สะท้อนความรู้ กกาารรบบรริิหหาารร จจััดดกกาารร สสุุขขภภาาพพ
นันทนาการ หมายถึง กิจกรรมที่คนเราใช้เวลาว่างจากภารกิจงานประจำโดยเข้าร่วมด้วยความสมัครใจ เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาหรือความเจริญงอกงามทางกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา จุดมุ่งหมายของกิจกรรมนันทนาการ 1. เพื่อพัฒนาอารมณ์ : เป็นการพัฒนาอารมณ์ของบุคคลและชุมชน โดยอาศัยกิจกรรมต่างๆ 2. เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ : เสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ในสถานที่และท่องเที่ยว 3. เพื่อส่งเสริมการแสดงออก : ส่งเสริมให้บุคคลได้แสดงออกทางด้านความรู้สึกนึกคิด สร้างสรรค์ 4. เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต : ช่วยพัฒนาอารมณ์ ความสุข ความสามารถของบุคคลความสมดุล ทางกาย และจิต 1. ครอบครัว : กิจกรรมนันทนาการ เป็นสื่อสำคัญที่จะช่วยสร้างบรรยากาศให้เกิดความรักคคววาามม สำคัญ อบอุ่น และสร้างสัมพันธภาพที่ดีให้สมาชิกภายในครอบครัวได้เป็นอย่างดี 2. ชุมชน : นันทนาการจะช่วยพัฒนาชุมชน ให้มีความสมบูรณ์หลายๆ ด้านด้วยกัน คือช่วยสร้างคน ให้เป็นสมาชิกที่ดี มีเหตุผล เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ความขยันขันแข็ง 3. ประชากรในสังคม : กิจกรรมนันทนาการจะเป็นสื่อและส่งเสริมในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้มีความสมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา และมีคุณภาพชีวิตที่ดี 4. ประเทศชาติ : กิจกรรมนันทนาการ นับว่ามีบทบาทต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก เพราะ กิจกรรมนันทนาการนั้น จะช่วยสร้างประชากรให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ
ความเครียดและการจัดการความเครียด คือ ความเครียดเป็นการตอบสนองโดยปกติต่อการถูกกระตุ้นด้านอารมณ์ หรือด้านร่างกายก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาวะสมดุลในบุคคลนั้น ชนิดของความเครียด 1.ความเครียดประจำวัน : ความคิดพื้นฐานที่มักพบเจอกระตุ้นทำให้ถึงตัว 2.เครียดสะสม : เกิดขึ้นเมื่อความเครียดคงอยู่นาน แทรกแซงการดำเนินชีวิตปกติ 3.ความเครียดรุนแรงหรือความเครียดวิกฤต : ไม่สามารถรับมือกับเหตุการณ์วิกฤตได้ บางครั้งเกิด อาการช็อคไม่สามารถจำเหตุการณ์นั้นได้ ปฏิกิริยามักเกิดขึ้น 24-48 ชั่วโมง และหายไป 6 ถึง 8 สัปดาห์ สัญชาตญาณทั่วไปของความเครียด - จิตใจ ขาดสมาธิ หลงเวลา - การรับรู้ตนเอง สิ้นหวัง ชีวิตไม่มีจุดหมาย ไร้คุณค่า - ร่างกาย ปวดท้อง เหนื่อยล้า นอนไม่หลับ เบื่อหรืออยากอาหารผิดปกติ - ความสัมพันธ์ เก็บตัว แจ้งกับผู้อื่นง่าย - อารมณ์ วิตกกังวล ซึมเศร้า โกรธง่าย ฉุนเฉียว - พฤติกรรม ดื่มแอลกอฮอล์ พึ่งยาเสพติด ขาดความยับยั้งชั่งใจ การพูดคุยทำความเข้าใจกับ การเสนอความช่วยเหลือแก่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บุคคลอื่น ทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ กลยุทธ์การจัดการ เล่นกีฬาออกกำลังกายทำ ความเครียด กิจกรรมที่สร้างสรรค์ ร่วมกิจกรรมทางสังคมตามประเพณีและวัฒนธรรม
บุคลิกภาพ คือ คุณลักษณะ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคลแสดงออกโดยพฤติกรรมที่บุคคลนั้นมี ต่อสิ่งแวดล้อมที่ตนกำลังเผชิญอยู่ และพฤติกรรมนี้จะคงเส้นคงวาพอสมควร ความสำคัญของบุคลิกภาพ บุคลิกภาพเป็นส่วนสำคัญของมนุษย์ในการที่จะช่วยส่งเสริมหรือขัดขวางความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียน การทำงาน การเข้าสังคม ประกอบด้วย 3 ประการ ได้แก่ 1. เก่งตน หมายถึง เป็นผู้ที่ชอบศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ทันโลก 2. เก่งคน หมายถึง มีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับผู้อื่น มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี 3. เก่งงาน หมายถึง ผู้ที่รักงาน ขยันทำงาน และรู้วิธีทำงาน องค์ประกอบ - พันธุกรรม สิ่งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมส่วนมากนั้นเป็นลักษณะทางกาย เช่น ความสูงต่ำ ลักษณะ เส้นผม สีของผิว ชนิดของโลหิต โรคภัยไข้เจ็บบางชนิด และข้อบกพร่องทางร่างกายบางชนิด เช่น ตาบอดสี ศีรษะล้าน นิ้วเกิน มือติดกัน ฯลฯ - สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อพัฒนาการของมนุษย์ ทั้งพัฒนาการทางกาย ทางจิตใจและ บุคลิกภาพ สำหรับสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อพัฒนาการของมนุษย์ก็คือบุคลิกภาพอื่น ๆ รอบ ๆ ตัวเรา ครอบครัว กลุ่มคน และวัฒนธรรม
บุคลิกภาพของบุคคลประกอบด้วยสิ่งต่าง ๆ ดังนี้ - ด้านกายภาพ หมายถึง รูปร่างหน้าตา ทรวดทรง ท่าทาง การแต่งกาย การเดิน เป็นต้น - ด้านวาจา หมายถึง การใช้ถ้อยคำ น้ำเสียง ซึ่งผู้อื่นจะรับรู้ได้โดยการฟัง ลักษณะต่าง ๆ สะท้อน บุคลิกภาพ - ด้านสติปัญญา หมายถึง ความสามารถทางการคิดด้านปัญหา ไหวพริบ ความสามารถที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น - ด้านการปรับตัว หมายถึง มีผลต่อลักษณะของบุคลิกภาพ ถ้าใช้แบบที่ดีมีพฤติกรรมที่เหมาะสม สังคมยอมรับ - ด้านอารมณ์ หมายถึง การมีอารมณ์ดี คงเส้นคงวา ไม่วู่วามเอาแต่อารมณ์ ฉุนเฉียว โกรธง่าย พวกที่มีรูปร่างผอมสูง ตัวยาว ขายาว ความสูงไม่ พวกที่มีรูปร่างอ้วนเตี้ย แคระ มีลักษณะคล้าย สัมพันธ์กับน้ำหนัก (Asthenia Type) มะขามข้อเดียว (Pyknic type) บุคคลประเภทนี้มีจิตใจที่ไม่ใคร่ทุกข์ร้อน ชอบคิด ชอบฝัน บุคคลประเภทนี้มักจะเจ้าอารมณ์ ดีใจง่าย โกรธง่าย ชอบสนุกสนาน ประเภทของ บุคลิกภาพ เอิร์นสท์ เครชเมอร์ (Ernst Kretschmer) แบ่งบุคลิกภาพไว้ 4 ประการ พวกที่มีรูปร่างสูงใหญ่มากเกินไป และร่างกายไม่ พวกที่มีรูปร่างสมส่วน แข็งแรง ล่ำสัน สมประกอบ (Dysphasic type) (Athletic type) บุคคลประเภทนี้จะชอบผจญภัย ต่อสู้ กล้าได้กล้าเสีย มักจะไม่มีแนวโน้มที่จะมี บุคคลประเภทนี้มักจะมีเชาว์ปัญญาต่ำและมักจะมี ปมด้อยเกี่ยวกับรูปร่างของตน ความผิดปกติทางจิตใจ
แบบของบุคลิกภาพที่ไม่พึงประสงค์ แฮรี่ สแต็ค ซันลิแวน (Harry Stack Sullivan) ได้อธิบายบุคลิกภาพที่ไม่พึงประสงค์ โดยระบุสาเหตุของบุคลิกภาพที่เป็นปัญหาไว้ 6 ประเภทคือ ประเภทหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง : บุคคลประเภทนี้มักจะท้อแท้ มีความเจ็บแค้นในใจ ผิดหวัง ง่าย และคิดว่าตนถูกเข้าใจผิดเสมอ เพราะว่าบุคคลประเภทนี้ผิดหวังในสัมพันธภาพ ระหว่างตนเองกับบุคคลอื่น ประเภทไม่สุงสิงกับใคร : บุคคลประเภทนี้มักมีความรู้สึกว่าทำบุญกับใครไม่ขึ้น มักจะน้อยใจ สาเหตุแห่งบุคลิกภาพนี้ อาจจะเป็นเพราะไม่ได้รับความรักเหมือน ไม่มีใครรักในวัยเด็ก ผลจึงสืบเนื่องมาจนถึงวัยอื่น ๆ ต่อ ๆ มา ประเภทต้องพึ่งพาคนอื่น : บุคคลประเภทนี้มักจะไม่มีความคิดเป็นของตนเอง คอยปฏิบัติตาม คำแนะนำของคนอื่น ต้องยึดหรือพึ่งพาคนอื่นเป็นหลัก สาเหตุอาจเป็นผลต่อการเลี้ยงดูของบิดา มารดาที่แสดงอำนาจเหนือเด็กตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงวัยเด็กและวัยเยาว์ ประเภทไม่เป็นมิตรกับใคร : บุคคลประเภทนี้ไม่ประสงค์จะคบหาสมาคมกับใคร อารมณ์มักจะขุ่นมัว หงุดหงิด สาเหตุเป็นเพราะบิดามารดาเคี่ยวเข็ญและเอาใจใส่ดูแลบุตรธิดา เพื่อหวังจะให้ได้ดีมากเกินไป อีกทั้งบิดามารดามักจะไม่พอใจ และไม่สนใจเกี่ยวกับผลการกระทำ หรือผลงานใด ๆ ของบุตรธิดาของตน ประเภทชอบคัดค้าน : บุคคลประเภทนี้ มักจะเถียง ชอบคัดค้าน สาเหตุเพราะชอบเรียกร้อง ความสนใจ เมื่อตนอยู่ในวัยเด็ก และเมื่อเจริญเติบโตขึ้น ก็ยังคงใช้วิธีการเดิมและมักจะใช้วิธี คัดค้าน เมื่อรู้สึกว่าความสุข ความปลอดภัยของตนนั้นกำลังถูกคุกคาม ประเภทรักร่วมเพศ : บุคคลประเภทนี้มักจะมีการปรับตัวเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเรื่องเพศอย่างผิด ๆ เป็นผลมาจากการอบรมเลี้ยงดูที่บิดามารดาขาดสัมพันธภาพที่ดีกับบุตรธิดา ไม่สามารถให้ความ อบอุ่นทางใจ ไม่สามารถสื่อความหมายเกี่ยวกับบทบาททางเพศของบุตร ธิดาได้อย่างถูกต้องชัดเจน
ธรรมชาติของการเกิดโรค หมายถึง การดำเนินโรคที่เกิดขึ้นในคุณโดยที่ไม่มีการรักษาโดยการแทรกแซงใด ๆ การเกิดโรคเริ่มจาก การสัมผัสปัจจัยที่สาเหตุของโรคถ้าไม่มีการรักษาโรคอาจจะจบลงด้วยการหายกันพิการหรือการตาย ระยะมีความไวต่อการเกิดโรค - ระยะก่อนมีอาการของโรค : เริ่มมีพยาธิสภาพ ยังไม่มีอาการ ทราบว่าจากการตรวจคัดกรอง - ระยะฟักตัว : ระยะเวลานับจากเชื้อเข้าสู่ร่างกายจนกระทั่งถึงเริ่มมีอาการป่วย - ระยะมีอาการของโรค : พยาธิสภาพของโลกมีมากจนเกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะของร่างกาย - ระยะมีความพิการของโลก : เป็นโรคอาจมีความพิการมากหรือน้อยขึ้นกับความรุนแรงของโรคและการ รักษา ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค Infectivity : สัดส่วนของผู้ที่ติดเชื้อต่อผู้สัมผัสทั้งหมด Pathongenicity : สัดส่วนของผู้ที่มีอาการต่อผู้ที่ติดเชื้อทั้งหมด Virulence : สัดส่วนของผู้ที่มีอาการรุนแรงหรือตายต่อผู้ที่มีอาการทั้งหมด องค์ประกอบ 3 ทางระบาดวิทยา - คน ปัจจัยที่เหมาะต่อการเกิดโรคในคนขึ้นอยู่กับอายุเพศอาชีพเชื้อชาติพฤติกรรม - ตัวก่อโรค ได้แก่ เชื้อโรคและรวมความไปถึงสารเคมีเช่นสารกัมมันตรังสีหรือปัจจัย เสี่ยงต่างๆเช่นนิโคตินในบุหรี่ - สิ่งแวดล้อม ตัวขอโชคจากเข้าสู่ตัวคนได้ต้องมีสภาพแวดล้อมที่อำนวยสภาพ แวดล้อมนี้ครอบคลุมตั้งแต่ครอบครัวที่อยู่อาศัยสถานที่ทำงานและสภาพสังคม
ทางออกของเชื้อจากแหล่งรังโรค - TB และ i n f l u e n z a ออกมาทางทางเดินหายใจ - v r i b i o c h o r e l a ออกมากับอุจจาระ - s a r c o p t e s s c a b i e i หิดออกมาทางรอยโรคที่ผิวหนัง วิธีการถ่ายทอดเชื้อ (mode of transmission) Direct transmission - Direct contact : การสัมผัสโดยตรงระหว่าง reservoir กับ host คน การสัมผัสทางผิวหนัง การมีเพศ สัมพันธ์ สิ่งแวดล้อม สัมผัสกับดินที่มีเชื้อโรค - Droplet spread : ฝอยละอองที่เกิดจากการจามไอหรือพูดคุยซึ่งกระจายไปในระยะสั้นๆก่อนที่จะ ตกลงสู่พื้น Indirect transmission - Vector-borne เชื้อก่อโรคถูกนำโดยสิ่งมีชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแมลง - Mechanical transmission เชื้อก่อโรคถูกนำไปโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มจำนวน vector เชื้อ ถูกนำไปโดยขาของแมลง - Biological transmission เชื้อก่อโรคมีการเปลี่ยนแปลงในวงจรชีวิตจนกระทั่งพร้อมที่จะติดเชื้อไปในตัว ของ verto - Vehicle-borne เชื้อก่อโรคถูกนำโดยสิ่งไม่มีชีวิต อาหาร น้ำ การควบคุมป้องกันโรค - Direct contact : การให้สุขศึกษาเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย - Vehicle-borne : การอุ่นอาหารให้ร้อน การต้มหรือใช้น้ำยาฆ่าเชื้อกับภาชนะ - Air borne : ปรับปรุงสภาพการถ่ายเทอากาศ - Vector - borne : ควบคุมจำนวนแมลงนำโรค
ประโยชน์การออกกำลังกาย เป็นกิจกรรมทางกายใด ๆ ก็ได้ที่เสริมหรือคงสภาพสมรรถภาพทางกาย ความแข็งแรงและสุขภาพ ทั่วไปของร่างกาย อาจทำเพราะเหตุต่าง ๆ รวมทั้งเพื่อเสริมการเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย วิธีการออกกำลังกาย การออกกำลังกายที่ถูกต้องเหมาะสมนั้นจะต้องให้กล้ามเนื้อหลักๆ หรือกล้ามเนื้อชุดใหญ่ได้ เคลื่อนไหวหรือที่เรามักจะพูดกันว่า ให้กล้ามเนื้อหลัก ๆ ได้ทำงาน เช่น กล้ามเนื้อที่ แขน ขา ท้อง คอ รวมทั้งปอดและหัวใจ 1. ทำให้กล้ามเนื้อได้ทำงาน เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ หรือร่างกาย 2. ช่วยขับของเสียที่เกิดจากกระบวนการ เมแทโบลิซึม ของเซลล์ ออกจากร่างกาย 3. กล้ามเนื้อหัวใจมีความแข็งแรงขึ้น สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี 4. ช่วยในการทำงานของต่อมไร้ท่อดีขึ้น ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5. ลดไขมันในเลือด กล้ามเนื้อ และ กระดูกแข็งแรง ช่วยให้เอ็นที่ยึดข้อต่อต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้น 6. ช่วยให้ ระบบภูมิคุ้มกัน หรือ ระบบ อิมมูน (Immune System) ของร่างกายแข็งแรงดีขึ้น
เวลาที่เหมาะสมในการออกกำลังกาย ตอนเช้าอากาศค่อนข้างดี มีมลภาวะน้อย ก็เหมาะในการออกกำลังกาย ตอนเย็นหลังจากเลิก งาน ช่วงเวลา 16:00 - 18:00 น. ก็เหมาะสม ไม่ต้องกังวลเรื่องไปทำงาน และเป็นช่วงที่ระบบกล้ามเนื้อที่ได้ เคลื่อนไหวมาในตอนกลางวันแล้ว ทำให้การยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อดีขึ้นที่จะออกกำลังกายในตอนเย็น ระยะเวลาในการออกกำลังกาย : ออกกำลังกาย สังเกตอาการการออกกำลังกาย ดังนี้ นานประมาณ 10 – 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3 วัน 1. หัวใจเต้นมาก เต้นแรง จนรู้สึก หรือ วันเว้นวัน หรือ ออกกำลังกาย 10 นาที แล้ว 2. หายใจเหนื่อยจนพูดไม่เป็นประโยค รู้สึกเหนื่อยก็ให้หยุดพักก่อน แล้วจึงออกกำลังกาย 3. เหนื่อย ใจหวิว ๆ จนเป็นลม ต่ออีก จนครบเวลา 30 นาที ก็ได้ การออกกำลังกาย การเตรียมตัวสำหรับการออกกำลังกาย 1. ก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง ควรรับประทานอาหารรองท้อง (ไม่ใช่รับประทานเป็นอาหารหลัก) หากไม่กินอะไรเลยเวลาออกกำลังกายมีโอกาสเป็นลมได้ 2. ต้องทำการอบอุ่นร่างกายก่อนทุกครั้ง ประมาณ 5 – 10 นาที เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้มากขึ้น หลอดเลือดมีการเตรียมความพร้อมมากขึ้น 3. เริ่มออกกำลังกายตามปกติ 4. หลังจากออกกำลังกายตามปกติแล้ว อย่าหยุดออกกำลังกายทันที ควรผ่อนการออกกำลัง กายลงจนกระทั่งชีพจรหรือการหายใจจะเข้าสู่ภาวะปกติ จึงหยุดการออกกำลังกาย
สะท้อนความรู้ นางสาวแพรวพโยม กะสิกรรม รหััส 63111116047 สาขาสังคมศึกษา นางสาวนรีรัตน์ ขวานบุตร รหััส 63111116048 สาขาสังคมศึกษา
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: