Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2562_2

2562_2

Published by lunda, 2019-03-13 06:34:52

Description: 2562-2

Keywords: 2562-2

Search

Read the Text Version

40 เครื่องมอื ทีใ่ ชใ้ นกำรวิจยั ประกอบด้วยเคร่ืองมอื ท่ใี ชใ้ นการทดลอง และเครอื่ งมือท่ใี ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ดังน้ี 1. เครื่องมือที่ใชในกำรทดลอง คือ คู่มือการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็ม ซึ่งประกอบด้วยประมวล รายวชิ า (มคอ. 3) ของวิชาการศึกษาอสิ ระ (ลส.1007) ปกี ารศึกษา 2559 และแผนการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนา ตามแนวคิด STEM education มรี ายละเอยี ดดงั นี้ (ภาคผนวก ก) 1.1 ประมวลรายวิชา (มคอ.3) ลส. 1007 ซ่ึงคณะผู้วิจัยออกแบบให้สอดคล้องกับคาอธิบาย รายวิชาการศกึ ษาอิสระ ท่ีกล่าวว่า “เลือกศกึ ษาอิสระ ตามท่ีสนใจในเรื่องท่ีสามารถนามาใช้ประโยชน์ต่อการ ดาเนินชีวิตและวิชาชีพ แสดงออกถึงการอนุรักษ์ ศิลป วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้เรียนวางแผนการ เรียนรู้ ดว้ ยตนเอง โดยแสดงออกถึงการนาความรู้ทางการพยาบาล ไปใช้ประโยชน์ในด้านสุขภาพ ครอบคลุม ทั้ง 4 มิติ ได้แก่ การส่งเสริม การป้องกัน การรักษา และการฟื้นฟู” โดยดาเนินการเพ่ือให้ได้ผลลัพธ์การ เรียนรู้ (Learning Outcomes) 6 ด้านดังน้ี (วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี, 2559) 1.1.1 มีความรับผิดชอบตอ่ การกระทาของตนเอง (1.4) 1.1.2 มีความรู้และความเข้าใจในสาระสาคัญของ กระบวนการแสวงหาความรู้ การจัดการ ความรู้ กระบวน การวิจัย กระบวนการบริหารและการจัดการองค์กร (2.4) 1.1.3 สามารถคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ โดยใช้ องค์ความรู้ทางวิชาชีพและท่ีเกี่ยวข้อง รวมท้ังใช้ประสบการณ์ เปน็ ฐาน เพ่ือใหเ้ กดิ ผลลัพธท์ ่ปี ลอดภัยและมคี ณุ ภาพ ใน การให้บริการพยาบาล (3.4) 1.1.4 สามารถใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทางการวิจัย และนวัตกรรม ที่เหมาะสมใน การแกไ้ ขปัญหา (3.5) 1.1.5 แสดงภาวะผู้นาในการเปลี่ยนแปลงที่ดี ด้านการเรียนรู้ของตนเอง และการแก้ปัญหา เมอ่ื เผชญิ กบั ความยากลาบาก (4.3) 1.1.6 สามารถเลือกและใช้รูปแบบการนาเสนอ สารสนเทศ ตลอดจนใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการ ส่ือสารไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพและเหมาะสมกับสถานการณ์ (5.5) 1.2 แผนการจัดการเรียนรู้ ที่คณะผู้วิจัยสร้างข้ึนจากการศึกษา ทาความเข้าใจ และวิเคราะห์ คาอธิบายรายวิชาการศึกษาอิสระ ในหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต พ.ศ. 2556 ฉบับปรับปรุง และสราง แผนการจัดการเรียนรูแบบโครงงานสะเต็ม วิชาการศึกษาอิสระ ปีการศึกษา 2559 ประกอบด้วยแผนการ เรยี นรู้จานวน 5 แผน ใชเวลาในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 45 ช่ัวโมง โดยแผนการเรียนรู้ประกอบด้วยหัวข้อ หลัก 3 เร่อื ง คือ 1.2.1 ความสาคัญของปัญหาท่ีพบในสถานบริการสุขภาพหรือในชุมชน เป็นการสืบค้น ปัญหาของผู้ป่วยที่มตี ามสภาพจรงิ โดยใชห้ ลกั การการประเมินสภาพปัญหาตามกระบวนการพยาบาล 1.2.2 การพัฒนานวัตกรรม เป็นการเสนอ แนวคิดในการออกแบบนวัตกรรมการพยาบาล โดยการ บูรณาการศาสตร์ 4 สาขา คือ 1) ศาสตร์ของวิชาชีพ การพยาบาลและศาสตร์สาขาอ่ืน ๆ (Sciences) ที่นามาออกแบบนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาท่ีพบ 2) การคัดสรรเทคโนโลยีที่ใช้ในการสร้าง นวัตกรรม (Technology) 3) การออกแบบโครงสร้างหรือกลไกของนวัตกรรม แสดง ด้วยภาพประกอบและ คาอธิบาย (Engineering) และ 4) การใช้ค่าตัวเลขในการออกแบบนวัตกรรมและการ ประเมินผลการนา นวตั กรรมไปใช้ (Mathematics)

41 1.2.3 การนาเสนอผลงาน เป็นการเสนอแนวคดิ เชงิ อภปิ ราย ในการพัฒนานวัตกรรมในกลุม่ ย่อย เสนอความกา้ วหน้าต่ออาจารยท์ ่ีปรึกษาเพื่อปรับปรงุ และเสนอผลการดาเนินงานโครงการที่เสรจ็ สนิ้ ดว้ ยนิทรรศการ 2. เครื่องมือทใี่ ชใ้ นกำรรวบรวมข้อมลู เปน็ แบบสอบถามทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ประกอบด้วย 2 ส่วนได้แก่ (ภาคผนวก ข) สว่ นท่ี 1 ข้อมูลท่วั ไปของนกั ศึกษา ไดแ้ ก่ เพศ อายุ เกรดเฉลี่ยสะสม ส่วนท่ี 2 ความคิดเห็นของนักศึกษาต่อทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ของตนเอง เป็นแบบประเมินท่ี นามาจากแบบสอบถามทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ของนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ ของวิทยาลัยพยาบาลบรม ราชชนนี ชลบรุ ี ทส่ี ร้างข้ึนโดยกมลรัตน์ เทอรเ์ นอร์ และคณะ (2558) สรา้ งขน้ึ ตามแนวคิดทักษะแห่งศตวรรษ ที่ 21 ของ Trilling and Fadel (2009) ใช้เพื่อประเมินตนเองเก่ียวกับทักษะศตวรรษที่ 21 มีทั้งหมด 63 ข้อ แบ่งเป็นทักษะ 8 ด้าน คือ ด้านทักษะ 3Rs อ่านออก เขียนได้ และคณิตศาสตร์ (11 ข้อ) ด้านทักษะด้าน การคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (8 ข้อ) ด้านทักษะด้านการคิดสร้างสรรค์และ นวัตกรรม (6 ข้อ) ด้านทักษะด้านความเขา้ ใจต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (4 ข้อ) ด้านทักษะด้านความ รว่ มมอื การทางานเปน็ ทีมและภาวะผูน้ า (9 ข้อ) ด้านทักษะด้านการส่ือสาร การรู้เท่าทันสารสนเทศและการ รู้เท่าทันส่ือ (8 ข้อ) ด้านทักษะด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (7 ข้อ) และด้าน ทักษะอาชีพและการเรียนรู้ (10 ข้อ) เพ่ือประเมินทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ที่ตรงกับความคิดเห็นของตัว นกั ศกึ ษาเองมากท่สี ดุ โดยประเมินตามมาตรประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับ ดังนี้ (ได้ขออนุญาตการใช้ เคร่อื งมอื จากวิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบรุ ี) 5 หมายถงึ มีทกั ษะในข้อนน้ั อยู่ในระดับดีมาก 4 หมายถงึ มีทักษะในขอ้ น้ันอยใู่ นระดับดี 3 หมายถงึ มีทกั ษะในขอ้ นั้นอยู่ในระดบั ปานกลาง 2 หมายถงึ มีทักษะในข้อนัน้ อยู่ในระดบั ต่า 1 หมายถงึ มที ักษะในขอ้ นน้ั อยใู่ นระดบั ตา่ มาก หรือไม่มีเลย การแปลความหมายค่าเฉลีย่ คะแนนแบ่งเป็น 5 ระดับทกั ษะดงั น้ี - คา่ เฉลยี่ คะแนน 1- 1.50 หมายถึง อยู่ในระดับต่ามาก - คา่ เฉล่ียคะแนน 1.51 - 2.50 หมายถึง อยู่ในระดบั ต่า - ค่าเฉลีย่ คะแนน 2.51-3.50 หมายถึง อยใู่ นระดบั ปานกลาง - ค่าเฉลยี่ คะแนน 3.51-4.50 หมายถึง อยใู่ นระดับดี - ค่าเฉลย่ี คะแนน 4.51-5.00 หมายถึง อย่ใู นระดับดีมาก กำรตรวจสอบคุณภำพของเครอ่ื งมอื 1. กำรตรวจสอบควำมตรงตำมเน้ือหำ (Content Validity) ผู้วิจัยนาเสนอแผนการจัดการเรียนรูแบบโครงงานสะเต็ม และ มคอ.3 ในวิชาการศึกษาอิสระ แก่ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและการเรียนการสอนของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี จานวน 11 คน (ภาคผนวก ค) และไดผ้ ่านการวิพากษ์และปรับปรุงจากคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและการเรียนการ สอนของวิทยาลยั ฯ เรยี บร้อยแลว้ ก่อนนามาใชจ้ ริง

42 แบบสอบถามทักษะศตวรรษที่ 21 เป็นแบบสอบถามที่กมลรัตน์ เทอร์เนอร์ และคณะ (2558) ได้ สร้างไว้ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเน้ือหามาแล้วจากผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คนและหาค่าความเชื่อมั่นของ Cronbach, s Alpha ได้เท่ากบั .95 กำรพทิ ักษส์ ิทธขิ องกลุ่มตัวอยำ่ ง การวิจัยคร้ังนี้ได้รับการตรวจสอบและอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยใน มนษุ ย์ ของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี วันท่ี 9 มกราคม พ.ศ. 2560 เลขที่โครงการวิจัย BNC REC 04/2559 ผู้วิจัยช้ีแจงกับกลุ่มตัวอย่างถึงรายละเอียด วัตถุประสงค์ ข้ันตอนการวิจัย อธิบายถึงสิทธิของกลุ่ม ตวั อยา่ งท่จี ะตอบรับหรือปฏิเสธการเข้าร่วมวิจัย ความเส่ียงที่อาจเกิดข้ึนและประโยชน์ท่ีจะได้รับ และยืนยัน จะไม่มีผลกระทบใดๆกบั กลมุ่ ตวั อยา่ ง ขอ้ มูลจะถกู เก็บเป็นความลับ มีเพียงคณะผู้วิจัยเท่าน้ันที่สามารถเข้าถึง ขอ้ มลู ได้ ผลการวิจัยจะนาเสนอโดยภาพรวม เม่อื กลุ่มตวั อยา่ งเข้าใจและยินดีเข้าร่วมการวิจัย จึงให้ลงนามใน เอกสารยินยอมก่อนดาเนินการวิจัย กำรเก็บรวบรวมข้อมูล ผวู้ จิ ยั ดาเนินการเก็บข้อมลู รว่ มกับอาจารยผ์ ูร้ บั ผดิ ชอบรายวชิ า อาจารยผ์ ู้สอน และผ้เู ก่ยี วขอ้ ง โดย แบง่ เป็นขัน้ เตรียมการ และข้นั ดาเนนิ การวจิ ยั ดังน้ี ข้ันเตรียมกำร 1. ผู้วิจัยชี้แจงวัตถุประสงค์และขั้นตอนการดาเนินการวิจัย ให้แก่ผู้ร่วมวิจัยทุกคนรับทราบ เพ่ือให้เกิดความเข้าใจตรงกัน 2. ผู้วิจัยสร้างสัมพันธภาพกับผู้ร่วมวิจัย โดยมีการพบปะพูดคุยเป็นระยะ ๆ ก่อนดาเนินการวิจัย เพอ่ื สรา้ งความค้นุ เคยและความไว้วางใจในการเข้าร่วมการวิจัย เพ่ือให้ได้รับความร่วมมือในการดาเนินการตลอด ระยะเวลาของการทาวิจัย 3. ผู้วิจัยเตรียมผู้ร่วมสอน โดยประชุมชี้แจงเนื้อหารายวิชา กิจกรรมการเรียนการสอนในแต่ละคร้ัง และบทบาทอาจารยผ์ ู้สอนและนักศกึ ษา 4. จัดเตรียมเครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆในการดาเนินการวิจัย 5. ติดต่อประสานงานและทาหนังสือขออนุญาตดาเนินการวิจัยและเก็บข้อมูล ขั้นดำเนินกำรวิจัย 1. ให้นักศึกษาทาแบบสอบถามทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ของนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ ของ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี ที่สร้างขึ้นโดยกมลรัตน์ เทอร์เนอร์ และคณะ (2558) เพื่อประเมิน ตนเอง กอ่ นเรียน 1 สัปดาห์ 2. ดาเนินการตามแผนการจดั การเรยี นรู้ ในภาคการศกึ ษาที่ 1 โดยแบ่งนักศึกษาเปน็ กลุ่มย่อย กลุ่มละ 8-10 คน จดั วธิ กี ารเรยี นรตู้ ามขัน้ ตอนวิธกี ารเรียนสะเต็มศึกษา (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2559 & ศูนย์สะเตม็ ศกึ ษาแห่งชาติ, 2558) โดยนามาบูรณาการในแผนการจดั การเรียนรูแ้ ละวิธกี ารเรียนรวม 15 สัปดาห์ โดยดาเนินการตามแผนการจดั การเรยี นรูแบบแบบโครงงานสะเต็ม จานวน 5 แผน ในวชิ าการศึกษา อสิ ระ (ลส.1007) ปกี ารศึกษา 2559 ใชเวลา 45 ชั่วโมง แสดงในตารางท่ี 1 โดยแผนการเรียนร้ปู ระกอบดว้ ย หวั ข้อ 3 เรื่อง ได้แก่

43 2.1 ความสาคัญของปญั หาทีพ่ บใน สถานบริการสุขภาพหรือในชุมชน เป็นการสบื ค้น ปญั หาของผู้ป่วยทมี่ ีตาม สภาพจรงิ โดยใชห้ ลักการการประเมินสภาพปัญหาของ กระบวนการพยาบาล 2.2 การพัฒนานวัตกรรม เป็นการเสนอ แนวคิดในการออกแบบนวัตกรรมการพยาบาล โดยการ บูรณาการศาสตร์ 4 สาขา คือ 1) ศาสตร์ของวิชาชีพ การพยาบาลและศาสตร์สาขาอื่น ๆ (Sciences) ที่นามา ออกแบบนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาท่ีพบ 2) การคัดสรร เทคโนโลยีที่ใช้ในการสร้าง นวัตกรรม (Technology) 3) การออกแบบโครงสร้างหรือกลไกของนวัตกรรม แสดง ด้วยภาพประกอบและ คาอธิบาย (Engineering) และ 4) การใช้ค่าตัวเลขในการออกแบบนวัตกรรมและการ ประเมินผลการนา นวตั กรรมไปใช้ (Mathematics) 2.3 การนาเสนอผลงาน เป็นการเสนอ แนวคิดเชิงอภิปราย ในการพัฒนานวัตกรรมในกลุ่ม ย่อย เสนอความก้าวหน้าตอ่ อาจารย์ท่ีปรึกษาเพอื่ ปรับปรงุ และเสนอผลการดาเนินงานโครงการท่ีเสร็จสิ้นด้วย นิทรรศการ 3. ประเมนิ ทักษะศตวรรษที่ 21 จากกลุ่มตวั อยา่ งหลงั สิน้ สดุ ภาคการศึกษา 2 สปั ดาห์ ตำรำงท่ี 1 แผนการจดั การเรียนรู้และวธิ กี ารเรียน วธิ ีการเรยี นรู้สะเต็มศกึ ษา แผนการจดั การเรยี นรู้ วธิ กี ารเรียน 1 ระบปุ ัญหาในชีวติ จรงิ / แผน 1 สืบค้นปัญหาผูป้ ่วยที่พบในสถาน - ศึกษาสภาพปญั หาจาก นวตั กรรมท่ีต้องการพัฒนา บรกิ ารสุขภาพหรือในชมุ ชน (6 ชม.) ผปู้ ว่ ย นาเสนอประเด็นปัญหา (3 ชม.) - ศกึ ษาจากประสบการณ์ - คดิ ไตร่ตรองวิเคราะห์ ปญั หา 2 รวบรวมข้อมลู และ แผน 2 เสนอเค้าโครง โครงงานสะเต็มในการ - ค้นควา้ สาระวิชาการที่ แนวคิดท่ีเกี่ยวขอ้ ง พฒั นานวัตกรรม (3 ชม.) นามาใชแ้ ก้ปัญหา - อภิปรายรว่ มกบั อาจารย์ท่ี ปรึกษา 3 ออกแบบวิธกี ารแก้ปญั หา แผน 3 ออกแบบนวัตกรรมการพยาบาล - ค้นควา้ สาระวชิ าการที่ (Science + Math & บูรณาการความรู้ (15 ชม.) นามาสร้างนวัตกรรม Technology) 1) ศาสตร์ของวิชาชีพการพยาบาลและศาสตร์ - ปรกึ ษาผเู้ ชี่ยวชาญ สาขาอน่ื ๆ (Sciences) - อภิปรายร่วมกบั อาจารย์ท่ี 2) การคัดสรรเทคโนโลยีท่ีใช้ในการสร้าง ปรกึ ษา นวตั กรรม (Technology) 4 วางแผนและดาเนินการ แผน 4 การทดลองใช้นวัตกรรมและ - ค้นควา้ สาระวชิ าการท่ี แกป้ ญั หา (Engineering) ประเมนิ ผล (12 ชม.) นามาสร้างนวัตกรรม 5 ทดสอบ ประเมินผล และ 3) การออกแบบโครงสร้างหรือกลไกของ - ทดลองใชน้ วัตกรรมกับ ปรับปรงุ (Engineering) นวตั กรรม (Engineering) ผู้ปว่ ย 4) การใช้ค่าตวั เลขในการออกแบบนวัตกรรม - ออกแบบวิธีประเมินผล

44 วธิ ีการเรยี นรู้สะเต็มศึกษา แผนการจัดการเรียนรู้ วิธีการเรียน นวัตกรรม และการประเมนิ ผลการนานวัตกรรมไปใช้ - อภิปรายรว่ มกบั อาจารย์ท่ี ปรึกษา (Mathematics) - เสนอผลงานในชน้ั เรียน - อภิปรายกับอาจารย์ที่ 6 นาเสนอวธิ กี ารแกป้ ัญหา แผน 5 การนาเสนอผลงาน (6 ชม.) ปรึกษา ผลการแกป้ ญั หา หรือผล แนวคิดในการพัฒนานวตั กรรม - เสนอแนวคิดเชงิ พฒั นา การพฒั นานวัตกรรม เสนอผลการดาเนินงานโครงการ นวัตกรรม จัดนทิ รรศการ กำรวเิ ครำะหข์ ้อมูล ผู้วิจยั ดาเนินการวิเคราะหข์ ้อมลู ดังนี้ 1. ขอ้ มลู ส่วนบคุ คลของกลุ่มตวั อยา่ ง วเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยใช้สถติ ิเชิงพรรณา 2. ขอ้ มลู ทกั ษะศตวรรษท่ี 21 ของนกั ศกึ ษา ทั้งคะแนนรวมและรายด้าน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจก แจงความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉลย่ี และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน 3. เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยทักษะศตวรรษที่ 21 ท้ังคะแนนรวมและรายด้าน ก่อนและหลงั การทดลอง โดยใชก้ ารทดสอบ Paired t-test กาหนดคา่ ความมีนัยสาคญั ทางสถติ ทิ ี่ p < .05

45 บทท่ี 4 ผลการวจิ ัย การวิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาผลของการใช้การเรียนรู้แบบโครงงานสะเต็มเพ่ือส่งเสริม ทักษะศตวรรษที่ 21 ในนักศึกษาวิทยาลัยพยาบาล โดยการเปรียบเทียบทักษะศตวรรษที่ 21 ของนักศึกษา พยาบาลก่อนและหลังการใช้การเรียนรู้แบบโครงงานสะเต็ม กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาพยาบาลช้ันปีที่ 3 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี ปีการศึกษา 2559 จานวน 114 คน ผลการวิเคราะห์ข้อมูลนาเสนอ ในรูปของตารางประกอบการบรรยาย แบง่ เปน็ 2 สว่ นตามลาดับ ดังนี้ ส่วนที่ 1 ข้อมลู ส่วนบุคคลของกลุม่ ตวั อย่าง ส่วนที่ 2 การเปรยี บเทยี บทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล ส่วนที่ 1 ขอ้ มลู ส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอยา่ ง ตารางที่ 2 แสดงคา่ ความถี่ และร้อยละ ของข้อมลู สว่ นบคุ คลของกล่มุ ตวั อย่าง (n = 114) ขอ้ มูลส่วนบุคคล จานวน รอ้ ยละ เพศ 7 6.15 ชาย 107 93.85 หญิง อายุ 68 59.65 20 ปี 46 40.35 21 ปี เกรดเฉลีย่ 3 2.63 ≥3.5 35 30.70 3.00-3.49 67 58.77 2.50-2.99 9 7.90 2.00-2.49 0 <2.00 0 จากตารางท่ี 2 กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีท่ี 3 วิทยาลัยพยาบาลบรมราช ชนนี ชลบรุ ีในการเรียนการสอนวิชาการศกึ ษาอิสระ ภาคการศกึ ษาท่ี 1 ปีการศึกษา 2559 จานวน 114 คน พบว่า กลุ่มตัวอย่างจานวน 114 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง 107 คน (ร้อยละ 93.86) เป็นเพศชาย 7 คน (ร้อยละ 6.15) อายุอยู่ในช่วง 20 ปี จานวน 68 คน (ร้อยละ 59.65) และอายุ 21 ปี จานวน 46 คน (ร้อย ละ 40.35) เกรดเฉลี่ย มากกว่าหรือเท่ากับ 3.5 มีจานวน 3 คน (ร้อยละ 2.63) เกรดเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3.00 – 3.49 จานวน 35 คน (ร้อยละ 30.70) เกรดเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 2.50 – 2.99 จานวน 67 คน (ร้อยละ

46 58.77) เกรดเฉลีย่ อยรู่ ะหว่าง 2.00 – 2.49 จานวน 9 คน (ร้อยละ 7.90) และไม่พบนักศึกษาที่มีเกรดเฉลี่ย น้อยกว่า 2.00 สว่ นท่ี 2 การเปรียบเทยี บทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 2.1 เปรียบเทียบทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 กอ่ น-หลงั การใชก้ ารเรียนรู้แบบโครงงานสะเต็ม จาแนกเป็นรายดา้ น ตารางท่ี 3 เปรียบเทียบทกั ษะศตวรรษที่ 21 ของกลุ่มตวั อย่างก่อนและหลงั การทดลอง โดยใช้ paired t- test ท้ังคะแนนรวมและรายด้าน (n =114) ทกั ษะศตวรรษท่ี 21 ก่อน หลัง t Mean SD Mean SD (ระดบั ) (ระดบั ) ทกั ษะโดยรวม 4.42 .42 4.54 .13 7.028*** (ด)ี (ดมี าก) รายด้าน 3 R อา่ นออก เขียนได้ และคิดเลขเปน็ 4.18 .30 4.33 .26 5.357*** (ด)ี (ด)ี การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา 4.34 .05 4.45 .06 6.157*** (ด)ี (ด)ี การคดิ สร้างสรรค์และนวัตกรรม 4.35 .05 4.52 .07 5.604*** (ด)ี (ดมี าก) ความเข้าใจต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ 4.52 .01 4.64 .50 5.305*** (ดมี าก) (ดมี าก) ความรว่ มมอื , การทางานเป็นทีมและภาวะผ้นู า 4.43 .03 4.56 .04 4.763*** (ด)ี (ดมี าก) การสื่อสาร การร้เู ท่าทนั สารสนเทศและการรู้เทา่ ทนั สื่อ 4.40 .03 4.50 .03 6.451*** (ด)ี (ด)ี คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร 4.59 .05 4.69 .05 5.682*** (ดมี าก) (ดีมาก) อาชพี และการเรยี นรู้ 4.51 .05 4.62 .04 5.790*** (ดีมาก) (ดีมาก) ***p<.001 จากตารางท่ี 3 พบว่า ก่อนการใช้การเรียนรู้แบบโครงงานสะเต็ม ทักษะศตวรรษที่ 21ของ นักศึกษา ที่มีค่าเฉล่ียต่าสุด สามลาดับ คือ ทักษะ 3 R อ่านออก เขียนได้ และคิดเลขเป็นน้อยที่สุด (Mean = 4.18, SD = 0.30) รองลงมาคอื ทกั ษะด้านการคดิ อย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา ( Mean = 4.34, SD = 0.05) และ ทักษะด้านการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Mean = 4.35, SD = 0.05) ตามลาดบั ทกั ษะศตวรรษที่ 21 ของนักศึกษาท้ัง 8 ด้าน หลังการใช้การเรียนรู้แบบโครงงานสะเต็ม มากกว่า กอ่ นการใช้ อย่างมีนัยสาคัญ (t=7.028, p< .001) โดย ทักษะ 3 ด้านที่มีคะแนนต่าก่อนเรียน ได้แก่ ทักษะ ด้านการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Mean = 4.52, SD = 0.07) เพ่ิมขึ้นมากที่สุดอย่างมีนัยสาคัญ (t=5.604, p< .001) รองลงมา คือ ทักษะด้านการอ่านออก เขียนได้ และคิดเลขเป็น (Mean = 4.33, SD

47 = 0.26) เพ่มิ ขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ (t=5.357, p< .001) ส่วนทักษะด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสอ่ื สาร (Mean = 4.69, SD = 0.05) เพ่ิมขนึ้ นอ้ ยที่สดุ อย่างมีนัยสาคญั (t=5.682, p< .001) 2.2 เปรยี บเทยี บทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ก่อน-หลัง การใช้การเรียนร้แู บบโครงงานสะเต็ม จาแนกเป็นรายขอ้ ในแตล่ ะด้าน 2.2.1 เปรยี บเทียบทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ในด้านทกั ษะ 3 R อา่ นออก เขียนได้ และคิดเลข เป็น กอ่ น-หลัง การใช้การเรียนรแู้ บบโครงงานสะเต็ม จาแนกเป็นรายข้อ ตารางที่ 4 เปรยี บเทยี บทักษะศตวรรษท่ี 21 ในด้านทักษะ 3 R อา่ นออก เขยี นได้ และคิดเลขเปน็ ของกลมุ่ ตัวอยา่ งก่อนและหลงั การทดลอง โดยใช้ paired t-test รายข้อ (n =114) ก่อน หลงั ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 Mean SD Mean SD t (ระดบั ) (ระดบั ) คะแนนรวมด้านทักษะ 3 R อา่ นออก เขียนได้ และคดิ 4.18 0.30 4.33 0.26 5.357*** (ด)ี (ดี) เลขเป็น 1. อา่ นภาษาไทยได้ถูกต้องตามอกั ขระ 4.68 0.47 4.77 0.42 3.296** (ดมี าก) (ดมี าก) 2. อา่ นเอกสาร หนงั สือ ตารา แลว้ จับใจความสาคญั ได้ 4.41 0.53 4.50 0.54 3.296** (ด)ี (ดี) 3. อา่ นภาษาไทยแล้วถา่ ยทอดให้ผู้อื่นเขา้ ใจไดส้ าระตรง 4.43 0.55 4.53 0.54 3.170** (ด)ี (ดีมาก) ตามสิง่ ทีอ่าน 4. อา่ นออกเสยี งภาษาองั กฤษไดใ้ กล้เคยี งกับเจ้าของภาษา 3.85 0.83 4.02 0.84 3.160** (ด)ี (ดี) 5. อา่ นบทความหรือหนังสือภาษาอังกฤษแล้วจับใจความ 3.80 0.84 4.01 0.78 3.284** (ด)ี (ดี) สาคัญได้ 6. อา่ นภาษาอังกฤษแล้วถา่ ยทอดใหผ้ ู้อ่ืนเข้าใจไดส้ าระตรง 3.77 0.83 3.97 0.80 3.165** (ด)ี (ดี) ตามสิ่งทีอ่าน 7. เขยี นรายงาน บันทกึ การเรียนรู้ เรอื่ งเลา่ หรือความเรียง 4.21 0.62 4.36 0.55 3.066** ดว้ ยภาษาไทยที่สะกดถูกต้อง มรี ปู ประโยคสมบูรณ์ แบ่งยอ่ (ด)ี (ดี) หนา้ ได้เหมาะสม 8. เขยี นรายงาน บนั ทึกการเรียนรู้ เรอ่ื งเล่า หรือความเรียง 4.33 0.57 4.45 0.55 3.092** ด้วยภาษาไทยที่นาเสนอประเดน็ หลกั ได้ชัดเจน ถา่ ยทอดให้ (ด)ี (ดี) ผู้อื่นเข้าใจได้ตรงประเดน็ 9. เขียนประวัติสว่ นบุคคล (CV) ความเรยี ง หรือบทคัดย่อ 3.93 0.87 4.10 0.81 6.807*** ดว้ ยภาษาอังกฤษทสี่ ะกดถูกต้อง มีรปู ประโยคทีส่ มบูรณ์ (ด)ี (ดี) 10. คานวณเลขไดถ้ กู ต้อง ท้ังการบวก ลบ คูณ หาร และ 4.32 0.63 4.47 0.54 3.066** (ด)ี (ดี) บญั ญตั ไิ ตรยางศ์ 11. ใช้สถิติพนื้ ฐานเชน่ รอ้ ยละ ค่าเฉล่ยี ในการวิเคราะห์ 4.25 0.68 4.39 0.63 2.985** (ด)ี (ดี) ขอ้ มลู ได้ ***p< .001, **p< .01

48 จากตารางที่ 4 พบว่า ดา้ นทักษะ 3 R อ่านออก เขียนได้ และคิดเลขเป็น เพิ่มขึ้นก่อนการใช้การ เรียนรู้แบบโครงงานสะเต็ม โดยรวมอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ .001 (t=5.357, p < .001) โดยทุกข้ออยู่ ในระดับมาก – มากท่ีสุด ข้อท่ีเพิ่มข้ึนมากที่สุด คือ อ่านบทความหรือหนังสือภาษาอังกฤษแล้วจับใจความ สาคญั ได้ จาก Mean = 3.80 เปน็ 4.01 รองลงมา คอื อา่ นภาษาอังกฤษแล้วถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจได้สาระ ตรงตามส่ิงท่ีอ่าน จาก Mean = 3.77 เป็น 3.97 และข้อที่เพิ่มน้อยที่สุด มี 2 ข้อ คือ อ่านภาษาไทยได้ ถกู ต้องตามอกั ขระ จาก Mean = 4.68 เป็น 4.77 และอา่ นเอกสาร หนังสือ ตารา แล้วจับใจความสาคัญได้ จาก Mean = 4.41 เปน็ 4.50 2.2.2 เปรียบเทียบทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ในด้านทกั ษะการคิดอย่างมวี ิจารณญาณและ ทักษะในการแก้ปัญหาก่อน-หลงั การใช้การเรียนรแู้ บบโครงงานสะเตม็ จาแนกเปน็ รายข้อ ตารางที่ 5 เปรียบเทยี บทกั ษะศตวรรษท่ี 21 ในดา้ นทกั ษะการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและทักษะในการ แกป้ ญั หาของกลมุ่ ตวั อย่างก่อนและหลังการทดลอง โดยใช้ paired t-test รายขอ้ (n =114) กอ่ น หลงั ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 Mean SD Mean SD t (ระดบั ) (ระดบั ) คะแนนรวมทกั ษะดา้ นการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณและ 4.34 0.05 4.45 0.06 6.157*** (ด)ี (ด)ี ทกั ษะในการแกป้ ัญหา 12. ระบปุ ัญหาโดยใชค้ วามรู้ เหตุผลและแจกแจงผลการ 4.32 0.55 4.43 0.51 2.930** (ด)ี (ด)ี วิเคราะห์ได้ 13. แสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาจากแหล่งข้อมูลที่ 4.35 0.58 4.45 0.58 3.170** (ด)ี (ด)ี น่าเชือ่ ถือและหลากหลาย 14. รวบรวม และวเิ คราะห์ข้อมลู เพ่ือใชว้ างแผนการทางาน 4.40 0.59 4.54 0.58 4.013*** (ด)ี (ดมี าก) การแก้ไขปัญหาหรือการตดั สินใจได้ 15. บอกความสัมพันธเ์ ชื่อมโยง เหตุและผล ของสิง่ ทีศ่ ึกษา 4.29 0.59 4.39 0.59 3.112** (ด)ี (ด)ี และประมวลผลกระทบท่ีมีความซับซ้อนได้ 16. ระบุประเด็นและตงั้ คาถามสาคัญท่ีทาใหเ้ กิดความ 4.28 0.63 4.38 0.64 3.170** (ด)ี (ด)ี กระจ่างเพ่ือนาไปสู่แนวทางการแกไ้ ขปญั หา 17. ตดั สนิ ใจหรือคัดสรรวธิ ีแก้ปัญหาจากผลการวเิ คราะห์ 4.32 0.58 4.41 0.59 3.170** (ด)ี (ด)ี ข้อมลู และหลักฐานเชิงประจักษ์ 18. ใชก้ ระบวนการหรือวธิ ีการท่หี ลากหลายในการ 4.37 0.60 4.54 0.57 4.048*** แกป้ ญั หาโดยเช่ือมโยงความรู้ทางการพยาบาลและศาสตร์ (ด)ี (ดมี าก) ทเี่ กี่ยวข้อง 19. สรุปการเรียนรู้จากประสบการณ์ หรอื อธิบายผลการ 4.39 0.60 4.49 0.58 3.112** (ด)ี (ด)ี เรยี นรขู้ องตนและกลุ่มได้ ***p< .001, **p< .01

49 จากตารางที่ 5 พบวา่ ด้านทักษะดา้ นการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา เพมิ่ ข้นึ กอ่ นการใชก้ ารเรียนรแู้ บบโครงงานสะเต็ม อย่างมีนยั สาคัญทางสถติ ิที่ .001 (t=6.157, p < .001) โดยทกุ ข้ออยู่ ในระดบั มาก – มากทส่ี ุด ข้อทเ่ี พ่มิ ข้นึ จากมากทีส่ ดุ คอื ใช้กระบวนการหรือวิธกี ารท่หี ลากหลายในการแกป้ ัญหา โดยเชื่อมโยงความรู้ทางการพยาบาลและศาสตร์ที่เกย่ี วข้อง จาก Mean = 4.37 เปน็ 4.54 รองลงมา คือ รวบรวม และวเิ คราะห์ข้อมูลเพ่ือใช้วางแผนการทางาน การแกไ้ ขปญั หาหรอื การตดั สนิ ใจได้ จาก Mean = 4.40 เปน็ 4.54 และข้อทเ่ี พมิ่ น้อยที่สดุ คือ ตัดสนิ ใจหรือคัดสรรวธิ ีแก้ปญั หาจากผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล และหลกั ฐาน เชงิ ประจักษ์ จาก Mean = 4.32 เป็น 4.41 2.2.3 เปรยี บเทยี บทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ในด้านทักษะการคิดสรา้ งสรรคแ์ ละนวัตกรรม ก่อน-หลัง การใชก้ ารเรยี นรู้แบบโครงงานสะเต็ม จาแนกเป็นรายข้อ ตารางที่ 6 เปรียบเทยี บทักษะศตวรรษท่ี 21 ในด้านทักษะการคดิ สรา้ งสรรค์และนวัตกรรม ของกล่มุ ตัวอยา่ ง ก่อนและหลังการทดลอง โดยใช้ paired t-test รายข้อ (n =114) กอ่ น หลงั ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 Mean SD Mean SD t (ระดบั ) (ระดบั ) คะแนนรวมทกั ษะด้านการคดิ สร้างสรรค์และนวัตกรรม 4.35 0.05 4.52 0.07 5.604*** (ด)ี (ดมี าก) 20. นาเสนอความคิดแปลกใหม่ ความคิดเพ่อื พฒั นาการ 4.38 0.60 4.54 0.55 3.875*** (ด)ี (ดมี าก) พยาบาลใหด้ ีกว่าเดิม 21. แสดงผลการสร้างส่งิ ประดิษฐ์ หรอื วิธีการ 4.33 0.60 4.54 0.55 4.300*** (ด)ี (ดีมาก) กระบวนการใหมใ่ นการพยาบาล 22. ใชค้ วามรู้ ผลการวิจัย นวตั กรรมการพยาบาลในการ 4.26 0.61 4.39 0.59 3.095** (ด)ี (ด)ี เรยี นและการฝึกปฏบิ ตั ิงาน 23. คิดเชิงบวกและพรอ้ มทีจ่ ะเรียนร้เู พ่ือใหเ้ กิดผลลพั ธท์ ่ี 4.40 0.56 4.56 0.50 3.724*** (ด)ี (ดีมาก) ดกี วา่ ในการแก้ปญั หาหรือเม่ือมีความยากลาบาก 24. ดดั แปลงสิ่งที่มีอยเู่ พ่ือการเรียนรู้และ/หรอื การ 4.33 0.57 4.51 0.52 3.869*** (ด)ี (ดีมาก) พัฒนาการพยาบาล 25. แสดงความเชอื่ ในผลสาเร็จของการทางานร่วมกันเป็น 4.41 0.55 4.56 0.50 3.743*** ทมี (ด)ี (ดีมาก) ***p< .001, **p< .01 จากตารางที่ 6 พบว่า ดา้ นทักษะด้านการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมเพ่ิมข้ึนก่อนการใช้การเรียนรู้ แบบโครงงานสะเต็ม อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี .001 (t=5.604, p < .001) โดยทุกข้ออยู่ในระดับมาก – มากที่สุด ข้อที่เพิ่มข้ึนจากมากที่สุด คือ แสดงผลการสร้างสิ่งประดิษฐ์ หรือวิธีการ กระบวนการใหม่ในการ พยาบาล จาก Mean = 4.33 เป็น 4.54 รองลงมา คือ ดัดแปลงสิ่งที่มีอยู่เพ่ือการเรียนรู้และ/หรือการ พัฒนาการพยาบาล จาก Mean = 4.33 เป็น 4.51 และข้อที่เพิ่มน้อยท่ีสุด คือ ใช้ความรู้ ผลการวิจัย นวัตกรรมการพยาบาลในการเรียนและการฝกึ ปฏิบัตงิ าน จาก Mean = 4.26 เป็น 4.39

50 2.2.4 เปรยี บเทยี บทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ในดา้ นทักษะความเขา้ ใจตา่ งวัฒนธรรม ตา่ ง กระบวนทัศน์ กอ่ น-หลัง การใช้การเรยี นรูแ้ บบโครงงานสะเต็ม จาแนกเปน็ รายข้อ ตารางที่ 7 เปรียบเทยี บทักษะศตวรรษท่ี 21 ในดา้ นทกั ษะความเขา้ ใจต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ ของ กลมุ่ ตวั อย่างก่อนและหลงั การทดลอง โดยใช้ paired t-test รายข้อ (n =114) กอ่ น หลัง ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 Mean SD Mean SD t 5.305*** (ระดบั ) (ระดบั ) 4.631*** 3.170** คะแนนรวมทกั ษะดา้ นความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่าง 4.52 0.01 4.64 0.50 3.112** (ดมี าก) (ดมี าก) 3.257** กระบวนทศั น์ 26. แสดงความเข้าใจบคุ คล/ผรู้ บั บริการทมี่ คี วามแตกตา่ ง 4.54 0.52 4.71 0.46 (ดีมาก) (ดมี าก) ทางเชอื้ ชาติ ศาสนา วัฒนธรรม 27. ยอมให้บุคคล/ผู้รบั บริการที่เชอ้ื ชาติแตกตา่ งกนั ได้ 4.52 0.55 4.61 0.52 (ดมี าก) (ดีมาก) แสดงความเช่ือและการปฏบิ ตั ติ ามวัฒนธรรม 28. แสดงความเห็นที่สะท้อนการใหค้ ุณค่าความเปน็ 4.51 0.55 4.61 0.51 (ดมี าก) (ดีมาก) บคุ คล สงั คมและวัฒนธรรมท่ีหลากหลาย 29. ไมแ่ สดงภาษา ท่าทาง และการตดั สนิ ผู้อน่ื จากตาม 4.50 0.58 4.63 0.50 (ด)ี (ดมี าก) ความคิดของตนเอง ***p< .001, **p< .01 จากตารางที่ 7 พบว่า ด้านทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์เพ่ิมข้ึนก่อนการ ใช้การเรียนรู้แบบโครงงานสะเต็ม อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี .001 (t=5.305, p < .001) โดยทุกข้ออยู่ใน ระดบั มากทส่ี ดุ ข้อท่ีเพิ่มข้ึนจากมากที่สุด คือ แสดงความเข้าใจบุคคล/ผู้รับบริการท่ีมีความแตกต่างทางเช้ือ ชาติ ศาสนา วัฒนธรรม จาก Mean = 4.54 เป็น 4.71 รองลงมา คือ ไม่แสดงภาษา ท่าทาง และการตัดสิน ผู้อื่นจากตามความคิดของตนเอง จาก Mean = 4.50 เป็น 4.63 และข้อท่ีเพิ่มน้อยท่ีสุด คือ ยอมให้บุคคล/ ผู้รับบริการที่เช้ือชาติแตกต่างกัน ได้แสดงความเช่ือและการปฏิบัติตามวัฒนธรรม จาก Mean = 4.52 เป็น 4.61

51 2.2.5 เปรียบเทยี บทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ในดา้ นทกั ษะด้านความร่วมมือ, การทางาน เป็นทีมและภาวะผู้นา ก่อน-หลงั การใช้การเรยี นร้แู บบโครงงานสะเตม็ จาแนกเป็นรายข้อ ตารางท่ี 8 เปรยี บเทียบทกั ษะศตวรรษที่ 21 ในดา้ นทักษะดา้ นความร่วมมือ, การทางานเป็นทมี และภาวะ ผนู้ า ของกลุ่มตัวอยา่ งกอ่ นและหลังการทดลอง โดยใช้ paired t-test รายขอ้ (n =114) ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 กอ่ น หลัง t 4.763*** คะแนนรวมทักษะด้านความร่วมมอื ,การทางานเป็นทมี Mean SD Mean SD และภาวะผู้นา (ระดบั ) (ระดบั ) 4.43 0.03 4.56 0.04 (ด)ี (ดีมาก) 30. มีความสามารถในการปฏิสัมพันธ์กบั เพือ่ น ผู้ใช้บรกิ าร 4.46 0.55 4.61 0.49 3.896*** (ด)ี (ดีมาก) ผู้รว่ มงานและอาจารย์ด้วยความเปน็ มติ ร 31. แสดงความสามารถในการประสานงานและสร้าง 4.42 0.58 4.53 0.55 3.112** (ด)ี (ดีมาก) เครือข่ายความรว่ มมือ 32. แสดงความคิดเห็นได้เหมาะสมกับกาลเทศะ 4.46 0.55 4.57 0.51 3.112** (ด)ี (ดมี าก) 33. แสดงออกถึงความรบั ผิดชอบในการทางานเมื่อเป็น 4.47 0.57 4.60 0.49 3.095** (ด)ี (ดีมาก) สมาชิกทมี 34. แสดงออกถึงความชน่ื ชอบในการทางานเปน็ หมู่คณะ 4.41 0.58 4.53 0.54 3.092** (ด)ี (ดีมาก) 35. แสดงภาวะผนู้ าในการทางานซึ่งไดร้ บั การยอมรับใน 4.41 0.56 4.52 0.54 3.112** (ด)ี (ดมี าก) ทีมงาน 36. เป็นผู้นาทางความคดิ การลงมือทาเพ่ือทาใหเ้ กิดการ 4.43 0.56 4.59 0.51 3.896*** (ด)ี (ดีมาก) เปลย่ี นแปลง 37. สามารถแก้ไขความขัดแย้งเพ่อื ให้การทางานบรรลุ 4.37 0.52 4.51 0.52 4.013*** (ด)ี (ดมี าก) เป้าหมาย 38. สามารถประเมนิ เพื่อนรว่ มงานและใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลับ 4.44 0.56 4.56 0.50 3.095** (ด)ี (ดีมาก) ด้วยวธิ ีการสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ตอ่ ทมี งาน ***p< .001 **p< .01 จากตารางท่ี 8 พบว่า ด้านทักษะด้านความร่วมมือ,การทางานเป็นทีมและภาวะผู้นาเพิ่มข้ึนก่อน การใช้การเรยี นรู้แบบโครงงานสะเต็ม อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ .001 (t=4.763, p < .001) โดยทุกข้ออยู่ ในระดับมาก - มากที่สดุ ขอ้ ที่เพ่ิมข้นึ จากมากที่สุด คือ เป็นผู้นาทางความคิด การลงมือทาเพื่อทาให้เกิดการ เปลี่ยนแปลง จาก Mean = 4.43 เป็น 4.59 รองลงมา คือ มีความสามารถในการปฏิสัมพันธ์กับเพ่ือน ผูใ้ ชบ้ ริการ ผู้รว่ มงานและอาจารย์ด้วยความเป็นมิตร จาก Mean = 4.46 เป็น 4.61 และข้อที่เพ่ิมน้อยท่ีสุด เท่ากันมี 3 ข้อ คือ แสดงความสามารถในการประสานงานและสร้างเครือข่ายความร่วมมือ จาก Mean =

52 4.42 เป็น 4.53, แสดงความคิดเห็นได้เหมาะสมกับกาลเทศะ จาก Mean = 4.46 เป็น 4.57 และแสดง ภาวะผนู้ าในการทางานซ่งึ ไดร้ ับการยอมรบั ในทีมงาน จาก Mean = 4.41 เป็น 4.52 2.2.6 เปรียบเทียบทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในดา้ นทักษะด้านการสือ่ สาร การรู้เทา่ ทนั สารสนเทศ และการรเู้ ทา่ ทนั ส่อื ก่อน-หลัง การใชก้ ารเรยี นรแู้ บบโครงงานสะเตม็ จาแนกเปน็ รายข้อ ตารางท่ี 9 เปรียบเทยี บทกั ษะศตวรรษที่ 21 ในดา้ นทกั ษะดา้ นการสือ่ สาร การร้เู ท่าทันสารสนเทศและการ รูเ้ ทา่ ทันส่ือ ของกลุ่มตวั อยา่ งก่อนและหลังการทดลอง โดยใช้ paired t-test รายข้อ (n =114) กอ่ น หลัง ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 Mean SD Mean SD t (ระดบั ) (ระดบั ) คะแนนรวมทกั ษะดา้ นการสื่อสาร การรู้เท่าทนั สารสนเทศ 4.40 0.03 4.50 0.03 6.541*** (ด)ี (ด)ี และการรเู้ ทา่ ทนั ส่ือ 39. มคี วามสามารถในการฟงั และจบั ใจความสาคญั 4.41 0.55 4.51 0.54 3.170** (ด)ี (ดมี าก) 40 แสดงออกทั้งภาษาพูดและภาษากายได้ถกู ต้องและ 4.42 0.55 4.53 0.52 3.112** ชดั เจน (ด)ี (ดมี าก) 41. อ่าน วเิ คราะห์ และคดั กรอง ข่าวสาร ข้อมูลจากสื่อ หรอื 4.36 0.53 4.45 0.55 3.296** (ด)ี (ด)ี แหล่งขอ้ มูลทห่ี ลากหลาย 42. ร้วู ธิ ีการค้นหาและจดั การขอ้ มูลจากแหล่งข้อมลู ท่ี 4.41 0.55 4.51 0.54 3.170** (ด)ี (ดมี าก) หลากหลายเพอ่ื ให้ได้สารสนเทศท่ถี ูกต้อง 43. อธิบายขอ้ มลู สารสนเทศแก่ผ้อู ่นื ได้อย่างถูกต้องเข้าใจได้ 4.38 0.57 4.48 0.55 3.112** ง่าย (ด)ี (ด)ี 44. คัดสรร สารสนเทศ อย่างมเี หตผุ ลเชอ่ื ถือได้ ก่อนการ 4.39 0.57 4.49 0.57 3.170** (ด)ี (ด)ี นามาใช้หรือเผยแพร่ 45. สามารถใชโ้ สตทัศนปู กรณ์ในหอ้ งเรยี นได้ 4.39 0.57 4.48 0.57 3.170** (ด)ี (ด)ี 46. ใช้สอื่ สารสนเทศตา่ งๆ ด้วยความระมัดระวังและไมน่ ามา 4.44 0.58 4.54 0.57 3.170** ส่อู นั ตรายหรอื ความเสือ่ มเสยี ชอื่ เสยี งแห่งตนและสถาบนั (ด)ี (ดมี าก) ***p< .001 **p< .01 จากตารางที่ 9 พบว่า ด้านทักษะด้านการส่ือสาร การรู้เท่าทันสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ เพ่ิมข้ึนก่อนการใช้การเรียนรู้แบบโครงงานสะเต็ม อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ .001 (t=6.451, p < .001) โดยทุกขอ้ อยู่ในระดับมาก - มากทส่ี ดุ ข้อที่เพิ่มขึ้นจากมากท่ีสุด คือ แสดงออกท้ังภาษาพูดและภาษากายได้ ถูกต้องและชัดเจน จาก Mean = 4.42 เป็น 4.53 รองลงมา เทา่ กนั 5 ข้อ คอื มีความสามารถในการฟังและ จับใจความสาคัญจาก Mean = 4.41 เป็น 4.51, รู้วิธีการค้นหาและจัดการข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่ หลากหลายเพ่อื ให้ได้สารสนเทศท่ีถูกตอ้ ง จาก Mean = 4.41 เปน็ 4.51, อธิบายข้อมูลสารสนเทศแก่ผู้อื่นได้ อย่างถูกต้องเข้าใจได้ง่าย จาก Mean = 4.38 เป็น 4.48, คัดสรร สารสนเทศ อย่างมีเหตุผลเช่ือถือได้ ก่อน

53 การนามาใชห้ รอื เผยแพร่ จาก Mean = 4.39 เปน็ 4.49, ใช้สื่อสารสนเทศต่างๆ ด้วยความระมัดระวังและไม่ นามาสอู่ ันตรายหรือความเสอื่ มเสยี ช่ือเสียงแห่งตนและสถาบัน จาก Mean = 4.44 เป็น 4.54 และข้อที่เพ่ิม น้อยที่สุดเท่ากันมี 2 ข้อ คือ อ่าน วิเคราะห์ และคัดกรอง ข่าวสาร ข้อมูลจากส่ือ หรือแหล่งข้อมูลที่ หลากหลาย จาก Mean = 4.36 เป็น 4.45 และสามารถใช้โสตทัศนูปกรณ์ในห้องเรียนได้ จาก Mean = 4.39 เปน็ 4.48 2.2.7 เปรียบเทยี บทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ในดา้ นทักษะด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ก่อน-หลงั การใชก้ ารเรยี นรู้แบบโครงงานสะเต็ม จาแนกเป็นรายขอ้ ตารางท่ี 10 เปรียบเทียบทักษะศตวรรษท่ี 21 ในดา้ นทักษะดา้ นคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยสี ารสนเทศและ การสอ่ื สาร ของกลมุ่ ตวั อย่างกอ่ นและหลงั การทดลอง โดยใช้ paired t-test รายข้อ (n =114) กอ่ น หลงั ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 Mean SD Mean SD t (ระดบั ) (ระดบั ) คะแนนรวมทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี 4.59 0.05 4.69 0.05 5.682*** (ดมี าก) (ดมี าก) สารสนเทศและการสื่อสาร 47. ใชอ้ ปุ กรณ์คอมพวิ เตอร์ และอนิ เตอร์เน็ตในการ 4.59 0.55 4.69 0.48 3.112** (ดมี าก) (ดมี าก) เรียน การค้นหาข้อมูลและสารสนเทศได้ 48. สามารถ จดั เก็บและบันทึกขอ้ มลู อิเลคทรอนิกส์ได้ 4.58 0.51 4.68 0.47 3.170** (ดมี าก) (ดมี าก) 49. ใช้ ICT โดยคานงึ จรยิ ธรรม กฎหมายท่เี กี่ยวขอ้ ง 4.54 0.53 4.64 0.50 3.170** (ดมี าก) (ดมี าก) และความปลอดภัย 50. ใชโ้ ปรแกรมพื้นฐาน ได้แก่ Microsoft Word, 4.67 0.49 4.76 0.43 3.170** (ดมี าก) (ดมี าก) Excel และ PowerPoint ได้ 51.สามารถใช้งานอุปกรณ์ต่อพ่วง เชน่ ปร้ินเตอร์ 4.67 0.50 4.73 0.47 3.296** (ดมี าก) (ดมี าก) สแกนเนอร์ได้ 52. สามารถตดิ ต่อส่ือสารหรือเรยี นโดยผา่ นสื่อ 4.52 0.54 4.61 0.51 3.170** อิเลคทรอนคิ ส์ เช่น e-learning, e-mail, skype, web (ดมี าก) (ดมี าก) board เปน็ ตน้ 53. สามารถสรา้ งสื่อสงิ่ พมิ พ์ ส่อื เสยี งและส่ือ 4.62 0.50 4.71 0.47 3.296** อิเลคทรอนิกส์ เชน่ PowerPoint โดยใชโ้ ปรแกรม (ดมี าก) (ดมี าก) คอมพวิ เตอร์ได้ ***p< .001, **p< .01 จากตารางท่ี 10 พบว่า ด้านทักษะด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารเพ่ิมข้ึน ก่อนการใช้การเรียนรู้แบบโครงงานสะเต็ม อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี .001 (t=5.682, p < .001) โดยทุก ข้ออยู่ในระดับมากท่ีสุด ข้อท่ีเพิ่มขึ้นจากมากที่สุดเท่ากัน คือ ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ตใน การเรียน การค้นหาข้อมูลและสารสนเทศได้ จาก Mean = 4.59 เป็น 4.69, สามารถ จัดเก็บและบันทึก ข้อมูลอิเลคทรอนิกส์ได้ จาก Mean = 4.58 เป็น 4.68, ใช้ ICT โดยคานึงจริยธรรม กฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง และความปลอดภัย จาก Mean = 4.54 เป็น 4.64 รองลงมาเท่ากัน คือ ใช้โปรแกรมพื้นฐาน ได้แก่

54 Microsoft Word, Excel และ PowerPoint ได้ จาก Mean = 4.67 เป็น 4.76, สามารถติดต่อสื่อสารหรือ เรียนโดยผา่ นสื่ออิเลคทรอนคิ ส์ เชน่ e-learning, e-mail, skype, web board เปน็ ตน้ จาก Mean = 4.52 เป็น 4.61, สามารถสร้างส่ือสิ่งพิมพ์ สื่อเสียงและสื่ออิเลคทรอนิกส์เช่น PowerPoint โดยใช้โปรแกรม คอมพิวเตอร์ได้ จาก Mean = 4.62 เป็น 4.71 และข้อท่ีเพิ่มน้อยที่สุด คือ สามารถใช้งานอุปกรณ์ต่อพ่วง เช่น ปร้ินเตอร์ สแกนเนอรไ์ ด้ จาก Mean = 4.67 เป็น 4.73 2.2.8 เปรียบเทยี บทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ในดา้ นทกั ษะทักษะอาชพี และการเรยี นรู้ ก่อน-หลัง การใช้การเรียนร้แู บบโครงงานสะเต็ม จาแนกเป็นรายขอ้ ตารางท่ี 11 เปรียบเทยี บทักษะศตวรรษท่ี 21 ในดา้ นทกั ษะอาชีพและการเรียนรู้ ของกลุ่มตวั อย่างก่อน และหลังการทดลอง โดยใช้ paired t-test รายข้อ (n =114) กอ่ น หลงั ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 Mean SD Mean SD t 5.790*** (ระดบั ) (ระดบั ) 3.170** 3.296** คะแนนรวมทักษะอาชีพและการเรยี นรู้ 4.51 0.05 4.62 0.04 4.013*** 4.138*** (ดมี าก) (ดีมาก) 3.170** 3.296** 54. แสดงการยอมรบั ความเห็นทแ่ี ตกต่างและปรับวิธคี ิด วิธี 4.56 0.53 4.66 0.49 (ดมี าก) (ดมี าก) ปฏิบัติใหเ้ หมาะสมกับสถานการณต์ า่ งๆ ได้ 55. สามารถปรับตัวในการปฏิบตั งิ าน การเรียนร้ใู นสถานที่ 4.56 0.53 4.65 0.51 (ดมี าก) (ดมี าก) ใหม่หรือท่ีไม่ค้นุ เคยได้ 56. แสดงความรบั ผดิ ชอบทางานให้สาเร็จตามท่ีได้รับมอบ 4.49 0.54 4.63 0.50 (ด)ี (ดีมาก) หรอื ตามหนา้ ท่ี 57. ร่วมกิจกรรมสาธารณะนอกวทิ ยาลัยและกิจกรรมใน 4.50 0.54 4.63 0.52 (ด)ี (ดีมาก) วิทยาลัยทเี่ ป็นประโยชนต์ ่อส่วนรวม 58. ใหค้ วามช่วยเหลอื เพ่ือน อาจารย์ หรอื ผู้รบั บริการด้วย 4.56 0.52 4.66 0.48 (ดมี าก) (ดีมาก) ความเต็มใจ 59. ปฏบิ ัตติ นได้อยา่ งเหมาะสมกับวัฒนธรรม ประเพณี 4.49 0.55 4.58 0.55 (ดมี าก) (ดีมาก) และ เปน็ แบบอย่างที่ดีของวิชาชีพ 60. กาหนดเป้าหมาย และแนวทางในการบรรลุเป้าหมาย 4.47 0.54 4.62 0.49 3.939*** (ด)ี (ดมี าก) 3.170** ของตนเองได้ 3.939*** 0.52 4.63 0.48 3.112** 61. แสดงความม่นั ใจท่จี ะสาเรจ็ การศกึ ษาและเป็นพยาบาล 4.54 (ดมี าก) วิชาชพี ไดต้ ามกาหนดเวลา 0.55 4.62 0.50 (ดมี าก) 62. แสดงออกถึงความสามารถในการศกึ ษาค้นคว้าและ 4.47 (ด)ี 0.56 4.54 0.54 เรียนรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง (ดีมาก) 63. มีนสิ ัยรกั การอา่ น การค้นควา้ และคดิ ถงึ แนวทางการ 4.43 (ด)ี พัฒนาตนเองภายใน 5 ปขี ้างหนา้ ***p< .001, **p< .01

55 จากตารางท่ี 11 พบว่า ด้านทักษะทักษะอาชีพและการเรียนรู้เพิ่มขึ้นก่อนการใช้การเรียนรู้แบบ โครงงานสะเต็ม อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี .001 (t=5.790, p < .001) โดยทุกข้ออยู่ในระดับมาก - มาก ที่สุด ข้อท่ีเพ่ิมขึ้นมากที่สุดเท่ากัน คือ กาหนดเป้าหมาย และแนวทางในการบรรลุเป้าหมายของตนเองได้ จาก Mean = 4.47 เป็น 4.62, แสดงออกถึงความสามารถในการศึกษาคน้ คว้าและเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง จาก Mean = 4.47 เป็น 4.62 รองลงมา คือ แสดงความรับผิดชอบทางานให้สาเร็จตามที่ได้รับมอบหรือตาม หน้าท่ี จาก Mean = 4.49 เป็น 4.63 และข้อท่ีเพ่ิมน้อยท่ีสุดเท่ากัน คือ สามารถปรับตัวในการปฏิบัติงาน การเรียนรู้ในสถานท่ีใหม่หรือที่ไม่คุ้นเคยได้ จาก Mean = 4.56 เป็น 4.65, ปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมกับ วัฒนธรรม ประเพณีและเป็นแบบอย่างที่ดี ของวิชาชีพ จาก Mean = 4.49 เป็น 4.58 และแสดงความ มน่ั ใจทจ่ี ะสาเรจ็ การศกึ ษาและเปน็ พยาบาลวิชาชพี ไดต้ ามกาหนดเวลา จาก Mean = 4.54 เปน็ 4.63

56 บทท่ี 5 อภิปรายผล การวจิ ยั น้ีเป็นการวิจัยกึ่งทดลอง เพื่อเปรียบเทียบทักษะศตวรรษท่ี 21 ของนักศึกษพยาบาล ก่อน และหลังการเรียนรู้แบบโครงงานสะเต็ม โดยทาการศึกษาจากนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3 วิทยาลัย พยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี ท่ีกาลังศึกษาวิชาการศึกษาอิสระ ภาคเรียนที่ 1 ประจาปีการศึกษาที่ 2559 จานวน 114 คน สรุปผลการวิจัยและอภปิ รายผลได้ดงั น้ี สรุปผลการวจิ ยั 1. ทักษะศตวรรษท่ี 21 ของนกั ศึกษา โดยภาพรวมทงั้ 8 ด้าน หลงั การจัดการเรียนรูแ้ บบ โครงงานสะเต็มสูงกว่าก่อนการเรียนอยา่ งมนี ยั สาคัญทางสถิติ (p < .001) 2. ทักษะศตวรรษท่ี 21 ของนกั ศึกษา เม่ือวเิ คราะหร์ ายดา้ นพบวา่ ทกุ ดา้ นมคี ่าเฉลยี่ คะแนนหลงั การเรยี นรู้แบบโครงงานสะเต็มสงู กว่าก่อนการเรียนอยา่ งมีนยั สาคัญทางสถิติ (p < .001) โดยทักษะที่มี ค่าเฉลี่ยสูงข้นึ 3 ลาดับแรกมี 4 ทกั ษะ ได้แก่ 1) การคดิ สร้างสรรคแ์ ละนวัตกรรม 2) การอ่านออก เขยี นได้ และคณิตศาสตร์ 3) มี 2 ทักษะ คือ ความเขา้ ใจตา่ งวัฒนธรรม ต่างกระบวนทศั น์ และความรว่ มมือ การ ทางานเปน็ ทีมและภาวะผูน้ า อภปิ รายผลการวิจยั กลุ่มทดลอง เป็นนักศึกษากลุ่มเดียววัดก่อนและหลัง พบว่านักศึกษามีทักษะศตวรรษที่ 21 ภาพรวมทั้ง 8 ด้าน หลังการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานสะเต็มสูงกว่าก่อนการเรียนอย่างมีนัยสาคัญทาง สถิติ (t=7.028, p < .001) ผลท่ีเกิดขึ้นมีความสัมพันธ์กับวิธีการเรียนรู้สะเต็มศึกษา 6 ขั้นตอน ของ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่นามาบูรณาการในแผนการจัดการเรียนรู้แบบ โครงงานสเต็ม 5 แผน โดยแผนการเรียนรู้ประกอบด้วยหัวข้อ 3 เรื่อง 1) ความสาคัญของปัญหาที่พบใน คลินิคหรือในชุมชน เป็นการสืบค้นปัญหาของผู้ป่วยตามมสภาพจริง 2) การพัฒนานวัตกรรม เป็นการ เสนอแนวคิดในการออกแบบนวัตกรรมการพยาบาลเพื่อแก้ปัญหา จากการบูรณาการศาสตร์ 4 สาขาตาม แนวคิดสเต็ม 3) การนาเสนอผลงาน เป็นการเสนอแนวคิดเชิงอภิปรายโดยนักศึกษากลุ่มย่อยภายในกลุ่ม เองและอภิปรายร่วมกับอาจารย์ท่ีปรึกษา รวมท้ังการนาเสนอแบบนิทรรศการที่มีผู้ชม ดังนั้นการ ออกแบบการวิจัยครง้ั น้ี จึงมีการควบคุมตัวแปรทดลอง (Treatment Variable) ให้เป็นไปตามหลักการสะ เต็มศกึ ษาและแผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อใหเ้ กิดผลตอ่ ทักษะศตวรรษที่ 21 การดาเนินงานตามแผนการจัดการเรียนรู้ ได้มีการพัฒนาอาจารย์ผู้ร่วมสอนในฐานะอาจารย์ท่ี ปรึกษา ให้รับรู้บทบาทในการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ด้วยการสนับสนุนนักศึกษาให้เรียนรู้วิธีการ เรียนรู้ (Learning how to learn) จากวธิ ีการศกึ ษา คน้ คว้า ปฏบิ ัติ ทดลอง แก้ปัญหาทีพ่ บอยา่ ง

57 สร้างสรรค์ มคี วามรบั ผดิ ชอบ และเรียนรู้จากการปฏิบัติงานร่วมกับผู้อ่ืน (ชลายุทธ์ ครุฑเมือง, 2561) การ ส่งเสริมการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ต้องมีการใช้เทคโนโลยีอย่างครบวงจร 3 ด้านคือ การพัฒนาทักษะใน ศตวรรษที่ 21 แกน่ กั ศึกษา การสนบั สนนุ การเรียนการสอนและการเรียนรู้แนวใหม่ การประยุกต์ใช้ความรู้ และทักษะที่มีความหมายต่อวิชาชีพ (อนุชา โสมาบุตร, 2561) สอดคล้องกับงานวิจัยของทิพย์ระวี รักษ์ศรี (2556) ศึกษาเรื่อง แนวทางการพัฒนาสมรรถนะของบัณฑิตไทยในศตวรรษท่ี 21 และคุณลักษณะท่ีพึง ประสงค์ของบัณฑิตคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี ประกอบด้วย ขบวนการ กิจกรรมส่งเสริมความรู้ การฝึกปฏิบัติ และการเรียนการสอนแบบบูรณา การ เพ่ือพัฒนาสมรรถนะของบัณฑิตไทยในศตวรรษท่ี 21 พบว่า บัณฑิตไทยในศตวรรษที่ 21 มีสมรรถนะ ด้านบุคลิกอุปนิสัย ด้านทักษะ ด้านความรู้ ด้านความคิดอยู่ในระดับมาก และมีลักษณะที่พึงประสงค์ใน บัณฑิตอยู่ในระดับมาก และผลการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มท่ีศึกษาในภาควิชาต่างกันมีสมรรถนะของ บัณฑิตไทยในศตวรรษที่ 21 และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของบัณฑิตคณะครุศาสตร์อุสาหกรรม และ เทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ีแตกตา่ งกนั อย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติทร่ี ะดบั .05 ผลการศึกษาคร้ังนี้ยังสอดคล้องกับจรูญ พานิชย์ผลินไชย และสุพรทิพย์ ธนภัทรโชติวัต (2559) ท่ี ศึกษาเรื่องสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ของนิสิตระดับปริญญาตรี คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร ประกอบด้วย 7 ด้าน คือ 1) การออกแบบการเรียนรู้ 2) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี เน้นผเู้ รยี นเป็นสาคญั 3) การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ผู้เรียนยุคใหม่ 4) การพัฒนาสภาพแวดล้อมและแหล่ง การเรียนรู้ยุคใหม่ 5) การพัฒนาและใช้ส่ือนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา 6) การพัฒนาเครือข่าย การเรียนรู้ และ7) การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ พบว่า นิสิตมีสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในด้านการออกแบบการเรียนรู้ ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ด้านการพัฒนา ทักษะการเรียนรู้ผู้เรียนยุคใหม่ ด้านการพัฒนาสภาพแวดล้อมและแหล่งการเรียนรู้ยุคใหม่ ด้านการพัฒนา และใช้สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษาด้านการพัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้ และด้านการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้โดยทุกสมรรถนะมีค่าเฉล่ียอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณานิสิตที่มีเพศต่างกัน พบว่ามี สมรรถนะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ไม่แตกต่างกัน ส่วนนิสิตที่เรียนสาขาวิชาเอกต่างกันมี สมรรถนะการจัดการเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21 ไม่แตกต่างกนั ในการศึกษาครั้งนี้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง เช่นการศึกษาสภาพปัญหาจากผู้ป่วย แล้วนามาวเิ คราะห์หาวธิ ีแก้ไขปัญหา ทาให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้น สนใจเรียนรู้ มีการศึกษาค้นคว้าเพื่อ สร้างนวัตกรรมในการดูแลผู้ป่วย โดยเรียนรู้ผ่านการใช้เทคโนโลยีสาระสนเทศต่างๆ มีการทางานร่วมกัน เป็นทีมในการประดษิ ฐค์ ิดค้นจากการบรู ณาการแนวคิดสะเตม็ ศกึ ษา ท่ผี สมผสานศาสตร์หลายสาขา กับการ เรียนแบบโครงงานเข้าด้วยกัน จึงทาให้นักศึกษามีทักษะศตวรรษที่ 21 ด้านต่างๆ เพ่ิมขึ้น ซ่ึงสอดคลองกับ การศึกษาของพัชรินทร์ วรรณทวี (2551) ที่ศึกษาเร่ือง ผลการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการโดยใช้ การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงในรายวิชา หลักการและเทคนิคทางการพยาบาล พบว่า ผลการจัดการ เรยี นการสอนแบบบรู ณาการโดยใช้กระบวนการเรยี นรจู้ ากประสบการณจ์ ริง ผเู้ รียนตระหนกั ถึงความสาคัญ

58 ของการปฏิบัติทักษะทางการพยาบาลข้ันพ้ืนฐานที่ถูกต้อง มีความขยัน อดทน มีความซื่อสัตย์ มีความ กระตือรอื รน้ ต่อการค้นควา้ ฝกึ ความรับผิดชอบตอ่ ตนเอง มีการแลกเปล่ยี นเรียนรู้และการสะท้อนคิด ความ ภูมิใจในตนเองและมคี วามเอ้อื อาทร และผเู้ รยี นมีความใฝ่รู้เพิ่มขึ้นจากก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ ระดบั .05 และสอดคล้องสภุ มาส อดิการกุล และคณะ (2554) ที่ศึกษาเร่ืองกระบวนการพัฒนาวิธีการสอน รายวิชาวิจัยทางการพยาบาล หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต: กรณีศึกษาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พระพุทธบาท พบว่า วิธีการสอนท่ีพัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษาให้ดีขึ้นนั้น ใช้วิธีการสอนท่ีผสมผสานท้ัง ศาสตร์และศลิ ปะ โดยขน้ั ตอนการสอนแบง่ เปน็ 2 ระยะ โดยระยะแรกกาหนดให้นักศึกษาค้นหาคาถามการ วิจัยจากปรากฏการณ์จริงทางการพยาบาล (nursing phenomena) และระยะที่สองเป็นระยะที่ให้ความรู้ ด้านเนื้อหาในชั้นเรียน มีการสะท้อนคิดผลงานวิจัย ภายหลังการเรียนการสอน พบว่า นักศึกษาพยาบาล รับรู้ต่อการเรียนการสอนในทางบวก โดยสามารถคิดได้อย่างเป็นระบบ มีการคิดที่ใช้เหตุผล และมีความ ภาคภมู ิใจต่อความสามารถในการทางานเป็นทมี นักศึกษามีทักษะศตวรรษที่ 21 เพ่ิมข้ึน สามารถอธิบายได้จาก การมีองค์ประกอบในการพัฒนา อาจารย์ให้สนับสนนุ นักศกึ ษาให้เรยี นร้วู ิธีการเรยี นรู้ โดยผู้วิจัยไดม้ กี ารเตรยี มความพร้อมอาจารย์ในการเป็น ผเู้ อื้ออานวย สนบั สนนุ ใหน้ ักศกึ ษาเกิดการเรียนรแู้ ทนการสอนเน้ือหาสาระ โดยเน้นให้มีการเรียนรู้ผ่านการ ใชเ้ ทคโนโลยีสาระสนเทศ ซง่ึ สอดคลอ้ งกับท่ี Skiba, Connors & Jeffries, (2008) ระบวุ า่ การนาเทคโนโลยี มาใช้ในการศึกษาพยาบาล มีเป้าหมายที่การพัฒนาอาจารย์ ให้เข้าใจและเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีใหม่ เพื่อ ลดช่องว่างความต่างเจนเนอเรชันให้น้อยลง อาจารย์ต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อเป็นพลังในการ เตรียมเจนเนอเรชันใหม่เข้าสู่วิชาชีพ และสอดคล้องกับความเห็นของ น.พ. อุดม คชินธร (อ้างในสุทธิชัย หยนุ่ , 2561) ทก่ี ล่าวว่าการพัฒนาประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 การเรียนการสอนต้องใช้ เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนานักศึกษาให้มีความเก่งครอบคลุมในหลายศาสตร์ ซึ่ง STEM Project Based Learning ที่นามาใชใ้ นวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี นับเป็นก้าวแรกของขับเคลื่อนการใช้ศาสตร์ พยาบาลกบั ศาสตรส์ าขาอ่ืนๆ ทักษะศตวรรษที่ 21 ของนักศึกษา เม่ือวิเคราะห์รายด้านพบว่า หลังการเรียนรู้แบบโครงงานสะ เต็ม ทักษะที่มีค่าเฉล่ียสูงขึ้น 3 ลาดับแรก 4 ทักษะ ได้แก่ 1) การคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม 2) การ อ่านออก เขยี นได้ และคณิตศาสตร์ 3) มี 2 ทกั ษะ คือ ความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ และ ความร่วมมือ การทางานเป็นทีมและภาวะผู้นา ผลการวิจัยมีความสัมพันธ์กับวิธีการเรียนเป็นกลุ่มย่อย ภายใต้การจัดสิง่ แวดล้อมทางกายภาพทีแ่ ตกต่างจากชัน้ เรียนแบบเดิม โดยมีการจัดช้ันเรียนในบรรยากาศที่ ผ่อนคลาย มีการซักถามและอภิปรายภายในกลุ่มและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่ม มีการสืบค้นปัญหา ค้นคว้า ปฏบิ ัติ ทดลองสร้างนวัตกรรมเพ่ือแก้ปัญหาท่ีพบโดยใช้ศาสตร์ 4 สาขา ซ่ึงเป็นการจัดสถานการณ์ หรอื สภาพแวดลอ้ มต่าง ๆ เพอ่ื ใหผ้ ทู้ ดลองทุกคนมีโอกาสแสดงปฏิกิริยาต่าง ๆ ออกมาได้ใกล้เคียงกัน และ อยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างเดียวกันตลอดการทดลอง จึงส่งผลต่อทักษะ 4 ด้านที่เพ่ิมขึ้นหลังการเรียนแบบ โครงงานสะเตม็ โดยเฉพาะทกั ษะท่ีเพิ่มข้นึ มากทสี่ ุดคอื การคดิ สรา้ งสรรค์และนวตั กรรม สอดคลอ้ งกบั ทฤษฎี

59 Constructionism ซ่ึงเป็นทฤษฎีพ้ืนฐานท่ีมาจากทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์ (Piaget) เช่นเดียวกับทฤษฎีการสร้างความรู้ (Constructivism) โดยศาสตราจารย์ ซีมัวร์ เพเพอร์ท (Seymour Papert) อาจารย์สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) กล่าวว่า การเรียนรู้ท่ีดีเกิดจากการสร้างพลังความรู้ในตนเองและด้วยตนเองของผู้เรียน หากผู้เรียนมีโอกาสได้สร้าง ความคิดและนาความคิดของตนเอง ไปสร้างสรรค์ช้ินงานโดยอาศัยสื่อและเทคโนโลยีท่ีเหมาะสม จะทาให้ เห็นความคิดนั้นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ความรู้ท่ีผู้เรียนสร้างข้ึนในตนเองนี้ จะมีความหมายต่อผู้เรียน จะอยู่ คงทน ผเู้ รยี นจะไม่ลืมง่าย และจะสามารถถ่ายทอดให้ผู้อ่ืนเข้าใจความคิดของตนได้ดี และยังจะเป็นฐานให้ ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ใหม่ต่อไปได้อย่างไม่มีที่ส้ินสุด (ทิศนา แขมมณี, 2554; กมลฉัตร กล่อมอิ่ม, 2559; อนชุ า โสมาบุตร, 2556) ผลการศึกษาคร้งั นี้ สามารถอภิปรายไดด้ ว้ ยเหตุผลเดยี วกับการศึกษาของ กมลรัตน์ เทอร์เนอร์, สม พร รักความสุข, จิดาภา เรือนใจม่ัน, จิตรา สุขเจริญ และธัญญมล สุริยานิมิตรสุข, (2559) ที่พบว่า วิธีการ เรยี นรู้จากสถานการณ์จาลองการ การแกป้ ัญหา ตลอดจนคุณลักษณะของผู้สอน เทคนิคการสอนของผู้สอน สภาพห้องเรียน และโสตทัศนูปกรณ์และการให้ความสาคัญกับทักษะที่เป็นจุดอ่อนหรือเป็นปัญหาของ นักศึกษา การบริหารจัดการ การปรับวิธีการและกิจกรรมการเรียนการสอนเพ่ือช่วยส่งเสริมแต่ละทักษะ ล้วนต้องพัฒนาศักยภาพของผู้สอนเพ่ือให้สามารถใช้วิธีการเรียนการสอนที่ส่งเสริมทักษะศตวรรษที่21 ให้กับนกั ศึกษาได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ และจากคมู่ อื การจดั การเรียนการสอนท่ีส่งเสริมทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ดว้ ยแนวทาง EREC IF ของกมลรตั น์ เทอร์เนอร์ และคณะ (2561) พบว่าการจัดการเรียนการสอนที่เอ้ือ ต่อความคิดสร้างสรรค์ ประกอบด้วย E: Engagement การมีส่วนร่วมของนักศึกษาและอาจารย์ โดย ผู้เรียนมีสว่ นรว่ มแสดงความคิดเห็น แสดงออก ตดั สินใจ หรือลงมือทา R: Reflection การสะท้อนคิด เป็น การคิด ตรึกตรอง ใคร่ครวญอย่างลึกซ้ึง และใช้ความพยายามในการค้นหาคาตอบเพ่ือความเข้าใจ แก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง I: Information Technology การใช้เทคโนโลยีสืบค้นสารสนเทศ รวบรวมและ พิจารณาเลือกใช้ข้อมูลท่ีน่าเชื่อถือ การนาเสนอและการส่ือสารได้ F: Fun and flexibility ความหรรษา และยืดหยุ่น เป็นการจัดหรือสอดแทรกกิจกรรมที่ทาให้ผู้เรียนรู้สึกผ่อนคลาย เพลิดเพลิน เรียนรู้ได้อย่างมี ความสขุ การจัดการเรียนการสอนที่ใช้ในการวิจัยน้ีเป็นการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ผ่อนคลาย สร้าง บรรยากาศให้ผู้เรียนเกิดการอยากเรียนรู้ จึงทาให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นและมีความสุขในการเรียนรู้ ซง่ึ สอดคล้องกับการวิจยั ของสมใจ วินิจกลุ , สวุ รรณา เหรียญสุวงษ์ และประทุมทิพย์ สุขราษฎร์ (2557) ท่ี ศกึ ษาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสภาพแวดล้อมในสถาบันการศึกษากับความสุขในการเรียนรู้ พบว่าตัวแปรหลัก ได้แก่ โครงสร้างของสถาบัน คณาจารย์ หลักสูตร การเรียนการสอน กลุ่มเพื่อนและการมีส่วนร่วม มี ความสัมพันธ์ทางบวกกับความสุขในการเรียนรู้ และส่งผลต่อพัฒนาการของนักศึกษาทั้งกระบวนการทาง สตปิ ญั ญา ผลสัมฤทธ์ทิ างวชิ าการ ทศั นคติ คณุ ค่า แรงจงู ใจใฝ่สัมฤทธ์ิ

60 เมื่อวิเคราะห์รายด้านพบว่า ทักษะศตวรรษท่ี 21 ของนักศึกษา หลังการเรียนรู้แบบโครงงานสะ เต็ม ทักษะท่ีมีค่าเฉล่ียสูงข้ึนน้อยท่ีสุด มี 2 ทักษะ ได้แก่ ทักษะด้านการสื่อสาร การรู้เท่าทันสารสนเทศ และการรู้เท่าทันส่ือ และทักษะด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยทักษะท้ัง 2 นี้ ก่อนการเรยี นรู้แบบโครงงานสะเต็มอยู่ในระดับมาก – มากที่สุด ประกอบกับยุคปัจจุบันผู้เรียนมีทักษะการ ใช้คอมพิวเตอร์ สารสนเทศและการส่ือสารอยู่ในชวี ิตประจาวนั อยูก่ ่อนจงึ ทาให้ท้งั 2 ทกั ษะน้ีมีค่าเฉลี่ยสูงข้ึน น้อยที่สุด ซ่ึงทักษะในด้านน้ีเม่ือเกิดการเรียนรู้แล้วสามารถนาไปใช้ได้ต่อเนื่องเป็นทักษะติดตัว สอดคล้อง กับกนกวรรณ นาคปลัด และคณะ (2557) ที่ศึกษา เร่ือง ผลของการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ มัลติมีเดีย ที่มีผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียน เรื่องหินและการเปลี่ยนแปลง ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนท่ีเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ มัลติมีเดียหลังเรียน และ หลังจากการเรียนผ่านไป 2 สัปดาห์ไม่แตกต่างกัน ผลการวิจัยน้ีจึงเป็นข้อค้นพบเบ้ืองต้นในการพัฒนาการ เรียนรู้แบบโครงงานสะเต็ม ซ่ึงอาจขยายผลไปสู่การเรียนรู้แบบอื่นๆ ที่ส่งเสริมทักษะศตวรรษท่ี 21 ของ นักศกึ ษาพยาบาล วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบรุ ี ในระยะตอ่ ไป ในการที่นักศึกษามีทักษะศตวรรษที่ 21 โดยรวมเพ่ิมขึ้น เมื่อจบการศึกษาและไปปฏิบัติงานใน ระบบบริการของกระทรวงสาธารณสุข จะมีสมรรถนะที่สอดคล้องกับนโยบายการผลิตบุคลกรสาธารณสุข ที่ต้องการให้พัฒนาทักษะการส่ือสาร การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อแสวงหาความรู้ในยุค Internet of Things (IoT) \"อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง\" มากข้ึน เพราะแนวโน้มการใช้ E-Health ในอุปกรณ์เชื่อมต่อ การ เฝา้ ระวังระยะไกล และการรวบรวมข้อมลู จะเพิ่มข้ึนในระบบบริการสุขภาพในอนาคต รวมท้ังเป็นทักษะท่ี สรา้ งคุณลักษณะ Smart nurse ซ่ึงเป็นมูลค่าเพิ่มแก่สังคม (Value based Society) ในการสร้างผลิตผล ในบริการพยาบาล (Productivity) และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (กระทรวงสาธารณสุข, 2561) ข้อเสนอแนะในการนาผลการวิจยั ไปใช้ 1. ดา้ นการนาไปใชใ้ นการศกึ ษา 1.1 ควรพัฒนาการเรียนรู้แบบโครงงานสะเต็มต่อเน่ืองในปีการศึกษา 2560-2561 เพื่อให้ แผนการจดั การเรียนร้แู ละวธิ ีการเรยี นแบบโครงงานสะเต็มมีความเสถยี ร 1.2 ควรพัฒนาการเรียนรู้แบบโครงงานสะเต็มในรายวิชาอ่ืนในหลักสูตรพยาบาลศาสตร บัณฑติ เพื่อให้การพฒั นาทกั ษะของนกั ศกึ ษาในแต่ละวชิ า เป็นไปในทิศทางเดียวกันและเสรมิ ซงึ่ กนั และกัน 1.3 วิทยาลัยพัฒนาวธิ กี ารเรยี นรทู้ ี่เอ้ือใหน้ ักศกึ ษาเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ 1.4 ในรายวชิ าต่างๆ ควรมกี ารจดั หอ้ งเรียนที่มีบรรยากาศให้นักศึกษารู้สึกสนุกและผ่อนคลาย เพือ่ ทาใหเ้ กดิ ความสุขและกระตอื รือร้นท่จี ะเรียน 1.5 ควรเพ่มิ รปู แบบแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) ในโครงงานสะเตม็ เพื่อยืนยันกระบวนการ คิด และพฒั นาการของสร้างสรรคช์ นิ้ งานท่มี ปี ระสิทธิผล 1.6 สนับสนุนการเรยี นการสอนระหว่างสาขา เช่น ดา้ นวิศวกรรมควรประสานให้พบปะ แลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นกันระหว่างผเู้ รียน และผ้เู ชยี่ วชาญเฉพาะด้านวศิ วกรรม เพื่อใหเ้ กิดผลงาน นวัตกรรมทมี่ ีคุณภาพ 1.7 นาการใชก้ ารเรยี นรู้แบบโครงงานสะเตม็ ไปใช้ประโยชน์ในพัฒนาการจัดการเรยี นการ สอนในสถาบนั การศึกษาพยาบาลอ่นื ๆ

61 2. ดา้ นการนาไปใช้ปฏิบตั ิ ในการจัดการเรยี นการสอนรายวิชาการศึกษาอสิ ระครงั้ นี้ มีผลลพั ธท์ ไ่ี ดเ้ พิ่มเติมคอื นวัตกรรมทาง สขุ ภาพ ดังน้นั ควรประสานกับสหสาขาวิชาชพี ทงั้ ในและนอกระบบสุขภาพ เพอ่ื นาความเชยี่ วชาญของสห สาขาวชิ าชีพมาประกอบเพ่ือสรา้ งผลงาน สง่ิ ประดษิ ฐ์ นวตั กรรมทท่ี ันสมัยอยา่ งไรขีดจากัด 3. ด้านการวิจัย 3.1 ควรศกึ ษาวจิ ยั การเรียนรแู้ บบโครงงานสะเต็มกบั ผูเ้ รียนในสาขาวิชาอ่นื ๆ 3.2 ควรศกึ ษาวจิ ัยกับอาจารย์ผใู้ ช้การเรียนร้แู บบโครงงานสะเต็ม เพอื่ เปน็ ข้อมลู ปอ้ นกลบั เพอื่ การพฒั นารูปแบบต่อไป 3.3 ควรศกึ ษาวจิ ัยการเรียนรูแ้ บบโครงงานสะเต็มในรายวชิ าอื่นๆ ในหลกั สูตรพยาบาลศาสตร์

62 บรรณานกุ รม กนกวรรณ นาคปลดั , กัลยาณี เจริญชา่ ง นุชมี และจนิ ตนา กสินันท์. (2557). ผลของการเรยี นดว้ ยบทเรยี น คอมพิวเตอร์มลั ติมเี ดีย ท่ีมผี ลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เร่อื งหินและการเปลีย่ นแปลงของนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6. วารสารเทคโนโลยีภาคใต้, 7(1), 1-8. กมลฉัตร กล่อมอิ่ม. (2559). การจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการสะเตม็ ศกึ ษา สาหรบั นักศึกษาวิชาชีพครู. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 18(4). สืบคน้ จาก file:///C:/Users/Windows_7/Downloads/70988-Article%20Text-166767-1-10- 20161110%20(3).pdf กมลรตั น์ เทอรเ์ นอร์, ลดั ดา เหลืองรัตนมาศ, สราญ นิรนั รตั น์, จริ าภรณ์ จนั ทร์อารักษ์, บญุ เตือน วัฒนกุล และทุติยรตั น์ ร่ืนเริง. (2558). ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ของนกั ศึกษาพยาบาล ในวทิ ยาลัยพยาบาล บรมราชชนนี ชลบรุ ี. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 25(2), 178-93. กมลรตั น์ เทอร์เนอร์, สมพร รักความสขุ , จิดาภา เรือนใจมั่น, จิตรา สุขเจรญิ และธญั ญมล สรุ ยิ านมิ ิตรสุข. (2559). สภาพการจดั การเรยี นการสอนท่สี ง่ เสรมิ ทักษะศตวรรษที่ 21 ของนกั ศกึ ษาพยาบาล วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบรุ ี. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 26(2), 128-141. กระทรวงศึกษาธิการ. (2559). คณะกรรมการพัฒนาหลกั สูตรการจัดการเรียนการสอนสะเตม็ ศึกษาใน สถานศกึ ษา. ผลประชุมคณะกรรมการนโยบาย \"สะเต็มศกึ ษา\" สบื ค้นจาก http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=45447&Key=news_act กระทรวงสาธารณสุข. (2561). การพฒั นานโยบายสาธารณะเพื่อสขุ ภาพแบบมสี ่วนรว่ ม. สบื คน้ จาก https://phpp.nationalhealth.or.th. กฤษณา อุดมโภชน์ ภาณวุ ฒั น์ ภกั ดีวงศ์ และสภุ าพร พงศ์ภญิ โญโอภาส (2556) วารสารวชิ าการเครอื ขา่ ย บัณฑติ ศึกษามหาวิทยาลยั ราชภฏั ภาคเหนือ, 3(5), 43-54. กฤษมันต์ วฒั นาณรงค์. (2552). เทคนคิ การสร้างแรงจงู ใจใฝ่เรยี นรู้. เอกสารประกอบการบรรยายให้กบั คณาจารย์หมวดวชิ าศึกษาทวั่ ไป มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สืบค้นจาก http://met.fte.kmutnb.ac.th/files/motivation1.pdf จรัสศรี เพ็ชรคง. (2558). ปจั จยั ทมี่ ีอิทธิพลตอ่ ทักษะแห่งศตวรรษที่21 ของนักศกึ ษาพยาบาล. รายงานการ วิจัยวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีจักรีรัช, สถาบันพระบรมราชชนก, สานักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข, กระทรวงสาธารณสขุ . จนิ ตนา ศิริธญั ญารัตน์. (2556). การพัฒนารปู แบบการเรยี นการสอนวิทยาศาสตรท์ ่บี ูรณาการกลยทุ ธก์ าร พัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดข้ันสูงศตวรรษที่ 21 และจิตวิทยาศาตร์ของ นกั เรยี นระดับมธั ยมศึกษา. วทิ ยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน, บณั ฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศลิ ปากร. จรูญ พานชิ ย์ผลินไชย และสพุ รทพิ ย์ ธนภทั รโชติวตั . (2559). การศกึ ษาสมรรถนะการจดั การเรียนร้ใู น ศตวรรษท่ี 21 ของนิสิตระดับปริญญาตรี คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. วารสาร มนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์, 22(2), 25-37.

63 ชลายุทธ์ ครฑุ เมือง. (2561). การจดั การเรยี นร้สู าหรบั คนในศตวรรษที่ 21. สบื ค้นจาก https://webs.rmutl.ac.th/assets/upload/files/2016/09/20160908101900_10236.pptx ณัจยา หนุนภักดี. (2559). ทักษะคนไทยในศตวรรษที่ 21: ความท้าทายในการพัฒนา. วารสารเศรษฐกิจและ สังคม, 53(1), 2-12. ดลนภา หงษ์ทอง, พิมพิมล วงศไ์ ชยา, สมศรี สัจจะสกุลรตั น์ และยุทธการ ประพากรณ (2557) .ผลของการ จัดการเรยี นรู้โดยใชโ้ ครงงานเป็นฐาน ในรายวชิ ากายวภิ าคศาสตร์และสรรี วทิ ยา ในนักศึกษา พยาบาลศาสตรบัณฑติ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนพี ะเยา. รายงานวิจยั . วทิ ยาลัยพยาบาลบรม ราชชนนพี ะเยา. ดเิ รก วรรณเศยี ร. (2559). Macro model: รูปแบบการจัดการเรียนรู้สาหรับศตวรรษที่ 21. มหาวิทยาลัยราช ภัฎสวนดุสิต. ดุสติ ขาวเหลอื ง. (2554). ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบโครงงานของนิสติ ระดับปรญิ ญาตรี สาขา เทคโนโลยีอุตสาหกรรมศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั บูรพา. วารสารการศกึ ษาและพฒั นา สังคม, 7(1). นัสรนิ ทร บือซา. (2557). ผลการจัดการเรยี นรูตามแนวคิดสะเตม็ ศกึ ษา (STEM Education) ที่มีตอผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน ชีววิทยา ความสามารถในการแกปญหาและความพึงพอใจตอการจัดการเรียนรู ของ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปท่ี5. วิทยานิพนธศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนวิทยาศาสตร และคณิตศาสตร มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร. ทรูปลกู ปญั ญา. (2561). การแบ่งช่วงเวลาเป็นทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ. สบื คน้ จาก http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/13308/025631 ทิพย์ระวี รักษศ์ รี. (2556). การศึกษาแนวทางการพัฒนาสมรรถนะของบัณฑติ ไทยในศตวรรษท่ี 21 และ คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของบัณฑิต ของนักศึกษาคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต, สาขาวิชาเทคโนโลยีการเรียนรู้และการสื่อสารมวลชน, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเทคโลโลยีพระ จองเกลา้ ธนบุรี. ทศิ นา แขมมณ.ี (2554). ศาสตรก์ ารสอน: องค์ความรเู้ พ่อื การจัดกระบวนการเรยี นรู้ทมี่ ปี ระสิทธภิ าพ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . ธรี ะเกยี รติ เจริญเศรษฐศลิ ป์. (2559). นโยบายสะเตม็ ศึกษาในประเทศไทย. สานักสื่อสารและประชาสัมพนั ธ์: สานกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา. บปุ ผชาติ ทฬั หกิ รณ์. (2551). การประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศในการเรยี นการสอน. กรงุ เทพฯ: โครงการ เทคโนโลยสี ารสนเทศตามพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ศนู ย์ เทคโนโลยีอิเลก็ ทรอนกิ สแ์ ละคอมพวิ เตอร์แหง่ ชาติ. เบญจวรรณ ถนอมชยธวชั , ผอ่ งศรี วาณิชย์ศภุ วงศ์, วุฒชิ ัย เนยี มเทศ และณฐั วทิ ย์ พจนตันต.ิ (2559). ทักษะ แห่งศตวรรษท่ี 21: ความท้าทายในการพัฒนานักศึกษา. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการ สาธารณสุขภาคใต้, 3(2), 208-222.

64 ปรียานุช มานุจา และอุทศิ อินทร์ประสิทธ์ิ. (2553) ผลการจัดการเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หาเป็นฐานเชอ่ื มโยงกบั แนวคิดของสะเต็มศึกษาต่อการคิดไตรต่ รอง. Proceedings of AMM 2017: Chiang Mai: Chiang Mai University. ประกายมาศ บญุ สมปอง. (2558). การศึกษากระบวนการเรียนรูแ้ บบโครงงาน เรื่องความปลอดภัยในชีวิต ของ นกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2. วารสารวชิ าการ Veridean E-Journal, 8(2), 2844-2856. ปญิ าดา ฤกษ์อนนั ต์. (2554). การศกึ ษาผลการจดั การเรยี นรู้โดยใชโ้ ครงงานเพอื่ พฒั นาทักษะการเขียน ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรยี นสาธิตมหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒปทุมวนั . ปรญิ ญานิพนธ์ ศศม. (การสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาตา่ งประเทศ). กรงุ เทพ: บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. พรทิพย์ ศิริภัทราชยั . (2556). STEM Education กับการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21. วารสารนกั บรหิ าร, 33(2), 49-56. พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่แี ก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบบั 2) พ.ศ. 2545 [Online]. สบื ค้นจาก http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/10-file.pdf [5 เมษายน 2560] พระราชบัญญตั ิ การศึกษาแห่งชาติ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2553 [Online]. สืบคน้ จาก http://kormor.obec.go.th/act/act081.pdf [5 เมษายน 2560] พชั รนิ ทร์ วรรณทวี. (2551). ผลการจัดการเรยี นการสอนแบบบรู ณาการโดยใชก้ ารเรียนรู้จากประสบการณ์จรงิ ในรายวิชา หลกั การและเทคนคิ ทางการพยาบาล. รายงานการวจิ ัยวทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรุ นิ ทร์, สถาบนั พระบรมราชชนก, สานกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงสาธารณสขุ . พิศุทธิ์ บวั เปรม และสชุ ริ า นวลกาแหง. (2555). การศึกษาพฤติกรรมการเขา้ เรยี นของนักศึกษา สาขา เทคโนโลยีอุตสาหกรรมกอ่ สร้าง คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร. รายงานวิจัย. มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เพชรบูรณ์. ภาคภูมิ พสู่ กลุ สถาพร. (2559). แนวทางการพัฒนาการเรยี นการสอนทส่ี นบั สนนุ ทักษะของผเู้ รียนในศตวรรษ ที่ 21 กรณีศึกษา โครงการอบรมการใช้ภาพถ่ายเพื่อผลิตเป็นส่ือการเรียนการสอนใน สถาบันการ อาชวี ศึกษา. วารสารวชิ าการครศุ าสตร์อุตสาหกรรม พระจอมเกลา้ พระนครเหนอื , 7(1), 211 – 216. มนตรี จฬุ าวัฒนทล. (2556). สะเตม็ ศึกษาประเทศไทยและทูตสะเตม็ . นติ ยสาร สสวท, 42(185). สบื คน้ จาก http://www.stemedthailand.org/?post_type=faq มนตรี จุฬาวฒั นทล. (2556). การศึกษาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วศิ วกรรมและ คณิตศาสตร์ หรือ “สะเตม็ ”. สมาคม ครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ เทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทย, 19 (มกราคม–ธนั วาคม 2556). 3 -14. รักษพล ธนานวุ งศ.์ (2556). รายงานสรุปการประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั ิการ STEM Education. สืบคน้ จาก http://secondsci.ipst.ac.th/?p=683 เรวดี นามทองดี. (2554). การคิดอยา่ งมเี หตุผลของนักเรียนชว่ งช้นั ที่4 โรงเรียนในสังกดั ารศึกษา มัธยมศึกษาเขต9 อาเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม. วทิ ยานิพนธ์ ปริญญาศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาจติ วทิ ยาชมุ ชน ภาควชิ าจิตวิทยาและการแนะแนว บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ศิลปากร. เรณุมาศ มาอุ่น.(2559). การจัดการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ. วารสารเทคโนโลยี ภาคใต้, 9(2), 169-176.

65 ลัดดา ภูเ่ กียรติ. 2552. การสอนแบบโครงงานและการสอนแบบใชว้ ิจัยเป็นฐาน : งานที่ครปู ระถม ทาได.้ กรุงเทพฯ : สาฮะแอนดซ์ ัน พรน้ิ ตงิ้ . ฤทยั รัตน์ ชิดมงคล และเปรมฤดี บรบิ าล. (2554). ปจั จัยที่มีผลต่อแรงจงู ใจใฝส่ มั ฤทธ์ิของนกั ศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุดรธานี. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสขุ , 22(1), 98-108. รุ่งนภา จนั ทรา และ อตญิ าณ์ ศรเกษตริน. (2560). ทักษะการเรยี นรูศ้ ตวรรษที่ 21 ของนกั ศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎรธ์ านี. วารสารเครอื ขา่ ยวทิ ยาลัยพยาบาลและการสาธารณสขุ ภาคใต้, 4 (1), หน้า 190. วฒั นา มคั คสมัน. 2554. การสอนแบบโครงงาน. พิมพ์ครง้ั ที่ 3. กรงุ เทพฯ : จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย. วจิ ารณพ์ านิช. (2555). วิถีสร้างการเรยี นรเู้ พื่อศษิ ย์ในศตวรรษท่ี21. กรงุ เทพฯ: มูลนธิ ิสดศรี- สฤษด์ิวงศ์. วิจารณ์ พานชิ . (2556). การสรา้ งการเรียนรู้สู่ศตวรรษท่ี 21. พมิ พ์คร้งั ท่ี 1. กรงุ เทพ: ส เจรญิ การพมิ พ์. วทิ ยาลบั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบรุ ี. (2556). หลกั สตู รพยาบาลศาสตรบัณฑติ พ.ศ. 2556 ฉบับปรับปรงุ . ชลบรุ ี: วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบรุ ี. วิทยาลบั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบรุ ี. (2559). ค่มู อื การเรยี นการสอนวชิ าการศกึ ษาอสิ ระ. ชลบรุ ี: วิทยาลัย พยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี. วรรณา รุงลักษะมีศร.ี (2551). ผลของการเรยี นการสอนทีเ่ นนกระบวนการออกแบบทางวิศวกรรมทม่ี ี ตอความสามารถในการแกปญหาเชงิ วทิ ยาศาสตร และทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรขัน้ ผสมผสานของนักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนตนในโรงเรียนสาธิต. วิทยานิพนธศึกษาศาสตรมหาบัณฑติ , จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลยั . วรรณรตั น์ ลาวัง, สวุ รรณา จนั ทรป์ ระเสรฐิ . (2561). การใช้เทคนคิ การเรียนรู้แบบโครงการเปน็ ฐานเพื่อการ เสรมิ สร้างทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ของนิสิตพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลเวช ปฏบิ ตั ชิ มุ ชน. วารสารการพยาบาลและการศกึ ษา, 10(2), 33-46. ศิริลกั ษณ์ ชาวลมุ่ บัว และสุนีย์ เหมะประสทิ ธ์ิ. (2558). การพฒั นาหลกั สตู รบูรณาการแบบ STEM รายวิชา วทิ ยาศาสตร์เพิ่มเติมเร่ือง อ้อย สาหรับชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 3. วารสารศึกษาศาสตร์มหาวทิ ยาลัยบูรพา, 26(1), 224-236. ศนู ย์สะเต็มศกึ ษาแหง่ ชาติ. (2558). คู่มอื หลกั สูตรอบรมครูสะเตม็ ศึกษา สบื คน้ จาก http://www.stemedthailand.org/wp-content/uploads/2015/03/newIntro-to- STEM.pdf.pdf สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2556). การเรียนรู้ตามแนวทางสะเตม็ ศึกษา. สบื คน้ จาก HTTP://PHYSICS.IPST.AC.TH/?PAGE_ID=2481 สมใจ วินจิ กุล, สวุ รรณา เหรยี ญสวุ งษ์ และประทมุ ทิพย์ สุขราษฎร์. (2557). ความสัมพนั ธ์ระหว่าง สภาพแวดลอ้ มในสถาบันการศึกษา ความสขุ ในการเรยี นรู้ กบั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น ของนักศึกษา พยาบาล คณะพยาบาลศาสตร์เกือ้ การุณย์ มหาวทิ ยาลัยนวมนิ ทราธริ าช. วารสารเก้ือการุณย์, 21 (ฉบบั พเิ ศษ ธนั วาคม 2557). 7-24. สมชาย รัตนทองคา. (2554). การวดั และประเมนิ ผลทางการศึกษา. สืบคน้ จาก https://ams.kku.ac.th/aalearn/resource/edoc/tech/54/13eva.pdf

66 สะเต็มศึกษา. (2561). สะเตม็ ศึกษาประเทศไทย. สืบคน้ จาก http://www.stemedthailand.org/?post_type=faq สิทธพิ ล อาจอินทร์ และธีรชัย เนตรถนอมศกั ด์ิ. (2554). การจัดการเรยี นรู้โดยใชโ้ ครงการเป็นฐานในรายวชิ า การพัฒนาหลักสูตร สาหรับนักศึกษาระดบั ปริญญาตรี หลกั สูตร 5 ปี. วารสารวิจยั มข, 1(1), 1-16. สดุ เฉลมิ ศสั ตราพฤกษ์. (2560). การจัดการเรยี นการสอนในศตวรรษท่ี 21 แบบห้องเรยี นกลับด้านเพ่ือการ พัฒนาทักษะการเรียนรูแ้ ละนวัตกรรม. วารสารวทิ ยบริการ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์, 28(1), 100-108. สตุ าภทั ร จนั ทร์ประเสริฐ, ศริ ริ ตั น์ สัยวุฒิ, พรเทพ แก้วเชอ้ื , ศิรินยา แตงออ่ น และวรรณวมิ ล บุญญพงษ์. (2561). นวัตกรรมการสอนของอาจารย์มหาวิทยาลัยแบบใหม่ในยุค 4.0. Walailak Procedia. 2018(4). เอกสารประกอบการประชุมวิชาการระดับชาติ “วลัยลักษณ์วิจัย” ครั้งที่ 10 วันที่ 27-28 มนี าคม 2561. สทุ ธิชยั หยนุ่ . (2561). The end of college in the old sense: Higher education policy of Udom Kachintorn. สบื คน้ จาก http://oknation.nationtv.tv/blog/black/2017/12/25/entry-1 สุภมาส อดิการกลุ , จีรวรรณ์ อุคคกมิ าพันธ์ุ และบญุ สืบ โสโสม. (2554). กระบวนการพฒั นาวธิ ีการสอน รายวชิ าวจิ ยั ทางการพยาบาล หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑติ : กรณศี กึ ษาวทิ ยาลยั พยาบาลบรมราช ชนนี พระพุทธบาท. รายงานการวิจยั วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พระพุทธบาท, สถาบันพระบรม ราชชนก, สานกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงสาธารณสุข. สุวณี อึง่ วรากร. (2558). ครู: อภวิ ัฒน์การเรียนร้สู ู่คณุ ภาพการศกึ ษาในศตวรรษท่ี 21. วารสารเครือข่าย วิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 2(1), 65-78. สวุ ัฒน์ นิยมไทย. (2554). การเรยี นการสอนวิชาชพี แบบผสมผสาน โดยใชโ้ ครงงานเป็นฐานในสถาน ประกอบการ: แนวคิดใหม่ในการจัดการเรยี นการสอนวิชาชีพ. วารสารการอาชวี ะและเทคนคิ ศกึ ษา, 1(2), 57-64 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2545). คู่มือการประเมินการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ. กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั พริกหวาน กราฟฟคิ จากัด. สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. (2548). รายงานการวิจัยการสังเคราะห์องค์ความรู้ เก่ยี วกบั การจดั การเรยี นรูท้ เี่ น้นตัวผู้เรียนเป็นสาคัญ ต้ังแต่ พ.ศ.2542-2547. กรุงเทพ: ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากัด. สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. (2550). การจัดการเรยี นรแู้ บบโครงงาน. กรงุ เทพ: ชมุ ชนสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากัด. สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2559). รายงานการวิจัย เพ่อื จดั ทาข้อเสนอนโยบายการสง่ เสรมิ การจดั การศกึ ษาด้านสะเต็มศึกษาของประเทศไทย. สืบคน้ จาก http://backoffice.thaiedresearch.org/uploads/paper/f3df6eb93f8f53849b1f1f78fccf5dd a.pdf สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). การวิจัยและพัฒนารูปแบบการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการ เรยี นการสอนฐานสมรรถนะตามกรอบคุณวุฒิแหง่ ชาติ. กรุงเทพ: บรษิ ทั พริกหวาน กราฟฟคิ จากดั .

67 อนุชา โสมาบุตร. (2556). ทฤษฎคี อนสตรัคตวิ ิสต์ (Constructivist Theory). สืบค้นจาก https://teacherweekly.wordpress.com/2013/09/25/constructivist-theory/ อนุชา โสมาบุตร. (2561). แนวคดิ ในการใชเ้ ทคโนโลยีอย่างครบวงจรในการสง่ เสรมิ การศึกษาในศตวรรษท่ี 21 สบื คน้ จาก https://teacherweekly.wordpress.com/2014/02/10/use- technologycomprehensively-to-develop-21st-century-skills/ อภิสทิ ธ์ิ ธงไชย และคณะ. (2555). สรุปการบรรยายพเิ ศษ เร่ือง Science, Technology, Engineering, and Mathematics Education: Preparing students for the 21st Century. สบื ค้นจากhttp://designtechnology.ipst.ac.th/wp- content/uploads/sites/83/2017/09/STEMeducation.pdf อารยี า สตารัตน์. (2556). การจัดสภาพแวดลอ้ มในสถานศึกษาของโรงเรยี นสังกัดกรุงเทพมหานคร สานักงาน เขตราชเทวี. วิทยานิพนธ์ ปริญญาการศึกษามหาบัณฑติ สาขาบริหารการศกึ ษา บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ. เอกชัย พทุ ธสอน. (2556). แนวโนม้ การเสรมิ สรา้ งทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 สาหรบั นักศกึ ษาผใู้ หญ่. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาการศึกษานอกระบบโรงเรียน, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลยั เทคโลโลยีพระจองเกลา้ ธนบุรี. Breiner, J. M., Harkness, S. S, Johnson, C. C. & Koehler, C. M. (2012). What Is STEM? A Discussion about Conceptions of STEM in Education and Partnerships. School Science and Mathematics, v112(1). p3-11. Çevik, M., & Özgünay, E. (2018). STEM Education through the Perspectives of Secondary Schools Teachers and School Administrators in Turkey. Asian Journal Of Education And Training, 4(2), 91-101. Dejarnette, N. (2012). America’s children: providing early exposure to STEM (science, technology, engineering and math). Initiatives Education, 133 (1), 77–84. Efstratia, D. (2014). Experiential education through project based learning. Procedia-Social and Behavioral Sciences, 152, 1256-1260. Fitz-Gibbon, C.T. & Morris, L.L. (1978). How to design a program evaluation. Beverly Hills: Sage.Publications. García, J. (2015). Assessment and teaching of 21st century skills. British Journal Of Educational Technology, 46(4), E15-E16. doi:10.1111/bjet.12308 Henard, F. and Roseveare, D. (2012) Fostering Quality Teaching in Higher Education: Policies and Practices: OECD Publishing. Retrieved from http://www.scirp.org/(S(i43dyn45teexjx455qlt3d2q))/reference/ReferencesPapers.aspx? ReferenceID=1225873

68 Jack , H. (2012). Education is a process of living and not a preparation for future living. https://nepc.colorado.edu/blog/education-process-living-and-not-preparation- future-living Lantz, H.B. (2009). Science, Technology, Engineering, and Mathematics (STEM) Education: What form? What function? Retrieved from: http://www.currtechintegrations.com/pdf/STEMEducationArticle.pdf. Ntemngwa, C., & Oliver, J. S. (2018). The Implementation of Integrated Science Technology, Engineering and Mathematics (STEM) Instruction Using Robotics in the Middle School Science Classroom. International Journal Of Education In Mathematics, Science And Technology, 6(1), 12-40. Pearson Education, Inc. (2009). Empowering 21st century learners. Retrieved from: http://www.pearsonschool.com/index.cfmMlocator=PSZjZc Partnership for 21st Century Skills. (2011). 21st Century Student Outcomes and Support Systems. Retrieved from: http://www.p21.org/storage/documents/1.__p21_framework_2-pager.pdf Roberts, S. (2011). 21st century skills' for STEM education. The American Association for Advancement of Science. Retrieved from https://www.aaas.org/blog/stemedu/21st- century-skills-stem-education. Shields C. (2006). Engineering our future New Jersey elementary school [online] Available from : http://www.ciese.org/papers/2006/ASEE_paper_G.doc Skiba, D. J., Connors, H. R., & Jeffries, P. R. (2008). Information technologies and the transformation of nursing education. Nursing Outlook Journal, 56(5), 225-230. STEM Nursing Initiative. (2018). New York University. Retrieved from http://www.nyu-x.org/stem-nursing.html Trilling, R., & Fadel, C. (2009). 21st Century Skills: Learning for life in our times. San Francisco: Jossey-Bass.

69 ภาคผนวก

70 ภาคผนวก ก คู่มือการเรียนรู้แบบโครงานสะเต็ม (STEM Project-Based)

71 ภาคผนวก ข แบบสอบถามหมายเลข…… แบบสอบถาม ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ของนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ สําหรบั นักศึกษา คําช้ีแจง แบบสอบถามชุดน้ี มีวัตถุประสงค์เพ่ือสอบถามความคิดเห็นของท่าน เกี่ยวกับทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ขอให้ท่านพิจารณาว่าท่านมีทักษะต่างๆ ต่อไปนี้ อยู่ในระดับใดและทําเคร่ืองหมาย  ลงในช่องที่ตรงกับ ความคดิ เหน็ ของท่านมากทส่ี ดุ ดังตวั อยา่ ง ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 การรบั รตู้ อ่ ทกั ษะ 1. ตัดสินใจโดยใช้ขอ้ มลู และเหตผุ ล 54321  ระดบั ทกั ษะใหค้ ะแนนดังน้ี 5 หมายถึง ท่านเหน็ ว่าท่านมีทักษะในข้อนนั้ อยู่ในระดับดมี าก 4 หมายถึง ท่านเหน็ ว่าท่านมีทักษะในข้อน้ันอยู่ในระดับดี 3 หมายถึง ท่านเห็นว่าท่านมีทักษะในขอ้ น้ันอยู่ในระดับปานกลาง 2 หมายถึง ท่านเห็นว่าท่านมีทักษะในขอ้ นั้นอยู่ในระดับตํ่า 1 หมายถึง ท่านเห็นว่าท่านมีทักษะในข้อน้ันอยู่ในระดับต่ํามาก หรอื ไม่มีเลย ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ความคดิ เหน็ ทกั ษะ 3 R อา่ นออก เขียนได้ และคดิ เลขเป็น 5 4 3 21 1. อา่ นภาษาไทยได้ถูกตอ้ งตามอกั ขระ 2. อ่านเอกสาร หนังสอื ตํารา แล้วจับใจความสําคัญได้ 3. อ่านภาษาไทยแล้วถ่ายทอดให้ผ้อู นื่ เข้าใจไดส้ าระตรงตามสงิ่ ทอี ่าน 4. อา่ นออกเสียงภาษาอังกฤษไดใ้ กลเ้ คียงกับเจ้าของภาษา 5. อ่านบทความหรือหนงั สือภาษาอังกฤษแล้วจบั ใจความสาํ คญั ได้ 6. อา่ นภาษาอังกฤษแลว้ ถ่ายทอดให้ผู้อืน่ เข้าใจไดส้ าระตรงตามสิง่ ทีอ่าน 7. เขยี นรายงาน บันทกึ การเรยี นรู้ เรื่องเล่า หรอื ความเรียง ดว้ ยภาษาไทยทสี่ ะกด ถูกตอ้ ง มรี ูปประโยคสมบรู ณ์ แบ่งยอ่ หน้าได้เหมาะสม 8. เขียนรายงาน บันทึกการเรียนรู้ เร่ืองเล่า หรอื ความเรียง ด้วยภาษาไทยที่นําเสนอ ประเด็นหลกั ได้ชัดเจน ถ่ายทอดให้ผ้อู นื่ เข้าใจได้ตรงประเด็น

72 ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ความคิดเหน็ 5 4 3 21 9. เขียนประวัติสว่ นบคุ คล (CV) ความเรยี ง หรือบทคัดยอ่ ดว้ ยภาษาอังกฤษทสี่ ะกด ถกู ต้อง มรี ูปประโยคทสี่ มบรู ณ์ 10. คํานวณเลขได้ถกู ตอ้ ง ท้ังการบวก ลบ คูณ หาร และบัญญัติไตรยางศ์ 11. ใชส้ ถิติพน้ื ฐานเช่นร้อยละ คา่ เฉล่ีย ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้ ทักษะด้านการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณและทักษะในการแก้ปญั หา 12. ระบุปัญหาโดยใชค้ วามรู้ เหตุผลและแจกแจงผลการวเิ คราะห์ได้ 13. แสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาจากแหลง่ ขอ้ มลู ท่ีน่าเชือ่ ถือและหลากหลาย 14. รวบรวม และวเิ คราะห์ข้อมูลเพอ่ื ใช้วางแผนการทํางาน การแก้ไขปัญหาหรือการ ตดั สนิ ใจได้ 15. บอกความสมั พนั ธ์เชือ่ มโยง เหตแุ ละผล ของสิ่งทีศ่ ึกษา และประมวลผลกระทบที่ มีความซับซอ้ นได้ 16. ระบุประเดน็ และต้งั คําถามสําคญั ทที่ ําใหเ้ กิดความกระจ่างเพ่อื นําไปสู่แนว ทางการแก้ไขปัญหา 17. ตัดสินใจหรอื คัดสรรวธิ ีแก้ปัญหาจากผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล และหลักฐานเชิงประ จัก 18. ใชก้ ระบวนการหรอื วธิ ีการทีห่ ลากหลายในการแก้ปญั หาโดยเช่ือมโยงความรู้ ทางการพยาบาลและศาสตรท์ ่ีเกี่ยวขอ้ ง 19. สรุปการเรียนรจู้ ากประสบการณ์ หรืออธบิ ายผลการเรียนร้ขู องตนและกล่มุ ได้ 63. มนี ิสัยรักการอ่าน การค้นควา้ และคดิ ถงึ แนวทางการพัฒนาตนเองภายใน 5 ปี ข้างหน้า

73

74 ประวัติผวู้ ิจัย ชือ่ -สกลุ ดร.กมลรตั น์ เทอร์เนอร์ ตำแหนง่ ผู้อำนวยกำร สถำนท่ีทำงำน วิทยำลัยพยำบำลบรมรำชชนนี ชลบุรี สถำบันพระบรมรำชชนก สำนักงำน โทรศพั ท์ ปลดั กระทรวงสำธำรณสุข เลขที่ 69/1 หมู่2 ตำบลบำ้ นสวน อำเภอเมือง จงั หวดั ชลบรุ ี 0817579387 E-mail [email protected] กำรศึกษำ พ.ศ. 2527 ประกำศนียบัตรพยำบำลศำสตร์และผดงุ ครรภ์ช้นั สงู วทิ ยำลัยพยำบำลชลบรุ ี พ.ศ. 2534 ปริญญำวทิ ยำศำสตรมหำบณั ฑิต สำขำพยำบำลศำสตร์ มหำวทิ ยำลัยมหดิ ล พ.ศ. 2544 ปรชั ญำดษุ ฎบี ณั ฑติ ( Ph.D.) สำขำกำรพยำบำล University of Newcastle, Austrailai ประสบการณ์ทางาน - อำจำรย์ภำควชิ ำกำรพยำบำลสูติศำสตรว์ ิทยำลยั พยำบำลบรมรำชชนนรี ำชบุรี ปพี .ศ. 2527-2538 - อำจำรยก์ ลุ่มวชิ ำกำรพยำบำลผูใ้ หญแ่ ละผ้สู ูงอำยุวิทยำลยั พยำบำลบรมรำชชนนีกรุงเทพ ปี พ.ศ. 2543 และอำจำรย์กลุ่มวิชำกำรพยำบำลสตู ิศำสตรว์ ิทยำลัยพยำบำลบรมรำชชนนกี รงุ เทพ ปีพ.ศ. 2544 – 31 พฤษภำคม 2548 - รองผอู้ ำนวยกำรฝ่ำยวิจัยและบริกำรวิชำกำรวทิ ยำลยั พยำบำลบรมรำชชนนีจังหวดั นนทบรุ ี พ.ศ. 2549-2554 - ผูอ้ ำนวยกำรวทิ ยำลยั พยำบำลบรมรำชชนนี นครรำชสีมำ พ.ศ. 2555-2556 - ผ้อู ำนวยกำรวทิ ยำลยั พยำบำลบรมรำชชนนี ชลบุรีพ.ศ. 2556-ปัจจุบัน เกยี รติบัตรดีเด่น/รางวลั - รำงวลั กำรบริหำรกำรศกึ ษำดีเดน่ ” The Best Education & CEO AWARDS 2017 โดย สมำคมเครือข่ำย อำเซียนประเทศไทย เม่ือวันที่ 24 กันยำยน 2560 - รำงวลั ศษิ ยเ์ กำ่ ดีเก่น สำขำเกียรติคณุ ประเภทผ้บู รหิ ำรกำรศกึ ษำ ในกำรประชมุ วิชำกำรและกำร ประชมุ ใหญ่สำมัญประจำปี 2559 - รำงวลั ชนะเลศิ กำรนำเสนอผลงำนวจิ ยั Certificate of Best Paper Award ในกำรประชมุ วชิ ำกำร นำนำชำติ 18th International Conference on Psychological, Educational, Health and Social Sciences ณ ประเทศออสเตรยี ปี 2559 - ได้รบั รำงวลั ธรรมำภิบำลสงิ หท์ อง ผู้บริหำรและนักพฒั นำองค์กรดีเด่นแห่งปี 2559 9 - ได้รับรำงวัลศิษยเ์ ก่ำดีเด่นบัณฑติ วทิ ยำลยั มหำวทิ ยำลัยมหดิ ล ประจำปี 2557 7 - ได้รับรำงวลั ข้ำรำชกำรดเี ด่นระดบั อำจำรย์ผูส้ อน (ดำ้ นกำรบรกิ ำรวชิ ำกำรของสถำบันพระบรมรำชชนก ประจำปี 2554 - ได้รับรำงวลั พยำบำลดเี ด่น สำขำกำรพยำบำลประเภทอำจำรย์พยำบำล ปี 2552 - ได้รับตำแหน่ง Adjunct Associate Professor จำกมหำวิทยำลัย Edith Cowan University ประเทศออสเตรเลยี พ.ศ. 2550 – 2556

75 ประวตั ิผูว้ จิ ยั ชื่อ-สกลุ นวพร มำมำก ตำแหนง่ พยำบำลวชิ ำชพี ชำนำญกำร สถำนทที่ ำงำน วิทยำลยั พยำบำลบรมรำชชนนี ชลบรุ ี สถำบนั พระบรมรำชชนก สำนักงำน ปลดั กระทรวงสำธำรณสุข เลขท่ี 69/1 หมู่2 ตำบลบ้ำนสวน อำเภอเมือง จงั หวัดชลบรุ ี โทรศัพท์ 0846995994 E-mail [email protected] กำรศกึ ษำ พ.ศ. 2533 ประกำศนียบัตรพยำบำลศำสตร์ วทิ ยำลัยพยำบำลบรมรำชชนนีกรงุ เทพ พ.ศ. 2538 สำธำรณสขุ ศำสตรบัณฑิต (บรหิ ำรสำธำรณสุข) มหำวทิ ยำลยั สโุ ขทยั ธรรมำธริ ำช พ.ศ. 2550 พยำบำลศำสตรมหำบณั ฑิต (สำขำกำรพยำบำลมำรดำและทำรกแรกเกดิ ) คณะ แพทยศำสตร์โรงพยำบำลรำมำธิบดี มหำวิทยำลยั มหิดล พ.ศ. 2553 วุฒิบัตร ควำมชำนำญเฉพำะทำงกำรพยำบำลและกำรผดุงครรภ์ (APN) สำขำกำรพยำบำล มำรดำและทำรก กำรอบรม พ.ศ. 2545 อบรมระยะสนั้ หลกั สตู ร International Short Course Traning for Nurse and Nurse Educators “Advanced Maternal and Newborn Nursing” วิทยำลยั พยำบำลบรม รำชชนนกี รุงเทพ พ.ศ. 2559 อบรมระยะสั้นหลักสูตรกำรพยำบำลเฉพำะทำง สำขำศำสตรแ์ ละศิลป์กำรสอนทำงกำร พยำบำล วิทยำลัยพยำบำลบรมรำชชนนกี รงุ เทพ พ.ศ. 2561 อบรมระยะส้ันหลกั สูตรกำรพัฒนำสมรรถนะดำ้ นกำรจดั กำรเรยี นกำรสอน Simulation Based Learning (SBL) Northumbria University, Newcastle สหรำชอำณำจักร ผลงำนวจิ ัย/วิชำกำร ตพี มิ พ์เผยแพร่ 1. นวพร มำมำก, ศรสี มร ภูมนสกลุ และอรพินธ์ เจริญผล. (2551) ผลของโปรแกรมกำรส่งเสริมกำรมี ส่วนร่วมของสำมใี นระหวำ่ งกำรตงั้ ครรภ์และกำรคลอด ตอ่ สมั พนั ธภำพระหว่ำงคสู่ มรส กำรรบั รู้ ประสบกำรณ์กำรคลอดของมำรดำ และควำมรักใคร่ผูกพันระหว่ำงบดิ ำมำรดำและทำรก. Rama Nurs 2008(14), 258-272. 2. นวพร มำมำก และกมลรัตน์ เทอร์เนอร์. (2559). บทบำทพยำบำลกับกำรสง่ เสรมิ กำรมีส่วนร่วม ของสำมหี รือญำติเพ่ือควำมสำเรจ็ ในกำรเล้ียงลกู ดว้ ยนมแม่. วารสารกองการพยาบาล, 43(3), 114-126. 3. กมลรตั น์ เทอร์เนอร์, จรัสศรี เพ็ชรคง, จุฬำรัตน์ ห้ำวหำญ และนวพร มำมำก. (2559). กำรลดเวลำ เรยี นเพ่มิ เวลำรู้: แนวคดิ และกำรประยุกต์ใชใ้ นกำรศกึ ษำพยำบำล. วารสารพยาบาลกระทรวง สาธารณสุข, 26(3), 13-26. 4. ละเอยี ด แจ่มจันทร์ นวพร มำมำก และณัฐนชิ ำ ศรีละมัย. (2561). สะเต็มศกึ ษำ : ถอดบทเรียนกำร เรยี นรู้ ในกระบวนกำรสร้ำงนวัตกรรมกำรพยำบำล. วารสารกองการพยาบาล, 45(2).

76 ประวตั ผิ วู้ จิ ยั ชอื่ -สกลุ ณฐั นชิ ำ ศรีละมยั ตำแหน่ง พยำบำลวิชำชีพชำนำญกำร สถำนทท่ี ำงำน วิทยำลัยพยำบำลบรมรำชชนนี ชลบุรี สถำบนั พระบรมรำชชนก สำนกั งำน ปลดั กระทรวงสำธำรณสุข เลขที่ 69/1 หมู่2 ตำบลบำ้ นสวน อำเภอเมือง จังหวดั ชลบรุ ี โทรศัพท์ 086-665-3775 E-mail [email protected] กำรศึกษำ กำรศกึ ษำ พ.ศ. 2550 พยำบำลศำสตร์บณั ฑติ วทิ ยำลัยพยำบำลบรมรำชชนนี กรุงเทพ พ.ศ. 2556 พยำบำลศำสตรมหำบณั ฑติ (สำขำกำรพยำบำลเด็ก) คณะพยำบำลศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั บรู พำ ชอื่ -สกลุ ละเอียด แจ่มจนั ทร์ ตำแหน่ง ผู้ชว่ ยศำสตรำจำรย์ สถำนทท่ี ำงำน วิทยำลัยเซน็ ตห์ ลยุ ส์ เลขที่ 19 ถนนสำธรใต้ เขตยำนนำวำ กรุงเทพ 10230 โทรศัพท์ 081-929-0370 E-mail [email protected] กำรศกึ ษำ กำรศกึ ษำ พ.ศ. 2516 ครศุ ำสตรบัณฑิต จฬุ ำลงกรณ์มหำวทิ ยำลยั พ.ศ. 2519 ครุศำสตรมหำบัณฑติ (สำขำกำรบริหำรกำรพยำบำล) จฬุ ำลงกรณ์มหำวทิ ยำลยั พ.ศ. 2540 กำรศึกษำดษุ ฎีบณั ฑิต (สำขำกำรอุดมศกึ ษำ) มหำวิทยำลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ พ.ศ. 2552 Postdoctoral Fellow University of Virginia, USA.

77 ภาคผนวก จ ภาพกจิ กรรมการเรียนการสอน การเรียนรู้แบบโครงสะเตม็

78 ผลงานนวตั กรรมจากการใชก้ ารเรยี นรูแ้ บบโครงงานสะเต็ม

79

80 รางวัลการประกวดนวตั กรรมทางการพยาบาล


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook