสนอแนะทไ่ี ดไ้ ปปรบั ปรงุ หรือพฒั นาการจดั กระบวนการเรียนรูเ้ ชิงรุกทำให้เกิดชุมชนกัลยาณมิตรมี ความสขุ ในการเรียนรู้ทั้งนกั เรียนและครู สุภาภรณ์ คงคานนท์ ผู้วจิ ยั

ข สารบญั เรื่อง หน้า คำนำ ............................................................................................................................. . ก สารบัญ .......................................................................................................................... ข คำชแ้ี จง …………………………………………………………………………………………………………… ค สว่ นท่ี 1 บทนำ …………………………………………………………………………………………………. 1 1 ความเป็นมา ............................................................................................................... 3 วตั ถุประสงค์ ............................................................................................................... สว่ นท่ี 2 รูปแบบการพัฒนาชุมชนแหง่ การเรียนรทู้ างวชิ าชีพทส่ี ่งเสริมสมรรถนะ 4 การจดั การเรยี นรู้เชงิ รกุ ของครูโรงเรียนสตรที ุ่งสง …..……….................................... 4 เนอื้ หาและองคป์ ระกอบของรูปแบบ ........................................................................ ส่วนท่ี 3 การนำการพฒั นาชมุ ชนแหง่ การเรียนรูท้ างวชิ าชีพทีส่ ่งเสรมิ สมรรถนะ 7 ขั้นตอนการนำรปู แบบไปใช้ ……............................................................................... 11 ขน้ั วางแผน ................................................................................................................ 12 ขน้ั ดำเนนิ การ ........................................................................................................... 17 ขนั้ ประเมนิ ผล ........................................................................................................... 17 บทบาทและแนวปฏิบตั สิ ำหรบั ผู้บริหาร .................................................................... 18 บทบาทและแนวปฏิบตั ิสำหรับครู ............................................................................. 19 บทบาทและแนวปฏบิ ัติสำหรบั ผมู้ ีส่วนเกยี่ วข้อง .................... ................................... ภาคผนวก 20 แบบฟอร์มแผนการจดั การเรียนรู้ ……………………………………………………………………. แบบสอบถามความคดิ เห็นทีม่ ตี ่อประสิทธภิ าพของรูปแบบการพฒั นาชมุ ชน 25 แหง่ การเรียนรูท้ างวชิ าชีพทส่ี ง่ เสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรเู้ ชิงรกุ ของครู 29 โรงเรยี นสตรที ุ่งสง ………………………………………………………………………………………….. 34 แบบสงั เกตสมรรถนะการจัดการเรียนรูเ้ ชงิ รุกของครโู รงเรยี นสตรที งุ่ สง ………………… แบบประเมินความพงึ พอใจทีม่ ตี ่อสมรรถนะการเรยี นร้เู ชิงรกุ ของครู ……………………..

ค คำชีแ้ จง เอกสารคู่มือรูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการ จัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง เป็นเอกสารที่สร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้แก่ครู ผูบ้ รหิ าร และผู้มสี ่วนเก่ยี วข้องในการส่งเสริมสรรถนะการจัดการเรียนรู้เชงิ รกุ ดว้ ยรูปแบบการพัฒนา ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพซึ่งเน้นส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ ร่วมมือ รวมพลังในการเรียนรู้ การลงมอื ปฏบิ ัติจรงิ อยา่ งหลากหลาย ภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มทเี่ อื้อต่อการเรียนรู้ ตามกระบวนการของรูปแบบทก่ี ำหนดข้ึน คู่มือรูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการ เรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง ฉบับนี้ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 บทนำ ส่วนที่ 2 รูปแบบการ พัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียน สตรีทุ่งสง และ ส่วนที่ 3 การนำรูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริม สมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสงไปใช้ ภายใต้กระบวนการดำเนินการ 3 ขั้นตอน คือ การวางแผน การดำเนินการ และการประเมินผล ทั้งนี้มีรายละเอียดกระบวนการ ดำเนินการของรูปแบบตามรายละเอียดในคู่มือฉบับนี้ ผวู้ จิ ัยหวงั เปน็ อย่างย่ิงว่าคู่มอื รปู แบบการพัฒนาชุมชนแหง่ การเรียนรทู้ างวิชาชีพท่ีส่งเสริม การจดั การเรยี นรเู้ ชงิ รกุ ของครโู รงเรยี นสตรีทงุ่ สง ฉบับนี้จะเปน็ ประโยชนต์ ่อผสู้ นใจ

1 ส่วบนทนทำี่ 1 ความเป็นมา การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกในยุคปัจจุบันส่งผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม สิง่ แวดลอ้ ม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการเมอื งของทุกประเทศ ทำให้ตอ้ งมีการทบทวนการพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์และการศึกษา การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ ผ้เู รยี นสามารถพัฒนาตามธรรมชาตแิ ละเต็มตามศักยภาพ การจดั การเรียนการสอนสำหรับผู้เรียนตาม แนวทางการปฏิรูปการศึกษาเป็นการเรยี นรู้ที่เนน้ กระบวนการ เนื่องจากกระบวนการเป็นสิ่งสำคัญท่ี นำไปสกู่ ารเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของผูเ้ รยี น การจัดการศึกษาเพื่อให้สามารถพัฒนาผู้เรียนตาม แนวทางการปฏิรูปการศกึ ษา ต้องมีการพัฒนาชุมชนแห่งการเรยี นรูท้ างวชิ าชีพเพื่อพัฒนาการจัดการ เรียนรู้เชงิ รกุ ของครู การส่งเสรมิ การจัดการเรียนรู้ของครทู ่ีมีการเกื้อกลู กนั และกันอย่างเป็นมิตร มีผู้รู้ เข้ามาส่งเสริมความรู้ ฝึกฝนทักษะที่สัมพันธ์กับเป้าหมายที่ครูต้องการพัฒนาก่อนการจัดการเรียนรู้ การสังเกตการจัดการเรียนรู้ การกระตนุ้ ให้ครูวิเคราะห์และสะท้อนผลการจัดการเรยี นรู้ของตนเองจน สามารถพัฒนาการจัดการเรียนรู้ได้ตามเป้าหมาย โดยมีการช่วยเหลือสนับสนุน ส่งเสริม ให้กำลังใจ ตลอดกระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อให้ครูสามารถพัฒนาบทเรียนที่จะช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ศุภวรรณ สัจจพิบูล, 2560, 203 - 204) สอดคล้องกับการจัดการศึกษา เพื่อให้สามารถพัฒนาผู้เรียนตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษาหรือคนไทยยุคใหม่นั้น นายแพทย์ ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ได้กล่าวไว้ในคำนิยมของหนังสือทักษะแห่งอนาคตใหม่ : การศึกษาเพื่อ ศตวรรษที่ 21 (21 Century Skills: Rethinking How Students Learn) ว่าจะต้องมีการปฏิรูปการ เรียนการสอนแบบ Problem-Base Learning (PBL) แล้วสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ที่ เรียกว่า Professional Learning Community (PLC) (บุญชม ศรีสะอาด, 2558, 140) สอดคล้อง กับงานวิจัย เรื่อง Professional Learning Community ของ สโตล แอล (Stoll L., 2010, 8) ท่ี กล่าวว่า มีการให้การยอมรับและพูดถึงในวงกว้างเกี่ยวกับ Professional Learning Community (PLC) ในหลายประเทศว่าทำให้เกิดการรวมตัว การช่วยเหลือ การร่วมมือซึ่งกันและกัน รวมทั้งมีการ สะทอ้ นกระบวนการดำเนินงาน วิธกี ารปฏบิ ัตทิ ่เี ปน็ เลศิ เพื่อความก้าวหนา้ ทางวชิ าชีพ ซึ่งส่งผลต่อการ เรียนรู้ของผู้เรียน และ โฮร์ด เอ็ม (Hord M., 2009, 40 – 42) กล่าวว่า เป้าหมายหลักของ สถานศึกษาคือการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งขึ้นอยู่กับคุณภาพการจัดการเรียนการสอน โดยคุณภาพการ จัดการเรียนการสอนจะต้องมีการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องแบบมืออาชีพ บริบทที่สนับสนุนการ

2 เรียนรู้แบบมืออาชีพคือชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ซึ่งชุมชนแห่งการเรียนรู้นั้นมีความ เชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้ของนักเรียนในห้องเรียนและการเรียนรู้จากเพื่อน ๆ ประกอบกับ ปองทิพย์ เทพอารีย์ และ มารุต พัฒผล (2557, 284) ได้พัฒนารูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิง วิชาชีพสำหรบั ครูประถมศึกษา พบว่า รูปแบบชุมชนแห่งเรียนรู้เชิงวิชาชีพสำหรับครูประถมศึกษาทำ ให้สมรรถนะเชงิ วิชาชีพของกลุ่มตวั อยา่ งสงู กว่าก่อนการทดลองใช้ รวมทง้ั ทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียน เพิ่มสูงขึ้น และผลการเรียนรู้ในวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ของผู้เรียนหลังการทดลองสูงกว่า กอ่ นการทดลองอย่างมนี ัยสำคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 จากการศึกษางานวิจยั ที่เก่ียวข้องกับการพัฒนา ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) พบว่า การให้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเป็นส่วนหนึ่ง ของการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความสำเร็จ ส่งผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการจัด การศึกษาเป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษาทั้งระบบ สอดคล้องกับงานวิจัยของ แมทวีว และ มิล เตอร์ (Matveev and Milter, 2010) ทกี่ ลา่ วว่า การจดั การเรียนรเู้ ชิงรุกทเี่ นน้ การทำงานเป็นทีมเป็น เครื่องมือในการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และทักษะการนำเสนอ นอกจากนี้แล้วการทำงานเป็น ทีมหรือการทำงานร่วมกันทำให้เกิดการเรียนรู้ ทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมหรือร่วมมือรวมพลังในการ เรียนรู้โดยมีการแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันในการทำกิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนปฏิบัติ จริงอย่างหลากหลาย จัดกิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะ การปฏิบัติจริง ความรู้เกิดจากประสบการณ์ การสร้างองค์ความรู้ การจัดระบบเรียนรู้และสรุปทบทวนของนักเรียน มีการประเมินผลการเรียนรู้ อย่างหลากหลายทั้งจากครูประเมินและผู้เรียนประเมินตนเอง โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก โดยการวิเคราะห์เนื้อหา กำหนดวัตถุประสงค์ ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้รายคาบ และมีการ สนบั สนุนทรัพยากรต่าง ๆ เช่น สือ่ วัสดุ อปุ กรณ์ เทคโนโลยี แหล่งเรียนรทู้ ัง้ บุคคลและสถานท่ี รวมถึง การจดั สภาพแวดล้อมทีเ่ อือ้ ตอ่ การเรยี นรู้ ซง่ึ ส่งผลต่อการเรยี นรู้ของผูเ้ รยี นอยา่ งมคี ุณภาพ ผวู้ ิจยั จงึ ไดศ้ กึ ษา สงั เคราะห์แนวคิดเชิงทฤษฎแี ละงานวจิ ัยท่ีเก่ียวกับการพัฒนาชุมชนแห่ง การเรียนรู้ทางวิชาชีพ ถอดบทเรียนโรงเรียนที่มีวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก สรุป องค์ประกอบของการพฒั นาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และศกึ ษา สงั เคราะห์แนวคิดเชิงทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามรายละเอียดในคู่มือฉบับนี้ เพื่อใช้เป็นแนวทางใน การพฒั นาชมุ ชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวิชาชพี ท่ีสง่ เสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรเู้ ชงิ รกุ ของครูโรงเรียน สตรที ุ่งสงได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ รูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง SCCERTS Model เป็นกระบวนการดำเนินงานทีม่ ีความสัมพันธ์กัน อย่างเป็นลำดับขั้นตอนมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ประกอบด้วย 7 องค์ประกอบหลัก คือ 1) การมี ค่านิยมและบรรทัดฐานร่วมกัน (Shares Values & Norms) 2) การกำหนดเป้าหมายร่วมกันเพื่อ การเรียนรู้ของนักเรียน (Collective Focus on Student Learning) 3) การร่วมมือรวมพลัง

3 (Collaboration) 4) การชี้แนะหรือการให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ (Expert Advice) 5) การ สนทนาเพื่อสะท้อนผล (Reflection) 6) การใช้เทคโนโลยีส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ (Technology) และ 7) เงื่อนไขการสนับสนุน (Supportive Condition) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการรวมตัวของครู ผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดกระบวนการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งเสริมให้นักเรียน เกิดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการที่สำคัญ คือ 1) นักเรียนมีส่วนร่วมหรือร่วมมือรวมพลังในการเรียนรู้ โดยมีการแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันในการทำกิจกรรมการเรียนรู้ 2) นักเรียนปฏิบัติจริง อยา่ งหลากหลาย เช่น การอ่าน พูด ฟงั อภิปราย แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ การคิดอยา่ งลมุ่ ลึก การคิดขั้นสูง 3) กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะและการปฏิบัติจริง 4) ความรู้เกิดจากประสบการณ์ การสร้างองค์ ความรู้ การจัดระบบเรียนรู้ และสรุปทบทวนของนักเรียน 5) มีการประเมินผลการเรียนรู้อย่าง หลากหลายทั้งจากครูประเมินและผู้เรียนประเมินตนเอง 6) ครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกโดยการ วิเคราะห์เนื้อหา กำหนดวัตถุประสงค์ ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้รายคาบ และ 7) มีการสนับสนุน ทรัพยากรต่าง ๆ เช่น สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ เทคโนโลยี แหล่งเรียนรู้ทั้งบุคคลและสถานที่ รวมถึงการจัด สภาพแวดล้อมที่เออ้ื ต่อการเรยี นรู้ วัตถุประสงค์ 1. เพือ่ เป็นแนวทางในการการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวชิ าชีพท่สี ่งเสรมิ สมรรถนะ การจัดการเรียนร้เู ชงิ รกุ ของครูโรงเรยี นสตรที ุง่ สง 2. ส่งเสริมการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสร้างชุมชนกัลยาณมิตรด้าน การจดั การเรียนรู้เชงิ รุก 3. สามารถนำกระบวนการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพไปใช้ในการจัดการ เรียนรูเ้ ชิงรุกได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 4. เพื่อให้โรงเรียนสามารถนำรปู แบบการพัฒนาชุมชนแหง่ การเรียนรูท้ างวิชาชีพไปใชใ้ น การจดั การเรยี นรเู้ ชิงรุกได้อย่างเปน็ รูปธรรม ผบู้ รหิ ารโรงเรยี น ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาสามารถ นำกระบวนการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ไปใช้ในการส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ที่เน้นนักเรยี นเป็นสำคัญ นักเรียนได้ลงมือปฏิบตั ิ ลงมือทำและได้ใช้กระบวนการ คิดเกี่ยวกบั สงิ่ ท่ีทำในทุกกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ทุกระดับชั้น ตามแนวทางการปฏริ ูปการศกึ ษา

4 สว่ นที่ 2 รปู แบบการพฒั นาชุมชนแห่งการเรยี นรูท้ างวิชาชีพท่ีส่งเสรมิ สมรรถนะการจดั การเรยี นรู้ เชิงรกุ ของครูโรงเรยี นสตรที งุ่ สง (SCCERTS Model) รูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ เชงิ รกุ ของครูโรงเรยี นสตรที ุ่งสง (SCCERTS Model) เป็นการพัฒนาชุมชนการเรียนรูท้ างวชิ าชพี ที่เกิด จากการรวมตัวของครู ผู้บริหาร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันอย่างต่อเนื่องใน การปฏบิ ตั ิงานทางวชิ าชีพมงุ่ สูค่ ณุ ภาพการจัดการเรียนรู้ทีเ่ นน้ ความสำเร็จหรือประสิทธิผลเพ่ือส่งเสริม สมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู โดยมีกระบวนการดำเนินงานที่มคี วามสัมพนั ธ์กันอย่างเปน็ ลำดับขนั้ ตอน บนพ้นื ฐานของหลกั การ แนวคดิ และทฤษฎีการพฒั นาชมุ ชนแห่งการเรียนรูท้ างวิชาชีพ สมรรถนะการจัดการเรียนรู้ และการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ซึ่งประกอบด้วย 1) การมีค่านิยมและ บรรทดั ฐานรว่ มกัน (Shares Values & Norms) คือ การท่สี มาชิกทุกคนมีความมุง่ มั่นและรับผิดชอบ ร่วมกันในการปฏิบัติงานด้านการเรียนรู้ของนักเรียนเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน 2) การกำหนด เป้าหมายร่วมกันเพื่อการเรียนรู้ของนักเรียน (Collective Focus on Student Learning) คือ การมี จุดเน้นร่วมกันเพื่อการเรียนรู้ของนักเรียน 3) การร่วมมือรวมพลัง (Collaboration) คือ การร่วมมือ ของทุกฝ่ายทั้งครู ผู้บริหารและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการทำงานแบบร่วมมือ รวมพลัง เพื่อช่วยเหลือ และเรียนรู้ไปด้วยกัน 4) การชี้แนะหรือการให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ (Expert Advice) คือ การ เปิดรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและศึกษาการปฏิบัติจริง จากอาจารย์มหาวิทยาลัย ศึกษานิเทศก์ ผู้ชำนาญการหรอื มีวิธีปฏบิ ัตทิ ี่ดที ้ังภายในและภายนอกชุมชนมาให้ความรู้และประสบการณ์ และต้อง มีกิจกรรมการเยี่ยมชมการปฏิบัติจริงในห้องเรียนของเพื่อนครู 5) การสนทนาเพื่อสะท้อนผล (Reflection) คือ การพูดคุยสนทนาเพื่อการแลกเปลี่ยนและสะท้อนผลการปฏิบัติงานของเพื่อนครู โดยใช้สุนทรียสนทนา 6) การใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ (Technology) คือ การใช้ เทคโนโลยี ส่ือ อปุ กรณท์ ส่ี ง่ เสริมใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และ 7) เงอ่ื นไขการสนับสนนุ (Supportive Condition) คือ การสนับสนุนด้านเวลา ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก แหล่งทรัพยากร และโอกาสใน การสรา้ งความสมั พนั ธข์ องครู เพอ่ื กระตุ้นใหเ้ กดิ การเรยี นร้รู ่วมกนั ดงั ภาพท่ี 1

5 ภาพท่ี 1 องคป์ ระกอบหลักในการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวชิ าชีพ SCCERTS Model จากภาพที่ 1 แสดงให้เหน็ วา่ รปู แบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรยี นรทู้ างวชิ าชีพท่สี ่งเสริม สมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง (SCCERTS Model) ประกอบด้วย 7 องค์ประกอบหลกั ทม่ี ีความสมั พันธ์ ต่อเนื่อง และสนับสนนุ กนั อย่างเป็นวงจรโดย ดงั นี้ องค์ประกอบที่ 1 การมีค่านิยมและบรรทัดฐานร่วมกัน (Shares Values & Norms) เป็นการเริ่มต้นที่ทุกคนในชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพต้องมีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ รวมท้ัง วิธีการที่ได้มาตรฐานร่วมกันเพื่อทุกคนในองค์กรหรือวิชาชีพจะใช้เป็นเข็มทิศในการขับเคลื่อนชุมชน แห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง ประกอบด้วย 1) กำหนดวตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายความสำเร็จร่วมกนั 2) สร้างวัฒนธรรมการแลกเปลย่ี นเรียนรู้ 3) การมุง่ เนน้ ที่นกั เรยี น

6 องค์ประกอบที่ 2 การกำหนดเป้าหมายร่วมกันเพื่อการเรียนรู้ของนักเรียน (Collective Focus on Student Learning) เป็นการมีจุดเน้นร่วมกันของสมาชิกทุกคนที่มุ่งเพื่อ การเรียนรู้ของนักเรยี น ประกอบด้วย 1) การกำหนดเป้าหมายการเรยี นรู้ของนักเรยี นร่วมกนั 2) การส่งเสรมิ การเรียนรขู้ องนกั เรียนด้วยวิธกี ารทีห่ ลากหลาย องคป์ ระกอบที่ 3 การรว่ มมือรวมพลัง (Collaboration) เปน็ การรว่ มมือของทุกฝ่ายใน การส่งเสรมิ การเรียนรู้ของนกั เรียนแบบรว่ มมอื รวมพลงั ประกอบดว้ ย 1) การแลกเปลยี่ นองคค์ วามรู้ ทกั ษะ และประสบการณ์ทางวิชาชีพ 2) การทำงานรว่ มกันของครดู า้ นการจัดการเรยี นรู้ 3) มคี วามเปน็ กัลยาณมิตรในการช่วยเหลือรว่ มมือกัน องค์ประกอบที่ 4 การชี้แนะหรือการให้คำแนะนำจากผู้เชีย่ วชาญ (Expert Advice) เป็นการเปิดรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือศึกษาการปฏิบัติจริงจากมหาวิทยาลัย ศึกษานิเทศ ก์ ผู้ชำนาญการหรือมีวิธีปฏิบัติที่ดีทั้งภายในและภายนอกชุมชน ทั้งนี้ต้องมีกิจกรรมการเยี่ยมชมการ ปฏิบัตจิ ริงในห้องเรียนของเพอื่ นครู ประกอบด้วย 1) การรับคำแนะนำจากเพ่อื นครชู มุ ชนแห่งการเรยี นรทู้ างวชิ าชพี 2) การรบั คำแนะนำจากผู้เช่ียวชาญหรือครูทป่ี ระสบความสำเร็จ องค์ประกอบที่ 5 การสนทนาเพื่อสะท้อนผล (Reflection) เป็นการใช้สุนทรียสนทนา ในการสะทอ้ นผลการจดั การเรยี นรูเ้ ชงิ รกุ ของเพื่อนครู ประกอบดว้ ย 1) การสนทนากนั ระหว่างครูเก่ียวกบั การเตรียมการจัดการเรยี นรเู้ ชิงรุก 2) การสนทนาให้ข้อมลู ย้อนกลบั เกีย่ วกับการจดั การเรียนร้เู ชงิ รุก องค์ประกอบที่ 6 การใช้เทคโนโลยสี ่งเสริมการจัดการเรยี นรู้ (Technology) เป็นการ ใชอ้ ปุ กรณ์ สือ่ เทคโนโลยเี พือ่ สง่ เสริมการเรยี นรเู้ ชิงรุก ประกอบด้วย 1) การสนับสนนุ ส่อื อุปกรณ์ เทคโนโลยีเพอื่ สง่ เสรมิ การจัดการเรยี นร้เู ชิงรกุ องค์ประกอบที่ 7 เงื่อนไขการสนบั สนุน (Supportive Condition) เป็นการสนับสนนุ ส่งเสรมิ และสร้างขวญั กำลังใจ ประกอบดว้ ย 1) การสนับสนุนจากผู้บรหิ าร 2) การจัดสรรเวลา โดยมีการจัดเวลาสำหรับการพบกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของ ชุมชนแห่งการเรยี นร้ทู างวิชาชีพ

7 สว่ นที่ 3 การนำรปู แบบการพฒั นาชมุ ชนแหง่ การเรียนร้ทู างวิชาชีพทสี่ ่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรยี นรู้ เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทงุ่ สง SCCERTS Model ไปใช้ รูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง (SCCERTS Model) เป็นรูปแบบที่ให้ความสำคัญต่อครูผู้สอน ผู้บริหาร มีทีมงาน รวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการปฏิบัติหน้าที่ทางวิชาชีพในโรงเรียน ได้ร่วมกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เทคนิค วิธีการ และองค์ความรู้ต่าง ๆ เพื่อเป้าหมายสำคัญคือการพัฒนา สมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูที่ส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในขณะที่ นักเรียนเองก็ได้รับการพัฒนาศักยภาพตามความสนใจ ความถนัดส่งผลให้มีความสขุ ในการเรียนและ การอยู่ในโรงเรียน ซึ่งประกอบด้วย 7 องค์ประกอบหลัก 15 องค์ประกอบย่อย 24 กระบวนการ ดำเนินการ ตามรายละเอยี ด ดงั น้ี รูปแบบการพฒั นาชุมชนแห่งการเรียนรทู้ างวิชาชพี ทสี่ ่งเสรมิ สมรรถนะการจัดการเรยี นรเู้ ชงิ รกุ ของครูโรงเรยี นสตรีทงุ่ สง “SCCERTS Model” องคป์ ระกอบ กระบวนการ 1. การมีคา่ นยิ มและบรรทดั ฐานรว่ มกนั - กำหนดวตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมาย (Shares Values & Norms) ความสำเร็จรว่ มกนั 1.1 กำหนดวตั ถุประสงค์และเปา้ หมาย - กำหนดเป้าหมายและความสำเร็จมงุ่ เนน้ การ ความสำเร็จร่วมกัน พฒั นาหรอื การแก้ปญั หาการเรียนรขู้ องนักเรียน 1.2 สรา้ งวฒั นธรรมการแลกเปลีย่ นเรียนรู้ - สง่ เสรมิ ให้เกดิ การแลกเปลย่ี นเรียนรู้แบบ 1.3 ม่งุ เนน้ ท่นี กั เรยี น กัลยาณมติ ร ร่วมกันเสริมแรงเชิงบวกในชุมชน แห่งการเรียนรู้ 2. กำหนดเป้าหมายรว่ มกันเพื่อการเรียนรู้ของ - กำหนดเปา้ หมายการเรยี นรขู้ องนักเรยี น นักเรยี น (Collective Focus on Student ร่วมกัน Learning) - วางแผนสง่ เสรมิ การเรียนรเู้ ชิงรกุ ร่วมกนั 2.1 การกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ของ นกั เรียนรว่ มกนั 2.2 การส่งเสรมิ การเรยี นรูข้ องนกั เรยี นด้วย วิธกี ารหลากหลาย

8 องคป์ ระกอบ กระบวนการ 3. การรว่ มมอื รวมพลัง (Collaboration) - วิเคราะห์หลักสูตร มาตรฐานการเรียนรู้ 3.1 การแลกเปล่ยี นองคค์ วามรู้ ทักษะ ตวั ชวี้ ดั และกำหนดจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ประสบการณ์ทางวชิ าชพี ร่วมกนั 3.2 การทำงานร่วมกนั ของครดู า้ นการจดั การ - ออกแบบการเรียนรู้เชิงรุกรว่ มกัน เรยี นรูเ้ ชิงรุก - จดั ทำแผนการเรียนร้เู ชงิ รุกรว่ มกนั 3.3 มคี วามเป็นกลั ยาณมิตรในการชว่ ยเหลือ - จัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกทเ่ี น้นความ รว่ มมือกัน แตกต่าง - นกั เรียนมีสว่ นรว่ ม รว่ มมอื รวมพลงั ในการ 4. การชแ้ี นะหรือการใหค้ ำแนะนำจาก เรียนรู้ ผเู้ ช่ียวชาญ (Expert Advice) - นักเรียนปฏิบัติจริงอย่างหลากหลาย เชน่ การ 4.1 การรบั คำแนะนำจากเพ่ือนครทู ป่ี ระสบ อ่าน พดู ฟัง อภปิ ราย การทดลอง แลกเปลย่ี น ความสำเรจ็ เรยี นรู้ การคิดอย่างลุ่มลกึ การคดิ ข้ันสงู 4.2 การรับคำแนะนำจากผู้เช่ียวชาญ - จัดกิจกรรมการเรียนรเู้ นน้ ทักษะและการ ปฏบิ ตั จิ รงิ - จดั กจิ กรรมการเรยี นรูส้ ่งเสริมใหน้ ักเรยี นเกดิ การเรยี นรจู้ ากประสบการณ์ สามารถสร้างองค์ ความรู้ จัดระบบเรยี นรู้ และสรุปเป็นองค์ ความรู้ - วดั ผลประเมนิ ผลการจดั การเรยี นร้อู ย่าง หลากหลายสอดคล้องกบั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ มาตรฐานและตวั ช้ีวดั โดยใชก้ ระบวนการมีส่วน รว่ มระหว่างครผู ้สู อนและสมาชิกในชุมชนแห่ง การเรียนรู้ทางวชิ าชีพ - เปิดใจรบั คำแนะนำจากเพ่ือนครทู ่ีประสบ ความสำเรจ็ - เปดิ ใจรับคำแนะนำจากผ้เู ชี่ยวชาญ ผ้ทู ี่ประสบความสำเร็จ

9 องคป์ ระกอบ กระบวนการ 5. การสนทนาเพอ่ื สะท้อนผล (Reflection) - สนทนาเพือ่ เตรยี มการจดั การเรยี นรเู้ ชิงรกุ 5.1 การสนทนากนั ระหวา่ งครเู ก่ยี วกับการ รว่ มกัน เตรียมการจดั การเรยี นรเู้ ชิงรุก - สนทนาให้ข้อมูลย้อนกลบั เก่ียวกับการจัดการ 5.2 การสนทนาใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั เกยี่ วกับการ เรียนรเู้ ชงิ รุกรว่ มกัน จัดการเรยี นรู้ เชิงรุก - สนทนาเกีย่ วกบั ผลการเรยี นรู้เชงิ รุกของ นักเรยี นร่วมกัน 6. การใช้เทคโนโลยสี ง่ เสริมการจดั การเรียนรู้ - สนทนาเก่ียวกับการวัดประเมนิ นักเรยี น (Technology) รว่ มกัน 6.1 การสนบั สนุนสอื่ อุปกรณ์ เทคโนโลยีเพอ่ื - นำคำแนะนำ ขอ้ เสนอแนะไปปรับปรงุ พัฒนา การเรียนรู้ แก้ปัญหาการจัดการเรียนรู้เชิงรกุ 7. เงื่อนไขการสนบั สนนุ (Supportive - เลอื กใชส้ ื่อ วัสดุ อปุ กรณ์ และเทคโนโลยีเพ่ือ Condition) สง่ เสริมการจัดเรียนรู้เชิงรุก 7.1 การสนบั สนุนจากผ้บู ริหาร 7.2 มีการจดั สรรเวลา - สรา้ งแรงจงู ใจ สนบั สนนุ และเสริมแรง เชิงบวกในการพฒั นาชุมชนแห่งการเรียนรทู้ าง วิชาชีพทีส่ ง่ เสริมสมรรถนะการจดั การเรียนรู้ เชงิ รุกของครูโดยผบู้ ริหาร - จดั เวลาสำหรับการพบกลุ่มแลกเปลย่ี นเรียนรู้ รว่ มกัน ภาพที่ 2 รูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการ จดั การเรยี นรู้เชงิ รกุ ของครูโรงเรียนสตรีทุง่ สง (SCCERTS Model)

10 ในการนำรูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการ จดั การเรียนรเู้ ชิงรกุ ของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง (SCCERTS Model) ไปใช้นั้น มกี ระบวนการดำเนินการ 3 ขัน้ ตอน คือ 1) การวางแผน 2) การดำเนนิ การ และ 3) การประเมนิ ผล ซงึ่ มรี ายละเอยี ด ดังนี้ ขั้นตอน 1 การวางแผน เป็นการวางแผนการนำรปู แบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ ทางวชิ าชีพทีส่ ง่ เสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง (SCCERTS Model) ลงสู่การปฏิบัติในโรงเรียน ซึ่งมีการประชุมชี้แจง การประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้สนใจ การสร้างความ เข้าใจลงรายละเอียดโดยการศึกษาคู่มือ และการแต่งตั้งคำสั่งคณะกรรมการดำเนินงาน/คณะทำงาน เพือ่ ใหม้ ีความพรอ้ มทสี่ ดุ กอ่ นนำรูปแบบไปใชใ้ นขนั้ ตอนการดำเนนิ การ ขน้ั ตอน 2 การดำเนินการ เป็นการนำรูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง (SCCERTS Model) ซ่ึง ประกอบด้วย 7 องค์ประกอบหลัก 15 องค์ประกอบย่อย 24 กระบวนการดำเนินการ สู่การ ดำเนินการหรือการนำไปใช้อย่างเป็นลำดับขั้นตอนเชื่อมโยงต่อเนื่องสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งมีการ ประชุมทบทวนกิจกรรม การดำเนินการตามองค์ประกอบและกระบวนการของรูปแบบฯ ตั้งแต่การ เตรียมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก การจัดการเรียนรู้เชิงรุกจนถึงขั้นตอนการวัดประเมินผลการจัดการ เรียนรูเ้ ชิงรุก ขั้นตอน 3 การประเมินผล เป็นการประเมินผลของรูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการ เรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง (SCCERTS Model) โดยใช้แบบประเมิน ดังน้ี 1) แบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อประสิทธิภาพของรูปแบบการ พัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ของครูโรงเรียน สตรีทุ่งสง 2) แบบสังเกตสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง และ 3) แบบ ประเมินความพงึ พอใจทม่ี ีต่อสมรรถนะการเรียนร้เู ชงิ รุกของครู

11 ตารางที่ 1 สรุปขั้นตอนการนำรูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริม สมรรถนะการจดั การเรยี นรเู้ ชิงรกุ ของครโู รงเรียนสตรีทุ่งสง SCCERTS Model ไปใช้ ข้ันที่ รายการ กจิ กรรม เวลา 1 การวางแผน 1. ประชุมชีแ้ จงผบู้ ริหารและหัวหนา้ งานเกีย่ วกับการ 2 ชว่ั โมง 1) ประชุมช้แี จง นำรูปแบบการพัฒนาชมุ ชนแหง่ การเรียนรทู้ าง วิชาชพี ทส่ี ง่ เสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชงิ รุก ของครูโรงเรียนสตรีทุ่งสง SCCERTS Model 2) ประชาสัมพนั ธ์ 2. ประชาสัมพนั ธเ์ ชิญชวนครผู สู้ นใจเข้าร่วมชมุ ชน 1 สัปดาห์ แหง่ การเรยี นร้ทู สี่ ง่ เสรมิ สมรรถนะการจัดการเรยี นรู้ เชิงรกุ เพื่อดำเนนิ การทดลอง 3. ประชมุ ชแี้ จงรายละเอยี ดของรปู แบบการพัฒนา 2 ชั่วโมง ชุมชนแห่งการเรยี นรทู้ างวิชาชพี ทส่ี ง่ เสริมสมรรถนะ การจดั การเรยี นร้เู ชงิ รกุ ของครูโรงเรยี นสตรีทงุ่ สง SCCERTS Model และรายละเอียดกระบวนการของ รูปแบบการพัฒนาชมุ ชนแห่งการเรยี นรู้ทางวชิ าชพี ที่ สง่ เสริมสรรถนะ ฯ 3) สร้างความ 4. ให้ครูกลุ่มสนใจศึกษาคู่มือรปู แบบการพฒั นา 1 สปั ดาห์ เขา้ ใจ ชุมชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวิชาชีพทสี่ ง่ เสริมสรรถนะฯ และแบบประเมินต่าง ๆ ในคู่มือ 5. ศกึ ษาบทบาทหน้าที่ของแตล่ ะกล่มุ ในชุมชนแห่ง 1 ชว่ั โมง การเรียนรทู้ างวชิ าชีพทส่ี ่งเสริมสมรรถนะฯ 4) แต่งต้ังคำสง่ั ฯ 6. สมาชิกชุมชนแห่งการเรียนรทู้ างวิชาชีพท่ีสง่ เสรมิ 1 ชัว่ โมง และประสาน สมรรถนะฯ แตล่ ะกล่มุ เสนอช่ือและพิจารณาเลือก ผู้เกย่ี วขอ้ ง ผู้เชย่ี วชาญประจำกลุ่มของตนเอง 7. แต่งตง้ั คณะกรรมการดำเนินการในชมุ ชนแหง่ การ เรียนรู้ทางวชิ าชีพทีส่ ง่ เสรมิ สมรรถนะฯ

12 ขนั้ ท่ี รายการ กิจกรรม เวลา 2 การดำเนินการ 1. ประชมุ ทบทวนกจิ กรรม เป้าหมายและบทบาท 1 ชัว่ โมง 1) ปฏบิ ัตกิ าร หน้าที่ก่อนดำเนินการ 2. อบรมเชิงปฏบิ ตั กิ ารการจัดการเรยี นรู้เชิงรุกเพ่ือ 1 วัน พฒั นาครู 2) ดำเนินการตาม 3. ดำเนนิ การตามองค์ประกอบและกระบวนการของ องค์ประกอบและ รูปแบบการพฒั นาชุมชนแหง่ การเรียนร้ทู างวชิ าชพี ที่ กระบวนการ สง่ เสริมสมรรถนะการจดั การเรียนรเู้ ชงิ รุกของครู - วางแผนการ โรงเรยี นสตรที งุ่ สง SCCERTS Model จัดการเรียนรู้เชิง 2.1 สรา้ งค่านิยมและบรรทัดฐานร่วมกนั รุก - กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมาย 30 นาที ความสำเรจ็ ร่วมกนั “ชมุ ชนแหง่ การเรยี นร้นู เ้ี ปน็ ชมุ ชนท่สี ่งเสรมิ ใหค้ รมู ีสมรรถนะในการจดั การเรียนรู้ เชิงรุก” - กำหนดเป้าหมายและความสำเร็จมุ่งเน้น 30 นาที การพฒั นาหรอื การแกป้ ัญหาการเรยี นรู้ของ นักเรยี น “การจัดการเรยี นรเู้ ชิงรกุ ของครสู ามารถ พฒั นาการเรยี นรู้หรือแกป้ ัญหาการเรียนรู้ของ นักเรียนได้” - สง่ เสรมิ ให้เกิดการแลกเปล่ยี นเรียนร้แู บบ ตาม กลั ยาณมิตร รว่ มกนั เสริมแรงเชงิ บวกในชุมชนแห่ง แผนการ การเรยี นรู้ “ชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชพี ที่ จดั การ สง่ เสริมสมรรถนะการจดั การเรียนรเู้ ชิงรกุ เป็นชมุ ชน เรยี นรู้ กลั ยาณมิตร มีการเสริมแรงเชงิ บวก ชว่ ยเหลือ ร่วมมือ รวมพลังกันเพ่ือส่งเสริมสมรรถนะการจัดการ เรียนรู้เชงิ รุกของครู จนครสู ามารถจัดการเรยี นรู้ เชิงรกุ ได้ตามเป้าหมายทีก่ ำหนดไว้”

13 ข้ันที่ กระบวนการ กิจกรรม เวลา - จัดการเรยี นรู้ 2.2 กำหนดเป้าหมายร่วมกันเพือ่ การเรยี นรขู้ อง ตาม เชงิ รุก นักเรียน แผนการ จดั การ - กำหนดเปา้ หมายการเรียนรขู้ องนักเรยี น เรียนรู้ ร่วมกนั วา่ “นกั เรยี นทกุ คนสามารถเรยี นร้ไู ด้ ครูต้อง ใชก้ ระบวนการและวธิ ีการทหี่ ลากหลายในการ ส่งเสริมนักเรียนใหส้ ามารถพัฒนาได้เตม็ ตาม ศักยภาพ” - วางแผนส่งเสรมิ การเรยี นร้เู ชงิ รกุ รว่ มกัน “สมาชิกชมุ ชนแห่งการเรยี นรู้ทางวิชาชีพวางแผน ส่งเสรมิ การเรยี นรเู้ ชงิ รุกร่วมกัน” 2.3 การรว่ มมือรวมพลงั - วิเคราะหห์ ลกั สูตร มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชว้ี ัด และกำหนดจุดประสงคก์ ารเรียนรูร้ ว่ มกนั “รว่ มมอื ร่วมพลงั กันในการวเิ คราะห์หลกั สตู ร มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้วี ดั รวมทั้งรว่ มกนั กำหนด จดุ ประสงค์การเรียนรู้” - ออกแบบการเรียนรเู้ ชงิ รุกรว่ มกัน “ร่วมมือ รวมพลงั กันในการออกแบบการเรียนรเู้ ชงิ รุก” - จัดทำแผนการเรยี นรเู้ ชิงรกุ ร่วมกนั “ร่วมมอื รวมพลังในการจัดทำแผนการจดั การเรยี นรู้เชิงรุก ร่วมกัน” - จดั กิจกรรมการเรยี นรู้เชิงรกุ ท่เี น้นความ แตกต่าง “ร่วมมือรวมพลงั ในการจดั กจิ กรรมการ เรียนร้ทู ่ีเน้นความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลของนกั เรยี น ส่งเสริมใหน้ กั เรียนทุกคนมีโอกาสและเขา้ ถงึ การ เรยี นรู้ มกี ารเย่ยี มชั้นเรยี น สังเกตช้ันเรียนเพื่อนำ ข้อดี ข้อควรปรบั ปรงุ ไปใช้ในการสนทนาเพ่ือสะทอ้ น ผลซงึ่ เป็นการสะท้อนแบบกัลยาณมติ ร”

14 ข้ันที่ กระบวนการ กจิ กรรม เวลา - นักเรยี นมสี ว่ นรว่ ม ร่วมมอื รวมพลงั ในการ ตาม เรยี นรู้ “นักเรียนมีสว่ นรว่ ม รว่ มมอื รวมพลังใน แผนการ กจิ กรรมการเรียนรู้ท้งั รายบุคคลและรายกลุ่ม” จดั การ เรยี นรู้ - นกั เรียนปฏิบัตจิ ริงอย่างหลากหลาย เชน่ - วัดผลประเมนิ การอา่ น พดู ฟัง อภปิ ราย การทดลอง แลกเปลี่ยน ผลการจัดการ เรยี นรู้ การคดิ อย่างลมุ่ ลกึ การคดิ ขั้นสงู “กิจกรรม เรยี นรู้เชงิ รกุ การเรียนรูส้ ่งเสรมิ ให้นกั เรยี นไดป้ ฏบิ ัตจิ รงิ อย่าง หลากหลาย เช่น การอา่ น พดู ฟงั อภปิ ราย การ ทดลอง แลกเปลย่ี นเรียนรู้ การคิดอยา่ งลุ่มลึก การ คดิ ข้นั สงู ” - จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้เน้นทักษะและการ ปฏบิ ตั ิจริง “กจิ กรรมการเรียนร้เู น้นทกั ษะ กระบวน การทส่ี ่งเสริมใหน้ ักเรยี นได้ลงมือปฏบิ ัติจรงิ ” - จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ส่งเสรมิ ให้นักเรียน เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ สามารถสร้างองค์ ความรู้ จดั ระบบเรยี นรู้ และสรปุ เป็นองคค์ วามรู้ “กจิ กรรมการเรยี นร้เู น้นประสบการณ์ตรงเพือ่ ให้ นกั เรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ จัดระบบเรยี นรู้ และสรปุ องค์ความรู้ได”้ - วดั ผลประเมินผลการจัดการเรียนรู้อยา่ ง หลากหลายสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ มาตรฐานและตัวชีว้ ดั โดยใช้กระบวนการมีส่วน รว่ มระหว่างครผู ู้สอนและสมาชกิ ในชุมชนแหง่ การ เรยี นร้ทู างวิชาชีพ “มีการวดั ผลประเมินผลการ เรียนรู้อยา่ งหลากหลาย สอดคล้องกับจุดประสงค์ การเรียนรู้ มาตรฐาน ตวั ช้วี ดั ครู นักเรยี น และ สมาชกิ ในชมุ ชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชพี ไดม้ ีส่วน ร่วมในการวดั ผลประเมนิ ผลตามความเหมาะสม”

15 ขนั้ ที่ กระบวนการ กจิ กรรม เวลา 2.4 การชแี้ นะหรือการใหค้ ำแนะนำจาก ตามบริบท ผเู้ ชยี่ วชาญ ของเนื้อหา - เปิดใจรบั คำแนะนำจากเพอ่ื นครูทปี่ ระสบ และ ความสำเรจ็ “ทกุ คนเปดิ ใจรับคำแนะนำ ธรรมชาติ ข้อเสนอแนะจากเพอ่ื นครทู ีป่ ระสบความสำเรจ็ วิชาแต่ละ เก่ียวกบั การจดั การเรยี นรู้เชงิ รุกเพื่อนำมาพฒั นา สมรรถนะการจัดการเรียนรเู้ ชิงรุกของตนเองและของ วชิ า สมาชิกในชุมชนแหง่ การเรียนรู้ทางวชิ าชีพทสี่ ่งเสรมิ สมรรถนะฯ” - เปดิ ใจรบั คำแนะนำจากผูเ้ ชีย่ วชาญ ผ้ทู ป่ี ระสบความสำเรจ็ “ทกุ คนเปดิ ใจรับคำแนะนำ ข้อเสนอแนะจากผเู้ ช่ียวชาญเกย่ี วกับการจดั การ เรยี นรเู้ ชงิ รกุ เพื่อนำมาพฒั นาสมรรถนะการจดั การ เรียนรูเ้ ชิงรุกของตนเองและของสมาชกิ ในชมุ ชนแห่ง การเรยี นร้ทู างวิชาชพี ทสี่ ง่ เสริมสมรรถนะฯ” 2.5 การสนทนาเพ่ือสะท้อนผล - สนทนาเพือ่ เตรียมการจัดการเรียนรู้เชิงรกุ รว่ มกนั “สมาชกิ ชมุ ชนแห่งการเรยี นร้ทู างวิชาชพี ที่ ส่งเสริมสมรรถนะฯ สนทนาแลกเปลี่ยนเพ่อื ชว่ ยกัน ในการเตรยี มการจดั การเรยี นรูเ้ ชิงรกุ ” - สนทนาใหข้ ้อมูลย้อนกลบั เกี่ยวกบั การ จดั การเรยี นร้เู ชงิ รกุ รว่ มกนั “สมาชิกชุมชนแห่งการ เรยี นรู้ทางวิชาชีพที่สง่ เสริมสมรรถนะฯ ร่วมกันเย่ยี ม และสงั เกตช้นั เรียนการจดั การเรยี นรู้เชงิ รุกของ สมาชกิ ” - สนทนาเกี่ยวกบั ผลการเรียนรู้เชิงรุกของ นักเรยี นร่วมกัน “สมาชิกชุมชนแหง่ การเรียนรทู้ าง วิชาชีพท่ีสง่ เสริมสมรรถนะฯ นำผลการเยยี่ มและการ สังเกตช้ันเรยี นมาสะทอ้ นผลเกี่ยวกับการเรียนของ นักเรยี น”

16 ขนั้ ที่ กระบวนการ กิจกรรม เวลา - สนทนาเก่ียวกับการวัดประเมนิ นกั เรยี น ตาม รว่ มกนั “สมาชกิ ชมุ ชนแห่งการเรยี นรูท้ างวชิ าชพี ท่ี แผนการ สง่ เสริมสมรรถนะฯ สนทนาแลกเปลีย่ นเกยี่ วกบั การ จัดการ วัดประเมนิ ผลการจดั การเรียนรู้ของนักเรยี น” เรยี นรู้ - นำคำแนะนำหรอื ขอ้ เสนอแนะไปปรบั ปรงุ พฒั นาหรือแก้ปัญหาการจดั การเรียนรู้เชิงรกุ “สมาชกิ ชมุ ชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวชิ าชพี นำ คำแนะนำ ขอ้ เสนอแนะไปปรับปรงุ พฒั นาสมรรถนะ การจัดการเรยี นรเู้ ชงิ รุก” 2.6 การสนบั สนนุ ส่ือ อปุ กรณ์ เทคโนโลยีเพือ่ การ เรียนรู้ - เลือกใช้สอ่ื วัสดุ อุปกรณ์ และเทคโนโลยี เพอื่ สง่ เสริมการจัดเรยี นร้เู ชิงรุก “เลอื กใช้สื่อ วสั ดุ อปุ กรณ์ และเทคโนโลยี ท่เี หมาะสมเพือ่ ส่งเสรมิ การ จัดเรียนรูเ้ ชงิ รกุ ” 2.7 เง่ือนไขการสนบั สนนุ - สร้างแรงจูงใจ สนับสนุน และเสรมิ แรง เชิงบวกในการพัฒนาชุมชนแหง่ การเรยี นรูท้ าง วิชาชพี ทีส่ ง่ เสริมสมรรถนะการจดั การเรยี นร้เู ชงิ รกุ ของครูโดยผบู้ ริหาร - จัดเวลาสำหรบั การพบกลมุ่ แลกเปลย่ี น เรยี นรู้ร่วมกนั “จัดเวลาให้สมาชิกชมุ ชนแห่งการ เรยี นรทู้ างวิชาชพี ทส่ี ่งเสรมิ สมรรถนะฯ ได้พบกลมุ่ เพือ่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และช่วยเหลือกันอยา่ ง กัลยาณมติ ร”

17 ขน้ั ท่ี กระบวนการ กิจกรรม เวลา 3 ข้นั ประเมินผล 1. ประเมนิ ผลรปู แบบการพฒั นาชุมชนแหง่ การ เรยี นร้ทู างวิชาชีพทีส่ ง่ เสรมิ สมรรถนะการจัดการ เรียนรูเ้ ชิงรกุ ของครโู รงเรยี นสตรที ุ่งสง (SCCERTS Model) โดยการ - ประสทิ ธภิ าพของรปู แบบการพฒั นาชุมชนแหง่ - หลังจาก การเรยี นร้ทู างวชิ าชพี ที่สง่ เสริมสมรรถนะการจัดการ ทดลองใช้ เรยี นรเู้ ชงิ รุกของครูโรงเรียนสตรที งุ่ สง รูปแบบ - สังเกตสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู - นำรูปแบบ โรงเรียนสตรที ่งุ สง ไปใชจ้ ริง - ประเมินความพึงพอใจนักเรียนที่มีต่อสมรรถนะ การเรยี นร้เู ชงิ รุกของครู บทบาทและแนวปฏบิ ตั สิ ำหรับผู้บริหาร 1. ผบู้ รหิ ารเปดิ ใจรับและเหน็ ความสำคญั ของการพฒั นาชมุ ชนแห่งการเรยี นรู้ทางวชิ าชีพ เพ่อื นำมาใชใ้ นการพฒั นาสมรรถนะการจัดการเรยี นรเู้ ชิงรกุ 2. ผู้บริหารสร้างความตระหนัก สร้างแรงจูงใจให้ครูเปิดใจรับการพัฒนาชุมชนแห่งการ เรียนรู้ทางวิชาชีพและการจัดการเรียนรู้เชิงรุกว่าเป็นการรวมกลุ่มกันทางวิชาชีพเพื่อการพัฒนา สมรรถนะการจัดการเรยี นรเู้ ชงิ รุก “เป็นชุมชนกลั ยาณมิตรด้านการจดั การเรยี นรู้เชิงรกุ ” 3. ผบู้ ริหารโรงเรยี นตอ้ งเปน็ แกนนำและมเี วลาให้กับการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทาง วชิ าชพี ท่สี ง่ เสริมสมรรถนะการจดั การเรยี นรู้เชิงรกุ ของครู 4. ผู้บริหารสนับสนนุ ให้คำแนะนำในการพฒั นาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชพี ที่ ส่งเสรมิ สมรรถนะการจดั การเรยี นรู้เชงิ รุก 5. ผ้บู รหิ ารส่งเสริม พัฒนาครใู ห้สามารถพฒั นาชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวิชาชีพทส่ี ่งเสริม สมรรถนะการจดั การเรยี นรเู้ ชิงรุก 6. ผู้บริหารให้กำลังใจ สนับสนุนส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ สถานที่ เวลาในการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิง รกุ ของครู 7. ผู้บรหิ ารสนับสนุน และจดั ให้มกี ารนเิ ทศติดตามเพ่ือการพฒั นาชมุ ชนแหง่ การเรยี นรู้ ทางวชิ าชีพที่สง่ เสรมิ สรรถนะการจดั การเรียนรู้เชงิ รุกอยา่ งจรงิ จงั และต่อเนื่อง

18 8. การพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพตามบริบทของโรงเรียน แต่ละ โรงเรียน สามารถจดั กลุ่มสมาชิกชมุ ชนแหง่ การเรยี นรูท้ างวิชาชพี ซึง่ ประกอบดว้ ยอยา่ งน้อย 3 กลมุ่ คอื 1) ครูผู้สอน เป็นกลุ่มของครูผู้สอนในแต่ละระดับ ส่วนใหญ่ใช่ในการร่วมกลุ่มของ สมาชิกครูผู้สอนหรือกลุ่มสาระการเรียนรู้ เป็นกลุ่มที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักเพื่อการ แลกเปลีย่ นประสบการณ์ในการจดั การเรียนการสอน 2) ผู้เชี่ยวชาญท่คี อยแนะนำด้านการจัดการเรยี นรู้เชิงรุก เชน่ ศกึ ษานเิ ทศก์ อาจารย์ มหาวทิ ยาลยั ครทู ปี่ ระสบความสำเรจ็ ในการจัดการเรียนรู้ เปน็ ต้น 3) กลุ่มผู้ให้การสนับสนุน ประกอบด้วย ผู้บริหารและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กลุ่มนี้จะ คอยให้คำแนะนำ สนับสนุน ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของสมาชกิ ชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ทางวชิ าชพี เพอ่ื การพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น 9. ผบู้ รหิ ารมีเวลาให้กับการดำเนินการทุกขนั้ ตอน บทบาทและแนวปฏบิ ัติสำหรับครู 1. ครูตระหนักและเปิดใจรับการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริม สมรรถนะการจดั การเรียนรเู้ ชิงรกุ 2. ครูพัฒนาตนเองด้วยวิธีการที่หลากหลายเพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในการพัฒนา ชมุ ชนแห่งการเรียนรทู้ างวชิ าชพี ท่สี ่งเสรมิ สมรรถนะการจดั การเรียนร้เู ชงิ รุก 3. ครูเปลี่ยนบทบาทตนเองในการจัดการเรียนรู้ โดยเน้นให้นักเรียนได้มีสว่ นร่วม ร่วมมือ กนั ในการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมทเี่ นน้ การปฏบิ ตั ิจรงิ ส่งเสรมิ การฝึกปฏบิ ตั ขิ องนกั เรียนอย่างหลากหลาย 4. ครวู ดั และประเมินผลการเรียนรูต้ ามสภาพจริงโดยเนน้ ความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล 5. ครูร่วมมือ รวมพลัง ช่วยเหลือกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์และกระบวนการจัดการ เรียนรเู้ ชิงรกุ อย่างกลั ยาณมติ รในทกุ ขน้ั ตอนของการจัดการเรียนรู้ 6. ครูมีส่วนรว่ มในการพจิ ารณาเสนอชอื่ ผ้เู ช่ียวชาญเพือ่ มาชแี้ นะหรอื ใหค้ ำแนะนำ 7. ครูร่วมกันสังเกตชั้นเรียนเพื่อสังเกตสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของสมาชิก ภายในชุมชนแห่งการเรียนรทู้ างวชิ าชีพ 7. ครูร่วมชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพและผู้เชี่ยวชาญร่วมกันสะท้อนผลการจัดการ เรียนร้เู ชิงรุกเพื่อนำมาปรบั ปรุง พัฒนา 8. ครมู ีเวลาใหก้ บั การดำเนินการทกุ ขั้นตอน

19 บทบาทและแนวปฏิบัตสิ ำหรบั ผู้เช่ยี วชาญ 1. ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา แนะนำ และชี้แนะอย่างกัลยาณมิตรเพื่อใหค้ รูเกิดสมรรถนะการ จดั การเรยี นร้เู ชิงรกุ 2. ผ้เู ชี่ยวชาญรว่ มสังเกตชนั้ เรียนเพ่ือสังเกตสมรรถนะการจดั การเรยี นรูเ้ ชงิ รกุ ของครู 3. ผู้เชี่ยวชาญให้กำลัง ชี้แนะ รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ ทางวิชาชีพทส่ี ่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรยี นรูเ้ ชิงรุก The teacher is a coach.

20 แผนการจัดการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ .............................................................. ภาคเรียนที่ .......... ปีการศึกษา ............ รหสั วชิ า ............................. รายวชิ า ...................................................... ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ............... หน่วยการเรียนรู้ที่ ......... ชอื่ หนว่ ย ................................................................... เวลา ............... ชั่วโมง แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ......... เร่ือง ................................................................. เวลา ............... ชว่ั โมง ............................................................................................................................. ................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐาน ....................……………………..……………………………………………………………………............... ตัวช้ีวัด ....................………………………………...................................................................................... 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด …………………………………………………………………………………................................................................... ………………………………………………………………………………….................................................................. 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. ............................................................................................................................. ................ 2. ............................................................................................................................................. 3. ........................................................................................................................... .................. 3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) 1. ............................................................................................................................. ................ 2. ............................................................................................................................................. 3. ........................................................................................................................... .................. 3.3 ดา้ นคุณลักษณะ (A) 1. ............................................................................................................................................. 2. .......................................................................................................................... ................... 3. .............................................................................................................................................

21 3.4 สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น  ความสามารถในการสื่อสาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแกป้ ัญหา  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 3.5 การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1-3  สามารถคดั สรรสือ่ ทีต่ อ้ งการอ่านเพ่ือหาขอ้ มูลสารสนเทศไดต้ ามวัตถปุ ระสงค์ สามารถสรา้ ง ความเขา้ ใจและประยุกต์ใช้ความรู้จากการอา่ น  สามารถจับประเดน็ สำคญั และประเด็นสนบั สนนุ โตแ้ ย้ง  สามารถวิเคราะห์ วจิ ารณ์ ความสมเหตสุ มผล ความนา่ เช่ือถอื ลำดับความและความเปน็ ไป ไดข้ องเร่ืองท่ีอ่าน  สามารถสรปุ ค่าแนวคิด แง่คดิ ที่ไดจ้ ากการอ่าน  สามารถสรุป อภปิ ราย ขยายความแสดงความคิดเหน็ โตแ้ ย้ง สนับสนุน โนม้ น้าว โดยการ เขยี นส่อื สารในรูปแบบตา่ ง ๆ เชน่ ผังความคดิ เปน็ ต้น การอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4-6  สามารถอ่านเพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มพูนความรู้ประสบการณ์และการประยุกต์ใช้ใน ชวี ติ ประจำวนั  สามารถจับประเดน็ สำคญั ลำดับเหตกุ ารณจ์ ากการอา่ นสอื่ ที่มคี วามซบั ซ้อน  สามารถวิเคราะห์สิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อสารกับผู้อ่าน และสามารถวิพากษ์ให้ข้อเสนอแนะ ในแงม่ ุมตา่ ง ๆ  สามารถประเมินความนา่ เช่ือถอื คณุ คา่ แนวคิดทไ่ี ดจ้ ากสิ่งทอ่ี า่ นอย่างหลากหลาย  สามารถเขียนแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง สรุป โดยมีข้อมูลอธิบายสนับสนุนอย่างเพียงพอ และสมเหตุสมผล 4. สาระการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………….................. ………………………………………………………………………………….................................................................... ………………………………………………………………………………….................................................................... ………………………………………………………………………………….................................................................... …………………………………………………………………………………....................................................................

22 5. ชนิ้ งาน/ภาระงาน …………………………………………………………………………………................................................................. …………………………………………………………………………………................................................................. …………………………………………………………………………………................................................................. …………………………………………………………………………………................................................................. …………………………………………………………………………………................................................................. ………………………………………………………………………………….................................................................... ………………………………………………………………………………….................................................................... 6. การวัดผลและประเมนิ ผล วธิ ี เครื่องมือ ผปู้ ระเมนิ เกณฑป์ ระเมิน การประเมนิ การประเมิน จดุ ประสงค์ ชน้ิ งาน ตรวจใบงาน / แบบประเมิน คร/ู ผา่ นเกณฑ์ การเรยี นรู้ /ภาระงาน สังเกต ใบงาน/ นกั เรียน / รอ้ ยละ 80/ พฤติกรรม/ แบบประเมิน วิทยากร ระดบั 2 1. ดา้ นความรู้ (K) ใบงาน/ ใหค้ ะแนน พฤติกรรม แบบฝกึ หัด/ 2. ดา้ นทักษะ/ การนำเสนอ/ กระบวนการ(P) การทดลอง 3. ดา้ น ฯลฯ คณุ ลักษณะ (A) 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………….................. ………………………………………………………………………………….................................................................... ………………………………………………………………………………….................................................................... ………………………………………………………………………………….................................................................... ………………………………………………………………………………….................................................................... ………………………………………………………………………………….................................................................... .…………………………………………………………………………………................................................................... ………………………………………………………………………………….................................................................... .…………………………………………………………………………………................................................................... ………………………………………………………………………………….................................................................... .…………………………………………………………………………………...................................................................

23 8. สอ่ื และแหลง่ เรยี นรู้ ………………………………………………………………………………….................................................................... ………………………………………………………………………………….................................................................... ………………………………………………………………………………….................................................................... ………………………………………………………………………………….................................................................... ความคดิ เหน็ ของหวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ...................................................... หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ (..................................................) ความคิดเหน็ ของรองฯ กลุ่มบรหิ ารวชิ าการ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ...................................................... รองผ้อู ำนวยการโรงเรียน (นายสจุ ินต์ วิเชียรฉาย) ความคิดเหน็ ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ ...................................................... ผู้อำนวยการโรงเรียน (นางสภุ าภรณ์ คงคานนท์) ผู้อำนวยการโรงเรยี นสตรีทุง่ สง

24 บนั ทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 1) ผลการจัดการเรียนรู้ (คิดเปน็ เปอร์เซน็ ต)์ …… ใหบ้ นั ทกึ ตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้และข้อ ค้นพบ ………………………………………………………………………………………………………………….……………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2) ปญั หาและอุปสรรค……..…ปญั หาทพ่ี บระหว่างการจดั การเรียนการสอนทง้ั ภาพรวมและ รายบคุ คล …………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3) การแกป้ ัญหา ………… เปน็ การแก้ปัญหาที่พบ ณ การเรียนการสอนคาบนั้น ๆ …………………………………………………………………………………………………………………………….…………...... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการแก้ปญั หา …… (ผลจากการแกป้ ัญหา) 4) พฤติกรรมนักเรียนเปล่ยี นแปลงอยา่ งไร ……………………………………………………………………….… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5) แนวทางแก้ไข ……… แนวทางสำหรบั แก้ปัญหาและป้องกันเพื่อไม่ให้เกดิ ปัญหานน้ั ๆ อกี ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ......................................................ครผู สู้ อน (....................................................)

25 แบบสอบถามความคดิ เห็นที่มีต่อประสทิ ธภิ าพของรูปแบบการพฒั นาชุมชน แห่งการเรียนรู้ทางวิชาชพี ที่สง่ เสริมสมรรถนะการจัดการเรยี นรเู้ ชิงรุกของครูโรงเรียนสตรที ุ่งสง ********************************** คำชี้แจง กรุณาใส่เครื่องหมาย ✓ในช่องที่ตรงกับระดับความคิดเห็นของท่านที่มีต่อ ประสิทธิภาพของรูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการ เรียนรู้เชงิ รุกของครูโรงเรียนสตรีทงุ่ สง ในดา้ นปฏิกริ ยิ าตอบสนอง ดา้ นความรู้ ดา้ นการนำความรู้ไปใช้ และดา้ นประโยชน์ที่ไดร้ ับ ตามความหมายท่รี ะบุไว้ ดังนี้ ระดับ 5 หมายถงึ มากท่สี ดุ ระดบั 4 หมายถงึ มาก ระดบั 3 หมายถึง ปานกลาง ระดับ 2 หมายถึง นอ้ ย ระดบั 1 หมายถึง นอ้ ยทส่ี ุด หมายเหตุ รูปแบบการพฒั นาชมุ ชนแห่งการเรียนร้ทู างวชิ าชีพท่ีส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ เชิงรกุ ของครูโรงเรียนสตรที ุ่งสง ซง่ึ ในแบบสอบถามนจี้ ะเรียกโดยยอ่ ว่า รปู แบบ ที่ รายการ ระดบั ความคดิ เห็น หมายเหตุ 54321 ตอนท่ี 1 การประเมนิ ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนอง 1 รูปแบบมคี วามเหมาะสมสามารถนำไปพัฒนาการจดั การ เรยี นรูเ้ ชงิ รกุ ของครูได้ 2 องคป์ ระกอบการมีคา่ นิยมและบรรทัดฐานร่วมกนั ของ รปู แบบมีความเหมาะสม 3 องคป์ ระกอบการกำหนดเปา้ หมายร่วมกนั เพอ่ื การเรยี นรู้ ของนกั เรยี นของรูปแบบมีความเหมาะสม 4 องค์ประกอบการรว่ มมอื รวมพลังของรูปแบบมีความ เหมาะสม

26 ที่ รายการ ระดับความคิดเห็น หมายเหตุ 54321 5 องค์ประกอบการช้แี นะหรอื การให้คำแนะนำจาก ผเู้ ชี่ยวชาญของรูปแบบมีความเหมาะสม 6 องคป์ ระกอบการสนทนาเพ่อื สะทอ้ นผลของรปู แบบมี ความเหมาะสม 7 องคป์ ระกอบการใช้เทคโนโลยสี ง่ เสรมิ การจดั การเรยี นรู้ ของรปู แบบมีความเหมาะสม 8 องคป์ ระกอบเงื่อนไขการสนบั สนนุ ของรปู แบบมคี วาม เหมาะสม ตอนท่ี 2 การประเมินความรู้ 9 ทา่ นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในองคป์ ระกอบและ กระบวนการพฒั นาชมุ ชนแหง่ การเรียนร้ทู างวชิ าชพี เพอ่ื ส่งเสรมิ สมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชงิ รกุ 10 ท่านมคี วามรู้ ความเข้าใจในกระบวนการสร้างคา่ นยิ มและ บรรทดั ฐานร่วมกนั 11 ทา่ นมีความรู้ ความเขา้ ใจในกระบวนการกำหนดเปา้ หมาย ร่วมกนั เพ่อื การเรียนรูข้ องนกั เรียน 12 ท่านมีความรู้ ความเขา้ ใจในกระบวนการรว่ มมอื รวมพลงั 13 ทา่ นมีความรู้ ความเข้าใจในกระบวนการช้แี นะหรือการให้ คำแนะนำจากผู้เช่ียวชาญ 14 ท่านมีความรู้ ความเข้าใจในกระบวนการสนทนาเพ่ือ สะท้อนผล 15 ท่านมีความรู้ ความเขา้ ใจในกระบวนการใช้เทคโนโลยี สง่ เสริมการจดั การเรียนรู้ 16 ท่านมีความรู้ ความเขา้ ใจในกระบวนการเง่ือนไขการ สนบั สนนุ

27 ที่ รายการ ระดบั ความคิดเห็น หมายเหตุ 54321 ตอนท่ี 3 การนำความรทู้ ไ่ี ด้ไปใชใ้ นการปฏบิ ตั ิงาน 17 ท่านสามารถนำความรจู้ ากกระบวนการสรา้ งคา่ นยิ มและ บรรทดั ฐานรว่ มกนั ไปใชใ้ นการส่งเสรมิ สมรรถนะการ จัดการเรียนรเู้ ชงิ รกุ 18 ท่านสามารถนำความร้จู ากกระบวนการกำหนดเปา้ หมาย รว่ มกันเพอื่ การเรียนรขู้ องนักเรียนไปใชใ้ นการสง่ เสริม สมรรถนะการจัดการเรียนร้เู ชงิ รุก 19 ทา่ นสามารถนำความรู้จากกระบวนการรว่ มมือรวมพลงั ไป ใชใ้ นการส่งเสรมิ สมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชงิ รกุ 20 ท่านสามารถนำความรู้จากกระบวนการช้ีแนะหรอื การให้ คำแนะนำจากผ้เู ชีย่ วชาญไปใชใ้ นการสง่ เสรมิ สมรรถนะ การจดั การเรยี นรเู้ ชงิ รุก 21 ทา่ นสามารถนำความร้จู ากกระบวนการสนทนาเพ่ือ สะทอ้ นผลไปใชใ้ นการสง่ เสริมสมรรถนะการจดั การเรียน รูเ้ ชงิ รกุ 22 ทา่ นสามารถนำความรจู้ ากกระบวนการใชเ้ ทคโนโลยี ส่งเสรมิ การจดั การเรียนรู้ไปใชใ้ นการส่งเสรมิ สมรรถนะ การจัดการเรียนรู้เชงิ รุก 23 ท่านสามารถนำความรู้จากกระบวนการเงื่อนไขการ สนบั สนนุ ไปใช้ในการส่งเสรมิ สมรรถนะการจดั การเรยี น รเู้ ชิงรุก 24 ท่านเหน็ ความสำคญั ของการพฒั นาชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ ทางวชิ าชีพเพ่อื สง่ เสริมสมรรถนะการจัดการเรยี นรู้เชงิ รกุ 25 ทา่ นสามารถนำความรู้จากการพัฒนาชมุ ชนแห่งการ เรียนรูท้ างวิชาชีพไปใชใ้ นการสง่ เสริมสมรรถนะการ จดั การเรยี นรเู้ ชงิ รุก

28 ที่ รายการ ระดับความคิดเห็น หมายเหตุ 54321 ตอนที่ 4 ประโยชน์ที่ได้รับ 26 รูปแบบสง่ เสริมให้เกิดความร่วมมอื กันอยา่ งเป็น กลั ยาณมติ รระหว่างเพื่อนรว่ มวชิ าชพี ในการจัดการเรยี นรู้ เชงิ รกุ 27 รปู แบบเปน็ การช่วยเหลือ เสรมิ พลงั ใหก้ ับครดู ้านการ จัดการเรียนรู้เชงิ รกุ 28 รูปแบบเปน็ การส่งเสริมและพัฒนาครูด้านการจดั การ เรยี นรูเ้ ชิงรุก 29 รปู แบบสง่ ผลให้ครูเปลี่ยนพฤตกิ รรมการเรียนการสอนเป็น การจัดการเรยี นร้เู ชิงรกุ 30 รูปแบบทำให้ผบู้ ริหารและผมู้ สี ว่ นเกีย่ วขอ้ งใหค้ วามสำคญั กบั การจัดการเรียนรเู้ ชงิ รกุ 31 รูปแบบซ่งึ กำหนดเป้าหมายการเรยี นรมู้ ุ่งเนน้ ที่นักเรยี น ช่วยลดปัญหาดา้ นการเรียนร้ขู องนักเรยี น 32 รปู แบบเปน็ การสง่ เสรมิ การจัดการเรียนรู้ดว้ ยวิธีการที่ หลากหลาย 33 รูปแบบทำใหน้ ักเรียนเปลย่ี นแปลงพฤติกรรมการเรยี นรู้ ในทางทดี่ ขี ึ้น 34 รูปแบบเปน็ ประโยชน์ตอ่ ครูในดา้ นวชิ าชีพ 35 รปู แบบเปน็ ประโยชนต์ ่อนกั เรยี นในด้านการส่งเสริมการ เรียนรขู้ องนักเรียน

29 แบบสังเกตสมรรถนะการจดั การเรียนรูเ้ ชิงรุกของครโู รงเรียนสตรีทุ่งสง ********************************** คำชี้แจง 1. แบบสงั เกตสมรรถนะการจดั การเรยี นรู้เชิงรุกฉบับนี้ใช้ประกอบการวิจยั เรื่อง รปู แบบการ พัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ของครูโรงเรียน สตรีทุง่ สง ซึง่ มี 2 ตอน ดังนี้ ตอนท่ี 1 ข้อมูลทวั่ ไปของครผู ูร้ ว่ มชุมชนแห่งการเรยี นรู้ทางวิชาชพี ตอนท่ี 2 สอบถามเกยี่ วกับพฤตกิ รรมการจัดการเรยี นรเู้ ชงิ รุกของเพื่อนร่วมชมุ ชนโรงเรียน สตรีท่งุ สง สำนกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษานครศรธี รรมราช จำนวน 50 ข้อ 2. แบบสังเกตฉบับนี้ใช้สำหรับสังเกตสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูผู้ร่วมชุมชน แห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ผู้สังเกตการจัดการเรียนรู้เชิงรุกประกอบด้วยครูผู้สอน ผู้เชี่ยวชาญ และ ผู้ใหก้ ารสนบั สนุน 3. ขอให้ท่านทำเครื่องหมาย ✓ ในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู ข้อมูลที่ได้มาดำเนินการตามกระบวนการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อส่งเสริมการ จัดการเรยี นรูเ้ ชงิ รุกของครู ตามความหมายท่ีระบไุ ว้ ดังน้ี ระดับ 5 หมายถงึ มีสมรรถนะการจดั การเรยี นรู้เชิงรกุ มากท่สี ุด ระดับ 4 หมายถึง มสี มรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรกุ มาก ระดบั 3 หมายถงึ มีสมรรถนะการจัดการเรียนรเู้ ชิงรกุ ปานกลาง ระดับ 2 หมายถงึ มีสมรรถนะการจดั การเรยี นรเู้ ชิงรกุ นอ้ ย ระดับ 1 หมายถึง มีสมรรถนะการจัดการเรียนรเู้ ชิงรกุ นอ้ ยที่สดุ ตอนท่ี 1 ขอ้ มลู ทว่ั ไปของครูผู้ร่วมชุมชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวิชาชีพ 1. ชอ่ื – สกลุ ........................................................................ ระดบั ชน้ั ทจ่ี ดั การเรยี นรู้ ......................... 2. กลุม่ สาระการเรยี นรูท้ ่ีจัดการเรยี นรู้ …............................................................................................... 3. ผู้สังเกตการจัดการเรยี นรู้ ……………….................................................................................................

30 ตอนที่ 2 สอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของเพื่อนร่วมชุมชนโรงเรียนสตรีทุ่งสง สำนกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษานครศรีธรรมราช จำนวน 50 ข้อ ขอ้ ท่ี รายการ ระดบั ความคดิ เห็น 54321 ด้านความรู้ 1 วเิ คราะหห์ ลกั สูตร มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดหรือผลการ เรยี นรู้ 2 วิเคราะหค์ วามสามารถของนักเรียนรายบุคคลเพ่ือออกแบบและ จดั ทำแผนการจัดการเรียนรู้ 3 ออกแบบการเรียนรู้ จัดทำแผนการเรียนรู้ และกำหนด จุดประสงค์การเรยี นรู้ 4 กำหนดเป้าหมายการเรยี นรู้ของนกั เรียนโดยใชก้ ารมีส่วนร่วม จากสมาชิกในชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ 5 เนื้อหาหรอื มโนทศั น์ท่ีจดั ใหผ้ เู้ รียนเรยี นรูห้ รือฝึกฝนมคี วาม ถูกต้องและตรงตามหลักสตู ร 6 ออกแบบและจัดโครงสรา้ งบทเรยี นเปน็ ระบบและใชเ้ วลา เหมาะสม ดา้ นทักษะ 7 มีการทบทวนความรู้ ทักษะหรือประสบการณ์เดิมด้วยวิธีการ หลากหลาย เชน่ ใชค้ ำถาม แบบฝกึ หรือกิจกรรม ฯลฯ 8 จัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่าง บุคคล 9 มีการช่วยเหลือนักเรียนที่ยังมีความรู้ ทักษะหรือประสบการณ์ เดิมไม่เพียงพอที่จะเชื่อมโยงกับความรู้ใหม่ เช่น การอธิบาย ยกตัวอย่าง การใชค้ ำถาม เกมหรือกจิ กรรม ฯลฯ 10 จัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหลากหลาย เช่น การอ่าน พูด ฟัง อภปิ ราย แลกเปล่ียนเรยี นรู้ ฯลฯ 11 แสดงให้เห็นถึงการริเริ่มใช้วิธีการใหม่ ๆ ให้นักเรียนสามารถ เชอ่ื มโยงความรหู้ รือประสบการณ์เดมิ กับการเรียนรใู้ หม่

31 ข้อที่ ข้อความ ระดบั ความคดิ เหน็ 54321 12 แสดงให้เห็นถึงการริเริ่มใช้วิธีการใหม่ ๆ ส่งผลให้นักเรียน เชื่อมโยงความรู้หรือประสบการณ์เดิมกับการเรียนรู้ใหม่โดยมี บนั ทึกหลังการสอน 13 ออกแบบงานหรือกิจกรรมให้นักเรียนสร้างความรู้หรือ ประสบการณ์ใหม่ 14 นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมที่ต้องใช้ความรู้หรือทักษะ หลากหลาย 15 ใช้สื่อ อุปกรณ์ เทคโนโลยี นวัตกรรมหรือแหล่งเรียนรู้ในการ จัดการเรยี นรูอ้ ย่างเหมาะสม 16 เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนแสวงหาความรูด้ ้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ ตา่ ง ๆ อย่างหลากหลาย 17 ส่งเสริมให้นักเรียนเกิดกระบวนการคิด มีทักษะชีวิตและทักษะ การทำงาน 18 กิจกรรมการเรยี นรมู้ ีความทา้ ทาย สนกุ กระตนุ้ ใหผ้ ้เู รียนเกิดการ เรียนรู้ 19 ใช้เทคนิคให้ผู้เรียนสรปุ ความรู้หรือประสบการณใ์ หม่ด้วยตนเอง เช่น แผนที่ความคิด ตารางวิเคราะห์ การทดลองปฏิบัติ การนำเสนอ ฯลฯ 20 แสดงให้เห็นถึงการใช้วิธีการใหม่ ๆ ส่งผลให้ผู้เรียนสร้างความรู้ หรือได้ประสบการณ์ใหม่จากการเรียนรู้ด้วยตนเองโดยมีบันทึ ก หลงั สอน 21 กิจกรรมการเรียนรู้เชื่อมโยงสอดคล้องกับชีวิตประจำวัน บริบท ชมุ ชนหรือสภาพจรงิ ของนักเรียน 22 วิธีการหรือกิจกรรมการเรียนรู้ มีความท้าทายและมีระดับความ ยากงา่ ยเหมาะสมกับวัย สภาพและพฒั นาการของผ้เู รยี น 23 เปดิ โอกาสให้นักเรยี นซกั ถามและแสดงความคดิ เห็นในการ เรียนรู้

32 ขอ้ ที่ ข้อความ ระดบั ความคิดเหน็ 54321 24 นักเรียนมโี อกาสสะท้อนการเรียนรู้ นำเสนอความสำเร็จหรือ อธบิ ายขอ้ ผิดพลาดหรือความล้มเหลวที่เกดิ ข้ึน 25 แสดงใหเ้ ห็นถึงการริเร่ิมใช้วธิ กี ารใหม่ ๆ ส่งผลใหน้ ักเรียนเกดิ แรงจูงใจในการเรียนรู้โดยมบี ันทึกหลังการสอน 26 นกั เรียนได้ฝึกทักษะต่าง ๆ ครบถว้ นตามวัตถุประสงค์การเรยี นรู้ 27 นักเรยี นได้บูรณาการทกั ษะต่าง ๆ ลงสูก่ ารปฏิบตั กิ จิ กรรมการ เรยี นรู้ 28 นกั เรยี นได้ประยุกต์ใช้ทกั ษะทีไ่ ดร้ บั การพัฒนาในสถานการณ์ หรอื การแก้ปัญหาใหม่ ๆ 29 แสดงใหเ้ หน็ ถึงการใชว้ ิธีการใหม่ ๆ ส่งผลใหน้ ักเรยี นได้รับการ พัฒนาทักษะความเชยี่ วชาญโดยมบี ันทกึ หลังการสอน 30 มีการสังเกตหรอื ค้นหาข้อผดิ พลาดในการปฏิบัตหิ รือมโนทัศนท์ ี่ คลาดเคลือ่ นของนักเรยี นในระหวา่ งการเรยี นรู้ 31 สรา้ งและพัฒนาเคร่ืองมือวัดและประเมินผลทีห่ ลากหลาย เหมาะสม และสอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชี้วดั หรือผล การเรียนรู้ 32 มเี กณฑก์ ารวดั ผลประเมนิ ผลที่ชัดเจนโดยใชก้ ารมสี ว่ นรว่ มของ นักเรยี น 33 มกี ารประเมนิ ผลระหวา่ งเรยี นรู้โดยใช้วิธีการทีเ่ หมาะสม เชน่ การใชค้ ำถาม แบบทดสอบ การปฏบิ ัติ ฯลฯ 34 มกี ารนำผลการสังเกตหรอื ผลการคน้ หาหรือผลการประเมิน ระหว่างเรยี นรู้สะท้อนกลบั ให้ผเู้ รยี น 35 แสดงให้เห็นถึงการใชว้ ิธกี ารใหม่ ๆ สง่ ผลใหน้ ักเรยี นมีการ ปรบั ปรุงการเรียนรูโ้ ดยมบี นั ทึกหลงั การสอน 36 ประเมนิ คุณภาพเครอื่ งมือวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และนำ ผลการประเมนิ คุณภาพไปปรับปรุงพัฒนา 37 ประเมนิ กระบวนการจดั การเรยี นรูแ้ ละนำผลการประเมนิ มา ปรับปรงุ พฒั นาให้มีคุณภาพสูงข้นึ

33 ขอ้ ที่ ขอ้ ความ ระดับความคดิ เหน็ 54321 38 ประเมนิ การใช้หนว่ ยการเรียนรู้และนำผลการประเมินมา ปรับปรุงพฒั นาให้มคี ุณภาพสูงขน้ึ 39 นักเรียนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 70 มีผลการพัฒนาคณุ ภาพเป็นไป ตามค่าเปา้ หมายทสี่ ถานศกึ ษากำหนด ด้านเจตคติ 40 ครมู ีความเช่ือและเป้าหมายร่วมกันว่านกั เรียนทุกคนสามารถ เรียนรู้ไดเ้ ต็มตามศักยภาพ 41 มกี ารเข้าถงึ ผูเ้ รียนทย่ี งั ไม่พร้อมทีจ่ ะเรียนรู้ 42 ผู้เรยี นไดร้ ับโอกาสในการกำหนดเป้าหมายการเรยี นรหู้ รือการลง มอื ปฏิบตั ิ 43 ผู้เรียนได้รับการกระตนุ้ หรือการมอบหมายงานให้ศึกษา คน้ ควา้ ฝกึ ฝนหรอื เรยี นรตู้ ่อเน่ืองเพ่ิมเตมิ ภายหลังจบบทเรียน 44 แสดงใหเ้ หน็ ถงึ การรเิ ร่ิมใชว้ ิธกี ารใหม่ ๆ ใหน้ ักเรยี นกำกับการ เรยี นรูแ้ ละมกี ารเรียนร้แู บบนำตนเอง 45 แสดงให้เหน็ ถงึ การรเิ รม่ิ ใชว้ ิธกี ารใหม่ ๆ ส่งผลให้นักเรยี น สามารถกำกบั การเรยี นรู้และมีการเรยี นรู้แบบนำตนเองโดยมี บันทึกหลงั การสอน 46 นักเรยี นไดร้ ับแบบอยา่ ง พฤติกรรมแสดงออกและเจตคติที่ดีจาก ครูผูส้ อน 47 กระตุ้นใหผ้ ู้เรียนมั่นใจ มอี ิสระในการคดิ หรอื ทดลองและรับรู้ ความสามารถของตนเอง 48 ครตู ดิ ตามความเคลื่อนไหวทางวิชาการและวชิ าชีพอย่าง สมำ่ เสมอ 49 ครเู ขา้ รบั การพฒั นาตนเองดา้ นการส่งเสริมการเรยี นร้นู ักเรียน อย่างหลากหลาย 50 ครเู ข้ารบั การพฒั นาตนเองด้านการวจิ ัยและการพฒั นาหลักสูตร

34 แบบประเมนิ ความพึงพอใจท่มี ีต่อสมรรถนะการเรยี นรูเ้ ชิงรกุ ของครู ********************************** จากการวิจยั เร่ือง รูปแบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรยี นรู้ทางวิชาชพี ที่ส่งเสริมสมรรถนะ การจดั การเรียนรูเ้ ชิงรุกของครูโรงเรยี นสตรที ุ่งสง นกั เรียนมคี วามพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ของครูอยู่ในระดับใด คำชี้แจง กรุณาใส่เครื่องหมาย ✓ในช่องที่ตรงกับระดับความคิดเห็นของนักเรียนต่อความพึงพอใจ ต่อการจัดการเรียนรูเ้ ชิงรกุ ของครูตามความหมายทรี่ ะบุไว้ ดังนี้ ระดบั 5 หมายถงึ มากทสี่ ุด ระดับ 4 หมายถึง มาก ระดับ 3 หมายถงึ ปานกลาง ระดบั 2 หมายถงึ น้อย ระดบั 1 หมายถึง น้อยทสี่ ุด ขอ้ ที่ ข้อความ ระดับความคิดเหน็ 54321 1 ครูจดั กิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใช้การเสริมแรงทางบวก 2 ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่าง บคุ คล 3 ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหลากหลาย เช่น การอ่าน พูด ฟัง อภิปราย แลกเปลี่ยนเรียนรู้หรือมีกิจกรรมให้นักเรียนได้ฝึก ปฏิบัติ 4 ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามและแสดงความคิดเห็นในการ เรียนรู้ 5 ครูใช้สื่อ อุปกรณ์ เทคโนโลยี นวัตกรรมหรือแหล่งเรียนรู้ในการ จดั การเรยี นรอู้ ย่างเหมาะสม 6 ครูสร้างและพัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินผลที่หลากหลาย เหมาะสมกับนกั เรียน

35 ขอ้ ที่ ข้อความ ระดับความคดิ เหน็ 54321 7 นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติจริงและปรับปรุงแก้ไขตนเองทั้งรายบุคคล และเปน็ กลุม่ 8 นักเรียนได้แสดงออกตามความถนัดและความสนใจในกิจกรรม การเรยี นรู้ 9 กจิ กรรมการเรียนรู้มีความทา้ ทาย สนุก กระตนุ้ ให้ผเู้ รียนเกิดการ เรยี นรู้ 10 นักเรียนได้แสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ อย่างหลากหลาย 11 นกั เรยี นเกดิ กระบวนการคดิ มที ักษะชวี ติ และทกั ษะการทำงาน 12 มีเกณฑ์การวัดผลประเมินผลที่ชัดเจนโดยใช้การมีส่วนร่วมของ นักเรียน 13 ประเมินผลนักเรียนทั้งรายบุคคล รายกลุ่มตามสภาพจริงด้วย วิธกี ารท่หี ลากหลาย 14 ประเมินผลนักเรียนเป็นระยะเพื่อนำผลการประเมินมาปรับปรุง การเรียนรู้ 15 นกั เรยี นพึงพอใจต่อการจดั การเรียนร้เู ชงิ รกุ ของครู