Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทฤษฎีว่าด้วยความรักต่อเพื่อนมนุษย์

ทฤษฎีว่าด้วยความรักต่อเพื่อนมนุษย์

Published by นที เจ๊ะมะ, 2018-09-02 15:34:32

Description: __________________

Search

Read the Text Version

คำนำ รายงานเล่มนี้จัดทาโดย ขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา441-222 Welfare Management and Social Insurance สาขาวิชาบริหารธุรกิจ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ ในเรื่องหลักการและทฤษฎีว่าด้วยเร่ืองความรักต่อเพ่ือนมนุษย์ และได้ ศึกษาอย่างเข้าใจเพ่ือเปน็ ประโยชนแ์ ก่การเรียน หวังว่ารายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านหรือนักเรียน นักศึกษา ที่กาลังหาข้อมูลเร่ืองน้ีอยู่ หากมีข้อแนะนาหรือข้อผิดพลาด ประการใด ผู้จดั ทาขอน้อมรับไว้และขออภยั มา ณ ทีน่ ้ีดว้ ย

สำรบญั -คานา -ความรกั ต่อเพือ่ นมนุษย์ -ความเป็นมา -บญั ญตั แิ หง่ ความรัก -คาถาม -ความสาคญั -หลกั ของความต่อเพื่อนมนุษย์ -ทฤษฎที ่เี ก่ยี วขอ้ งกับสวัสดิการที่วา่ ดว้ ยเรื่องความรกั ของเพ่อื นมนษุ ย์ -สรุป -อา้ งองิ

ความรกั ต่อเพ่ือนมนุษย์ มนุษย์เป็นสัตว์สังคมท่ีมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเน่ืองจากต้องพึ่งพาอาศัยกัน ช่วยเหลือกันจึง จะมีชีวิตอยู่รอดแลอดภัย โดยเร่ิมต้ังแต่ช่วงวัยแรกเกิดตลอดไปจนกว่าจะช่วยเหลือตนเองและพึ่งพาตนเองได้ การอยู่รวมกันของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปต้องอาศัยการติดต่อส่ือสารกันเพ่ือให้เกิดการเข้าใจในความรู้สึกนึก คดิ ระว่างกนั นน่ั คอื การมคี วามสมั พนั ธ์ระหว่างบคุ คลเพ่อื ใหส้ ามารถปรบั ตัวให้อยรู่ ่วมกันได้นั่นเอง ความสัมพันธ์ ระหว่างมนุษย์ในสงั คมเรยี กว่า มนุษยสมั พันธ์ มนุษยสัมพันธ์จึงเป็นพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกิดจากความต้องการ สอื่ สารเพ่อื ใหม้ คี วามเขา้ ใจในความรู้สกึ นึกคดิ ของกันและกัน แสดงออกทัง้ การใช้ภาษาและท่าทางจึงทาให้บรรลุ เป้าหมายรว่ มกันไดเ้ ปน็ อย่างดี5

ควำมเป็นมำ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์น้ันไม่สามารถระบุได้ว่าเร่ิมเมื่อใด แต่มนุษย์เร่ิมอยู่รวมกันเป็นกลุ่มสังคมก็ต้องมีการติดต่อสัมพันธ์กันเพ่ือ ความม่ันคง ปลอดภัย และเพื่อความอยู่รอด ฯลฯ ดังได้กล่าวมาแลว้ ความสมั พนั ธด์ งั กล่าวเปน็ ความสมั พันธ์ที่ไม่เป็นทางการและเป็นไปโดย อัตโนมัติ เมื่อสังคมเร่ิมเปล่ียนแปลง ประชาชนพลเมืองเพิ่มขึ้น มีการแข่งขันด้านธุรกิจมากข้ึน มนุษยสัมพันธ์เร่ิมมีความสาคัญยงิ่ ขึ้นโดยเฉพาะในองคก์ ารต่าง ๆ เช่น องค์การอุตสาหกรรม องค์การธุรกิจ เป็นต้น ทง้ั นี้เพราะการบรหิ ารงานของนายจา้ งนนั้ ต้องเกย่ี วข้องกบั กบั คนท่ีเป็น ลูกจา้ งหรอื ผใู้ ชแ้ รงงาน

บัญญัติแหง่ ความรกั พระเยซูเจ้าไม่เพียงตอบปญั หาของบัณฑิตกฎหมาย แต่ยังทรงทาใหป้ ญั หาที่ค้างคาใจชาวยิวได้รับความกระจ่าง “ท่านจงรักองค์พระเป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสดุ กาลังของท่าน... ทา่ นจะตอ้ งรกั เพ่ือนมนษุ ย์เหมอื นรักตนเอง” น่คี อื บทสรุปของพระวรสารหรือหลักคาสอนที่สาคัญของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงสรุปบทบัญญัติของพระเจ้าให้เหลือเพียงสองประการ และทรงยนื ยนั หนักแน่นว่าไม่มีบทบัญญัติข้อใดยิง่ ใหญ่กว่าบทบัญญัติสองขอ้ น้ี

คำถำม ทำไม ? ต้องมีควำมรัก ตอ่ เพื่อนมนษุ ย์

ความสาคญั1.ความรักต่อเพื่อนมนุษยท์ าให้เกดิ สร้างความสามัคคธี รรมให้เกิดขึน้ ในกล่มุ สังคม ในหมคู่ ณะ2.ความรักตอ่ เพอื่ นมนุษย์ทาใหก้ ารบริหารงานตา่ งๆ สามารถกอ่ ให้เกิดการรวมพลัง เพ่อื ก่อใหเ้ กดิ ความรว่ มแรงรว่ มใจ เกดิ ความรกั ใครส่ มัครสมานสามัคคีในการปฏบิ ัตงิ าน3.ความรักต่อเพอื่ นมนษุ ยท์ าให้สงั คมปกตสิ ุข คนในสงั คมนนั้ ๆ อยู่ดมี สี ขุ4.ความรักต่อเพือ่ นมนษุ ย์ทาใหส้ ร้างความเขา้ ใจอันดีซง่ึ กนั และกัน เปน็ การสรา้ งสรรค์สงั คม5.ความรกั ตอ่ เพ่ือนมนุษย์ทาใหง้ านตา่ งๆ ประสบความสาเรจ็ เพราะเราอยูค่ นเดยี วไมไ่ ด้ เราทางานหลายอยา่ งคนเดยี วไมไ่ ด้ ต้องอาศยั ความรว่ มมอื ซงึ่ กนั และกัน งานจึงจะประสบความสาเรจ็6.ความรกั ต่อเพอ่ื นมนษุ ยท์ าให้คนแตกต่างจากสัตว์อืน่ โดยเฉพาะอย่างย่งิ ในด้านจติ ใจดงั นั้นในการอย่รู ่วมกนัจึงทาใหม้ นษุ ย์รู้ถงึ ความรักใครแ่ ละไมตรที ่มี ีใหก้ ัน รวมถึงความต้องการทจี่ ะบรรลจุ ดุ หมายดว้ ยความภมู ใิ จ7.ความรักตอ่ เพื่อนมนุษยท์ าใหบ้ ุคคลยอมรบั นบั ถอื กัน ตระหนกั ในศักดศ์ิ รีของความเปน็ มนุษย์ “ศกั ดิ์ศรขี องความเป็นมนุษย”์ (Human dignity) ตอ้ งทาใหค้ นทท่ี างานรว่ มกนั รู้และเขา้ ใจถึงการใหเ้ กยี รติกันเสมอมนุษย์เฉก เชน่ เดียวกันคอื การยอมรับคุณคา่ ความเปน็ มนษุ ยน์ น่ั เอง

หลักสำคญั ของ 1. การสือ่ สาร (Communication) มคี วามสาคญั ต่อการร้จู กัมนุษย์สัมพนั ธ์ ตนเองและผู้อื่น เมอ่ื เราทาอะไรรว่ มกับคนอื่นกจ็ ะต้องผา่ นการ สอ่ื สาร 2. การรเู้ ท่าทนั ตนเอง (Self-Awareness) เปน็ การรอู้ ารมณ์ ตนเอง ช่วยให้เรารจู้ ักและควบคมุ อารมณใ์ หเ้ ป็นไปในทศิ ทางท่ี ต้องการได้งา่ ย จงึ ตอ้ งพยายามสารวจภาวะที่เกดิ ขึ้นภายในตนเอง เสมอ มสี ตอิ ยู่ตลอดเวลา 3. การยอมรบั ตนเอง (Self-Acceptance) เป็นพื้นฐานสาหรบั ความสาเร็จในการติดต่อกบั ผอู้ ่นื ผ้ทู ย่ี อมรบั ตนเองมีแนวโนม้ ท่จี ะ ยอมรบั การเปล่ียนแปลง ยอมรบั ความแตกตา่ ง รับผดิ ชอบตอ่ งาน และทางานเปน็ ทมี ได้ รวมถงึ กาหนดความสาเร็จของเปา้ หมายได้ ด้วย 4. การจูงใจ (Motivation) เปน็ แรงขับความต้องการ เมอ่ื รสู้ กึ วา่ องคก์ ารสนองความต้องการในการพฒั นาของตนเอง มแี นวโน้มที่ จะทางานอยา่ งดีทส่ี ุด

5. ความไว้ใจ (Trust) เป็นความสัมพันธ์ท่ีดีระหว่างบุคคล จะเกิดข้ึนได้ต่อเม่ือมีความไว้ใจต่อกัน เป็นกุญแจท่ีจะนาไปสู่ความสาเร็จในระยะยาว เม่ือเกิดความไว้ใจกันและกันเราจะได้รับรู้ข้อมูลต่างๆตลอดเวลา มกี ารพดู คยุ แลกเปลีย่ น6. การเปิดเผยตนเอง (Self-Disclosure) จะสรา้ งความไว้ใจกันมากขึน้ ย่ิงมีความไว้ใจกนั มากเท่าไหรก่ ย็ ิง่จะรู้สกึ ปลอดภยั ในการเปิดเผยตนเองมากขึ้นเทา่ นั้น7. การจัดการความขัดแย้ง (Conflict Management) ก่อให้เกิดการแก้ไขจะนาไปสู่การลดการกระทบกระทัง่ กัน ไม่ไว้ใจกนั ไม่ให้ความรว่ มมือกนั และทาลายสมั พนั ธภาพระหว่างกัน



1.ทฤษฎีววั สองตวั ( TWO Cow Theory ) ตามธรรมชาติของคน ถา้ อยูค่ นเดยี ว ก็มกั จะเรอื่ ยเฉ่อื ยไปเรื่อย ๆ ไมม่ ีอะไรเป็น ตวั กระตนุ้ ใหเ้ กิดความรสู้ ึกอยากแขง่ ขนั เปรียบเสมอื นวัวทยี่ ืนกินหญา้ อยูใ่ นทงุ่ ท่ี อยู่ในลกั ษณะทเ่ี รยี กว่าเคีย้ วเอ้อื ง ไม่แสดง อาการรบี รอ้ น แตถ่ า้ มีววั ตัวใดตัวหนง่ึ เดนิ ผ่านมาและทาท่าจะกินหญา้ ในบรเิ วณน้นั ววั ตัวท่ียนื อยกู่ ่อนจะแสดงอาการรบี รอ้ น ทันที จากทกี่ ินชา้ ก็เป็นกินเรว็ ขึน้ เพอ่ื แขง่ กับววั ตวั ใหม่

2. ทฤษฎีแรงจงู ใจของ เอลตนั เมโย 1) เชื่อว่าในการบริหารองค์การนอกจากจะยึดม่ันในผลสาเร็จของงานเป็นที่ต้ังแล้ว ยังจาเป็นต้องคานึงถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่จะทาให้งานนัน้ สาเรจ็ ลุลว่ งไปได้ น่นั คอื ตวั บคุ คล 2) การท่ีจะต้ังระเบียบแบบแผนขององค์การไว้ โดยไม่พิจารณาถึงตัวบุคคลซ่ึงเป็นผู้ปฏิบัติเลยย่อมไม่ได้ผลเสมอไป เพราะผู้ปฏิบัติงานเป็นมนุษย์ ย่อมต้องมีความรู้สึกมีอารมณ์ และมีความนึกคิดเป็นส่วนตัว ดังนั้นในการบริหารงานจึงต้องนาทฤษฎมี นุษยส์ ัมพันธ์มาชว่ ย 3) แนวความเชื่อพื้นฐาน

3. ทฤษฎีของมาสโลว์ ( Abraham Maslow )มาสโลวแ์ บง่ ลาดับความตอ้ งการของมนุษย์ เปน็ 5 ขนั้1. ความต้องการดา้ นรา่ งกาย ( อาหาร ท่ีอยู่ อาศัย ยารกั ษาโรค การพักผ่อน ) 85 %2. ความต้องการความปลอดภยั ( ความปลอดภัยทางดา้ นรา่ งกาย - ความปลอดภัยทางดา้ นเศรษฐกิจหรอื องคก์ ร ) 70 %3. ความต้องการทางสงั คม ( ความรกั ความเป็นเจา้ ของ ความปรารถนาท่ีจะมเี พือ่ นพอ้ ง มีสถานภาพทางสังคมสงู ขน้ึ ) 50 %4. ความตอ้ งการทางเกียรติยศ ชือ่ เสยี ง การยกยอ่ งนบั ถือ ( ความเด่นในสังคม ความสาเรจ็ ความรู้ความสามารถ ) 40 %5. ความตอ้ งการทจ่ี ะไดร้ ับความสาเรจ็ ตามความนึกคดิ ( เปน็ ขั้นสงู สดุ ) 10 %

1) ส่วนทเี่ ราเองรู้ คนอน่ื กร็ ู้ เรยี กวา่ บรเิ วณเปดิ เผย( พฤติกรรม เจตนาหรือบุคลกิ ลกั ษณะท่ที ง้ั ตนเองและผอู้ น่ื เขา้ ใจร่วมกัน ) 2) ส่วนทีต่ ัวเราเองรู้ แต่คนอื่นไม่รู้ เรยี กว่า บรเิ วณซ่อนเร้น ( พฤติกรรมท่ตี นเองรดู้ ีแตเ่ กบ็ ซ่อนไวไ้ มเ่ ปิดเผยให้ผอู้ ื่นรู้ ) 3) สว่ นทต่ี ัวเราเองไมร่ ู้ แต่คนอนื่ รู้ เรยี กว่า บริเวณจดุ บอด ( พฤตกิ รรมท่ตี นเองแสดงออกโดยไมร่ ู้ตวั แต่ผูอ้ ื่นสังเกตเห็นและรบั รู้ได้ ) 4) สว่ นที่ตวั เราเองไม่รู้ คนอ่นื กไ็ มร่ ู้ เรยี กว่า บรเิ วณอวชิ ชา ( พฤตกิ รรมหรือความรู้สกึ ทก่ี ระทาไปโดยทั้งตนเองและผู้อน่ื ไมร่ ู้

1. คนทีไ่ มเ่ ห็นคณุ คา่ ในตัวเอง( I’m not OK you are OK ) 2. คนท่มี องโลกในแงร่ ้าย( I’m not OK you are not OK ) 3. คนที่มองตัวเองดีเลิศ( I’m OK you are not OK ) 4. คนที่มองทุกคนลว้ นแต่พ่งึ พาอาศยั กันได้ ( I’m OK you are OK )

ความเชื่อของทฤษฎีนี้อยู่ที่ว่า มนุษย์ย่อมรักมนุษย์ด้วยกัน ตอ้ งการช่วยเหลือซง่ึ กันและกัน ถา้ พบวา่ เพอื่ นมนษุ ย์มีความทกุ ข์ จะขาดความสุขมากข้ึน รู้ว่าเพ่ือนมนุษยด์ ้วยกันทีความทุกข์ และเดือดร้อน ฉะน้ันมนุษย์ด้วยกันก็มักจะมีความเมตตาสงสารเพ่ือนมนุษย์ด้วยกันอย่างจริงใจพร้อมท่ีจะเสียสละเมื่อมีโอกาส นายจ้างที่จัดสวัสดิการ โดยอาศัยทฤษฎีน้ีมักจัดสวัสดิการ ในรูปแบบท่ีเกี่ยวกับการปรังปรุงสภาพการทางานและสิงแวดล้อมในการทางาน ส่ิงอานวยความสะดวกต่างๆรวมทั้งให้ความสาคัญแก่การแบ่งเบาภาระงานและปัญหาส่วนตัวของลูกจ้าง อย่างไรก็ตาม การจัดสวัสดิการบนพื้นฐานความเชื่อในเรื่องนี้ยังคง เป็นเร่ืองของ’’ความรู้สึก’’ท่ีอาจจะแปรเปลี่ยนไปเสมอๆ ฉะนั้นสวัสดิการจึงอาจมีท้ังปริมาณและคุณภาพมากหรือน้อยข้ึนอยูก่ ับความเป็นคนดีและความเปน็ คนรกั เพ่ือนมนุษย์ของนายจา้ งแตล่ ะคน

ฐานกิ า บุษมงคล. (2558). ความหมาย และความสาคญั ของเพ่อื นมนษุ ย์. (ออนไลน์). แหล่งทม่ี า :http://thethanika.blogspot.com/2010/09/blog-post_24.html. 10 มีนาคม 2558. พรรณทิวา วรรณพฤกษ์. (2558). รักเพอื่ นของมนษุ ย.์ (ออนไลน์). แหล่งทม่ี า:https://www.l3nr.org/posts/376807. 10 มนี าคม 2558 ลักขนา สรวิ ัฒน์. (2556). มนุษยสมั พันธ.์ พิมพค์ รงั้ ท1่ี . กรงุ เทพฯ: สานักพมิ พ์โอ.เอส.พริ้นตงิ้ ส์เฮ้าส.์ เสรมิ ศักด์ิ วิศาลาภรณ.์ (2558).ความรักเพ่ือนมนษุ ย.์ (ออนไลน์). แหลง่ ทม่ี า:http://www.novabizz.com/NovaAce/Relationship/HR_Self_Develop.htm. 10 มีนาคม 2558 สมชาติ ปรกึ ไธสง. (2558). ทฤษฎีวา่ ดว้ ยเรือ่ งความรักต่อเพอื่ นมนุษย์. (ออนไลน์). แหลง่ ทีม่ า:http://krusomchart05.blogspot.com/2011/03/blog-post_21.html. 10 มีนาคม 2558

นางสาวซนู ิตา้ หวังกา 6020710010นายภัคพงษ์ ทองย่น 6020710074นางสาวสารนี า ขรดี าโอะ 6020710078นายอสั มัน แวนา 6020710099นางสาวสบุ ยั ยะ๊ เต๊ะหะ 6020710143นายมฮู าหมัด เจะ๊ แต 6020710150นายนที เจ๊ะมะ 6020710179


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook