แผนการสอน 5

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชา โปรแกรมกราฟิก ระดับชั้น ปวช.2 (กลุม่ ทวิศกึ ษา) ภาคเรยี นท่ี 1/2564 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 การสร้างภาพกราฟกิ ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป สัปดาหท์ ่ี 16 เรื่อง การแกไ้ ขภาพทีม่ ีแสงสรี ปู แบบปกติ การแกไ้ ขภาพทมี่ ีแสงสี รูปแบบทผี่ ิดเพี้ยน และการแก้ไขผวิ ของคนทไี่ มเ่ รียบเนียนมีรอย จำนวน 2 ช.ม. ตำหนิ 1. สาระสำคัญ ภาพกราฟิกท่เี กิดจากกลอ้ งดจิ ิทัลบางภาพต้องมกี ารแกไ้ ขเพือ่ ให้ได้ภาพตามทตี่ ้องการ ซง่ึ โปรแกรม Photoshop มเี ครื่องมอื ท่เี ตรียมสำาหรับงานเหล่านโ้ี ดยเฉพาะ 2. ผลการเรียนรู้ สามารถแก้ไขภาพกราฟิกด้วยโปรแกรมสำเรจ็ รปู ด้วยเคร่อื งมือแบบตา่ ง ๆ 3. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะเพ่อื ใช้งานเครื่องมอื ในโปรแกรม 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ พุทธิพิสัย (ความร)ู้ Cognitive Domain (K) 1. สามารถเลอื กใชเ้ คร่อื งมอื สำหรับแก้ไขภาพทมี่ แี สงสีรปู แบบปกติ การแกไ้ ขภาพที่มีแสงสีรูปแบบ ที่ผิดเพีย้ นและการแกไ้ ขผวิ ของคนทไ่ี มเ่ รยี บเนยี นมีรอยตำหนิได้ (ระดบั พฤติกรรม เขา้ ใจ) ทกั ษะพสิ ยั (ทกั ษะ) Psychomotor Domain (P) 1. สามารถใชเ้ ครื่องมอื สำหรับแก้ไขภาพท่ีมแี สงสรี ูปแบบปกติ ได้ (ระดับความถูกต้อง) 2. สามารถใชเ้ ครือ่ งมอื สำหรับแก้ไขแก้ไขภาพท่ีมแี สงสรี ปู แบบทีผ่ ิดเพี้ยนได้ (ระดบั ความถูกต้อง) 3. สามารถใช้เครื่องมือสำหรบั แกไ้ ขแก้ไขผวิ ของคนท่ไี มเ่ รียบเนียนมีรอยตำหนิได้ (ระดับความถูก ตอ้ ง) จติ พสิ ยั (คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์) Affective Domain (A) 1. มวี ินัย (ระดบั การสรา้ งลกั ษณะนสิ ยั ) 2. ใฝ่เรยี นรู้ (ระดบั การสร้างและจดั ระบบ) 3. มุ่งมั่นในการทำงาน (ระดับ การตอบสนอง) 4. ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต (ระดบั การสรา้ งลักษณะนิสัย)

5. สาระการเรียนรู้ 1. การแก้ไขภาพทีม่ ีแสงสีรปู แบบปกติ ` 2. การแกไ้ ขภาพทีม่ ีแสงสรี ปู แบบที่ผดิ เพยี้ น 3. การแกไ้ ขผิวของคนที่ไมเ่ รียบเนียนมรี อยตำหนิ 6. กจิ กรรมการจัดการเรียนการสอน ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครูผู้สอนทบทวนความรู้เดิมจากสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสืบ เสาะหาความรู้แบบ 5E โดยเกร่ินความรู้แก่ผ้เู รียนในเร่ืองที่จะเรียน หรอื ครแู ละผเู้ รยี นสนทนาถงึ งานท่ีมีการ นำขอ้ ความมาใชร้ ่วมกันรูปภาพมีหลากหลายประเภท เชน่ หน้าปกนติ ยสาร หรอื วารสาร แผ่นพับหรือป้าย โฆษณา การ์ดอวยเทศกาลต่างๆ โปสเตอรภ์ าพยนตร์ เป็นตน้ ดังน้นั การใชข้ ้อความเพ่ือส่ือความหมายได้ตรง ตามความต้องการจึงจำเป็นอย่างมาก และเพื่อช่วยให้ผู้เรียนมีความพร้อมในการเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับ ความรเู้ ดิมของตน ครูผสู้ อนใช้การสนทนาซักถามหรือให้ผูเ้ รยี นแสดงโครงความรเู้ ดิมเพือ่ การสร้างความสนใจ (Engagement) และบอกความช่อื มโยงของเนื้อหาทีผ่ ู้เรียนจะไดเ้ รียนกับรายวิชาอ่ืน เพ่ือกระต้นุ ให้ผู้เรียนได้ เลง็ เห็นความสัมพนั ธแ์ ละประโยชน์ ข้นั สอน 1. ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบ 5E โดยใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio- Visual Material of Instruction Method) เปน็ การนำอปุ กรณ์โสตทัศน์วสั ดุมาช่วยพัฒนาคณุ ภาพการเรียน การสอน โสตทศั น์วสั ดดุ ังกล่าว ไดแ้ ก่ Power Point เพอื่ ประกอบการจดั การเรียนรู้ และใช้วิธีการสํารวจและ ค้นหา (Exploration) ส่งเสริมให้ผเู้ รียนทาํ งานร่วมกัน การสาํ รวจ ตรวจสอบ สังเกตและฟังการโต้ตอบของ ผูเ้ รียน 2. ครูผู้สอนใช้การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) โดยผ้สู อนสง่ เสรมิ ใหผ้ ้เู รียนอธิบายแนวคิด หรือให้คําจํากัดความ ด้วยคําพูดของผู้เรียนเอง และครูผู้สอนใช้วิธีการขยายความรู้ (Elaboration) โดย มุ่งเน้นใหผ้ ู้เรยี นได้ใช้ประโยชน์จากการช้ีบอก ส่วนประกอบตา่ ง ๆ และอธิบายสิง่ ท่ีเรียนรู้มาแล้ว สง่ เสริมให้ ผู้เรยี นนาํ สงิ่ ท่ไี ดเ้ รียนรู้ไปประยกุ ตใ์ ช้ ข้ันสรปุ 1. ครูผูส้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรปุ เน้อื หาท่ไี ด้เรยี นใหม้ คี วามเข้าใจในทิศทางเดยี วกนั โดยการถาม – ตอบ หรอื เปดิ โอกาสใหผ้ ้เู รียนสอบถามข้อมลู เพ่ิมเติม 2. ครูผู้สอนแนะนำให้ผเู้ รียนแหล่งการศึกษาเรียนรู้เพ่ิมเติม 3. มอบหมายงานแกผ่ ู้เรียนตามความเหมาะสมเพือ่ การประเมนิ ผล (Evaluation)

7. ส่ือการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียนวชิ าโปรแกรมกราฟกิ 2. สื่อประกอบการสอน power point 3. อนิ เตอร์เน็ต 8. การวัดผลและประเมินผล จดุ ประสงค์ วธิ ีการ เครื่องมอื 1. สามารถแก้ไขภาพที่มีแสงสี ทดสอบหลงั เรียนจบ แบบทดสอบแบบปรนัย 5 รปู แบบปกติได้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5 ตวั เลือก จำนวน 20 ขอ้ 2. สามารถแก้ไขภาพทีม่ แี สงสี รูปแบบท่ีผดิ เพยี้ นได้ 3. สามารถแก้ไขผิวของคนท่ไี ม่ เรียบเนยี นมรี อยตำหนิได้ เกณฑ์การประเมิน วัดผูเ้ รียนรายบคุ คลจากแบบทดสอบแบบปรนัย 5 ตวั เลือก จำนวน 20 ขอ้ ผเู้ รียนตอ้ งได้คะแนน อยา่ งนอ้ ย 8 คะแนนข้ึนไปจึงจะ “ผ่านเกณฑ์”