กญั ชา ดร. สุทธศิ ักดิ์ แก้วแกมจันทร์
กญั ชา
ประวตั ิกญั ชา
ภาพใบกญั ชาบนภาชนะของชาวกรกี โบราณ 8,000 ปี กอ่ นครสิ ตกาล
การนาเอากญั ชามาสกดั เป็ นยา เกิดข้ึนในสมยั ของจกั รพรรดิ เสินหนง (Shen Nen) เม่ือราว 2,737 ปี กอ่ นครสิ ตกาล หรอื ราว 4,756 ปี มาแลว้ จกั รพรรดิเสินหนง บนั ทึกใน ตารายาเกา่ แกข่ องจีน ใชก้ ญั ชา เป็ นยารกั ษาโรคเกาต์ ขอ้ อกั เสบ มาลาเรยี เหน็บชา ทอ้ งผกู อาการเหม่อลอย (absent mindedness)
กญั ชาเรมิ่ ถกู นามาเช่ือมโยงกบั ตานานและพลงั อนั ศกั ด์ิสิทธิ์ของเทพเจา้ มากข้ึน สง่ ผลใหพ้ ืชมหศั จรรย์ ชนิดน้ีกลายมาเป็ นหน่ึงในเครอ่ื งบชู าท่ีขาดไม่ไดข้ อง พิธีกรรมในหลากหลายอารยธรรมโบราณทวั่ โลก เชน่ ชาวอินเดียโบราณมีการนาเอาใบกญั ชาแหง้ , เมล็ดและ กิง่ กา้ นของตน้ กญั ชามาใชเ้ ป็ นยาที่เรยี กว่า “บงั ” (Bhang) และยาชนิดน้ีกป็ รากฏอยใู่ นคมั ภีรท์ ่ีเรียกว่า “คมั ภีรอ์ าถรรพณเ์ วท” (Atharvaveda) ในฐานะ “หญา้ ศกั ดิ์สทิ ธิ์” และชาวฮินดกู ็จะใชย้ าท่ีเรยี กว่า “บงั ” น้ีใน พิธีกรรมเพื่อถวายแด่พระศิวะตามความเช่ือของพวก เขาดว้ ยเชน่ กนั
มีการใชก้ ญั ชาในอียปิ ต์ ตง้ั แต่สมยั โบราณ ชาวไอยคปุ ตเ์ รยี กกญั ชาในภาษาของพวกเขา เองว่า “เชมเชมต”ู (Shemshemtu)
กระดาษปาปิ รสั ทางการแพทยอ์ าย ุ ราว 1,600 ปี กอ่ นครสิ ตกาล ที่ระบ ุ ถึงการนาพืช “เชมเชมต”ู และน้าผ้ึง มาเป็ นสว่ นประกอบของยาที่ชว่ ยใน การคลอดบตุ ร นอกจากนนั้ ยงั มีสตู ร ยาที่นาเอากญั ชามาเป็ นสว่ นผสมของ ยาสาหรบั ลา้ งตาเพ่ือรกั ษาอาการ ตอ้ หิน แสดงใหเ้ ห็นว่าชาวไอยคปุ ตก์ ็มี การใชป้ ระโยชนจ์ ากกญั ชาในเชิง การแพทยม์ ายาวนาน
มีการใชก้ ญั ชาโดยกษตั รยิ ์ ของยโุ รปในอดีต
ปี ค.ศ.1621 รายงานเรอ่ื ง “กายวิภาคศาสตรข์ องโรค ซึมเศรา้ ” (Anatomy of Melancholy) ถกู เรยี บเรยี ง เขียนข้ึนโดยนายแพทย์ โรเบิรต์ เบอรต์ นั (Robert Burton) ผเู้ ชี่ยวชาญดา้ น โรคซึมเศรา้ เพ่ือระบวุ ่า กญั ชาอาจจะใชร้ กั ษา หรอื บรรเทาอาการที่เกดิ จาก โรคน้ีได้
อีกหนึ่งหนา้ ประวตั ิศาสตรส์ าคญั ของกญั ชาเกิดข้ึนในประเทศ สหรฐั อเมรกิ าช่วงปี ค.ศ.1972 สมยั ประธานาธิบดีริชารด์ นิกสนั (RichardNixon) ช่วงนนั้ ประธานาธิบดีนิกสนั ทาสงคราม กบั ยาเสพติด เขาจึงใหเ้ วลาทีมวิจยั จากเวอรจ์ ิเนียสองปี ใน การศึกษาว่ากญั ชาสง่ ผลต่อมะเรง็ ปอดในมนษุ ยอ์ ยา่ งไร โดย หวงั ว่าถา้ ผลลพั ธอ์ อกมาว่ากญั ชามีผลเสียเหมือนกบั บหุ รกี่ ็จะ ไดจ้ ดั การการาบใหเ้ ด็ดขาด แต่สดุ ทา้ ยแลว้ ผลลพั ธก์ ลบั ออกมาตรงกนั ขา้ ม รายงานกลบั สรปุ ว่า กญั ชาสามารถเขา้ โจมตีเซลลม์ ะเรง็ ในรา่ งกายได้ แถมยงั ไมม่ ีผลขา้ งเคียงอีก ดว้ ย!! เม่ือประธานาธิบดีนิกสนั เห็นผลรายงานท่ีผิดคาดเขา้ ก็ หวั เสียเลยตดั สินใจโยนรายงานนนั้ ท้ิงลงถงั ขยะไปซะ กอ่ นที่ จะปิ ดเรือ่ งน้ีเอาไวเ้ ป็ นความลบั มาอยา่ งยาวนานหลายสิบปี
ในชว่ งเวลาเดียวกนั กบั ท่ีทวีปยโุ รปเรม่ิ มีขอ้ มลู ของการ นาเอากญั ชามาใชบ้ าบดั โรคซึมเศรา้ นน้ั ในประเทศไทย ก็มีหลกั ฐานของการใชก้ ญั ชาเพื่อรกั ษาโรคปรากฏให้ เห็นอยเู่ ชน่ กนั ครบั เช่น “ตาราโอสถพระนารายณ”์ สมยั อยธุ ยาตอนปลาย ที่ใช้ “กญั ชา” เป็ นหน่ึงใน สว่ นผสมเพ่ือบรรเทาอาการ “กินไมไ่ ดน้ อนไมห่ ลบั ” และยงั ใชเ้ ป็ นสว่ นผสมของยาท่ีช่วยใหน้ อนหลบั สบาย อีกดว้ ย ถึงอยา่ งนนั้ กม็ ีการระบเุ อาไวอ้ ยา่ งชดั เจนเลยบ ว่าให้ “กินพอสมควร” เท่านนั้ นน่ั หมายความว่าชน โบราณทราบดีว่ากญั ชาจะสง่ ผลเสยี เมื่อบรโิ ภคมาก เกนิ ไปอยา่ งแน่นอน
ประเทศไทย มีการใชก้ ญั ชา รกั ษาโรคหลายรอ้ ยตารบั นาน มากกว่า 300 ปี เชน่ ตาราพระโอสถพระนารายณ์ (พ.ศ.2202) - ตารบั ศขุ ไสยาศน์ ชว่ ยนอนหลบั เจรญิ อาหาร ฟ้ื นฟกู าลงั ของผปู้ ่ วยโรคเร้อื รงั - ตารบั อคั คินีวคณะ แกค้ ล่นื เหียนอาเจียน ช่วยเจรญิ อาหาร บารงุ ธาตทุ ง้ั 4 ชกู าลงั ขนุ ประสิทธิโอสถจีน ถวายครงั้ สมเด็จพระนารายณป์ ระชวร
ชว่ งตน้ รตั นโกสนิ ทร์ กม็ ีการใชก้ ญั ชา ภาพจิตรกรรมฝาผนงั จากวดั พระแกว้
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ของกญั ชา
กญั ชงและกญั ชา เดมิ มชี ื่อวิทยาศาสตรเ์ ดยี วกนั คืือ Cannabis sativa L ในคปี ื.ศ. 1998 หรือ พ.ศ. 2541 นค้ เี อง นคกั พฤกษศาสตรช์ าวอเมริกนั ค ไดจ้ าแนคก กญั ชาและกญั ชง ออกจากกนั คโดยลกั ษณะทางสณั ฐานควิทยา(Morphology) และพฤกษเืมี (Phytochemistry) โดยใหช้ ื่อ วิทยาศาสตรข์ อง กญั ชง Cannabis sativa L. subsp. sativa กญั ชา Canabis sativa L. subsp. indica (Lam.)
กญั ชง(เฮมพ)์ กัญชา 1. ลาตน้ สงู มากกวา่ 2 เมตร 1. ลาตน้ สงู น้อยกว่า บางชนิดออกเปน็ พ่มุ เต้ยี 2. แตกก่งิ กา้ นนอ้ ย 2. แตกก่ิงกา้ นมาก 3. ใบใหญ่ การเรียงตวั ของใบคอ่ นข้างหา่ ง 3. ใบเล็ก แคบ ยาว การเรียงตัวของใบจะชิด กนั 4. ปล้องหรือข้อยาว 4. ปล้องหรือขอ้ ไม่ยาว 5. เปลอื กเหนียว ลอกง่าย 5. เปลือกไม่เหนยี ว ลอกยาก 6. ใบมีสเี ขยี วอมเหลือง 6. ใบสีเขียว-เขียวจัด 7. ใหเ้ ส้นยาว คุณภาพสงู 7. ให้เสน้ ยาว คุณภาพตา่ 8. เม่อื ออกดอก มยี างทีช่ ่อไม่มาก 8. เมือ่ ออกดอก มียางทชี่ ่อมาก 9. ออกดอกเมือ่ อายมุ ากกว่า 4 เดอื น 9. ออกดอกเมอ่ื อายปุ ระมาณ 3 เดอื น
กญั ชาพืชดอกแบบแยกเพศอยตู่ ่างตน้ (Dioecious) ตน้ ตวั ผู้ ตน้ ตวั เมีย ตน้ กระเทย
ลกั ษณะของใบ ดอกเพศผแู้ ละดอกเพศเมียของกญั ชา ที่มา http://zelenaalternativa.mk
ไทรโคม (Trichome)
ระยะท่ี 1 ไทรโครมใส ระยะท่ี 2 ไทรโครมขน่ ุ สนี า้ นม (Clear Trichome) (Milky Trichome) การสะสมสารคอ่ นขา้ งนอ้ ย ชว่ งที่สะสม THCTHCมากที่สดุ ระยะท่ี 3 ไทรโครมขน่ ุ สีอา้ พนั (Amber Trichome) เกิดการออกซิไดซ์ THC เปลี่ยนเป็ น CBN
Search