ประวัติของ วรนสุ สตั วก์ ินเน้อื ประเภทกนิ ซากศพ ที่ตาบแลว้ หรือยังเพง่ิ ตายใน สภาพเน่าเฟะ
1. (เหีย้ ชื่อวิทยาศาสตร์: Varanus salvator) เป็น สัตว์เลื้อยคลานในเอเชยี ใตแ้ ละเอเชยี ตะวันออกเฉียง ใต้ ตัง้ แต่ประเทศบงั กลาเทศ ศรีลังกา และ อินเดยี จนถงึ อนิ โดจีน และเกาะต่าง ๆ ของ อนิ โดนเี ซยี (แบ่งออกเปน็ ชนดิ ยอ่ ยตา่ ง ๆ ได้ 5 ชนิด ดู ในตาราง[2]) โดยอาศัยอยใู่ นพนื้ ที่ใกลแ้ หลง่ นา้ สาระบญั 1. 2ลักษณะ 3การหากนิ 4ถิ่นที่อยู่ 5การผสมพันธุ์ 6สัตวเ์ ศรษฐกจิ
ลกั ษณะ เป็นกงิ้ กา่ ขนาดใหญ่ ความยาว 2.5–3 เมตร เป็นสตั วใ์ น ตระกลู นท้ี ี่มคี วามใหญ่เปน็ อนั ดบั สองรองจากมงั กรโกโม โด (Vkomodoensis) ท่พี บบนเกาะโกโมโด ในอินโดนเี ซยี [4] โครงสรา้ งลาตวั ประกอบไปดว้ ยกระดกู เลก็ ภายใตผ้ วิ หนงั ท่เี ต็มไปดว้ ยเกลด็ ทเ่ี ปน็ ปมุ่ นูนขน้ึ มา เกลด็ มกี ารเชอื่ มตอ่ กนั ตลอดทัง้ ตวั ไม่มตี ่อมเหงอื่ แตม่ ตี อ่ มนา้ มนั ใชส้ าหรบั การ ปอ้ งกนั การสญู เสยี นา้ ช่วยให้อยบู่ นบกได้ยาวนานมากขนึ้ มี ลนิ้ แยกเปน็ สองแฉกคลา้ ยงู ใชส้ าหรบั รบั กลนิ่ ซ่งึ สามารถ รบั รู้ไดถ้ ึงอาหารเปน็ ระยะทางไกลหลายเมตร โดยสมั ผสั กบั โมเลกลุ ของกลน่ิ ปลายลนิ้ จะสมั ผสั กับประสาทท่ปี ลาย ปากเพ่อื สง่ ตอ่ ขอ้ มลู ไปยงั สมอง หางยาวมขี นาดพอ ๆ กบั ความยาวลาตวั เปน็ อวยั วะสาคญั สาหรบั การทรงตัวและค ลือ่ นท่ี มีฟันทีม่ ลี กั ษณะทคี่ ลา้ ยใบเลอื่ ยเหมาะสาหรบั การบด กนิ อาหารทม่ี คี วามออ่ นนมุ่ โดยเฉพาะ มีลายดอกสเี หลอื ง พาดขวางทางยาว ชอบอาศยั อยบู่ รเิ วณใกลแ้ หลง่ นา้ ว่ายนา้ เก่งและ ดานา้ นาน อปุ นสิ ยั เปน็ สตั วท์ ่หี ากนิ อยา่ งสงบตาม ลาพงั จะมารวมตวั กนั กต็ อ่ เมอ่ื พบกบั อาหาร และมนี สิ ยั ตน่ื คน เมอ่ื พบเจอจะวง่ิ หนี ในช่วงทย่ี งั เปน็ วยั ออ่ น จะมีจุดสี เหลืองท้ังลาตัวและจะหายเมอื่ โตขึน้ มกี ารมองเหน็ แค
การหากิน ชอบหากนิ ของเนา่ เปอ่ื ย เศษซากอาหาร บางครง้ั ก็จะกนิ สตั วเ์ ปน็ ๆ เช่น ไก่, เป็ด, ปู, หอย, ง,ู หนู, นกอนื่ ๆขนาด เล็กถงึ กลาง และไข่ของสตั ว์ตา่ ง ๆ รวมทง้ั ปลา แตท่ ง้ั นี้ ทง้ั นนั้ เหยี้ มใิ ชส่ ตั วน์ กั ล่า แตเ่ ปน็ สตั วก์ ินซากโดย ธรรมชาติ บางคร้งั อาจกนิ เหยี้ ขนาดเลก็ กวา่ เปน็ อาหารได้ ในตัวทยี่ งั เล็กอาจขดุ ดนิ หาแมลงหรือไสเ้ ดอื นดนิ กนิ เป็นอาหารได้ มีระบบการย่อยอาหารทดี่ เี ยย่ี ม ในกระเพาะมี น้าย่อยทม่ี คี วามเปน็ กรดรนุ แรงและแบคทเี รยี สา้ หรบั ย่อย สลายซากเน่าโดยเฉพาะ
ถนิ่ ท่ีอยู่ เปน็ สตั วท์ ว่ี า่ ยนา้ เกง่ สามารถดา้ นา้ ได้ และชอบทจ่ี ะลงนา้ สามารถ ปรบั ตวั ใหอ้ ยูใ่ นสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี รวมถงึ พบไดท้ ว่ั ไป ในชุมชนเมอื งใหญ่ เช่น หลายพนื ที่ ของกรงุ เทพมหานคร เช่น สวน ลุมพนิ ,ี สวนสตั ว์ดสุ ติ , ท้าเนยี บ รัฐบาลและรอบ ๆ, รอบคลองผดงุ กรงุ เกษม เป็นต้น มกั จะอาศยั อยใู่ น พนื ที่ ๆ มีแหล่งน้า อาศยั อยไู่ ด้ทงั แหลง่ นา้ ดแี ละน้าเน่าเสยี ทมี่ สี ภาพ เปน็ มลพษิ
การผสมพนั ธุ์ ออกลกู เปน็ ไขค่ ราวละ 15–20 ฟอง และใชเ้ วลาฟกั 45–50 วัน ทงั้ นีต้ วั เหย้ี จะวางไขใ่ นปลายฤดูร้อนต่อเนอื่ งฤดฝู น และอาจยาว ไปถงึ ฤดหู นาว จะจับคู่กนั โดยไมเ่ ลอื กวา่ คู่จะต้องเป็นตัวเดมิ บางครงั้ อาจมกี ารต่อสรู้ นุ แรงระหวา่ งตวั ผูเ้ พอ่ื แย่งชิงตวั เมยี สามารถผสมพนั ธ์ุ ไดท้ งั้ บนบกและในนา้ อาจผสมพนั ธไ์ุ ดม้ ากกวา่ ปลี ะหนงึ่ ครงั้ ข้นึ อยกู่ บั ความสมบรู ณ์ของอาหารและความสมบูรณ์เพศของตัวเมยี การผสม พันธค์ุ รงั้ หนง่ึ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทไี ขจ่ ะมลี กั ษณะรยี าว บางครงั้ จะสีขาวขนุ่ วางไขป่ ระมาณ 6–50 ฟอง ในแต่ละปจี ะสามารถวางไข่ ได้ 2–3 คร้ัง หรอื อาจมากกวา่ นนั้ ในพน้ื ทซี่ ึง่ สภาพในฤดแู ลง้ และฤดู ฝนไม่แตกต่างกนั ไขจ่ ะถกู กลบเป็นเนนิ ดินหรอื รงั ปลวก เวลาในการ ฟักขนึ้ กบั ชนดิ และสภาพแวดลอ้ ม
สัตวเ์ ศรษฐกิจ ปัจจบุ ัน เห้ยี ถอื เป็นสัตวเ์ ศรษฐกิจอย่างหนง่ึ ที่มกี าร ส่งเสริมใหม้ ีการเพาะเลีย้ งกัน เพอื่ นา้ เนอ้ื ไปใช้ในการ บรโิ ภค โดยเฉพาะเน้อื บรเิ วณสว่ นโคนหางท่ีเรียกวา่ \"บ้องตนั \" และหนงั ไปทา้ เครอ่ื งหนัง เชน่ กระเปา๋ , เขม็ ขดั เช่นเดียวกบั จระเข้ และในทางวิชาการยังมี การเกบ็ และตรวจสอบดีเอน็ เอของเหี้ย โดยภาควชิ า พันธศุ าสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล เพ่อื ศกึ ษาถึงความหลากหลายทางพันธกุ รรม เพ่อื จะ พฒั นาให้เปน็ สตั วเ์ ศรษฐกจิ ตอ่ ไปในอนาคตอกี ด้วย
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: