จงั หวดั ชยั ภมู ิ
คาํ ขวญั คําขวญั ประจําจงั หวัด ชยั ภูมิ เมืองผ้กู ลา้ พญาแล คาํ ขวญั เพือการทอ่ งเทยี วจังหวัดชัยภูมิ ทวิ ทัศน์สวย รวยปาใหญ่ มชี า้ งหลาย ดอกไมง้ าม ลือนามวรี บุรษุ สุดยอดผา้ ไหม พระใหญ่ทวารวดี
ชัยภูมเิ ปนเมอื งทเี กดิ ขนึ ในสมัยสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช โดยมฐี านะเปนเมืองขนึ ของเมือง นครราชสีมาคู่กบั เมอื งบุรรี มั ย์ มา ปรากฏชือทางประวัตศิ าสตรอ์ กี ครงั ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั ไดม้ ีชาวเมอื งเวยี งจันทน์มีนายแลเปนหัวหนา้ พากันมาตงั หลักปกฐาน ในบรเิ วณทเี รียกว่า โนนนาออ้ ม และคงใชช้ อื เมอื งตามเมอื งเดมิ ว่าชยั ภูมิ ใน สมยั สมเดจ็ พระนงั เกล้าเจา้ อยู่หวั ใน พ.ศ. 2369 เจา้ อนุวงศ์เวียงจนั ทน์ กอ่ การกบฎยกกองทัพ เข้ามาตเี มืองนครราชสีมาและหวั เมอื งรายทาง นาย แลเจ้าเมืองชัยภมู ไิ ด้ยกไพรพ่ ลไปสมทบกับ กําลงั ของคณุ หญิงโม ตีทัพของ เจ้าอนุวงศ์เวยี งจันทนแ์ ตกพ่ายไปได้ สมเดจ็ พระนงั เกล้าเจา้ อย่หู วั จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหค้ ณุ หญงิ โม เปนท้าวสุรนารี และให้นายแลเปนพระยาภักดีชมุ พล เจา้ เมอื งชัยภูมคิ นต่อมา ทีสืบเชอื สายมาจากพระยาภกั ดีชมุ พล (แล) กย็ งั คงใชร้ าชทินนามว่า พระยา ภกั ดชี มุ พล
ประวตั ิเจ้าพ่อพญาแล เดมิ เปนคนเวียงจนั ทน์ ชอื ท้าวแล รับราชการอย่ใู น วังทาํ หน้าทีเปนพระพีเลยี งราชบุตรของเจา้ อนุวงศ์ราว ป ๒๓๖๐ ไม่ปรากฏ เหตุใด ทา้ วแลออกจากราชสํานกั อพยพครอบครัวและสมัครพรรคพวก ประมาณรอ้ ยกวา่ คนเศษ ข้ามโขงเดนิ ทางพํานักเมอื งหนองบวั ลาํ ภู จากนนั หาทีใหม่ บา้ นนาขุน่ หนองอจี าน ลําตะคลอง บ้านชีลอง อ.เมือง ชยั ภมู ิ ท้าว แลเปนผมู้ คี วามสามารถ ซือสัตย์ สุจรติ และมีบคุ ลิกพิเศษกวา่ คนอืนๆ จงึ ไดร้ ับเลอื กใหเ้ ปนหวั หน้าปกครอง และมิได้ลมื บญุ คุณเจ้านายเดมิ จงึ รวบรวมเครืองบรรณาการไปถวายเจา้ อนุวงศ์เวียงจนั ทน์ ท่านเห็นความดี ความชอบจึงโปรดเกล้าแตง่ ตังเปน \"ขุนภกั ดชี ุมพล\"
ตอ่ มาขนุ ภักดีชุมพล ไมย่ อมส่งส่วยให้ทางเวียงจนั ทน์อีก เพราะเห็นว่าเวียงจันทนก์ เ็ ปนประเทศราช ประเทศสยามตงั แตร่ ชั กาลที ๑ จงึ เข้าหาเจา้ พระยานครราชสีมา อาสาส่งส่วยทลู เกล้าให้ทาง กรงุ เทพฯ ถวายในรัชกาลที ๓ พระบาทสมเดจ็ พระนงั เกลา้ เจ้าอยูห่ ัว รชั กาลที๓ จึงทรงพระกรณุ า โปรดเกลา้ ฯ ยกบา้ นหลวงขนึ เปนเมืองชัยภูมิ ตังใหข้ นุ ภกั ดีชมุ พล เปนพระยาภักดชี มุ พล(แล) เจ้า เมืองชยั ภมู คิ นแรก ป ๒๓๖๙ เจา้ อนุวงศ์และราชบตุ ร คดิ กบฏบุกยดึ หัวเมอื งตา่ งๆ หลอกวา่ เดินทพั ผา่ นมาเขา้ ช่วยกรงุ เทพรบกับองั กฤษ จนยึดเมอื งราชสีมาได้ ต่อมาความแตกไดต้ ้อนผู้คนกลบั เวียง จนั ทน์ เมือถึงทุ่งสัมฤทธิ นําโดย คณุ หญิงโม ได้ลุกฮือต่อสู้ ฝายพระยาแลภกั ดชี ุมพลพร้อมชาวเมือง สีมมุ ไดย้ กทัพออกไปชว่ ยรบกับเจา้ อนุวงศ์แตกพ่าย
เจ้า สุทธิสาร ราชบตุ รเขย ล่าถอยยดึ เมืองชัยภูมิ เมอื งภเู ขยี ว เปนดา่ นสุดทา้ ยตอ่ ต้านกองทพั กรงุ เทพฯ และไดจ้ บั พระยาภกั ดชี มุ พล ท่านยอมใหจ้ บั ไมข่ ดั ขืนเพราะมกี าํ ลงั นอ้ ยกวา่ และไม่ ตอ้ งการให้ไพล่พลตนตอ้ งลม้ ตาย ทหารเจา้ อนวุ งศ์จึงประหารชวี ติ ณ บริเวณใตต้ ้นมะขามใหญ่ ริม หนองปลาเฒา่ ซึงเปนสถานทตี ังศาลเจา้ พ่อพญาแลในปจจุบนั .....ประชาชนในครงั นันไดย้ กย่อง เชิดชูให้ขนานนามพระยาภักดีชมุ พล(แล)ว่า เจา้ พ่อพญาแล หมายถึง ผเู้ ปนใหญต่ ังแต่นันมา
หมาชัยภมู ิ ได้ขือวา่ \"หมาตํานานรกั ”แห่งเดียวของไทย ที พรานปาไปล่าสัตวบ์ นภเู ขยี ว –ภูคิงในอดตี ซงึ ต้องใช้เวลานาน 1-3 เดอื น ในการเดินทางไป-กลับ พอลา่ สัตวป์ าได้ กค็ ดิ หาวธิ ี ถนอมอาหารมาฝากลกู -เมยี ทรี ออยู่บา้ น โดยทีเนอื สัตวไ์ มเ่ นา่ เสีย พรานจึงสับเนือ ผสมตับ คลุกข้าวเหนยี วและเกลอื ทพี กติดตัวไป ยัดใส่ใน กระเพาะของสัตว์ หรอื ลําไส้ของสัตว์ เพือหมกั หรอื ถนอมใหเ้ กบ็ ไว้ไดน้ าน เพือเปนของฝากภรรยา พอกลบั ถงึ บ้านนํามาชิม ปรากฏว่า มีรสชาติอร่อย เปนทชี อบใจภรรยา จึงถือเปน ภมู ิปญญาทอ้ งถินและเปนอาหารพืนบา้ นทนี ยิ มรับประทาน สืบมา ตงั แตส่ มัยบรรพบรุ ษุ – ปจจบุ ัน \"หมา” จงึ เปนอาหารพืนเมือง ชัยภูมิ ทีมีชอื เสียงโดง่ ดงั โดยในปจจุบนั นยิ มทําจากเนือวัว หรอื เนอื หมู ผสมกบั ตับ กระเทียม เกลอื บดให้ละเอยี ด บรรจไุ วใ้ น กระเพาะสัตว์ เนอื งจาก เปนการแปรรูปอาหารจากภมู ิปญญาที เกบ็ ไว้นานถึง 3 เดอื น เปนทีนยิ มบริโภคมากทีสุดทงั ในและตา่ ง จงั หวัด โดยเฉพาะภาคอสี านและนิยมซอื เปนของกินของฝากชัน
ผา้ ไหมมดั หมอี าํ เภอบ้านเขว้า โดยเฉพาะตําบลบ้านเขว้า มี ประวัตคิ วามเปนมา อันยาวนานเปนเวลานานเกือบ 200 ป ตงั แต่ สมยั เจา้ พ่อพระยาแล เปนชุมชนทีมกี ารทอผ้าไหมทีมีชอื เสียงเปนที รจู้ ักกนั มานานในหมู่ผนู้ ิยมผ้าไหม และเกิดการเลา่ ขานแพร่ กระจายในกลุม่ นักสะสมผ้าไหม วา่ เปนผลติ ภณั ฑท์ ีมเี อกลักษณ์ ของตนเองสืบตอ่ ถ่ายทอดกนั มาแตโ่ บราณ การทอผา้ ไหมมดั หมี ชาวบ้านเขวา้ ไดร้ บั การถา่ ยทอดมาจากบรรพชน นานเกอื บ 200 ป นับแตม่ ีการกอ่ ตังชุมชนบ้านเขวา้ เริมจากการทอเพือใช้ใน ครัวเรือน ตอ่ มาไดเ้ ขา้ ไปมีส่วนร่วมในงานประเพณตี า่ งๆ เช่น งาน แต่งงาน ใช้เปนเครอื งแตง่ กายของเจา้ บ่าว เจ้าสาว ใช้เปนของไหว้ สําหรบั ญาติฝายชายในงานแต่งงาน งานบวชใชแ้ ต่งตวั นาคและผูท้ ี ไปรว่ มงาน รวมถึงงานบญุ งานทาน งานประเพณีตา่ งๆ ผูค้ นจะ แตง่ กายด้วยผา้ ไหม ทังหญิงและชาย เปนการประกวดประชันทัง ฝมอื การทอและการตัดเย็บกนั ไปในงานที
ผา้ ไหมของบ้านเขว้า เรมิ เปนทีรู้จักทัวไปเมือประมาณ พ.ศ.2523 นายถนอม แสงชมภู นายอําเภอ ขณะนัน ได้นาํ ผ้าไหมส่งศูนยศ์ ิลปาชพี สวนจิตรลดา ด้วยคณุ ภาพของผา้ ไหม ลวดลายทแี ปลกตา และผีมือทปี ราณตี จงึ ไดร้ บั ความสนใจ มผี สู้ ังทอเปนจาํ นวนมาก ต่อมาในป พ.ศ.2530 ผวู้ า่ ราชการ จงั หวดั ชยั ภมู ใิ นขณะนนั (ร.ต. สุนยั ณ อุบล รน. :ดุษฎีบณั ฑิตกิตตมิ ศักดิด้านผ้าไหม และ ผเู้ ชียวชาญด้านผา้ ไหม) ไดใ้ หก้ ารส่งเสริมการผลติ และได้ส่งผา้ ไหมบา้ นเขวา้ เขา้ ประกวดที โครงการศิลปาชพี พระตําหนกั ภพู านราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร ได้รบั รางวัลชนะเลศิ หลงั จากนัน ผ้าไหมบา้ นเขวา้ ไดร้ ับการคดั เลอื กส่งเขา้ ประกวดและไดร้ ับรางวลั ชนะเลิศเกอื บทุกป
ตะโกดัด เปนไม้ประดบั ทบี ้านแขเ้ ริมปลกู เมอื ประมาณ 20 ปที ผ่านมา แต่ไม้ดดั บ้านแข้ กไ็ ดเ้ ปนสัญลกั ษณอ์ ย่างหนึงของจังหวัด ชยั ภูมไิ ปแล้ว โดยเฉพาะตะโกดดั ถอื เปนไม้ดัดสําคัญของบ้านแข้ มี การจดั ตังกลุ่มทําไม้ตะโกดดั ทหี มบู่ ้านแข้ ตาํ บลผักปง อาํ เภอภเู ขยี ว จงั หวดั ชัยภูมิ บา้ นแขเ้ ปนแหลง่ ผลิตตะโกดดั ทใี หญท่ ีสุดในประเทศ ไทย ชาวบา้ นจะเขา้ ไปขดุ ต้นตะโกในพืนทีต่าง ๆ และเขตใกลเ้ คยี ง ทังขนาดตน้ เล็กและใหญ่ เพือนาํ มาทาํ ไม้ดดั ด้วยความชํานาญ เปนการเพิมรายไดใ้ ห้กับครอบครวั บ้านแตล่ ะหลังจะเตม็ ไปดว้ ย ตะโกดดั แต่ปจจุบนั มีการพัฒนาไม้ประเภทอนื ๆ เปนไมด้ ัดเพิม เช่น โมก, มะขามเทศ, ขอ่ ย ฯลฯ
มอหนิ ขาว หนึงในทเี ทยี วแลนดม์ ารก์ ของชยั ภมู ิ ตังอยู่ในอุทยานแหง่ ชาติภูแลนคา มีลักษณะเปนเสาหนิ และ แท่งหินขนาดใหญ่ เสน่ห์ของมอหินขาวไมไ่ ด้อยทู่ ีรูปทรงหนิ ทีดแู ปลกตาเท่านัน ซึงถา้ นักทอ่ งเทียว คนไหนได้ไปเทียวในช่วงฤดฝู น หากสังเกตดี ๆ โดยรอบบริเวณลานดินจะลอ้ มรอบดว้ ยท่งุ ดอกไม้ ปาสวยงาม ทา่ มกลางอากาศทบี ริสุทธแิ ละผืนปาทีเขียวขจี อกี ทงั นกั ท่องเทียวยังสามารถชมววิ พระ อาทิตยข์ นึ ทสี วยงามทีสุดแหง่ หนึงของเมอื งไทย พรอ้ มทังเปนลานกางเต็นทเ์ พือนอนชมทะเลดาวที โรแมนติกทสี ุดอีกดว้ ย
ท้งุ ดอกกระเจยี ว
ท่งุ ดอกกระเจียวปาหินงาม ตงั อยใู่ นเขตอุทยานแห่งชาติปาหินงาม ซึงตังอยูใ่ นเขตอาํ เภอ เทพสถติ จ.ชัยภูมิ ทีนนี อกจะเปน ทุ่ง ดอกกระเจียวถอื เปน ไฮไลตท์ ีเด่นทสี ุดของการมาทอ่ งเทยี วทีนกี ารมาเทียวชมทีนี นักท่องเทียวจะ ไดส้ ัมผัสกบั ทงุ่ บวั สวรรคห์ รอื ดอกกระเจยี ว ราชินีแหง่ มวลไมด้ อกของขนุ เขา ปาหินงาม ออกดอกสี ชมพูอมม่วง ทีจะทยอยผลบิ านเปนระยะเวลา 2 เดือน ทอี อกปละครงั ชูช่อลอ้ สายลมและสายหมอก ขนึ เต็มทวั ผนื ปา ทงุ่ ดอกกระเจยี ว ถอื เปนไฮไลต์ท่องเทียวช่วงฤดูฝนแห้งแลง้ จะกลบั คืนสู่ความ เขยี วขจี และแตง่ แตม้ ดว้ ยความ สดใสของกระเจียวทผี ดิ อกสีชมพูเตม็ ทุ่งหญ้ากวา้ ง ด้วยความ งดงามตระการตาของ ดอกสีชมพูอมม่วงขึนเตม็ ไป ทัวผืนปา ตดั กับพืนสีเขยี วขจขี องหญ้าเพ็ก และ โขดหนิ ธรรมชาติ อกี ทงั รปู ลกั ษณส์ วยงาม วจิ ิตรพิสดาร ทําให้เปนทงุ่ ดอกกระเจยี วใน อทุ ยานแหง่ ชาติปาหนิ งาม เปนทุง่ ดอกกระเจยี วทใี หญ่และงดงามทีสุดในประเทศไทยการเดินทางมา ชมทุง่ ดอกกระเจียวทสี วยงามทีสุด คอื ในชว่ งเช้าทีมีสายหมอกบางๆ ปกคลุม แตถ่ า้ หากมาในช่วง บา่ ยทีฝนเพิง ตกใหมๆ่ ก็จะเจอบ รรยากาศแบบนีได้เช่นกนั นอกจากนีการเทียวชมเส้นทางเดนิ ศึกษาธรรมชาตทิ ุง่ ดอกกระเจยี วแลว้ ยงั สามารถชม แหล่งท่องเทยี ว บริเวณข้างเคยี งไดอ้ ีกดว้ ย เชน่ ปาหินงาม ซงึ จะมีกอ้ นหินรูปลักษณแ์ ปลกตา เช่น รปู ถว้ ยรางวัลฟุตบอลฟฟา รูปดอกเห็ดเขา ประตูชมุ พล นาตกเทพประทาน
อทุ ยานแหง่ ชาตไิ ทรทอง
อุทยานแห่งชาตไิ ทรทอง มีพืนทคี รอบคลมุ ปาบนเทือกเขาพังเหย มีสถานทเี ทยี วธรรมชาตทิ ีน่าสนใจหลากหลาย อยา่ งการยล โฉมความสวยงามทุ่งดอกกระเจียว (โดยนักทอ่ งเทียวจะต้องเหมารถทศี ูนยบ์ รกิ ารนักทอ่ งเทียว) ซงึ จะบานสลบั กับทุ่งดอกไมต้ ่าง ๆ ทังดอกดสุ ิตา สร้อยสุวรรณา กระดุมเงนิ กระดมุ ทอง เออื ง นวลจันทร์ หรือจะเปนการชมวิวธรรมชาตใิ นมุมสูงที \"ผาหาํ หด\" ทมี ลี ักษณะเปนแท่นหนิ ยืนออกไป จากหนา้ ผา เรียกไดว้ า่ ทงั เสียวและสวยในเวลาเดียวกัน บริเวณดงั กลา่ วยังมสี ถานทีกางเต็นท์ และ กิจกรรมให้นกั ทอ่ งเทยี วไดท้ าํ มากมาย อยา่ งการโรยตวั และศึกษาเส้นทางธรรมชาติ
นาตกตาดโตน
นาตกตาดโตน ตงั อยู่ในอทุ ยานแหง่ ชาตติ าดโตน เปนนาตกทีมนี าตลอดทังป แตจ่ ะสวยงามเปนพิเศษในชว่ งเดอื น มิถนุ ายน-ตุลาคม โดยลาํ ธารจะไหลไปตามความกว้างของหนา้ ผา ไหลลงมาเปนมา่ นนาตกขนาด ใหญ่ ดูสวยงามตืนตาตืนใจ นกั ท่องเทียวสามารถลงเล่นนาไดต้ รงบริเวณแอง่ นาด้านบน และ บรเิ วณดา้ นลา่ งของหน้าผา ทังนีทงั นันถ้าเปนช่วงทมี ีปริมาณนามากกระแสนาเชยี วกราก ก็ควรใช้ ความระมัดระวังเปนพิเศษ
อทุ ยานแหง่ ชาตภิ ูแลนคา
อทุ ยานแห่งชาตภิ แู ลนคา มีพืนทคี รอบคลมุ อย่ใู นทอ้ งที ตาํ บลบา้ นหนั ตาํ บลสระโพนทอง ตําบลโนนกอก ตําบลซบั สีทอง ตําบล บา้ นเดอื อาํ เภอเกษตรสมบูรณ์ ตําบลกดุ ชมุ แสง ตําบลคเู มือง อาํ เภอหนองบัวแดง ตาํ บลทา่ มะไฟ หวาน อําเภอแก่งคอ้ ตําบลห้วยต้อน อําเภอเมอื งชยั ภูมิ ตาํ บลภูแลนคา อําเภอบ้านเขว้า จังหวดั ชยั ภูมิ สภาพปาเปนปาทีอดุ มสมบรู ณ์ ประกอบไปดว้ ยแหล่งทอี ยูอ่ าศัยของสัตวป์ าหลายชนดิ มี จุดเดน่ ทางธรรมชาตทิ นี ่าสนใจ เช่น จุดชมวิวภแู ลนคา ผากล้วยไม้ หนิ ปราสาท ประตูโขลง มอหนิ ขาว เปนตน้ และการเดินทางเขา้ ไปเทยี วชมกส็ ะดวก มเี นอื ทีประมาณ 200.50 ตารางกโิ ลเมตร หรอื 125,312.50 ไร่
จดุ ชมววิ สุดแผน่ ดนิ
จดุ ชมวิวสุดแผ่นดนิ จดุ สูงสุดของอุทยานแห่งชาติปาหนิ งาม มคี วามสูง 846 เมตรจากระดับนาทะเล จากบรเิ วณดา้ นบน จดุ ชมววิ นกั ทอ่ งเทยี วจะได้เหน็ ววิ ธรรมชาติของผนื ปาสีเขยี วสลับซบั ซ้อนของเขตรกั ษาพันธส์ุ ัตวป์ า ซบั ลังกา ในจงั หวดั ลพบรุ ี และพืนทีราบซึงมีบ้านเรอื นชาวบา้ น เปนภาพความสวยงามทีน่าประทับใจ แบบสุด ๆ นอกจากนบี รเิ วณหนา้ ผายงั มลี มพัดเย็นสบายใหเ้ ราไดร้ สู้ ึกสดชืนอยตู่ ลอดเวลา ไดย้ ืนชม วิวสวย ๆ สูดอากาศบริสุทธทิ ีหาได้ยากแบบนี รับรองวา่ ไม่มีผดิ หวงั แนะนาํ วา่ ใหค้ วรไปชว่ งฤดฝู น และไปแต่เชา้ ตรู่ จะไดเ้ ห็นทะเลหมอกสวย ๆ เปนของแถม
สถานเี พาะเลยี งสัตวป์ าภเู ขยี ว
สถานีเพาะเลยี งสัตวป์ าภเู ขยี ว อยใู นพ้นื ที่คาบเกีย่ ว3อําเภอ คืออําเภอภูเขียว อาํ เภอคอนสาร และอําเภอเกษตรสมบรู ณ โดยทํา หนาที่ดแู ลอนุรักษส ัตวป า การเพาะเลีย้ งและการขยายพนั ธสุ ัตวปา เชน ไกฟ าพญาลอ นกยงู เกง กวาง และเน้ือทราย เปน ตน ปกตสิ ถานจี ะเปด ใหเ ขาไดทกุ วัน ตัง้ แตเ วลา08.30-16.00น.โดยจะมี เจา หนาทคี่ อยใหความรูเก่ยี วกับสัตวป าแกคณะท่ีตดิ ตอลว งหนา
เขตรักษาพันธ์สุ ัตว์ปาภเู ขยี ว-ท่งุ กะมงั
เขตรักษาพันธุส์ ัตวป์ าภเู ขียว-ทุ่งกะมัง อยใู่ นพืนทคี าบเกยี ว 3 อําเภอ คืออาํ เภอภูเขยี ว อําเภอคอนสาร และอาํ เภอเกษตรสมบูรณ์ ภายใน อุดมด้วยธรรมชาติสวยงาม และสัตวป์ าหลายชนิด ดังนนั เวลาทนี ักท่องเทยี วขับรถเข้ามาในพืนที ควรทีจะขับชา้ ๆ เพราะสัตวป์ าเหลา่ นใี ช้เส้นทางรว่ มกับเราพลาดไม่ได้กบั ไฮไลท์ของเขตรกั ษาพันธ์ุ สัตวป์ าภูเขยี ว ได้แก่ \"ทุง่ กะมัง\" เปนทีราบทงุ่ หญา้ กว้างใหญ่ ลกั ษณะคล้ายแอง่ กะละมังอยกู่ ลาง ผนื ปา พืนทีโดยรอบเปนปาดบิ เขา ไม่แนว่ า่ นกั ทอ่ งเทยี วอาจะไดเ้ จอเข้ากับเนอื ทรายอยา่ งใกลช้ ิด แต่ กไ็ มค่ วรเขา้ ไปกวนการดํารงชีวิตของสัตว์ แค่เฝามองหา่ ง ๆ เทา่ นนั พอ
ผาเกงิ
ผาเกงิ ตังอย่ทู ตี ําบลห้วยต้อน เปนผาทมี ลี กั ษณะเหมือนพระจนั ทร์ เพราะทีบริเวณหน้าผา มหี นิ กอ้ นใหญ่ เปนชะง่อนยืนออกไปลักษณะครงึ วงกลม ชาวบา้ นมองดูแลว้ เหมอื นพระจนั ทรค์ รึงเสียว จึงเรยี กผา นวี า่ ผาเกิง คาํ วา่ เกิง เปนคําภาษาอสี านแท้ ซงึ ชาวภาคอีสานเรียกดวงจันทร์ว่า อีเกงิ ทนี ีเหมาะแก่ การเปนจดุ ชมวิวทวิ ทัศน์ ซึงผาเกงิ จะอย่ฝู งภแู ลนคา มีจุดทสี ามารถมองเห็นทัศนียภาพต่าง ๆ ทีอยู่ เบอื งหนา้ และเบืองล่างได้อยา่ งชัดเจนและอกี หนงึ สถานทที ีนา่ สนใจ แตน่ อ้ ยคนจะร้จู ัก นันคือ \"ภูคิง\" มลี ักษณะเปนภเู ขาหนิ ปูน ซึงมีความสูงทีสุดของปาภูเขียว ทนี ีนักท่องเทยี วจะได้ชนื ชมกบั ธรรมชาตใิ นมมุ สูง มองออกไปเบืองหนา้ จะเห็นหน้าผาสูงชัน มีลานหนิ กวา้ งยืนมาจากหนา้ ผา สามารถมองเหน็ เขือนหว้ ยก่มุ ภกู ระดึง ภแู ลนคา ภเู วียง หากมองลงไปตรงหบุ เขาแคบ ๆ ดา้ นลา่ ง จะเห็นทงุ่ นา ไร่สวน เขอื น อา่ งเกบ็ นา แต่เนืองจากเปนพืนทที คี ่อนขา้ งมีความอ่อนไหวต่อระบบนเิ วศ ทางธรรมชาติ ทําใหส้ ถานทแี ห่งนีไม่ไดเ้ ปดให้นกั ทอ่ งเทยี วไดข้ นึ ไป
แถม
จัดทําโดย รฐนนท์ ปอพันดงุ ปวส.1/11 เลขที 6 สาขาวชิ า การโรงแรม Siam Business Administration College Nonthaburi
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: