Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ๒๕๖๔

พระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ๒๕๖๔

Published by zeenate7, 2021-09-15 07:28:37

Description: การออกเสียงประชามติ คือ การให้สิทธิแก่ประชาชนในการตัดสินใจต่อกิจการหรืองานใด ๆ ถือเป็นการสนับสนุนหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

Keywords: การออกเสียง ประชามติ

Search

Read the Text Version

15 9 2564 การออกเสยี งประชามติ คอื การให้สทิ ธแิ กป่ ระชาชนในการตดั สินใจต่อกิจการหรืองานใด ๆ ถือเปน็ การสนบั สนุนหลกั การสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอยา่ งแท้จริง zee rice



สารบญั พระราชบญั ญตั ิ หนา้ วา่ ดว้ ยการออกเสยี งประชามติ พ.ศ. ๒๕๖๔ คำปรารภ ................................................................................................................................ ๑ หมวด ๑ บทท่วั ไป (มาตรา ๙ - มาตรา ๑๓) ..................……………………………………………... ๔ หมวด ๒ การใหข้ ้อมูลและการจัดใหม้ ีการแสดงความคิดเห็นในเรอ่ื งทีจ่ ัดทำประชามติ (มาตรา ๑๔ - มาตรา ๑๗) ….................................................................................. ๖ หมวด ๓ เขตออกเสยี ง หนว่ ยออกเสียง และทีอ่ อกเสียง (มาตรา ๑๘ - มาตรา ๑๙) …….. ๗ หมวด ๔ ผมู้ สี ทิ ธิออกเสยี งและบัญชีรายชื่อผู้มสี ิทธอิ อกเสยี ง (มาตรา ๒๐ - มาตรา ๒๘).. ๘ หมวด ๕ เจ้าพนกั งานผู้ดำเนนิ การออกเสียง (มาตรา ๒๙ - มาตรา ๓๖) .............................. ๑๑ หมวด ๖ การลงคะแนนออกเสียงและการนับคะแนนออกเสยี ง ……………………………………….. ๑๔ ส่วนท่ี ๑ การลงคะแนนออกเสียงด้วยบัตรออกเสียง (มาตรา ๓๗ - มาตรา ๔๖) .… ๑๔ สว่ นท่ี ๒ การลงคะแนนออกเสยี งทางไปรษณยี ์ (มาตรา ๔๗ - มาตรา ๔๘) ...………. ๑๗ ส่วนที่ ๓ การลงคะแนนออกเสียงโดยเครอ่ื งลงคะแนนออกเสยี งอิเล็กทรอนิกส์ หรอื ทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรอื โดยวิธีอืน่ (มาตรา ๔๙ - มาตรา ๕๒) ........................................................................... ๑๗ สว่ นท่ี ๔ การลงคะแนนออกเสยี งนอกราชอาณาจกั ร (มาตรา ๕๓ - มาตรา ๕๗)… ๑๘ สว่ นที่ ๕ การนับคะแนนออกเสียง (มาตรา ๕๘ - มาตรา ๖๖) .…………............….… ๑๙ หมวด ๗ การประกาศผลการออกเสยี ง (มาตรา ๖๗ - มาตรา ๖๙) ............………………….. ๒๒ หมวด ๘ การคัดคา้ นการออกเสยี ง (มาตรา ๗๐) ……………........................……….……………... ๒๓ หมวด ๙ ความผดิ และบทกำหนดโทษ (มาตรา ๗๑ - มาตรา ๘๕) .................................... ๘๕ กลมุ่ งานรองประธานวุฒสิ ภา คนทห่ี นึ่ง สำนักงานประธานวุฒสิ ภา สำนกั งานเลขาธิการวุฒิสภา

พระราชบญั ญตั ิ วา่ ดว้ ยการออกเสยี งประชามติ พ.ศ. ๒๕๖๔

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๑ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานุเบกษา พระราชบัญญตั ิ ว่าดว้ ยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ๒๕๖๔ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธิบดศี รีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกลา้ เจา้ อยู่หัว ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นปที ี่ ๖ ในรชั กาลปจั จบุ นั พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ใหป้ ระกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมกี ฎหมายว่าด้วยการออกเสยี งประชามติ พระราชบัญญัติน้ีมีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๔ และมาตรา ๔๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บญั ญตั ใิ ห้กระทาได้โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัตแิ ห่งกฎหมาย เหตุผลและความจาเป็นในการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบคุ คลตามพระราชบัญญัติน้ี เพื่อให้ การออกเสียงประชามติเป็นไปโดยสุจริต เท่ียงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการตราพระราชบัญญัติน้ี สอดคล้องกับเงื่อนไขท่ีบัญญตั ไิ วใ้ นมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทยแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคาแนะนาและยินยอม ของรฐั สภา ดังตอ่ ไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ๒๕๖๔”

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๒ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เปน็ ต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ๒๕๕๒ มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญัตนิ ี้ “การออกเสียง” หมายความวา่ การออกเสยี งประชามติ “สทิ ธิออกเสยี ง” หมายความวา่ สิทธอิ อกเสยี งประชามติ “ผมู้ สี ิทธิออกเสียง” หมายความวา่ ผูม้ สี ทิ ธิออกเสียงประชามติ “วนั ออกเสียง” หมายความว่า วันที่กาหนดให้เป็นวันออกเสียงประชามติ “เขตออกเสยี ง” หมายความว่า ทอ้ งที่ทีก่ าหนดใหเ้ ป็นเขตออกเสยี งประชามติ “หนว่ ยออกเสยี ง” หมายความวา่ ท้องท่ีท่ีกาหนดใหเ้ ปน็ หน่วยออกเสียงประชามติ “ที่ออกเสียง” หมายความวา่ สถานทท่ี ีก่ าหนดให้ทาการออกเสียงประชามติ และให้หมายความ รวมถึงบรเิ วณทก่ี าหนดขนึ้ โดยรอบทอ่ี อกเสยี งประชามติ “หีบบัตรออกเสียง” หมายความวา่ หีบบัตรออกเสยี งประชามติ “บัตรออกเสียง” หมายความวา่ บตั รออกเสยี งประชามติ “คะแนนออกเสยี ง” หมายความวา่ คะแนนออกเสยี งประชามติ “จงั หวัด” หมายความรวมถงึ กรงุ เทพมหานครด้วย “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการการเลือกต้ังตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยคณะกรรมการการเลือกตั้ง “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการการเลือกต้ังตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย คณะกรรมการการเลอื กต้งั และใหห้ มายความรวมถงึ ประธานกรรมการการเลอื กตงั้ ดว้ ย “เลขาธกิ าร” หมายความวา่ เลขาธกิ ารคณะกรรมการการเลือกตงั้ ตามกฎหมายประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยคณะกรรมการการเลอื กตัง้ “ผู้ตรวจการเลือกตั้ง” หมายความว่า ผู้ตรวจการเลือกต้ังตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยคณะกรรมการการเลอื กตั้ง “ผู้อานวยการการเลือกตั้งประจาจังหวัด” หมายความว่า ผู้อานวยการการเลือกต้ัง ประจาจงั หวดั ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ด้วยคณะกรรมการการเลอื กตง้ั

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๓ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานุเบกษา “เจ้าพนักงานผู้ดาเนินการออกเสียง” หมายความว่า ประธานกรรมการและกรรมการ การออกเสียงประจาเขตออกเสียง ผู้อานวยการการออกเสียงประจาเขตออกเสียง ประธานกรรมการ และกรรมการประจาหน่วยออกเสียง เจ้าหน้าท่ีรกั ษาความปลอดภัย และผู้ซ่ึงได้รับแต่งต้ังใหช้ ่วยเหลือ การปฏบิ ตั ิงานในการออกเสยี งประชามติ “คณะกรรมการประจาเขต” หมายความวา่ คณะกรรมการการออกเสยี งประจาเขตออกเสียง “กรรมการประจาเขต” หมายความวา่ กรรมการการออกเสียงประจาเขตออกเสยี ง “คณะกรรมการประจาหน่วย” หมายความว่า คณะกรรมการประจาหน่วยออกเสยี ง “กรรมการประจาหนว่ ย” หมายความวา่ กรรมการประจาหนว่ ยออกเสียง “สานักงาน” หมายความว่า สานักงานคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ตามกฎหมายประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยคณะกรรมการการเลอื กตัง้ มาตรา ๕ ในกรณีที่พระราชบัญญัตินี้มิได้กาหนดไว้เป็นประการอื่น การใดท่ีกาหนด ให้แจ้ง ยื่น หรือส่งหนังสือหรือเอกสารให้บุคคลใดเป็นการเฉพาะ ถ้าได้แจ้ง ย่ืน หรือส่งหนังสือหรือ เอกสารให้บุคคลนั้น ณ ภูมิลาเนาหรือที่อยู่ที่ปรากฏตามหลักฐานทางทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วย การทะเบียนราษฎร ให้ถือว่าได้แจ้ง ย่ืน หรือส่งโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติน้ีแล้ว และในกรณีที่ พระราชบัญญัตินก้ี าหนดให้ประกาศหรอื เผยแพรใ่ ห้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ให้ถือว่าการประกาศ หรือเผยแพร่ในระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศหรอื ระบบหรอื วธิ ีการอนื่ ใดทีป่ ระชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โดยสะดวก เปน็ การดาเนินการโดยชอบดว้ ยพระราชบญั ญัตนิ ีแ้ ล้ว ในกรณีที่พระราชบัญญัตินี้กาหนดให้คณะกรรมการมีอานาจกาหนดหรือมีคาส่ังเร่ืองใด ถ้ามิได้กาหนดวิธีการไว้เป็นการเฉพาะ ให้คณะกรรมการกาหนดโดยทาเป็นระเบียบ ประกาศ หรือ คาส่ัง แล้วแต่กรณี และถ้าระเบียบ ประกาศ หรือคาส่ังนั้นใช้บังคับแก่บุคคลทั่วไป ให้ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา และให้ดาเนินการประกาศตามวรรคหนง่ึ ด้วย ท้ังนี้ ถ้าระเบียบ ประกาศ หรือ คาสั่งใดมีการกาหนดข้ันตอนการดาเนินงานไว้ คณะกรรมการต้องกาหนดระยะเวลาการดาเนินงาน ในแต่ละขน้ั ตอนใหช้ ัดเจนดว้ ย มาตรา ๖ ให้คณะกรรมการมีอานาจกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการอ่ืนใด รวมทั้ง วางระเบยี บปฏบิ ัตเิ ทา่ ทีจ่ าเป็นเพอื่ ปฏบิ ัติการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี มาตรา ๗ ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ หากมีความจาเปน็ ไม่อาจจัดให้มีการประชุมร่วมกันได้ ประธานกรรมการการเลือกตั้งอาจกาหนดให้มีการประชุม

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๔ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา ผ่านส่ืออิเล็กทรอนิกส์ โดยกรรมการแต่ละคนอาจอยู่ ณ สถานที่แตกต่างกันได้ และให้เลขาธิการ ดาเนินการบันทึกเสียงและภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารที่คณะกรรมการกาหนด การประชุมดังกล่าวให้มีผลเช่นเดียวกับการประชุมตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติน้ีและ กฎหมายประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในการนี้ ให้คณะกรรมการกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพ่ือใช้บังคับแก่การประชุมของเจ้าพนักงานผู้ดาเนินการออกเสียงตามพระราชบัญญัติน้ี โดยให้ การประชมุ ดงั กล่าว มีผลเช่นเดยี วกับการประชมุ ผ่านสือ่ อเิ ลก็ ทรอนกิ สต์ ามวรรคหนง่ึ มาตรา ๘ ใหป้ ระธานกรรมการการเลอื กตงั้ รักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี หมวด ๑ บททว่ั ไป มาตรา ๙ ใหค้ ณะกรรมการมีหนา้ ท่ีและอานาจจดั และควบคมุ ดูแลการออกเสียงใหเ้ ปน็ ไป โดยสุจริต เที่ยงธรรม เสรี เสมอภาค และชอบด้วยกฎหมาย การออกเสยี งตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี มีดังตอ่ ไปน้ี (๑) การออกเสียงเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามท่ีมีบทบัญญัติกาหนดไว้ ในรฐั ธรรมนญู (๒) การออกเสียงกรณเี มือ่ คณะรัฐมนตรีเห็นว่ามีเหตอุ นั สมควร (๓) การออกเสยี งตามทก่ี ฎหมายกาหนดใหต้ ้องมกี ารออกเสียง (๔) การออกเสียงในกรณีท่รี ฐั สภาไดพ้ ิจารณาและมีมติเหน็ วา่ เปน็ เรอื่ งท่มี ีเหตุสมควรทจี่ ะใหม้ ี การออกเสียงและได้แจ้งเรื่องใหค้ ณะรัฐมนตรดี าเนินการ (๕) การออกเสียงกรณีประชาชนเข้าชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพ่ือให้ความเห็นชอบ ในการออกเสยี ง ตามหลกั เกณฑ์ และวิธีการท่คี ณะกรรมการกาหนด การออกเสียงในเรือ่ งที่มผี ลกระทบต่อสิทธิเสรภี าพของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญได้รบั รองไว้ จะกระทามิได้ ในกรณีที่จะต้องดาเนินการออกเสียงตามวรรคสอง เม่ือคณะรัฐมนตรีมีมติให้มีการออกเสียง หรือเม่ือประธานรัฐสภาแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้วแต่กรณี ให้นายกรัฐมนตรีประกาศใน ราชกิจจานเุ บกษาให้มกี ารออกเสียงตามวันที่กาหนดตามทไ่ี ดห้ ารอื รว่ มกับคณะกรรมการ

เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๕๙ ก หน้า ๕ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๑๐ เม่ือมีกรณีท่ีจะต้องจัดให้มีการออกเสียงตามท่ีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย และเป็นเร่ืองเก่ียวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา ๙ (๑) ให้ประธานรัฐสภาแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ และให้นายกรัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีการออกเสียงตามวันท่ีกาหนดตามท่ีได้หารือร่วมกับคณะกรรมการ ซ่ึงต้องไม่เร็วกว่าเก้าสิบวัน และไมช่ ้ากวา่ หนึง่ รอ้ ยย่ีสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับแจง้ จากประธานรัฐสภา ในการแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบตามวรรคหน่ึง ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญแก้ไข เพม่ิ เตมิ และสาระสาคัญของร่างรัฐธรรมนญู แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ โดยสรุปในลกั ษณะทีป่ ระชาชนจะสามารถเขา้ ใจ เนื้อหาสาคัญของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมได้โดยสะดวกให้นายกรัฐมนตรีทราบพร้อมกับส่งให้ คณะกรรมการเพ่ือดาเนินการต่อไปด้วย มาตรา ๑๑ เม่ือมีกรณีที่จะตอ้ งจัดให้มีการออกเสียงตามมาตรา ๙ (๔) ให้ประธานรัฐสภา แจ้งมติเหน็ ชอบของแตล่ ะสภาให้นายกรฐั มนตรที ราบ ในการแจง้ ดังกลา่ วใหส้ ่งสาระสาคญั ของเร่อื งท่ีจะ ขอทาประชามติในลักษณะที่ประชาชนจะสามารถเข้าใจเนื้อหาสาคัญได้โดยสะดวกให้นายกรัฐมนตรี ทราบดว้ ย หลักเกณฑ์และวิธีการทค่ี ณะกรรมการกาหนดตามมาตรา ๙ (๕) อยา่ งน้อยต้องมีรายละเอยี ด เก่ียวกับจานวนผู้มีสิทธิเข้าช่ือไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคน ส่วนคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และการถูก จากดั สทิ ธขิ องผู้มสี ทิ ธิเขา้ ช่อื ใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๑ และมาตรา ๒๔ เม่ือคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นกรณีท่ีมีเหตุอันสมควรตามมาตรา ๑๖๖ ของรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยในการทจ่ี ะใหม้ ีการออกเสียงตามมาตรา ๙ (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) ให้นายกรัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียงตามวันที่กาหนดตามที่ได้หารือร่วมกับ คณะกรรมการ ซ่ึงต้องไม่เร็วกว่าเก้าสิบวันและไม่ช้ากว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันท่ีคณะรัฐมนตรีมีมติ เว้นแต่กรณีท่ีคณะรัฐมนตรีเห็นว่ามีเหตุผลความจาเป็นในทางงบประมาณหรือเหตุจาเป็นอันมิอาจ หลีกเล่ียงได้ คณะรัฐมนตรีอาจกาหนดวันแตกต่างจากที่กาหนดไว้ได้ ในประกาศดังกล่าวต้องระบุ เร่ืองที่จะขอให้ประชาชนออกเสียงประชามติ โดยมีข้อความท่ีชัดเจนเพียงพอท่ีจะให้ผู้มีสิทธิออกเสียง เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในเรื่องทจ่ี ะจดั ทาประชามติได้โดยสะดวก มาตรา ๑๒ การออกเสียงใหใ้ ช้วธิ ลี งคะแนนออกเสยี งโดยตรงและลบั การออกเสียงให้กระทาโดยใช้บัตรออกเสียง หรือคณะกรรมการอาจกาหนดให้กระทาโดยวิธี ลงคะแนนออกเสียงทางไปรษณีย์ หรือออกเสียงโดยเครื่องลงคะแนนออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ หรือ

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๖ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานเุ บกษา ทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือโดยวิธีอื่น โดยวิธีการน้ันสามารถป้องกันการทุจริตได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ประชาชนเข้าถึงได้โดยสะดวก และอาจใช้วธิ ีลงคะแนนวธิ ีใดวิธีหนง่ึ หรือหลายวิธี และ ใช้ในเขตออกเสียงใดเขตออกเสียงหน่ึงหรือหลายเขตออกเสียง ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงอ่ื นไขทีค่ ณะกรรมการกาหนด มาตรา ๑๓ การออกเสียงท่ีจะถือว่ามีข้อยุติในเรื่องท่ีจัดทาประชามติ ต้องมีผู้มาใช้ สิทธิออกเสียงเป็นจานวนเกินก่ึงหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงและมีจานวนเสียงเกินกึ่งหน่ึงของผู้มาใช้ สิทธิออกเสยี งในเรือ่ งท่ีจดั ทาประชามตนิ น้ั หมวด ๒ การใหข้ อ้ มูลและการจดั ให้มกี ารแสดงความคดิ เหน็ ในเรอ่ื งทจ่ี ดั ทาประชามติ มาตรา ๑๔ ในการจัดทาประชามติตามมาตรา ๑๐ ใหค้ ณะกรรมการเผยแพรร่ ่างรัฐธรรมนญู และสาระสาคัญของร่างรัฐธรรมนูญโดยสรุปที่ได้รับจากประธานรัฐสภาตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง ใหป้ ระชาชนทราบเปน็ การท่วั ไป การเผยแพร่ข้อมูลตามวรรคหน่ึง อย่างน้อยต้องเผยแพร่ผ่านทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ภายในสิบห้าวันนับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียง รวมท้ังจัดทา เอกสารเผยแพรข่ ้อมูลส่งให้เจ้าบา้ นทราบไมน่ ้อยกว่าสามสิบวันก่อนวนั ออกเสยี ง และเผยแพรท่ างสถานี วทิ ยกุ ระจายเสยี งหรือสถานวี ทิ ยุโทรทัศนข์ องรฐั ดว้ ย การจัดทาและการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเร่ืองท่ีจะมีการออกเสียงตามวรรคหน่ึง ต้องมุ่งให้ ประชาชนมีความเข้าใจที่ถูกต้องเก่ียวกับเรื่องท่ีจะมีการออกเสียงและต้องไม่มีลักษณะเป็นการช้ีนา ให้ผ้มู สี ิทธอิ อกเสียงเหน็ ชอบหรือไมเ่ ห็นชอบกับเรื่องท่ีจะมกี ารออกเสยี งนน้ั มาตรา ๑๕ เมื่อจะจัดให้มีการออกเสียงตามมาตรา ๑๑ ให้หน่วยงานของรัฐท่ีรับผิดชอบ ในเร่ืองที่จะจัดทาประชามติตามท่ีคณะรัฐมนตรีกาหนดดาเนินการจัดทาข้อมูล ซึ่งอย่างน้อยต้องมี รายละเอยี ดดังตอ่ ไปน้ี สง่ ใหค้ ณะกรรมการก่อนวันประกาศให้มกี ารออกเสียงไมน่ ้อยกวา่ สบิ ห้าวัน (๑) ช่อื เรอื่ งทจ่ี ะจดั ทาประชามติ และเหตุผลความจาเป็นท่จี ะตอ้ งจัดใหม้ ีการทาประชามติ (๒) สาระสาคัญของกิจการในเร่อื งทที่ าประชามติ (๓) ข้ันตอนและระยะเวลาในการดาเนนิ กิจการในเรอื่ งท่ที าประชามติ

เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๕๙ ก หน้า ๗ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานุเบกษา (๔) ประมาณการค่าใช้จ่ายและที่มาของงบประมาณที่จะนามาใช้จ่ายสาหรับกิจการในเร่ือง ทีท่ าประชามติ (๕) ประโยชนไ์ ด้เสียที่อาจเกิดข้นึ กับประเทศชาติ ท้องถ่ิน หรือประชาชน รวมทง้ั มาตรการ ปอ้ งกนั แก้ไข หรือเยียวยาความเดือดรอ้ นหรือความเสยี หายท่ีอาจเกิดข้ึนจากการดาเนินการพรอ้ มสรุป เปรียบเทียบขอ้ ดีขอ้ เสยี ใหค้ ณะกรรมการเผยแพรข่ อ้ มลู ตามวรรคหนง่ึ ใหป้ ระชาชนทราบเปน็ การท่ัวไป และให้นาความ ในมาตรา ๑๔ วรรคสองและวรรคสาม มาใช้บังคับแกก่ ารจดั ทาขอ้ มูลและการเผยแพรข่ อ้ มูลดังกลา่ วด้วย มาตรา ๑๖ เม่ือไดป้ ระกาศกาหนดวนั ออกเสยี งแล้ว ให้คณะกรรมการเผยแพรก่ ระบวนการ และข้นั ตอนการออกเสยี งใหผ้ ู้มสี ทิ ธอิ อกเสยี งได้รับทราบอยา่ งทัว่ ถงึ การจัดให้มีการแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเรื่องที่จะจัดให้มีการออกเสียงผ่านทางสถานี วิทยุกระจายเสียงหรือสถานีวิทยุโทรทัศน์ ผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์จะต้องเปิดโอกาสให้มี การแสดงความคิดเห็นอย่างรอบดา้ นอย่างเทา่ เทยี มกัน ทงั้ นี้ ตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการทคี่ ณะกรรมการ ประกาศกาหนด ในกรณีที่ความปรากฏต่อคณะกรรมการว่าผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทศั น์ ผู้ใดไม่ดาเนินการให้เป็นไปตามวรรคสอง ให้คณะกรรมการมีอานาจส่ังให้แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรอื ใหก้ ระทาการหรอื งดเว้นการกระทาใด ๆ ภายในระยะเวลาที่กาหนดไดต้ ามทเ่ี หน็ สมควร มาตรา ๑๗ ประชาชน พรรคการเมือง องค์กรเอกชน และกลุ่มต่าง ๆ ในสังคม ย่อมมีสิทธิและเสรีภาพตามรฐั ธรรมนูญในการจัดกิจกรรมรณรงค์เพ่ือการออกเสียงไดโ้ ดยเสรี เสมอภาค และเท่าเทียมกัน ท้งั น้ี ตามหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารทีค่ ณะกรรมการกาหนด ในกรณีเป็นการจัดกิจกรรมเพื่อให้ข้อมูลในการออกเสียงที่กระทาโดยหน่วยงานของรัฐ ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชน พรรคการเมือง องค์กรเอกชน และกลุ่มต่าง ๆ ในสังคมได้เข้าร่วมอย่างเสรี และเทา่ เทยี ม ทัง้ นี้ ตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารที่คณะกรรมการกาหนด หมวด ๓ เขตออกเสยี ง หนว่ ยออกเสยี ง และที่ออกเสยี ง มาตรา ๑๘ การออกเสียงให้ใชเ้ ขตจงั หวดั เป็นเขตออกเสยี ง

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๘ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๑๙ ให้ถือว่าหน่วยเลือกตั้งและท่ีเลือกตั้งที่กาหนดตามกฎหมายประกอบ รฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยการเลอื กตงั้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตง้ั ท่วั ไปครั้งสดุ ท้ายก่อนวนั ออกเสียง เปน็ หนว่ ยออกเสยี งและทีอ่ อกเสยี งตามพระราชบญั ญตั ินี้ ให้ดาเนินการประกาศหน่วยออกเสียงและที่ออกเสียงไม่น้อยกว่ายี่สิบห้าวันก่อนวันออกเสียง โดยให้ปิดประกาศไว้ ณ ที่ออกเสียงหรือบริเวณใกล้เคียงกับท่ีออกเสียง หรือประกาศในรูปแบบอื่น ด้วยกไ็ ดเ้ พ่ือใหป้ ระชาชนทราบเปน็ การทั่วไป ในกรณีเพ่ือประโยชน์ในการอานวยความสะดวกหรือเพ่ือการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้มีสิทธิ ออกเสียง หรือมีเหตุจาเป็นในการประหยัดงบประมาณ คณะกรรมการประจาเขตอาจประกาศ เปลี่ยนแปลงหน่วยออกเสียงหรือที่ออกเสียงได้ โดยประกาศให้ผู้มีสิทธิออกเสียงทราบก่อนวันออกเสยี ง ไม่น้อยกว่าสิบวัน เว้นแต่กรณีเกิดจลาจล อุทกภัย อัคคีภัย เหตุสุดวิสัย หรือเหตุจาเป็นอย่างอ่ืน จะประกาศเปลี่ยนแปลงก่อนวันออกเสียงน้อยกว่าสิบวันก็ได้ ในกรณีเช่นน้ีให้นาความในวรรคสอง มาใชบ้ ังคับด้วยโดยอนุโลม หมวด ๔ ผู้มสี ทิ ธอิ อกเสยี งและบญั ชรี ายชื่อผ้มู สี ทิ ธอิ อกเสียง มาตรา ๒๐ บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปน้ีเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงและมีหน้าที่ไปใช้ สทิ ธิออกเสียงอย่างอสิ ระ (๑) มีสัญชาติไทย แต่บุคคลผู้มสี ัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ ต้องได้สัญชาติไทยมาแล้ว ไมน่ ้อยกว่าหา้ ปี (๒) มีอายุไมต่ ่ากวา่ สิบแปดปีในวนั ออกเสยี ง (๓) มชี อ่ื อยใู่ นทะเบียนบ้านในเขตออกเสยี งมาแลว้ เป็นเวลาไมน่ อ้ ยกว่าเก้าสิบวันนบั ถึงวนั ออกเสยี ง มาตรา ๒๑ บุคคลผู้มีลกั ษณะดังต่อไปนี้ในวันออกเสยี ง เป็นบคุ คลต้องห้ามมิใหใ้ ชส้ ทิ ธิออกเสียง (๑) เป็นภกิ ษุ สามเณร นกั พรต หรือนกั บวช (๒) อยใู่ นระหวา่ งถูกเพกิ ถอนสทิ ธเิ ลือกตงั้ ไม่วา่ คดีนัน้ จะถงึ ท่สี ุดแล้วหรือไม่ (๓) ตอ้ งคุมขงั อยู่โดยหมายของศาลหรอื โดยคาส่งั ทช่ี อบด้วยกฎหมาย (๔) วิกลจริตหรอื จิตฟนั่ เฟอื นไมส่ มประกอบ

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๙ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๒๒ ในการออกเสียงครั้งใด ถ้าผู้มีสิทธิออกเสียงไม่อาจไปใช้สิทธิออกเสียงได้ เน่ืองจากมีเหตุอันสมควร ให้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิออกเสียงต่อบุคคลซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งไว้ ในแต่ละเขตออกเสยี งก่อนวันออกเสียงหรอื ภายในเจ็ดวันนับแตว่ ันออกเสียง ทั้งนี้ การแจง้ เหตทุ ่ีไม่อาจ ไปใช้สิทธิกอ่ นวันออกเสยี งไม่เปน็ การตดั สทิ ธิทผ่ี นู้ น้ั จะไปใชส้ ิทธิออกเสยี ง ในการแจ้งเหตุตามวรรคหน่ึง ให้ผู้มีสิทธิออกเสียงทาเป็นหนังสือหรือโดยวิธีการอ่ืนเพ่ือช้ีแจง เหตุดังกล่าว โดยอาจมอบหมายให้บุคคลใดไปยื่นต่อบุคคลซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งแทน หรือจัดส่ง หนังสอื ชี้แจงเหตนุ ้นั ทางไปรษณียล์ งทะเบยี น หรอื แจ้งโดยวิธีการทางอิเลก็ ทรอนิกส์กไ็ ด้ การแจง้ เหตุ วธิ ีการแจ้งเหตุทางอเิ ล็กทรอนกิ ส์ บคุ คลท่ีจะรบั แจ้งเหตุ และสถานที่รับแจ้งเหตุ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกาหนด โดยในการกาหนดดังกล่าวให้คานึงถึง การอานวยความสะดวกแก่ประชาชนดว้ ย มาตรา ๒๓ เมอ่ื ครบกาหนดหกสบิ วันนบั แตว่ นั ออกเสียง ใหบ้ ุคคลซง่ึ คณะกรรมการแต่งตั้ง ตามมาตรา ๒๒ วรรคหนึง่ ประกาศรายช่อื ผู้ไมไ่ ปใชส้ ทิ ธิออกเสียงและมไิ ดแ้ จ้งเหตุตามมาตรา ๒๒ ในกรณีท่ีประกาศรายช่ือตามวรรคหนึ่งมีความผิดพลาดคลาดเคล่ือนจากข้อเท็จจริง ให้ผู้มี ส่วนได้เสียยื่นคาร้องต่อผู้อานวยการการเลือกต้ังประจาจังหวัดหรือบุคคลซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้ง ตามมาตรา ๒๒ เพื่อดาเนินการแกไ้ ข ทง้ั น้ี ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการท่คี ณะกรรมการกาหนด มาตรา ๒๔ ผู้มีสิทธิออกเสียงผู้ใดไม่ไปใช้สิทธิออกเสียงและมิได้แจ้งเหตุท่ีไม่อาจไปใช้ สทิ ธิออกเสยี ง ผู้น้ันถกู จากดั สิทธิ ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) สมคั รรับเลอื กตั้งเป็นสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร หรือสมาชิกสภาทอ้ งถิน่ หรอื ผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ หรอื สมัครรบั เลือกเปน็ สมาชิกวฒุ สิ ภา (๒) สมัครรบั เลอื กเป็นกานันและผู้ใหญ่บ้านตามกฎหมายวา่ ด้วยลักษณะปกครองทอ้ งท่ี (๓) เขา้ ช่ือเสนอต่อคณะรฐั มนตรตี ามมาตรา ๙ (๕) (๔) ดารงตาแหน่งข้าราชการการเมืองตามกฎหมายวา่ ด้วยระเบยี บข้าราชการการเมือง และ ขา้ ราชการรฐั สภาฝ่ายการเมืองตามกฎหมายวา่ ด้วยระเบียบข้าราชการรฐั สภา (๕) ดารงตาแหน่งรองผบู้ รหิ ารท้องถนิ่ เลขานกุ ารผ้บู รหิ ารท้องถิน่ ผชู้ ่วยเลขานกุ ารผ้บู ริหาร ท้องถิ่น ประธานท่ีปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ท่ีปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ตามกฎหมายว่าดว้ ยการจัดตัง้ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๑๐ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานุเบกษา การจากัดสิทธิตามวรรคหนึ่งให้มีกาหนดเวลาคร้ังละสองปีนับแต่วันออกเสียงครั้งท่ีผู้มีสิทธิ ออกเสยี งไม่ไปใช้สิทธอิ อกเสยี ง และหากในการออกเสียงครั้งตอ่ ไปผ้นู ัน้ ไมไ่ ปใช้สทิ ธิออกเสียงอีกใหน้ บั เวลา การจากดั สทิ ธิครัง้ หลังนี้โดยนับจากวันที่มิไดไ้ ปใช้สิทธอิ อกเสยี งครั้งใหม่ หากกาหนดเวลาการจากดั สทิ ธิ ครัง้ ก่อนยงั เหลืออยเู่ ทา่ ใดให้กาหนดเวลาการจากัดสทิ ธนิ ้ันส้นิ สุดลง มาตรา ๒๕ เมื่อมีการประกาศกาหนดวันออกเสียง ให้คณะกรรมการประจาเขตหรือผู้ซ่ึง คณะกรรมการมอบหมาย จัดทาบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงของแต่ละหน่วยออกเสียงและปิดประกาศไว้ ณ ที่ออกเสียงหรือบริเวณใกล้เคียงกับที่ออกเสียงหรือสถานท่ีท่ีประชาชนสะดวกในการตรวจสอบ ก่อนวันออกเสียงไมน่ ้อยกวา่ ย่สี ิบห้าวนั และให้แจง้ รายชอ่ื ผูม้ สี ิทธิออกเสยี งในทะเบียนบ้านไปยงั เจ้าบ้าน ให้ทราบก่อนวนั ออกเสียงไมน่ ้อยกว่าย่สี บิ วัน บัญชีรายชือ่ ผมู้ ีสทิ ธอิ อกเสียงตามวรรคหน่งึ มิให้ระบุเลขประจาตวั ประชาชนของผู้มีสทิ ธอิ อกเสียง บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงที่จัดทาขึ้นเพ่ือประโยชน์ของเจ้าหน้าท่ีในการตรวจสอบผู้มาใช้ สิทธิออกเสยี ง ณ ทีอ่ อกเสียง ให้ระบเุ ลขประจาตวั ประชาชนของผ้มู ีสทิ ธิออกเสียงด้วย มาตรา ๒๖ ในกรณีทผี่ ู้มสี ิทธิออกเสียงหรอื เจ้าบ้านผู้ใดเหน็ วา่ ตนหรือผูม้ ีช่อื อยู่ในทะเบียนบ้าน ของตนไม่มีรายช่ืออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงแห่งหน่วยออกเสียงที่ตนหรือผู้น้ันสมควรมีช่ือ เป็นผู้มีสิทธิออกเสียงในหน่วยออกเสียงนั้น มีสิทธิย่ืนคาร้องขอเพ่ิมช่ือต่อคณะกรรมการประจาเขต กอ่ นวนั ออกเสยี งไมน่ ้อยกวา่ สิบวนั เม่ือได้รับคาร้องตามวรรคหน่ึงแล้ว ให้คณะกรรมการประจาเขตตรวจสอบหลักฐาน และ ถ้าเหน็ ว่าผยู้ ่ืนคารอ้ งหรอื ผูม้ ชี ่ืออยใู่ นทะเบยี นบ้านเป็นผ้มู สี ิทธิออกเสียง ใหม้ ีคาสง่ั เพมิ่ ชื่อลงในบัญชีรายชื่อ ผู้มีสิทธิออกเสียงโดยเร็ว ถ้าคณะกรรมการประจาเขตเห็นว่าผู้ยื่นคาร้องหรือผู้มีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้าน เป็นผู้ไม่มีสิทธิออกเสียงให้มีคาสั่งยกคาร้อง และแจ้งคาสั่งพร้อมดว้ ยเหตผุ ลให้ผู้นั้นทราบภายในสามวัน นบั แต่วันทไ่ี ดร้ ับคาร้อง เมื่อได้รับแจ้งตามวรรคสองแล้ว ผู้ยื่นคาร้องมีสิทธิยื่นคารอ้ งต่อศาลจังหวัดทต่ี นมีภูมิลาเนาอยู่ หรือต่อศาลแพ่งสาหรับผู้ซ่ึงมีภูมิลาเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร ก่อนวันออกเสียงไม่น้อยกว่าห้าวัน เพ่ือให้ศาลวินิจฉัยว่าจะให้เพิ่มชื่อในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงตามท่ีได้รับคาร้องหรือไม่ โดยไม่ต้อง เสียคา่ ธรรมเนียมศาลในการดาเนนิ กระบวนพิจารณา เม่ือศาลได้รับคาร้องตามวรรคสามแล้ว ให้ศาลดาเนินการพิจารณาโดยเร็ว คาส่ังของศาล ให้เป็นท่ีสุด และให้ศาลแจ้งคาส่ังไปยังคณะกรรมการประจาเขตเพ่ือปฏิบัติการตามคาส่ังโดยเร็วที่สุด

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๑๑ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานุเบกษา และในกรณีทมี่ ีการประกาศบัญชีรายช่ือผู้มสี ิทธอิ อกเสยี งไปก่อนได้รับคาส่ังศาล ให้คณะกรรมการประจาเขต แกไ้ ขบญั ชีรายชอ่ื ผู้มีสิทธอิ อกเสียงทุกฉบับใหถ้ ูกต้องด้วย การใดทไ่ี ดป้ ฏบิ ัตไิ ปตามคาส่ังของคณะกรรมการประจาเขตก่อนไดร้ ับคาสัง่ ศาลใหเ้ ปน็ อันสมบูรณ์ ตามกฎหมาย มาตรา ๒๗ ผู้มีสิทธิออกเสียงผู้ใดเห็นว่าในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงท่ีได้ประกาศ ตามมาตรา ๒๕ มีชื่อผู้ซึ่งไม่มีสิทธิออกเสียง หรือเจ้าบ้านผู้ใดเห็นว่าในบัญชีรายช่ือผู้มีสิทธิออกเสียง ปรากฏชื่อบุคคลอื่นอยู่ในทะเบียนบ้านของตน ผู้มีสิทธิออกเสียงหรือเจ้าบ้านผู้น้ันมีสิทธิย่ืนคาร้อง ต่อคณะกรรมการประจาเขตหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการประจาเขตมอบหมายไดก้ ่อนวนั ออกเสียงไม่นอ้ ยกวา่ สิบวนั เพือ่ ใหถ้ อนชอื่ ผซู้ งึ่ ไมม่ สี ิทธอิ อกเสียงนัน้ ออกจากบัญชีรายช่ือผูม้ ีสิทธอิ อกเสยี ง เม่ือคณะกรรมการประจาเขตพิจารณาแล้วเห็นว่าสมควรสั่งถอนชื่อผู้ซึ่งไม่มีสิทธิออกเสียง ออกจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียง หรือสมควรยกคาร้อง ก็ให้มีคาส่ังถอนชื่อผู้นั้นหรือยกคาร้อง แลว้ แต่กรณี และใหแ้ จ้งคาสั่งให้ผูน้ น้ั หรอื เจา้ บ้านทราบภายในสามวนั นับแตว่ นั ท่ีไดร้ ับคารอ้ ง และใหน้ า ความในมาตรา ๒๖ วรรคสาม วรรคส่ี และวรรคหา้ มาใชบ้ ังคบั ดว้ ยโดยอนุโลม มาตรา ๒๘ ให้คณะกรรมการประจาเขตถอนชือ่ ผซู้ ึ่งศาลสั่งเพกิ ถอนสทิ ธิเลือกตงั้ โดยการขดี ช่ือบคุ คลน้ันออกจากบัญชีรายช่ือผู้มีสิทธิออกเสียง พรอ้ มท้ังหมายเหตุไวด้ ้วยวา่ ถูกเพิกถอนสิทธเิ ลือกตั้ง ตามคาส่ังศาล รายช่ือผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งให้เป็นไปตามทะเบียนผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ทสี่ านักงานจัดทาไว้ตามกฎหมายประกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการเลือกต้ังสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร หมวด ๕ เจา้ พนักงานผดู้ าเนินการออกเสยี ง มาตรา ๒๙ ในการออกเสยี งแตล่ ะครง้ั ใหค้ ณะกรรมการหรอื ผูซ้ ง่ึ คณะกรรมการมอบหมาย แต่งต้ังคณะกรรมการประจาเขตไม่เกินห้าคนและให้ผู้อานวยการการเลือกตั้งประจาจังหวัดเป็น ผู้อานวยการการออกเสียงประจาเขตออกเสียง โดยให้มีหน้าที่และอานาจในเขตออกเสียง ตามท่คี ณะกรรมการประกาศกาหนด รวมทง้ั ปฏบิ ัติงานอ่นื ท่เี กี่ยวข้องตามทค่ี ณะกรรมการมอบหมาย ก า ร แ ต่ ง ตั้ ง แ ล ะ ก า ร พ้ น จ า ก ต า แ ห น่ ง ข อ ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ป ร ะ จ า เ ข ต แ ล ะ ผู้ อ า น ว ย ก า ร การออกเสียงประจาเขตออกเสียง ให้เปน็ ไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารท่คี ณะกรรมการกาหนด

เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๕๙ ก หน้า ๑๒ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานเุ บกษา เพื่อประโยชน์ในการดาเนินการออกเสียง ให้คณะกรรมการประจาเขตหรือผู้อานวยการ การออกเสียงประจาเขตออกเสียงมีอานาจแต่งต้ังคณะอนุกรรมการ คณะบุคคล หรือบุคคลใด เป็นผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานหรือมอบหมายให้ปฏิบัติงานแทนในการจัดให้มีการออกเสียงได้ ตามระเบยี บท่ีคณะกรรมการกาหนด ให้คณะกรรมการ คณะกรรมการประจาเขต หรือผู้อานวยการการออกเสียงประจาเขตออกเสยี ง กากับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ คณะบุคคล หรือบุคคล ผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงาน ในการออกเสียง และในกรณีที่คณะกรรมการเหน็ วา่ การดาเนนิ การหรอื การสงั่ การใดของคณะกรรมการ ประจาเขต ผู้อานวยการการออกเสยี งประจาเขตออกเสียง คณะอนุกรรมการ คณะบุคคล หรือบุคคล ผู้ได้รับมอบหมายมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเท่ียงธรรม ให้คณะกรรมการมีอานาจส่ังยกเลิกหรือ เปล่ยี นแปลงแกไ้ ขการดาเนินการหรือการสัง่ การน้ันได้ มาตรา ๓๐ ให้คณะกรรมการประจาเขตหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการประจาเขตมอบหมาย แต่งตัง้ ผู้มีสทิ ธิออกเสียงเป็นเจ้าพนกั งานผดู้ าเนนิ การออกเสียง ดงั ต่อไปน้ี (๑) คณะกรรมการประจาหน่วย มีหน้าท่ีเก่ียวกับการลงคะแนนออกเสียงในท่ีออกเสียงและ นบั คะแนนออกเสยี งของหนว่ ยออกเสียงแต่ละแห่ง (๒) เจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัย มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยและสนับสนุนการปฏิบัติ หนา้ ท่ีของคณะกรรมการประจาหนว่ ย หลักเกณฑ์การแต่งตั้ง จานวน ค่าตอบแทน และการปฏิบัติหน้าท่ีของเจ้าพนักงาน ผู้ดาเนินการออกเสียง ใหเ้ ป็นไปตามระเบียบทีค่ ณะกรรมการกาหนด ในกรณีท่ีคณะกรรมการประจาเขตหรือผู้ตรวจการเลือกตั้งพบเห็นกรรมการประจาหน่วยหรือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้ใดกระทาผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทาการหรืองดเว้น การกระทาใดอันอาจเป็นเหตใุ ห้การออกเสียงมิได้เป็นไปโดยสุจรติ หรอื เท่ยี งธรรม หรือเป็นไปโดยมชิ อบ ด้วยกฎหมาย ให้รายงานคณะกรรมการหรือกรรมการโดยทันที ในกรณีท่ีเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน ของเจ้าหน้าท่ีของรฐั ใหผ้ ู้ตรวจการเลือกตงั้ มอี านาจแจ้งเตือนให้ปฏิบัติใหถ้ กู ต้องได้ ถา้ ไมม่ ีการดาเนินการ แกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งตามทแี่ จ้งเตอื น ให้รายงานใหค้ ณะกรรมการหรือกรรมการทราบโดยเรว็ ในกรณีที่กรรมการเป็นผู้พบเห็นการกระทาหรือได้รับรายงานตามวรรคสาม ให้กรรมการ มีอานาจส่ังเปลี่ยนกรรมการประจาหน่วยหรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ตามที่เห็นสมควร ทั้งน้ี ในกรณีที่เห็นว่าการกระทาหรือการงดเว้นการกระทาดังกล่าวเป็นการกระทาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ

เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๕๙ ก หน้า ๑๓ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา ให้มีอานาจส่ังให้ระงับ ยับยั้ง แก้ไขเปล่ียนแปลง หรือส่ังให้กระทาการอย่างใดอย่างหน่ึงได้ตามที่ เห็นสมควร ถ้าเป็นการกระทาของบุคคลซ่ึงมิใช่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้มีอานาจสั่งให้พนักงาน ฝ่ายปกครองหรือตารวจ หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจชั้นผู้ใหญ่ดาเนินการตามหน้าที่และอานาจ หรือส่ังให้ผู้อานวยการการออกเสียงประจาเขตออกเสียงบันทึกพฤติกรรมแห่งก ารกระทาและรวบรวม พยานหลกั ฐานไว้เพ่อื ดาเนนิ การตอ่ ไปไดต้ ามท่จี าเปน็ หรือในกรณจี าเป็นอันไม่อาจหลีกเลย่ี งได้ จะสง่ั ให้ ระงับหรือยับย้ังการดาเนินการออกเสียงในหน่วยออกเสียงบางหน่วยหรือทุกหน่วยในเขตออกเสียง ที่พบเห็นการกระทาหรือการงดเว้นการกระทานั้นก็ได้ แล้วรายงานต่อคณะกรรมการเพื่อทราบโดยเร็ว ทง้ั น้ี ตามหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงอ่ื นไขทค่ี ณะกรรมการกาหนด ในกรณีที่ผู้ใดขัดขวางการออกเสียง ให้กรรมการประจาหนว่ ยมีอานาจสั่งให้ผู้นน้ั ออกไปจากที่ ออกเสยี งได้ ทงั้ น้ี ไมเ่ ป็นการตัดสิทธิออกเสยี งของผนู้ ้ัน มาตรา ๓๑ กรรมการ เลขาธิการ ผู้ตรวจการเลือกต้ัง และเจ้าพนักงานผู้ดาเนินการ ออกเสียง ตอ้ งวางตนเปน็ กลางในการปฏบิ ัติหนา้ ที่ และปฏิบัติตามทคี่ ณะกรรมการกาหนด มาตรา ๓๒ ก่อนวันออกเสียง หากกรรมการประจาหนว่ ยมีไม่ครบจานวนไม่ว่าด้วยเหตุใด ใหค้ ณะกรรมการประจาเขตแต่งตง้ั กรรมการประจาหนว่ ยให้ครบจานวน มาตรา ๓๓ ในวันออกเสียง ถ้าถึงเวลาเปิดการลงคะแนนออกเสียงแล้วมีกรรมการ ประจาหน่วยไม่ครบจานวน แต่มาไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของคณะกรรมการประจาหน่วยท่ีได้รับแต่งตั้ง ให้กรรมการประจาหน่วยซึง่ มาปฏิบัติหนา้ ที่ดังกลา่ วปฏิบตั ิหน้าที่ได้ตอ่ ไป และให้รายงานต่อคณะกรรมการ ประจาเขตเพอ่ื แตง่ ตั้งกรรมการประจาหนว่ ยเพ่มิ เตมิ ให้ครบจานวนก่อนการนับคะแนนออกเสยี ง ในกรณีที่ไม่มีกรรมการประจาหน่วยมาปฏิบัติหน้าท่ี ให้คณะกรรมการประจาเขตแต่งตั้ง กรรมการประจาหน่วยเพอ่ื ปฏบิ ัตหิ น้าท่ีในหน่วยออกเสยี งน้นั โดยพลนั มาตรา ๓๔ ในกรณีท่ีมีเหตุอันควรสงสัยว่าเจ้าพนักงานผู้ดาเนินการออกเสียงผู้ใด ขาดประสทิ ธิภาพในการปฏิบัติหน้าท่ี หรือละทง้ิ หนา้ ทหี่ รอื ไมย่ อมปฏบิ ัติหนา้ ที่ หรือวางตนไม่เปน็ กลาง ในการปฏิบัติหน้าที่ หรือกระทาการอันไม่สุจริตหรือไม่เท่ียงธรรม ให้กรรมการมีอานาจส่ังให้ผู้น้ันพ้นจาก การปฏิบัติหน้าที่และแจ้งให้คณะกรรมการประจาเขตแต่งตั้งเจ้าพนักงานผู้ดาเนินการออกเสียงแทน ให้ครบจานวน แล้วรายงานให้คณะกรรมการทราบ มาตรา ๓๕ กรรมการ เลขาธิการ ผู้ตรวจการเลือกต้ัง หรือเจ้าพนักงานผู้ดาเนินการ ออกเสียง ซ่ึงปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติน้ี หรือกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรือคาสั่งของ

เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๕๙ ก หน้า ๑๔ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานุเบกษา คณะกรรมการ หรือปฏิบัติตามคาส่ังของศาลอันเก่ียวกับการออกเสียง หากได้กระทาโดยสุจริต ยอ่ มไดร้ บั ความคุ้มครอง ไมต่ อ้ งรบั ผดิ ทงั้ ทางแพ่ง ทางอาญา หรอื ทางปกครอง มาตรา ๓๖ ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามพระราชบัญญัตินี้ ให้กรรมการ เลขาธิการ ผู้ตรวจการเลอื กตั้ง และเจา้ พนกั งานผู้ดาเนนิ การออกเสยี งเปน็ เจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๖ การลงคะแนนออกเสียงและการนบั คะแนนออกเสยี ง สว่ นท่ี ๑ การลงคะแนนออกเสยี งดว้ ยบตั รออกเสียง มาตรา ๓๗ ให้คณะกรรมการจัดให้มีหีบบัตรออกเสียงและบัตรออกเสียงให้เพียงพอ ตามความจาเปน็ หีบบัตรออกเสียงให้มีลักษณะและขนาดเช่นเดียวกับหีบบัตรเลือกตั้งที่คณะกรรมการกาหนด ในการเลอื กตั้งทัว่ ไปครั้งสดุ ทา้ ยกอ่ นวันออกเสยี ง บตั รออกเสียงและวิธีการออกเสยี ง ใหเ้ ปน็ ไปตามที่คณะกรรมการกาหนด มาตรา ๓๘ การลงคะแนนออกเสียงในบัตรออกเสียง ให้ผู้มีสิทธิออกเสียงทาเคร่ืองหมาย กากบาทในชอ่ งทาเครอื่ งหมายแสดงความคิดเหน็ ในกรณีท่ีผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ประสงค์จะแสดงความคิดเห็น ให้ทาเครื่องหมายกากบาท ลงในชอ่ งทาเครือ่ งหมาย “ไมแ่ สดงความคิดเห็น” มาตรา ๓๙ ในวันออกเสียง ให้เปิดการลงคะแนนออกเสียง ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ นาฬิกา ถึงเวลา ๑๗.๐๐ นาฬิกา มาตรา ๔๐ ภายใต้บังคับมาตรา ๔๑ ผู้มีสิทธิออกเสียงซึ่งมีช่ืออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ ออกเสียงของหน่วยออกเสียงใดให้ลงคะแนนออกเสียงได้ ณ หน่วยออกเสียงนั้น และให้มีสิทธิ ลงคะแนนออกเสียงได้เพียงแห่งเดียว แต่ผู้มีสิทธิออกเสียงซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าท่ีใน หนว่ ยออกเสยี งอ่ืนท่ีมใิ ช่หนว่ ยออกเสียงทต่ี นมีสิทธอิ อกเสียง ใหล้ งคะแนนออกเสียงในหนว่ ยออกเสียงที่ตน ต้องปฏบิ ตั หิ นา้ ทไี่ ด้

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๑๕ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๔๑ ผมู้ ีสทิ ธิออกเสยี งซึ่งอยนู่ อกเขตจงั หวัดทตี่ นมชี ื่ออยู่ในทะเบยี นบ้าน หรอื ผมู้ ชี อื่ อยู่ในทะเบยี นบ้านเป็นเวลานอ้ ยกว่าเก้าสิบวนั นับถึงวนั ออกเสียง จะไปลงคะแนนออกเสียงในหน่วยออกเสยี ง ทีอ่ ย่นู อกเขตออกเสยี งในวันออกเสยี งได้ตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเง่ือนไขทคี่ ณะกรรมการกาหนด มาตรา ๔๒ ก่อนเริ่มเปิดให้มีการออกเสียง ให้คณะกรรมการประจาหน่วยนับจานวน บัตรออกเสียงทั้งหมดของหน่วยออกเสียงน้ัน และปดิ ประกาศจานวนบัตรออกเสียงท้ังหมดในทอ่ี อกเสียงไว้ ในทเี่ ปดิ เผย เมอื่ ถงึ เวลาเปดิ การลงคะแนนออกเสียงใหค้ ณะกรรมการประจาหน่วยเปดิ หีบบัตรออกเสียง ในท่ีเปิดเผยแสดงให้ผู้มีสิทธิออกเสียงซึ่งอยู่ ณ ท่ีออกเสียงน้ันเห็นว่า เป็นหีบเปล่าและ ใหป้ ดิ หีบบัตรออกเสียงตามวธิ กี ารทคี่ ณะกรรมการกาหนด และบันทึกการดาเนินการดงั กลา่ ว โดยให้ผมู้ ี สิทธิออกเสยี งไม่นอ้ ยกว่าสองคนซึง่ อยู่ในทีอ่ อกเสยี งในขณะน้ันลงลายมอื ช่ือในบนั ทึกน้ันด้วย เวน้ แตไ่ มม่ ี ผ้มู สี ทิ ธิออกเสียงอยใู่ นขณะนนั้ มาตรา ๔๓ ในระหว่างเวลาเปิดการลงคะแนนออกเสียง ให้ผู้มีสิทธิออกเสียงซึ่งประสงค์ จะลงคะแนนออกเสียงนาบัตรประจาตัวประชาชน หรือบัตรหรือหลักฐานอ่ืนใดท่ีทางราชการหรือ หน่วยงานของรัฐออกให้ท่ีมีรูปถ่ายและมีหมายเลขประจาตัวประชาชนของผู้ถือบัตร ไปแสดงตน ต่อคณะกรรมการประจาหน่วย แล้วให้คณะกรรมการประจาหน่วยมอบบัตรออกเสียงให้แก่ผู้น้ัน เพ่ือลงคะแนนออกเสยี ง บตั รประจาตวั ประชาชนแม้จะหมดอายุแล้วก็ให้ใชแ้ สดงตนตามวรรคหน่ึงได้ ขัน้ ตอนและวิธกี ารตรวจสอบการแสดงตนให้เป็นไปตามทีค่ ณะกรรมการกาหนด มาตรา ๔๔ ให้คณะกรรมการหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายจัดใหม้ ีการอานวยความสะดวก ในการออกเสียงของผู้มีสิทธิออกเสียงซ่ึงเป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุไว้เป็นพิเศษ หรือจัดให้มีการช่วยเหลือในการออกเสียงภายใต้การกากับดูแลของคณะกรรมการประจาหน่วย การให้ ความช่วยเหลือดังกล่าวต้องให้บุคคลน้ันได้ลงคะแนนออกเสียงด้วยตนเอง เว้นแต่ลักษณะทางกายภาพ ทาให้คนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุไม่สามารถทาเคร่ืองหมายลงในบัตรออกเสียงได้ ให้บุคคลอ่ืน เป็นผู้กระทาการแทนโดยความยินยอมและเป็นไปตามเจตนาของคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือ ผ้สู งู อายนุ ้ัน ทั้งนี้ ใหถ้ อื เป็นการลงคะแนนออกเสยี งโดยตรงและลบั ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นสมควร อาจกาหนดให้มีการจัดที่ออกเสียงหรืออุปกรณ์ออกเสียง สาหรับคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุเป็นกรณีพิเศษ โดยจัดให้บุคคลน้ันได้ลงทะเบียน

เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๕๙ ก หน้า ๑๖ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา เพ่ือขอใช้สิทธิออกเสียง ณ สถานท่ีดังกล่าว และเม่ือได้ลงทะเบียนแล้ว ให้หมดสิทธิออกเสียงใน หนว่ ยออกเสยี งทต่ี นมีชอื่ อยู่ในทะเบียนบา้ น หลักเกณฑ์และวิธีการในการอานวยความสะดวกตามวรรคหนึ่ง การจัดที่ออกเสียง และ การลงทะเบียนเพื่อขอใช้สิทธิออกเสียงตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามระเบียบท่ีคณะกรรมการกาหนด โดยคานึงถึงความสะดวกของผ้ขู อลงทะเบยี นดว้ ย มาตรา ๔๕ เม่ือถึงกาหนดเวลาปิดการลงคะแนนออกเสียงแล้ว ให้คณะกรรมการ ประจาหนว่ ยประกาศปดิ การลงคะแนนออกเสยี ง แตใ่ นกรณที ่ยี ังมีผมู้ ีสิทธอิ อกเสยี งซ่งึ ประสงค์จะลงคะแนน ออกเสียงได้มาปรากฏตัวอยู่ในที่ออกเสียงเพื่อใช้สิทธิออกเสียงแล้วก่อนเวลาปิดการลงคะแนนออกเสยี ง แต่ยังไม่ได้แสดงตนหรือรับบัตรออกเสียง ให้คณะกรรมการประจาหน่วยอนุญาตให้บุคคลเหล่าน้ัน แสดงตนและมอบบัตรออกเสียงให้แก่ผู้มาแสดงตนน้ันเพ่ือใช้สิทธิออกเสียง และเมื่อผู้มีสิทธิออกเสียง ลงคะแนนออกเสียงเสรจ็ ส้นิ แลว้ ให้คณะกรรมการประจาหนว่ ยประกาศปดิ การลงคะแนนออกเสยี ง เมื่อปิดการลงคะแนนออกเสียงแล้ว ให้คณะกรรมการประจาหน่วยงดจ่ายบัตรออกเสียงและ ให้ทาเครื่องหมายในบัตรออกเสียงท่ีเหลืออยู่ให้เป็นบัตรออกเสียงที่ใช้ลงคะแนนออกเสียงไม่ได้ ปิดช่องใส่บัตรออกเสียงบนหีบบัตรออกเสียง และจัดทารายการเกี่ยวกับจานวนบัตรออกเสียงท้ังหมด จานวนผู้มาแสดงตนและรับบัตรออกเสียง และจานวนบัตรออกเสียงท่ีเหลือ รายการดังกล่าว ให้ปดิ ประกาศไวใ้ นท่เี ปดิ เผย ณ ท่อี อกเสยี ง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑแ์ ละวิธีการที่คณะกรรมการกาหนด มาตรา ๔๖ ในกรณีที่การออกเสียงในหน่วยออกเสียงแห่งใดไม่สามารถกระทาได้ อนั เนื่องจากเกดิ จลาจล อุทกภัย อคั คีภัย เหตุสดุ วิสัย หรือเหตจุ าเปน็ อย่างอื่น ถ้าเหตุดังกลา่ วเกดิ ขึน้ ก่อนวันออกเสียง ให้คณะกรรมการประจาเขตกาหนดท่ีออกเสียงใหม่ ถ้าไม่อาจกาหนดท่ีออกเสียงใหมไ่ ด้ ให้ประกาศงดการออกเสยี งในหนว่ ยออกเสียงนนั้ แลว้ รายงานคณะกรรมการทราบโดยเร็ว ในกรณีท่ีเหตุตามวรรคหนึ่งเกิดข้ึนในวันออกเสียง ให้คณะกรรมการประจาเขตห รือ คณะกรรมการประจาหน่วยประกาศงดการออกเสียงในหน่วยออกเสียงนั้นแล้วรายงานคณะกรรมการ ทราบโดยเรว็ การดาเนินการตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ คณะกรรมการกาหนด ให้คณะกรรมการกาหนดวันลงคะแนนออกเสียงใหม่สาหรับหนว่ ยออกเสียงนั้นโดยเร็ว เว้นแต่ คณะกรรมการเห็นว่าจานวนผู้มีสิทธิออกเสียงของหน่วยออกเสียงน้ันไม่เปลี่ยนแปลงผลการออกเสียง

เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๕๙ ก หน้า ๑๗ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานเุ บกษา คณะกรรมการจะไม่จัดให้มีการลงคะแนนออกเสียงใหม่ในหน่วยออกเสียงนั้นก็ได้ ท้ังน้ี ในกรณีที่ ไมม่ กี ารจัดใหม้ ีการลงคะแนนออกเสยี งใหม่ มใิ ห้ถอื วา่ ผมู้ ีสิทธิออกเสียงเปน็ ผู้ไม่ไปใช้สทิ ธอิ อกเสยี ง ส่วนที่ ๒ การลงคะแนนออกเสยี งทางไปรษณีย์ มาตรา ๔๗ ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นสมควรให้มีการลงคะแนนออกเสียงทางไปรษณีย์ ใหค้ ณะกรรมการประกาศใหผ้ มู้ ีสิทธิออกเสียงใช้สทิ ธลิ งคะแนนออกเสียงทางไปรษณีย์ได้ ผู้มีสิทธิออกเสียงที่ประสงค์จะใช้สิทธิออกเสียงทางไปรษณีย์ให้ยื่นคาขอต่อคณะกรรมการ ประจาเขตภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกาหนด หลักเกณฑ์และวิธีการลงทะเบียน การลงคะแนนออกเสียง การนับคะแนนออกเสียง และ การดาเนินการอืน่ ทจี่ าเปน็ ใหเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารทีค่ ณะกรรมการกาหนด มาตรา ๔๘ เมื่อขอใช้สิทธิออกเสียงตามมาตรา ๔๗ แล้ว ให้ผู้มีสิทธิออกเสียงนั้น หมดสิทธิลงคะแนนออกเสียงในหน่วยออกเสียงท่ีตนมีช่ืออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงของ หน่วยออกเสยี งนน้ั สว่ นที่ ๓ การลงคะแนนออกเสยี งโดยเครอ่ื งลงคะแนนออกเสยี งอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ หรือทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรอื โดยวธิ อี นื่ มาตรา ๔๙ ใน กร ณีที่คณะกรร มการเห็นสมควรให้มีการลงคะ แนนออกเสียง โดยเคร่ืองลงคะแนนออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ ในหน่วยออกเสียงใดหน่วยออกเสียงหนึ่งหรือ หลายหน่วยออกเสียง ให้คณะกรรมการประกาศใหผ้ ู้มสี ทิ ธิออกเสียงในหนว่ ยออกเสยี งน้ันทราบ หลักเกณฑ์และวิธีการลงคะแนนออกเสียง การนับคะแนนออกเสียงและการดาเนินการอ่ืน ทจี่ าเปน็ ใหเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกาหนด มาตรา ๕๐ ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นสมควรให้มีการลงคะแนนออกเสียงทางระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศ ให้คณะกรรมการประกาศให้ผู้มีสิทธิออกเสียงใช้สิทธิลงคะแนนออกเสียง ทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๑๘ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา ผู้มีสิทธิออกเสียงที่ประสงค์จะใช้สิทธิออกเสียงทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้ย่ืนคาขอ ต่อคณะกรรมการประจาเขตภายในระยะเวลาทีค่ ณะกรรมการกาหนด หลักเกณฑ์และวิธีการลงทะเบียน การลงคะแนนออกเสียง การนับคะแนนออกเสียง และการดาเนนิ การอน่ื ที่จาเป็นใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการท่ีคณะกรรมการกาหนด มาตรา ๕๑ เม่ือขอใช้สิทธิออกเสียงตามมาตรา ๕๐ แล้ว ให้ผู้มีสิทธิออกเสียงนั้น หมดสิทธิลงคะแนนออกเสียงในหน่วยออกเสียงที่ตนมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงของ หน่วยออกเสียงนน้ั มาตรา ๕๒ ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นสมควรให้มีการลงคะแนนออกเสียงโดยวิธีอื่น นอกจากการลงคะแนนออกเสียงตามมาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑแ์ ละวิธีการ ทีค่ ณะกรรมการกาหนด สว่ นที่ ๔ การลงคะแนนออกเสยี งนอกราชอาณาจักร มาตรา ๕๓ ในการออกเสียง ผู้มีสิทธิออกเสียงซ่ึงมีถิ่นที่อยู่นอกราชอาณาจักรจะขอ ลงทะเบียนเพอื่ ใช้สทิ ธอิ อกเสียง ณ ประเทศทต่ี นมถี ิน่ ท่อี ยูก่ ไ็ ด้ เม่ือได้ลงทะเบียนตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ผู้มีสิทธิออกเสียงใช้สิทธิออกเสียงได้ตามท่ีกาหนดไว้ ในมาตรา ๕๔ และมาตรา ๕๕ หลักเกณฑ์และวิธีการลงทะเบียนการขอใช้สิทธิออกเสียงตามวรรคหน่ึง สถานท่ีและจานวน ท่อี อกเสยี ง วันทกี่ าหนดใหม้ าใชส้ ิทธลิ งคะแนนออกเสียง การลงคะแนนออกเสยี ง การส่งบัตรออกเสยี ง และการดาเนินการอ่ืนที่จาเป็นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกาหนด ทั้งนี้ วันที่กาหนดให้มาใช้สิทธิลงคะแนนออกเสียง คณะกรรมการจะกาหนดให้แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ตามท่ีเหน็ สมควรกไ็ ด้ ผู้ใดลงทะเบียนตามวรรคสามและได้ไปใช้สิทธิออกเสียงแล้ว แต่มิได้ไปใช้สิทธิออกเสียง ในการออกเสียงใหม่ ให้ถือว่าการลงทะเบียนน้ันเป็นการแจ้งเหตุอันสมควรและไม่ถูกจากัดสิทธิ ตามมาตรา ๒๔ มาตรา ๕๔ ในกรณีท่ีมีผู้มีสิทธิออกเสียงลงทะเบียนเพ่ือขอใช้สิทธิออกเสียงในประเทศใด ให้คณะกรรมการหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายจัดให้มีการลงคะแนนออกเสียงในประเท ศนั้น โดยอาจจัดให้มีสถานท่ีลงคะแนน หรือให้มีการลงคะแนนออกเสียงทางไปรษณีย์ หรือลงคะแนนออกเสยี ง

เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๕๙ ก หน้า ๑๙ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานเุ บกษา โดยเครื่องลงคะแนนออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ หรือทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือโดยวิธีอ่ืนก็ได้ ทั้งนี้ ให้พิจารณาตามความเหมาะสมของประเทศนั้น และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เง่อื นไขทค่ี ณะกรรมการกาหนด มาตรา ๕๕ เมอ่ื ขอใช้สิทธอิ อกเสยี งตามมาตรา ๕๓ แล้ว ใหผ้ มู้ ีสิทธอิ อกเสียงน้นั หมดสทิ ธิ ลงคะแนนออกเสียงในหนว่ ยออกเสียงที่ตนมีชื่ออยู่ในบญั ชีรายชอื่ ผูม้ สี ทิ ธอิ อกเสียงของหนว่ ยออกเสยี งนน้ั มาตรา ๕๖ ก่อนวันออกเสียงไม่นอ้ ยกว่าสามวนั ให้คณะกรรมการประกาศให้ประชาชนทราบ เป็นการท่วั ไปถงึ จานวนผูล้ งทะเบยี นขอใชส้ ิทธิออกเสยี งนอกราชอาณาจกั รแยกตามประเทศ มาตรา ๕๗ กรณีมเี หตุตามมาตรา ๔๖ ใหค้ ณะกรรมการหรอื ผูซ้ ่ึงคณะกรรมการมอบหมาย มีอานาจประกาศกาหนดวันลงคะแนนออกเสียงตามมาตรา ๕๔ เฉพาะในเขตออกเสียงนัน้ ใหม่ ในกรณีมีเหตุตามวรรคหนึ่งสองคร้ังติดต่อกัน ให้คณะกรรมการหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการ มอบหมาย สั่งงดการลงคะแนนออกเสียงสาหรับการออกเสียงลงคะแนนนอกราชอาณาจักร ในเขตออกเสียงน้นั ในกรณเี ชน่ นั้น ถ้าผลู้ งทะเบยี นมไิ ดไ้ ปใช้สทิ ธอิ อกเสยี ง ใหถ้ ือวา่ การลงทะเบยี นน้ัน เป็นการแจ้งเหตุอันสมควรและไม่ถูกจากดั สทิ ธิตามมาตรา ๒๔ สว่ นท่ี ๕ การนบั คะแนนออกเสียง มาตรา ๕๘ เม่ือได้ดาเนินการตามมาตรา ๔๕ แล้ว ให้คณะกรรมการประจาหน่วย เปดิ หีบบัตรออกเสียงตอ่ หน้าประชาชนท่ีอยู่ ณ ท่ีออกเสยี ง แล้วดาเนนิ การนับคะแนนออกเสียง มาตรา ๕๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๖๕ การนับคะแนนออกเสียงให้กระทา ณ ท่ีออกเสียง โดยเปิดเผยติดตอ่ กันจนเสรจ็ ส้นิ และห้ามมใิ หเ้ ลื่อนหรอื ประวิงการนับคะแนนออกเสยี ง การนบั คะแนนออกเสียงให้เปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์และวิธีการท่คี ณะกรรมการกาหนด มาตรา ๖๐ ในการนับคะแนนออกเสียง หากปรากฏว่ามีบัตรเสีย ให้แยกบัตรเสียออกไว้ ตา่ งหากและหา้ มมใิ ห้นบั บตั รเสียเป็นคะแนนออกเสยี งไมว่ า่ กรณีใด มาตรา ๖๑ บตั รออกเสยี งดังตอ่ ไปน้ีให้ถือวา่ เป็นบัตรเสีย (๑) บตั รปลอม (๒) บัตรทีม่ ิใช่บตั รท่ีกรรมการประจาหน่วยมอบให้

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๒๐ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา (๓) บัตรท่ีทาเคร่ืองหมายเพ่ือเป็นที่สังเกต หรือเขียนข้อความใด ๆ ลงในบัตรออกเสียง นอกจากเคร่ืองหมายในการลงคะแนนออกเสียง เว้นแต่เป็นการกระทาโดยชอบด้วยกฎหมายของ เจ้าพนกั งานผู้ดาเนนิ การออกเสียง (๔) บตั รที่มิได้ทาเคร่ืองหมายลงคะแนนออกเสยี ง (๕) บัตรที่ทาเครอื่ งหมายลงคะแนนออกเสียงนอกช่อง “ทาเครอ่ื งหมาย” (๖) บัตรที่ทาเครอ่ื งหมายลงคะแนนออกเสียงในชอ่ ง “ทาเครื่องหมาย” เกินหนึง่ เครอ่ื งหมาย (๗) บตั รท่ีมีลักษณะตามทีค่ ณะกรรมการประกาศกาหนดว่าเปน็ บัตรเสยี ให้คณะกรรมการประจาหน่วยสลักหลังในบัตรเสียว่า “เสีย” พร้อมทั้งระบุเหตุผลว่า เป็นบัตรเสยี เพราะเหตุใด และลงลายมอื ชอื่ กากับไว้ไมน่ อ้ ยกวา่ สองคน มาตรา ๖๒ ถ้าการออกเสียงมีมากกว่าหนงึ่ ประเด็นในบัตรออกเสียงเดียวกัน ให้บัตรออกเสยี ง ท่มี ลี ักษณะตามมาตรา ๖๑ (๑) (๒) หรือ (๓) เป็นบตั รเสียท้งั ฉบบั และมิใหน้ บั เปน็ คะแนนออกเสยี ง ในกรณีตามวรรคหนึ่ง บัตรออกเสียงท่ีมีลักษณะตามมาตรา ๖๑ (๔) (๕) (๖) หรือ (๗) ใหม้ ีผลดังตอ่ ไปน้ี (๑) บัตรออกเสียงท่ีมีลักษณะตามมาตรา ๖๑ (๔) ถ้ามิได้ทาเคร่ืองหมายในทุกประเด็น ให้เป็นบตั รเสียทง้ั ฉบบั และมิใหน้ บั เป็นคะแนนออกเสียง แต่ถ้าได้ทาเคร่อื งหมายประเดน็ ใดประเด็นหน่ึง ให้ถือเป็นบตั รดแี ละนับคะแนนออกเสียงสาหรบั ประเดน็ ท่ที าเครือ่ งหมายไว้ (๒) บัตรออกเสียงท่ีมีลักษณะตามมาตรา ๖๑ (๕) หรือ (๖) ถ้าทาเคร่ืองหมายลงคะแนน ออกเสียงตามลักษณะที่กาหนดตามมาตรา ๖๑ (๕) หรือ (๖) ในทุกประเด็น ให้เป็นบัตรเสียท้ังฉบบั และมิให้นับเป็นคะแนนออกเสียง แต่ถ้าได้ทาเคร่ืองหมายตามลักษณะดังกล่าวประเด็นใดประเด็นหน่ึง มิให้นับประเดน็ นัน้ เปน็ คะแนนออกเสยี ง (๓) บัตรออกเสียงท่ีมีลักษณะตามมาตรา ๖๑ (๗) จะเป็นบัตรเสียทั้งฉบับหรือเสียเพียง บางประเดน็ และใหน้ บั บางประเดน็ เพยี งใด ให้เปน็ ไปตามที่คณะกรรมการกาหนด มาตรา ๖๓ เม่ือนับคะแนนออกเสียงเสร็จแลว้ ให้คณะกรรมการประจาหนว่ ยนาบตั รออกเสยี ง ของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงท้ังหมดใส่ไว้ในหีบบัตรออกเสียงพร้อมทั้งรายงานผลการนับค ะแนนออกเสียง แล้วปิดหีบบัตรออกเสียงจัดส่งไปให้คณะกรรมการประจาเขตตามวิธีการท่ีคณะกรรมการกาหนด และ ให้นารายงานผลการนบั คะแนนออกเสียงปิดประกาศไว้ใหป้ ระชาชนทราบเปน็ การทวั่ ไป ณ ที่ออกเสียง

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๒๑ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา ให้คณะกรรมการประจาเขตรายงานผลการนับคะแนนออกเสียงตามวรรคหน่ึงผ่านระ บบ เทคโนโลยีสารสนเทศด้วย มาตรา ๖๔ ในกรณีท่ีผลการนับคะแนนออกเสียงปรากฏว่าจานวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียง ไม่ตรงกับจานวนบัตรออกเสียงที่ใช้ลงคะแนนออกเสียง หรือไม่ตรงกับคะแนนออกเสียงที่นับได้ ให้คณะกรรมการประจาหน่วยดาเนินการตรวจสอบ ถ้าผลการตรวจสอบยังไม่ตรงกันอีกหรือไมส่ ามารถ ตรวจสอบได้ ให้รายงานคณะกรรมการประจาเขตพร้อมเหตุผล และนาส่งหีบบัตรออกเสียงพร้อมวัสดุ อปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการออกเสียงแก่คณะกรรมการประจาเขตหรือผซู้ ึง่ คณะกรรมการประจาเขตมอบหมาย เม่ือคณะกรรมการประจาเขตได้รับรายงานตามวรรคหน่ึง ให้รายงานคณะกรรมการ เพ่ือพิจารณาส่ังให้มีการนับคะแนนออกเสียงใหม่หรือส่ังให้มีการออกเสียงใหม่ในหน่วยออกเสียงนั้น แต่ถ้าคณะกรรมการเห็นว่าจานวนผู้มาแสดงตนของหน่วยออกเสียงน้ันไม่เปลี่ยนแปลงผลการออกเสียง คณะกรรมการจะไม่สั่งให้มีการนับคะแนนออกเสียงใหม่ หรือไม่สั่งให้มีการออกเสียงใ หม่ใน หนว่ ยออกเสยี งน้นั กไ็ ด้ มาตรา ๖๕ ถ้าการนับคะแนนออกเสียง ณ ท่ีออกเสียงใดไม่สามารถกระทาได้หรือ ไม่สามารถนบั คะแนนออกเสียงได้จนเสร็จสิ้น อนั เนอ่ื งจากเกิดจลาจล อุทกภยั อคั คีภยั เหตุสดุ วิสัย หรือ เหตอุ ยา่ งอืน่ ท่ีอาจมีผลต่อความปลอดภยั หรือเป็นอุปสรรคตอ่ การนบั คะแนนออกเสียง ใหค้ ณะกรรมการ ประจาหน่วยประกาศงดการนับคะแนนออกเสียงสาหรับหน่วยออกเสียงน้ัน แล้วรายงานต่อ คณะกรรมการประจาเขต เพ่ือรายงานให้คณะกรรมการทราบโดยเร็ว และให้คณะกรรมการกาหนดวัน เวลา และนับคะแนนออกเสียงต่อไปโดยเร็ว สาหรับสถานท่ีนับคะแนนออกเสียงใหม่ คณะกรรมการ จะกาหนดให้นับ ณ สถานท่ีอื่นใดที่เห็นสมควรท่ีมิใช่ที่ออกเสียงเดิมก็ได้ ทั้งน้ี การเก็บรักษา บตั รออกเสยี ง หบี บัตรออกเสยี ง และเอกสารเก่ียวกับการออกเสียง รวมทง้ั วิธกี ารนับคะแนนออกเสยี งใหม่ ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารท่ีคณะกรรมการกาหนด ในกรณตี ามวรรคหน่งึ ถ้าความปรากฏตอ่ คณะกรรมการว่ามีบตั รออกเสยี งท่ีได้มกี ารลงคะแนน ออกเสียงแล้วชารุดหรือสูญหาย ให้คณะกรรมการสั่งให้มีการออกเสียงใหม่สาหรับหน่วยออกเสียงนั้น ตามวัน เวลา และสถานท่ีท่ีคณะกรรมการกาหนด เว้นแต่จานวนผู้มีสิทธิออกเสียงในหน่วยออกเสียงน้ัน ไม่เปลีย่ นแปลงผลการออกเสยี ง คณะกรรมการจะไม่สัง่ ให้มกี ารออกเสยี งใหม่ก็ได้

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๒๒ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานเุ บกษา ในกรณีท่ีคณะกรรมการเห็นว่า จานวนบตั รออกเสยี งหรอื จานวนผู้มาแสดงตนใชส้ ิทธิออกเสียง ของหน่วยออกเสียงที่ไม่สามารถนับคะแนนออกเสียงไดไ้ ม่เปลี่ยนแปลงผลการออกเสียง คณะกรรมการ อาจไมส่ ัง่ นบั คะแนนออกเสยี งใหมใ่ นหนว่ ยออกเสยี งนัน้ กไ็ ด้ มาตรา ๖๖ การนับคะแนนออกเสียงนอกราชอาณาจักรให้ดาเนินการนับคะแนนออกเสียง ณ สถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลใหญ่ หรือสถานท่ีท่ีคณะกรรมการหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการ มอบหมายกาหนดภายในส่สี บิ แปดชั่วโมงหลังปิดการลงคะแนนในวันออกเสยี งในราชอาณาจกั ร การนบั คะแนนออกเสียง และการรายงานผลการนบั คะแนนออกเสียงตามวรรคหนง่ึ ให้เป็นไป ตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารท่คี ณะกรรมการกาหนด และใหน้ าความในมาตรา ๖๕ มาใช้บังคบั โดยอนุโลม หมวด ๗ การประกาศผลการออกเสียง มาตรา ๖๗ ให้คณะกรรมการประจาเขตรวมผลคะแนนออกเสียงจากทุกหน่วยออกเสียง ภายในเขตออกเสียงและที่ออกเสียงนอกเขตจังหวัด เพื่อรายงานผลการรวมคะแนนออกเสียง ให้คณะกรรมการทราบโดยเร็วซ่ึงต้องไม่ช้ากว่าวันถัดจากวันออกเสียงหรือวันที่คณะกรรมการขยายให้ ตามวธิ ีการท่คี ณะกรรมการกาหนด เพื่อประโยชน์แก่การแจ้งข้อมลู การออกเสียงตอ่ ประชาชนใหเ้ กิดความรวดเร็ว คณะกรรมการ อาจดาเนนิ การให้มกี ารรายงานผลการนบั คะแนนอย่างไมเ่ ป็นทางการได้ มาตรา ๖๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๗๐ เม่ือพ้นระยะเวลาคัดค้านแล้ว ให้คณะกรรมการ ประกาศผลการออกเสียงและจานวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียงในราชกิจจานุเบกษา และรายงาน ใหน้ ายกรัฐมนตรแี ละประธานรัฐสภาทราบโดยเรว็ มาตรา ๖๙ ในกรณีท่ีการออกเสียงหรือการนับคะแนนออกเสียงในหน่วยออกเสียงใด ไม่สามารถกระทาได้ เนื่องจากมีเหตุตามมาตรา ๔๖ หรือมาตรา ๖๕ หรือปรากฏว่าจานวนผู้มาใช้ สิทธอิ อกเสียงไม่ตรงกบั จานวนบัตรออกเสียงที่ใช้ลงคะแนนออกเสียงตามมาตรา ๖๔ หรอื มีการคัดค้าน การออกเสียงตามมาตรา ๗๐ และคณะกรรมการเห็นว่ากรณีดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงผลการออกเสียง ให้คณะกรรมการดาเนนิ การตามมาตรา ๖๘

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๒๓ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานุเบกษา หมวด ๘ การคดั ค้านการออกเสยี ง มาตรา ๗๐ เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการว่าการออกเสียงในทุกหน่วยออกเสียงหรือ บางหน่วยออกเสียงมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเท่ียงธรรม ไม่ว่าจะมีผู้ร้องเรียนหรือคัดค้านหรือไม่ ให้คณะกรรมการดาเนินการไต่สวนและวินิจฉัยโดยเร็ว และในกรณีที่เห็นว่าการออกเสียงมิได้เป็นไป โดยสุจริตหรือเท่ียงธรรม ให้คณะกรรมการมีอานาจสั่งให้มีการออกเสียงใหม่หรือนับคะแนนออกเสียงใหม่ ในทุกหน่วยออกเสียงหรือบางหน่วยออกเสียงก็ได้ แต่ต้องดาเนินการให้มีข้ึนไม่ช้ากว่าสามสิบวันนับแต่ วันออกเสียง แต่ในกรณีที่การออกเสียงใหม่หรือการนับคะแนนออกเสียงใหม่จะไม่เปลี่ยนแปลง ผลการออกเสียง คณะกรรมการจะมีมติไมใ่ ห้มกี ารออกเสยี งใหม่หรอื นับคะแนนออกเสียงใหมก่ ไ็ ด้ แต่ตอ้ ง ประกาศให้ประชาชนทราบถึงพฤติการณ์แห่งการกระทาและเหตุผลที่ไม่ให้มีการออกเสียงใหม่หรือ นบั คะแนนออกเสียงใหม่ ผู้มีสิทธิออกเสียงในหน่วยออกเสียงใดเหน็ ว่ามีกรณีตามวรรคหนึ่งในหนว่ ยออกเสียงท่ีตนมสี ิทธิ ออกเสียง มีสทิ ธิย่ืนคาคัดค้านตอ่ คณะกรรมการโดยมรี ายละเอยี ดแหง่ พฤติการณ์หรอื หลักฐานพอสมควร ท่ีแสดงให้เห็นว่าการออกเสียงนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเท่ียงธรรมภายในส่ีสิบแปดชั่วโมงนับแต่ การลงคะแนนออกเสยี งประชามตสิ ิน้ สุดลง วิธีการยื่นคาคัดค้านและวิธีการพิจารณาตามวรรคสองให้เป็นไปตามระเบียบท่ีคณะกรรมการ กาหนด คาวนิ จิ ฉัยของคณะกรรมการให้เป็นท่สี ุด ในระหว่างที่มีการดาเนินการออกเสียงใหม่หรือนับคะแนนออกเสียงใหม่ตามวรรคหนึ่ง ให้รอ การประกาศผลการออกเสียงไว้ก่อนจนกว่าจะรู้ผลการออกเสียงใหม่หรือการนับคะแนนออกเสียงใหม่ ดังกล่าว หมวด ๙ ความผดิ และบทกาหนดโทษ มาตรา ๗๑ ห้ามมิให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐซึ่งมีหน้าท่ีหรือได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าท่ี ตามพระราชบัญญัตินี้ ใช้ตาแหน่งหน้าท่ี หรือปฏิบัติหน้าท่ีหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือกระทาการใด ๆ อนั เป็นเหตุให้การออกเสียงไมเ่ ปน็ ไปโดยสจุ รติ หรอื เที่ยงธรรม

เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๕๙ ก หน้า ๒๔ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานุเบกษา ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับต้ังแต่สองหมื่นบาท ถงึ สองแสนบาท และให้ศาลสง่ั เพิกถอนสิทธิเลอื กต้ังมีกาหนดสิบปี มาตรา ๗๒ ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ กรรมการ เลขาธิการ ผู้ตรวจการเลอื กตงั้ ผูอ้ านวยการการออกเสยี งประจาเขตออกเสยี ง คณะกรรมการประจาเขต กรรมการ ประจาเขต คณะกรรมการประจาหน่วย กรรมการประจาหน่วย คณะอนุกรรมการ อนุกรรมการ คณะบคุ คล หรอื บุคคลซง่ึ คณะกรรมการแตง่ ตงั้ ในการปฏิบตั ิตามพระราชบัญญตั นิ ้ี ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินหนงึ่ ปี หรือปรับไม่เกินสองหม่ืนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ ถ้าการขัดขวางการปฏิบัติงานตามวรรคหน่ึง ได้กระทาโดยใช้กาลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่า จะใช้กาลังประทุษร้าย ผู้กระทาต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หม่ืนบาท หรือ ท้ังจาทัง้ ปรบั มาตรา ๗๓ ผู้บังคับบัญชาหรือนายจ้างผู้ใดขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวผู้ใต้บังคับบัญชาหรือ ลูกจ้างในการไปใช้สิทธิออกเสียง ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินส่ีหมื่นบาท หรอื ทง้ั จาท้ังปรบั มาตรา ๗๔ ผู้ใดทาลายบัตรออกเสียงโดยไมม่ อี านาจกระทาไดห้ รอื จงใจกระทาดว้ ยประการใด ๆ ให้บัตรออกเสียงชารุด หรือเสียหาย หรือให้เป็นบัตรเสีย หรือกระทาด้วยประการใดแก่บัตรเสียให้เป็น บตั รท่ีใช้ได้ ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กนิ หน่งึ ปี หรอื ปรบั ไม่เกนิ สองหมื่นบาท หรือทง้ั จาทง้ั ปรับ ถ้าผู้กระทาตามวรรคหนึ่งเป็นเจ้าพนักงานหรือเป็นผู้มีหน้าท่ีเกี่ยวกับการดาเนินการออกเสียง ต้องระวางโทษจาคุกต้ังแต่หน่ึงปีถึงสิบปี และปรับต้ังแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลส่ัง เพิกถอนสทิ ธิเลอื กต้ังมกี าหนดสบิ ปี มาตรา ๗๕ ผู้ใดทาลายเครื่องลงคะแนนออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ออกเสียง อิเล็กทรอนิกส์ หรือข้อมูลการลงคะแนนออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่มีอานาจกระทาได้ หรือจงใจ กระทาด้วยประการใด ๆ ให้เครื่องลงคะแนนออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ออกเสียงอิเล็กทรอนกิ ส์ หรือข้อมูลการลงคะแนนออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ ชารุด หรือเสียหาย หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูล การลงคะแนนออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผิดไปจากความเป็นจริง ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรบั ไม่เกนิ หนึง่ แสนบาท หรือท้ังจาทัง้ ปรบั

เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๕๙ ก หน้า ๒๕ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา ถ้าผู้กระทาตามวรรคหนึ่งเป็นเจ้าพนักงานหรือเป็นผู้มีหน้าท่ีเก่ียวกับการดาเนินการออกเสียง ต้องระวางโทษจาคุกต้ังแต่หน่ึงปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหม่ืนบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลส่ัง เพิกถอนสิทธเิ ลือกต้งั มีกาหนดสบิ ปี มาตรา ๗๖ ผู้ใดกระทาการในระหว่างเวลาเปิดการลงคะแนนออกเสียง ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ออกเสียงหรือพยายามออกเสียงประชามติ โดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ไม่มีสิทธิออกเสียง ในหน่วยออกเสียงน้นั (๒) ใชบ้ ตั รอื่นท่ีมิใช่บัตรออกเสยี งมาออกเสียงประชามติ (๓) นาบตั รออกเสยี งออกไปจากท่ีออกเสียง (๔) นาบัตรออกเสียงหรือข้อมูลการออกเสียงท่ีลงคะแนนออกเสียงแล้วแสดงต่อผู้อ่ืนเพื่อให้ ผูอ้ ่ืนทราบว่าไดอ้ อกเสยี งอยา่ งใดอยา่ งหนึง่ หรอื ไม่ออกเสยี งโดยไมม่ ีอานาจโดยชอบด้วยกฎหมาย (๕) ทาเครื่องหมายเพื่อเป็นท่ีสังเกตโดยวิธีใดไว้ท่ีบัตรออกเสียงเพื่อให้ผู้อื่นรู้ว่า เป็นบัตรออกเสียงของตน หรือใช้เคร่ืองมือหรืออุปกรณ์ใดบันทึกภาพบัตรออกเสียงหรือข้อมูล การออกเสยี งท่ีตนไดล้ งคะแนนออกเสียงแลว้ (๖) ขัดคาสั่งกรรมการประจาหน่วยที่สั่งให้ออกไปจากที่ออกเสียงเพราะเหตุท่ีผู้นั้นขัดขวาง การออกเสียงตามมาตรา ๓๐ (๗) นาบัตรออกเสียงใสใ่ นหบี บตั รออกเสยี งโดยไมม่ ีอานาจโดยชอบด้วยกฎหมายหรือกระทาการใด ในบัญชีรายช่ือผู้มีสิทธิออกเสียง เพื่อแสดงว่ามีผู้มาแสดงตนออกเสียงโดยผิดไปจากความจริง หรือ กระทาการใดอนั เป็นเหตใุ หม้ บี ัตรออกเสยี งเพม่ิ ขึ้นจากความจริง (๘) กระทาการโดยไมม่ อี านาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพ่ือมิให้ผ้มู ีสิทธอิ อกเสียงสามารถใช้สิทธิได้ หรือขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไป ณ ที่ออกเสียง หรือเข้าไป ณ ท่ีออกเสียง หรอื มใิ ห้ไปถงึ ณ ท่ีดังกลา่ ว ภายในกาหนดเวลาท่ีจะออกเสยี งประชามติ (๙) ก่อความวุ่นวายข้ึนในที่ออกเสียง หรือกระทาการใดอันเป็นการรบกวนหรอื เปน็ อุปสรรค แก่การออกเสียง ผู้กระทาตาม (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๖) ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปีหรือ ปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท หรือท้ังจาทั้งปรับ และผู้กระทาตาม (๗) (๘) หรือ (๙) ต้องระวางโทษจาคุก ไม่เกินสบิ ปี และปรบั ไมเ่ กินสองแสนบาท มาตรา ๗๗ ผใู้ ดกระทาการ ดงั ต่อไปน้ี

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๒๖ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานุเบกษา (๑) ขดั ขวางเพอ่ื ใหก้ ารออกเสยี งไมเ่ ป็นไปดว้ ยความเรียบรอ้ ย (๒) ให้ เสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพ่ือจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่น อันอาจคานวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพ่ือจะจูงใจให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียง อย่างใดอยา่ งหนึ่งหรือไม่ออกเสยี ง (๓) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ หรือใช้อิทธิพลคุกคามเพ่ือให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิ ออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ออกเสียง หรือเพ่ือให้สาคัญผิดในวัน เวลา ทีอ่ อกเสยี งหรือวธิ กี ารออกเสียง (๔) เปดิ ทาลาย ทาใหเ้ สยี หาย ทาให้เปลีย่ นสภาพ ทาใหส้ ญู หาย ทาให้ไร้ประโยชน์ นาไป หรือขัดขวางการส่งซึ่งหีบบัตรออกเสียง หรือบัตรออกเสียง หรือเอกสารหรือหลักฐานที่เก่ียวข้องกับ การออกเสียงท่ีคณะกรรมการประจาหน่วยได้จัดทาโดยไม่มีอานาจโดยชอบด้วยกฎหมาย ต้ังแต่เวลา ท่ีได้เปิดและปิดหีบบัตรออกเสียงท่ีต้ังไว้เพื่อการลงคะแนนออกเสียง หรือภายหลังที่ได้ปิด หีบบตั รออกเสยี งน้ันเพ่ือรกั ษาไว้เมื่อการออกเสียงได้เสร็จสน้ิ แล้ว (๕) เผยแพร่ขอ้ มลู เกย่ี วกับเร่อื งทจี่ ะออกเสยี งประชามติอันเปน็ เทจ็ (๖) เล่นหรือจัดให้มีการเล่นการพนันขันต่อใด ๆ อันมีผลเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิออกเสียง ไมไ่ ปใชส้ ทิ ธอิ อกเสยี ง หรอื ออกเสยี งอยา่ งใดอย่างหนึง่ หรอื ไมอ่ อกเสยี ง (๗) เรียก รับ หรือยอมจะรับเงนิ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อ่ืนใดสาหรบั ตนเองหรอื ผอู้ น่ื เพอื่ จะไมไ่ ปใช้สทิ ธอิ อกเสยี ง หรอื ออกเสยี งอย่างใดอย่างหน่งึ หรือไมอ่ อกเสียง (๘) ขาย จาหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเล้ียงสุราทุกชนิด ในเขตออกเสียงระหว่างเวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันออกเสยี งหน่งึ วันจนถึงเวลา ๑๘.๐๐ นาฬกิ า ของวันออกเสยี ง ผู้ใดกระทาตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกิน สองแสนบาท และผูก้ ระทาตาม (๕) (๖) หรือ (๗) ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกนิ หนง่ึ แสนบาท หรือทั้งจาท้ังปรับ ทง้ั นี้ ศาลอาจสงั่ ใหเ้ พกิ ถอนสทิ ธเิ ลอื กตง้ั มีกาหนดไม่เกินหา้ ปดี ้วยก็ได้ ผ้ใู ดกระทาตาม (๘) ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินหกเดอื น หรอื ปรับไมเ่ กินหนึง่ หมืน่ บาท หรือ ทัง้ จาทั้งปรับ ในกรณีที่ผู้ฝ่าฝืนตาม (๗) เป็นผู้รับหรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด สาหรับตนเองหรือผู้อื่น ถ้าได้แจ้งถึงการกระทาดังกล่าวต่อคณะกรรมการหรือผู้ซ่ึงคณะกรรมการ มอบหมายกอ่ นหรอื ในวันออกเสียง ผนู้ ัน้ ไมต่ ้องรับโทษและไม่ตอ้ งถูกเพกิ ถอนสทิ ธเิ ลอื กตง้ั

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๒๗ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๗๘ ห้ามมิให้ผู้ใดจัดยานพาหนะนาผู้มีสิทธิออกเ สียงไปยังท่ีออกเสียง เพื่อการออกเสียงหรือนากลับไปจากท่ีออกเสียงโดยไม่ต้องเสียค่าโดยสารยานพาหนะหรือค่าจ้าง ซึ่งต้องเสียตามปกติ เว้นแต่เป็นการดาเนินการของหน่วยงานของรัฐท่ีจัดยานพาหนะเพ่ืออานวย ความสะดวกแกผ่ มู้ ีสิทธิออกเสียงตามหลักเกณฑท์ ี่คณะกรรมการกาหนด ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหน่ึงต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไม่เกินสองหม่ืนบาท หรือ ทงั้ จาทงั้ ปรบั มาตรา ๗๙ ผู้ใดเผยแพร่ผลการสารวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการออกเสียง ในระหว่างเวลาเจ็ดวันก่อนวันออกเสียงจนถึงสิ้นสุดเวลาออกเสียงในวันออกเสียง ต้องระวางโทษจาคุก ไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือท้งั จาทง้ั ปรับ มาตรา ๘๐ ผู้ใดรณรงคใ์ หผ้ ู้มีสทิ ธิออกเสียงลงคะแนนออกเสยี งอย่างใดอย่างหนง่ึ หรือไม่มา ใช้สิทธิออกเสยี ง ตั้งแตเ่ วลา ๑๘.๐๐ นาฬิกา ของวันกอ่ นวันออกเสียงหน่งึ วันจนสนิ้ สุดเวลาออกเสยี ง ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรอื ปรบั ไม่เกนิ หนง่ึ หมืน่ บาท หรือทั้งจาทัง้ ปรับ มาตรา ๘๑ กรรมการประจาหน่วยผู้ใดใช้สิทธิของผู้อ่ืนในการลงคะแนนออกเสียง หรือ จงใจนับบัตรออกเสียงหรือคะแนนออกเสียง หรือรวมคะแนนออกเสียงให้ผิดไปจากความจริง หรือ กระทาด้วยประการใด ๆ โดยมิได้มีอานาจกระทาโดยชอบด้วยกฎหมายให้บัตรออกเสียงชารุดหรือ เสียหายหรือให้เป็นบัตรเสีย หรือกระทาการด้วยประการใดแก่บัตรเสียเพ่ือให้เป็นบัตรที่ใช้ได้ หรือ อ่านบัตรออกเสียงให้ผิดไปจากความจริง หรือทารายงานการออกเสียงไม่ตรงความจริง ต้องระวางโทษจาคกุ ต้ังแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง มกี าหนดสบิ ปี มาตรา ๘๒ ผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ตามคาส่ังตามมาตรา ๑๖ วรรคสาม ตอ้ งระวางโทษปรับไมเ่ กนิ ห้าแสนบาท มาตรา ๘๓ ในกรณีที่ศาลมีคาพิพากษาว่าผู้ใดทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หากคณะกรรมการร้องต่อศาลว่าการกระทาความผิดนั้นเป็นผลให้ตอ้ งมีการออกเสียงใหมใ่ นหนว่ ยออกเสียงใด ให้ศาลมีคาพิพากษาว่าผู้นั้นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายสาหรับการออกเสียงในหน่วยออกเสียงที่เป็นเหตุ ให้คณะกรรมการส่ังให้ต้องมีการออกเสียงใหม่นั้นด้วย โดยให้ศาลพิจารณาจากหลักฐานค่าใช้จ่าย ทีค่ ณะกรรมการเสนอต่อศาล

เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๕๙ ก หน้า ๒๘ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๘๔ ในกรณีที่ศาลส่ังเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้ใดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้มีผลทันที และนับระยะเวลานบั แต่วันทศ่ี าลมีคาสัง่ หรือคาพิพากษา เว้นแต่ศาลอทุ ธรณ์หรือศาลฎกี าจะมีคาส่ังหรอื คาพพิ ากษาเปน็ อยา่ งอ่ืน มาตรา ๘๕ ผู้ใดกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ีนอกราชอาณาจักร จะต้องรับโทษ ในราชอาณาจักร และการกระทาของผู้เป็นตัวการ ผู้สนับสนุน หรือผู้ใช้ให้กระทาความผิดน้ัน แม้จะกระทานอกราชอาณาจักร ให้ถือวา่ ตัวการ ผ้สู นบั สนนุ หรือผ้ใู ช้ให้กระทาความผิดน้ัน ไดก้ ระทา ในราชอาณาจักร ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี

เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๒๙ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานุเบกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยท่ีเป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วย การออกเสียงประชามติให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงจาเป็นต้อง ตราพระราชบญั ญัติน้ี



กลมุ่ งานรองประธานวฒุ สิ ภา คนทห่ี นง่ึ สำนกั งานประธานวฒุ สิ ภา สำนกั งานเลขาธกิ ารวฒุ สิ ภา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook