Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชนิดของคำไทย

ชนิดของคำไทย

Published by kjomtan, 2019-06-22 03:33:12

Description: ชนิดของคำไทย

Keywords: คำไทย

Search

Read the Text Version

ผจู้ ดั ทาํ นางสาวพชิ ามญช์ุ จอมทาน ตาแหน่ง ครู คศ.๑ โรงเรียนอนุบาลแม่เมาะ(ชุมชน๑)

มาตรฐานการเรียนรู้ * มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ * มาตรฐาน ท ๔.๒ สามารถใชภ้ าษาแสวงหาความรู้ เสริมสร้าง ลกั ษณะนิสยั บุคลิกภาพ และความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรม อาชีพ สงั คม และชีวติ ประจาํ วนั

วตั ถุประสงค์ „ นกั เรียนสามารถบอกความหมายของคาํ ท้งั ๗ ชนิดได้ „ นกั เรียนสามารถบอกชนิดของคาํ ท้งั ๗ ชนิดได้ „ นกั เรียนสามารถบอกหนา้ ที่ของคาํ ท้งั ๗ ชนิดได้ „ นกั เรียนสามารถใชค้ าํ ท้งั ๗ ชนิดไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง „ นกั เรียนและคุณค่าของคาํ ในภาษาไทย

คาํ แนะนาํ ในการใช้ ทาํ ความเขา้ ใจก่อนสกั นิด เน้ือหาจะเก่ียวกบั วชิ าภาษาไทย มาตรฐานการเรียนรู้ที่ ๔ หลกั การใชภ้ าษา เร่ืองชนิดของคาํ ไทย ชนิดของคาํ ไทยจะแบ่งออกเป็น ๗ ชนิด คือ คาํ นาม คาํ สรรพนาม คาํ กริยา คาํ วเิ ศษณ์ คาํ บุพบท คาํ สนั ธาน และคาํ อุทาน พร้อมแบบ ทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนความสามารถ ในการทาํ แบบทดสอบ คือ ๑๐ เตม็ จะไดด้ ีมาก ๗-๙ จะไดด้ ี ๔-๖ จะไดพ้ อใช้ ๐-๓ ควรปรับปรุง

แบบทดสอบหลงั เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ ผจู้ ดั ทาํ แบบทดสอบก่อนเรียน คาํ แนะนาํ ในการใช้ วตั ถุประสงค์ เขา้ สู่บทเรียน

ชนิดของคาํ คาํ นาม คาํ กริยา แบบทดสอบก่อนเรียน คาํ บุพบท คาํ สรรพนาม คาํ อุทาน คาํ วิเศษณ์ คาํ สนั ธาน แบบทดสอบหลงั เรียน

ชนิดของคาไทย คาํ ไทยแบ่งออกเป็น 7 ชนิด แต่ละชนิดมีลกั ษณะและหนา้ ที่ แตกต่างกนั ออกไป การเรียนรู้เรื่องลกั ษณะของคาํ เพอ่ื สร้างเป็น กลุ่มคาํ และประโยคเป็นเร่ืองสาํ คญั และจาํ เป็นอยา่ งยง่ิ ในการเรียน และการใชภ้ าษาในชีวติ ประจาํ วนั คาํ คาํ แต่ละคาํ มีความหมาย ความหมายจะปรากฏชดั เมื่ออยใู่ นประโยคจะสงั เกตตาํ แหน่งของ ประโยคจะช่วยใหเ้ ราทราบชนิดของคาํ กลบั



แบบทดสอบก่อนเรียน กลบั คาชี้แจง ให้นักเรียนเลอื กคาตอบที่ถูกต้องทีส่ ุด ๑. คาํ ท่ีใชเ้ รียกช่ือ คน สตั ว์ สิ่งของ เรียกวา่ อะไร ก. คาํ กริยา ข. คาํ นาม ค. คาํ สรรพนาม ง. คาํ บุพบท ๒. เขาไปโรงเรียน คาํ วา่ \"เขา\" ในประโยค เป็นคาํ ชนิดใด ก. คาํ กริยา ข. คาํ นาม ค. คาํ สรรพนาม ง. คาํ วเิ ศษณ์

๓. ประโยคในขอ้ ใดมีคาํ สรรพนามบุรุษที่ ๒ กลบั ก. หนงั สือของเธออยทู่ ี่นี่ ข. เขาเป็นเพ่อื นของฉนั ค. คุณป่ ทู ่านไม่ค่อยสบาย ง. ผมไม่ไดเ้ ป็นตาํ รวจ ๔. ครูสอนนกั เรียน คาํ วา่ \"สอน\" ในประโยค เป็นคาํ ชนิดใด ก. คาํ สรรพนาม ข. คาํ บุพบท ค. คาํ วิเศษณ์ ง. คาํ กริยา

๕. บา้ นของฉนั อยใู่ กลท้ ี่ทาํ งาน คาํ วา่ \"ใกล\"้ ในประโยค เป็นคาํ ชนิดใด ก. คาํ สรรพนาม ข. คาํ วิเศษณ์ ค. คาํ กริยา ง. คาํ บุพบท ๖. เขามาจากต่างจงั หวดั คาํ วา่ \"จาก\" ในประโยค เป็นคาํ ชนิดใด ก. คาํ สนั ธาน ข. คาํ บุพบท ค. คาํ วเิ ศษณ์ ง. คาํ กริยา กลบั

๗. ผมตอ้ งการพดู กบั เขา แต่เขาไม่ยอมพดู กบั ผม คาํ วา่ กลบั \"แต่\" ในประโยค เป็นคาํ ชนิดใด ก. คาํ สนั ธาน ข. คาํ บุพบท ค. คาํ วิเศษณ์ ง. คาํ กริยา ๘. ประโยคในขอ้ ใดมีคาํ อุทาน ก. ถา้ ไดไ้ ปทาํ งานกด็ ีซิ ข. พอ่ แม่ไม่ใช่หวั หลกั หวั ตอนะ ค. เธอจะสูห้ รือจะยอมแพ้ ง. ใครทาํ แกว้ แตก

๙. คาํ ใดต่อไปน้ีเป็นลกั ษณะนาม ก. นก ข. จดหมาย ค. แท่ง ง. เดิน ๑๐. ชนิดของคาํ มีก่ีชนิด ก. ๔ ชนิด ข. ๕ ชนิด ค. ๖ ชนิด ง. ๗ ชนิด เฉลยแบบฝึ กหดั กลบั



คานาม ความหมายของคานาม คาํ นามหมายถึง คาํ ท่ีใช้ เรียกช่ือ คน สตั ว์ พืช ส่ิงของ สถานท่ี สภาพ อาการ ลกั ษณะ ท้งั ที่เป็นสิ่งมีชีวติ หรือส่ิงไม่มีชีวติ ท้งั ท่ีเป็นรูปธรรม และ นามธรรม เช่นคาํ วา่ คน ปลา ตะกร้า ไก่ ประเทศไทย จงั หวดั พิจิตร การออกกาํ ลงั กาย การศึกษา ความดี ความงาม กอ ไผ่ กรรมกร ฝงู ตวั เป็นตน้ ชนิดของคาํ นาม หนา้ ที่ของคาํ นาม กลบั

ชนิดของคานาม คาํ นามแบ่งออกเป็น ๕ ชนิด ดงั น้ี ๑. สามานยนาม หรือเรียกวา่ คาํ นามทว่ั ไป คือ คาํ นาม ท่ีเป็นชื่อทว่ั ๆ ไป เป็นคาํ เรียกสิ่งต่างๆ โดยทว่ั ไปไม่ช้ี เฉพาะเจาะจง เช่น ปลา ผเี ส้ือ คน สุนขั วดั ตน้ ไม้ บา้ น ห นงั สือ ปากกา เป็นตน้ ๒. วสิ ามานยนาม หรือเรียกวา่ คาํ นาม เฉพาะ คือ คาํ นามท่ีใชเ้ รียกช่ือเฉาะของคน สตั ว์ หรือ สถานที่ เป็นคาํ เรียนเจาะจงลงไปวา่ เป็นใครหรือเป็น อะไร เช่น พระพทุ ธชินราช เดก็ ชายวทิ วสั จงั หวดั พจิ ิตร วดั ท่า หลวง สม้ โอท่าข่อย พระอภยั มณี วนั จนั ทร์ เดือน มกราคม เป็นตน้ กลบั

๓. สมุหนาม คือ คาํ นามที่ทาํ หนา้ ท่ีแสดงหมวดหมู่ ของคาํ นามทว่ั ไป และคาํ นามเฉพาะ เช่น ฝงู ผ้งึ กอไผ่ คณะ นกั ทศั นาจร บริษทั พวกกรรมกร เป็นตน้ ๔. ลกั ษณะนาม คือ เป็นคาํ นามที่บอกลกั ษณะของ คาํ นาม เพือ่ แสดงรูปลกั ษณะ ขนาด ปริมาณ ของคาํ นามน้นั น้นั ใหช้ ดั เจน เช่น บา้ น ๑ หลงั โตะ๊ ๕ ตวั คาํ วา่ หลงั และ ตวั เป็นลกั ษณะนาม ๕. อาการนาม คือ คาํ นามท่ีเป็นชื่อกริยาอาการ เป็น สิ่งที่เป็นนามธรรม ไม่มีรูปร่าง มกั มีคาํ วา่ \"การ\" และ \"ความ\" นาํ หนา้ เช่น การกิน การเดิน การ พดู การอ่าน การเขียน ความรัก ความดี ความคิด ความ ฝัน เป็นตน้ กลบั

หน้าทข่ี องคานาม มดี งั นีค้ อื „ ๑. ทาํ หนา้ ท่ีเป็นประธานของประโยค เช่น - ประกอบชอบอ่านหนงั สือ - ตารวจจบั ผรู้ ้าย „ ๒. ทาํ หนา้ ที่เป็นกรรมหรือผถู้ กู กระทาํ เช่น - วารีอ่านจดหมาย - พอ่ ตีสุนัข „ ๓. ทาํ หนา้ ที่ขยายนาม เพื่อทาํ ใหน้ ามท่ีถกู ขยายชดั เจนข้ึน เช่น - สมศรีเป็นขา้ ราชการครู - นายสมศกั ด์ิทนายความฟ้ องนาย „ ปัญญาพ่อค้า „ ๔.ทาํ หนา้ ที่เป็นส่วนสมบูรณ์หรือส่วนเติมเตม็ เช่น - ศรรามเป็นทหาร - เขาเป็นตารวจแต่นอ้ งสาวเป็นพยาบาล กลบั

๕. ใชต้ ามหลงั คาํ บุพบทเพอ่ื ทาํ หนา้ ท่ีบอกสถานท่ี หรือขยายกริยาใหม้ ี เน้ือความบอก สถานที่ชดั เจนข้ึน เช่น - คุณแม่ของเดก็ หญิงสายฝนเป็นครู - นกั เรียนไปโรงเรียน ๖. ใชบ้ อกเวลาโดยขยายคาํ กริยาหรือคาํ นามอ่ืน เช่น - คุณพอ่ จะไปเชียงใหม่วนั เสาร์ - เขาชอบมาตอนกลางวนั ๗. ใชเ้ ป็นคาํ เรียกขานได้ เช่น - นา้ ฝน ช่วยหยบิ ปากกาใหค้ รูทีซิ - ตารวจ ช่วยฉนั ดว้ ย กลบั

คาสรรพนาม ความหมายของคาสรรพนาม คาํ สรรพนาม หมายถึง คาํ ที่ใชแ้ ทนคาํ นามที่กล่าวถึง มาแลว้ เพื่อจะไดไ้ ม่ตอ้ งกล่าวคาํ นามน้นั ซ้าํ อีก เช่นคาํ วา่ ฉนั เรา ดิฉนั กระผม กู คุณ ท่าน ใตเ้ ทา้ เขา มนั สิ่ง ใด ผใู้ ด น่ี นนั่ อะไร ใคร บา้ ง เป็นตน้ ชนิดคาํ สรรพนาม หนา้ ท่ีคาํ สรรพนาม กลบั

ชนิดของคาสรรพนาม คาํ สรรพนามแบ่งออกเป็น ๖ ชนิด ดงั น้ี ๑. บุรุษสรรพนาม คือ คาํ สรรพนามที่ใชแ้ ทนผู้ พดู แบ่งเป็นชนิดยอ่ ยได้ ๓ ชนิด คือ ๑.๑ สรรพนามบุรุษท่ี ๑ ใชแ้ ทนตวั ผู้ พดู เช่น ผม ฉนั ดิฉนั กระผม ขา้ พเจา้ กู เรา ขา้ พระพทุ ธเจา้ อาตมา หม่อมฉนั เกลา้ กระหม่อม ๑.๒ สรรพนามบุรุษที่ ๒ ใชแ้ ทนผฟู้ ัง หรือผทู้ ี่เราพดู ดว้ ย เช่น คุณ เธอ ใตเ้ ทา้ ท่าน ใตฝ้ ่ าละอองธุลีพระบาท ฝ่ าพระบาท พระคุณเจา้ กลบั

๑.๓ สรรพนามบุรุษที่ ๓ ใชแ้ ทนผทู้ ่ี กล่าวถึง เขา มนั ท่าน พระองค์ ๒. ประพนั ธสรรพนาม คือ คาํ สรรพนามที่ใช้ แทนคาํ นามและใชเ้ ช่ือมประโยคทาํ หนา้ ที่เช่ือมประโยค ใหม้ ีความสมั พนั ธก์ นั ไดแ้ ก่คาํ วา่ ท่ี ซ่ึง อนั ผู้ ๓. นิยมสรรพนาม คือ สรรพนามที่ใชแ้ ทนนามช้ี เฉพาะเจาะจงหรือบอกกาํ หนด ความใหผ้ พู้ ดู กบั ผฟู้ ังเขา้ ใจกนั ไดแ้ ก่คาํ วา่ นี่ นน่ั โน่น กลบั

๔. อนิยมสรรนาม คือ สรรพนามใชแ้ ทนนามบอกความไม่ช้ี เฉพาะเจาะจงท่ีแน่นอน ลงไป ไดแ้ ก่คาํ วา่ อะไร ใคร ไหน ได บางคร้ังกเ็ ป็นคาํ ซ้าํ ๆ เช่น ใครๆ อะไรๆ ไหนๆ ๕. วิภาคสรรพนาม คือ สรรพนามท่ีใชแ้ ทนคาํ นาม ซ่ึงแสดง ใหเ้ ห็นวา่ นามน้นั จาํ แนกออกเป็น หลายส่วน ไดแ้ ก่คาํ วา่ ต่าง บา้ ง กนั เช่น - นกั เรียน\"บา้ ง\"เรียน\"บา้ ง\"เล่น - นกั เรียน\"ต่าง\"กอ็ ่าน หนงั สือ ๖. ปฤจฉาสรรพนาม คือ สรรพนามที่ใชแ้ ทนนามที่เป็น คาํ ถาม ไดแ้ ก่คาํ วา่ อะไร ใคร ไหน ผใู้ ด ส่ิงใด ผใู้ ด ฯลฯ เช่น - \"ใคร\" ทาํ แกว้ แตก - เขาไปท่ี \"ไหน\" กลบั

หน้าทขี่ องคาสรรพนาม มดี งั นีค้ อื ๑. เป็นประธานของประโยค เช่น - \"เขา\"ไปโรงเรียน - \"ใคร\"ทาํ ดินสอตกอยบู่ นพ้นื ๒. ทาํ หนา้ ท่ีเป็นกรรมของประโยค (ผถู้ กู กระทาํ ) เช่น - ครูจะตี\"เธอ\"ถา้ เธอไม่ทาํ การบา้ น - คุณช่วยเอา\"นี่\"ไปเกบ็ ไดไ้ หม ๓. ทาํ หนา้ ท่ีเป็นส่วนเติมเตม็ หรือส่วนสมบูรณ์ เช่น - กาํ นนั คนใหม่ของตาํ บลน้ีคือ\"เขา\"นน่ั เอง - เขาเป็น\"ใคร\" กลบั

๔. ใชเ้ ช่ือมประโยคในประโยคความซอ้ น เช่น - ครูชมเชยนกั เรียน\"ท่ี\"ขยนั ๕. ทาํ หนา้ ท่ีขยายนามที่ทาํ หนา้ ที่เป็นประธานหรือกรรม ของประโยค เพ่อื เนน้ การแสดงความรู้สึกของผพู้ ดู จะวางหลงั คาํ นาม เช่น - คุณครู\"ท่าน\"ไม่พอใจท่ีเราไม่ต้งั ใจเรียน - ฉนั แวะไปเยยี่ มคุณป่ ู\"ท่าน\"มา กลบั

คากริยา ความหมายของคากริยา คาํ กริยา หมายถึง คาํ แสดงอาการ การกระทาํ หรือบอก สภาพของคาํ นามหรือคาํ สรรพนาม เพอื่ ใหไ้ ดค้ วาม เช่นคาํ วา่ กิน เดิน นงั่ นอน เล่น จบั เขียน อ่าน เป็น คือ ถูก คลา้ ย เป็ นตน้ ชนิดคาํ กริยา หนา้ ที่คาํ กริยา กลบั

ชนิดของคากริยา คาํ กริยาแบ่งเป็น ๕ ชนิด ๑. อกรรมกริยา คือ คาํ กริยาที่ไม่ตอ้ งมีกรรมมารับกไ็ ดค้ วาม สมบูรณ์ เขา้ ใจได้ เช่น - เขา\"ยนื \"อยู่ - นอ้ ง\"นอน\" ๒. สกรรมกริยา คือ คาํ กริยาที่ตอ้ งมีกรรมมารับ เพราะ คาํ กริยาน้ีไม่มีความสมบรู ณ์ในตวั เอง เช่น - ฉนั \"กิน\"ขา้ ว (ขา้ วเป็นกรรมท่ีมารับคาํ วา่ กิน) - เขา\"เห็น\"นก (นกเป็นกรรมที่มารับคาํ วา่ เห็น) ๓. วิกตรรถกริยา คือ คาํ กริยาที่ไม่มีความหมายใน ตวั เอง ใชต้ ามลาํ พงั แลว้ ไม่ไดค้ วาม ตอ้ งมีคาํ อ่ืนมาประกอบจึงจะ ไดค้ วาม คาํ กริยาพวกน้ีคือ เป็น เหมือน คลา้ ย เท่า คือ เช่น - เขา\"เป็น\"นกั เรียน - เขา\"คือ\"ครูของฉนั เอง กลบั

๔. กริยานุเคราะห์ คือ คาํ กริยาที่ทาํ หนา้ ท่ีช่วยคาํ กริยา สาํ คญั ในประโยคใหม้ ีความหมายชดั เจนข้ึน ไดแ้ ก่คาํ วา่ จง กาํ ลงั จะ ยอ่ ม คง ยงั ถูก นะ เถอะ เทอญ ฯลฯ เช่น - นายดาํ \"จะ\"ไปโรงเรียน - เขา\"ถกู \"ตี ๕. กริยาสภาวมาลา คือ คาํ กริยาท่ีทาํ หนา้ ท่ีเป็นคาํ นาม จะเป็นประธาน กรรม หรือบทขยายของประโยคกไ็ ด้ เช่น - \"นอน\"หลบั เป็นการพกั ผอ่ นท่ีดี (นอน เป็นคาํ กริยาที่เป็นประธานของประโยค) - ฉนั ชอบไป\"เท่ียว\"กบั เธอ (เที่ยว เป็นคาํ กริยาที่เป็นกรรมของประโยค) กลบั

คาวเิ ศษณ์ ความหมายของคาวเิ ศษณ์ คาํ วเิ ศษณ์ หมายถึง คาํ ที่ใชป้ ระกอบหรือขยาย คาํ นาม สรรพนาม คาํ กริยา หรือคาํ วเิ ศษณ์ เพื่อใหไ้ ด้ ใจความชดั เจนและละเอียดมากข้ึน เช่น - คนอ้วนกินจุ (“อว้ น” เป็นคาํ วเิ ศษณ์ท่ีขยายคาํ นาม “คน” “จุ” เป็นคาํ วิเศษณ์ท่ีขยายคาํ กริยา “กิน”) กลบั

- เขาร้องเพลงไดไ้ พเราะ (“ไพเราะ” เป็นคาํ วเิ ศษณ์ท่ีขยายคาํ กริยา “ร้องเพลง”) - เขาร้องเพลงไดไ้ พเราะมาก (“มาก” เป็นคาํ วิเศษณ์ท่ีขยายคาํ วิเศษณ์ ”ไพเราะ”) ชนิดคาํ วเิ ศษณ์ กลบั

ชนิดของคาวเิ ศษณ์์ คาํ วเิ ศษณ์แบ่งออกเป็น ๑๐ ชนิด ดงั น้ี ๑. ลกั ษณะวเิ ศษณ์ คือ คาํ วเิ ศษณ์ที่บอกลกั ษณะต่างๆ เช่น บอกชนิด สี ขนาด สณั ฐาน กล่ิน รส บอก ความรู้สึก เช่น ดี ชวั่ ใหญ่ ขาว ร้อน เยน็ หอม หวาน กลม แบน เป็นตน้ เช่น - น้าํ ร้อนอยใู นกระติกสีขาว - จานใบใหญ่ราคาแพงกวา่ จานใบเลก็ ๒. กาลวเิ ศษณ์ คือ คาํ วิเศษณ์บอก เวลา เช่น เชา้ สาย บ่าย เยน็ อดีต อนาคต เป็นตน้ เช่น - พรุ่งนีเ้ ป็นวนั เกิดของคุณแม่ - เขามาโรงเรียนสาย กลบั

๓. สถานวเิ ศษณ์ คือ คาํ วเิ ศษณ์บอกสถานท่ี เช่น ใกล้ ไกล บน ล่าง เหนือ ใต้ ซา้ ย ขวา เป็นตน้ เช่น - บา้ นฉนั อยไู่ กลตลาด - นกอยบู่ นตน้ ไม้ ๔. ประมาณวเิ ศษณ์ คือ คาํ วิเศษณ์บอกจาํ นวน หรือ ปริมาณ เช่น หน่ึง สอง สาม มาก นอ้ ย บ่อย หลาย บรรดา ต่า ง บา้ ง เป็นตน้ เช่น - เขามีเงินห้าบาท - เขามาหาฉนั บ่อยๆ ๕. ประติเษธวิเศษณ์ คือ คาํ วเิ ศษณ์ท่ีแสดงความ กลบั ปฏิเสธ หรือไม่ยอมรับ เช่น ไม่ ไม่ใช่ มิ มิใช่ ไม่ได้ หา มิได้ เป็นตน้ เช่น - เขามิได้มาคนเดียว - ของน้ีไม่ใช่ของฉนั ฉนั จึงรับไวไ้ ม่ได้

๖. ประติชญาวเิ ศษณ์ คือ คาํ วิเศษณ์ท่ีใชแ้ สดงการขานรับ หรือโตต้ อบ เช่น ครับ ขอรับ ค่ะ เป็นตน้ เช่น - คุณครับมีคนมาหาขอรับ - คุณครูขา สวสั ดีค่ะ ๗. นิยมวเิ ศษณ์ คือ คาํ วเิ ศษณ์ที่บอกความช้ีเฉพาะ เช่น น้ี นน่ั โน่น ท้งั น้ี ท้งั น้นั แน่นอน เป็นตน้ เช่น - บา้ นน้ันไม่มีใคราอยู่ - เขาเป็นคนขยนั แน่ๆ ๘. อนิยมวเิ ศษณ์ คือ คาํ วเิ ศษณ์ที่บอกความไม่ช้ีเฉพาะ เช่น ใด อ่ืน ไหน อะไร ใคร ฉนั ใด เป็นตน้ เช่น - เธอจะมาเวลาใดกไ็ ด้ - คุณจะนงั่ เกา้ อ้ีตวั ไหนกไ็ ด้ กลบั

๙. ปฤจฉาวเิ ศษณ์ คือ คาํ วเิ ศษณ์แสดงคาํ ถาม หรือแสดงความ สงสยั เช่น ใด ไร ไหน อะไร สิ่งใด ทาํ ไม เป็นตน้ เช่น - เส้ือตวั น้ีราคาเท่าไร - เขาจะมาเมือ่ ไร ๑๐. ประพนั ธวเิ ศษณ์ คือ คาํ วิเศษณ์ท่ีทาํ หนา้ ที่เชื่อมคาํ หรือ ประโยคใหม้ ีความเกี่ยวขอ้ งกนั เช่นคาํ วา่ ท่ี ซ่ึง อนั อยา่ ง ที่วา่ เพ่ือวา่ ให้ เป็นตน้ เช่น - เขาทาํ งานหนกั เพอ่ื ว่าเขาจะไดม้ ีเงินมาก - เขาทาํ ความดี อนั หาท่ีสุดมิได้ กลบั

หน้าทข่ี องคาวเิ ศษณ์ มดี งั นีค้ อื ๑. ทาํ หนา้ ที่ขยายคาํ นาม เช่น - คนอ้วนกินจุ ( “อว้ น” เป็นคาํ วเิ ศษณ์ขยายคาํ นาม “คน”) - ตาํ รวจหลายคนจบั โจรผรู้ ้าย (“หลาย” เป็นคาํ วเิ ศษณ์ขยายคาํ นาม “ตาํ รวจ”) ๒. ทาํ หนา้ ที่ขยายคาํ สรรพนาม เช่น - เราท้งั หมดช่วยกนั ทาํ งานใหเ้ รียบร้อย (“ท้งั หมด” เป็นคาํ วิเศษณ์ขยายคาํ สรรพนาม “เรา”) กลบั

- ฉนั เองเป็นคนพดู ( “เอง” เป็นคาํ วิเศษณ์ขยายคาํ สรรพนาม “ฉนั ”) ๓. ทาํ หนา้ ที่ขยายคาํ กริยา เช่น - คนแก่เดินช้า ( “ชา้ ” เป็นคาํ วิเศษณ์ขยายคาํ กริยา “เดิน”) - นกั กีฬาวา่ ยน้าํ เก่ง ( “เก่ง” เป็นคาํ วเิ ศษณ์ขยาย คาํ กริยา “วา่ ยน้าํ ”) กลบั

๔. ทาํ หนา้ ท่ีขยายคาํ วเิ ศษณ์ เช่น - ลมพดั แรงมาก (“มาก” เป็นคาํ วเิ ศษณ์ขยายคาํ วิเศษณ์ “แรง”) - สมชายร้องเพลงเพราะจริง (“จริง” เป็นคาํ วิเศษณ์ขยายคาํ วิเศษณ์ “เพราะ”) ๕. ทาํ หนา้ ท่ีเป็นตวั แสดงในภาคแสดง เช่น - เธอสูงกวา่ คนอื่น - ขนมน้ีอร่อยดี กลบั

คาบุพบท ความหมายของคาบุพบท คาํ บุพบท หมายถึง คาํ ที่แสดงความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งคาํ หรือประโยค เพ่อื ใหท้ ราบวา่ คาํ หรือกลุ่มคาํ ท่ี ตามหลงั คาํ บุพบทน้นั เก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มคาํ ขา้ งหนา้ ในประโยคใน ลกั ษณะ เช่น กบั แก่ แต่ ต่อ ดว้ ย โดย ตาม ขา้ ง ถึง จาก ใน บน ใต้ สิ้น สาํ หรับ นอก เพ่ือ ของ เกือบ ต้งั แต่ แห่ง ที่ เป็นตน้ กลบั

เช่น เขามาแต์่เชา้ บา้ นของคุณน่าอยจู่ ริง คุณครูใหร้ างวลั แก่ฉนั เขาใหร้ างวลั เฉพาะคนที่สอบไดท้ ่ีหน่ึง ชนิดคาํ บุพบท หนา้ ที่คาํ บุพบท กลบั

ชนิดของคาของคาบุพบท คาํ บุพบทแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด ๑. คาํ บุพบทที่แสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งคาํ ต่อ คาํ คือ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งคาํ นามกบั คาํ นาม คาํ สรรพนามกบั คาํ นาม คาํ นามกบั คาํ กริยา คาํ สรรพนามกบั คาํ สรรพนาม คาํ สรรพ นามกบั คาํ กริยา คาํ กริยากบั คาํ นาม คาํ กริยากบั คาํ สรรพ นาม คาํ กริยากบั คาํ กริยา เพื่อบอกสถานการใหช้ ดั เจน เช่น ๑.๑ บอกสถานภาพความเป็นเจา้ ของ เช่น - พอ่ ซ้ือสวนของนายทองคาํ (นามกบั นาม) ๑.๒ บอกความเก่ียวขอ้ ง เช่น - เขาเห็นแก่กิน (กริยากบั กริยา) ๑.๓ บอกการใหแ้ ละบอกความประสงค์ เช่น - คุณครูใหร้ างวลั แก่ฉนั (นามกบั สรรพนาม) กลบั

๑.๔ บอกเวลา เช่น (กริยากบั นาม) - เขามาต้งั แต์่เชา้ (กริยากบั นาม) (กริยากบั สรรพนาม) ๑.๕ บอกสถานท่ี เช่น - เขามาจากต่างจงั หวดั ๑.๖ บอกความเปรียบเทียบ เช่น - พี่หนกั กวา่ ฉนั ๒. คาํ บุพบทท่ีไม่มีความสมั พนั ธ์กบั คาํ อื่น ส่วนมากจะอยตู่ น้ ประโยค ใชเ้ ป็นการทกั ทาย มกั ใชใ้ นคาํ ประพนั ธ์ เช่นคาํ วา่ ดูก่อน ขา้ แต่ ดูกร คาํ เหล่าน้ีใชน้ าํ หนา้ คาํ สรรพนามหรือ คาํ นาม เช่น - ดูก่อน ภิกษุท้งั หลาย - ข้าแต่ท่านท้งั หลายโปรดฟังขา้ พเจา้ กลบั

หน้าทขี่ องคาบุพบท มดี งั นีค้ อื ๑. ทาํ หนา้ ท่ีนาํ หนา้ นาม เช่น - เขาไปกบั เพอื่ น - หนงั สือของพอ่ หาย ๒. ทาํ หนา้ ที่นาํ หนา้ สรรพนาม เช่น - ฉนั ชอบอยใู่ กล์้เธอ - ปากกาของฉนั อยทู่ ่ีเขา ๓. ทาํ หนา้ ที่นาํ หนา้ กริยา เช่น - เขากินเพอ่ื อยู่ - เขาทาํ งานกระทั่งตาย ๔. ทาํ หนา้ ท่ีนาํ หนา้ ประโยค เช่น - เขามาต้งั แต่ฉนั ตื่นนอน - เขาพดู เสียงดงั กบั คนไข้ ๕. ทาํ หนา้ ท่ีนาํ หนา้ คาํ วเิ ศษณ์ เช่น - เขาตอ้ งมาหาฉนั โดยเร็ว - เขาเลวสิ้นดี กลบั

คาสันธาน ความหมายของคาสันธาน คาํ สนั ธาน หมายถึง คาํ ที่ใชเ้ ชื่อมประโยค หรือขอ้ ความกบั ขอ้ ความ เพอ่ื ทาํ ใหป้ ระโยคน้นั รัดกมุ กระชบั และสละสลวย เช่น คาํ วา่ และ แลว้ จึง แต่ หรือ เพราะ เหตุเพราะ เป็นตน้ เช่น - เขาอยากเรียนหนงั สือเก่งๆ แต่เขาไม่ชอบอ่านหนงั สือ - เขามาโรงเรียนสายเพราะฝน ชนิดคาํ สันธาน หนา้ ที่คาํ สนั ธาน กลบั

ชนิดของคาสันธาน คาํ สนั ธานแบ่งเป็น ๔ ชนิด ดงั น้ี ๑. คาํ สนั ธานที่เชื่อมความคลอ้ ยตามกนั ไดแ้ ก่คาํ วา่ และ ท้งั ... และ ท้งั ...ก็ คร้ัน...ก็ คร้ัน...จึง กด็ ี เมื่อ...กว็ า่ พอ...แลว้ เช่น - ท้งั พอ่ และแม่ของผมเป็นคนใต้ - พอทาํ การบา้ นเสร็จแล้วฉนั กน็ อน ๒. คาํ สนั ธานที่เชื่อมความขดั แยง้ กนั เช่นคาํ วา่ แต่ แต่วา่ กวา่ ...ก็ ถึง...ก็ เป็นตน้ เช่น - ผมตอ้ งการพดู กบั เขา แต์่เขาไม่ยอมพดู กบั ผม - กวา่ เราจะเรียนจบเพอื่ นๆ ก์ท็ าํ งานหมดแลว้ กลบั

๓. คาํ สนั ธานที่เช่ือมขอ้ ความใหเ้ ลือก ไดแ้ ก่คาํ วา่ หรือ หรือไม่ ไม่...ก็ หรือไม่ก็ ไม่เช่นน้นั มิฉะน้นั ...ก็ เป็น ตน้ เช่น - นกั เรียนชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์หรือภาษาไทย - เธอคงไปซ้ือของหรือไม่กไ็ ปดูหนงั ๔. คาํ สนั ธานที่เชื่อมความท่ีเป็นเหตุเป็นผล ไดแ้ ก่คาํ วา่ เพราะ เพราะวา่ ฉะน้นั ...จึง ดงั น้นั เหตุเพราะ เหตุวา่ เพราะ ฉะน้นั ...จึง เป็นตน้ เช่น - นกั เรียนมาโรงเรียนสายเพราะฝนตกหนกั - เพราะวาสนาไม่ออกกาํ ลงั กายเธอจึงอว้ นมาก กลบั

หน้าทขี่ องคาสันธาน มดี งั นีค้ อื ๑. เชื่อมประโยคกบั ประโยค เช่น - เขามีเงินมากแต่เขากห็ าความสุขไม่ได้ - พอ่ ทาํ งานหนกั เพอ่ื ส่งเสียใหล้ กู ๆ ไดเ้ รียนหนงั สือ - ฉนั อยากไดร้ องเทา้ ที่ราคาถกู และใชง้ านไดน้ าน ๒. เช่ือมคาํ กบั คาํ หรือกลุ่มคาํ เช่น - สมชายลาํ บากเมือ่ แก่ - เธอจะสูต้ ่อไปหรือยอมแพ้ - ฉนั เห็นนายกรัฐมนตรีและภริยา กลบั

๓. เช่ือมขอ้ ความกบั ขอ้ ความ เช่น - ชาวต่างชาติเขา้ มาอยเู่ มืองไทย เขา ขยนั หมนั่ เพยี รไม่ยอมใหเ้ วลาผา่ นไปโดยเปล่าประโยชนเ์ ขาจึง ร่าํ รวย จนเกือบจะซ้ือแผน่ ดินไทยไดท้ ้งั หมดแลว้ เพราะฉะน้ัน ขอใหพ้ น่ี อ้ งชาวไทยท้งั หลายจงต่ืนเถิด จงพากนั ขยนั ทาํ งานทุก ชนิดเพื่อจะไดร้ ักษาผนื แผน่ ดินของไทยไว้ กลบั

คาอทุ าน ความหมายของคาอุทาน คาํ อุทาน หมายถึง คาํ ท่ีแสดงอารมณ์ของผพู้ ดู ในขณะที่ ตกใจ ดีใจ เสียใจ ประหลาดใจ หรืออาจจะเป็นคาํ ท่ีใชเ้ สริม คาํ พดู เช่นคาํ วา่ อุย๊ เอะ๊ วา้ ย โธ่ อนิจจา อ๋อ เป็นตน้ เช่น - เฮ้อ! ค่อยยงั ชวั่ ที่เขาปลอดภยั - เมื่อไรเธอจะตดั ผมตัดเผ้าเสียทีจะไดด้ ูเรียบร้อย ชนิดคาํ อุทาน หนา้ ท่ีคาํ อุทาน กลบั

ชนิดของคาอทุ าน คาํ อุทานแบ่งเป็น ๒ ชนิด ดงั น้ี ๑. คาํ อุทานบอกอาการ เป็นคาํ อุทานท่ีแสดงอารมณ์ และ ความรู้สึกของผพู้ ดู เช่น - ตกใจ ใชค้ าํ วา่ วยุ้ วา้ ย แหม ตายจริง - ประหลาดใจ ใชค้ าํ วา่ เอะ๊ หือ หา - รับรู้ เขา้ ใจ ใชค้ าํ วา่ เออ ออ้ อ๋อ - เจบ็ ปวด ใชค้ าํ วา่ โอย๊ โอย อุย๊ - สงสาร เห็นใจ ใชค้ าํ วา่ โธ๋ โถ พทุ โธ่ อนิจจา - ร้องเรียก ใชค้ าํ วา่ เฮย้ เฮ้ นี่ - โล่งใจ ใชค้ าํ วา่ เฮอ เฮอ้ - โกรธเคือง ใชค้ าํ วา่ ชิชะ แหม กลบั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook