[ ] บทท่ี 4 [] SRI
บทที่ 4 ] [ ] SRI []
SRI MODIFY ] บทท่ี 4 [ SRI []
qwertyuiopasdfghjklzxcv bnmqwertyuiopasdfghjkl zxcvbnmqweบทrท่ี 4tyuiopasdfg hjklzxcvbnmqwe] rtyuiopa sdfghjklzxcvbn] mqwertyui opasdfghjklzxSRI cvbnmqwer tyuiopasdfghjklzxcvbnmq wertyuiopasdfghjklzxcvb nmqwertyuiopasdfghjklz xcvbnmqwertyuiopasdfgh jklzxcvbnmqwertyuiopas dfghjklzxcvbnmqwertyui opasdfghjklzxcvbnmqwer tyuiopasdfghjklzxcvbnmq wertyuiopasdfghjklzxcvb
บทที่ 4 ] [ ] SRI []
บทท่ี 4 ทฤษฎสี ินค้าคงคลงั 4.1 ความหมายและความสาคญั ของสินค้าคงคลัง สินค้าคงคลัง (Inventory) คือสินค้าที่เก็บรอไว้ขาย หรื อวัตถุดิบที่เก็บรอไว้เข้า กระบวนการผลิต ซ่ึงจะตอ้ งมีการจดั การอยา่ งดีเพ่ือใหม้ ีตน้ ทนุ ที่ประหยดั หรือต่าท่ีสุด 4.1.1 ความสาคญั สินคา้ คงคลงั มีวตั ถปุ ระสงคใ์ นการสร้างความสมดุลในซพั พลายเชน เพื่อใหร้ ะดบั สินคา้ คงคลงั ต่าสุด โดยไม่กระทบต่อระดบั การให้บริการ โดยปัจจยั นาเขา้ ของกระบวนการผลิตที่มี ความสาคญั อย่างย่ิงคือ วตั ถุดิบ ชิ้นส่วนและวสั ดุต่างๆ ที่เรียกรวมกนั ว่าสินคา้ คงคลงั ซ่ึงเป็ น องค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดของตน้ ทุนการผลิตผลิตภณั ฑห์ ลายชนิดนอกจากน้นั การท่ีสินคา้ คง คลงั ท่ีเพียงพอยงั เป็ นการตอบสนองความพึงพอใจของลูกคา้ ไดท้ นั เวลา จึงเห็นไดว้ ่าสินคา้ คง คลังมีความสาคัญต่อกิจกรรมหลักของธุรกิจเป็ นอย่างมาก การบริ หารสินค้าคงคลังที่มี ประสิทธิภาพจึงส่งผลกระทบต่อผลกาไรจากการประกอบการโดยตรงและในปัจจุบนั น้ีมีการ นาเอาระบบคอมพิวเตอร์มาจดั การขอ้ มูลของสินคา้ คงคลงั เพ่ือให้เกิดความถูกตอ้ ง แม่นยา และ ทนั เวลามากย่ิงข้ึน การจัดซ้ือสินค้าคงคลงั มาในคุณสมบตั ิที่ตรงตามความตอ้ งการ ปริมาณ เพียงพอ ราคาเหมาะสม ทนั เวลาท่ีตอ้ งการโดยซ้ือจากผขู้ ายท่ีไวว้ างใจได้ และนาส่งยงั สถานที่ท่ี ถูกตอ้ งตามหลกั การจดั ซ้ือที่ดีท่ีสุด เป็นจุดเร่ิมตน้ ของการบริหารสินคา้ คงคลงั การจดั การสินคา้ คงคลงั มีวตั ถปุ ระสงคห์ ลกั อยู่ 2 ประการใหญ่ คือ 1. สามารถมีสินคา้ คงคลงั บริการลูกคา้ ในปริมาณที่เพียงพอ และทนั ต่อการความตอ้ งการ ของลกู คา้ เสมอ เพ่ือสร้างยอดขายและรักษาระดบั ของส่วนแบง่ ตลาดไว้ 2.สามารถลดระดบั การลงทนุ ในสินคา้ คงคลงั ต่าที่สุดเท่าท่ีจะทาได้ เพื่อทาให้ตน้ ทุนการ ผลิตต่าลงดว้ ย แตว่ ตั ถปุ ระสงคส์ องขอ้ น้ีจะขดั แยง้ กนั เอง เพราะการลงทุนในสินคา้ คงคลงั ต่าที่สุดมกั จะ ตอ้ งใชว้ ิธีลดระดบั สินค้า คงคลงั ให้เหลือแค่เพียงพอใชป้ ้อนกระบวนการผลิต เพ่ือให้สามารถ ดาเนินการผลิตไดโ้ ดยไม่หยดุ ชะงกั แต่ระดบั สินคา้ คงคลงั ท่ีต่าเกินไปก็ทาให้บริการลูกคา้ ไม่
เพียงพอหรือไม่ทนั ใจลูกคา้ ในทางตรงกนั ขา้ มการถือสินคา้ คงคลงั ไวม้ ากเพ่ือผลิตหรือส่งให้ ลกู คา้ ไดเ้ พียงพอและทนั เวลาเสมอทาให้ตน้ ทุนสินคา้ คงคลงั สูงข้ึน ดงั น้นั การบริหารสินคา้ คง คลงั โดยรักษาความสมดุลของวตั ถุประสงค์ท้งั สองข้อน้ีจึงไม่ใช่เร่ืองง่าย และเนื่องจากการ บริหารการผลิตในปัจจุบนั จะตอ้ งคานึงถึงคณุ ภาพเป็ นหลกั สาคญั ซ่ึงการบริการลูกคา้ ที่ดีก็เป็ น ส่วนหน่ึงของการสร้างคุณภาพที่ดี ซ่ึงทาให้ลกู คา้ มีความพึงพอใจสูงสุดดว้ ยจึงดูเหมือนว่าการมี สินคา้ คงคลงั ในระดบั สูงจะเป็ นประโยชน์กบั กิจการในระยะยาวมากกว่า เพราะจะรักษาลูกคา้ และส่วนแบ่งตลาดไดด้ ี แต่อนั ที่จริงแลว้ ตน้ ทุนสินคา้ คงคลงั ท่ีสูง ซึงทาให้ตน้ ทุนการผลิตสูง ดว้ ยมีผลดว้ ยมีผลใหไ้ ม่สามารถตอ่ สู้กบั ค่แู ข่งในดา้ นราคาได้ จึงตอ้ งทาให้ตน้ ทุนต่า คุณภาพดี และบริการที่ดีดว้ ยในขณะเดียวกนั 4.1.2 ประโยชน์ของสินค้าคงคลัง 1. ตอบสนองความตอ้ งการของลูกคา้ ท่ีประมาณการไวใ้ นแต่ละชว่ งเวลาท้งั ใน และนอก ฤดกู าล โดยธุรกิจตอ้ งเกบ็ สินคา้ คงคลงั ไวใ้ นคลงั สินคา้ 2. รักษาการผลิตให้มีอตั ราคงท่ีสม่าเสมอ เพื่อรักษาระดบั การว่าจ้างแรงงาน การเดิน เครื่องจกั ร ฯลฯ ให้สม่าเสมอได้ โดยจะเก็บสินคา้ ท่ีขายไม่หมดในช่วงขายไม่ดีไวข้ ายตอนช่วง ขายดีซ่ึงชว่ งน้นั อาจจะผลิตไม่ทนั ขาย 3. ทาให้ธุรกิจได้ส่วนลดปริ มาณจากการจัดซ้ือจานวนมากต่อคร้ัง ป้องกันการ เปล่ียนแปลงราคาแลผลกระทบจากเงินเฟ้อเม่ือสินคา้ ในทอ้ งตลาดมีราคาสูงข้ึน 4. ป้องกนั ของขาดมือดว้ ยสินคา้ เผอื่ ขาดมือ เม่ือเวลารอคอยลา่ ชา้ หรือบงั เอิญไดค้ าส่งั ซ้ือ เพ่ิมข้ึนกระทนั หนั 5. ทาให้กระบวนการผลิตสามารถดาเนินการต่อเน่ืองอยา่ งราบร่ืน ไม่มีการหยุดชะงกั เพราะของขาดมือจนเกิดความเสียหายแก่กระบวนการผลิตซ่ึงจะทาใหค้ นงานว่างงาน เคร่ืองจกั ร ถกู ปิ ด ผลิตไม่ทนั คาสง่ั ซ้ือของลูกคา้ 4.1.3 อปุ สงค์ จุดเร่ิมตน้ ของการจดั การสินคา้ คงคลงั จะเร่ิมจากอุปสงคข์ องลกู คา้ เพื่อจดั การใหเ้ ป็ นไป ตามความตอ้ งการของลูกคา้ ซ่ึงตอ้ งให้หลกั การพยากรณ์โดยอุปสงคแ์ บง่ เป็น 2 ชนิด ดงั น้ี
1. อปุ สงคแ์ ปรตาม (Dependent Demand) เป็ นอุปสงค์ของวตั ถุดิบ ช้ินส่วนและสินคา้ ท่ี ใชต้ อ่ เน่ืองในกระบวนการผลิต ซ่ึงจาเป็ นอยา่ งย่ิง เพราะอาจส่งผลเสียหายอย่างรุนแรงถา้ ขาด วตั ถดุ ิบประเภทน้ี เชน่ ถา้ โรงงานประกอบสารเคมีขาดหายไปแมแ้ ตช่ นิดเดียวก็จะทาใหโ้ รงงาน หยดุ ทนั ที 2. อุปสงค์อิสระ (Independent Demand) เป็ นอุปสงคข์ องวตั ถุดิบ ช้ินส่วน และสินคา้ ที่ ไมใ่ ชต้ อ่ เนื่องในกระบวนการผลิต ส่วนมากจาหน่ายในลกู คา้ โดยตรง ถา้ ไม่มีอาจจะเสียโอกาส และถูกปรับ 4.2 ต้นทุนของสินค้าคงคลงั (Inventory Cost) ตน้ ทนุ สินคา้ คงคลงั มี 4 ชนิด คือ 1. คา่ ใชจ้ ่ายในการส่ังซ้ือ (Ordering Cost) เป็ นค่าใชจ้ ่ายท่ีตอ้ งจ่ายเพื่อให้ไดม้ าซ่ึงสินคา้ คงคลงั ท่ีตอ้ งการ ซ่ึงจะแปรตามจานวนคร้ังของการสั่งซ้ือ แต่ไม่แปรตามปริมาณสินคา้ คงคลงั เพราะสง่ั ซ้ือของมากเท่าใดก็ตามในแต่ละคร้ัง ค่าใชจ้ ่ายในการสง่ั ซ้ือก็ยงั คงท่ี แต่ถา้ ยิ่งสง่ั ซ้ือ บ่อยคร้ังค่าใชจ้ ่ายในการสงั่ ซ้ือจะย่ิงสูงข้ึน ค่าใชจ้ ่ายในการส่ังซ้ือไดแ้ ก่ ค่าเอกสารใบสัง่ ซ้ือ ค่าจ้างพนกั งานจัดซ้ือ ค่าโทรศพั ท์ ค่าขนส่งสินคา้ ค่าใชจ้ ่ายในการตรวจรับของและเอกสาร ค่าธรรมเนียมการนาของออกจากศลุ กากร คา่ ใชจ้ ่ายในการชาระเงิน เป็นตน้ 2) ค่าใชจ้ ่ายในการเก็บรักษา (carrying Cost) เป็ นค่าใชจ้ ่ายจากการมีสินคา้ คงคลงั และ การรักษาสภาพใหส้ ินคา้ คงคลงั น้นั อยใู่ นรูปท่ีใชง้ านได้ ซ่ึงจะแปรตามปริมาณสินคา้ คงคลงั ที่ถือ ไวแ้ ละระยะเวลาท่ีเก็บสินคา้ คงคลงั น้นั ไว้ ค่าใชจ้ ่ายในการเก็บรักษา ไดแ้ ก่ ตน้ ทุนเงินทุนที่จม อยกู่ บั สินคา้ คงคลงั ซ่ึงคือค่าดอกเบ้ียจ่ายถา้ เงินทุนน้นั มาจากการกูย้ ืมหรือเป็ นค่าเสียโอกาสถา้ เงินทนุ น้นั เป็นส่วนของเจา้ ของ คา่ คลงั สินคา้ คา่ ไฟฟ้าเพื่อการรักษาอุณหภมู ิ ค่าใชจ้ ่ายของสินคา้ ที่ชารุดเสียหายหรือหมดอายุเส่ือมสภาพจากการเก็บนานเกินไป ค่าภาษีและการประกนั ภยั ค่าจา้ งยามและพนกั งานประจาคลงั สินคา้ ฯลฯ 3) ค่าใช้จ่ายเนื่องจากสินคา้ ขาดแคลน (Shortage Cost หรือ Stock out Cost) เป็ น คา่ ใชจ้ ่ายท่ีเกิดข้ึนจากการมีสินคา้ คงคลงั ไมเ่ พียงพอต่อการผลิตหรือการขาย ทาให้ลูกคา้ ยกเลิก คาสง่ั ซ้ือ ขาดรายไดท้ ี่ควรได้ กิจการเสียชื่อเสียง กระบวนการผลิตหยดุ ชะงกั เกิดการวา่ งงานของ เคร่ืองจกั รและคนงาน ฯลฯ ค่าใชจ้ ่ายน้ีจะแปรผกผนั กบั ปริมาณสินคา้ คงคลงั ที่ถือไว้ นน่ั คือถา้ ถือสินคา้ ไวม้ ากจะไม่เกิดการขาดแคลน แต่ถา้ ถือสินคา้ คงคลงั ไวน้ อ้ ยก็อาจเกิดโอกาสที่จะเกิด การขาดแคลนไดม้ ากกว่า และมีค่าใชจ้ ่ายเน่ืองจากสินคา้ ขาดแคลนน้ีข้ึนอยู่กบั ปริมาณการขาด
แคลนรวมท้งั ระยะเวลาที่เกิดการขาดแคลนข้ึนดว้ ย ค่าใชจ้ ่ายเนื่องจากสินคา้ ขาดแคลนไดแ้ ก่ คาสง่ั ซ้ือของลอ็ ตพิเศษทางอากาศเพ่ือนามาใชแ้ บบฉุกเฉิน ค่าปรับเน่ืองจากสินคา้ ให้ลูกคา้ ล่าชา้ คา่ เสียโอกาสในการขาย คา่ ใชจ้ ่ายท่ีเกิดข้ึนจากการเสียค่าความนิยม ฯลฯ 4) ค่าใช้จ่ายในการต้งั เคร่ืองจกั รใหม่ (Setup Cost) เป็ นค่าใชจ้ ่ายท่ีเกิดข้ึนจากการที่ เครื่องจกั รจะตอ้ งเปลี่ยนการทางานหน่ึงไปทางานอีกอย่างหน่ึง ซ่ึงจะเกิดการว่างงานชวั่ คราว สินคา้ คงคลงั จะถูกท้ิงให้รอกระบวนการผลิตท่ีจะต้งั ใหม่ คา่ ใชจ้ ่ายในการต้งั เคร่ืองจกั รใหมน่ ้ีจะ มีลกั ษณะเป็นตน้ ทนุ คงที่ตอ่ คร้ัง ซ่ึงจะข้ึนอยูก่ บั ขนาดของล็อตการผลิต ถา้ ผลิตเป็ นล็อตใหญ่มี การต้งั เครื่องใหม่นานคร้ัง ค่าใชจ้ ่ายในการต้งั เครื่องใหมก่ จ็ ะต่า แต่ยอดสะสมของสินคา้ คงคลงั จะสูง ถา้ ผลิตเป็นลอ็ ตเลก็ มีการต้งั เคร่ืองใหม่บ่อยคร้ัง คา่ ใชจ้ ่ายในการต้งั เครื่องใหม่ก็จะสูง แต่ สินคา้ คงคลงั จะมีระดบั ต่าลง และสามารถส่งมอบงานใหแ้ ก่ลูกคา้ ไดเ้ ร็วข้ึน ในบรรดาค่าใชจ้ ่ายเก่ียวกบั สินคา้ คงคลงั ต่างๆ เหลา่ น้ี คา่ ใชจ้ ่ายในการเก็บรักษาจะสูงข้ึน ถา้ มีระดบั สินคา้ คงคลงั สูง และจะต่าลงถา้ มีระดบั สินคา้ คงคลงั ต่า แต่สาหรับค่าใชจ้ ่ายในการ สง่ั ซ้ือ ค่าใชจ้ ่ายเนื่องจากสินคา้ ขาดแคลน และค่าใชจ้ ่ายในการต้งั เคร่ืองจกั รใหม่ จะมีลกั ษณะ ตรงกนั ขา้ ม คือ จะสูงข้ึนถา้ มีระดบั สินคา้ คงคลงั ต่าและจะต่าลงถา้ มีระดบั สินคา้ คงคลงั สูง ดงั น้นั คา่ ใชจ้ ่ายเก่ียวกบั สินคา้ คงคลงั ที่ต่าสุด ณ ระดบั ที่คา่ ใชจ้ ่ายทกุ ตวั รวมกนั แลว้ ต่าสุด 4.3 ระบบการควบคมุ สินค้าคงคลงั (Inventory Control System) ภาระงานอนั หนกั ประการหน่ึงของการบริหารสินคา้ คงคลงั คือ การลงบญั ชีและตรวจ นับสินค้าคงคลงั เพราะแต่ละธุรกิจจะมีสินค้าคงคลังหลายชนิด แต่ละชนิดอาจมีความ หลากหลาย เชน่ ขนาดรูปถ่าย สีผา้ ซ่ึงทาให้การตรวจนบั สินคา้ คงคลงั ตอ้ งใชพ้ นกั งานจานวน มาก เพ่ือให้ไดจ้ านวนที่ถูกตอ้ งภายใตร้ ะยะเวลาท่ีกาหนด เพ่ือที่จะไดท้ ราบว่าชนิดสินคา้ คงคลงั ที่เริ่มขาดมือ ตอ้ งซ้ือมาเพ่ิม และปริมาณการซ้ือที่เหมาะสม ระบบการควบคุมสินคา้ คงคลงั ที่มี อยู่ 3 วิธี คือ 4.3.1 ระบบสินค้าคงคลังอย่างต่อเน่ือง (Continuous Inventory System Perpetual System) เป็นระบบสินคา้ คงคลงั ท่ีมีวิธีการลงบญั ชีทุกคร้ังที่มีการรับและจ่ายของ ทาให้บญั ชีคุม ยอดแสดงยอดคงเหลือที่แทจ้ ริงของสินคา้ คงคลงั อยเู่ สมอ ซ่ึงจาเป็นอยา่ งย่งิ ในการควบคมุ สินคา้ คงคลงั รายการท่ีสาคญั ท่ีปล่อยให้ขาดมือไม่ได้ แต่ระบบน้ีเป็ นวิธีที่มีค่าใชจ้ ่ายดา้ นงานเอกสาร
ค่อนขา้ งสูง และตอ้ งใชพ้ นกั งานจานวนมากจึงดูแลการรับจ่ายได้ทว่ั ถึง ในปัจจุบนั การนาเอา คอมพิวเตอร์เขา้ มาประยกุ ตใ์ ชก้ บั งานสานกั งานและบญั ชีสามารถช่วยแกไ้ ขปัญหาในขอ้ น้ี โดย การใชร้ หสั แห่ง (Bar Code) หรือรหสั สากลสาหรับผลิตภณั ฑ์ (EAN13) ติดบนสินคา้ แลว้ ใช้ เคร่ืองอ่านรหสั แห่ง (Laser Scan) ซ่ึงวิธีน้ีนอกจากจะมีความถูกตอ้ ง แม่นยา เท่ียงตรงแลว้ ยงั สามารถใชเ้ ป็นฐานขอ้ มลู ของการบริหารสินคา้ คงคลงั ในซพั พลายเชนของสินคา้ 4.3.2 ระบบสินค้าคงคลังเม่ือสิ้นงวด (Periodic Inventory System) เป็ นระบบสินคา้ คงคลงั ที่มีวิธีการลงบญั ชีเฉพาะในช่วงเวลาท่ีกาหนดไวเ้ ท่าน้นั เช่น ตรวจนบั และลงบญั ชีทุกปลายสปั ดาห์หรือปลายเดือน เม่ือของถูกเบิกไปก็จะมีการสง่ั ซ้ือเขา้ มา เติมให้เต็มระดบั ที่ต้งั ไว้ ระบบน้ีจะเหมาะกบั สินค้าที่มีการสั่งซ้ือและเบิกใชเ้ ป็ นช่วงเวลาที่ แน่นอน เช่น ร้านขายหนงั สือของซีเอด็ จะมีการสารวจยอดหนงั สือในแต่ละวนั และสรุปยอด ตอนส้ินเดือน เพื่อดูปริมาณหนงั สือคงคา้ งในร้านและคลงั สินคา้ ยอดหนงั สือที่ตอ้ งเตรียมจดั ส่ง ใหแ้ ก่ร้านตามท่ีตอ้ งการสง่ั ซ้ือ โดยทวั่ ไปแลว้ ระบบสินคา้ คงคลงั เมื่อส้ินงวดมกั จะมีระดบั สินค้าคงคลงั เหลือสูงกว่า ระบบสินค้าคงคลงั อยา่ งต่อเนื่อง เพราะจะมีการเผ่ือสารองการขาดมือโดยไม่คาดคิดไว้ก่อน ล่วงหน้าบ้าง และระบบน้ีจะทาให้มีการปรับปริ มาณการสั่งซ้ือใหม่ เมื่อความต้องการ เปลี่ยนแปลงไปดว้ ย การเลือกใชร้ ะบบสินคา้ คงคลงั แบบตอ่ เนื่องและระบบสินคา้ คงคลงั เม่ือสิ้น งวดมีขอ้ ดีของแตล่ ะแบบดงั น้ี ข้อดขี องระบบสินค้าคงคลังแบบต่อเนื่อง 1.มีสินคา้ คงคลงั เผ่อื ขาดมือนอ้ ยกว่า โดยจะเผื่อสินคา้ ไวเ้ ฉพาะช่วงเวลารอคอยเทา่ น้นั แต่ ละระบบเม่ือสิ้นงวดตอ้ งเผ่ือสินคา้ ไวท้ ้งั ชว่ งเวลารอคอย และเวลาระหวา่ งการสง่ั ซ้ือแต่ละคร้ัง. 2.ใชจ้ านวนการสงั่ ซ้ือคงท่ีซ่ึงจะทาใหไ้ ดส้ ่วนลดปริมาณไดง้ ่าย 3.สามารถตรวจสินคา้ คงคลงั แต่ละตวั อยา่ งอิสระ และเจาะจงเขม้ งวดเฉพาะรายการที่มี ราคาแพงได้ ข้อดีของระบบสินค้าคงคลงั เม่ือสิ้นงวด 1.ใชเ้ วลานอ้ ยกว่าและเสียค่าใชจ้ ่ายในการควบคมุ นอ้ ยกวา่ ระบบต่อเนื่อง 2. เหมาะกบั การส่ังซ้ือของจากผขู้ ายรายเดียวกนั หลายๆชนิด เพราะจะไดล้ ดค่าใชจ้ ่าย เกี่ยวกบั เอกสาร ลดคา่ ใชจ้ ่ายในการสง่ั ซ้ือ และสะดวกตอ่ การตรวจนบั ยิ่งข้ึน 3.ค่าใชจ้ ่ายในการเก็บขอ้ มลู สินคา้ คงคลงั ต่ากว่า
4.3.3 ระบบการจาแนกสินค้าคงคลังเป็ นหมวดเอบีซี (ABC) ระบบน้ีเป็นวิธีการจาแนกสินคา้ คงคลงั ออกเป็นแต่ละประเภทโดยพิจารณาปริมาณและ มูลคา่ ของสินคา้ คงคลงั แต่ละรายการเป็ นเกณฑ์ เพ่ือลดภาระในการดูแล ตรวจนบั และควบคุม สินคา้ คงคลงั ท่ีมีอยมู่ ากมาย ซ่ึงถา้ ควบคุมทุกรายการอยา่ งเขม้ งวดเท่าเทียมกนั จะเสียเวลาและ ค่าใช้จ่ายมากเกินความจาเป็ น เพราะในบรรดาสินค้าคงคลงั ท้งั หลายของแต่ละธุรกิจจะมกั เป็นไปตามเกณฑด์ งั ตอ่ ไปน้ี A เป็นสินคา้ คงคลงั ที่มีปริมาณน้อย (5-15% ของสินคา้ คงคลงั ท้งั หมด) แต่มีมูลค่ารวม ค่อนขา้ งสูง (70-80% ของมูลคา่ ท้งั หมด) B เป็นสินคา้ คงคลงั ที่มีปริมาณปานกลาง (30% ของสินคา้ คงคลงั ท้งั หมด) และมีมูลค่า รวมปานกลาง (15% ของมลู คา่ ท้งั หมด) C เป็นสินคา้ คงคลงั ที่มีปริมาณมาก (50-60% ของสินคา้ คงคลงั ท้งั หมด) แต่มีมูลค่ารวม ค่อนขา้ งต่า (5-10% ของมูลค่าท้งั หมด) ตวั อย่าง ฝ่ ายซ่อมบารุงในโรงงานเอสเอสไอ รับผิดชอบในการสารองอะไหล่ในการ ซ่อมบารุงเครื่องจกั รซ่ึงไดเ้ ก็บประวตั ิการใชง้ านที่ผ่านมา มีหมายเลขชิ้นส่วน ราคาต่อหน่วย และการใชง้ าน ดงั แสดงในตารางต่อไปน้ี ชิ้นส่ วนที่ ต้นทุนต่อหน่วย อุปสงค์ต่อปี มูลค่ารวม 1 60 90 5,400 2 360 40 14,400 3 30 130 3,900 4 80 60 4,800 5 30 100 3,000 6 20 180 3,600 7 10 170 1,700 8 320 50 16,000 9 510 60 30,600 10 20 120 2,400 รวม 1,440 1,000 85,800
ซ่ึงสามารถหาช้นั ของอะไหล่โดยคูณระหว่างตน้ ทุนต่อหน่วยกบั อุปสงคต์ ่อปี และจัด ช้นั ไดด้ งั น้ี +++ ชิ้นส่วน มูลค่ารวม %ของมูลค่า %ของปริมาณ %สะสม ท่ี รวม รวม 9 30,600 35.90 6.00 6.0 8 16,000 18.70 5.00 A 11.0 2 14,000 16.40 4.00 15.0 1 5,400 6.30 9.00 24.0 4 4,800 5.60 6.00 B 30.0 3 3,900 4.60 10.00 40.0 6 3,600 4.20 18.00 58.0 5 3,000 3.50 13.00 71.0 10 2,400 2.80 12.00 C 83.0 7 1,700 2.00 17.00 100.0 ช้ัน รายการ %ของมูลค่ารวม %ของปริมาณ A 9,8,2 71.0 15.0 B 1,4,3 16.5 25.0 C 6,5,10,7 12.5 60.0 การจาแนกสินค้าคงคลงั เป็ นหมวดABC จะทาให้การควบคุมสินคา้ คงคลงั แตกต่างกนั ดงั ต่อไปน้ี A ควบคุมอย่างเขม้ งวดมาก ดว้ ยการลงบญั ชีทุกคร้ังที่มีการรับจ่าย และมีการตรวจนับ จานวนจริงเพื่อเปรียบเทียบกบั จานวนในบญั ชีอยบู่ ่อยๆ (เชน่ ทกุ สปั ดาห์) การควบคุมจึงควรใช้ ระบบสินคา้ คงคลงั อย่างต่อเนื่องและตอ้ งเก็บของไวใ้ นท่ีปลอดภยั ในดา้ นการจดั ซ้ือก็ควรหา ผขู้ ายไวห้ ลายรายเพ่ือลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนสินคา้ และสามารถเจรจาต่อรองราคา B ควบคุมอยา่ งเข้มงวดปานกลาง ดว้ ยการลงบญั ชีคุมยอดบนั ทึกเสมอเช่นเดียวกบั A ควรมีการเบิกจ่ายอย่างเป็ นระบบเพ่ือป้องกันการสูญหาย การตรวจนับจานวนจริ งก็ทา
เช่นเดียวกบั A แตค่ วามถ่ีนอ้ ยกวา่ (เชน่ ทุกสิ้นเดือน) และการควบคุม B จึงควรใชร้ ะบบสินคา้ คงคลงั อยา่ งตอ่ เน่ืองเช่นเดียวกบั A C ไม่มีการจดบนั ทึกหรือมีก็เพียงเล็กนอ้ ย สินคา้ คงคลงั ประเภทน้ีจะวางให้หยิบใชไ้ ด้ ตามสะดวกเนื่องจากเป็นของราคาถกู และปริมาณมาก ถา้ ทาการควบคุมอย่างเขม้ งวด จะทาให้มี ค่าใชจ้ ่ายมากซ่ึงไม่คุม้ ค่ากบั ประโยชน์ที่ไดป้ ้องกนั ไม่ให้สูญหาย การตรวจนบั C จะใชร้ ะบบ สินคา้ คงคลงั แบบสิ้นงวดคือเวน้ สกั ระยะจะมาตรวจนบั ดูวา่ พร่องไปเท่าใดแลว้ ก็ซ้ือมาเติม หรือ อาจใชร้ ะบบสองกล่อง ซ่ึงมีกลอ่ งวสั ดอุ ยู่ 2 กล่องเป็นการเผื่อไว้ พอใชข้ องในกล่องแรกหมดก็ นาเอากล่องสารองมาใชแ้ ลว้ รีบซ้ือของเติมใส่กล่องสารองแทน ซ่ึงจะทาให้ไม่มีการขาดมือ เกิดข้ึน 4.3.4 การตรวจนับจานวนสินค้าคงคลงั เป็นการตรวจนบั สินคา้ เพื่อให้เกิดความมน่ั ใจว่า สินคา้ ที่มีอยู่จริง และในบญั ชีตรงกนั มี หลายวิธีดงั น้ี 1.วิธีปิ ดบญั ชีตรวจนบั คือ เลือกวนั ใดวนั หน่ึงที่จะทาการปิ ดบญั ชีแลว้ ห้ามมิให้มีการ เบิกจ่ายเพิ่มเติม หรือเคล่ือนยา้ ยสินคา้ คงคลงั ทกุ รายการ โดยตอ้ งหยดุ การซ้ือ-ขายตามปกติ แลว้ ตรวจนบั ของท้งั หมด วิธีน้ีจะแสดงมูลคา่ ของสินคา้ คงคลงั ณ วนั ที่ตรวจนบั ไดอ้ ยา่ งเท่ียงตรง แตก่ ท็ าให้เสียรายไดใ้ นวนั ท่ีตรวจนบั ของ 2.วิธีเวียนกนั ตรวจนบั จะปิ ดการเคลื่อนยา้ ยสินคา้ คงคลงั เป็นส่วน เพ่ือตรวจนบั เม่ือส่วน ใดตรวจนบั เสร็จก็เปิ ดขายหรือเบิกจ่ายไดต้ ามปกติ และปิ ดแผนกอื่นตรวจนบั ต่อไปจนครบทุก แผนก วิธีน้ีจะไม่เสียรายไดจ้ าการขายแตโ่ อกาสท่ีจะคลาดเคลื่อนมีสูง 4.4 ระบบขนาดการส่ังซื้อท่ปี ระหยดั (Economic Order Quantity หรือ EOQ) 4.4.1 การจัดการวสั ดุ การจดั การวสั ดทุ าเพื่อให้มีวสั ดุและสินคา้ รองรับงานผลิตและการตลาด ท้งั การบริการ ลูกคา้ ที่ดีและมีตน้ ทุนสินคา้ คงคลงั รวมที่อยรู่ ะดบั ต่าสามารถทาไดห้ ลายวิธีการข้ึนอยกู่ บั ลกั ษณะ ของความตอ้ งการสินคา้ ทรัพยากรองคก์ ารความพร้อมของบุคลากรที่เก่ียวขอ้ งการจดั การซัพ พลายเชน ตลอดจนลักษณะของกระบวนการผลิตสินค้าประกอบเขา้ ด้วยกนั นอกจากน้ัน
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีขอ้ มูลข่าวสารและคอมพิวเตอร์ยงั ช่วยให้การสร้างระบบการ จดั การสินคา้ คงคลงั มีความหลากหลายมากข้ึน ทาใหผ้ บู้ ริหารสามารถเลือกใชร้ ะบบท่ีเหมาะสม กบั กิจการของตนได้มากข้ึนด้วยเช่นกัน ระบบการจัดการสินค้าคงคลงั ท่ีเป็ นท่ีนิยมใช้กัน แพร่หลายในธุรกิจอตุ สาหกรรม มีดงั ต่อไปน้ี 1.ระบบการขนาดสง่ั ซ้ือท่ีประหยดั (EOQ) 2.ระบบการวางแผนความตอ้ งการวสั ดุ (MRP) 3.ระบบสินคา้ คงคลงั ของการผลิตแบบทนั เวลาพอดี (JIT) 4.4.2 ขนาดการส่ังซื้อท่ีประหยัด เป็นระบบสินคา้ คงคลงั ที่ใชก้ นั อยา่ งแพร่หลายมานาน โดยทีระบบน้ีใชก้ บั สินคา้ คงคลงั ท่ีมีลกั ษณะของความตอ้ งการท่ีเป็นอิสระไมเ่ กี่ยวขอ้ งต่อเนื่องกบั ความตอ้ งการของสินคา้ คงคลงั ตวั อื่น จึงตอ้ งวางแผนพิจารณาความตอ้ งการอยา่ งเป็ นเอกเทศดว้ ยวิธีการพยากรณ์อุปสงค์ของ ลูกคา้ โดยตรง เช่น การวางแผนผลิตรถยนตน์ งั่ ส่วนบุคคล บริษทั รถยนตจ์ ะพยากรณ์อุปสงค์จาก จานวนครอบครัวขนาดเลก็ ถึงปานกลางท่ีมีรายไดร้ วมเกินกวา่ 50,000 บาทตอ่ เดือน การสง่ั ซ้ืออยา่ งประหยดั ตอ้ งหาจุดมีค่าใชจ้ ่ายในการสง่ั ซ้ือและการเกบ็ รักษาต่าที่สุด ซ่ึง สามารถหาได้ จากการเขียนกราฟจุดตดั ของ ตน้ ทุนการเกบ็ รักษาและตน้ ทุนในการสงั่ ซ้ือ ท่ีมีค่า เท่ากนั จะเป็นจุดจานวนการเก็บรักษาแบบประหยดั ที่สุด ดงั ภาพ
ระบบขนาดการสงั่ ซ้ือที่ประหยดั จะพิจารณาตน้ ทุนรวมของสินคา้ คงคลงั ที่ต่าสุดเป็น หลกั เพอ่ื กาหนดระดบั ปริมาณการสงั่ ซ้ือตอ่ คร้ังทีเ่ รียกวา่ “ขนาดการสงั่ ซ้ือที่ประหยดั ” การใช้ ระบบขนาดการสงั่ ซ้ือท่ีประหยดั มีท้งั 4 สภาวการณ์ดงั ต่อไปน้ี 4.4.3 ขนาดการสั่งซื้อทป่ี ระหยัดท่อี ุปสงค์คงทีแ่ ละสินค้าคงคลังไม่ขาดมือ โดยมี สมมติฐานที่กาหนดขอบเขตไวว้ ่า 1) ทราบปริมาณอุปสงคอ์ ยา่ งชดั เจน และอปุ สงคค์ งที่ 2) ไดร้ ับสินคา้ ที่สง่ั ซ้ือพร้อมกนั ท้งั หมด 3) รอบเวลาในการสง่ั ซ้ือ ซ่ึงเป็นชว่ งเวลาต้งั แตส่ ง่ั ซ้ือจนไดร้ ับสินคา้ คงท่ี 4) ตน้ ทุนการเกบ็ รักษาสินคา้ และตน้ ทนุ การสง่ั ซ้ือคงท่ี 5) ราคาสินคา้ ที่สง่ั ซ้ือคงท่ี 6) ไมม่ ีสภาวะของขาดมือเลย การหาขนาดการสง่ั ซ้ือประหยดั (EOQ) และตน้ ทุนรวม (TC) จะทาไดจ้ าก การสงั่ ซ้ือประหยดั EOQ = 2CoD Cc ตน้ ทนุ รวม TCmin = CoD QCc Q 2 โดย EOQ = ขนาดการสง่ั ซ้ือต่อคร้ังทีป่ ระหยดั (Q*) D = อปุ สงคห์ รือความตอ้ งการสินคา้ ตอ่ ปี (หน่วย) Co = ตน้ ทนุ การสงั่ ซ้ือ หรือตน้ ทนุ การต้งั เครื่องจกั รใหม่ต่อคร้ัง (บาท) Cc = ตน้ ทนุ การเก็บรักษาตอ่ หน่วยต่อปี (บาท) Q = ปริมาณการสง่ั ซ้ือต่อคร้ัง (หน่วย) TC = ตน้ ทนุ สินคา้ คงคลงั โดยรวม (บาท) ตน้ ทนุ การสง่ั ซ้ือต่อปี = D Q Co ตน้ ทนุ การเก็บรักษาต่อปี = Q Cc 2 จานวนการสง่ั ซ้ือตอ่ ปี =D Q* รอบเวลาการสงั่ ซ้ือ = Q * D
ถา้ ตอ้ งการตน้ ทุนรวมที่ต่าสุด จานวนสัง่ ซ้ือต่อปี หรือรอบเวลาการสัง่ ซ้ือที่จะสามารถ ประหยดั ไดม้ ากที่สุด ให้แทน Q ดว้ ย EOQ หรือ Q* ท่ีคานวณได้ ตวั อย่าง บริษทั จาหน่ายวสั ดุผนงั หินสังเคราะห์ในประมาณการว่า ปี น้ีจะมีอุปสงค์รวม 10,000 ตารางเมตร ตน้ ทนุ การเก็บรักษาต่อหลายเท่ากบั 0.75 บาท ตน้ ทุนการส่งั ซ้ือคร้ังละ 150 บาท จงหา 1.ขนาดการสง่ั ซ้ือที่ประหยดั (EOQ) EOQ = 2DCo = 2(150)(10000) = Cc (0.75) 2,000 ตารางเมตร 2.ตน้ ทุนรวมที่ต่าสุด TCmin = CoD QCc = (150x10,000) (0.75x2,000) = Q 2 2,000 2 1,500 บาท 3.จานวนคร้ังของการสงั่ ซ้ือท่ีประหยดั ที่สุด = 10,000 = 5 ครัง้ ตอ่ ปี 2,000 4.ถา้ บริษทั เปิ ดขาย 311 วนั ตอ่ ปี รอบการสงั่ ซ้ือประหยดั ท่ีสุดคือ = Q * = 2000x311 = 62.2 วนั D 10000 4.4.3 ขนาดการสั่งซื้อทป่ี ระหยัดมอี ปุ สงค์คงทแ่ี ละมีสินค้าขาดมือบ้าง เนื่องจาก การท่ีของขาดมือก่อให้เกิดความประหยดั บางประการ อนั จะทาให้ตน้ ทุนการสัง่ ซ้ือหรือตน้ ทุน การต้งั เครื่องใหม่ลดต่าลง เพราะผลิตหรือสง่ั ซ้ือของลอ็ ตใหญ่ข้ึน สินคา้ น้นั มีตน้ ทุนการเก็บ รักษาสูงมากจึงไมม่ ีการเกบ็ ของไวเ้ ลย เชน่ ในร้านตวั แทนจาหน่ายรถยนตม์ กั จะเกิดสภาวการณ์ น้ี เพราะรถยนตแ์ ตล่ ะคนั มีราคาแพง จึงมีการจอดแสดงอยเู่ พียงคนั ละรุ่น เมื่อลูกคา้ ตกลงใจเลือก ซ้ือรถแบบที่ตอ้ งการแลว้ ก็จะเลือกสีรถจากตวั อย่างสีในใบรายการ ตวั แทนจาหน่ายจะรับคา
สงั่ ซ้ือน้ีไปสง่ั รถจากบริษทั ผลิตและติดต้งั อุปกรณ์แต่งรถตามความตอ้ งการของลูกคา้ ซ่ึงจะใช้ เวลารอคอยสกั ระยะหน่ึง โดยท่ีตอ้ งระวงั มิให้นานเกินไป ขอ้ สมมติฐานของกรณีน้ีมีดงั ตอ่ ไปน้ี 1.เม่ือของลอ็ ตใหมซ่ ่ึงมีจานวนเท่ากบั Q มาถึง จะตอ้ งรีบส่งตามจานวนท่ีขาดมือ (S) ท่ี คา้ งไวก้ ่อนทนั ที ส่วนของท่ีเหลือซ่ึงเทา่ กบั (Q-S) จะเกบ็ เขา้ คลงั สินคา้ 2.ระดบั สินคา้ คงคลงั ต่าสุดเทา่ กบั –S ระดบั สินคา้ คงคลงั สูงสุดเทา่ กบั Q-S 3.ระยะเวลาของสินคา้ คงคลงั (T) จะแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ส่วน คือ T1 คือ ระยะเวลาชว่ งท่ีมีสินคา้ จะขายได้ T2 คือ ระยะเวลาช่วงท่ีสินคา้ ขาดมือ ขนาดการสง่ั ซ้ือท่ีประหยดั ระดบั สินคา้ ขาดมือที่ประหยดั และตน้ ทนุ รวมจะหาไดจ้ าก Q* = 2DCo Cg Cc S* Cc Cg TC = Q* Cc โดยท่ี Q* Cg Cc S* Cg = DCo (Q * S*)Cc S *2 Cg Q * 2Q * 2Q * = ขนาดการสงั่ ซ้ือท่ีประหยดั = ระดบั สินคา้ ขาดมือท่ีประหยดั = ตน้ ทนุ สินคา้ ขาดมือต่อหน่วยต่อปี ระดบั สนิ ค้าคงคลงั เฉลย่ี = Q*S * Q* ระยะเวลาชว่ งทมี่ ีสนิ ค้าขาย (T ) = Q*S * 1D ระยะเวลาช่วงที่สนิ ค้าขาดมือ (T ) = S * 2D เวลารอคอยของสนิ ค้าคงคลงั (T) = T +T = Q *S * S * = Q* 12 DD D ตัวอย่าง ศูนย์จาหน่ายรถมิตซูบิชินครราชสีมาซ่ึงเป็ นตัวแทนจาหน่ายรถปิ คอัพ ขบั เคลื่อนสี่ลอ้ คาดวา่ ปี น้ีจะมี อุปสงค์ 500 คนั ตน้ ทนุ การสงั่ ซ้ือคร้ังละ 250 บาท ตน้ ทุนการ จมของเงินทนุ เท่ากบั 1,200 บาท ต่อคนั ตอ่ ปี ตน้ ทุนสินคา้ ขาดมือ เป็ น 200 บาท ต่อคนั ต่อปี จง หา
1.ขนาดการสง่ั ซอื ้ ท่ปี ระหยดั (Q*) = 2DCo Cg Cc Cc Cg = 2(500)(250) 200 1200 1200 200 = 38.19 (38) คนั 2.ระดบั ของขาดมือท่ีประหยดั (S*) = Q* Cc Cg Cc = 38.19* 1200 200 1200 = 32.73 คนั 3.เวลารอคอยของสนิ ค้าคงคลงั = Q * = 38.19 = 0.076 ปี = 27.73 วนั D 500 4.ระดบั สนิ ค้าคงคลงั สงู สดุ = Q*-S* = 38.19 – 32.73 = 5.46 คนั 5.จานวนครัง้ ของการสง่ั ซอื ้ ต่อปี = Q * = 500 = 13.09 ครัง้ D 38.19 6.ต้นทนุ สนิ ค้าคงคลงั ต่าสดุ ต่อปี = DCo (Q * S*)2 Cc S *2 Cg Q * 2Q * 2Q * = 500x250 (38.19 32.73)2 x1200 32.732 x200 38.19 2x38.19 2x38.19 = 3,273+468+2,805 = 6,546 บาท 4.4.4 ขนาดการสั่งซื้อทป่ี ระหยัดท่ีทยอยรับทยอยใช้สินค้า สินคา้ คงคลงั ไม่ไดถ้ ูก ส่งมาพร้อมกนั ในคราวเดียวแต่ทยอยส่งมาและในขณะน้นั มีการใชส้ ินคา้ ไปดว้ ย โดยท่ีอตั ราการ รับ (p) ตอ้ งมากกว่าอตั ราการใช้ (d) ท้งั สองอตั รามีค่าเฉล่ียคงที่และไม่มีของขาดมือ สินคา้ คง คลงั จะสะสมส่วนที่เหลือจากการใชม้ ากข้ึนเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุด การหาขนาดสงั่ ซ้ือที่ประหยดั และตน้ ทนุ รวมทาไดจ้ าก Q= 2CoD opt Cc1 d p TC = CoD CcQ 1 d c Q 2 p โดยท่ี p = อตั ราการรับสินคา้ d = อตั ราการใชส้ ินคา้ E = อตั ราการต้งั เครื่องจกั รใหม่ต่อลอ็ ตการผลิตตวั แปรอื่นเหมือนกรณีท่ี 1
ระดบั สนิ ค้าคงคลงั สงู สดุ = Q- Q d = Q 1 d p p ระดบั สนิ ค้าคงคลงั เฉลยี่ = Q 1 d 2 p ระยะเวลาทีท่ ยอยซอื ้ ทยอยใช้ (T ) = Q * p2 ระยะเวลาทใี่ ช้สนิ ค้าเพียงอยา่ งเดยี ว (T ) = Q* d d d 1 p ระยะเวลาของสนิ ค้าคงคลงั (T) = T +T = Q Q d = Q pd p d 1 p d ตวั อย่าง โรงงานผลิตหุ่นยนตเ์ ศษเหลก็ มีอุปสงค์เท่ากบั 2,000 ตวั ต่อปี ตน้ ทุนการต้งั เครื่องแตล่ ะคร้ังเท่ากบั 100 บาท ตน้ ทุนการเก็บรักษาเท่ากบั 2 บาทต่อตวั ต่อปี อตั ราการผลิต เทา่ กบั 8,000 ตวั ตอ่ ปี ให้หาคา่ ต่อไปน้ี 1.ขนาดการผลิตที่ประหยดั = 2CoD = 2 x100 x2000 = 516 วนั Cc1 d 21 2000 p 8000 2.ระดบั สินคา้ คงคลงั สูงสุด = Q 1 d = 5161 2000 = 387 วนั p 8000 3.รอบเวลาสินคา้ คงคลงั = Q * = 516 = 0.259 ปี หรือ 94.5 วนั d 2000 4.ตน้ ทนุ สินคา้ คงคลงั รวม = CoD CcQ 1 d Q 2 p = 2000 100 516 1 2000 x2 = 774 บาท 516 2 8000
4.5 ขนาดการส่ังซื้อทีป่ ระหยัดท่ีมีส่วนลดปริมาณ (Quantity Discount) เมื่อซ้ือของจานวนมากฝ่ ายจัดซ้ือมกั จะต่อรองให้ราคาสินค้าต่อหน่วยลดลงซ่ึงได้มี สมมติฐานว่า ย่ิงจานวนท่ีซ้ือมากเท่าไร ราคาต่อหน่วยของสินคา้ ย่ิงลดลงเท่าน้นั นอกจากน้ัน ปริมาณสงั่ ซ้ือที่เปลี่ยนแปลงไปจะมีผลทาให้ตน้ ทุนการเก็บรักษาเปลี่ยน ดงั น้นั วิธีการที่จะคานวณให้ไดข้ นาดการสั่งซ้ือที่ประหยดั ที่สุดจึงตอ้ งพิจารณาตน้ ทุน ของสินคา้ ท่ีราคาตา่ งกนั ดว้ ย ข้นั ตอนของการคิดมีดงั ตอ่ ไปน้ี 1.คานวณหาขนาดการสงั่ ซ้ือท่ีประหยดั แลว้ หาตน้ ทนุ สินคา้ คงคลงั รวมที่ EOQ ต้นทนุ สนิ ค้าคงคลงั รวม = D Q Cci DPi Co 2 Q เมื่อ P เป็นราคาของสินคา้ แต่ละระดบั ปริมาณการซ้ือ Cc เป็นตน้ ทุนการเก็บรักษาแตล่ ะระดบั ปริมาณการซ้ือ ถา้ ขนาดการสั่งซ้ือที่ประหยดั ที่คานวณไดอ้ ยใู่ นช่วงปริมาณท่ีสง่ั ซ้ือไดใ้ นระดบั ราคา ต่าสุด ขนาดการสง่ั ซ้ือที่ประหยดั ท่ีคานวณไดค้ ือ ปริมาณการสง่ั ซ้ือท่ีประหยดั 2.ถา้ ขนาดการสง่ั ซ้ือที่ประหยดั ท่ีคานวณได้ ไม่อยใู่ นช่วงปริมาณท่ีสามารถสัง่ ซ้ือไดใ้ น ระดบั ราคาต่าสุด ใหค้ านวณตน้ ทนุ รวมของการเก็บสินคา้ คงคลงั ที่ปริมาณการส่งั ซ้ือต่าสุดของ ระดับราคาสินค้าท่ีต่ากว่าระดับราคาของขนาดการส่ังซ้ือท่ีประหยดั ที่คานวณได้ แล้ว เปรียบเทียบกบั ตน้ ทนุ รวมที่ขนาดการสง่ั ซ้ือที่ประหยดั เพ่ือหาตน้ ทุนต่าสุดแลว้ กาหนดปริมาณ การสงั่ ซ้ือท่ีประหยดั ตวั อย่าง อาคารคอนโดมิเนียมใชน้ ้ายาทาความสะอาดปี หน่ึงตอ้ งใชป้ ี ละ 816 แกลลอน คาสั่งซ้ือไดใ้ นระดบั ราคาต่าสุด 120 บาท ค่าเก็บรักษาเท่ากับ 40 บาท ต่อปี ต่อลิตร การให้ ส่วนลดของผคู้ า้ ส่งน้ายาทาความสะอาดเป็นดงั ตอ่ ไปน้ี ปริมาณการสงั่ ซ้ือตอ่ คร้ังแกลลอน ราคาต่อแกลลอน 0 – 49 100 50 – 79 90 80 – 99 85 100 ข้ึนไป 80 จงหาขนาดการสง่ั ซ้ือที่ประหยดั ท่ีสุด
EOQ = 2x816x120 = 69.97 = 70 แกลลอน 40 แตป่ ริมาณ 70 แกลลอนจะไดร้ าคาแกลลอนละ 90 บาท ซ่ึงไมใ่ ชร้ าคาต่าสุด ดงั น้นั จึง ตอ้ งคานวณตน้ ทุนสินคา้ คงคลงั รวม เปรียบเทียบกบั ตน้ ทนุ สินคา้ คงคลงั รวมท่ีราคา 85 และ 80 บาท ตามลาดบั 1.เมื่อสง่ั ซ้ือที่ 70 แกลลอน ราคาแกลลอนละ 90 บาท ตน้ ทุนรวม = ตน้ ทุนสินคา้ + ตน้ ทนุ การสง่ั ซ้ือ + ตน้ ทุนการเก็บรักษา = (90x816)+ 816 x120 40x 70 70 2 = 76,239 บาท 2.เม่ือสง่ั ซ้ือที่ 80 แกลลอน ราคาแกลลอนละ 85 บาท ต้นทนุ รวม = (85x816)+ 816 x120 40x 80 80 2 = 72,184 บาท 3.เม่ือสงั่ ซ้ือที่ 100 แกลลอน ราคาแกลลอนละ 80 บาท ต้นทนุ รวม = (80x816)+ 816 x120 40x100 100 2 = 68,259 บาท ตน้ ทุนรวมท่ีต่าสุดคือปริมาณการสงั่ ซ้ือคร้งั ละ 100 แกลลอน 4.6 การหาจุดสั่งซื้อเพม่ิ ใหม่ (Reorder Point) และมูลภณั ฑ์นริ ภยั ในการจดั ซ้ือสินคา้ คงคลงั เวลาก็เป็นปัจจยั ที่สาคญั อยา่ งยงิ่ ตวั หน่ึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถา้ ระบบการควบคมุ สินคา้ คงคลงั ของกิจการเป็ นแบบต่อเน่ือง จะสามารถกาหนดที่จะสั่งซ้ือใหม่ ได้เม่ือพบว่าสินค้าคงคลงั ลดเหลือระดบั หน่ึงก็จะสั่งซ้ือของมาใหม่ในปริมาณคงท่ีเท่ากับ ปริมาณการส่งั ซ้ือที่กาหนดไว้ ซ่ึงเรียกว่า Fixed order Quantity System จุดสง่ั ซ้ือใหม่น้นั มี ความสมั พนั ธ์แปรตามตวั แปร 2 ตวั คือ อตั ราความตอ้ งการใชส้ ินคา้ คงคลงั และรอบเวลาในการ สง่ั ซ้ือ (Lead Time) ภายใตส้ ภาวการณ์ 4 แบบ ดงั ตอ่ ไปน้ี
4.6.1 จุดส่ังซื้อใหม่ในอัตราความต้องการสินค้าคงคลังคงที่และรอบเวลาคงท่ี เป็นสภาวะที่ไม่เส่ียงที่จะเกิดสินคา้ ขาดมือเลย เพราะทกุ ส่ิงทกุ อยา่ งแน่นอน จุดสง่ั ซ้ือใหม่ R = d x L โดยท่ี d = อตั ราความตอ้ งการสินคา้ คงคลงั L = เวลารอคอย ตัวอย่าง ถ้าโรงงานทาซาลาเปาฮ่องเตใ้ ช้แป้งสาลี วนั ละ 10 ถุง และการสั่งแป้งจาก ร้านคา้ ส่งจะใชเ้ วลา 2 วนั กว่าของจะมาถึง จุดสงั่ ซ้ือใหม่จะเป็นเท่าใด จุดสง่ั ซ้ือใหม่ = d x L = 10 x 2 = 20 ถุง เมื่อแป้งสาลีเหลือ 20 ถงุ ตอ้ งทาการสงั่ ซ้ือใหม่มาเพ่ิมเติม 4.6.2 สต็อคเพื่อความปลอดภยั (Safety Stock) เป็นสตอ็ คที่ตอ้ งสารองไวก้ นั สินคา้ ขาดเม่ือสินคา้ ถูกใชแ้ ละปริมาณลดลงจนถึงจุดสงั่ ซ้ือ (Reorder point) เป็ นจุดที่ใชเ้ ตือนสาหรับ การสงั่ ซ้ือรอบถดั ไป เม่ืออุปสงค์สูงกว่าสินคา้ คงคลงั ท่ีเก็บไว้ เป็ นการป้องกนั สินคา้ ขาดมือไว้ ล่วงหน้า หรืออีกคาอธิบายหน่ึงเป็ นการเก็บสะสมสินคา้ คงคลงั ในช่วงของรอบเวลาในการ สง่ั ซ้ือ 4.6.3 ระดับการให้บริการ (Service Level) เป็ นวิธีการวดั ปริมาณสตอ็ คเพ่ือความ ปลอดภยั เพ่ือให้สอดคลอ้ งกบั ขอ้ กาหนดในดา้ นคุณภาพ โดยปกติในระบบคุณภาพลูกคา้ จะมี การคาดหวงั ในระดบั ท่ีกาหนดเป็ นร้อยละของการสง่ั ซ้ือว่าสามารถจดั ส่งไดห้ รือไม่ ซ่ึงข้ึนกบั นโยบายที่ป้องกนั สต็อคขาดมือ โดยข้ึนอยู่กบั ต้นทุนสาหรับสต็อคเพ่ิมเติม และเสียยอดขาย เน่ืองจากไม่สอดคลอ้ งกบั อปุ สงค์ 4.6.4 จุดสั่งซื้อใหม่ในอัตราความต้องการสินค้าคงคลังที่แปรผนั และรอบเวลา คงท่ี เป็นสภาวะท่ีอาจเกิดของขาดมือไดเ้ พราะวา่ อตั ราการใชห้ รือความตอ้ งการสินคา้ คงคลงั ไม่ สม่าเสมอ จึงตอ้ งมีการเกบ็ สินคา้ คงคลงั เผอ่ื ขาดมือ (Cycle-Service Level) ซ่ึงจะเป็นโอกาสที่ไม่ มีของขาดมือ
จุดสงั่ ซ้ือใหม่ = (อตั ราความตอ้ งการ x รอบเวลา) + สินคา้ คงคลงั เพื่อความปลอดภยั = ( d x L) + z L ( ) d โดยที่ d = อตั ราความตอ้ งการสินคา้ โดยเฉลี่ย L = รอบเวลาคงท่ี Z = คา่ ระดบั ความเช่ือมน่ั วา่ จะมีสินคา้ เพียงพอตอ่ ความตอ้ งการ d = ความเบี่ยงเบนมาตรฐานของอตั ราความตอ้ งการสินคา้ ระดบั วงจรของการบริการ = 100% - โอกาสที่จะเกิดของขาดมือ ตวั อย่าง บริษทั เช่ารถตุ๊กตกุ๊ มีผมู้ าเชา่ ทุก 10 วนั พบว่าการกระจายของจานวนลูกคา้ ท่ีมา เชา่ น้นั เป็นแบบปกติ และมีความเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2 ราย ลูกคา้ แต่ละรายมกั จะเช่าไปคร้ังละ 2 วนั ระดบั การใหบ้ ริการประมาณร้อยละ 95 จงหาจุดสงั่ ซ้ือของรถตุ๊กตกุ๊ ( ร ะ ดั บ ก า ร ให้บริการประมาณร้อยละ 95 เปิ ดดูตาราง พบว่า ค่า Z = 1.65) จดุ สงั่ ซอื ้ ใหม่ = ( d x L) + z L ( ) d = (10x2) + (1.65) 2 2 = 24.65 = 25 คนั 4.6.5 จุดส่ังซื้อในอัตราความต้องการสินค้าคงคลังคงท่ีและรอบเวลาแปรผัน เป็นสภาวะที่รอบเวลามีลกั ษณะการกระจายของขอ้ มูลแบบปกติ จดุ สง่ั ซอื ้ ใหม่ = (d x L ) + zdL โดยที่ d = อตั ราความตอ้ งการสินคา้ คงคลงั ซ่ึงคงท่ี L = รอบเวลาเฉลี่ย Z = คา่ ระดบั ความเช่ือมน่ั วา่ จะมีสินคา้ เพียงพอต่อความตอ้ งการ L = ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานของรอบเวลา d = ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของอตั ราความตอ้ งการสินคา้ ตวั อย่าง บริษทั ท่ีปรึกษาใชห้ มึกพิมพส์ าหรับเครื่องพร็อตกราฟ 6 กลอ่ ง ในแต่ละ สปั ดาห์ การสงั่ ซ้ือหมึกพิมพใ์ หมใ่ ชใ้ นเวลารอคอยเฉล่ีย 0.5 สปั ดาห์และมีความเบี่ยงเบน มาตรฐาน 0.25 สปั ดาห์ ถา้ ตอ้ งการระดบั วงจรของการบริการ 97% จงหาจุดสงั่ ซ้ือใหม่ (ระดบั วงจรของการบริการ 97% เปิ ดดตู าราพบว่าคา่ Z = 1.88)
จดุ สงั่ ซอื ้ ใหม่ = (d x L ) + zdL = (6x0.5)+(1.88x6x0.25) = 5.82 กลอ่ ง 4.6.6 จุดส่ังซื้อใหม่ในอตั ราความต้องการสินค้าแปรผนั และรอบเวลาแปรผนั โดยที่ท้งั อตั ราความตอ้ งการสินคา้ และรอบเวลามีลกั ษณะการกระจายของขอ้ มลู แบบปกติท้งั สองตวั แปร จดุ สง่ั ซอื ้ ใหม่ = ( dx L )+z L 2d d 2 2L โดยท่ี d = อตั ราความตอ้ งการสินคา้ คงคลงั ซ่ึงคงท่ี L = รอบเวลาเฉลี่ย Z = คา่ ระดบั ความเช่ือมน่ั ว่าจะมีสินคา้ เพียงพอตอ่ ความตอ้ งการ L = คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐานของเวลารอคอย ตวั อย่าง การขายหมึกฟิ ลม์ เลเซอร์ของร้านเครื่องเขยี น มีการกระจายของขอ้ มลู แบบ ปกติ ซ่ึงมีคา่ เฉล่ีย 100 กลอ่ งตอ่ วนั และมีความเบ่ียงเบนมาตรฐาน 10 กล่องตอ่ วนั รอบเวลามี การกระจายของขอ้ มูลแบบปกติซ่ึงมีค่าเฉลี่ย 5 วนั และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1 วนั ถา้ ตอ้ งการ ระดบั การให้บริการร้อยละ 90 จงหาจุดสงั่ ซ้ือใหม่ (ระดบั การใหบ้ ริการ 90% เปิ ดดตู าราง พบว่า Z = 1.28) จดุ สง่ั ซอื ้ ใหม่ = ( dx L )+z L 2d d 2 2L = (100x5)+1.28 5(10)2 (100)2 (1)2 = (500) + 1.28 500 1000 = (500) + (1.28 x 102.5) = 631 กลอ่ ง ส่วนการพิจารณาจุดสั่งซ้ือใหม่ในกรณีท่ีการตรวจสอบสินคา้ คงคลงั เป็ นแบบส้ินงวด เวลาท่ีกาหนดไว้ (Fixed Time Period System) จะแตกต่างกบั การตรวจสอบสินคา้ คงคลงั แบบต่อเนื่องตรงท่ีปริมาณการสั่งซ้ือแต่ละคร้ังจะไม่คงที่ และข้ึนอยู่กบั ว่าสินคา้ พร่องลงไป เทา่ ใดก็ซ้ือเติมให้เตม็ ระดบั เดิม
ปริมาณการสง่ั ซ้ือ = ชว่ งของการป้องกนั สินคา้ ขาดมือ (Protection Interval) + สนิ ค้าคงคลงั เผ่ือขาดมือ – สนิ ค้าคงคลงั ทเ่ี หลอื ในมือ ณ จดุ สง่ั ซอื ้ ใหม่ Q = d tb L zd tb L I โดยที่ t = ช่วงเวลาทหี่ า่ งกนั ในการสงั่ ซอื ้ แตล่ ะครัง้ b I = สนิ ค้าคงคลงั ในสตอ็ ค (รวมทงั ้ ของทีก่ าลงั สง่ั ซอื ้ ด้วย) d = อตั ราความต้องการเฉลยี่ L = รอบเวลาการสง่ั ซอื ้ สนิ ค้า Zd tb L = สต็อคเพอื่ ความปลอดภยั 4.7 สรุปสินค้าคงคลงั ระบบการจดั การสินคา้ คงคลงั ในปัจจุบนั มีสองชนิดคือ แบบต่อเน่ือง และแบบสินค้า ปลายงวด ซ่ึงระบบการสงั่ ซ้ือมีหลายตวั แบบในการคานวณ ข้ึนกบั สภาวการณ์ต่างๆ เพ่ือกาหนด จานวนท่ีสงั่ ซ้ือ เวลาในการสงั่ ซ้ือ และจุดสงั่ ซ้ือใหม่ ท่ีนิยมใชม้ ากที่สุดคือ การส่งั แบบต่อเนื่อง เม่ือสินคา้ ถูกใช้ และการส่งั ซ้ือเม่ือจานวนสินคา้ เหลือตามจานวนที่กาหนด ซ่ึงนิยมการสง่ั ซ้ือ โดยใชแ้ บบจาลองปริมาณการสงั่ ซ้ือแบบประหยดั (EOQ) เพื่อใชเ้ ป็นทางเลือกระหวา่ งตน้ ทุนคา่ จดั เก็บและตน้ ทุนการส่ังซ้ือสินคา้ นอกจากน้นั ยงั สามารถใชใ้ นการตดั สินใจในการพิจารณา เลือกในการลงทนุ ใหม้ ีตน้ ทุนการสง่ั ซ้ือต่าสุด และสามารถลดตน้ ทุนสินคา้ คงคลงั ท้งั ระบบใน ซพั พลายเชนต่าสุด
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: