ก ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม โดยใช้วัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขัน้ สาหรบั นักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ชดุ ท่ี 2
ข ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เร่อื ง การถา่ ยทอดทางพนั ธุกรรม โดยใช้วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขัน้ สาหรับนักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 ชุดนี้ เปน็ นวตั กรรมการเรยี นรู้ ที่จัดทาขึน้ เพอื่ ใช้เปน็ สอ่ื ประกอบ การจดั การเรียนรู้ เร่ือง การถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม รายวชิ าชีววทิ ยา สาหรบั นักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ซ่ึงชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้นี้ มเี นอื้ หาสาระและกจิ กรรมทสี่ อดคล้องกบั สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ ของหลกั สตู ร แกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซ่งึ ประกอบดว้ ยชุดกจิ กรรมการเรียนรูท้ งั้ หมด 10 ชุด ดังนี้ ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง การศึกษาพันธศุ าสตร์ของเมนเดล จานวน 2 ชว่ั โมง ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ี 2 เรื่อง ความน่าจะเป็น จานวน 1 ชว่ั โมง ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง กฎแห่งการแยก จานวน 2 ชั่วโมง ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่ือง กฎแหง่ การรวมกลุ่มอยา่ งอสิ ระ จานวน 2 ช่ัวโมง ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 5 เรื่อง การผสมเพื่อทดสอบ จานวน 1 ชวั่ โมง ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 6 เรื่อง การข่มไม่สมบรู ณแ์ ละการข่มรว่ มกัน จานวน 2 ช่ัวโมง ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ี 7 เร่ือง มัลติเปิลแอลลีลและพอลิยีน จานวน 2 ชวั่ โมง ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง ยีนบนโครโมโซมเพศ จานวน 2 ช่ัวโมง ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 9 เร่ือง ยีนบนโครโมโซมเดียวกัน จานวน 2 ช่วั โมง ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ที่ 10 เรอื่ ง ลกั ษณะท่ีอยู่ภายใต้อิทธิพลของเพศและลักษณะทป่ี รากฏจาเพาะเพศ จานวน 2 ชว่ั โมง ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ เร่ือง การถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม โดยใชว้ ฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขนั้ สาหรบั นักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 6 น้ี ประกอบดว้ ยมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์ การเรียนรู้ ค่มู อื ประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ องค์ประกอบของชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ แบบทดสอบ ก่อน-หลังเรยี น บัตรคาส่ัง ใบความรู้ ใบกจิ กรรม และใบงาน ทผ่ี ู้เรยี นสามารถศึกษาคน้ ควา้ ด้วยตนเอง ตามความสนใจ เป็นอิสระและมสี ว่ นรว่ มในการเรยี นการสอน โดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้จะช่วยใหใ้ ช้เวลานอ้ ยลง ในการนาเสนอขอ้ มูลต่างๆ จากคาแนะนาท่ีปรากฏอยู่ในชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ไปตามลาดับ ขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ทไี่ ดใ้ หข้ ้อมลู อนั เปน็ ประโยชน์ในการจดั ทาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เลม่ น้ี ผู้จัดทาหวงั วา่ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูท้ ่จี ดั ทาข้นึ นี้ จะเป็นแนวทางในการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน ใหเ้ ปน็ ไปตามเจตนารมณ์ของหลกั สูตร และเปน็ ประโยชน์ต่อการจัดกระบวนการเรยี นรขู้ องครูได้เป็นอยา่ งดี จนั จิรา หมนั่ บ่อแก ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถา่ ยทอดทางพันธกุ รรม โดยใช้วฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ข้ัน สาหรบั นักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ชุดท่ี 2
ค เรอื่ ง หน้า คานา………………………………………………………………………………………………………………… ก สารบัญ……………………………………………………………………………………………………………… ข มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละผลการเรียนรู้…………..………………………………………………………… 1 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้…………………………………………..………….…………………………………... 2 คู่มือประกอบการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นร…ู้ …………………………………….................................... 3 องค์ประกอบของชดุ กจิ กรรมการเรียนร…ู้ ………………………………………………………………… 5 แบบทดสอบกอ่ น–หลงั เรียนชดุ ที่ 2…………………………………………………………………......... 6 บตั รคาส่ัง…………………………………………………………………………………………………………… 8 ใบความรู้ท่ี 2……………………………………………………………………………………………………… 9 ใบกจิ กรรมท่ี 2……………………………………………………………………………………………………. 15 ใบงานที่ 2………………………………………………………………………………………………………….. 17 เฉลยใบกจิ กรรมที่ 2……………………………………………………………………………………………… 18 เฉลยใบงานท่ี 2…………………………………………………………………………………………………… 20 เฉลยแบบทดสอบกอ่ น–หลงั เรยี นชุดท่ี 2………………………………………………………………… 22 บรรณานกุ รม……………………………………………………………………………………………………….. 23 ประวัติผจู้ ดั ทา……………………………………………………………………………………………………….. 24 ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถา่ ยทอดทางพันธกุ รรม โดยใช้วฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขัน้ สาหรบั นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ชดุ ท่ี 2
1 มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ววิ ัฒนาการ ของส่ิงมชี วี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ การใชเ้ ทคโนโลยีชีวภาพท่ีมผี ลกระทบต่อมนุษย์และส่งิ แวดล้อม มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรูแ้ ละจติ วิทยาศาสตร์ สื่อสารส่ิงท่เี รยี นรู้และนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละจติ วิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปญั หา รู้วา่ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ เ่ี กิดขึ้นส่วนใหญ่มีรปู แบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูล และเคร่ืองมือท่มี ีอยู่ในช่วงเวลานน้ั ๆ เข้าใจว่าวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คมและสิง่ แวดล้อมมีความเกี่ยวข้อง สมั พันธ์กัน สบื ค้นข้อมูล วเิ คราะห์ อภิปราย อธิบายและสรุปการค้นพบกฎการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของเมนเดล ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถา่ ยทอดทางพันธุกรรม โดยใช้วัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขั้น สาหรับนักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ชดุ ท่ี 2
2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ดา้ นความรู้ วิเคราะห์ และอภิปรายกฎของความนา่ จะเป็นได้ถูกต้อง ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นกั เรียนมคี วามสามารถในการรว่ มปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมกลมุ่ ในการสืบค้นข้อมูล อภิปรายเก่ยี วกบั เรอื่ ง ความน่าจะเปน็ ได้ ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มคี วามซอื่ สัตย์ 4. มุ่งมนั่ ในการทางาน 5. มจี ติ สาธารณะ สมรรถนะสาคญั 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. ความสามารถในการสื่อสาร 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง การถา่ ยทอดทางพันธุกรรม โดยใช้วัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขน้ั สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6 ชุดท่ี 2
3 เพ่อื ให้การใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้น้ีมปี ระสิทธภิ าพ และบรรลตุ ามจดุ ประสงค์ที่ต้งั ไว้ ครูผู้สอน และนักเรยี นควรปฏิบตั ติ ามคาแนะนาดงั นี้ 1. บทบาทของครูผู้สอน มีดังนี้ 1. ศึกษาแผนการจัดการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผล และกระบวนการจัดการเรยี นร้ใู หเ้ ข้าใจอย่างชดั เจน 2. เตรยี มชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้และวสั ดอุ ุปกรณ์ประจาชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้ใู ห้พร้อมและเพยี งพอ กบั จานวนนักเรียน 3. แนะนาขน้ั ตอนการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนวปฏบิ ตั ใิ ห้นกั เรียนรับทราบโดยละเอยี ด ตลอดจนกาหนดขอ้ ตกลงร่วมกัน 4. กอ่ นการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน จานวน 10 ขอ้ ใชเ้ วลา 10 นาที เพอ่ื วดั ความรู้พนื้ ฐานกอ่ นเรยี น 5. กระตุ้นใหน้ ักเรยี นศึกษา ปฏิบตั ิกิจกรรม เปน็ ที่ปรึกษาและคอยใหก้ าลงั ใจ ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ขณะนักเรียนปฏิบตั ิกิจกรรม 6. จดั กจิ กรรมการเรียนการสอนโดยปฏบิ ตั ิตามบัตรคาสง่ั ในชุดกจิ กรรมการเรียนรอู้ ย่างเคร่งครดั ครูตอ้ งกากบั ดแู ลนกั เรียนอยา่ งใกล้ชดิ ขณะจดั กิจกรรมการเรียนการสอน 7. การสรปุ บทเรยี น ควรเปิดโอกาสให้นักเรยี นมีส่วนร่วมในการสรุปเนื้อหาใหม้ ากหรอื ชว่ ยกันสรปุ 8. เมื่อนกั เรียนปฏิบตั ิจนครบทุกกิจกรรมแล้วให้นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน จานวน 10 ข้อใช้เวลา 10 นาที 9. หลังจากทากิจกรรมการเรยี นการสอนเสร็จเรยี บร้อยแลว้ ให้นกั เรยี นเก็บวัสดอุ ุปกรณ์ และองค์ประกอบของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เรียบร้อย 10. เมือ่ เรียนจบทั้ง 10 ชุด ครูผู้สอนจะต้องสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนหลงั เรยี น และใหน้ ักเรียนทาแบบสอบถามความพึงพอใจ 2. ส่งิ ทคี่ รตู ้องเตรยี ม ครตู ้องเตรียมสอ่ื การเรียนใหค้ รบตามขั้นตอนการจัดชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ ดังน้ี ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง การถ่ายทอดทางพนั ธกุ รรม โดยใช้วัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ขนั้ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 ชุดท่ี 2
4 2.1 แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรยี น 2.2 บัตรคาสั่ง 2.3 ใบความรู้ 2.4 ใบกจิ กรรม 2.5 ใบงาน 2.6 เฉลยใบกิจกรรม 2.7 เฉลยใบงาน 2.8 เฉลยแบบทดสอบก่อน-หลงั เรยี น 2.9 แบบประเมนิ การปฏิบัตงิ านกล่มุ 2.10 แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 2.11 แบบประเมินสมรรถนะสาคญั 1. ศกึ ษาคาแนะนาในการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เขา้ ใจกอ่ นจะลงมอื ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและปฏิบัติตาม ข้นั ตอนตามเวลาท่กี าหนด 2. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น จานวน 10 ขอ้ ใชเ้ วลา 10 นาที 3. ปรกึ ษาครผู ู้สอน เม่ือมีปัญหาหรือไม่เข้าในการใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้หรือในการปฏิบัตกิ ิจกรรม 4. ศกึ ษาเน้ือหาและลงมอื ปฏิบตั กิ ิจกรรมตามลาดบั ขนั้ ตอนกอ่ น-หลงั 5. เลอื กตวั แทนนาเสนอผลงานกลุ่มหน้าชนั้ เรยี น 6. ทาแบบทดสอบหลังเรียน จานวน 10 ข้อ ใช้เวลา 10 นาที ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม โดยใช้วัฏจกั รการเรียนรู้ 7 ขัน้ สาหรับนกั เรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 ชดุ ท่ี 2
5 องค์ประกอบของชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชุดท่ี 2 เรอ่ื ง ความนา่ จะเป็น ประกอบด้วย 1. ใบความรทู้ ่ี 2 เป็นส่วนทส่ี รปุ เน้ือหาสาระ เรอ่ื ง ความน่าจะเป็น โดยใหน้ ักเรียนศึกษา ดว้ ยกนั ภายในกลุ่ม ครผู ู้สอนเปน็ ที่ปรกึ ษาเมื่อนกั เรียนมปี ญั หา 2. ใบกจิ กรรมที่ 2 เปน็ สว่ นกาหนดกิจกรรมให้นักเรียนไดป้ ฏบิ ัตภิ ายในกลุม่ เพื่อนาไปส่จู ุดประสงค์ทตี่ ั้งไว้ 3. ใบงานที่ 2 เป็นสว่ นกาหนดกจิ กรรมให้นกั เรียนไดป้ ฏิบตั ิภายในกล่มุ เพ่ือนาไปสู่จุดประสงค์ทีต่ ั้งไว้ 4. แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรียน ชุดที่ 2 เปน็ ส่วนทนี่ ักเรยี นไดป้ ระเมินความรคู้ วามสามารถ ของตนเองหลังจากใช้ชดุ กิจกรรมการเรยี นรแู้ ต่ละชุด 5. เฉลยใบกิจกรรมท่ี 2 เปน็ ส่วนที่ใช้เฉลยกิจกรรมท่ีให้นกั เรียนปฏบิ ัติ 6. เฉลยใบงานที่ 2 เปน็ ส่วนที่ใช้เฉลยกิจกรรมท่ีให้นกั เรียนปฏิบัติ 7. เฉลยแบบทดสอบก่อน-หลังเรียน ชดุ ท่ี 2 เป็นสว่ นทีใ่ ชเ้ ฉลยหลังจากท่ีนกั เรียนได้ ประเมินความรู้ความสามารถของตนเองภายหลงั การใชช้ ุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แต่ละชุด ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยใชว้ ัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขน้ั สาหรับนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ชดุ ที่ 2
6 แบบทดสอบก่อน–หลังเรยี น ชดุ ที่ 2 เร่ือง ความน่าจะเปน็ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 วชิ า ชีววิทยา จานวน 10 ข้อ เวลา 10 นาที …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… คาสั่ง : 1. แบบทดสอบนเ้ี ป็นแบบปรนยั เลือกตอบมีท้ังหมด 10 ขอ้ 2. ให้นักเรยี นเลอื กคาตอบท่ถี กู ต้องท่ีสุดเพียงคาตอบเดยี วแล้วทาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคาตอบ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1. จากการศึกษาของเมนเดลโดยพจิ ารณาหนึง่ ลักษณะ เหตุใดในร่นุ F1 จงึ แสดงออกมาเพียงลักษณะเดยี ว ก. เพราะแมว้ ่าฟีโนไทป์ในรนุ่ พอ่ แม่จะต่างกนั แตม่ ีจีโนไทป์เหมอื นกัน ข. เพราะจีโนไทป์ในรุ่นพ่อแมจ่ ะแสดงออกในรุ่น F2 เท่านัน้ ค. เพราะยีนเด่นของลักษณะทป่ี รากฏ สามารถขม่ การแสดงออกของยีนด้อยไดอ้ ย่างสมบูรณ์ ง. เพราะยีนในร่นุ พอ่ แม่ตา่ งกม็ ีสภาพเป็น heterozygous จงึ มกี ารแสดงออกเพียงลกั ษณะเดียว 2. จากขอ้ ความ “พชื ชนดิ ท่ีหนงึ่ มีจโี นไทป์เปน็ Aa และพืชชนดิ ที่สองมีจโี นไทป์เป็น AA” ขอ้ ใดกลา่ วถงึ การสรา้ งเซลล์สบื พนั ธขุ์ องพชื ทงั้ สองชนดิ ได้ถกู ต้อง ก. พืชชนิดทห่ี นึง่ สรา้ งเซลลส์ บื พนั ธ์ไุ ด้น้อยกวา่ ชนิดทสี่ อง ข. พืชชนดิ ทห่ี นง่ึ สรา้ งเซลลส์ บื พนั ธุ์ได้ 2 แบบ คือ A, a ค. พชื ท้ังสองชนดิ สร้างเซลล์สืบพันธไุ์ ดเ้ ทา่ กัน ง. พืชทงั้ สองชนดิ สร้างเซลล์สืบพันธุ์ได้ 2 แบบ คือ AA, Aa 3. ในการโยนลูกเต๋า 1 ลูก และโยนเหรียญ 1 เหรียญ พรอ้ มกัน โอกาสทลี่ กู เตา๋ จะได้แต้มเป็นเลขคแ่ี ละออกหัว คดิ เปน็ เท่าใด ก. 1/2 ข. 1/4 ค. 3/8 ง. 4/12 4. ในการโยนลกู เต๋า 2 ลูก พร้อมกัน โอกาสท่ลี กู เตา๋ หน่งึ ลูกจะได้แต้มเป็น 5 และอกี หน่ึงลกู ไดแ้ ต้มเปน็ เลขคี่ คดิ เป็นเทา่ ใด ก. 1/6 ข. 4/6 ค. 3/6 ง. 1/12 5. ในการโยนลกู เต๋า 2 ลกู พรอ้ มกนั และโยนเหรยี ญ 1 เหรยี ญ พรอ้ มกัน โอกาสทลี่ กู เต๋าหนึง่ ลกู จะได้แต้มเปน็ 3 อกี หนึง่ ลกู ไดแ้ ต้มเปน็ เลขคู่ และโอกาสทเี่ หรยี ญออกหัว คิดเป็นเท่าใด ก. 1/2 ข. 3/6 ค. 1/24 ง. 5/72 6. ในการโยนเหรียญ 2 เหรียญ 1 คร้งั จงหาโอกาสเกดิ หัวท้ัง 2 เหรียญพรอ้ มกัน ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถา่ ยทอดทางพันธุกรรม โดยใช้วัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขน้ั สาหรบั นักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ชุดท่ี 2
7 ก. 1/2 ข. 1/4 ค. 3/8 ง. 4/12 7. จากการทดลองปลูกถ่ัวลันเตาของเมนเดลเมลด็ กลมมโี อกาสปรากฏ 3/4 เมลด็ สเี ขยี วมีโอกาสปรากฏ 1/4 จงหาโอกาสในการปรากฏเมล็ดกลมสเี ขยี ว ก. 1/6 ข. 4/6 ค. 3/16 ง. 4/16 8. จงหาโอกาสท่เี ปน็ ไปได้ทั้งหมดทคี่ รอบครัวหน่ึงจะมีลูกสามคน เป็นลกู ชาย2 คน ลูกหญงิ 1 คน ก. 3/8 ข. 3/18 ค. 1/24 ง. 4/24 9. ในการผสมพนั ธุ์ถั่วลนั เตารุน่ F1 กับรนุ่ F1 ซ่ึงมีฟีโนไทป์เป็นฝักสีเขียวและมจี ีโนไทปเ์ ป็น Gg โอกาสท่ียนี ในรนุ่ F2 จะเขา้ คู่กนั ได้มีกแี่ บบ ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4 10. ถา้ นาสงิ่ มชี วี ิตทมี่ จี โี นไทปเ์ ปน็ Rr มาผสมกนั กับส่งิ มีชีวติ ท่ีมีจโี นไทป์ RR จะไดล้ ูกรุ่น F1 ทม่ี ีจโี นไทป์ แตกตา่ งกนั ก่ีแบบ อะไรบา้ ง ก. 1 แบบ คอื RR ข. 2 แบบ คอื R : r ค. 2 แบบ คอื RR : rr ง. 2 แบบ คือ RR : Rr สูๆ้ ครบั ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง การถา่ ยทอดทางพนั ธุกรรม โดยใช้วัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ข้นั สาหรับนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 ชุดท่ี 2
8 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนศึกษาและปฏิบัตติ ามหวั ขอ้ ต่อไปน้ี 1. ให้นักเรียนแบ่งกลมุ่ โดยกลุ่มละประมาณ 5-6 คน แลว้ ใหส้ มาชกิ ภายในกลุ่มเลือกประธาน รองประธาน และเลขานุการ เพอื่ ทาหนา้ ทีภ่ ายในกลุม่ 2. ตัวแทนแต่ละกลุ่มรับชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ความนา่ จะเป็นจากครูผ้สู อน 3. ศกึ ษาใบความรู้ที่ 2 เร่อื ง ความน่าจะเป็น ใช้เวลา 10 นาที 4. ศกึ ษาใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง ความน่าจะเป็น ใชเ้ วลา 5 นาที 5. ศกึ ษาใบงานที่ 2 เรือ่ ง ความน่าจะเป็น ใช้เวลา 5 นาที 6. ตอบคาถามลงในใบกิจกรรมและใบงานโดยให้สมาชิกทุกคนช่วยกนั ค้นหาคาตอบ 7. ตวั แทนกลมุ่ รวบรวมคาตอบของสมาชิก แล้วนาไปแลกเปลี่ยนกับกลุ่มอ่ืนเพ่ือเปล่ียนกันตรวจ 8. ตวั แทนกลุม่ รับใบเฉลยกจิ กรรมและใบเฉลยใบงานเพื่อให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันตรวจคาตอบ 9. ตวั แทนแต่ละกลุ่มเกบ็ รวบรวมใบกจิ กรรม ใบงานทตี่ รวจเสร็จแล้วนาส่งครูผู้สอน 10. เมื่อศึกษาชดุ กิจกรรมการเรียนรู้เสร็จแลว้ ให้นักเรียนนาชุดกิจกรรมการเรียนรสู้ ่งครูผู้สอน อา่ นบตั รคาสง่ั ใหเ้ ข้าใจกอ่ นนะจา้ ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถา่ ยทอดทางพันธกุ รรม โดยใช้วฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ขนั้ สาหรบั นักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ชุดท่ี 2
9 จากการทดลองของเมนเดลดังปรากฏในตารางที่ 1.1 จากชุดกจิ กรรมการเรียนรชู้ ุดท่ี 1 สามารถสรปุ เปน็ ผลการทดลองผสมพันธ์ุถ่ัวลนั เตาท่เี ปน็ การผสมลักษณะเดยี วของเมนเดลไดว้ า่ - การผสมพนั ธใุ์ นรุน่ พ่อแม่ทมี่ ีลกั ษณะตา่ งกันจะมีเพียงลักษณะเดียวทป่ี รากฏในรุน่ F1 - การผสมพนั ธุ์ในรนุ่ แรกหรือ F1 ผสมกันเองจนไดล้ ูกผสมในรุ่นที่ 2 หรือ F2 อตั ราส่วนลักษณะท่ี ปรากฏของรุ่นที่ 2 ระหวา่ งลักษณะเด่น : ลกั ษณะด้อย เฉล่ียเทา่ กับ 2.98 : 1 เมอื่ ทาให้เป็นอัตราส่วนอย่างต่า จะได้ 3 : 1 เมนเดลเปน็ นกั คณิตศาสตร์และสถติ ิมีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเปน็ ระเบยี บและนาหลัก ทางคณิตศาสตร์มาใช้ในการทดลองดงั กลา่ ว นามาสกู่ ารคน้ พบอันยิ่งใหญ่เกยี่ วกบั กฎการถา่ ยทอดลักษณะ ทางพันธกุ รรม โดยนา กฎของความน่าจะเปน็ (probability)มาใช้ในการวเิ คราะห์ข้อมลู จากผลการทดลอง เพ่ืออธิบายอตั ราสว่ นของลักษณะเด่นและลักษณะด้อยในรนุ่ F2 ท่ีเกิดข้ึนดงั น้ี การโยนเหรยี ญบาทข้ึนไปในอากาศแล้วปล่อยใหต้ กลงสู่พ้นื อยา่ งอิสระโอกาสท่ีเหรยี ญ จะตกลงมาแล้วออกหวั และกอ้ ยเป็นได้เทา่ ๆ กนั คือ - โอกาสที่จะออกหัว = 1/2 - โอกาสที่จะออกกอ้ ย = 1/2 เช่นเดียวกับการโยนลูกเตา๋ 1 ครงั้ จะมโี อกาสเกิดเหตกุ ารณข์ ึ้น 6 แบบ คือ ออกแตม้ เปน็ 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 คอื - โอกาสเกดิ แตม้ 1 = 1/6 - โอกาสเกดิ แต้ม 2 = 1/6 - โอกาสเกิดแต้ม 3 = 1/6 - โอกาสเกิดแต้ม 4 = 1/6 - โอกาสเกิดแต้ม 5 = 1/6 - โอกาสเกดิ แต้ม 6 = 1/6 ดงั น้นั ความน่าจะเปน็ ของการออกแตม้ เปน็ แต้มใดแต้มหน่ึง จึงเท่ากบั 1/6 เปน็ ตน้ ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถ่ายทอดทางพันธกุ รรม โดยใชว้ ฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ขนั้ สาหรบั นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ชดุ ท่ี 2
10 กรณีการโยนเหรียญ 2 อนั พรอ้ มๆ กนั โอกาสของการเกิดเหตุการณต์ ่างๆ พร้อมกนั จะเทา่ กับ ผลคณู ของเหตุการณท์ ่ีจะเกิดขึ้นแต่ละเหตุการณ์ โอกาสที่เป็นไปไดม้ ี 3 แบบคอื - แบบที่ 1 ออกหัวท้ัง2 เหรยี ญ เทา่ กับ 1/21/2 = 1/4 - แบบท่ี 2 ออกหัว 1 เหรยี ญและออกกอ้ ย 1 เหรียญ เทา่ กับ 2/4 หรอื 1/2 - แบบท่ี 3 ออกก้อยท้ัง 2 เหรียญ เทา่ กบั 1/21/2 = 1/4 โดยมีอตั ราส่วนแบบที่ 1 : แบบท่ี 2 : แบบที่ 3 เท่ากบั 1 : 2 : 1 ดงั ภาพท่ี 2-1 ภาพท่ี 2-1 โอกาสของการออกหัว(ห) และกอ้ ย (ก) จากการโยนเหรียญ 2 เหรยี ญ ที่มา : ปรชี า สุวรรณพนิ ิจ และนงลักษณ์ สุวรรณพินิจ (2556 : 8) ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม โดยใช้วฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขัน้ สาหรบั นักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ชดุ ท่ี 2
11 กรณีเหตกุ ารณ์ 2 เหตกุ ารณ์ไมส่ ามารถเกิดขนึ้ พร้อมกนั ได้ โอกาสของการเกดิ เหตกุ ารณ์อย่างใด อย่างหน่ึงจะเทา่ กับผลบวกของโอกาสท่ีจะเกดิ แต่ละเหตกุ ารณ์ เชน่ การโยนลูกเต๋า 1 ครง้ั มีโอกาสของการออกแต้ม 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 อยา่ งละ 1/6 ดงั นน้ั โอกาสของการโยนลูกเตา๋ 1 คร้ังแล้วออกแตม้ เป็นเลขคู่ (2, 4, 6) มคี ่าเทา่ กับ 1/6+1/6+1/6 = 3/6 หรือ 1/2 ซึง่ ได้จากผลบวกของโอกาสทจ่ี ะเกดิ แต้มเปน็ 2, 4 และ 6 ในกรณขี องการผสมพันธถุ์ ว่ั ลนั เตารุ่น F1 ซง่ึ มีฟโี นไทปเ์ ปน็ ฝักสเี ขยี วและมจี โี นไทป์เป็น Gg อาจเปรียบได้กบั เหรียญท่ีมหี น้าหนึ่งเปน็ G อีกหนา้ หนง่ึ เปน็ g การผสมระหวา่ งรุ่น F1 กับรุน่ F1 จึงเท่ากับเป็นการโยนเหรยี ญขน้ึ ไปในอากาศพรอ้ มๆ กนั 2 เหรียญ - โอกาสที่ยนี ในรุ่น F2 จะเข้าคกู่ นั ได้เป็น 3 แบบคอื GG, Gg และ gg โดยมอี ตั ราส่วนเทา่ กบั 1 : 2 : 1 และมฟี โี นไทป์ 2 แบบคอื ฝกั สเี ขียวกบั ฝกั สเี หลืองในอัตราส่วน 3 : 1 ดังน้นั กฎของความนา่ จะเป็นนี้เป็นปจั จยั หน่งึ ท่ีทาให้เมนเดลประสบความสาเรจ็ ในการทดลอง เรียนอยา่ งมีความสขุ และสนุกกบั การเรยี น ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถา่ ยทอดทางพนั ธุกรรม โดยใช้วฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขั้น สาหรับนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 ชดุ ท่ี 2
12 กฎของความนา่ จะเป็น มี 2 ข้อคือ 1. กฎการคณู ใชก้ ับเหตุการณต์ ่างๆ ท่สี ามารถเกดิ ข้นึ ได้พร้อมกันเหตุการณ์ใดๆ ท่ตี ่างเป็นอสิ ระต่อกนั โอกาสท่ีเหตุการณเ์ หล่านน้ั จะเกดิ ข้ึนไดพ้ ร้อมกนั หาไดจ้ าก โอกาสในการเกิดเหตุการณ์ = ผลคูณของเหตุการณท์ ่ีเกิดเหตุการณ์แตล่ ะเหตกุ ารณ์ P (เหตกุ ารณ์ A x เหตกุ ารณ์ B) = A x B เช่น การนาถวั่ ลันเตาเมล็ดกลมสเี หลอื งแบบเฮเทอโรไซกัสผสมกบั ถั่วลันเตาเมลด็ กลมสีเหลือง แบบเฮเทอโรไซกสั มีโอกาสเกดิ ลกู รุ่น F1 ดังน้ี เมลด็ กลมมโี อกาสปรากฏ 3/4 เมลด็ ขรขุ ระมีโอกาสปรากฏ 1/4 เมล็ดสีเหลอื งมโี อกาสปรากฏ 3/4 เมลด็ สีเขียวมีโอกาสปรากฏ 1/4 ดังน้นั โอกาสท่ีจะเกิด เมล็ดกลม-สีเหลอื ง = 3/4 X 3/4 = 9/16 เมล็ดกลม-สีเขียว = 3/4 X 1/4 = 3/16 เมล็ดขรขุ ระ-สเี หลอื ง = 1/4 X 3/4 = 3/16 เมลด็ ขรุขระ-สเี ขียว = 1/4 X 1/4 = 1/16 ตัวอยา่ งที่ 1 ในการโยนเหรียญ 2 เหรียญ 1 ครงั้ จงหาโอกาสเกดิ หวั ท้ัง 2 เหรยี ญพร้อมกัน = โอกาสเกิดหวั 1 เหรยี ญ X โอกาสเกดิ หวั 2 เหรยี ญ = 1/2 X 1/2 = 1/4 ตอบ โอกาสเกดิ หวั ทั้งสองเหรียญพร้อมกันคอื 1/4 ตัวอยา่ งที่ 2 จากการทดลองปลูกถัว่ ลนั เตาของเมนเดล เมล็ดกลมมโี อกาสปรากฏ 3/4 เมล็ดสีเขยี วมีโอกาส ปรากฏ 1/4 จงหาโอกาสในการปรากฏเมลด็ กลมสีเขียว = เมลด็ กลมมโี อกาสปรากฏ 3/4 X เมล็ดสีเขยี วมีโอกาสปรากฏ 1/4 = 3/4 X 1/4 = 3/16 ตอบ โอกาสเมล็ดกลมและสเี ขียวจะปรากฏ คือ 3/16 ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยใชว้ ฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขนั้ สาหรบั นักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ชุดท่ี 2
13 2. กฎการบวก ใชก้ บั เหตุการณต์ ่างๆ ทีไ่ ม่สามารถเกดิ ขึน้ ไดพ้ ร้อมกนั ความน่าจะเปน็ ของการเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์ หนึ่ง หรอื เหตุการณท์ ส่ี องจะเท่ากับ ความน่าจะเป็นของการเกิดเหตุการณ์ที่หนง่ึ บวกด้วยความนา่ จะเป็น ของเหตุการณท์ ี่สอง หรือ โอกาสในการเกดิ เหตกุ ารณ์ = ผลบวกของเหตกุ ารณท์ ่ีเกิดเหตกุ ารณ์แต่ละเหตกุ ารณ์ P (เหตกุ ารณ์ A + เหตกุ ารณ์ B) = A + B เชน่ การโยนเหรียญ 1 เหรียญ โอกาสท่ีจะออกหัว = 1/2 โอกาสที่จะออกก้อย = 1/2 ดังนั้นโอกาสทโ่ี ยนเหรียญคร้ังหนึง่ แล้วออกหัวหรือออกก้อยเท่ากบั 1/2 + 1/2 = 1 ตัวอย่างที่ 3 ในการทอดลูกเตา๋ 1 ลูก 1 ครัง้ จงหาโอกาสในการเกดิ หนา้ 1 หรอื หน้า 6 อย่างใดอย่างหนึ่ง = โอกาสเกดิ หน้า 1 + โอกาสเกดิ หน้า 6 = 1/6+1/6 = 2/6 = 1/3 ตอบ โอกาสในการเกิดหนา้ 1 หรือหน้า 6 อยา่ งใดอย่างหนึ่งคอื 1/3 ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง การถ่ายทอดทางพันธกุ รรม โดยใช้วัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ขัน้ สาหรบั นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ชดุ ท่ี 2
14 การคานวณหาอัตราสว่ นดา้ นพนั ธศุ าสตร์ การหาอตั ราสว่ นจีโนไทป์ของรุ่นลกู คือ การนาผลคูณของเซลล์สบื พันธท์ุ ้ังพ่อและแม่ซง่ึ เป็นการรวมตัว ของเซลลส์ ืบพนั ธ์ทุ ง้ั พ่อและแมอ่ ย่างอสิ ระ ตัวอยา่ ง เช่น พอ่ -แม่ Aax Aa เซลลส์ บื พนั ธุ์ A a Aa โอกาสของเซลลส์ ืบพันธุ์ 1/2 1/2 1/2 1/2 ตารางที่2.1 ความนา่ จะเปน็ และชนดิ ของเซลลส์ ืบพนั ธุ์ของพ่อแมแ่ ละจีโนไทปข์ องลูกรุ่นท่ี 1 เซลลส์ ืบพันธข์ุ องพ่อ A = 1/2 a = 1/2 เซลลส์ บื พนั ธ์ขุ องแม่ A = 1/2 AA (1/2 x 1/2 = 1/4 ) Aa (1/2 x 1/2 = 1/4 ) a = 1/2 Aa (1/2 x 1/2 = 1/4 ) aa (1/2 x 1/2 = 1/4 ) ดงั นั้นโอกาสท่ีลูกรุ่นท่ี 1 จะมีจโี นไทปเ์ ปน็ AA = 1/4 Aa = 1/4 + 1/4 = 1/2 Aa = 1/4 การเกิดลกู ผสมแตล่ ะครง้ั เป็น mutually exclusive events คอื ลกู ผสมท่ีมีจีโนไทป์เป็นอยา่ งใด อย่างหนง่ึ แล้วจะมีจีโนไทป์เป็นอย่างอ่ืนอีกไม่ได้ หรือลกู แต่ละตัวจะมจี โี นไทปเ์ ป็น AA, Aa และ aa ในเวลา เดยี วกันไม่ได้ ดังนน้ั โอกาสท่ีลูกเกดิ มาจะมจี ีโนไทปเ์ ปน็ AA หรือ Aa อย่างใดอยา่ งหนึ่งจะเท่ากับผลบวกของโอกาส ทจี่ ะมีจโี นไทปเ์ ปน็ AA และโอกาสทีจ่ ะมีจีโนไทปเ์ ปน็ Aa น่ันเองซง่ึ จะเทา่ กบั 1/4 + 2/4 = 3/4 ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถ่ายทอดทางพนั ธกุ รรม โดยใช้วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขน้ั สาหรบั นักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ชดุ ที่ 2
15 คาช้แี จง ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มทากจิ กรรม เร่อื ง ความนา่ จะเปน็ โดย 1. โยนเหรียญบาท 1 อัน ทาการทดลองแบบเดมิ 20 ครงั้ และบนั ทึกผลในแต่ละครงั้ ตารางบันทึกผล ครั้งที่ ผลการโยน ครั้งที่ ผลการโยน คร้ังท่ี ผลการโยน คร้ังที่ ผลการโยน 1 6 11 16 2 7 12 17 3 8 13 18 4 9 14 19 5 10 15 20 2. โยนเหรยี ญบาทคร้ังละ 2 อัน พร้อมกันทาการทดลองแบบเดิม 20 ครัง้ และบันทึกผลในแต่ละคร้ัง ตารางบันทึกผล ครง้ั ที่ ผลการโยน ครงั้ ท่ี ผลการโยน ครง้ั ท่ี ผลการโยน ครั้งท่ี ผลการโยน 1 6 11 16 2 7 12 17 3 8 13 18 4 9 14 19 5 10 15 20 3. ทอดลกู เต๋า 1 ลกู ทาการทดลองแบบเดิม 20 ครงั้ และบันทึกผลในแตล่ ะครั้ง ตารางบนั ทกึ ผล ครั้งท่ี ผลการโยน ครั้งที่ ผลการโยน ครั้งท่ี ผลการโยน ครง้ั ท่ี ผลการโยน 1 6 11 16 2 7 12 17 3 8 13 18 4 9 14 19 5 10 15 20 ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอื่ ง การถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม โดยใชว้ ฏั จักรการเรยี นรู้ 7 ข้นั สาหรับนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ชุดที่ 2
16 คาถาม 1. กรณกี ารโยนเหรยี ญบาท 1 อนั โอกาสที่เหรยี ญจะตกลงมามีกี่แบบอะไรบ้างและแต่ละแบบมีความน่าจะเปน็ เท่าใด (2 คะแนน) ............................................................................................................................. .................................................... 2. กรณีการโยนเหรยี ญบาท 2 อนั พรอ้ มกัน โอกาสทีเ่ หรียญจะตกลงมามีกี่แบบ อะไรบ้าง และแตล่ ะแบบมีความ น่าจะเปน็ เท่าใด (3 คะแนน) ............................................................................................................................. .................................................... 3. กรณกี ารทอดลูกเตา๋ 1 ครั้ง โอกาสท่ีลูกเต๋าจะตกลงมามีกแ่ี บบ อะไรบ้าง และแต่ละแบบมคี วามนา่ จะเป็นเท่าใด (3 คะแนน) ............................................................................................................................. ....................................................... 4. สามารถนาความน่าจะเปน็ จากการโยนเหรยี ญนม้ี าใชใ้ นการศึกษาพันธุศาสตรข์ องเมนเดลอย่างไร (2 คะแนน) ............................................................................................................................. .................................................... อ่านโจทย์ใหเ้ ข้าใจ กอ่ นลงมือทานะครับ ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง การถ่ายทอดทางพนั ธกุ รรม โดยใชว้ ัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ขน้ั สาหรับนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6 ชุดที่ 2
17 คาส่งั ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี ......................................................................................................................................................................... 1. ถ้านาถ่ัวลนั เตาพันธุแ์ ท้ฝักสเี ขียวซึ่งเปน็ ลกั ษณะเดน่ กบั ฝักสเี หลอื ง ซึง่ เป็นลกั ษณะดอ้ ยรุน่ พอ่ แมม่ าผสมพนั ธ์ุ กนั จะได้รุน่ F1 มฟี โี นไทป์แบบใด และถ้านารุน่ F1 มาผสมกนั เองจะไดร้ ุ่น F2 ทม่ี ีจโี นไทป์และฟโี นไทป์แบบใดบา้ ง ในอัตราส่วนเทา่ ใด จงอธบิ าย (4 คะแนน) ............................................................................................................................. ....................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. จงแสดงวิธกี ารหาโอกาสที่เปน็ ไปได้ท้งั หมดทีค่ รอบครัวหนึง่ จะมลี กู สามคนเปน็ ลกู ชาย 2 คนลูกหญิง 1 คน (4 คะแนน) ………............................................................................................................................. ............................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. ให้นักเรยี นยกตัวอยา่ งเหตุการณ์ที่สามารถใชค้ วามน่าจะเป็นในการอธิบาย มาอย่างน้อย 2 เหตุการณ์ (2 คะแนน) ...................................................................................................... ............................................................... ............... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ทางานร่วมกันอยา่ งมคี วามสขุ ครบั ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถา่ ยทอดทางพันธุกรรม โดยใชว้ ัฏจกั รการเรียนรู้ 7 ขัน้ สาหรับนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ชุดที่ 2
18 คาช้แี จงให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มทากจิ กรรม เรอื่ ง ความน่าจะเปน็ โดย 1. โยนเหรยี ญบาท 1 อัน ทาการทดลองแบบเดิม 20 คร้งั และบนั ทกึ ผลในแตล่ ะคร้ัง ตารางบนั ทึกผล ครง้ั ท่ี ผลการโยน ครง้ั ท่ี ผลการโยน ครง้ั ท่ี ผลการโยน ครง้ั ที่ ผลการโยน 1 6 11 16 2 7 12 17 3 ผล8การทดลองขึ้นอยกู่ ับ1แ3ตล่ ะกลุ่ม 18 4 9 14 19 5 10 15 20 2. โยนเหรียญบาทคร้ังละ 2 อนั พร้อมกนั ทาการทดลองแบบเดิม 20 คร้ังและบนั ทึกผลในแตล่ ะคร้ัง ตารางบันทึกผล ครั้งที่ ผลการโยน ครัง้ ที่ ผลการโยน คร้ังท่ี ผลการโยน คร้ังท่ี ผลการโยน 1 6 11 16 2 7 12 17 3 ผล8การทดลองขึ้นอยกู่ ับ1แ3ตล่ ะกลุ่ม 18 4 9 14 19 5 10 15 20 3. ทอดลกู เต๋า 1 ลูก ทาการทดลองแบบเดิม 20 ครงั้ และบันทึกผลในแต่ละครั้ง ตารางบันทึกผล ครัง้ ที่ ผลการโยน ครัง้ ท่ี ผลการโยน ครงั้ ท่ี ผลการโยน ครั้งที่ ผลการโยน 1 6 11 16 2 7 12 17 ผล8การทดลองขึน้ อยู่กบั 1แ3ต่ละกลุ่ม 3 18 4 9 14 19 5 10 15 20 คาถาม 1. กรณกี ารโยนเหรยี ญบาท 1 อนั โอกาสที่เหรียญจะตกลงมามีกี่แบบ อะไรบ้าง และแต่ละแบบมีความนา่ จะเปน็ เท่าใด (2 คะแนน) ตอบ มี 2 แบบ คือ ออกหวั และออกกอ้ ย ความน่าจะเปน็ ของการออกหัวเท่ากบั 1/2 และความน่าจะเป็นของการออกก้อยเท่ากับ 1/2 ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง การถา่ ยทอดทางพนั ธุกรรม โดยใช้วฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ขั้น สาหรับนกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ชดุ ที่ 2
19 2. กรณีการโยนเหรยี ญบาท 2 อนั พร้อมกัน โอกาสที่เหรียญจะตกลงมามีกแี่ บบ อะไรบ้าง และแต่ละแบบมีความ น่าจะเปน็ เท่าใด (3 คะแนน) ตอบ มี 3 แบบคือ ออกหวั กับออกหวั ออกหัวกับออกก้อย และออกก้อยกับออกก้อย แตล่ ะแบบมีความน่าจะเป็นเท่ากบั 1/4, 1/2 และ1/4 ตามลาดบั 3. กรณีการทอดลูกเต๋า 1 ครั้ง โอกาสที่ลูกเต๋าจะตกลงมามีกแี่ บบ อะไรบ้าง และแต่ละแบบมคี วามนา่ จะเปน็ เท่าใด (3 คะแนน) ตอบ โอกาสเกิดเหตกุ ารณข์ ึ้นมี 6 แบบ คอื ออกแต้มเป็น 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 ความน่าจะเปน็ ของการออกแต้มเปน็ แตม้ ใดแตม้ หน่งึ เท่ากับ 1/6 4. สามารถนาความน่าจะเป็นจากการโยนเหรยี ญนม้ี าใช้ในการศกึ ษาพันธศุ าสตรข์ องเมนเดลอย่างไร (2 คะแนน) ตอบ นาหลกั ความน่าจะเป็นมาเทียบการหาอัตราส่วนของการผสมพนั ธ์ุถัว่ ลันเตาในรนุ่ F1 คอื ฟโี นไทป์ ของถั่วลนั เตาเปน็ ฝกั สเี ขยี ว มีจีโนไทปเ์ ป็น Gg เปรียบดา้ นหนง่ึ ของเหรยี ญเป็น G และอีกด้านเปน็ g ซึ่งในการผสมระหว่างรุ่น F1 กับรุน่ F1 โอกาสท่ียีนในรุน่ F2 จะเขา้ คกู่ ันได้ 3 แบบคอื GG, Ggและ gg โดยมอี ัตราส่วน 1 : 2 : 1 และมฟี โี นไทป์ 2 แบบ คอื ฝักสเี ขยี วกับฝกั สีเหลืองในอตั ราสว่ น 3 : 1 เสมอ ซึง่ ก็เหมือนกบั การโยนเหรยี ญทัง้ 2 เหรยี ญนน้ั เอง ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง การถา่ ยทอดทางพันธกุ รรม โดยใชว้ ัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ข้ัน สาหรับนักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ชุดท่ี 2
20 คาส่ัง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ ......................................................................................................................................................................... 1. ถ้านาถว่ั ลนั เตาพนั ธแุ์ ทฝ้ ักสเี ขยี วซึง่ เปน็ ลกั ษณะเด่นกับฝักสเี หลอื งซึ่งเป็นลักษณะด้อยรนุ่ พอ่ แมม่ าผสมพันธ์ุกัน จะไดร้ ุ่น F1 มีฟีโนไทป์แบบใด และถา้ นารุน่ F1 มาผสมกนั เองจะได้รุ่น F2 ท่มี ีจีโนไทป์และฟโี นไทป์แบบใดบา้ ง ในอตั ราส่วนเทา่ ใด จงอธบิ าย (4 คะแนน) ตอบ กาหนดให้ X แม่ฝักสเี หลืองเป็น gg รนุ่ P พอ่ ฝักสเี ขยี วเปน็ GG เซลลส์ บื พนั ธ์ุ G g รนุ่ F1 Gg F1 X F1 Gg เซลลส์ ืบพันธุ์ Gg X Gg Gg รุ่น F2 GG Gg Gg gg ในการผสมพันธถ์ุ ่ัวลันเตาในรุ่นพ่อแม่จะไดร้ ุ่น F1 มฟี โี นไทป์เปน็ ฝักสเี ขียวทั้งหมดและเมื่อนาร่นุ F1 มาผสมพันธก์ุ ันเพอื่ ใหไ้ ด้รนุ่ F2 ทมี่ ีจโี นไทป์ 3 แบบคือ 1/4 GG, 1/2 Gg, 1/4gg และมฟี ีโนไทปท์ ั้ง 2 ลักษณะตามแบบร่นุ ของพอ่ แม่ คอื ฝกั สีเขยี วและฝักสเี หลืองในอตั ราสว่ น 3 : 1 2. จงแสดงวธิ กี ารหาโอกาสทีเ่ ป็นไปได้ท้ังหมดที่ครอบครัวหนึง่ จะมีลกู สามคนเปน็ ลูกชาย 2 คนลกู หญงิ 1 คน (4 คะแนน) ตอบ โอกาสทจ่ี ะไดล้ กู ชาย = 1/2 โอกาสท่จี ะได้ลูกหญงิ = 1/2 ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม โดยใชว้ ัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ขน้ั สาหรบั นกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ชดุ ท่ี 2
21 แบบทเี่ ปน็ ไปได้ทง้ั หมดของลกู 3 คนคอื ชายชายชาย ชายชายหญงิ ชายหญงิ ชาย หญงิ ชายชาย หญิงหญิงชาย หญิงชายหญิง ชายหญิงหญิง หญิงหญิงหญิง โอกาสทม่ี ลี ูกชาย 2 คนลูกหญิง 1 คน เป็นดังนี้ โอกาสท่มี ลี ูกชายชายหญิง = 1/2 x 1/2 x 1/2 = 1/8 โอกาสที่มีลูกชายหญงิ ชาย = 1/2 x 1/2 x 1/2 = 1/8 โอกาสท่มี ลี ูกหญิงชายชาย = 1/2 x 1/2 x 1/2 = 1/8 ดังนั้นโอกาสท่มี ีลูกชาย 2 คนลูกหญงิ 1 คน = 1/8 + 1/8 + 1/8 = 3/8 3. ให้นักเรียนยกตวั อย่างเหตุการณท์ ่ีสามารถใชค้ วามนา่ จะเป็นในการอธบิ าย มาอย่างน้อย 2 เหตกุ ารณ์ (2 คะแนน) ตอบ ตัวอยา่ งเหตุการณท์ สี่ ามารถใชค้ วามน่าจะเปน็ มาอธิบาย เชน่ - เมื่อโยนเหรียญ 3 อนั พรอ้ มกนั โอกาสของการออกหวั ทั้ง 3 เหรียญ = 1/2 x 1/2 x 1/2 = 1/8 - เมื่อโยนลูกเตา๋ 2 ลกู พรอ้ มกัน โดยมีลูกหนึ่งออกแต้ม 1 และอีกลกู หนึง่ ออกแตม้ 6 = (1/6 X 1/6) + (1/6 X 1/6) = 1/18 -สงิ่ มีชีวติ ซ่ึงมจี ีโนไทป์ Aa จะสร้างเซลล์สืบพันธ์ทุ ี่มีแอลลีล A = 1/2 และเซลล์สบื พันธุ์ที่มีแอลลลี a = 1/2 นกั เรียนเก่งมากคะ ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถา่ ยทอดทางพนั ธุกรรม โดยใชว้ ัฏจักรการเรียนรู้ 7 ข้ัน สาหรบั นักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ชดุ ท่ี 2
22 เฉลยแบบทดสอบกอ่ น–หลังเรียน ชดุ ที่ 2 เรือ่ ง ความนา่ จะเปน็ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6 วชิ า ชวี วิทยา จานวน 10 ขอ้ ขอ้ ตวั เลือก 1ค 2ข 3ข 4ง 5ค 6ข 7ค 8ก 9ค 10 ง ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถา่ ยทอดทางพันธุกรรม โดยใช้วฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขัน้ สาหรบั นกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 ชดุ ท่ี 2
23 บรรณานุกรม กรมวชิ าการ. (2551ก). หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. . (2551ข). ตวั ช้ีวดั และสาระแกนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ตามหลักสตู รแกนกลาง การศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตร แหง่ ประเทศไทย. ประสงค์ หลาสะอาด. (2555). ค่มู ือรายวิชาเพิ่มเตมิ ชวี วิทยา ม.4 – 6 เล่ม 4. กรงุ เทพฯ : ธนธัชการพิมพ์. ประสาท เนอื งเฉลิม. (2552, ตุลาคม – ธนั วาคม). “ การเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ บบ 7 ขนั้ ” วารสารวิชาการ. 10(4) : 25 – 30. ปรชี า สวุ รรณพินิจ และนงลักษณ์ สวุ รรณพนิ จิ . (2556). High School Biology ชีววิทยา ม.4 - 6 เล่ม 4. กรุงเทพฯ : ชัยภัทร พร้ินต้งิ . เยาวดี วบิ ลู ย์ศร.ี (2545). การวัดผลและการสร้างแบบทดสอบผลวดั สัมฤทธ์ิ. พิมพ์คร้ังที่ 3. กรงุ เทพฯ : จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2556). คมู่ ือครู รายวชิ าเพิ่มเตมิ ชวี วิทยา เล่ม 4. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. . (2558). หนังสือเรยี นรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ชวี วิทยา เล่ม 4. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พค์ ุรุสภาลาดพร้าว. สมาน แกว้ ไวยทุ ธ. (2556). ชีววิทยา ม.4 – 6 เล่ม 4. กรุงเทพฯ : ฐานบณั ฑิต. ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง การถ่ายทอดทางพนั ธกุ รรม โดยใชว้ ฏั จักรการเรยี นรู้ 7 ขน้ั สาหรบั นกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 6 ชดุ ที่ 2
24 ประวัตยิ อ่ ผสู้ รา้ งนวตั กรรม ชอ่ื –สกลุ นางจนั จิรา หมน่ั บอ่ แก วัน เดือน ปี เกดิ ทีอ่ ยู่ปัจจุบนั 6 ธันวาคม พ.ศ. 2519 ทีท่ างานปจั จุบัน บา้ นเลขที่ 201 หมู่ 3 ตาบลสงั ขะ อาเภอสงั ขะ จังหวัดสุรินทร์ ตาแหน่งหน้าท่ี ประวัติการศกึ ษา โรงเรียนสงั ขะ อาเภอสังขะ จังหวดั สุรนิ ทร์ 32150 โทรศัพท์มอื ถอื 09 –3316 –5669 ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ พ.ศ. 2542 ปรญิ ญาตรคี รุศาสตรบัณฑติ ค.บ. วชิ าเอก ชีววทิ ยา มหาวทิ ยาลัยราชภฏั นครราชสมี า จังหวดั นครราชสมี า ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถา่ ยทอดทางพันธุกรรม โดยใช้วัฏจกั รการเรียนรู้ 7 ขน้ั สาหรบั นักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ชดุ ท่ี 2
25 ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง การถา่ ยทอดทางพนั ธุกรรม โดยใช้วฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขนั้ สาหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ชุดที่ 2
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: