ระดับต้นแบบ นิยาม ผลงานที่ต้องสง่ มอบ ระดับอุตสาหกรรม/ ต้นแบบภาคสนามที่ผ่าน ร า ย ง า น เ ชิ ง เ ท ค นิ ค เชิงพาณชิ ย์ การออกแบบให้พร้อมที่จะ (Technical Report) เข้าสู่กระบวนการผลิตเพ่ือ เอกสารการอนุญาตให้ใช้ จ�ำหน่าย หรือส่งมอบให้กับ สิทธิ ผู้รบั ผลประโยชน์ เอกสารหลกั ฐานแสดงการ จา่ ยเงนิ หรอื เอกสารแสดง การซ้ือขาย หรือบันทึก ความเข้าใจการถ่ายทอด เ ท ค โ น โ ล ยี ร ะ ห ว ่ า ง หน่วยงาน สาธารณประโยชน์ ร า ย ง า น เ ชิ ง เ ท ค นิ ค (Technical Report) มีหลักฐานว่ามีหน่วยงาน หรือมีคนน�ำไปใช้จริงและ มี Impact โดยมีจ�ำนวน คน จ�ำนวนหนว่ ยงานท่ีใช้ หรอื รายละเอยี ดหนว่ ยงาน ที่ใช้งาน หรือหนังสือ ขอบคณุ อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ผ่านตามเกณฑ์ข้ันต�่ำท่ี ก�ำหนด 44 แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
ระดับของ นิยาม ผลงานที่ต้องสง่ มอบ นวตั กรรม Novelty ต้นแบบท่ีมีการออกแบบใหม่ ร า ย ง า น เ ชิ ง เ ท ค นิ ค โดยมิได้เป็นการเลียนแบบ (Technical Report) Inventive Step ของเดิมท่ีมีอยู่ก่อน โดยมี ข้อแตกต่างซ่ึงผู้วิจัยต้อง ร ะ บุ ไ ด ้ อ ย ่ า ง ชั ด เ จ น ถึ ง ความแตกต่างนนั้ ต้นแบบท่มี ขี ั้นการประดษิ ฐท์ ่ี ร า ย ง า น เ ชิ ง เ ท ค นิ ค สูงข้ึน (Inventive Step) ที่ (Technical Report) เปน็ การตอ่ ยอดหรอื แกป้ ญั หา มเี อกสารค�ำขอรบั สทิ ธบิ ตั ร ของเทคโนโลยเี ดมิ (Patent Application) กบั กรมทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา หรือมีผลงานในเร่ืองท่ี เกยี่ วขอ้ งตพี มิ พใ์ นวารสาร วชิ าการในระดบั นานาชาติ ท่ีอยู่ในบัญชี Science Citation Index แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ 45
ระดับของ นยิ าม ผลงานทีต่ ้องสง่ มอบ นวตั กรรม ต้นแบบที่เปลี่ยนแปลงการ ร า ย ง า น เ ชิ ง เ ท ค นิ ค Breakthrough ด�ำเนนิ ชวี ติ หรอื เปลย่ี นแปลง (Technical Report) ระบบตา่ งๆ ในอตุ สาหกรรม มี เ อ ก ส า ร ค�ำ ข อ รั บ สิ ท ธิ บั ต ร ( P a t e n t A p p l i c a t i o n ) กั บ กรมทรัพย์สินทางปัญญา และ/หรอื มผี ลงานในเรอ่ื ง ท่ี เ ก่ี ย ว ข ้ อ ง ตี พิ ม พ ์ ใ น ว า ร ส า ร วิ ช า ก า ร ท่ี มี Impact factor 4.1.3 ผลงานทรพั ย์สินทางปัญญา ผลงานทรพั ย์สินทางปญั ญา เปน็ องคค์ วามรู้ประเภทหนงึ่ ของ สวทช. ซ่ึงเปน็ ความรู้ที่ค้นพบใหม่ หรือเป็นสิ่งประดิษฐ์และ/หรือต้นแบบท่ีสร้างสรรค์ข้ึนใหม่ และ สามารถยื่นขอรับความคุ้มครองตามกฎหมายเพ่ือถือสิทธิและได้รับผลประโยชน์จาก การน�ำผลงานไปใชใ้ นเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม เชน่ สตู รทางเคมี สงิ่ ประดษิ ฐ์หรอื นวตั กรรมตา่ งๆ ผลงานประเภททรพั ย์สินทางปัญญาของ สวทช. แบ่งเปน็ 8 ประเภท ได้แก่ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ อนุสิทธิบัตร สิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์ แบบผังภูมิ วงจรรวม ความลับทางการค้า การข้ึนทะเบียนพันธุ์พืช การคุ้มครองพันธุ์พืช และ การรับรองพนั ธุพ์ ืช อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา “การย่ืนขอรับ ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาประเภทสิทธิบัตรและการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ 46 แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
จะตอ้ งเปน็ ขอ้ มลู ทไี่ มเ่ คยเปดิ เผยสาระส�ำคญั มากอ่ นไมว่ า่ จะเปน็ ในหรอื ตา่ งประเทศ รวมถงึ การเผยแพรท่ างโทรทศั นห์ รอื สง่ิ พมิ พใ์ ดๆ มากอ่ น หากมกี ารเผยแพรก่ อ่ นการยน่ื ขอรบั ความคุ้มครองจะถือว่าสิ่งท่ีได้ประดิษฐ์คิดค้นหรือออกแบบผลิตภัณฑ์นั้นๆ ไม่เป็น สง่ิ ใหมท่ นั ที เวน้ แต่ เปน็ การแสดงในงานทหี่ นว่ ยงานราชการไดจ้ ดั ใหม้ ขี น้ึ หรอื งานแสดง ต่อสาธารณชนของทางราชการ ถือว่ายังมีสิทธิที่จะขอรับสิทธิการคุ้มครองได้ ท้ังน้ี จะตอ้ งน�ำสงิ่ ประดษิ ฐห์ รอื ออกแบบผลติ ภณั ฑไ์ ปจดทะเบยี นภายใน 12 เดอื น นบั ตงั้ แต่ วันท่ีเผยแพร่ผลงาน” ดังนั้นผู้ท่ีมีส่วนในการด�ำเนินโครงการวิจัย และ/หรือสามารถ เขา้ ถงึ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั ผลงานวจิ ยั มหี นา้ ทที่ จี่ ะตอ้ งรกั ษาความลบั ของขอ้ มลู ตามเงอ่ื นไข และระยะเวลาทกี่ �ำหนด ซง่ึ หากจะมกี ารเผยแพรก่ อ่ นการจดทะเบยี นขอรบั ความคมุ้ ครอง ทรพั ย์สนิ ทางปัญญา จะต้องด�ำเนินการตามทก่ี ฎหมายก�ำหนด ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 หมวด 2 สิทธิบัตร การประดษิ ฐ์ สว่ นที่ 1 การขอรบั สทิ ธบิ ัตร มาตรา 19 ซ่ึงมีข้อก�ำหนด ดงั น้ี “บุคคลใดแสดงการประดิษฐ์หรือสิ่งประดิษฐ์ในงานแสดงต่อสาธารณชนซึ่ง หน่วยงานของรัฐเป็นผู้จัดหรืออนุญาตให้มีขึ้นในราชอาณาจักร ถ้าได้ย่ืนค�ำขอรับ สิทธิบัตรส�ำหรับการประดิษฐ์น้ันภายในสิบสองเดือนนับแต่วันเปิดงานแสดง ต่อสาธารณชนให้ถอื ว่าไดย้ ืน่ ค�ำขอนน้ั ในวันเปิดงานแสดงน้นั ” ส�ำหรับความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในต่างประเทศ กรมทรัพย์สินทาง ปญั ญาระบไุ วด้ งั น้ี “การจดทะเบยี นสทิ ธบิ ตั รในประเทศไทยจะใหค้ วามคมุ้ ครองเฉพาะ ในประเทศไทยเท่าน้นั หากต้องการจะได้รบั ความคุ้มครองทีป่ ระเทศใดก็ต้องไปยน่ื ขอ จดทะเบยี นสทิ ธบิ ตั รในประเทศนน้ั ๆ และการยนื่ ขอจดทะเบยี นในตา่ งประเทศจะตอ้ ง ย่ืนขอภายในเวลาที่กฎหมายของแต่ละประเทศก�ำหนด ซ่ึงส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเวลา 12-18 เดอื นนบั จากวนั ย่ืนขอรบั ความคุ้มครองครัง้ แรก” นอกจากน้ี พระราชบญั ญตั สิ ทิ ธบิ ตั ร พ.ศ. 2522 หมวด 2 สทิ ธบิ ตั รการประดษิ ฐ์ สว่ นท่ี 1 การขอรบั สทิ ธิบตั ร มาตรา 19 ทวิ มีขอ้ ก�ำหนด ดังนี้ แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ 47
“บุคคลตามมาตรา 14 ที่ได้ย่ืนค�ำขอรับสิทธิบัตรส�ำหรับการประดิษฐ์ไว้ นอกราชอาณาจักร ถ้ายื่นค�ำขอรับสิทธิบัตรส�ำหรับการประดิษฐ์นั้นในราชอาณาจักร ภายในสบิ สองเดอื นนบั แตว่ นั ทไี่ ดย้ นื่ ค�ำขอรบั สทิ ธบิ ตั รนอกราชอาณาจกั รเปน็ ครง้ั แรก บุคคลน้ันจะขอให้ระบุว่าวันที่ได้ยื่นค�ำขอรับสิทธิบัตรนอกราชอาณาจักรเป็นคร้ังแรก เป็นวนั ท่ไี ดย้ ื่นค�ำขอในราชอาณาจกั รกไ็ ด”้ 4.2 กำ� หนดขอบเขตการเผยแพรแ่ ละนำ� ผลงานไปใช้ประโยชน์ คณะผู้วิจัยควรมีการวางแผนการด�ำเนินงานวิจัยและก�ำหนดขอบเขตการ เผยแพร่ผลงานวิจัย ตั้งแต่ขั้นต้นของกระบวนการวิจัยหรือก่อนการเผยแพร่งานวิจัย เน่ืองจากผลงานที่เผยแพร่ออกสู่สาธารณชนจะต้องมีคุณภาพ มาตรฐาน เป็นไปตาม หลักจริยธรรม ได้แก่ การไม่แบ่งย่อยผลงาน ไม่เผยแพร่ผลงานวิจัยซ้�ำ มีการก�ำหนด ผู้มีส่วนร่วมในผลงานสอดคล้องกับแนวทางสากล (ดูเพ่ิมเติมในหัวข้อ 2.1 นิยามและ คุณสมบัติการมีช่ือในผลงาน (Definition and Properties of Authorship)) โดย งานวิจัยที่เผยแพร่จะต้องมีความใหม่ เป็นที่ยอมรับ สอดคล้องกับความต้องการ และ เป็นไปตามเงื่อนไขท่กี ฎหมายก�ำหนด 4.2.1 การพิจารณาระดับความพรอ้ มของเทคโนโลยี ในแง่ความพร้อมในการเผยแพร่ผลงานวิจัยและ/หรือการถ่ายทอดเทคโนโลยี และนวัตกรรม สวทช. ได้น�ำเคร่ืองมือการบริหารจัดการโครงการหรือโปรแกรม มาประยกุ ตใ์ ชเ้ พอื่ สรา้ งความเขา้ ใจรว่ มกนั ระหวา่ งผวู้ จิ ยั กบั ผทู้ มี่ หี นา้ ทถ่ี า่ ยทอดเทคโนโลยี เรียกว่า Technology Readiness Level (TRL) โดยอ้างอิง คมู่ อื การประยกุ ตใ์ ช้ TRL ของ สวทช. เวอร์ช่ัน 2.1 TRL คือ การบ่งชี้ระดับความพร้อมและเสถียรภาพของ เทคโนโลยีตามบริบทการใช้งาน การถ่ายทอดเทคโนโลยีเกิดขึ้นได้ทุกระดับ TRL ข้ึนอยู่กับความพร้อม/ศักยภาพของผูร้ บั ถ่ายทอดเทคโนโลยี 48 แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ
ตารางท่ี 7 คำ� จ�ำกัดความ TRL ของ สวทช. ระดบั ค�ำจ�ำกดั ความ TRLของ สวทช. ระดบั ผลงาน* TRL 1 หลกั การพน้ื ฐานไดร้ ับการพิจารณาและมกี าร รายงาน องค์ความรู้ 2 มีการสร้างแนวคิดด้านเทคโนโลยี และ/หรือ พื้นฐาน/ระดบั การประยกุ ตใ์ ช้ หอ้ งปฏบิ ัติการ 3 แนวคดิ ได้ถูกสาธติ ด้วยการวิเคราะหห์ รอื ดว้ ยการ ทดลอง 4 องค์ประกอบทส่ี �ำคญั ไดถ้ ูกสาธติ ในระดบั หอ้ งปฏบิ ัตกิ ารแลว้ 5 องค์ประกอบทส่ี �ำคญั ไดถ้ ูกสาธิตใน ระดับภาคสนาม สภาวะแวดลอ้ มที่เกย่ี วข้อง 6 ตวั แทนสง่ิ ทีจ่ ะสง่ มอบ ไดถ้ ูกสาธิตในสภาวะที่ เก่ยี วข้อง 7 ผลของการพัฒนาข้นั สดุ ทา้ ย ได้ถกู สาธิตในสภาวะ ท�ำงานจรงิ ระดับเชิงพาณิชย์/ 8 สิง่ ทส่ี ง่ มอบจรงิ ไดผ้ ่านการทดสอบและสาธติ ใน สาธารณประโยชน์ สภาวะใชง้ านจรงิ 9 มีการใชง้ านของส่ิงทสี่ ่งมอบ หมายเหตุ * บางสาขาอาจมีการจดั ระดับผลงานตาม TRL ที่แตกตา่ งกนั ทม่ี า: คมู่ อื การประยกุ ตใ์ ช้ Technology Readiness Level: TRL ของส�ำนกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแหง่ ชาติ (สวทช.) เวอร์ชน่ั 2.1 แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวิชาการ 49
4.2.2 การพิจารณาล�ำดับการเผยแพร่และการน�ำผลงานวิจัยไปใช้ ประโยชน์ 4.2.2.1 การเผยแพร่องค์ความรู้ต่อสาธารณะ การเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั ไมว่ า่ จะเปน็ บทความตพี มิ พห์ รอื การน�ำเสนอ ผลงานในการประชมุ วชิ าการ จะตอ้ งพจิ ารณาวา่ ผลงานนนั้ สามารถขอรบั ความคมุ้ ครอง ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาไดห้ รอื ไม่ หากมคี วามประสงคจ์ ะขอรบั ความคมุ้ ครอง ควรด�ำเนนิ การ ก่อนการเผยแพร่ผลงาน อย่างไรก็ตาม กรณีเป็นการเผยแพร่ในงานแสดงสินค้า ระหวา่ งประเทศ หรอื งานแสดงตอ่ สาธารณชนของทางราชการ ยงั คงสามารถน�ำผลงาน ที่เผยแพร่ ไปขอรับความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาได้ภายใน 12 เดือน (เง่ือนไข ภายในประเทศไทย) (1) การเผยแพร่ในวารสารทางวชิ าการ ก่อนการเผยแพร่งานวิจัย ควรกลั่นกรองและคัดเลือกวารสารที่มี คุณภาพ มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ และตรงกับลักษณะขอบข่ายของงานวิจัย โดย วารสารจะตอ้ งมกี รรมการพจิ ารณาคณุ ภาพ (Peer Review) ในการประเมนิ ความถกู ตอ้ ง และคุณภาพของข้อมูล โดยการคัดเลือกวารสารที่มีคุณภาพสามารถตรวจสอบได้จาก วารสารนานาชาตทิ ีม่ รี ายชือ่ ใน Citation Index ของ SCIE และ SSCI หรอื สืบคน้ ใน ฐานขอ้ มลู ทไี่ ดร้ บั การยอมรบั ทวั่ ไป เชน่ ฐานขอ้ มลู SCOPUS (http://www.scopus.com) การตีพิมพ์เพื่อเผยแพร่บทความทางวิชาการในวารสาร แบ่งเป็น 2 รูปแบบหลัก ได้แก่ Subscription Journal และ Open Access Journal (OA: วารสารท่มี ีรูปแบบการเข้าถึงแบบเปิด) มลี ักษณะดังตารางเปรยี บเทยี บต่อไปนี้ 50 แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวิชาการ
ตารางท่ี 8 ตารางเปรยี บเทยี บรปู แบบการตพี มิ พบ์ ทความในวารสารประเภทตา่ งๆ รูปแบบ 1. Subscription 2. Open Access (OA) วารสาร 2.1 Gold OA 2.2 Green OA 1. ค่าด�ำเนิน บางวารสารเรยี กเกบ็ A u t h o r - s i d e - บางวารสารเรียก การตีพิมพ์ ค่าใช้จ่ายในการ payment (จ่ายโดย เก็บค่าใช้จ่ายใน ลงทะเบียนบทความ ผู้เขียน/ต้นสังกัด/ ก า ร ล ง ท ะ เ บี ย น ( s u b m i s s i o n ) ผู้ให้ทุนวิจัย/สมาคม/ บ ท ค ว า ม แ ล ะ ก า ร ตี พิ ม พ ์ สมาพนั ธท์ ผ่ี เู้ ขยี นเปน็ ( s u b m i s s i o n ) (publication) สมาชิก/ได้รับทุนใน แ ล ะ ก า ร ตี พิ ม พ ์ การตีพมิ พผ์ ลงาน) (publication) 2. เจา้ ของ วารสาร/ส�ำนักพิมพ์ ผู้เขียน วารสาร/ส�ำนกั พมิ พ์ ลิขสทิ ธิ์ 3. รปู แบบ ลขิ สทิ ธิ์ (Copyright) สญั ญาอนญุ าต (Creative Commons) ลิขสทิ ธิ์ 4. การเข้าถึง ผอู้ า่ น (เฉพาะสมาชกิ ) อ่าน/ดาวน์โหลด ในชว่ ง Embargo บทความ ได้รับเล่มวารสาร บทความ ได้ทันทีท่ี Period หรือสิทธ์ิการเข้าถึง บทความได้รับการ - ก�ำหนดระยะ อา่ น และดาวนโ์ หลด ตอบรับใหต้ ีพิมพ์ เวลาหา้ มเผยแพร่ บทความแบบออนไลน์ บทความ (Embargo Period) เช่น 6 เดอื น 12 เดอื น - ผู้อ่านเสียค่าใช้ จ่ายในการเข้าถึง บทความในช่วง Embargo Period แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวชิ าการ 51
รปู แบบ 1. Subscription 2. Open Access (OA) วารสาร 2.1 Gold OA 2.2 Green OA ภ า ย ห ลั ง Embargo Period - บางวารสาร ผู ้ เ ขี ย น ห รื อ ตน้ สงั กดั สามารถ เขา้ ถงึ บทความได้ แ ล ะ มั ก น�ำ บทความ (pre- print)* มาเกบ็ ไว้ ในเว็บไซต์หรือ ค ลั ง ค ว า ม รู ้ ส่วนตัว เพื่อให้ สามารถเข้าถึง แบบส่วนตัวได้ (self-archiving) * pre-print หมายถงึ บ ท ค ว า ม ฉ บั บ ก ่ อ น ตี พิ ม พ ์ เผยแพรโ่ ดยยงั ไม่ ผา่ นกระบวนการ ป ร ะ เ มิ น จ า ก กรรมการ พจิ ารณาคณุ ภาพ (Peer Review) 52 แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
รปู แบบ 1. Subscription 2. Open Access (OA) วารสาร 2.1 Gold OA 2.2 Green OA 5. ค่าบรกิ าร ค ่ า บ อ ก รั บ เ ป ็ น ไม่มคี า่ ใชจ้ ่าย ต า ม เ ง่ื อ น ไ ข ข ้ อ ส�ำหรบั สมาชิก (ห้องสมุด ก�ำหนดการเข้าถึง ผู้อ่าน ของหน่วยงานมัก บทความ เป็นผู้ด�ำเนินการ) - เสียค่าใช้จ่ายใน การเข้าถึงบทความ ไ ด ้ ทั น ที ใ น ช ่ ว ง Embargo Period - ไม่เสียค่าใช้จ่าย ใ น ก า ร เ ข ้ า ถึ ง บทความแบบ self-archiving ภายหลงั Embargo Period 6. การเผยแพร่ โดยวารสาร/ ตามสัญญาอนุญาต ส า ม า ร ถ น�ำ บทความ ส�ำนักพิมพ์ (CreativeCommons) บทความ (pre- โดยผเู้ ขยี น** ทก่ี �ำหนด เชน่ สามารถ print) มาเก็บไว้ใน โดยผ้อู า่ น** น�ำมาใช้ซ้�ำและ/หรือ เว็บไซต์หรือคลัง ** ยกเว้น ได้รับ ผู ้ เ ขี ย น เ ผ ย แ พ ร ่ ค ว า ม รู ้ ส ่ ว น ตั ว อนุญาตตามเงื่อนไข เพ่ือการศึกษาได้ (self-archiving) ท่ีส�ำนกั พมิ พ์ก�ำหนด ภายใต้การอ้างอิง และสามารถเข้าถึง อยา่ งถกู ต้อง ไ ด ้ ภ า ย ห ลั ง Embargo period ปจั จบุ นั มวี ารสารทอ่ี ย่ใู นรูปแบบการเข้าถึงแบบเปดิ (OA) มากมาย นอกจากนม้ี บี างวารสารมลี กั ษณะเปน็ Hybrid OA ทมี่ ที ง้ั บทความทเี่ ปน็ OA และ ไมใ่ ช่ OA ให้ผู้เขียนเลือกว่าจะจ่ายเงินเพ่ือให้บทความของตนเป็น OA หรือไม่ และยังมี วารสารประเภท Delayed OA ทจ่ี ะเปดิ ใหผ้ อู้ า่ นทว่ั ไปสามารถอา่ นไดภ้ ายหลงั เผยแพร่ บทความระยะเวลานงึ หรือ Embargo Period แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ 53
ข้อดีของวารสารรูปแบบ OA คือ ผู้อ่านสามารถเข้าถึงบทความได้ อย่างเสรีและมีข้อจ�ำกัดทางด้านการใช้งานน้อย ส่งผลให้เกิดการอ้างอิงได้ง่ายกว่า เนื่องจากมีความเร็วในการเผยแพร่มากกว่า และยังสามารถก�ำหนดสัญญาอนุญาต ใช้งานได้ แต่อย่างไรก็ตาม วารสารรูปแบบ OA ท่ีมีจ�ำนวนมากขึ้น อาจจะน�ำไปสู่ คุณภาพที่ลดลงในการพิจารณาบทความ (Peer Review) เน่ืองจากผู้เขียนเป็นผู้เสีย ค่าใช้จ่ายในการด�ำเนินการ (Article Processing Charge) บางวารสารที่ไม่เข้มงวด ในมาตรฐานการพิจารณาบทความ จะให้การตอบรับการตีพิมพ์ที่รวดเร็ว ส่งผล ต่อคุณภาพของบทความที่เผยแพร่ ดังน้ัน ผู้เขียนจึงควรพิจารณา ตรวจสอบ และ คัดเลือกวารสาร OA ที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือก่อนส่งตีพิมพ์ โดยสามารถตรวจสอบ แหล่งวารสาร OA ทมี่ ีคณุ ภาพไดท้ แี่ หลง่ ขอ้ มลู ที่นา่ เชื่อถือ เช่น Directory of Open Access Journals (DOAJ): http://doaj.org หรือ Open Access Scholarly Publishers Association OASPA): http://oaspa.org เปน็ ตน้ การพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารท่มี รี ปู แบบการเข้าถงึ แบบเปดิ (OA) 1. ประวัติของวารสาร ผู้เขียนบทความควรประเมินคุณภาพและความน่าเช่ือถือของวารสารโดย พิจารณาจากประวัติของวารสาร เช่น จ�ำนวนปีที่ตีพิมพ์วารสาร จ�ำนวนบทความท่ี ตีพิมพแ์ ต่ละปี ความถ/ี่ ความคงทใี่ นการออกวารสาร รปู แบบการตพี ิมพ์ (ส่ิงพิมพ์หรือ ออนไลน์) 2. การก�ำหนดขอบเขตเน้ือหาของวารสาร วารสารที่มีคุณภาพจะมีการก�ำหนดขอบเขตเน้ือหาที่รับตีพิมพ์ และแจ้ง รายละเอียดให้ผู้เขียนบทความทราบ เพื่อเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจตีพิมพ์ และ บรรณาธิการจะคัดกรองบทความท่ีมีเน้ือหาท่ีสอดคล้องกับขอบเขตของวารสารเพื่อ ตอบรับตพี มิ พ์เปน็ อันดบั แรกๆ 3. ความเชยี่ วชาญของบรรณาธิการ บรรณาธกิ ารจะตอ้ งเปน็ ผทู้ มี่ ปี ระสบการณใ์ นการเขยี นและ/หรอื ตพี มิ พผ์ ลงาน ทางวชิ าการ เพอ่ื สรา้ งความมนั่ ใจและความนา่ เชอ่ื ถอื ในเนอ้ื หาทต่ี พี มิ พ์ โดยทวั่ ไปจะมี 54 แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
การเปิดเผยรายชื่อของบรรณาธิการไว้ที่บนหน้าเว็บไซต์ของวารสาร เพ่ือให้ผู้เขียน บทความสามารถพจิ ารณาได้ 4. การแจ้งคา่ ใชจ้ ่ายและการคดิ คา่ ด�ำเนินการตพี มิ พ์ โดยปกตวิ ารสารจะเปดิ เผยคา่ ใชจ้ า่ ยและการคดิ คา่ ด�ำเนนิ การตพี มิ พบ์ นหนา้ เวบ็ ไซต์ เพอ่ื ใหผ้ ู้เขียนบทความใช้เป็นขอ้ มลู ประกอบในการตัดสินใจตีพิมพว์ ารสาร 5. กระบวนการตรวจสอบโดยกรรมการพิจารณาคุณภาพ (Peer Review) กรรมการพิจารณาคุณภาพของบทความจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความ เชย่ี วชาญในสาขาเดยี วกบั บทความ โดยจะมกี ารแจง้ รายชอื่ ของผปู้ ระเมนิ และขนั้ ตอน การประเมนิ เพอื่ ใหผ้ ยู้ น่ื บทความเกดิ ความมนั่ ใจในวธิ กี ารประเมนิ คณุ ภาพของบทความ 6. การระบุสิทธิการน�ำบทความไปใชง้ าน บางวารสารผู้เขียนบทความสามารถก�ำหนดสิทธิของการน�ำบทความ ที่เผยแพร่แล้วไปใช้งานตามสัญญาอนุญาต เช่น Creative Commons บางวารสาร จะมีระยะเวลาในการเผยแพร่บทความแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ภายหลังระยะเวลาห้าม เผยแพรแ่ ลว้ เปน็ ระยะเวลา 6-12 เดอื น (Embargo Period) 7. การอนุโลมการใช้สญั ญาอนญุ าตหรือเง่อื นไขของแหลง่ ทนุ บางแหลง่ ทนุ วจิ ยั จะมกี ารก�ำหนดเงอ่ื นไขการใหท้ นุ และการตพี มิ พใ์ นรปู แบบ การเข้าถึงแบบเปิด (OA) ซ่ึงบางวารสารท่ีมีคุณภาพ จะสามารถท�ำข้อตกลง การโอนลขิ สิทธิ์ (Copyright Transfer Agreement) ตามเง่อื นไขของแหล่งทนุ ได้ 8. การด�ำเนนิ งานที่เป็นไปตามมาตรฐานที่ก�ำหนดโดยองคก์ รทเ่ี กีย่ วขอ้ ง มาตรฐานและองค์กรที่เก่ียวข้อง ได้แก่ 1. Open Access Scholarly Publishers Association (OASPA) ซึ่งท�ำหน้าท่ีในการก�ำหนดมาตรฐานที่เก่ียวข้อง กับการเข้าถึงแบบเปิด 2. มาตรฐานการลงรายการอ้างอิง ของ Center of Open Science 3. Committee on Publishers Association (COPE) ซง่ึ ก�ำหนดเก่ียวกับ จรรยาบรรณในการตพี มิ พ์ 4. มาตรฐานของ NISO Guideline ในการก�ำหนดหมายเลข มาตรฐานสากลของวารสาร (ISSN) และตัวเลขบ่งชี้เอกสารดิจิทัล (Digital Object Identifier: DOI) แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ 55
(2) การเผยแพรใ่ นการประชมุ วชิ าการ การเผยแพร่ผลงานวิจัยของตนเองผ่านเวทีการน�ำเสนอในที่ประชุมวิชาการ (Oral presentation) หรอื ในรปู แบบโปสเตอร์ (Poster) โดยผลงานวจิ ยั หรอื สว่ นหนง่ึ ของผลงานวิจัยท่ีน�ำเสนอจะถูกน�ำมาตีพิมพ์ในหนังสือประมวลผลการประชุมทาง วิชาการ (Proceeding) ในข้ันตอนก่อนการเผยแพร่ผลงาน ผู้วิจัยควรสืบค้นและ เลือกงานประชมุ วชิ าการทมี่ ีคณุ ภาพ ในระดับชาติ ระดับภูมิภาค หรอื ระดับนานาชาติ ตามเกณฑ์ทีก่ �ำหนด และมีกรรมการพจิ ารณาคณุ ภาพ (Peer Review) องคค์ วามร้/ู ผลงานวจิ ยั N ตอ้ งการ Y (1) ยืน่ ขอความคุม้ ครอง ถา่ ยทอดเทคโนโลยี ขอรบั ความคุม้ ครอง ทรัพยส์ นิ ทางปัญญา ทรัพย์สินทางปัญญา ตอ่ กรมทรพั ยส์ ิน รายรับ การวจิ ัยพัฒนาตอ่ เนื่อง ทางปญั ญา Y (2)* Y (1) = ใช่ (กรณที ่ี 1) Y (2) = ใช่ (กรณที ี่ 2)* ภายใน 12 เดอื น N = ไมใ่ ช่ * เฉพาะในงานแสดงสินคา้ ระหวา่ งประเทศ เผยแพร่ หรือในงานแสดงตอ่ สาธารณชนของทางราชการ รูปที่ 1 แผนผงั แสดงล�ำดับการเผยแพร่และน�ำผลงานวจิ ยั ไปใชป้ ระโยชน์ 4.2.2.2 การน�ำผลงานประเภทต้นแบบไปใช้ในเชิงอุตสาหกรรม/ เชงิ พาณิชย/์ เชิงสาธารณประโยชน์ ตน้ แบบภาคสนามทผี่ า่ นการออกแบบและการทดสอบทเ่ี ชอ่ื ถอื ไดม้ คี วาม สอดคล้องกับการน�ำไปใช้งานตามจริง (Validate) และพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการ ผลติ เพ่ือจ�ำหน่ายหรือส่งมอบใหผ้ รู้ บั ประโยชน์ สวทช. ก�ำหนดใหต้ อ้ งมีเอกสารอา้ งอิง ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ผู้รับประโยชน์ที่ชัดเจน เช่น เอกสารการอนุญาต ให้ใช้สิทธิ เอกสารการซ้ือขาย หรือบันทึกความเข้าใจการถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่าง หน่วยงาน หรือเอกสารอ่ืนๆ ที่มีความเกย่ี วข้อง 56 แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
4.2.2.3 การน�ำผลงานประเภททรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาไปใชป้ ระโยชน์ การน�ำผลงานทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์หรือ สาธารณประโยชน์ เรียกว่า การอนุญาตให้ใช้สิทธิ (Licensing) โดยผู้ประดิษฐ์คิดค้น หรือผู้ท่ีเป็นเจ้าของสิทธิในเทคโนโลยี (Licensor) เป็นผู้อนุญาตให้บุคคลอ่ืนหรือผู้รับ อนุญาตให้ใช้สิทธิ (Licensee) สามารถน�ำเทคโนโลยีท่ีได้รับถ่ายทอดไปใช้ประโยชน์ ตามเงอื่ นไขสัญญาและระยะเวลาทกี่ �ำหนดไว้ ผลงานทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา ผวู้ ิจยั TLO* แจง้ ความประสงค์/จัดท�ำขอ้ มูลผลงาน ศึกษาผลงานวจิ ัย ทรัพย์สนิ ทางปญั ญาทพี่ ร้อมอนญุ าตให้ เพ่อื ประเมนิ เบ้ืองต้น ใชส้ ทิ ธพิ ร้อมระบรุ ะดับ TRL TLO (+ผู้วิจยั ) • วิเคราะหโ์ อกาสทางธรุ กจิ ของเทคโนโลยี • ก�ำหนดกลุม่ ผ้รู ับอนุญาตให้ใช้สทิ ธิ พัฒนาโอกาสไปสู่ผ้รู ับอนุญาตใหใ้ ชส้ ทิ ธิ • แลกเปลยี่ นขอ้ มลู กบั ผูท้ ่ีสนใจ TLO • ประเมนิ มลู ค่าทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา • เจรจาต่อรองเงื่อนไข อนญุ าตใหใ้ ชส้ ทิ ธิ • ท�ำสัญญาอนญุ าตใหใ้ ชส้ ิทธิ • การผลติ การตลาด และการจ�ำหน่าย TLO (+ผวู้ ิจยั ) • การพัฒนาต่อยอด • การขอรบั รองจากหน่วยงาน ถ่ายทอดเทคโนโลยี มาตรฐานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ผ้รู บั อนุญาตให้ใช้สทิ ธิ น�ำไปใชป้ ระโยชน์เชิงพาณชิ ย์ รายรบั จากการอนญุ าตให้ใชส้ ิทธิ ทนุ ส�ำหรับการวิจยั และพัฒนา จดั สรรผลประโยชนใ์ หน้ กั วจิ ยั แรงจูงใจในการวิจยั และพัฒนา การวิจัยและพฒั นาอย่างตอ่ เนอ่ื ง *TLO หมายถงึ สำ�นกั งานจดั การสทิ ธเิ ทคโนโลยี (Technology Licensing Office) ของ สวทช. รูปที่ 2 แผนผงั แสดงข้นั ตอนการน�ำผลงานทรพั ย์สนิ ทางปัญญาไปใชป้ ระโยชน์ เชงิ พาณชิ ย์โดยการทำ� สัญญาถา่ ยทอดเทคโนโลยี (Licensing) (อ้างอิงแนวปฏบิ ตั ิกบั ทรัพย์สินทางปัญญา ของส�ำนกั งานจดั การสิทธเิ ทคโนโลยี สวทช.) แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวิชาการ 57
บทท่ี 5 แนวทางปฏิบัติในการผลิตและเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ 5.1 ความถกู ตอ้ งของข้อมลู (Data Integrity) ข้อมูล (Data) คือ ข้อเท็จจริง รูปภาพ และข้อมูลทางด้านสถิติท่ีเก็บรวบรวม จากการวิจัยเพื่อน�ำมาใช้ในการอ้างอิงหรือแปลผลการวิเคราะห์จากการวิจัย ซ่ึงอาจ จะเป็นข้อมูลที่ได้จากการจดบันทึก ต้นฉบับหรือส�ำเนาข้อมูล รวมถึงข้อมูลท่ีได้จาก เคร่ืองมือ และถูกแปลเปน็ ผลการทดลอง การเผยแพร่ผลงานทางวิชาการต้องให้ความส�ำคัญกับความถูกต้องของข้อมูล (Data Integrity) ซงึ่ หมายถงึ ข้อมูลทไ่ี ด้จากการวิจยั ในทุกระดับตอ้ งมคี วามครบถ้วน (Completeness) ความสมำ�่ เสมอ (Consistency) ถกู ตอ้ งเหมาะสม (Accuracy) และ เช่ือถอื ได้ (Reliability) แนวทางปฏิบัติ 1. ต้องมั่นใจว่าผู้วิจัยทุกคนในคณะผู้วิจัยมีความรู้ความเข้าใจในข้ันตอนวิธีการ ด�ำเนินการวิจัย การเลือกใช้วิธีการทดลองท่ีมีความเหมาะสม เทคนิคต่างๆ ท่ีใช้ ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ขีดจ�ำกดั ของการตรวจวัดเครอื่ งมอื และวิธกี ารจดบนั ทกึ ข้อมลู เพือ่ ให้ไดข้ ้อมูลท่ถี ูกต้องและสมบูรณม์ ากที่สุด 2. ผู้วิจัยมีหน้าท่ีรับผิดชอบต่อความถูกต้องและความน่าเช่ือถือของข้อมูล หลีกเลี่ยง การปลอมแปลงและบิดเบือนข้อมูลจากส่ิงท่ีได้จากการบันทึกงานวิจัย ไม่ควร รายงานผลการทดลองท่ีคาดว่าจะเกิดข้ึนโดยไม่ได้มีการทดลองจริง และเพ่ือเป็น การรักษาความถูกต้องของข้อมูล ผู้วิจัยควรน�ำผลการทดลองท่ีได้รับตามความ เปน็ จรงิ มาใชท้ �ำรายงานหรอื ข้อสรปุ การทดลอง 3. การจดบนั ทกึ ขอ้ มลู งานวจิ ยั * อยา่ งละเอยี ดถถี่ ว้ นและเพยี งพอจะท�ำใหไ้ ดร้ บั ขอ้ มลู จากการสงั เกตและทดสอบอยา่ งถกู ตอ้ งและครบถว้ น สามารถใชเ้ ปน็ หลกั ฐานอา้ งองิ ข้อมูลท่ีได้รับจากการทดลองได้ ซ่ึงการบันทึกข้อมูลอย่างถูกต้องท�ำให้ผู้ร่วมวิจัย 58 แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ
ห รื อ ผู ้ วิ จั ย ค น อื่ น ส า ม า ร ถ น�ำ ข ้ อ มู ล ไ ป ท ด ล อ ง ซ�้ ำ ใ ห ้ ผ ล เ ห มื อ น เ ดิ ม (Reproducibility) หรือน�ำวิธีการวิจยั ไปต่อยอดกบั งานวิจยั อ่นื ๆ รวมถึงสามารถ ใชเ้ ปน็ หลกั ฐานในกรณพี บขอ้ กลา่ วหาเกย่ี วกบั การสรา้ งขอ้ มลู หรอื การปลอมแปลง ข้อมูลได้ (ศึกษาหลักการบันทึกข้อมูลได้จากคู่มือการบันทึกข้อมูลงานวิจัย จัดท�ำ โดย ฝ่ายพัฒนาคณุ ภาพการวจิ ยั สามารถดาวนโ์ หลดเอกสารไดท้ :่ี https://www. nstda.or.th/rqm/) * สมุดบันทึกงานวิจัย ถือเป็นสมบัติของต้นสังกัด มีระยะเวลาจัดเก็บตามนโยบายของ หน่วยงานและ/หรือแหลง่ ทนุ ขึ้นอยูก่ ับวา่ แหลง่ ใดมีขอ้ ก�ำหนดในการจดั เก็บท่นี านกวา่ 4. การส่ือสารระหว่างผู้วิจัยเป็นสิ่งท่ีส�ำคัญในการสร้างความไว้ใจและความเชื่อมั่นใน กระบวนการด�ำเนินงานวิจัย ผู้วิจัยทุกคนควรมีส่วนร่วมในการเจรจาวางแผนการ ด�ำเนินงานวิจัยต้ังแต่ข้ันต้นของการวิจัย เช่น การก�ำหนดขอบเขตการด�ำเนินการ วิจัย วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลวิจัย การก�ำหนดรายช่ือในเอกสารวิชาการ ฯลฯ โดยหลีกเลี่ยงการเลือกปฏิบัติหรือการเลือกส่ือสารระหว่างผู้วิจัย ซ่ึงจะท�ำให้เกิด ความคลาดเคลอ่ื นในการวจิ ยั หรอื อาจจะสง่ ผลกระทบตอ่ ความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ดว้ ย 5.2 การจดั การรปู ภาพ (Image Manipulation) รูปภาพทางด้านวิทยาศาสตร์ (Scientific Images) คือ ภาพที่เกิดจากการ ประมวลผลของข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ด้วยวิธีการใช้โปรแกรม/เคร่ืองมือท่ีมีความ จ�ำเพาะ เชน่ ภาพจากกล้องจลุ ทรรศน์ (Microscope CCD Camera) ภาพจากเครือ่ ง ตรวจคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ (Magnetic Resonance Imaging) หรอื ภาพจากกลอ้ งดจิ ติ อล (Digital Image) ฯลฯ การจดั การรปู ภาพ (Image Manipulation) คอื การจดั เรยี งหรอื ปรบั แตง่ ภาพ ใหแ้ ตกตา่ งจากภาพตน้ ฉบบั เดมิ เชน่ การปรบั ความคมชดั ของภาพ การปรบั ความเข้ม ของภาพ การปรับขนาดภาพ การน�ำภาพมาต่อกัน การตัดตอ่ เพิ่ม/ลดขอ้ มูลภาพ ฯลฯ เพอ่ื สอื่ ความหมายของภาพไดช้ ดั เจนและรดั กมุ มากยง่ิ ขน้ึ ซงึ่ เปน็ หนา้ ทคี่ วามรบั ผดิ ชอบ ของนกั วจิ ยั ในการปฏบิ ตั ติ ามหลกั เกณฑห์ รอื ขอ้ บงั คบั ของวารสารอยา่ งเครง่ ครดั ในการ เผยแพร่ผลงานวิจัย หากมีการปรับแต่งภาพอย่างไม่เหมาะสม จะถือเป็นพฤติกรรม ท่ีเข้าข่ายการดดั แปลงข้อมลู หรอื สร้างขอ้ มูลเท็จได้ แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวชิ าการ 59
แนวทางปฏบิ ัติ 1. การปรับความเขม้ ของแสง คอนทราสต์ (Contrast) หรือความสมดุลของสี ท�ำได้ ตอ่ เม่อื เป็นการปรบั กบั ทั้งภาพ 2. ไมท่ �ำใหส้ ว่ นใดสว่ นหนง่ึ ของรปู ภาพเขม้ ขนึ้ จางลง เพม่ิ ขนึ้ หายไป หรอื เคลอ่ื นยา้ ย ต�ำแหนง่ 3. การน�ำรปู ภาพสองรปู มาตอ่ กนั เพอ่ื น�ำเสนอพรอ้ มกนั ตอ้ งใชเ้ สน้ หรอื กรอบแบง่ และ ระบุใหช้ ดั ว่าภาพใดเปน็ ภาพใด เชน่ ภาพทีถ่ า่ ยมาจากตา่ ง Field กัน ภาพที่ไดม้ า จากการถ่ายรูปทป่ี รบั ความเขม้ ของแสงตา่ งกัน หรือก�ำลงั ขยายตา่ งกนั 4. ใช้แว่นขยายเน้นภาพส่วนท่ีต้องการได้ ห้ามคัดเลือกมาเฉพาะส่วน หรือลบส่วนที่ ไม่ต้องการออกไป 5. ส�ำรองไฟลภ์ าพตน้ ฉบบั และภาพทกุ ขน้ั ตอนของการปรบั แตง่ ภาพไวเ้ สมอ โดยบนั ทกึ ล�ำดบั วธิ กี ารทใี่ ชใ้ นการปรับแตง่ ด้วย (1) (2) รปู ภาพ A รปู ภาพ B (3) รปู ที่ 3 ตัวอยา่ งการปรบั แต่งรูปภาพงานวิจยั : (1) การปรับความเข้มแสง (2) การต่อภาพ (3) การขยายเนน้ ภาพสว่ นทต่ี อ้ งการ 60 แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวิชาการ
5.3 การเปิดเผยผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) ผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) หมายถึง สถานการณ์ความ ขัดแย้งหรือการมีอคติที่เกิดจากการมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ท้ังในทางบวกหรือ ทางลบ ซึง่ อาจจะส่งผลกระทบตอ่ กระบวนการวิจัย การเผยแพร่งานวิจัย หรอื การน�ำ ผลงานไปใช้หรือไม่ก็ตาม โดยผลประโยชน์ทับซ้อนอาจจะอยู่ในรูปของความสัมพันธ์ ส่วนบุคคล เช่น คณะผู้วิจัย องค์กร ผู้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัย ผู้ท่ีได้รับประโยชน์ จากโครงการวิจัย ความสัมพันธ์ของทุนวิจัย เช่น การจ้างงาน การจ้างที่ปรึกษา ความสมั พนั ธข์ องผทู้ ม่ี อี �ำนาจเหนอื กวา่ และบทบาทหนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบ เชน่ การได้ รับมอบหมายหน้าท่ีมากกว่าหน่งึ หนา้ ท่ี แนวทางหลกี เลย่ี งผลประโยชนท์ บั ซ้อน 1. ผวู้ จิ ยั ทกุ คนควรเปดิ เผยผลประโยชนท์ บั ซอ้ นทง้ั ทางตรงและทางออ้ มอยา่ งโปรงใส แกส่ �ำนกั พิมพว์ ารสารทีต่ ีพิมพ์ ตวั อย่างเช่น ผลประโยชนท์ ี่ไมเ่ กี่ยวข้องกบั ผลประโยชนด์ า้ นการเงนิ (Financial ดา้ นการเงนิ (Non-Financial Interest) Interest) - แหลง่ สนับสนนุ งานวจิ ัย - ความสัมพนั ธ์สว่ นบคุ คล - การเป็นวทิ ยากร - ตวั อยา่ งทใ่ี ช้ในการวจิ ยั - การจา้ งเปน็ ที่ปรึกษา - กระบวนการออกแบบวิจัย - การจ้างงาน - บทบาทหนา้ ทข่ี องผู้วิจัย - การเป็นเจ้าของหุ้นสว่ น 2. เมื่อมีสถานการณ์ความขัดแย้งหรือมีประโยชน์ทับซ้อนเกิดขึ้น ผู้วิจัยต้องแจ้ง บรรณาธกิ ารของวารสารรับทราบทนั ที เพื่อประกาศใหผ้ ู้อ่านรบั ทราบ 3. เม่ือไดร้ ับมอบหมายหนา้ ทีห่ รอื สถานการณ์ หรอื มีการปรบั เปลี่ยนหนา้ ท่ีของผวู้ ิจยั ที่อาจจะส่งผลต่อการเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนในการด�ำเนินการวิจัย ผู้วิจัยควร ตระหนกั และหลีกเล่ียงการกระท�ำทที่ �ำให้เกิดผลประโยชน์ทบั ซอ้ น แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวิชาการ 61
5.4 การอา้ งองิ แหล่งข้อมูล (Reference) การอ้างอิง (Reference) หมายถึง การน�ำเอาข้อมูล แนวคิดในเอกสารหรือ สื่อสิ่งพมิ พต์ า่ งๆ ทีม่ ีการเผยแพร่มาก่อน มาใช้สนับสนุนประกอบการเขยี นผลงานทาง วชิ าการหรอื งานวจิ ยั เชน่ ขอ้ มลู ความคดิ เหน็ ทฤษฎี หรอื ขอ้ สรปุ ฯลฯ เพอื่ เสรมิ สรา้ ง ความรู้ ความน่าเช่อื ถือ ท�ำให้ผลงานมคี ณุ ภาพ โดยมีการรวบรวมแหลง่ ท่มี าของขอ้ มลู ทส่ี ามารถสืบค้นได้ ท�ำให้ผอู้ ่านสามารถค้นคว้าเพิ่มเติมและตอ่ ยอดความรู้ความเข้าใจ ของขอ้ มลู ทมี่ กี ารอา้ งองิ นน้ั ๆ การอา้ งองิ ยงั เปน็ การปอ้ งกนั ขอ้ กลา่ วหาเรอ่ื งการคดั ลอก ผลงานของผู้อ่ืนมาเป็นงานของตวั เองอกี ดว้ ย แนวทางปฏบิ ัติ 1. เมอื่ น�ำขอ้ ความ แนวคดิ หรอื ขอ้ มลู ของผอู้ น่ื ทเี่ ผยแพรม่ ากอ่ น มาใชใ้ นการสนบั สนนุ งานเขยี นของตนเอง ควรอ้างองิ ถึงแหล่งทีม่ าของขอ้ มลู เช่น • การเรียบเรียงเขียนใหม่ด้วยภาษาของตัวเองแต่ยังคงความหมายเดิม (Paraphrase) • การยอ่ ความ (Summary) จากบทความอืน่ • การอา้ งถึงแนวคดิ /ทฤษฎขี องผ้อู ื่น • การคดั ลอกหรือปรับเปลยี่ น กราฟ/รปู ภาพ/ตารางขอ้ มูล ฯลฯ 2. กอ่ นเขยี นรายการอา้ งองิ ผเู้ ขยี นควรตรวจสอบขอ้ ก�ำหนด/รปู แบบทใ่ี ชใ้ นการเขยี น อ้างอิง ซ่ึงขึ้นอยกู่ ับขอ้ ก�ำหนดของส�ำนักพมิ พ์วารสาร หน่วยงาน หรอื ประเภทของ การเขยี น เชน่ เอกสารทางวชิ าการดา้ นการแพทยแ์ ละวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ นยิ ม ใช้การเขยี นอา้ งอิงแบบแวนคเู วอร์ (Vancouver) 3. การอา้ งองิ (ต�ำรา หนังสือ บทความวารสาร แผ่นพับ ขอ้ มูลในอนิ เตอรเ์ น็ต ฯลฯ) ผู้เขียนควรพิจารณาถงึ แหลง่ อา้ งอิงขอ้ มลู ทเ่ี หมาะสมและพอเพยี งในการสนบั สนนุ การเขียนเท่านั้น หลีกเลี่ยงการอ้างอิงที่มากเกินไปหรือใช้แหล่งอ้างอิงข้อมูลท่ีเก่า เกินไป ควรอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่เป็นเน้ือหาต้นฉบับ (Primary Source) เพื่อ ความน่าเชอื่ ถือและสามารถสืบคน้ ขอ้ มลู ท่อี ้างองิ ได้ 62 แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
4. ไมค่ วรน�ำบทคดั ยอ่ (Abstract) มาใชใ้ นการอา้ งองิ ขอ้ มลู ควรอา่ นและใชแ้ หลง่ ขอ้ มลู ที่เปน็ เน้อื หาตน้ ฉบบั 5. หลกี เลย่ี งการอา้ งองิ การสอ่ื สารระหวา่ งบคุ คล (Personal Communication) เชน่ การพดู คยุ จดหมาย อเี มล ฯลฯ หากจ�ำเปน็ ตอ้ งใชข้ อ้ มลู ในการอา้ งองิ และไมม่ ขี อ้ มลู จากแหล่งอ่ืนทดแทนได้ ควรขอความยินยอมจากผู้ให้ข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษร และระบุถึงชือ่ ผทู้ สี่ อ่ื สาร/วันที/่ รูปแบบการสนทนา และตน้ สังกัด/หนว่ ยงาน และ เกบ็ รูปแบบการสนทนาเป็นหลกั ฐาน เช่น ส�ำเนาอเี มล ส�ำเนาจดหมาย เปน็ ตน้ 6. แหล่งอ้างอิงข้อมูลทุติยภูมิ (Indirect Citation/Secondary Source) คือ การอ้างอิงเอกสาร/ข้อมูลที่ไม่ใช่เอกสารข้อมูลต้นฉบับ (Original Article) เช่น ขอ้ มลู ในอนิ เตอรเ์ นต็ ควรระบชุ อื่ เอกสารตน้ ฉบบั และแหลง่ ทมี่ าของขอ้ มลู ทตุ ยิ ภมู ิ ตารางท่ี 9 รูปแบบขอ้ มูลท่ีใชอ้ ้างองิ และข้อมลู เบ้อื งต้นที่ใช้ในการเขียนการอา้ งอิง ประเภท รูปแบบข้อมูล ช่ือผู้แต่ง วนั ท่เี ผยแพร่/ ชือ่ แหล่งข้อมลู อา้ งองิ บันทกึ ขอ้ มูล อ้างอิง หนงั สือ, บทความ ชื่อของผทู้ ่ีมี ปที ่ีวารสาร ชื่อบทความ บทความ วารสาร สว่ นร่วมในการ ตีพมิ พ์ วารสาร เขียนบทความ บทความใน หนงั สอื พิมพ์ ชือ่ นกั ขา่ ว วันท/่ี เดือน/ปี ชอ่ื เรอ่ื ง ชอื่ ทต่ี พี มิ พ์ บทความจาก บทความใน บทความใน หนังสือพิมพ์ หนังสือ หนงั สอื พมิ พ์ หนงั สือพิมพ์ (หากไม่มชี ือ่ นกั ขา่ ว) ชือ่ ผูแ้ ต่งหนังสอื ปที ห่ี นังสอื ไดร้ บั ชอื่ บทความใน การตพี ิมพ์ หนังสอื (ไม่ใช่ ชอื่ หนงั สอื ) แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวิชาการ 63
ประเภท รปู แบบขอ้ มลู ชื่อผู้แตง่ วันทีเ่ ผยแพร/่ ชื่อแหลง่ ขอ้ มูล อ้างอิง บันทกึ ข้อมูล อา้ งอิง การ อีเมล ช่อื ของผู้เขยี น วันท/ี่ เดอื น/ปี หวั ขอ้ ของ สอื่ สาร อีเมล ทส่ี ง่ อีเมล อีเมล ระหวา่ ง บคุ คล การตอบ อีเมล (RE:) หัวข้อทสี่ ่งตอ่ (FWD:) การส่ือสาร ช่ือบคุ คล วัน/เดอื น/ปี ที่ ไมต่ ้องระบุ ระหวา่ งบุคคล ท่ีติดตอ่ สือ่ สาร ไดส้ ื่อสาร หวั ข้อสอื่ สาร ขอ้ มลู ขอ้ มลู ในเวบ็ ไซต์ ชอ่ื ผูแ้ ต่ง ปที ไี่ ด้ขอ้ มลู ชื่อของเว็บไซต์ ทตุ ยิ ภมู ิ ชอื่ หน่วยงาน อพั เดตล่าสุด ช่ือบริษัท วนั ทีไ่ ด้รับ (ระบอุ ย่างใด การคุ้มครอง อยา่ งหนง่ึ ) ลขิ สิทธข์ิ อง เว็บไซต์ 64 แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
ประเภท รปู แบบขอ้ มูล ชอื่ ผแู้ ต่ง วนั ท่เี ผยแพร/่ ช่ือแหลง่ ข้อมลู อา้ งองิ บนั ทกึ ข้อมลู อา้ งองิ ขอ้ มลู ข้อมูลบน ช่อื ผแู้ ตง่ ปีทข่ี อ้ มูล ชื่อของ ทตุ ยิ ภมู ิ เวบ็ เพจ ชื่อหน่วยงาน อัพเดตล่าสุด เว็บเพจ ชื่อบริษัท วนั /เดือน/ปี ชื่อของ (ระบอุ ย่างใด ทขี่ ้อมลู เว็บไซต์ อย่างหนงึ่ ) ออนไลนบ์ น เวบ็ เพจ (ระบุอย่างใด อยา่ งหนึ่ง) รายการที่ออก ชือ่ รายการ ปที รี่ ายการ ชอื่ รายการ อากาศทาง โทรทัศน์ โทรทศั นอ์ อก โทรทศั น์ โทรทศั น์ (ระบุหรอื ไม่ ชื่อรายการ อากาศ กไ็ ด้) ซีรีย์ (หากรายการ เปน็ ส่วนหน่ึง ของรายการ ซีรยี ์) แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวชิ าการ 65
5.5 ข้อแนะน�ำส�ำหรบั การเขียนผลงานทางวิชาการ 1. การก�ำหนดรูปแบบของเอกสารด้วยสไตล์ (Style) การพิมพ์บทความวิชาการในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ ควรจัดพิมพ์ด้วย ความสามารถสไตล์ (Style) ตามรปู แบบทสี่ �ำนกั พมิ พก์ �ำหนด อนั ประกอบดว้ ยการก�ำหนด แบบอกั ษร ขนาด ระยะห่างระหว่างบรรทัด ระยะหา่ งและรปู แบบของย่อหนา้ เพ่ือให้ สามารถปรับเปล่ียนรูปแบบเหล่านี้ตลอดท้ังบทความได้อย่างรวดเร็ว และป้องกัน การสญู เสยี รปู แบบของตวั อกั ษร เมอ่ื เปดิ ไฟลเ์ อกสารขา้ มโปรแกรม ซงึ่ จะท�ำใหเ้ สยี เวลา ในการจัดรูปแบบของเอกสารใหม่ อ่านรายละเอียดเพ่ิมเติมได้ท่ี http://www. thailibrary.in.th/2013/12/10/word-style/ 2. การบันทึกตดิ ตามการแก้ไขในเอกสาร การตรวจแกไ้ ขขอ้ ความ ควรเปดิ ระบบบนั ทกึ ตดิ ตามการแกไ้ ข หรอื ทเ่ี รยี กวา่ ฟงั ก์ชัน่ Track Changes (กรณี Microsoft Office Word คือเมนูค�ำสงั่ Review Track Changes) เพื่อเก็บบันทึกประวัติการแก้ไขต่างๆ อันเป็นการติดตามรุ่นของ เอกสาร อ่านรายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ ได้ท่ี http://www.thailibrary.in.th/2019/03/17/ ms-word-trackchanges/ 3. การจัดท�ำรายการอ้างอิงและบรรณานุกรมด้วยโปรแกรมในกลุ่ม Reference Manager การอา้ งองิ และบรรณานกุ รม เปน็ สว่ นส�ำคญั ของเอกสารวจิ ยั เอกสารวชิ าการ ผูเ้ ขยี นควรเลอื กใชเ้ ครื่องมอื ในกลุ่ม Reference Manager เช่น EndNote, Zotero เพ่ือจัดเก็บบรรณานุกรมของทรัพยากรท่ีน�ำมาใช้ประกอบการเขียน และน�ำมาท�ำ รายการอา้ งอิงรวมทง้ั บรรณานกุ รมทา้ ยเอกสาร 66 แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
บทท่ี 6 แนวทางปฏบิ ตั ิหลังการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ 6.1 การประสานงานโตต้ อบคำ� ถามและขอ้ วจิ ารณ์ (Correspondences) การประสานงานโตต้ อบ (Correspondences) คอื การประสานงานสอื่ สารกบั ผอู้ นื่ เชน่ บรรณาธกิ าร ส�ำนกั พมิ พว์ ารสาร ผวู้ จิ ยั รว่ ม ผเู้ ชยี่ วชาญ ผอู้ า่ นบทความ หรอื บคุ คลอ่ืนๆ ในเร่ืองทมี่ คี วามเก่ียวข้องกบั การเตรียมต้นฉบับบทความ และ/หรือการสง่ บทความเพ่ือตีพิมพ์ การตอบข้อค�ำถามและข้อวิจารณ์ในระหว่างการยื่นต้นฉบับ บทความ รวมถึงการตอบค�ำถามเมื่อมีข้อสงสัยจากผู้อ่านบทความ ซ่ึงในขั้นตอน การประสานงานจ�ำเป็นจะต้องมีตัวแทนของผู้วิจัยที่มีความเหมาะสมในการสื่อสาร ใหข้ ้อมูลทมี่ ีความถกู ต้อง และเปน็ ไปอยา่ งโปร่งใส แนวทางปฏิบัติ 1. กรณีท่ีมีผู้วิจัยมากกว่า 1 คน ผู้วิจัยทุกคนจะต้องตกลงร่วมกันและก�ำหนดผู้ท่ี ท�ำหนา้ ที่เป็นตวั แทนหลัก หรอื ชอื่ หลกั (Corresponding Author) ซึง่ อาจจะเปน็ ผู้วิจัยในคณะผู้วิจัยหนึ่งคนหรือมากกว่า ในการประสานงานสื่อสารกับผู้อ่ืนและ คณะผวู้ ิจยั โดยจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเนอ้ื หาในบทความทจี่ ะเผยแพร่ เป็นอย่างดี แต่อาจจะมีข้อยกเว้น หากงานน้ันเป็นงานวิจัยท่ีมีหลากหลายสาขา นอกจากน้ีบางส�ำนักพิมพ์วารสารอาจก�ำหนดให้มีผู้วิจัยอย่างน้อย 1 คน เปน็ ผคู้ ำ�้ ประกนั (Guarantor) มหี นา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบในความถกู ตอ้ งของเนอื้ หาทง้ั หมด ในบทความตพี ิมพ์ 2. ผู้ประสานงานหลักหรือช่ือหลัก เป็นตัวแทนคณะผู้วิจัย ในการติดต่อผู้วิจัยร่วม ในระหวา่ งขน้ั ตอนของการยน่ื ตน้ ฉบบั บทความ ในการตอบขอ้ ค�ำถามหรอื ขอ้ วจิ ารณ์ และตอบค�ำถามกบั บรรณาธกิ าร และเมอื่ ตน้ ฉบบั บทความไดร้ บั การตอบรบั ตพี มิ พ์ ผปู้ ระสานงานหลกั มีหนา้ ทีแ่ จ้งใหผ้ ู้วิจัยทกุ คนทราบ แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวชิ าการ 67
3. เมื่อมีประเด็นค�ำถามที่ต้องได้รับความเห็นจากผู้วิจัยทุกคน ผู้ประสานงานหลัก มีหนา้ ท่ีประสานงานตดิ ตอ่ กบั ผ้วู ิจัยทุกคน เพือ่ ตกลงหาขอ้ สรปุ ร่วมกนั 4. ผู้ประสานงานหลักหรือชื่อหลัก มีหน้าที่ในการจัดเก็บเอกสาร/อีเมลทุกฉบับใน ระหวา่ งการตดิ ตอ่ ประสานงานในการยน่ื ตน้ ฉบบั บทความ การตอบขอ้ ค�ำถามและ/ หรอื ข้อวิจารณร์ ะหว่างผู้วจิ ัย บรรณาธกิ าร หรอื ผูท้ ่เี กยี่ วขอ้ ง 5. หลังจากที่บทความถูกเผยแพร่ หากพบว่ามีข้อมูลท่ีผิดพลาด เน่ืองจากความ ประมาทหรือขาดความรอบคอบ เช่น การจัดรูปแบบไม่ถูกต้อง การสะกดค�ำผิด หลกั ไวยกรณ์ ขอ้ มลู ของชอ่ื ผวู้ จิ ยั หรอื ตน้ สงั กดั ผดิ พลาด เปน็ ความประมาททอ่ี าจท�ำให้ เสียช่ือเสียงของตนเองและสถาบัน เม่ือทราบว่ามีข้อมูลท่ีผิดพลาด ควรแจ้ง บรรณาธกิ ารทันที เพือ่ ขอแกไ้ ขขอ้ มูลให้ถกู ตอ้ ง 6.2 การถอนบทความ (Retraction) การถอนบทความ คือ การยกเลิกบทความท่ีเคยถูกตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร แลว้ ซง่ึ อาจจะด�ำเนนิ การโดยบรรณาธกิ ารของวารสารนนั้ ๆ หรอื ผวู้ จิ ยั หากพบวา่ ขอ้ มลู ในบทความเขา้ ข่ายลกั ษณะ ดังน้ี ไม่น่าเชื่อถือ บิดเบือนความจริง มีการประพฤติมิชอบทางจริยธรรม (Misconduct) - การคดั ลอกขอ้ มลู (Plagiarism) - การปลอมแปลงขอ้ มลู (Falsification) - การสรา้ งขอ้ มลู เท็จ (Fabrication) ไมส่ ามารถท�ำการทดลองซำ้� แลว้ ใหผ้ ลเหมอื นเดมิ (Non-Reproducibility) ผิดต่อจรรยาบรรณการวจิ ยั (Unethical Research) ตีพมิ พ์ข้อมูลซ�ำ้ ซ้อน (Redundant Publication) 68 แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวิชาการ
การถอนบทความอาจจะถอนเพียงบางส่วนหรือทั้งหมดในบทความ เพ่ือเป็น การปอ้ งกันไมใ่ หผ้ ูอ้ ่านเกดิ ความเขา้ ใจทค่ี ลาดเคล่ือนในเนือ้ หา สงิ่ ท่ีคน้ พบ ข้อสรปุ ใน บทความ หรือน�ำข้อมูลไปใชใ้ นการอา้ งอิงกับงานวจิ ัยท่ีมีความเก่ียวขอ้ ง เมอื่ บทความถกู เผยแพรใ่ นวารสารแลว้ หากผวู้ จิ ยั พบวา่ มขี อ้ มลู ทผ่ี ดิ พลาดและ ไม่ควรจะถูกเผยแพร่ออกไป อาจแสดงเจตนาบริสุทธิ์ใจโดยการแจ้งบรรณาธิการของ วารสารนน้ั ๆ เพ่อื ขอถอนบทความ โดยอาจจะถอนบางสว่ นหรือทง้ั บทความ หรอื หาก พบว่า ข้อมูลผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เช่น รูปภาพ การอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูล ไมค่ รบถ้วน การค�ำนวณผลการทดลองผิดพลาด การระบลุ �ำดับชอื่ ในบทความผดิ ฯลฯ ซึ่งเป็นข้อมูลท่ไี มน่ �ำไปสกู่ ารเปลี่ยนแปลงความนา่ เชื่อถอื หรือข้อสรปุ ในบทความวิจัย และสามารถด�ำเนินการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องได้ ผู้วิจัยอาจจะขอแก้ไขบทความ ให้ถกู ตอ้ ง พร้อมทั้งระบสุ าเหตขุ องการแกไ้ ขขอ้ มลู บรรณาธิการของวารสารมีสิทธิ์ตรวจสอบบทความเพื่อให้ม่ันใจว่าข้อมูล ทจี่ ะตพี มิ พใ์ นวารสารมคี วามนา่ เชอ่ื ถอื และมคี วามโปรง่ ใส หากพบภายหลงั วา่ บทความ ทถี่ กู เผยแพรแ่ ลว้ มขี อ้ มลู ทเี่ ขา้ ขา่ ยประพฤตผิ ดิ จรยิ ธรรม เชน่ มกี ารคดั ลอกขอ้ มลู การสรา้ ง ขอ้ มลู เทจ็ การตพี มิ พซ์ ำ�้ ซอ้ น ฯลฯ โดยมผี ลกระทบใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงบรบิ ทหลกั ของบทความวจิ ยั บรรณาธกิ ารจะแจง้ ไปยงั ผวู้ จิ ยั พรอ้ มทงั้ พจิ ารณาถอนบทความวจิ ยั ออกเป็นการช่ัวคราว เพ่ือเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบและตัดสินจนกระท่ังได้ข้อสรุป ในกรณที ผ่ี วู้ จิ ยั ปฏเิ สธทจ่ี ะถอนบทความ แตบ่ รรณาธกิ ารเหน็ สมควรทจ่ี ะถอนบทความ ออกจากวารสาร บรรณาธิการมสี ทิ ธ์ิในการถอนบทความ โดยไมต่ อ้ งได้รับการยินยอม จากผู้วิจัยได้ เนื่องจากบทความที่(จะ)ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารเป็นกรรมสิทธิ์และ ความรบั ผดิ ชอบของบรรณาธิการของวารสารนั้นๆ บทความที่ถูกพิจารณาถอนแล้ว จะไม่ถูกดึงออกจากฐานข้อมูลของวารสาร แต่จะปรากฏข้อมูลดังเดิมโดยมีการใช้ลายน้�ำเขียนว่า “Retracted” ในทุกหน้าของ บทความ เพอื่ ท�ำใหผ้ อู้ ่านบทความทราบว่า บทความดังกลา่ วถูกถอนออกไปแลว้ และ เป็นการเพมิ่ โอกาสให้ผ้ทู คี่ ้นหาขอ้ มูลทราบวา่ บทความดังกลา่ วถกู พิจารณาถอนแล้ว แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวชิ าการ 69
บรรณานุกรม 1. กรมทรัพย์สินทางปัญญา. [ออนไลน์]. การจดทะเบียนสิทธิบัตรในประเทศไทย จะค้มุ ครองทวั่ โลกหรอื ไม.่ แหลง่ ทม่ี า: http://www.ipthailand.go.th/th/faq. html. [26 พฤศจกิ ายน 2561]. 2. กรมทรัพย์สินทางปัญญา. [ออนไลน์]. การประดิษฐ์คิดค้น หรือการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ข้ึน แล้วมีการน�ำออกไปเปิดเผยผ่านทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์. แหล่งท่ีมา: http://www.ipthailand.go.th/th/faq.html. [26 พฤศจิกายน 2561]. 3. การวัดต�ำแหน่งของข้อมูล (Measures of Position). [ออนไลน์]. แหล่งท่ีมา: https://sites.google.com/site/sthitiit63/kar-wad-ta-haen-ng-khxng- khxmul-measures-of-position/kar-ha-kha-kh-wx-thil-de-sil-laea-pexr- sen-t-thil. [10 ตลุ าคม 2561]. 4. คมู่ อื การประยกุ ตใ์ ช้ Technology Readiness Level: TRL ของ ส�ำนกั งานพฒั นา วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ชาต.ิ เวอรช์ น่ั 2.1. 2558. 5. คู่มือการส่ังสมทุนทางปัญญา (IC Score) เพื่อการประเมินวิทยฐานะ (ฉบับ ปรับปรุง กรกฎาคม 2551). ส�ำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) 2551. 6. การเข้าถึงแบบเปิด. คณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาบรรณรักษณ์ศาสตร์และ สารสนเทศศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ และฝา่ ยบรกิ ารความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี. ส�ำนักงานพัฒนาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. 2562 7. จรสั ทรัพย์เสรี. รูจ้ ักกับ Box Plot. For Quality Production. 2553; 16. 8. จริ าภรณ์ จนั ทรจ์ ร. การเขยี นเอกสารอา้ งองิ แบบแวนคเู วอร์ (Vancouver Style). 2554. 9. นนั ทนา ลดั พล.ี [ออนไลน]์ . บทความวจิ ยั บทความวชิ าการ และบทความปรทิ ศั น.์ แหล่งท่ีมา:gopublished1.blogspot.com/2015/06/blog-post_93.html. [26 พฤศจิกายน 2561]. 10. แนวปฏิบัติเก่ียวกับทรัพย์สินทางปัญญาของส�ำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยแี ห่งชาต.ิ ส�ำนักงานจดั การสทิ ธเิ ทคโนโลยี (TLO) ศูนยบ์ รหิ ารจดั การ เทคโนโลยี (ศจ.) ส�ำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (สวทช.). 2555. 70 แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
11. แนวปฏบิ ตั คิ ณะกรรมการพฒั นาสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ จรยิ ธรรมการวจิ ยั ในมนษุ ย์ ส�ำนกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ชาต.ิ [ออนไลน]์ . https://www. nstda.or.th/th/research-integrity#งานด้านจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์. [26 พฤจิกายน 2561] 12. บษุ บา มาตระกลู . Plagiarism โจรกรรมทางวรรณกรรม. กา้ วทนั โลกวทิ ยาศาสตร์ ครง้ั ที่ 2. 2551. 13. บณั ฑติ วทิ ยาลยั จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . [ออนไลน]์ . 2555. สงิ่ พมิ พว์ ทิ ยานพิ นธ์ การคดั ลอกผลงานวจิ ยั “ประเดน็ สําคญั ทค่ี วรร”ู้ . แหลง่ ทม่ี า: http://www.grad. chula.ac.th/download/files/Plagiarism.pdf. [9 กนั ยายน 2561]. 14. พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550. (2550, 19 มีนาคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เล่ม 124. ตอนท่ี 16 ก. หน้า 1-18. 15. พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522. (2522, 11 มีนาคม). ส�ำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา. หนา้ 1-34. 16. บญุ เลศิ อรณุ พบิ ลู ย.์ [ออนไลน.์ ] รว่ มสรา้ งสรรคแ์ บง่ ปนั ความรเู้ พอื่ สงั คมแหง่ การ เรียนรู้มาสร้างเอกสารงานพิมพ์ด้วย Style. แหล่งที่มา: http://www.thai library.in.th/2013/12/10/word-style/. [22 มีนาคม 2562]. 17. บญุ เลศิ อรณุ พบิ ลู ย.์ [ออนไลน.์ ] รว่ มสรา้ งสรรคแ์ บง่ ปนั ความรเู้ พอื่ สงั คมแหง่ การ เรียนรู้ตรวจสอบแก้ไขเอกสาร MS Word แบบมืออาชีพด้วยค�ำส่ัง Track Changes. แหล่งที่มา: http://www.thailibrary.in.th/2019/03/17/ ms-word-trackchanges/. [22 มนี าคม 2562]. 18. บญุ เลศิ อรณุ พบิ ลู ย์ และ บญุ เกยี รติ เจตจานงนชุ . การบรหิ ารจดั การบรรณานกุ รม ดว ย Zotero for chrome และ MicroSoft Office Word. ฝา่ ยบริการความรู้ ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส�ำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แหง่ ชาติ. 2561. 19. วิจิตร ศรีสพุ รรณ. การเผยแพร่ผลงานวจิ ัย. Nursina Newletter. 2544; 28. 20. สุธี พานิชกุล. บทความพิเศษ Authorship Practice. เวชสารแพทย์ทหารบก. 2558; 68: 321-323. แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ 71
21. สรุปการปรับปรุงหลักเกณฑ์และมาตรฐานผลงานวิชาการของ สวทช. กลุ่ม ต�ำแหน่งงานวิจยั พฒั นาและวิศวกรรม (2000). คณะท�ำงานปรับปรงุ หลักเกณฑ์ และมาตรฐานผลงานวิชาการของ สวทช. ส�ำนักงานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี แหง่ ชาติ (สวทช.). 22. ส�ำนกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาต.ิ คมู่ อื มาตรฐานการเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั และ ผลงานทางวชิ าการ. จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. 2558. 23. ส�ำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ. จรรยาวิชาชีพวิจัยและแนวทางปฎิบัติ. ครัง้ ท่ี 2. จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . 2555. 24. A, Tim. and Wager, E. 2003. How to Handle Authorship Disputes: A Guide for New Researchers. The COPE Report. 32-34. 25. Ackerman M. and Branzei S. The Authorship Dilemma: Alphabetical or Contribution?. Journal of Autonomous Agents and Multi-Agent Systems manuscript No. 26. APA Science Student Council. 2006. A Graduate Student’s Guide to Determining Authorship Credit and Authorship Order. 27. Bornmann L. 2013. Research Misconduct-Definitions, Manifestations and Extent. 1. 87-98; doi:10.3390/publications1030087. 28. Baskin PK. 2014. Authorship and Contributorship: Who Did What?. Spring. 37: 39, 45. 29. Brodrink M. Harvard School of Public Health. Harvard Medical School Authorship Guidelines. [Online]. 1999. Available form: https://hms. harvard.edu/sites/default/files/assets/Sites/Ombuds/files/ AUTHORSHIP%20GUIDELINES.pdf [2018, June 4] 30. Björk B.C. and Solomon D. 2012. Open access versus subscription journals: a comparison of scientific impact. 10:1-10. 31. CDR Authorship Guidelines. [Online]. 2010. Available form: https:// www.boku.ac.at/fileadmin/data/H04000/H16900/CDR_Authorship_ Guidelines_20100614.pdf. [2018, August 7] 72 แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวิชาการ
32. Council of Science Editors. Authorship and Authorship Responsibilities. CSE’s White Paper on Promoting Integrity in Scientific Journal Publications. [Online]. 2012. Available form: https://www.council scienceeditors.org/wp-content/uploads/entire_whitepaper.pdf. [2018, May,18] 33. Committee on Publication Ethics. Authorship Dispute Regarding Author Order. [Online]. 2012. Available form: https://publicationethics.org/ case/authorship-dispute-regarding-author-order. [2018, June 17] 34. Committee on Publication Ethics. Retraction Guideline. [Online]. 2009. Available form: https://publicationethics.org/files/retraction%20 guidelines_0.pdf. [2018, August 25] 35. Committee on Publication Ethics. Supervisor publishes PhD students work. [Online]. 2010. Available form: https://publicationethics.org/ case/supervisor-publishes-phd-students-work. [2018, July, 13] 36. Duffy MA. 2017. Last and corresponding authorship practices in ecology. Academic practice in ecology and evaluation. 8876-8887. DOI: 10.1002/ece3.3435. 37. Forum for Ethical Review Committees in Thailand. 2007. The Ethical Guidelines for Research on Human Subject in Thailand. 1-57. 38. European endodontic Journal. AUTHOR CONTRIBUTION FORM. [Online]. Available form: http://eurendodj.com/author_contribution.pdf. [2018, August 10] 39. Guraya SY, London NJM, and Guraya SS. 2014. Ethics in Medical Research. Journal of Microscopy and Ultrastructure. 2: 121-126. 40. Helgessin G, Eriksson S. 2015. Plagiarism in research. Med Health Care and Philos. 18: 91-101. 41. International Committee of Medical Journal Editors. Defining the Role of Authors and Contributors. [Online]. 2013. Available form: http:// www.icmje.org/recommendations/browse/roles-and-responsibilities/ defining-the-role-of-authors-and-contributors.html. [2018, February 20] แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวิชาการ 73
42. James EH, RBP and FBCA. 2000. The Ethics of Digital Manipulation in Scientific Images. Journal of Biocommunication. 11-19. 43. Journal of Hospital Medicine Author Contribution form. [Online]. Available form: https://mdedge-files-live.s3.us-east-2.amazonaws. com/files/s3fs-public/journals/supporting/jhm2371-sup-0002- suppinfo.pdf. [2018 October 27] 44. Joseph K, Laband DN, and Patili V. 2005. Author Order and Research Quality. Southern Economic Journal. 71: 545-555. 45. Kosslyn SM. Criteria for Authorship. [Online]. 2002. Available form: https://kosslynlab.fas.harvard.edu/files/kosslynlab/files/authorship_ criteria_nov02.pdf.[2018, September 8]. 46. Medicines & Healthcare products Regulatory Agency. 2018. MHRA GXP Data Integrity Guidance and Definitions. 47. MUSC Medical university of South Carolina. AUTHORSHIP GUIDANCE Principles, Communication and Dispute Resolution. Office of the Vice President for Research. [Online]. 2016. Available form: https:// research.musc.edu/-/sm/research/resources/doing-research-files/ authorship-guidelines-june-2016-pdf.ashx?la=en. [2018, June 4] 48. Massey University. 2015. Conflict of interest in research. [Online]. 2015. Available form: https://www.massey.ac.nz/massey/fms/ Human%20Ethics/Documents/Ethics%20Notes%20-%20Conflict%20 of%20Interest.pdf?277B958AC460CBD2124A224C751AF5C9. [2018, September 20] 49. Imperial College. Citing& Referencing: Vancouver Style. [Online] 2017. Available form: https://www.imperial.ac.uk/media/imperial-college/ administration-and-support-services/library/public/vancouver.pdf. [2018, September 20] 50. Office of research integrity.2011. Guidelines for responsible conduct of research. 74 แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวชิ าการ
51. Rubow L., Shen R., and Schofield B. 2015. UNDERSTANDING OPEN ACCESS When, Why, & How to Make Your Work Openly Accessible. Authors Alliance. 64-74. 52. SAUDI MEDICAL JOURNAL Authorship, Contributorship Agreement & Publishing license. [Online]. Available form: https://www.smj.org.sa/ docs/pdf_information/SMJ%20AUTHORSHIP%20FORM%20May%20 2016.pdf. [2018, August 10] 53. Scientific misconduct. [Online] 2013. Available form: https://www. google.com/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=4&cad=r ja&uact=8&ved=2ahUKEwjSurLtisndAhXBdysKHTQUBi8QFjADegQIBx AC&url=https%3A%2F%2Fstudentportalenuu.se%2Fuuspwebapp% 2Fauth%2Fwebwork%2Ffilearea%2Fdownloadaction%3Fno deId%3D1639807%26toolAttachmentId%3D352862%26uusp. use rId%3Dguest&usg=AOvVaw2xYzhV1LmXljkYWndvSqp0Smolcic VS. 2013. [2018, August 10] 54. Strange k. 2008. Authorship: why not just toss a coin?. Am J Physiol Cell Physiol. 295: 567–575. 55. Swiss Medical Weekly. 2015. Authorship in scientific publications: analysis and Recommendations. doi:10.4414/smw.2015.14108. 56. Teixeira da Silva JA., Dobranski J., Van PT. and Payne, WA. 2013. Corresponding Authors: Rule Responsibilities and Risks. The Asian and Australasiam Journal of Plant Science and Biotechnology. 57. T scharntke T. Hochberg ME., Rand TA., Resh VH. And Krauss J. 2007. Author Sequence and Credit for Contributions in Multiauthored Publications. PLoS Biology. 5: 13-14. 58. The Office of Research Integrity, US Department of Health and Human Service. Tips for Presenting Scientific Images with Integrity. [Online]. Available form: http://ori.hhs.gov/ImageProcessing. [2018, February 19] แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ 75
59. UK Research Integrity Office. Good Practice in Research: Authorship. [Online]. 2017. Available form: http://ukrio.org/wp-content/uploads/ UKRIO-Guidance-Note-Authorship-v1.0.pdf. [2018, June 17] 60. Understanding Submission and Publication Fees. [Online]. 2019. Available form: https://www.aje.com/arc/understanding- submission-and-publication-fees/. [2019, 13 May] 61. United States Environmental Protection Agency. Authorship Best Practices. [Online]. 2016. Available form: https://www.epa.gov/osa/ authorship-best-practices. [2018, April 23] 62. University of Salford Manchester.2016. Good Practice in Authorship of Research Publications User Guide. 1-8. 63. University of Cambridge. Guidelines on Authorship. [Online]. Available Form: https://www.research-integrity.admin.cam.ac.uk/research- integrity/guidelines/guidelines-authorship. [2018, August 7] 64. University of Pittsburgh. 2011. Guidelines for responsible conduct of research. 65. The University of Queensland Australia. References/Bibliography Vancouver Style. [Online]. Available Form: http://njirm.pbworks. com/f/vancouv.pdf. [2018, August 15] 66. Wager E. 2009. Recognition, reward and responsibility: Why the authorship of scientific papers matters. Maturitas. 62: 109-112. 67. Waltman Lu. An empirical analysis of the use of alphabetical authorship in scientific publishing. Centre for Science and Technology Studies, Leiden University. 76 แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ
ภาคผนวก ภาคผนวก ก นโยบายและแนวทางดา้ นการบรหิ ารคณุ ภาพและจรยิ ธรรมการวจิ ยั ของ สวทช. ก.1 นโยบายด้านการบริหารคณุ ภาพและจรยิ ธรรมการวจิ ัย แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวิชาการ 77
ก.2 แนวทางการบรหิ ารคุณภาพและจรยิ ธรรมการวิจัย สามารถดาวน์โหลดเอกสารได้ที่ https://www.nstda.or.th/rqm/resources- publications.html 78 แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ
ภาคผนวก ข ใบความรู้ (Factsheet) เร่ืองการมีช่ือในเอกสารเผยแพร่ทาง วชิ าการ แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวิชาการ 79
สามารถดาวน์โหลดเอกสารได้ท่ี https://www.nstda.or.th/rqm/resources- publications.html 80 แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวชิ าการ
ภาคผนวก ค ตัวอย่างการชี้แจงบทบาทการมีส่วนร่วมในเอกสารเผยแพร่ ทางวชิ าการ ของ สวทช. (Contribution Codes for Publication) อ้างอิง ข้อตกลงการมีส่วนร่วมในผลงานวิจัย สวทช. เพ่ือการลงทะเบียน ผลงานในระบบ myPerformance (คลังความร้แู ละผลงานวจิ ัย สวทช.) สวทช. ไดม้ กี ารก�ำหนดใหผ้ วู้ จิ ยั ลงทะเบยี นผลงานในระบบ myPerformance โดยหากเปน็ ผลงานประเภทงานเขยี น ไดก้ �ำหนดใหช้ แ้ี จงบทบาทการมสี ว่ นรว่ ม โดยใช้ รหสั ต่อไปน้ี ก) เป็นผู้ให้องค์ความรู้/กรอบความคดิ หลักในการสร้างสรรค์ผลงานน ี้ a) Conception of the project ข) เปน็ ผ้ดู �ำเนินการค้นคว้า ศึกษาขอ้ มลู /สารสนเทศ/ผลงานวิชาการ ท่มี ี มากอ่ น b) Literature review ค) เปน็ ผู้ออกแบบระเบยี บวิธกี ารศกึ ษา/วจิ ัย c) Design of the research outline ง) เป็นผ้คู ดั เลอื ก/ออกแบบ/สร้างเคร่อื งมอื ในการศึกษาวจิ ัย d) Design of research tools จ) เปน็ ผู้คดั เลือกวธิ ีการในการวิเคราะหข์ ้อมลู e) Decision on data analysis method ฉ) เป็นผวู้ ิเคราะห์ข้อมูลและประมวลผล f) Analysis of data ช) เปน็ ผตู้ คี วามผลการวิเคราะหข์ อ้ มูลและสงั เคราะหผ์ ลลัพธ์ g) Interpretation of data analysis แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ 81
ซ) เปน็ ผยู้ กรา่ งบทความ/รายงานผลการวจิ ยั /รายงานผลการศกึ ษา (รา่ ง 1) h) Drafting of the article (first draft) ณ) เปน็ ผู้ทบทวนร่างบทความ/รายงานผลการวิจยั /รายงานผลการศกึ ษา (ร่าง 2) i) Revising draft of the article (second draft) ญ) เป็นผู้ปรับปรุงบทความ/รายงานผลการวิจยั /รายงานผลการศกึ ษา (Final Draft) j) Final approval of the article (final draft) ฎ) เป็นผู้เกบ็ รวบรวมผลงานและลงทะเบยี นเขา้ ระบบ k) Collection and assembly of data 82 แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ
ภาคผนวก ง แนวปฏิบัติ ของ สวทช. ในเร่ืองการระบุชื่อและที่อยู่ของหน่วยงาน ในการตพี ิมพผ์ ลงานวิจัยในวารสารวิชาการ แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ 83
84 แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวชิ าการ
แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ 85
หมายเหตุ หากวารสารมีข้อก�ำหนดเป็นอย่างอ่ืน เช่น ให้ใช้ชื่อย่อของหน่วยงาน ใหพ้ จิ ารณาข้อก�ำหนดของวารสารประกอบดว้ ย 86 แนวทางการเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ
คณะผจู้ ัดท�ำ คณะแพทยศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั (ท่ปี รึกษาคณะผูจ้ ดั ท�ำ) 1. ศ.นพ.ยง ภูว่ รวรรณ สถาบันชวี วิทยาศาสตร์โมเลกลุ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล 2. ศ.นพ.สทุ ศั น์ ฟเู่ จรญิ (ทีป่ รกึ ษาคณะผจู้ ดั ท�ำ) ส�ำนกั งานพฒั นาวิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยแี หง่ ชาติ (สวทช.) (ทป่ี รกึ ษาคณะผ้จู ัดท�ำ) 3. ศ.นพ.ประสทิ ธ์ิ ผลิตผลการพิมพ์ ฝา่ ยพัฒนาคณุ ภาพการวจิ ัย สวทช. ฝา่ ยพัฒนาคุณภาพการวจิ ัย สวทช. ศนู ย์นาโนเทคโนโลยแี หง่ ชาติ หนว่ ยวจิ ยั อปุ กรณส์ เปกโทรสโกปแี ละเซนเซอร์ 4. คณุ อัณณ์สชุ า พฤกษ์สนุ นั ท ์ ศนู ย์เทคโนโลยีอเิ ลก็ ทรอนกิ สแ์ ละ 5. คณุ สดุ ารัตน์ ลอื พงศพ์ ัฒนะ คอมพวิ เตอรแ์ ห่งชาติ 6. ดร.สุธี ผู้เจริญชนะชยั ฝ่ายสนับสนุนบรกิ ารทางวศิ วกรรมและ 7. ดร.ศรัณย์ สมั ฤทธิเ์ ดชขจร เทคโนโลยี ศูนยเ์ ทคโนโลยอี ิเลก็ ทรอนกิ สแ์ ละ คอมพวิ เตอร์แห่งชาติ งานประเมนิ ผลงานวิจัยและจัดการความรู้ 8. คณุ ศวิต กาสรุ ยิ ะ ศนู ยเ์ ทคโนโลยีอเิ ลก็ ทรอนิกส์และ คอมพวิ เตอร์แหง่ ชาติ ธนาคารทรัพยากรชวี ภาพแหง่ ชาติ ศูนย์พนั ธวุ ศิ วกรรมและเทคโนโลยชี ีวภาพ แหง่ ชาติ 9. คุณภเู บศร์ อุดมทรพั ย์ 10. ดร.นัฐวุฒิ บญุ ยนื แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวชิ าการ 87
11. ดร.จิตติ มงั คละศริ ิ สถาบนั เทคโนโลยแี ละสารสนเทศเพือ่ การ พฒั นาท่ยี งั่ ยนื ศนู ยเ์ ทคโนโลยโี ลหะและวสั ดุแห่งชาติ งานทดสอบการย่อยสลายไดท้ างชีวภาพ 12. ดร.ธนาวดี ลี้จากภัย ของวัสด ุ ศูนยเ์ ทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ฝ่ายบรกิ ารความรู้ทางวิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี 13. คณุ บญุ เลิศ อรณุ พิบลู ย ์ ฝา่ ยบริการความรทู้ างวิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี งานบรหิ ารด้านทนุ ทางปัญญา 14. ดร.ฐิตมิ า ธรรมบ�ำรงุ ศนู ย์เทคโนโลยโี ลหะและวสั ดุแหง่ ชาติ ส�ำนกั งานจัดการสิทธเิ ทคโนโลยี งานจัดการทรัพย์สินทางปัญญา 15. คุณชลทชิ า หวงั รวยนาม ส�ำนกั งานจัดการสทิ ธิเทคโนโลยี ฝ่ายสง่ เสริมจรยิ ธรรมการวิจัย 16. คุณสุมลวรรณ สงั ข์ชว่ ย ฝ่ายบริการทรัพยากรบุคคล 17. คณุ รชั ดา เรืองสิน ศนู ยพ์ ันธวุ ศิ วกรรมและเทคโนโลยีชวี ภาพ แห่งชาติ 18. คณุ ฐิติวรรณ เกดิ สมบญุ 19. คุณโสภดิ า เนตรวจิ ิตร *ตามค�ำสง่ั ศนู ยพ์ นั ธวุ ศิ วกรรมและเทคโนโลยชี วี ภาพ 20. คณะท�ำงานวชิ าการ* แหง่ ชาติ ท่ี 4/2562 88 แนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
Search