Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้

ระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้

Published by kru.aromaomam, 2022-06-16 14:40:12

Description: ระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของโรงเรียนเกาะคาวิทยาคม
จัดทำเมื่อปีการศึกษา 2565

Search

Read the Text Version

ระเบยี บการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรียนเกาะคาวทิ ยาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ๒๕๖๐) โรงเรยี นเกาะคาวทิ ยาคม สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาลาปาง ลาพนู สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน

คำนำ โรงเรียนเกาะคาวิทยาคม ได้จัดทาหลักสูตรสถานศึกษาขึ้นใช้ในปีการศึกษา ๒๕๖๕ โดยยึดตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๐) ซ่ึงระเบียบว่าด้วยการ วัดและประเมินผลการเรียนรู้ของสถานศึกษา เป็นเอกสารประกอบตามหลักสูตรฯ ท่ีจะช่วยขับเคล่ือน กระบวนการนาหลกั สูตรไปสู่การปฏบิ ัตใิ หเ้ ป็นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ดังนั้นโรงเรียนเกาะคาวิทยาคม จึงได้จัดทาระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ สถานศึกษา เพื่ออธิบายขยายความให้ทุกฝ่ายต้ังแต่ผู้บริหาร ครูผู้สอน ผู้เรียนและผู้เกี่ยวข้อง มีความเข้าใจท่ี ชัดเจนตรงกนั และทางานรว่ มกนั อยา่ งเปน็ ระบบเอกสารประกอบดว้ ย ๒ ตอน คือ ตอนท่ี ๑ ระเบียบสถานศึกษาว่าด้วย การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนเกาะคา วทิ ยาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ๒๕๖๐) ตอนที่ ๒ แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนเกาะคาวิทยาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ ๒๕๖๐) คณะผู้จดั ทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่า เอกสารระเบียบว่าดว้ ยการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรยี น เกาะคาวทิ ยาคม พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ คงจะเป็นประโยชน์ตอ่ ผทู้ ่ีเกี่ยวข้องทกุ ฝา่ ยทจี่ ะชว่ ยสร้างความรู้ ความ เข้าใจ และปฏิบัติการวัดและประเมินผลผู้เรียนเป็นแนวทางเดียวกันและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ส่งผลให้ พัฒนาผู้เรียนได้ตามหลักการ เจตนารมย์ และวัตถุประสงค์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ต่อไป คณะผ้จู ดั ทา [ก]

สำรบัญ หนำ้ คานา ตอนท่ี ๑ ระเบยี บสถานศกึ ษาวา่ ด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรยี นเกาะคาวิทยาคม พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ๒๕๖๐)............................................................................. ๑ ตอนท่ี ๒ แนวปฏิบัตกิ ารวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรยี นเกาะคาวทิ ยาคม พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๐) .......................................................................................................... ๑๗ บรรณานุกรม............................................................................................................................................ ๔๓ ภาคผนวก................................................................................................................................................. ๔๔ - คาสั่ง - ตัวอยา่ งเอกสารหลักฐานที่สถานศึกษาจัดทา [ข]

ตอนท่ี ๑ ระเบียบสถำนศึกษำว่ำด้วย กำรวดั และประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ โรงเรียนเกำะคำวิทยำคม พุทธศกั รำช ๒๕๖๕ ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พื้นฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๐) [๑]

ประกำศโรงเรยี นเกำะคำวิทยำคม เร่ือง ใหใ้ ชร้ ะเบียบกำรวดั และประเมนิ ผลโรงเรียนเกำะคำวทิ ยำคม พุทธศกั รำช ๒๕๖๕ ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ............................................................................ ระเบียบวัดผลประเมินผลโรงเรียนเกาะคาวิทยาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นระเบียบวัดผล ประเมินผลที่มีความสอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเกาะคาวิทยาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) และได้ดาเนินการ ตามคาสง่ั กระทรวงศึกษาธกิ าร ท่ี สพฐ ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ เดอื น สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เรื่องใหใ้ ช้หลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ โดยระเบียบนี้กาหนดใหใ้ ช้ควบคู่กับหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนเกาะคาวิทยาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานได้มีมติเห็นชอบให้ใช้ระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียน โรงเรียนเกาะคาวทิ ยาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ในระดบั มัธยมศึกษา โดยเริม่ ใช้ในปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ เม่ือวันท่ี ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ จึงประกาศให้ใช้ระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้โรงเรียนเกาะคาวิทยาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ประกาศ ณ วันท่ี วนั ท่ี ๓๐ เดอื น เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ……………………………………… ……………………………………… (นายพิเชฐ ทินอยู่) (นายเจนภพ ยศบุญเรอื ง) ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน ผ้อู านวยการสถานศึกษา โรงเรียนเกาะคาวทิ ยาคม โรงเรยี นเกาะคาวทิ ยาคม [๒]

ระเบยี บโรงเรยี นเกำะคำวทิ ยำคม ว่ำด้วยกำรวดั ผลและประเมินผลกำรเรยี น ระดบั มธั ยมศึกษำ พทุ ธศักรำช ๒๕๖๕ ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพ้นื ฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ------------------------------------------------------------------- ตามที่โรงเรยี นเกาะคาวิทยาคม ไดป้ ระกาศใช้หลักสูตรสถานศึกษา พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) ตามคาสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันท่ี ๘ เดือน สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เร่ืองให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) จงึ เป็นการสมควรทก่ี าหนดระเบียบโรงเรียนเกาะคาวทิ ยาคม ว่าด้วยการวัดผลและประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) เพอ่ื ให้สามารถดาเนินการไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ และสอดคล้องกบั คาส่ังดงั กล่าว ฉะน้ันอาศัยอานาจตามความในมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ คณะกรรมการบริหารหลักสูตร และ งาน วชิ าการสถานศึกษาข้ันพ้นื ฐานโดยความเหน็ ขอบของคณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน จึงวางระเบยี บไว้ดังต่อไปน้ี ขอ้ ๑ ระเบยี บนเ้ี รียกว่า “ระเบยี บโรงเรยี นเกาะคาวิทยาคม ว่าดว้ ยการวดั และประเมินผลการเรียน ระดับมัธยมศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ข้อ ๒ ระเบยี บน้ใี ห้ใชบ้ งั คบั ตง้ั แต่ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ เปน็ ตน้ ไป ขอ้ ๓ ใหย้ กเลกิ ระเบียบ ข้อบังคับ ที่ขัดแย้งกบั ระเบียบนี้ ใหใ้ ชร้ ะเบยี บน้แี ทน ขอ้ ๔ ให้ใช้ระเบียบน้คี วบคู่กบั หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นเกาะคาวิทยาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ ๒๕๖๐) ข้อ ๕ ให้ผบู้ รหิ ารสถานศึกษารักษาการให้เป็นไปตามระเบียบน้ี [๓]

หมวดท่ี ๑ หลกั กำรวัดและประเมินผลกำรเรยี น ขอ้ ๖ การประเมินผลการเรียนให้เป็นไปตามหลักการในต่อไปน้ี ๖.๑ สถานศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบประเมินผลการเรียนของผู้เรียนโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รและวิชาการ ๖.๒ การวดั และประเมนิ ผลการเรียนต้องสอดคล้องและครอบคลมุ มาตรฐานการเรียนรู้และ ตัวช้วี ัดทก่ี าหนดในหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ๖.๓ การประเมินผลการเรียนต้องประกอบด้วย การประเมินเพ่ือปรับปรุงพัฒนาผู้เรียน การจัดการเรียนการสอน และการประเมนิ ผลเพอื่ ตดั สนิ ผลการเรยี น ๖.๔ การประเมนิ ผลเปน็ ส่วนหนึง่ ของกระบวนการจดั การเรียนการสอนต้องดาเนินการด้วย วธิ ีการท่หี ลากหลาย เหมาะสมกบั ส่งิ ที่ต้องการวัด ธรรมชาตขิ องรายวชิ า และระดบั ชน้ั ๖.๕ ใหม้ กี ารประเมนิ ความสามารถของผเู้ รียนในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ เขียนในแตล่ ะชนั้ ๖.๖ ให้มีการประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผเู้ รยี นในแต่ละชั้น ๖.๗ ให้มกี ารประเมนิ คณุ ภาพผูเ้ รียนในระดบั ชาตใิ นแตล่ ะชว่ งช้นั ๖.๘ เปดิ โอกาสให้ผู้เรียนตรวจสอบผลการประเมินการเรยี นได้ ๖.๙ ใหม้ ีการเทียบโอนผลการเรียนระหว่างสถานศึกษาและรูปแบบการศึกษาต่าง ๆ หมวดที่ ๒ วิธีกำรวดั และประเมินผลกำรเรียน ข้อ ๗ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการที่ให้ผู้สอนใช้พัฒนาคุณภาพผู้เรียน เพ่ือใหไ้ ดข้ อ้ มูลสารสนเทศ ทแ่ี สดงพฒั นาการความก้าวหน้าและความสาเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ใหเ้ ป็น การประเมินเพ่ือปรับปรุงการเรยี นมากกว่าการตดั สินผลการเรยี น ประกอบด้วย ๗.๑ การประเมนิ ผลระดับชนั้ เรยี นเป็นการวดั ความก้าวหน้าทง้ั ดา้ นความรู้ ทกั ษะกระบวนการ คณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพงึ ประสงค์ ๗.๒ การประเมินผลระดบั สถานศึกษาเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้า การเรยี นร้เู ปน็ รายปี และ ช่วงชั้น สาหรับสถานศกึ ษานาข้อมูลท่ไี ด้ใชเ้ ปน็ แนวทางในการปรับปรงุ และการพฒั นาการเรียนการสอนและ คุณภาพของผู้เรียนใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรฐานการเรียนรู้ รวมทัง้ พิจารณาตดั สินการเลื่อนช่วงชั้น ๗.๓ การประเมินผลระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา เป็นการประเมินด้วยแบบประเมินผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนท่ีเป็นมาตรฐาน เพื่อตรวจสอบคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาและคุณภาพการศึกษา ของชาติ สาหรับนาผลการประเมินไปวางแผนดาเนินการปรับปรุงแก้ไขการจัดการเรียนการสอน และ พัฒนาการผู้เรียนใหไ้ ดม้ าตรฐาน ๗.๔ การประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนระดับชาติ เป็นการประเมินด้วยแบบประเมิน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนท่ีเป็นมาตรฐานระดับชาติ เพื่อตรวจสอบคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาและ คุณภาพการศึกษาของชาติ สาหรับนาผลการประเมินไปวางแผนดาเนินการปรับปรุงแก้ไขการจัดการเรียน การสอน และพัฒนาการผเู้ รียนใหไ้ ด้มาตรฐาน ๗.๕ การประเมินเพื่อตัดสินผลการเรียน เป็นการประเมินเพื่อสรุปความสาเร็จในการเรียนรู้ ของผู้เรียนในการจบช่วงชั้นและจบหลักสูตรการศึกษาในระดับต่าง ๆ ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนได้รับการรับรอง ความร้แู ละวฒุ กิ ารศึกษาจากสถานศกึ ษา ขอ้ ๘ แนวดาเนนิ การประเมินผลการเรียนของสถานศึกษา [๔]

เพ่ือให้การวัดและประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มีการดาเนินการตามหลักการกระจายอานาจมีการประเมินผู้เรียนตาม หลักการวัดและประเมินผลการเรียน มีการตรวจสอบและกากบั ติดตามประเมินคุณภาพการประเมินผลการ เรียนอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ จึงกาหนดแนวดาเนินการวัดและประเมินผลการเรียนของ สถานศกึ ษา ดังนี้ ๘.๑ สถานศกึ ษาโดยคณะกรรมการบริหารหลกั สตู รและวชิ าการของสถานศึกษา โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กาหนดรูปแบบ ระบบและ ระเบยี บประเมนิ ผลของสถานศกึ ษา เพอ่ื ใช้เป็นแนวปฏิบตั ิในการประเมินผลการเรียนของสถานศกึ ษา ๘.๒ สถานศึกษาโดยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา กาหนด ตัวชี้วัดในแต่ละรายวิชา และแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรโู้ ดยวิเคราะห์จากมาตรฐานการเรยี นรู้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์และมาตรฐานการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนและหลักสูตรระดับท้องถิ่น เพื่อใช้เป็น เป้าหมายในการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้รายภาค ๘.๓ คณะอนุกรรมการระดับกลุ่มวิชาใหค้ วามเห็นชอบของรปู แบบ วิธีการ เครื่องมือสาหรบั การประเมิน และผลการตัดสินการประเมินผลการเรยี นรายวชิ าของผูส้ อน ๘.๔ ผู้สอนจดั การเรียนการสอน ตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรยี น และประเมนิ สรุปผลสมั ฤทธิ์ ของผู้เรียนด้วยวิธีการหลากหลายตามสภาพจริง โดยนาตัวชี้วัด ไปใช้เป็นข้อมูลรวมกับการประเมิน ปลายภาค/ปลายปี ๘.๕ หวั หน้าสถานศกึ ษาอนมุ ัติผลการเรียนปลายภาค/ปลายปี และการผา่ น จบการศกึ ษา ๘.๖ สถานศึกษาจัดทารายงานผลการดาเนินการประเมินผลการเรียนประจาปี โดยความ เห็นชอบของคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา เสนอต่อคณะกรรมการสถานศึกษา ขน้ั พน้ื ฐาน ข้อ ๙ ใหม้ กี ารประเมนิ ผลการเรยี นในด้านต่าง ๆ ประกอบดว้ ย ๙.๑ การประเมินผลการเรียนในแต่ละรายวิชาของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ซ่ึงสถานศึกษา วิเคราะห์จากมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด การประเมินรายวิชาให้ตัดสินผลการประเมินเป็นระดับ ผลการเรียน ๘ ระดบั ดังนี้ “๔” หมายถึง ผลการเรยี นดเี ย่ียม “๓.๕” หมายถงึ ผลการเรยี นดีมาก “๓” หมายถงึ ผลการเรียนดี “๒.๕” หมายถึง ผลการเรยี นค่อนขา้ งดี “๒” หมายถงึ ผลการเรยี นนา่ พอใจ “๑.๕” หมายถึง ผลการเรยี นพอใช้ “๑” หมายถงึ ผลการเรยี นผ่านเกณฑ์ขั้นต่าท่ีกาหนด “๐” หมายถงึ ผลการเรียนต่ากว่าเกณฑ์ขัน้ ตา่ ท่ีกาหนด ๙.๒ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ประกอบด้วย กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมบาเพ็ญเพ่ือสาธารณประโยชน์ การร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นการประเมินความสามารถ และพัฒนาการของผู้เรียน ในการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในแต่ละภาคเรียนตามเกณฑ์ของแต่ละ กจิ กรรม และตดั สนิ ผลการประเมินเป็น ๒ ระดับ ดงั นี้ [๕]

“ผ่าน” หมายถึง ผ่านเกณฑ์ท่สี ถานศกึ ษากาหนด “ไม่ผา่ น” หมายถงึ ไม่ผ่านเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากาหนด ๙.๓ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นการประเมินพัฒนาทางด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ตามคุณลักษณะท่ีสถานศึกษากาหนด การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์จะประเมินเป็นรายคุณลักษณะทุกภาคเรียน และตัดสิน ผลการประเมินเปน็ ๔ ระดบั ดังนี้ ดเี ยี่ยม หมายถึง ผู้เรียนมพี ฤตกิ รรมตามตวั บง่ ช้ผี ่านเกณฑ์ รอ้ ยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของจานวนตัวบง่ ชค้ี ณุ ลักษณะนนั้ ๆ แสดงว่า ผเู้ รียนมีคณุ ลักษณะน้นั ๆ จนสามารถเปน็ แบบอย่างแก่ผอู้ ืน่ ได้ ดี หมายถงึ ผู้เรยี นมพี ฤติกรรมตามตัวบง่ ชผ้ี ่านเกณฑ์ ร้อยละ ๖๕ – ๗๙ ของจานวนตวั บง่ ชีค้ ุณลกั ษณะน้ัน ๆ แสดงวา่ ผู้เรยี นมคี ุณลกั ษณะน้นั ๆ ดว้ ยการปฏบิ ัตดิ ้วยความเตม็ ใจ ผ่าน หมายถึง ผเู้ รยี นมีพฤตกิ รรมตามตวั บง่ ชี้ผ่านเกณฑ์ รอ้ ยละ ๕๐ – ๖๔ ของจานวนตวั บง่ ชค้ี ณุ ลักษณะน้ัน ๆ ไดป้ ฏบิ ัติตน ด้วยความพยายามปฏิบัตติ นตามคาแนะนา ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤตกิ รรมตามตวั บง่ ชี้ผ่านเกณฑ์ ตา่ กวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ของจานวนตัวบง่ ชใ้ี นคณุ ลักษณะน้ัน แสดงว่า ผเู้ รียนมคี ุณลักษณะนน้ั ๆ ต้องมีผอู้ น่ื คอยกระตนุ้ เตือน เม่ือเลื่อนชั้นจะพิจารณาจากผลการประเมิน ดีเย่ียม, ดี, ผ่าน โดยต้องมีผลการประเมนิ อยู่ในระดบั “ผา่ น” ขึน้ ไป ๙.๔ การประเมนิ ความสามารถอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น เปน็ การประเมนิ ทักษะ การคิด และการถ่ายทอดความคิดด้วยทักษะการอ่าน การคิด วิเคราะห์ ตามเงื่อนไข และวิธีการท่ีสถานศึกษา กาหนดและตดั สนิ ผลการประเมินเปน็ ๔ ระดบั ดงั นี้ - ดีเย่ียม - ดี - ผ่าน - ไม่ผ่าน เมอ่ื เลือ่ นชน้ั จะพิจารณาจากผลการประเมนิ ดีเย่ยี ม, ด,ี ผา่ น โดยต้องมผี ลการประเมินอยู่ใน ระดับ “ผ่าน” ขน้ึ ไป ๙.๕ การตัดสนิ ผลการเรยี นเล่ือนชัน้ เปน็ การนาผลการประเมินในด้านตา่ ง ๆ มาประมวลสรปุ เพอ่ื ตดั สินให้ผู้เรียนผ่านระดับต่าง ๆ ตามเกณฑก์ ารตัดสนิ ผลการเรยี นแต่ละระดับช้นั [๖]

ข้อ ๑๐ เกณฑ์การตัดสินผลการเรียนจบหลักสูตรสถานศึกษาเพ่ือให้ผู้เรียนหลักสูตรการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานที่ผ่านการศึกษาแต่ละช้ัน และจบหลักสูตรสถานศึกษาครบถ้วนตามโครงสร้างของหลักสูตรของ สถานศึกษา และมคี ุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาจึงกาหนดเกณฑก์ ารตดั สนิ ผลการเรียน การจบหลักสูตร การศึกษาภาคบงั คับไว้ ดังนี้ ๑๐.๑ เกณฑก์ ารจบระดับมธั ยมศกึ ษา (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน และรายวิชา/เพ่ิมเติมตามโครงสร้างเวลาเรียนท่ี หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานกาหนด (๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพ้ืนฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศกึ ษากาหนด (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑก์ าร ประเมินตามทีส่ ถานศึกษากาหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามท่สี ถานศึกษากาหนด (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามท่สี ถานศกึ ษากาหนด ๑๐.๒ เกณฑ์การจบระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ หมวดท่ี ๓ เกณฑ์กำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรยี น ข้อ ๑๑ การตดั สินผลการเรียนใหถ้ อื ปฏบิ ตั ิดังนี้ ๑๑.๑ พิจารณาตัดสินว่า ผู้เรียนผ่านเกณฑ์การประเมินรายวิชาตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ทัง้ ๘ กลุ่ม และได้รับผลการเรียน ๑ ถงึ ๔ ๑๑.๒ การตัดสินพิจารณาว่าผู้เรียนจะนับจานวนชั่วโมง / จานวนหน่วยกิตจะต้องได้รับ ผลการเรยี น ๑ ถงึ ๔ ๑๑.๓ ได้รับการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน เป็นรายภาค และนาไปตัดสิน การเลื่อนช้ัน โดยถ้าผ่านเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนดให้ได้ผลการประเมนิ เป็นดีเยีย่ ม ดี และผ่าน ถ้าไม่ผ่าน เกณฑก์ ารประเมิน ให้ไดผ้ ลการประเมิน “ไม่ผ่าน” ๑๑.๔ ได้รับการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนเป็นรายภาค และนาไปตัดสิน การเล่ือนชั้น โดยถ้าผ่านเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากาหนดให้ได้ผลการประเมินเป็นดีเย่ยี ม ดี และผ่าน ถ้าไม่ผา่ น เกณฑก์ ารประเมินใหไ้ ดผ้ ลการประเมินเป็น “ไมผ่ า่ น” ๑๑.๕ ได้รับการตัดสินการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นรายภาคโดยถ้าผ่านเกณฑ์การ ประเมนิ ใหไ้ ดผ้ ลประเมนิ เปน็ “ผ” และถ้าไม่ผ่านเกณฑใ์ หผ้ ลประเมินได้ “มผ” ๑๑.๖ วัดผลปลายภาค/ปลายปีเฉพาะผู้มีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในรายวิชาน้ัน ให้อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้ เสนอผ่านคณะ กรรมการบรหิ ารหลักสตู รและวิชาการเหน็ ชอบ และเสนอผ้บู ริหารสถานศกึ ษาอนุมัติ ๑๑.๗ ผู้เรียนที่มีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในรายวิชาน้ัน และไม่ได้รับการ ผอ่ นผนั ให้เขา้ รับการวดั ผลปลายภาค/ปลายปีเรียนใหไ้ ด้ผลการเรียน “มส” ๑๑.๘ ผูเ้ รยี นทีม่ ีผลการเรยี นต่ากว่าเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนดให้ ไดร้ ะดับผลการเรียน “๐” [๗]

๑๑.๙ ผู้เรียนท่ีทุจรติ ในการสอบหรือทุจรติ ในงานที่มอบหมายให้ทาในรายวิชาใด คร้ังใดกต็ าม ใหไ้ ดค้ ะแนน “๐” ในครงั้ นั้น ๑๑.๑๐ ผู้เรียนท่ีไม่ได้วดั ผลรายภาค ไม่ได้ส่งงานที่ได้รับมอบหมายให้ทา หรือมีเหตุสุดวิสัยที่ ทาให้ประเมนิ ผลการเรียนไมไ่ ด้ ใหไ้ ดผ้ ลการเรยี น “ร” กรณีที่ผู้เรียนได้ผลการเรียน “ร” เพราะไม่ส่งงานนั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก คณะอนกุ รรมการกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ขอ้ ๑๒ การเปลีย่ นผลการเรยี นให้ถือปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี ๑๒.๑ การเปลย่ี นผลการเรียน “๐” ควรจัดให้มีการสอนซ่อมเสริมในตัวชี้วัดท่ีผู้เรียนสอบไม่ผ่านก่อน แล้วจึงสอบแก้ตัวให้และให้ สอบแก้ตวั ได้ไม่เกิน ๒ ครั้ง ท้ังนีต้ อ้ งดาเนนิ การใหเ้ สร็จสิน้ ภายในปกี ารศึกษานัน้ ถ้าผู้เรียนไม่ดาเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาท่ีกาหนดไว้นี้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษาทีจ่ ะพิจารณาขยายเวลาออกไปอกี ไม่เกิน ๑ ภาคเรียน ถ้าสอบแก้ตัว ๒ ครั้งแล้ว ยังได้ระดับผลการเรียน “๐” อีกให้แต่งตั้งคณะกรรมการ ดาเนนิ การเกีย่ วกบั การแกผ้ ลการเรียนของผเู้ รียนโดยปฏิบัติ ดังนี้ ๑) ให้เรยี นซ้ารายวชิ าถา้ เปน็ รายวิชาพ้นื ฐาน ๒) ให้เรียนซา้ หรือเปลี่ยนรายวชิ าเรยี นใหม่ ถ้าเปน็ รายวชิ าเพมิ่ เตมิ โดยใหอ้ ยูใ่ นดุลยพนิ ิจ ของสถานศกึ ษา ในกรณีที่เปล่ียนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนว่า เรียนแทน รายวชิ าใด ๑๒.๒ การเปลย่ี นผลการเรยี น “ร” การเปลีย่ นผลการเรียน “ร” มี ๒ กรณี ดังนี้ ๑) มีเหตุสุดวิสัย ทาให้ ประเมินผลการเรียนไม่ได้ เช่น เจ็บป่วย เมื่อผู้เรียนได้เข้าสอบ หรือส่งผลงานท่ีตดิ คา้ งอยเู่ สร็จเรียบร้อย หรอื แกป้ ัญหาเสรจ็ ส้ินแล้ว ให้ไดร้ ะดับผลการเรียนตามปกติ (ต้งั แต่ ๐ – ๔) ๒) ถา้ สถานศึกษาพิจารณาแลว้ เห็นว่าไมใ่ ชเ่ หตสุ ุดวสิ ัย เมอื่ ผเู้ รียนไดเ้ ข้าสอบ หรอื สง่ ผล งานท่ีตดิ ค้างอยเู่ สร็จเรียบรอ้ ย หรอื แก้ปญั หาเสร็จสิน้ แลว้ ใหไ้ ด้ระดบั ผลการเรยี นไม่เกนิ “๑” การเปลี่ยนผลการเรียน “ร” ให้ดาเนินการแก้ไขตามสาเหตุให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษาน้ัน ถ้าผูเ้ รียนไมม่ าดาเนินการแก้ “ร” ตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้ใหเ้ รยี นซ้ารายวชิ า ยกเวน้ มีเหตุสดุ วสิ ัย ให้อยู่ ในดุลยพินจิ ของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรียน แตเ่ มอ่ื พ้นกาหนดน้ี แล้วให้ปฏบิ ตั ิ ดังน้ี (๑) ให้เรียนซา้ รายวชิ า ถ้าเป็นรายวชิ าพืน้ ฐาน (๒) ให้เรยี นซา้ หรือเปลยี่ นรายวิชาเรยี นใหม่ ถา้ เป็นรายวชิ าเพม่ิ เติม โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ย พินิจของสถานศกึ ษา ในกรณที ี่เปล่ียนรายวชิ าเรียนใหม่ ให้หมายเหตใุ นระเบียนแสดงผลการเรยี นวา่ เรยี นแทน รายวิชาใด ๑๒.๓ การเปล่ยี นผลการเรยี น “มส” การเปล่ียนผลการเรียน “มส” มี ๒ กรณี ดังน้ี [๘]

๑) กรณผี เู้ รยี นได้ผลการเรยี น “มส” เพราะมีเวลาเรียนไมถ่ ึงร้อยละ ๘๐ แต่มเี วลาเรียน ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรยี นท้งั หมด ให้สถานศึกษาจดั ให้เรยี นเพ่ิมเตมิ โดยใช้ช่ัวโมงสอนซ่อมเสริม หรือเวลาว่าง หรือวันหยดุ หรือมอบหมายงานให้ทา จนมีเวลาเรยี นครบตามทกี่ าหนดไว้สาหรับรายวิชานั้น แล้วจึงให้สอบเป็นกรณีพิเศษ ผลการสอบแก้ “มส” ให้ได้ระดับผลการเรียนไมเ่ กิน “๑” การแก้ “มส” กรณีนี้ให้กระทาใหเ้ สร็จสิ้นในปีการศึกษานั้น ถ้าผู้เรียนไมม่ าดาเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาท่ีกาหนด ไว้นี้ให้เรียนซ้า ยกเว้น มีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอีกไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรยี น แตเ่ มอื่ พน้ กาหนดนี้แลว้ ให้ปฏบิ ตั ิดงั นี้ - ให้เรยี นซา้ รายวิชา ถ้าเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน - ให้เรยี นซ้าหรอื เปลยี่ นรายวชิ าเรียนใหม่ ถา้ เป็นรายวชิ าเพิม่ เตมิ โดยให้อยู่ในดลุ ยพินจิ ของสถานศกึ ษา ๒) กรณผี เู้ รยี นไดผ้ ลการเรยี น “มส” และมีเวลาเรียนนอ้ ยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียน ทั้งหมด ให้สถานศึกษาจัดให้เรียนซ้าในรายวิชาพ้ืนฐานและรายวิชาเพ่ิมเติม หรือเปลี่ยนรายวิชาใหม่ได้ สาหรบั รายวชิ าเพม่ิ เตมิ เท่านนั้ ในกรณีที่เปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนว่าเรียนแทน รายวชิ าใด ในกรณีภาคเรียนที่ ๒ หากผเู้ รยี นยังมผี ลการเรียน “๐” “ร” “มส” ให้ดาเนนิ การให้เสรจ็ สิน้ กอ่ นเปดิ เรยี นปกี ารศกึ ษาถดั ไป สถานศกึ ษาอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดูรอ้ นเพ่ือแกไ้ ขผลการเรียน ของผู้เรียนได้ ทั้งน้ี โดยสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา/ตน้ สังกดั ควรเปน็ ผู้พิจารณาประสานใหม้ ีการ ดาเนินการเรยี นการสอนในภาคฤดรู อ้ นเพ่ือแกไ้ ขผลการเรยี นของผเู้ รยี น ๑๒.๔ การเปลยี่ นผลการเรียน “มผ” หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดให้ผู้เรียนเข้าร่วม กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๓ กิจกรรม คือ ๑) กิจกรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรียน ซ่ึงประกอบด้วย กิจกรรม ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บาเพ็ญประโยชน์ หรือกิจกรรมชมรม โดยผู้เรียนเลือกอย่างใด อย่างหน่ึง ๑ กิจกรรมและเลือกเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุม หรือชมรมอีก ๑ กิจกรรม ๓) กิจกรรมเพื่อสังคม และสาธารณประโยชน์ ในกรณีที่ผู้เรียนได้ผลการเรียน “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทากิจกรรมจน ครบตามเวลาท่ีกาหนด หรือปฏิบัติกิจกรรมเพ่ือพัฒนาคุณลักษณะท่ีต้องปรับปรุง แก้ไข แล้วจึงเปล่ียนผล การเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” ทั้งนี้ดาเนินการให้เสร็จส้ินภายในปีการศึกษาน้ี ยกเว้นมีเหตุสุดวสิ ัยใหอ้ ยู่ ในดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษา ๑๒.๕ การเปลี่ยนแปลงผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับ “ไม่ผ่าน” ให้ คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ดาเนนิ การจัดกิจกรรมซอ่ มเสริม ปรับปรุงแก้ไข หรือตาม วธิ กี ารที่คณะกรรมการกาหนด เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นผา่ นเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากาหนด ข้อ ๑๓ การตดั สินให้ผ้เู รียนเลอื่ นช้ัน / ซา้ ชัน้ ๑) ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวชิ า ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่นอ้ ยกว่า ร้อย ละ ๘๐ ของเวลาเรียนทัง้ หมดในรายวิชานน้ั ๆ [๙]

๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัด และผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด คือ ตวั ช้ีวัดท่ตี อ้ งผา่ น ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ ของแตล่ ะรายวชิ า ๓) ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ บั การตดั สินผลการเรียนทกุ รายวชิ า ๔) ผเู้ รยี นต้องไดร้ ับการประเมนิ และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด ในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ถ้าผู้เรียนไม่ผ่านให้ดาเนินการสอนซ่อมเสริม แล้วทาการประเมินจนผู้เรียนสามารถผ่านเกณฑ์ การประเมนิ ทส่ี ถานศกึ ษากาหนด ๑๓.๑ การเล่ือนช้ัน ผ้เู รยี นจะได้รบั การตดั สนิ ผลการเรียนทกุ ภาคเรยี นและได้รับการเลื่อนชน้ั เมื่อสิน้ ปกี ารศกึ ษาโดย มีคุณสมบตั ิตามเกณฑ์ ดังนี้ ๑) รายวิชาพนื้ ฐาน ได้รบั การตัดสินผลการเรียนผา่ นทกุ รายวิชา ๒) รายวิชาเพ่ิมเตมิ ได้รับการตัดสนิ ผลการเรียนผา่ นตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด ๓) ผูเ้ รยี นต้องรับการประเมนิ และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด ใน การอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ๔) ระดับผลการเรยี นเฉล่ียในปกี ารศึกษานัน้ ควรได้ไมต่ ่ากว่า ๑.๐๐ ทั้งน้ีรายวิชาใดที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผู้เรียนให้ได้รับ การ แกไ้ ขในภาคเรยี น/ปกี ารศึกษา ถัดไป ๑๓.๒ การเรียนซ้า สถานศึกษาจะจัดให้ผเู้ รยี นเรยี นซ้าใน ๒ กรณี ดังน้ี กรณีที่ ๑ เรียนซ้ารายวิชา หากผู้เรียนได้รับการสอนซ่อมเสริมและสอบแก้ตัว ๒ คร้ัง แล้วไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ให้เรียนซ้ารายวิชานั้น ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจัดให้ เรียนซา้ ในชว่ งใดช่วงหนึ่งท่ีสถานศึกษาเหน็ ว่าเหมาะสม เช่น พกั กลางวนั วันหยุด ชวั่ โมงว่างหลงั เลกิ เรียน ภาคฤดรู ้อน เป็นต้น กรณที ่ี ๒ เรยี นซา้ ชนั้ มี ๒ ลักษณะ คอื - ผู้เรียนมรี ะดับผลการเรยี นเฉล่ยี ในปีการศึกษาน้นั ตา่ กว่า ๑.๐๐ และมแี นวโน้มว่าจะเปน็ ปัญหาตอ่ การเรียนในระดับชนั้ ทีส่ ูงข้นึ - ผู้เรียนมผี ลการเรียน ๐, ร, มส เกนิ คร่งึ หน่งึ ของวิชาทล่ี งทะเบียนเรียนในปกี ารศกึ ษานน้ั ทง้ั น้ี หากเกิดลกั ษณะใดลักษณะหนึง่ หรอื ท้งั ๒ ลกั ษณะใหส้ ถานศึกษาแต่งต้งั คณะกรรมการ การพิจารณา หากเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรก็ให้ซ้าช้ัน โดยยกเลิกผลการเรียนเดิมและให้ใช้ผลการเรยี น ใหมแ่ ทน หากพจิ ารณาแลว้ ไม่ต้องเรียนซา้ ชน้ั ใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศึกษาในการแก้ไขผลการเรียน ๑๓.๓ การสอนซ่อมเสรมิ การสอนซ่อมเสรมิ เป็นสว่ นหนึ่งของกระบวนการจัดการเรยี นรู้และเป็นการให้โอกาสแก่ผู้เรียน ใหม้ เี วลาเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เพม่ิ ขึ้น จนสามารถบรรลตุ ามมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวัดท่กี าหนดไว้ การสอนซอ่ ม เสริมเป็นการสอนกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามแผนจัดการเรียนรู้ปกติเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องทีพ่ บ ในผู้เรียน โดยจดั กระบวนการเรยี นรูท้ ีห่ ลากหลายและคานงึ ถึงความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลของผู้เรยี น การสอนซ่อมเสริมสามารถดาเนนิ การไดใ้ นกรณี ดังตอ่ ไปน้ี ๑) ผู้เรียนมีความรู้/ทักษะพื้นฐานไม่เพียงพอท่ีจะศึกษาในแต่ละรายวิชาน้ัน ควรจัดการ ซอ่ มเสรมิ ปรบั ความร/ู้ ทักษะพน้ื ฐาน [๑๐]

๒) การประเมินระหว่างเรียน ผู้เรียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทักษะกระบวนการหรือเจต คติ/คุณลกั ษณะท่กี าหนดไว้ตามมาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วัด ๓) ผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์ และ/หรือต่ากว่าเกณฑ์การประเมิน โดยผู้เรียนได้ระดับผล การเรียน “๐” ต้องจัดการสอนซ่อมเสรมิ กอ่ นจะใหผ้ เู้ รยี นสอบแก้ตวั ๔) ผู้เรียนมีผลการเรียนไม่ผ่าน สามารถจัดสอนซ่อมเสริมในภาคฤดูร้อน ท้ังน้ีให้อยู่ใน ดลุ ยพนิ ิจของสถานศกึ ษา หมวดที่ ๔ กำรเทยี บโอนผลกำรเรียน ข้อ ๑๔ การเทียบโอนผลการเรียน เป็นการนาผลการเรียนซึ่งเป็นความรู้ ทักษะ และ ประสบการณ์ของผู้เรียนที่เกิดจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยมา ประเมนิ เป็นส่วนหน่ึงของการศกึ ษาตามหลักสูตรใดหลกั สตู รหนงึ่ แนวการดาเนินการเทียบโอนผลการเรยี นใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บสถานศึกษาวา่ ด้วยการเทยี บโอน ผลการเรียน ดังนี้ ๑๔.๑ ผู้ขอเทียบโอนต้องข้ึนทะเบียนเป็นนักเรียนของสถานศึกษา ทั้งน้ีโดยผู้ขอเทียบโอน จะต้องไมเ่ ปน็ ผทู้ ่กี าลงั ศึกษาอยู่ในระบบโดยสถานศึกษาดังกลา่ วดาเนินการเทียบโอนผลการเรียนในภาคเรียน แรกท่ีข้ึนทะเบยี นเป็นนักเรียน ยกเวน้ กรณมี เี หตุจาเปน็ ๑๔.๒ จานวนสาระการเรียนรู้ รายวิชา จานวนหน่วยกิตท่ีจะรับเทียบโอน และอายุของ ผลการเรียนท่ีจะนามาเทียบโอน ให้อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของ สถานศึกษา ท้ังนี้เม่ือเทียบโอนแล้วต้องมีเวลาเรียนอยู่ในสถานศึกษาท่ีจะรับเทียบโอนไม่น้อยกว่า ๑ ภาค เรยี น ๑๔.๓ การเทยี บโอนผลการเรียนใหด้ าเนนิ การในรปู ของคณะกรรมการการเทียบโอนผลการ เรยี นจานวนไม่น้อยกวา่ ๓ คนแต่ไม่เกนิ ๕ คน ข้อ ๑๕ การเทยี บโอนใหด้ าเนนิ การดงั นี้ ๑๕.๑ การเทียบระดับการศึกษา หมายถึงการนาผลการเรียน ความรู้และประสบการณ์ที่ได้ จากการศึกษาตามอัธยาศัย และการศกึ ษานอกระบบ ไม่แบง่ ระดับมาประเมนิ เพื่อเทียบเท่าการศึกษาระดับ ใดระดบั หน่ึง มี แนวทางการเทยี บระดบั การศึกษาดังน้ี ๑) ผู้ขอเทียบระดับการศึกษาจะต้องไม่เป็นผู้ท่ีกาลังศึกษาอย่ใู นสถานศึกษาในระบบ หรือ สถานศึกษานอกระบบทีจ่ ดั การศึกษาเปน็ ระบบเดยี วกนั กับการศึกษาในระบบ และเปน็ ผสู้ าเรจ็ การศึกษาตาม หลกั สตู รของกระทรวงศึกษาธกิ าร ในระดบั ท่ีตา่ กวา่ ระดับการศึกษาทขี่ อเทียบ ๑ ระดบั ผไู้ ม่เคยมวี ฒุ ิการศึกษาใด ๆ จะขอเทียบระดับการศกึ ษาได้ไม่เกนิ ระดับมัธยมศึกษา ๒) ให้สถานศึกษาซึ่งเป็นท่ีทาการเทียบระดับการศึกษา ดาเนินการเทียบระดับด้วยการ ประเมินความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้ขอเทียบระดับ ด้วยวิธีการที่หลากหลายท้ังด้วยการ ทดสอบ การประเมินแฟ้มผลงาน การสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ให้ครอบคลุมคุณลักษณะของผู้เรียนทั้งดา้ น พุทธพิ สิ ัย จติ พสิ ัย และทักษะพิสัย ตามเกณฑม์ าตรฐานของหลักสูตรทข่ี อเทยี บระดับ ๓) ผู้ผ่านการประเมินจะได้รับหลักฐานแสดงผลการประเมินเทียบระดับความรู้และ ใบ ประกาศนียบตั รรับรองระดบั ความรู้ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๑๕.๒ การเทียบโอนผลการเรียน หมายถึง การนาผลการเรียนซ่ึงเป็นความรู้ทักษะ และ ประสบการณ์ของผู้เรียนท่ีเกิดจากการศึกษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศยั และผล [๑๑]

การศึกษา จากต่างสถานศึกษามาประเมินเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษา ตามหลักสูตรใดหลักสูตรหนงึ่ ที่กาลงั ศกึ ษา มแี นวการดาเนนิ การดังน้ี ๑) คณะกรรมการบริหารหลักสูตร และวิชาการของสถานศึกษากาหนดจานวนรายวิชา จานวนหน่วยกิต ท่ีสถานศึกษาจากัดให้ผู้เรียนสามารถขอเทียบโอนได้ในการศึกษาตามหลักสูตรของ สถานศึกษาแต่ละช่วงช้ัน ทั้งนี้ผู้เรียนจะต้องเหลือรายวิชาที่จะต้องศึกษาในสถานศึกษาอีกอย่างน้อย ๑ ภาคเรยี น พร้อมกับการกาหนดแนวทางและวธิ ีการเทยี บโอนทง้ั กรณเี ทยี บโอนผลการเรียนเดมิ ท่ีผู้เรียนศึกษา ก่อนเข้าศึกษาในสถานศึกษา และกรณีเทียบโอนผลการเรียนท่ีผู้เรียนขออนุญาตไปศึกษาต่างสถานศึกษา จะต้องจัดทาเป็นระเบียบการเทียบโอนผลการเรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงว่าด้วย การเทียบโอนผลการเรียนด้วย ๒) สถานศึกษาแตง่ ต้ังคณะกรรมการดาเนินการเทยี บโอนผลการเรยี นของสถานศึกษาให้ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทกี่ าหนดสาระ จัดสร้างเครือ่ งมอื สาหรับการเทยี บโอนผลการเรยี น และดาเนินการเทยี บโอนผล การเรยี น ๓) คณะกรรมการดาเนินการเทียบโอนผลการเรยี น ทาการเทยี บโอนผลการเรยี นให้ผู้เรยี น ในกรณี ตอ่ ไปนี้ กรณีกำรเทียบโอนผลกำรเรียนเดิม ท่ีเรียนศึกษามาก่อนเข้าศึกษาในสถานศึกษา ให้ดาเนินการ ดงั น้ี (๑) ให้ดาเนนิ การให้เสร็จในภาคเรียนแรกท่ีผเู้ รยี นเข้าศึกษาในสถานศกึ ษา (๒) ให้เทียบโอนผลการเรียนเป็นรายวิชา (๓) ผู้เรียนย่ืนคาร้องเป็นลายลักษณ์อักษรขอเทียบความรู้ตามรายวิชาในหลักสูตรของ สถานศึกษา ตามจานวนรายวิชาทส่ี ถานศึกษากาหนดไว้ในระเบียบการเทียบโอนผลการเรยี นของสถานศึกษา ให้ผเู้ รยี นย่นื คาร้อง พรอ้ มเอกสารหลกั สตู รท่นี ามาขอเทียบ และเอกสารการศึกษาทีไ่ ดร้ ับมา (ถ้าผูเ้ รียนม)ี (๔) คณะกรรมการดาเนินการเทียบโอนผลการเรียนพิจารณาหลักสูตรและหลักฐาน เอกสารเดิมของผู้เรียน เพ่ือเปรียบเทยี บหลักสูตรท่ีเรียนมากับหลักสูตรของสถานศึกษาในรายวิชาทข่ี อเทียบ ถ้ามีจุดประสงค์และเน้ือหาสาระตรงกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ให้รับเทียบโอนได้ และให้ได้ระดับผลการ เรียนตามที่ได้มาในกรณีที่ผู้เรียนย้ายสถานศึกษา แต่ถ้าเป็นกรณีเทียบโอนผลการเรียนจากสถานศึกษาต่าง ระบบ ให้คณะกรรมการดาเนนิ การเทียบโอนพจิ ารณาวา่ ควรยอมรบั ผลการเรียนเดิมหรอื ไม่ ถ้าไม่ยอมรับก็ ตอ้ งประเมนิ ใหใ้ หมด่ ้วยวิธีการต่าง ๆ ทเี่ หมาะสม (๕) คณะกรรมการดาเนินการเทียบโอนผลการเรียน จัดให้มีการประเมินความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้เรยี นใหม่ ตามตวั ชวี้ ดั ของรายวิชาท่ผี ู้เรียนขอเทยี บในกรณีที่ผ้เู รียนไม่ มีเอกสาร หลักฐานการศึกษาเดิมมาแสดง หรือหลักสูตรที่ผู้เรียนนามาขอเทียบโอนมีความสอดคล้องกับ ตวั ช้วี ดั และเนือ้ หาสาระของหลกั สตู รที่ขอเทียบไมถ่ ึงร้อยละ ๖๐ ผเู้ รยี นทผี่ ่านการประเมนิ จะได้รับการเทียบ โอนผลการเรียนได้ โดยได้ระดับผลการเรียนตามท่ีประเมินได้ ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินจะไม่ได้รับการ เทียบโอนผลการเรียน [๑๒]

กรณผี ้เู รยี นขออนุญำตไปศกึ ษำรำยวชิ ำใดรำยวชิ ำหนึ่ง ตา่ งสถานศึกษาหรอื ขอศึกษา ด้วยตนเองใหด้ าเนินการดงั น้ี (๑) ให้ดาเนินการโดยผู้เรียนยื่นคาร้องไปศึกษาต่างสถานท่ีหรือต่างรูปแบบต่อ คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ซึ่งจะพิจารณาผลการเรียนและความจาเป็นของผู้เรียนตามระเบียบ การจดั การศกึ ษา ๓ รปู แบบ ของสถานศกึ ษาที่จะจดั การศึกษาในระบบ (๒) รายวิชาที่ผู้เรียนขอไปศึกษาต่างสถานที่ หรือต่างรูปแบบต้องมีจุดประสงค์และ เน้ือหาสาระสอดคลอ้ งกับรายวชิ าในหลักสูตรของสถานศึกษาทจี่ ะนามาเทียบโอนไมน่ อ้ ยกว่า ร้อยละ ๖๐ (๓) กรณีผู้เรียนขอไปศึกษาต่างสถานศึกษาหรือระบบท่ีมีสถานศึกษาจัดการเรียน การสอนแน่นอน ถ้าเห็นควรอนุญาตให้ไปเรียนได้ให้มีการประสานงาน เรื่องการจัดการเรียนการสอน การประเมินผล และการรับโอนผลการเรียนก่อน เม่ือได้ตกลงร่วมกันเรียบร้อยแล้วจึงจะอนญุ าตเม่อื ศึกษา สาเร็จ ใหร้ ับโอนผลการเรยี นได้ทนั ที (๔) กรณีผู้เรียนขออนุญาตศึกษาด้วยตนเอง หรือศึกษาในสถานศึกษาที่ไม่สามารถ ติดต่อประสานได้ ถ้าคณะกรรมการพิจารณาความจาเป็นแล้ว เห็นควรอนุญาต เมื่อผู้เรียนมารายงานผล การเรียน ให้คณะกรรมการดาเนินการเทียบโอนผลการเรียนทาการเทียบโอนผลการเรียนให้ผู้เรียน เช่นเดียวกันกรณีการเทียบโอนผลการเรียนเดิมทผ่ี เู้ รียนศึกษามาก่อนเขา้ ศึกษาในสถานศึกษา (๕) คณะกรรมการดาเนินการเทียบโอนผลการเรียน รายงานผลการเทียบโอนให้ คณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและวชิ าการของสถานศึกษาให้ความเห็นชอบ และเสนอผู้บริหารสถานศกึ ษา อนมุ ัติผลการเทยี บโอนผลการเรียน หมวดที่ ๕ เอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำ ขอ้ ๑๖ ให้สถานศึกษาจัดให้มเี อกสารหลกั ฐานการประเมนิ ผลการเรียนต่าง ๆ ดังนี้ ๑๖.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน (Transcript) (ปพ. ๑) เป็นเอกสารบันทึกผลการเรียน ของผู้เรียนตามสาระการเรียนรู้กลุ่มวิชาและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้เรียนในแต่ละชั้นของหลักสูตรการศึกษา ข้ันพื้นฐานเพื่อให้เป็นหลักฐานแสดงสถานภาพและความสาเร็จในการศึกษาของผู้เรียนแต่ละคนใช้เป็น หลกั ฐานในการสมคั รเขา้ ศึกษาตอ่ ทางานหรอื ดาเนนิ การในเรือ่ งอ่นื ทเ่ี กยี่ วข้อง ๑๖.๒ หลักฐานแสดงวุฒกิ ารศกึ ษา (ใบประกาศนียบัตร) (ปพ. ๒) เป็นเอกสารที่สถานศึกษา ออกให้กับผู้สาเร็จการศึกษาและรับรองวุฒิการศึกษาของผู้เรียน ให้ผู้เรียนนาไปใช้เป็นหลักฐานแสดงระดับ วุฒกิ ารศึกษาของตน ๑๖.๓ แบบรายงานผู้สาเร็จการศึกษา (ปพ.๓) เป็นแบบรายงานรายชื่อข้อมูลของผู้สาเร็จ การศึกษาภาคบังคับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพ่ือใช้เป็นหลักฐานสาหรับตรวจสอบยืนยันและรับรอง ความสาเรจ็ และวุฒกิ ารศึกษาของผูส้ าเรจ็ การศึกษาแต่ละคน ตอ่ เขตพื้นทกี่ ารศึกษาและกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๑๖.๔ แบบแสดงผลการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ปพ.๔) เป็นเอกสารรายงาน พัฒนาการด้านคุณลักษณะของผู้เรียนเก่ียวกับคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ที่สถานศึกษากาหนดข้ึนเพ่ือพัฒนาผู้เรียนเป็นพิเศษ เพื่อการแก้ปัญหาหรือสร้างเอกลักษณ์ให้ผู้เรียนตาม วิสัยทัศน์ของสถานศึกษา เป็นการรายงานผลการประเมินที่แสดงถึงสภาพหรือระดับคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม หรือคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในแต่ละชั้น สถานศึกษาต้องจัดทาเอกสารน้ีให้ผู้เรียน ทุก ๆ คน ควบคู่กับระเบียนแสดงผลการเรียนของผู้เรียน เพื่อนาไปใช้เป็นหลักฐานแสดงคุณลักษณะของ ผูเ้ รียนเพ่ือประกอบในการสมคั รศกึ ษาต่อหรอื สมัครทางาน [๑๓]

๑๖.๕ แบบแสดงผลการพฒั นาคณุ ภาพของผู้เรียน (ปพ.๕) เป็นเอกสารสาหรับผูส้ อนใช้บันทึก เวลาเรียน ข้อมูลผลการวัดและประเมินผลการเรียน ข้อมูลการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผเู้ รยี น แต่ละคนท่ีเรียนในห้องเรียนกลุ่มเดียวกัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริม และตัดสินผลการเรียนของผู้เรียน รวมท้ังใช้เป็นหลักฐานสาหรับตรวจสอบ ยืนยัน สภาพ การเรยี น การมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมต่าง ๆ และผลสัมฤทธข์ิ องผเู้ รยี นแต่ละคน ๑๖.๖ แบบรายงานผลการพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี นรายบคุ คล (ปพ.๖) เปน็ เอกสารสาหรบั บันทึก ขอ้ มูลเกย่ี วกบั ผลการเรียน พฒั นาการในด้านตา่ ง ๆ และขอ้ มลู อ่นื ๆ ของผเู้ รยี น ๑๖.๗ ใบรับรองผลการศึกษา (ปพ.๗) เป็นเอกสารท่สี ถานศึกษาออกให้ผเู้ รียนเป็นการเฉพาะ กิจเพ่ือรับรองสถานภาพทางการศึกษาของผู้เรียนเป็นการช่ัวคราว ท้ังกรณีผู้เรียนยังไม่สาเร็จการศึกษาและ สาเร็จการศึกษาแลว้ ๑๖.๘ ระเบียนสะสม (ปพ.๘) เป็นเอกสารสาหรบั บนั ทึกขอ้ มูลเกี่ยวกับพฒั นาการและผลงาน ด้านต่าง ๆ ของผเู้ รียนทั้งทส่ี ถานศึกษาและที่บา้ น เพ่ือประโยชนใ์ นการแนะแนวผเู้ รียนในทกุ ๆ ด้าน ๑๖.๙ สมุดบันทึกผลการเรียน (ปพ.๙) เป็นสมุดบันทึกผลการเรียนรู้ที่สถานศึกษาจัดทาข้ึน เพ่ือบันทึกรายการรายวชิ าต่าง ๆ ท่ีผู้เรียนจะต้องเรียนในแต่ละช้ัน ตามโครงสร้างหลักสูตรของสถานศึกษา พร้อมด้วยผลการประเมินการเรียนของแต่ละรายวิชา และสถานศึกษาออกให้ผู้เรยี นสาหรับใช้ศึกษาและนา แสดงให้บุคคลหรือหน่วยงานท่ีสนใจได้ทราบโครงสร้างหลักสูตรและรายละเอียดของรายวิชาต่าง ๆ ของ สถานศึกษา พร้อมด้วยผลการเรียนของผู้เรียนจากการเรียนแต่ละรายวิชา กรณีท่ีผู้เรียนย้ายสถานศึกษา ข้อมูลในสมุดบันทึกผลการเรียนรู้จะเป็นประโยชนใ์ นการนาไปใช้เป็นข้อมูลในการเทียบโอนผลการเรียนจาก สถานศกึ ษาเดมิ ไปเปน็ ผลการเรียนตามหลักสตู รของสถานศึกษาใหม่ หมวดที่ ๖ บทเฉพำะกำล ขอ้ ๑๗ ใหป้ ระธานคณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและวชิ าการของสถานศึกษารักษาการให้เป็นไป ตามระเบยี บน้ี ข้อ ๑๘ กรณีมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ให้เสนอคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานอนุมัติและให้ ความเห็นชอบก่อนนาไปใช้ ประกาศ ณ วันท่ี ๓๐ เดอื น เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ....................................................... (นายพเิ ชฐ ทนิ อยู่) ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พื้นฐาน โรงเรยี นเกาะคาวทิ ยาคม [๑๔]

ตอนท่ี ๒ แนวปฏบิ ตั กิ ำรวัดและประเมินผลกำรเรยี นรู้ โรงเรยี นเกำะคำวทิ ยำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕ ตำมหลกั สตู ร แกนกลำงกำรศึกษำขัน้ พ้นื ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ ๒๕๖๐) ส่วนที่ ๑ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๘ กล่มุ สาระ ส่วนท่ี ๒ การประเมินกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น สว่ นท่ี ๓ การประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ สว่ นที่ ๔ การประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น สว่ นที่ ๕ เกณฑก์ ารตัดสนิ การเลอื่ นช้ัน และจบหลักสูตร ส่วนท่ี ๖ การประเมินผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นระดับชาติ [๑๕]

แนวปฏบิ ัตกิ ำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ เป้าหมายสาคัญของการประเมินผลการเรียนหลักสูตรสถานศึกษาตามแนวทางหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ คือ เพื่อนาผลการประเมินไปพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐาน การเรียนรู้ในแต่ละรายวิชา ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ โดยการนาผลการประเมินไปใช้เป็นข้อมูล ในการปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของผู้เรียนโดยตรง นาผลไปปรับปรุงแก้ไขผล การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้มปี ระสิทธภิ าพย่งิ ขึ้น รวมท้ังนาไปใช้ในการพิจารณาตัดสินความสาเรจ็ ทางการ ศึกษาของผู้เรยี น ตลอดจนความสาเรจ็ ของผู้สอนอกี ดว้ ย การวัดและประเมินผลการเรียนรตู้ ามหลกั สูตรการศกึ ษาของสถานศึกษา โรงเรียนเกาะคาวิทยาคม ประกอบดว้ ย สว่ นท่ี ๑ กำรประเมินผลกำรเรยี นรู้ตำมกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรทู้ งั้ ๘ กลมุ่ โรงเรียนได้ดาเนินการประเมนิ ผล ในลกั ษณะต่าง ๆ ดังตอ่ ไปน้ี ๑. กำรประเมินผลกอ่ นเรยี น การประเมินผลก่อนเรียน กาหนดให้ครูผู้สอนในแต่ละรายวิชาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ท่ีต้อง ประเมินผลก่อนเรียน เพ่ือหาสารสนเทศของผู้เรียนในเบื้องต้น สาหรับนาไปจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ สอดคล้องกับพนื้ ฐานของผู้เรียน ตามแนวทางการจัดกระบวนการเรยี นรู้ท่ีเนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคญั แต่จะไม่นา ผลการประเมนิ น้ไี ปใช้ในการพิจารณาตดั สินผลการเรียน การประเมินผลก่อนเรียนประกอบด้วยการประเมิน ดังต่อไปนี้ ๑.๑ กำรประเมินควำมพร้อมและพ้นื ฐำนของผเู้ รยี น เป็นการตรวจสอบความรู้ ทักษะ และความพร้อมต่าง ๆ ของผู้เรียนที่เป็นพ้ืนฐานของเรื่อง ใหม่ๆ ที่ผู้เรียนต้องเรียนโดยใช้วิธีการท่ีเหมาะสม เพื่อจะได้ทราบว่าผู้เรียนมีความพร้อมและพื้นฐาน ทจี่ ะเรียนทกุ คนหรอื ไม่ แลว้ นาผลการประเมินมาปรับปรุง ซอ่ มเสรมิ หรือเตรียมผู้เรียนให้มคี วามพร้อมและ พ้ืนฐานพอเพียงทุกคนซง่ึ จะช่วยให้ผู้เรียนประสบความสาเรจ็ ในการเรียนได้เป็นอยา่ งดี การประเมินพื้นฐาน และความพร้อมของผู้เรียนก่อนเรียน จึงมีความสาคัญและจาเป็นท่ีผู้สอนทุกคนจะต้องดาเนินการ เพื่อเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมในการเรียนทุกครั้งจะทาให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถคาดหวังความสาเร็จไดอ้ ยา่ งแน่นอน การประเมนิ ความพรอ้ มและพ้นื ฐานของผู้เรียนกอ่ นเรยี นมแี นวปฏบิ ตั ิดงั นี้ ๑) วิเคราะห์ความรแู้ ละทกั ษะท่เี ปน็ พื้นฐานกอ่ นเรยี น ๒) เลอื กวิธกี ารและจัดทาเคร่อื งมอื สาหรับประเมินความรู้ และทกั ษะพน้ื ฐานอยา่ ง เหมาะสมและมปี ระสิทธิภาพ ๓) ดาเนนิ การประเมินความรูแ้ ละทกั ษะพน้ื ฐานของผเู้ รียน ๔) นาผลการประเมนิ ไปดาเนินการปรบั ปรุงผู้เรียนให้มีความรแู้ ละทกั ษะพน้ื ฐานอย่าง พอเพยี งก่อนดาเนินการสอน ๕) จัดการเรยี นการสอนในเร่อื งที่จดั เตรยี มไว้ [๑๖]

๑.๒ กำรประเมินควำมรอบรใู้ นเร่อื งทจี่ ะเรยี นก่อนกำรเรียน เป็นการประเมินผู้เรียนในเรื่องท่ีจะทาการสอน เพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียนมีความรู้และทักษะใน เรื่องที่จะเรียนน้ันมากน้อยเพียงไร เพ่ือนาไปเป็นข้อมูลเบ้ืองต้นของผู้เรียนแต่ละคนว่า เริ่มต้นเรียน เรื่องน้ัน ๆ โดยมีความรู้เดิมอยู่เท่าไรเพ่ือจะได้นาไปเปรียบเทียบกับผลการเรียนภายหลัง การเข้าร่วม กิจกรรมการเรยี นตามแผนการเรยี นรู้แล้ว ว่าเกิดพัฒนาการหรือเกิดการเรียนรเู้ พมิ่ ข้ึนหรือไม่เพียงไร ซึ่งจะ ทาให้ทราบถึงศักยภาพในการเรียนรขู้ องผู้เรียน และประสิทธิภาพในการจัดกิจกรรมการเรียน ซึ่งจะใช้เปน็ ประโยชน์ในการสนองตอบการเรียนรขู้ องผู้เรียนแต่ละคนแต่ละกลุ่มต่อไป แต่ประโยชน์ที่เกิดขึ้นในเบ้ืองตน้ ของการประเมินผลก่อนเรียน ก็คือผู้สอนสามารถนาผลการประเมินไปใช้เป็นข้อมูลในการจัดเตรยี ม วิธีการ จัดกจิ กรรมการเรียนให้สอดคล้องกับความรเู้ ดิมของผู้เรยี นวา่ ต้องจัดอย่างเข้มขน้ หรอื มากน้อยเพยี งไร จงึ จะ ทาให้แผนการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ สามารถทาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และพัฒนาการต่าง ๆ ตามตัวชี้วัด ดว้ ยกนั ทกุ คน ในขณะท่ีไมท่ าให้ผู้เรียนมีพน้ื ความรูเ้ ดิมอยูแ่ ลว้ เกิดความรู้สกึ เบื่อหน่าย และเสียเวลาเรียนใน สิ่งท่ีตนรู้แล้ว การประเมินความรอบรู้ก่อนเรียนมีข้ันตอนการปฏิบัติเหมือนกับการประเมินความพรอ้ มและ พนื้ ฐานของผเู้ รียนตา่ งกันเฉพาะความรู้ ทักษะท่จี ะประเมนิ เท่านนั้ ๒. กำรประเมินระหว่ำงเรยี น การประเมนิ ระหว่างเรยี นเป็นการประเมินท่มี ุ่งตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรียนว่าบรรลุจุดประสงค์ การเรยี นรู้ตามแผนการจดั การเรยี นรทู้ ค่ี รไู ด้วางแผนไว้หรือไม่ เพอ่ื นาสารสนเทศทไี่ ดจ้ ากการประเมินไปสู่การ ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของผู้เรียน และส่งเสริมผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถและเกิดพัฒนาการสูงสดุ ตามศกั ยภาพ การประเมนิ ผลระหว่างเรยี นมแี นวทางในการปฏบิ ตั ิตามข้ันตอน ดังน้ี ๒.๑ วำงแผนกำรเรียนรแู้ ละกำรประเมินผลระหวำ่ งเรียน ผู้สอนจดั ทาแผนการเรียนรู้ กาหนดแนวทางการประเมินผลให้สอดคล้องกบั ตัวชวี้ ัด ซ่ึงในแผนการเรียนรู้จะระบภุ าระงานทีจ่ ะทาให้ผ้เู รยี น บรรลตุ ามตัวช้วี ดั อย่างเหมาะสม ๒.๒ เลือกวิธีกำรประเมินท่สี อดคลอ้ งกับภำระงำนหรือกจิ กรรมหลักท่ีกำหนดใหผ้ ูเ้ รยี นปฏิบัติ ทั้งน้ีวิธีการประเมินท่ีเหมาะสมอย่างยิ่งสาหรับการประเมินระหวา่ งเรยี น ได้แก่ การประเมินจากส่ิงท่ีผูเ้ รียน ได้แสดงให้เห็นว่ามีความรู้ ทักษะ และความสามารถ ตลอดจนมีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์อันเป็นผลจาก การเรียนรู้ตามท่ีผู้สอนได้จัดกระบวนการเรียนรู้ ให้วิธีการประเมินที่ผู้สอนสามารถเลือกใช้ในการประเมิน ระหวา่ งเรยี น มดี งั น้ี ๑) กำรประเมินด้วยกำรสอื่ สำรสว่ นบคุ คล ไดแ้ ก่ (๑) การถามตอบระหว่างทากจิ กรรมการเรียน (๒) การพบปะสนทนาพูดคยุ กับผูเ้ รยี น (๓) การพบปะสนทนาพดู คยุ กับผเู้ กย่ี วขอ้ งกับผเู้ รียน (๔) การสอบปากเปลา่ เพื่อประเมนิ ความรู้ ความเขา้ ใจ และทศั นคติ (๕) การอา่ นบนั ทกึ เหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ของผ้เู รยี น (๖) การตรวจแบบฝึกหัดและการบา้ น พร้อมให้ข้อมูลปอ้ นกลบั [๑๗]

๒) กำรประเมินจำกกำรปฏิบตั ิ (Performance Assessment) เป็นวิธีการประเมินงานหรือกิจกรรมที่ผู้สอนมอบหมายให้ผู้เรียนปฏิบัติเพื่อให้ได้ข้อมูล สารสนเทศวา่ ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรูม้ ากนอ้ ยเพยี งใด การประเมนิ การปฏิบตั ผิ ู้สอนตอ้ งเตรยี มการในสิง่ สาคญั ๒ ประการ คอื (๑) ภาระงานหรือกิจกรรมทจี่ ะใหผ้ ู้เรียนปฏบิ ัติ (Tasks) (๒) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (Rubrics) วิธกี ารประเมินการปฏิบัตจิ ะเปน็ ไปตามลักษณะงาน ดังนี้ ก. ภาระงานหรอื กิจกรรมที่ผู้สอนกาหนดให้ผู้เรียนทาเป็นรายบุคคล/กลุ่ม จะประเมิน วิธกี ารทางานตามขน้ั ตอนและผลงานของผ้เู รียน ข. ภาระงานหรือกิจกรรมที่ผู้เรียนปฏิบัติเป็นปกติในชีวิตประจาวันจะประเมินด้วย วธิ กี ารสงั เกต จดบนั ทกึ เหตุการณ์เก่ยี วกบั ผูเ้ รียน ค. การสาธติ ได้แก่ การให้ผูเ้ รียนแสดงหรอื ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามที่กาหนด เช่น การใช้ เคร่อื งมอื ปฏบิ ัตงิ าน การทากายบริหาร การเล่นดนตรี จะประเมินวิธีการและขั้นตอนในการสาธิตของผู้เรียน ด้วยวธิ กี ารสงั เกต ง. การทาโครงงาน การจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กาหนดให้ ผู้สอนต้องมอบหมายให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติโครงงานอย่างน้อย ๑ โครงงานในทุกช่วงช้ัน ดังนั้นผู้สอนจึงต้อง กาหนดภาระงานในลักษณะของโครงงานใหผ้ ู้เรยี นปฏบิ ตั ใิ นรปู แบบหนึง่ ใน ๔ รูปแบบตอ่ ไปน้ี (๑) โครงงานสารวจ (๒) โครงงานสิง่ ประดิษฐ์ (๓) โครงงานแก้ปญั หาหรือการทดลองศกึ ษาค้นควา้ (๔) โครงงานอาชพี วิธีกำรประเมินผลโครงงำน ใช้การประเมนิ ๓ ระยะ คือ (๑) ระยะกอ่ นทาโครงงาน โดยประเมนิ ความพรอ้ มด้านการเตรยี มการ และ ความเปน็ ไปได้ในการปฏิบัตงิ าน (๒) ระยะทาโครงงาน โดยประเมนิ การปฏิบตั ิจรงิ ตามแผน วิธีการและ ข้ันตอนกาหนดไว้ และการปรบั ปรุงงานระหว่างปฏิบตั ิงาน (๓) ระยะสนิ้ สดุ การทาโครงงาน โดยประเมินผลงานและวธิ ีการนาเสนอผล การดาเนินโครงงาน การกาหนดใหผ้ เู้ รียนทาโครงงาน สามารถทาได้ ๓ แบบ คือ ๑) โครงงานรายบคุ คล เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นไดเ้ ลือกปฏิบตั งิ านตาม ความสามารถ ความถนดั และความสนใจ ๒) โครงงานกลุ่ม เปน็ การทาโครงงานขนาดใหญแ่ ละซบั ซ้อนต้องให้ผเู้ รยี นที่ มคี วามสามารถต่างกนั หลายด้านช่วยกันทา การประเมินโครงงานควรเน้นการประเมินกระบวนการกลุ่ม ๓) โครงงานผสมระหวา่ งรายบคุ คลกับกลุ่ม เป็นโครงงานท่ผี ู้เรยี นทาร่วมกัน แตเ่ ม่ือเสรจ็ งานแลว้ ให้แต่ละคนรายงานผลดว้ ยตนเอง โดยไม่ตอ้ งไดร้ ับการชว่ ยเหลือจากสมาชิกในกลมุ่ [๑๘]

ในการประเมินการปฏิบัติงานดังกล่าวมาข้างต้น ผู้สอนจาเป็นต้องสร้างเคร่ืองมือเพื่อใช้ ประกอบการประเมนิ การปฏิบัติ เช่น - แบบวัดภาคปฏิบตั ิ - แบบสังเกตพฤติกรรม - แบบตรวจสอบรายการ - เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (Rubrics) เปน็ ต้น ๓) กำรประเมนิ ตำมสภำพจรงิ (Authentic Assessment) การประเมินสภาพจริง เป็นการประเมินจากการปฏิบัติงานหรือกิจกรรมอย่างใด อย่างหน่ึง โดยงานหรือกิจกรรมที่มอบหมายให้ผู้เรียนปฏิบัติจะเป็นงาน หรือสถานการณ์ท่ีเป็นจริง (Real life) หรือใกล้เคียงกับชีวิตจริง จึงเป็นงานที่มีสถานการณ์ซับซ้อน (Complexity) และเป็นองค์รวม (Holistic) มากกว่างานปฏบิ ัตใิ นกิจกรรมการเรยี นทัว่ ไป วธิ กี ารประเมินสภาพจรงิ ไม่มีความแตกตา่ งจากการปฏิบตั ิ (Performance assessment) เพยี งแต่อาจมคี วามย่งุ ยากในการประเมนิ มากกว่า เน่อื งจากเป็นสถานการณ์จรงิ หรอื ตอ้ งจัดสถานการณ์ให้ ใกล้จริง แต่จะเกิดประโยชน์กับผู้เรียนมาก เพราะจะทาให้ทราบความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียนว่า มีจุดเดน่ และข้อบกพรอ่ งในเรอื่ งใด อนั จะนาไปสกู่ ารแกไ้ ขท่ีตรงประเดน็ ที่สุด ๔) กำรประเมนิ ดว้ ยแฟ้มสะสมงำน (Portfolio Assessment) การประเมนิ ด้วยแฟม้ สะสมงาน เปน็ วธิ กี ารประเมินที่ช่วยส่งเสริมให้การประเมินตามสภาพ จริงมีความสมบูรณ์สะท้อนศักยภาพท่ีแท้จริงของผู้เรียนมากขึ้น โดยการให้ผู้เรียนได้เก็บรวบรวม (Collect) ผลงานจากการปฏิบัติจริงท้ังในชั้นเรียนหรือในชีวิตจริงที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ตามสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ มาจัดแสดงอย่างเป็นระบบ (Organized) โดยมีจุดประสงค์เพื่อสะท้อนให้เห็น (Reflect) ความพยายาม เจตคติ แรงจูงใจ พัฒนาการ และความสัมฤทธิ์ผล (Achievement) ของการเรียนรู้ของผู้เรียน การวางแผนดาเนินงาน การประเมินด้วยแฟ้มผลงานท่ีสมบูรณ์จะช่วยให้ผู้สอนสามารถประเมินจากแฟ้ม สะสมงานแทนการประเมนิ จากการปฏิบตั จิ รงิ การประเมินดว้ ยแฟ้มสะสมงานมีแนวทางในการดาเนินงานดงั น้ี (๑) กาหนดโครงสร้างของแฟ้มสะสมงานจากวัตถุประสงค์ของแฟ้มสะสมงานว่า ต้องการสะท้อนสิง่ ใดเกยี่ วกบั ความสามารถและพฒั นาการของผู้เรยี น ท้ังนอ้ี าจพจิ ารณาจากตัวชีว้ ดั ตามสาระ การเรยี นรทู้ ส่ี ะทอ้ นได้จากการใหผ้ เู้ รยี นจัดทาแฟ้มสะสมงาน (๒) กาหนดวิธีการเก็บรวบรวมผลงานให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแฟ้มสะสมงาน เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนไดท้ าแฟม้ สะสมงาน (๓) กาหนดให้วิธีการประเมินงานเพ่ือพัฒนาช้ินงาน ซึ่งส่งผลถึงการพัฒนาผู้เรียนให้มี ความสามารถสงู สุด ท้งั น้คี รูควรจดั ทาเกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) สาหรับให้ผู้เรียนนาไปใช้เป็นข้อชี้นา ในการพัฒนางาน (๔) ส่งเสรมิ ให้เกิดความรว่ มมอื ในการพัฒนางาน โดยมสี ว่ นรว่ มในการประเมนิ จากทุก ฝ่าย แลว้ นาขอ้ มูลท่สี อดคล้องกนั ไปเป็นสารสนเทศหลกั ในการให้ขอ้ มลู ป้อนกลับ (Feedback) สาหรับให้ ผเู้ รียนใช้ในการปรับปรงุ แกไ้ ขขอ้ บกพร่อง (๕) จัดให้มีการนาเสนอผลงานท่ีได้สะสมไว้ โดยใช้วิธีการท่ีเหมาะสม ซ่ึงผู้สอนและ ผูเ้ รยี นควรวางแผนร่วมกนั ในการคดั เลือกช้นิ งานท่ดี ที ่ีสดุ ทัง้ นก้ี ารนาเสนอชิ้นงานแตล่ ะช้นิ ควรมีหลักฐานการ [๑๙]

พัฒนางานและการประเมินผลงานด้วยตนเอง เกณฑ์การประเมินผลงานประกอบไว้ด้วย ในการใช้วิธีการ ประเมินโดยแฟ้มสะสมงาน ผู้สอนควรคานึงด้วยว่าแฟ้มสะสมงานมีหลายประเภท การเลือกใช้แฟ้มสะสม งานประเภทใด ควรคานงึ ถึงรปู แบบและแนวทางในการพัฒนาแฟ้มสะสมงานใหเ้ หมาะสม เพ่ือให้แฟม้ สะสม งานชว่ ยพฒั นาความคดิ สรา้ งสรรคข์ องผเู้ รียนด้วย ๒.๓ กำหนดสัดส่วนกำรประเมินระหว่ำงเรียนกับกำรประเมินผลปลำยภำค/ปลำยปีเรียน หรือปลำยปี การประเมินระหว่างเรียนมีวัตถุประสงค์สาคัญ เพื่อมุ่งนาสารสนเทศ มาพัฒนาผู้เรียนและ ปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนของผู้เรียน การประเมินระหว่างเรียนที่ดาเนินการอย่างถูกต้อง เข้มงวด และจริงจัง จะให้ผลการประเมินท่ีสะท้อนภาพความสาเร็จ และศักยภาพของผู้เรียนได้ถูกต้อง สมบูรณ์ และน่าเชื่อถือ ดังนั้น ควรให้น้ำหนักควำมสำคัญของกำรประเมินระหว่ำงเรียนในสัดส่วนที่มำกกว่ำกำร ประเมินตอนปลำยภำค/ปลำยปีเรียนหรือปลำยปี ท้ังนี้โดยคานึงถึงธรรมชาติของรายวิชาและตัวชี้วัดเป็น สาคัญ แต่อย่างไรก็ตามในการประเมินเพื่อตัดสินผลการเรียนรายวิชาปลายภาค/ปลายปีเรียนหรือปลายปี ต้องนาผลการประเมินระหว่างเรียนไปใช้ในการตัดสินผลการเรียนด้วย ทั้งน้ีให้เป็นไปตามสัดส่วนและแนว ดาเนินการในระเบยี บทส่ี ถานศึกษาผกู้ าหนด ๒.๔ จัดทำเอกสำรบันทึกข้อมูลสำรสนเทศของผู้เรียน ผสู้ อนต้องจัดทาเอกสารบนั ทกึ ขอ้ มูล สารสนเทศเกีย่ วกบั การประเมินผลระหว่างเรียนอย่างเปน็ ระบบชัดเจน เพือ่ ใช้เป็นแหลง่ ขอ้ มลู ในการปรับปรุง แกไ้ ข สง่ เสรมิ ผ้เู รียน ใชเ้ ปน็ หลกั ฐานสาหรับการส่ือสารกับผู้เกี่ยวข้องและใช้เป็นหลกั ฐานสาหรบั ตรวจสอบ การปฏิบัติงานของผู้สอน ซ่ึงแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและความยุติธรรมในการประเมิน ท้ังนี้ให้เป็นไป ตามระเบียบที่สถานศึกษากาหนด ขอ้ มลู หลักฐานการประเมินระหว่างท่พี งึ แสดง ไดแ้ ก่ ๑) วธิ ีการและเครอื่ งมือทีใ่ ช้ในการเก็บข้อมลู ๒) ข้อมูลเก่ียวกับความสามารถของผู้เรียนตามวิธีการประเมิน เช่น บันทึกการสังเกต พฤติกรรม บันทึกคะแนนจากผลการประเมินช้ินงาน บันทึกคะแนนการประเมินโครงงาน บันทึกเก่ียวกับ การประเมนิ แฟม้ สะสมงาน เป็นต้น ๓. กำรประเมนิ เพอื่ สรปุ ผลกำรเรยี น การประเมนิ เพือ่ สรุปผลการเรยี นเปน็ การประเมนิ เพ่อื มงุ่ ตรวจสอบความสาเร็จของผเู้ รยี นเม่ือผ่าน การเรยี นรใู้ นชว่ งเวลาหนง่ึ หรือสิน้ สดุ การเรียนรายวชิ าปลายป/ี ปลายภาค/ปลายปีประกอบดว้ ย ๓.๑ กำรประเมนิ หลงั เรียน เป็นการประเมินผู้เรียนในเรื่องที่ได้เรียนจบแล้ว เพ่ือตรวจสอบว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตาม ตัวชี้วัดท่ีคาดหวังหรือไม่ เมื่อนาไปเปรียบเทียบกับผลการประเมินก่อนเรยี นว่าผู้เรียนเกิดพัฒนาการข้ึนมาก น้อยเพียงไร ทาให้สามารถประเมินได้ว่าผู้เรียนมีศักยภาพในการเรยี นร้เู พียงไร และกิจกรรมการเรียนที่จดั ข้ึนมีประสิทธิภาพในการพัฒนาผู้เรียนอย่างไร ข้อมูลจากการประเมินภายหลังการเรียน สามารถนาไปใช้ ประโยชน์ไดม้ ากมาย ไดแ้ ก่ ๑) ปรบั ปรุงแกไ้ ขซ่อมเสริมผเู้ รียนใหบ้ รรลตุ ัวชีว้ ดั หรอื จุดประสงค์ของการเรียน ๒) ปรับปรงุ แก้ไขวิธีเรยี นของผ้เู รียนให้มปี ระสทิ ธภิ าพยิ่งขนึ้ ๓) ปรับปรงุ แกไ้ ขและพฒั นาการจัดกิจกรรมการเรยี น การประเมินหลังเรียนน้ี ถ้าจะให้สอดคล้องกับการประเมินก่อนเรียนเพื่อการเปรียบเทียบ พฒั นาการของผเู้ รียนสาหรบั การวจิ ยั ในชน้ั เรียน ควรใชว้ ธิ ีการและเคร่อื งมอื ประเมินชุดเดยี วกนั หรอื คขู่ นานกัน [๒๐]

๓.๒ กำรประเมินผลกำรเรยี นปลำยภำค/ปลำยปี เป็นการประเมนิ ผลเพอื่ ตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ของผู้เรยี นในการเรียนรายวชิ าต่าง ๆ ตามตัวชวี้ ดั การประเมินผลนีน้ อกจากจะมีจุดประสงค์เพือ่ การสรุปตัดสนิ ความสาเร็จของผู้เรียนในแต่ละรายวชิ า รายภาค เป็นสาคัญแลว้ ยังใชเ้ ป็นข้อมูลสาหรบั ปรบั ปรงุ แกไ้ ข ซอ่ มเสรมิ ผเู้ รียนท่ีไมผ่ า่ นการประเมินตวั ช้ีวัดของแต่ละ รายวิชา ให้เกดิ พัฒนาการและมีผลการเรยี นตามตวั ชว้ี ัดอย่างครบถว้ นสมบูรณ์ด้วย การประเมินผลการเรยี นปลายภาค/ปลายปี สามารถใช้วธิ ีการและเครอ่ื งมอื การประเมินได้ อย่างหลากหลาย ให้สอดคล้องกบั ตัวชวี้ ัด เนอ้ื หาสาระ กิจกรรมและชว่ งเวลาในการประเมิน อย่างไรก็ดี เพอ่ื ใหก้ ารประเมินผลการเรียนดังกล่าวมสี ว่ นทีเ่ ก่ียวขอ้ งสัมพันธแ์ ละสนบั สนุนการเรียนการสอน จงึ ใหน้ าผล การประเมนิ ผลระหวา่ งเรียนไปใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลในการประเมนิ ผลการเรียนปลายภาค/ปลายปี โดยสัดสว่ นการ ประเมนิ ผลระหว่างเรียนมากกวา่ การประเมนิ ผลปลายภาค/ปลายปีเรยี น วธิ ีกำรปฏิบัติกำรประเมนิ ผลตำมกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ๘ กลุ่ม การดาเนินการประเมินผลตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่ม โรงเรียนกาหนดวิธีการปฏิบัติ โดยคณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รและวิชาการรว่ มกนั กาหนดหลกั การประเมินผล ๘ กลุม่ สาระ ดังน้ี ๑. ทุกกลุ่มสาระใหม้ ีการประเมนิ ผลทกุ รายวิชาให้ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการ และคณุ ลกั ษณะ โดยมีการประเมนิ ผล ดังน้ี ๑.๑ การประเมินผลกอ่ นเรียน ๑.๑.๑ ประเมินผลก่อนเรียนเพ่ือตรวจสอบความพร้อมและพ้ืนฐานของผู้เรียนและจัด กิจกรรมซอ่ มเสรมิ เพ่อื ใหม้ คี วามรูพ้ ื้นฐานเพยี งพอทีจ่ ะเรียน ๑.๑.๒ ประเมินก่อนเรียนเพ่ือตรวจสอบความรอบรู้ในเน้ือหา และทักษะที่จะเริ่มเรียน เพอื่ เป็นข้อมูลเปรียบเทยี บผลการเรียนหลงั เรยี น แสดงการพัฒนาการของผูเ้ รยี น ๑.๑.๓ การประเมินผลระหว่างเรียน ให้มีการประเมินผลเป็นระยะ ๆ และสอดคล้องกับ ตวั ชวี้ ดั โดยใช้การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ ดว้ ยวธิ ีการทหี่ ลากหลายท้งั วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือ และแหลง่ ข้อมูล เพ่ือมุ่งตรวจสอบพฒั นาการของผู้เรียน และนาผลการประเมินไปปรับปรุงแก้ไขจนผู้เรยี นสามารถบรรลุตาม เกณฑ์ขั้นต่าที่กาหนดไว้ โดยใช้วิธีการที่หลากหลายเหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละบุคคล ในกรณีท่ีผู้เรยี น ต้องการพัฒนาปรับปรุงผลการเรียนให้สูงข้ึน ให้ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนาปรับปรุงแก้ไขผลงาน/ ชิ้นงานตนเองจนเต็มศักยภาพของผเู้ รียนภายในเวลาที่กาหนดให้ ๑.๑.๔ การประเมินรายภาค ในการประเมินผลปลายภาค/ปลายปีสามารถประเมินจาก การปฏิบัติ การส่ือสาร เช่น การสัมภาษณ์จากผลงาน / ชิ้นงาน โครงงานหรือแบบทดสอบ ทั้งนี้ให้ สอดคล้องกบั ตัวชวี้ ัด ๒. การกาหนดสัดส่วนระหว่างเรียนกับการประเมินปลายภาค/ปลายปี/ปลายปี ให้กลุ่มสาระ การเรียนรแู้ ต่ละกลุม่ รว่ มกันกาหนดตามหลกั การทค่ี ณะกรรมการการบริหารหลกั สูตรและวิชาการ ดงั น้ี ๒.๑ การประเมินผลระหว่างเรียน ให้มีการประเมินผลไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของการ ประเมนิ ผลท้ังหมด ยกเวน้ กล่มุ สาระการเรียนร้ศู ิลปะ และกล่มุ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ให้มีการประเมนิ ผลไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ ๗๐ ๒.๒ การประเมนิ ผลระหว่างเรยี นและการประเมนิ ผลปลายภาค/ปลายปี ให้มกี ารประเมินทง้ั ด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะ ๒.๓ ในรายวิชาเดยี วกันให้มีการกาหนดสัดส่วนระหว่างเรียนกบั ปลายภาค/ปลายปี และ วางแผนประเมนิ ผลตลอดภาคเรียนร่วมกัน [๒๑]

๒.๔ ในกรณีที่มีการประเมินผลด้วยแบบทดสอบ ให้มีการประเมินโดยใชว้ ิธีการให้ผู้เรียนตอบ แบบทดสอบอัตนัย โดยมกี ารให้คะแนนคดิ เปน็ ร้อยละ ๗๐ ของการทดสอบครงั้ น้นั ๓. การจัดทาเอกสารบันทกึ ขอ้ มลู สารสนเทศของผ้เู รียน ประกอบดว้ ย ๓.๑ ผ้สู อนแตล่ ะรายวชิ าจัดทาแผนการประเมนิ ผลในรายวชิ าของตนเองตลอดภาคเรียน โดยมี หวั ขอ้ ดงั นี้ ๑) การประเมินผลก่อนเรียน ๒) การประเมนิ ระหว่างเรียน ๓) การประเมนิ ปลายภาค/ปลายปี ๔) อตั ราส่วนน้าหนกั คะแนนระหว่างความรู้ (K) ทกั ษะกระบวนการ (P) และคณุ ลักษณะ (A) และรายละเอยี ดน้าหนักคะแนนของแตล่ ะตวั ช้ีวดั พรอ้ มท้งั ระบุวิธีการวัด เครื่องมือวัด และประเมินผล ในแตล่ ะตวั ช้ีวดั ๕) กาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ประกอบด้วยคุณลักษณะตามธรรมชาติวิชา และ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ของสถานศกึ ษาทง้ั นี้ให้ใชแ้ บบสรปุ ผลการประเมนิ ตามแบบบนั ทกึ ทแี่ นบท้ายค่มู อื นี้ ๓.๒ จัดทาแบบบันทึกข้อมูลผลการประเมินท่ีแสดงสารสนเทศของผู้เรียน ทั้งน้ีเพ่ือใช้เป็น แหล่งข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมผู้เรียน และใช้เป็นหลักฐานสาหรับสื่อสารกับผู้เกี่ยวข้อง และใช้ เป็นหลักฐานสาหรบั ตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้สอน ดังนั้นข้อมูลควรแสดงถึงรอ่ งรอยการพฒั นา พร้อม ระบุข้อสังเกตที่เน้นข้อค้นพบท่ีเป็นจุดเด่นและจุดด้อยของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ท้ังระหว่างเรียนและปลาย ภาค/ปลายปี ๓.๓ จัดทาแบบบันทึกการประเมินความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน เพ่ือแสดงร่องรอยหลักฐานการพัฒนาความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน และสรุปผล การประเมนิ ตามแบบสรปุ ผลการประเมินแนบท้ายคมู่ ือน้ี ๓.๔ จัดทาแบบบันทึกการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อแสดงร่องรอยหลักฐาน การพฒั นาคณุ ลักษณะผ้เู รียน และสรปุ ผลการประเมนิ ตามแบบสรปุ ผลการประเมินแนบท้ายคูม่ ือนี้ ๓.๕ นาผลการประเมนิ จากขอ้ ๓.๒, ๓.๓ และ ๓.๔ มาสรุปและบนั ทกึ ลงในแบบ ปพ.๕ ๔. การตดั สนิ ผลการเรียนกล่มุ สาระการเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ ๔.๑ การตดั สนิ ผลการเรยี นใหน้ าผลการประเมินระหว่างเรียนรวมกับผลการประเมิน ปลายภาค/ปลายปี โดยใชเ้ กณฑ์ ดงั นี้ ตำรำงแสดงคะแนน และระดบั ผลกำรเรียน ช่วงคะแนนเป็นรอ้ ยละ ความหมาย ระดับผลการเรียน ๘๐ - ๑๐๐ ผลการเรียนดเี ย่ยี ม ๔ ๗๕ - ๗๙ ผลการเรียนดมี าก ๓.๕ ๗๐ - ๗๔ ผลการเรียนดี ๓ ๖๕ - ๖๙ ผลการเรียนคอ่ นข้างดี ๒.๕ ๖๐ - ๖๔ ผลการเรยี นน่าพอใจ ๒ ๕๕ - ๕๙ ผลการเรียนพอใช้ ๑.๕ ๕๐ - ๕๔ ผลการเรยี นผ่านเกณฑ์ข้นั ตา่ ท่ีกาหนด ๑ ๐ - ๔๙ ผลการเรยี นต่ากวา่ เกณฑข์ ้ันตา่ ท่กี าหนด ๐ [๒๒]

เมือ่ ครผู ้สู อนตัดสินผลการเรียนแลว้ ใหด้ าเนินการ ดงั นี้ (1) สง่ ผลการตัดสนิ ใหอ้ นกุ รรมการกล่มุ สาระพิจารณาให้การเหน็ ชอบ / แกไ้ ข แล้วส่งให้ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการพิจารณาเห็นชอบ เพ่ือนาเสนอผู้บริหารสถานศึกษาอนุมัติ ผลการเรียน (2) ส่งผลการเรยี นให้ ครูท่ปี รกึ ษากรอกผลการเรียนลงในแบบ ปพ.๖ และนายทะเบยี น วัดผลกรอกในแบบ ปพ.๑ ๕. การให้ผลการเรียน “ร” ๕.๑ การให้ผลการเรียน “ร” หมายถงึ ผูเ้ รยี นท่ีมลี ักษณะ ดงั นี้ ๑) ผู้เรยี นไมไ่ ดร้ บั การประเมิน หรือประเมินแลว้ ไมผ่ ่านเกณฑ์ระหว่างเรียน ๒) ผเู้ รยี นไมไ่ ด้รบั การประเมนิ ปลายภาค/ปลายปี ๕.๒ วิธีการให้ผลการเรียน “ร” เมื่อผู้สอนพบว่าผู้เรียนไม่ได้เข้ารับการประเมินผลระหว่าง เรยี นหรือปลายภาค/ปลายปี ใหผ้ ้สู อนรายงานพร้อมหลักฐานประกอบการพิจารณาเสนอผู้บรหิ ารเพ่ืออนุมัติ ผลการเรียน “ร” แลว้ ประกาศผลใหน้ ักเรยี นทราบ ๖. การให้ผลการเรยี น “มส” ๖.๑ การให้ผลการเรียน “มส” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ของเวลา ท้งั หมด ๖.๒ วิธีการให้ผลการเรียน “มส” ให้ผู้สอนรายงานพร้อมแนบเวลาเรียนของผู้เรียน เสนอผู้บรหิ ารเพือ่ อนมุ ัติผลการเรียน “มส” กอ่ นประเมนิ ผลปลายภาค/ปลายปี ๒ สัปดาห์ ๗. การแก้ไข “๐” ๗.๑ ผ้เู รียนนาใบแจ้งความจานงการแกไ้ ข “๐” พบครูผสู้ อนประจาวชิ า ๗.๒ ผู้สอนดาเนินการพัฒนาผู้เรียนในผลการเรียนรู้ท่ีไม่ผ่านเกณฑ์ จนผู้เรียนสามารถบรรลุ ผลตามเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ โดยให้ผลการเรียนไมเ่ กิน “๑” ๗.๓ ผู้สอนรวบรวมและสรุปผลการแก้ไข “๐” ไปยังงานวัดผลของโรงเรียนเพื่อเสนอต่อ ผบู้ รหิ ารอนุมัติ และแจ้งผู้เกยี่ วขอ้ ง ๘. การแก้ไข “ร” ๘.๑ ผเู้ รยี นนาใบแจง้ ความจานงการแก้ไข “ร” พบครผู ู้สอนประจาวชิ า ๘.๒ ผสู้ อนดาเนินการตามสาเหตุของผลการเรียน “ร” นั้น ๆ โดยใหผ้ ลการเรยี นตามเกณฑ์ ขอ้ ๔ ๘.๓ ผู้สอนรวบรวมและสรุปผลการแก้ไข “ร” ไปยังงานวัดผลของโรงเรียนผ่านคณะ กรรมการบรหิ ารหลกั สูตรและวิชาการเห็นชอบ เพ่อื เสนอตอ่ ผบู้ ริหารอนุมัติ แลว้ แจ้งผเู้ กยี่ วข้อง ๙. การแก้ไข “มส” ๙.๑ ผเู้ รยี นนาใบแจง้ ความจานงไปพบครผู ูส้ อนประจาวิชา ๙.๒ ผู้สอนพิจารณาว่าผู้เรียนมีข้อบกพร่องอะไร ให้ดาเนินการพัฒนาแก้ไขในสิ่งนน้ั จนบรรลุ เกณฑข์ ้ันต่าที่กาหนดไว้ โดยใหผ้ ลการเรยี นไมเ่ กนิ “๑” ๙.๓ ผู้สอนรวบรวมและสรุปผลการแก้ไข “มส” ส่งงานวัดผลของโรงเรียนผ่านคณะ กรรมการบริหารหลักสตู รและวิชาการเหน็ ชอบ เพือ่ เสนอผบู้ รหิ ารอนมุ ตั ิ แลว้ แจ้งผเู้ กย่ี วข้อง ๑๐. การแก้ไข “๐” “ร” และ “มส” ให้ดาเนินการแก้ไขให้เสร็จส้ินภายใน ๒ สัปดาห์ หลังจากไดร้ ับแจง้ ประกาศของงานวดั ผลโรงเรยี น [๒๓]

สว่ นท่ี ๒ กำรประเมินกิจกรรมพัฒนำผเู้ รยี น กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นกิจกรรมที่สถานศึกษาได้ให้ผู้เรียนในทุก ระดับช้ันการศึกษาได้พัฒนา ความสามารถของตนเองตามความถนัดและความสนใจให้เต็มศักยภาพ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์รวมของ ความเป็นมนุษย์ท้ังด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโดยรวมของ สถานศึกษา มีการดาเนินการอยา่ งมเี ป้าหมายชดั เจน มีรปู แบบ และวิธกี ารท่คี รทู ่ปี รกึ ษากิจกรรมและผ้เู รยี น รว่ มกนั กาหนด ผ้เู รียนตอ้ งผ่านเกณฑก์ ารประเมินกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี นตามท่สี ถานศกึ ษากาหนด จงึ จะผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ชนั้ ๑. ลักษณะกิจกรรมพฒั นำผ้เู รียน แบง่ เป็น ๓ ลกั ษณะ คือ ๑.๑ กจิ กรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมทีส่ ่งเสรมิ และพฒั นาความสามารถของผู้เรียนใหเ้ หมาะสม ตามความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล สามารถคน้ พบและพฒั นาศักยภาพของตนเสริมสร้างทกั ษะชวี ิต วฒุ ิภาวะ ทางอารมณ์ การเรียนรใู้ นเชงิ พหปุ ญั ญา และการสร้างสมั พันธภาพที่ดี ซง่ึ ครทู กุ คนตอ้ งทาหนา้ ทีแ่ นะแนวให้ คาปรึกษาด้านชวี ิต การศึกษาต่อและการพัฒนาตนเองส่โู ลกอาชพี และการมีงานทา ๑.๒ กิจกรรมนกั เรยี น เป็นกิจกรรมทีผ่ ้เู รียนเปน็ ผปู้ ฏิบัติดว้ ยตนเองอยา่ งครบวงจรตงั้ แต่ศึกษา วเิ คราะห์ วางแผน ปฏิบตั ิตามแผน ประเมิน และปรบั ปรงุ การทางาน โดยเน้นการทางานร่วมกันอย่างเป็น กลุ่ม ได้แก่ โครงงาน กิจกรรมตามความสนใจชุมนุมวิชาการ กิจกรรมพัฒนานิสัยรักการอ่าน การคิด วิเคราะห์ และเขียน กิจกรรมสาธารณประโยชน์ ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด และผู้บาเพ็ญประโยชน์ และกจิ กรรมพฒั นาคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องผู้เรยี น ๑.๓ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมทสี่ ่งเสริมให้ผู้เรยี นบาเพ็ญตนให้ เป็นประโยชนต์ ่อสังคม ชมุ ชน และทอ้ งถ่ินตามความสนใจในลักษณะอาสาสมคั รเพ่อื แสดงถงึ ความ รบั ผิดชอบ ความดงี าม ความเสยี สละต่อสังคม มจี ิตสาธารณะ เช่น กจิ กรรมอาสาพัฒนาตา่ ง ๆ กจิ กรรม สร้างสรรค์สังคม ๒. กำรประเมินกิจกรรมพัฒนำผู้เรียนรำยกจิ กรรม ๑) ผู้รับผิดชอบกิจกรรมประเมินการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนตามจุดประสงค์ของแต่ละ กิจกรรม โดยประเมินจากพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมและผลการปฏิบัติกิจกรรมด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย ตามสภาพจรงิ ๒) ผู้รับผิดชอบกิจกรรมตรวจสอบเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียนว่าเป็นไปตามเกณฑ์ท่ี สถานศึกษากาหนดไว้หรอื ไม่ ๓) ตัดสินให้ผู้เรียนที่ผา่ นจดุ ประสงคส์ าคัญของกจิ กรรม มผี ลงานช้ินงานหรอื หลักฐานประกอบ และมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ ให้เป็นผู้ผ่านการประเมินผลการร่วมกิจกรรม ผู้เรียนท่ีมีผลการ ประเมินบกพร่องในเกณฑ์ใดเกณฑ์หน่ึง จะเป็นผู้ไม่ผ่านการประเมินผลการร่วมกิจกรรม จะต้องซ่อมเสริม ขอ้ บกพร่องให้ผ่านเกณฑก์ ่อน จงึ จะได้รับการตัดสนิ ใหผ้ า่ นกิจกรรม ๓. กำรประเมินกจิ กรรมพฒั นำผเู้ รียนเลื่อนชัน้ /จบหลักสตู ร เป็นการประเมินสรุปผลการผ่านกิจกรรมตลอดปีการศึกษาของผู้เรียนแต่ละคนเพ่ือนาผล ไปพจิ ารณาตัดสนิ การเลื่อนชนั้ โดยมขี ้นั ตอนปฏบิ ตั ิ ดังน้ี ๓.๑ คณะกรรมการที่ได้รับแต่งต้ังรวบรวมผลการประเมินแต่ละกิจกรรมมาตัดสินตามเกณฑ์ การตัดสนิ การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน และรายงานผลต่อผปู้ กครอง ๓.๒ คณะกรรมการสรุปผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้คณะกรรมการบริหาร หลกั สตู รและวชิ าการเพ่ือพจิ ารณาเหน็ ชอบ [๒๔]

๓.๓ ผบู้ ริหารสถานศกึ ษาพจิ ารณาตัดสินอนุมตั ิผลการประเมนิ รายภาค ๓.๔ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการ รวบรวมผลการประเมินรายภาค ตัดสินผล การเลื่อนช้นั /จบหลกั สูตร เสนอผบู้ รหิ ารอนมุ ัติ ๔. เกณฑ์ตัดสนิ ผลกำรประเมินกจิ กรรมพัฒนำผูเ้ รียน ๔.๑ เกณฑก์ ารตัดสนิ รายกิจกรรมพจิ ารณาจาก ๑) เข้ารว่ มกจิ กรรมไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาทั้งหมด ๒) ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมด้านการเรียนรู้ไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๗๐ ๓) ผเู้ รียนปฏบิ ัติกิจกรรมและผา่ นจดุ ประสงค์สาคญั ของแตล่ ะกจิ กรรมกาหนดทุกข้อ ๔.๒ ผเู้ รียนต้องผ่านเกณฑ์ ข้อ ๔.๑ ถอื ว่าผา่ นรายกจิ กรรม ๔.๓ เกณฑก์ ารตัดสนิ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ผู้เรียนตอ้ งได้รับผลการประเมินผ่านทงั้ กิจกรรม แนะแนว กจิ กรรมนักเรียนทุกกิจกรรมและกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ถอื ว่าผ่านกจิ กรรมพฒั นา ผูเ้ รยี น ๔.๔ เกณฑก์ ารผ่านเลอื่ นชัน้ / จบหลกั สตู ร ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ ับผลการประเมิน ผำ่ น ทกุ กิจกรรม รายภาค ๕. แนวทำงกำรซอ่ มเสรมิ กจิ กรรมพัฒนำผ้เู รยี น ๕.๑ กรณีไม่ผา่ นเนือ่ งจากเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบ คณะกรรมการพัฒนาและการประเมิน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กาหนดกิจกรรมให้ผู้เรียนไปปฏิบัติตามเวลาท่ีกาหนด ภายใต้การควบคุมดูแลของที่ ปรึกษากิจกรรมนั้น ๆ จนกว่าผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมน้ันได้ อาจารย์ประจากิจกรรม สรุปรายงานผลการ ปฏิบัติกิจกรรมให้คณะกรรมการพิจารณาผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อตัดสินผลการผ่าน กิจกรรมรายภาค ๕.๒ กรณีไม่ผ่านจุดประสงค์สาคัญของกิจกรรมให้คณะกรรมการมอบหมายภาระงานที่ ผเู้ รียนไมผ่ ่านไปปฏิบัติภายใต้การดูแลของอาจารย์ที่ปรกึ ษากิจกรรม จนกวา่ ผู้เรยี นจะปฏิบัตติ ามภาระงานนน้ั ได้ ให้ท่ีปรึกษาสรุปผลการปฏิบัติส่งให้คณะกรรมการพิจารณาผลการประเมินการซ่อมเสริม เพื่อตัดสินผล การผ่านกจิ กรรมเป็นรายภาค ๕.๓ คณะกรรมการสรุปผลการประเมินทงั้ กรณใี น ขอ้ ๕.๑ และ ขอ้ ๕.๒ สง่ คณะกรรมการ บริหารหลกั สตู รและวชิ าการ เห็นชอบและเสนอผู้บริหารอนมุ ัตติ ่อไป สว่ นท่ี ๓ กำรพัฒนำและประเมินผลคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๑. ควำมสำคญั ของคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผเู้ รยี น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นหัวใจสาคัญในการพัฒนาประเทศ โดยท่ีมีการจัดการศึกษา เป็นวิธีการหลักที่สาคัญที่สุด การจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ จึงจาเป็นต้องมีการพัฒนา ผู้เรียนให้เป็นผู้ที่มีการพัฒนาการท้ังด้านปัญญา จิตใจ ร่างกาย และสังคม การพัฒนาจิตใจจึงถือเป็นสิง่ ท่ี สาคัญอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตราที่ ๒๓ “การจัด การศึกษาทั้งการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยต้องเน้นท้ังความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ” มาตรา ๒๔ วรรค ๔ “จัดการ เรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ต่าง ๆ อยา่ งเปน็ สัดสว่ นสมดุลกัน รวมทง้ั ปลกู ฝงั คุณธรรม คา่ นิยม ทด่ี งี าม และคุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงคไ์ ว้ในทุกวิชา [๒๕]

ด้วยเหตุดังกล่าวขา้ งตน้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ จึงกาหนด ไว้ใน จุดหมายของหลักสูตรเป็นข้อแรก คือ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณค่า ของตนเอง มวี ินยั และปฏบิ ัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาทต่ี นนับถอื ยดึ หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง และกาหนดให้สถานศึกษาได้สร้างหลักสูตรสถานศึกษาด้วยตนเอง ทั้งน้ีเพ่ือให้เป็น หลักสูตรท่ีตอบสนองต่อความเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นไปตามความต้องการจาเป็นของ ชุมชนท้องถิ่นของตนอง โดยท่ีสถานศึกษาจะต้องร่วมกับชุมชนกาหนดเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน ด้านคุณธรรม จริยธรรมค่านิยมที่สอดคล้องกับสภาพปัญหา ความจาเป็นของชุมชน และท้องถิ่น และ กาหนด เป็นเกณฑ์การจบหลักสูตรข้อหน่ึง ในแต่ละระดับ คือ ผู้เรียนต้องผ่านการประเมินคุณลักษณะ อนั พึงประสงค์ตามเกณฑท์ ีส่ ถานศกึ ษากาหนด ๒. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อให้ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ได้กาหนดให้ สถานศกึ ษาทกุ แห่ง พฒั นาผเู้ รยี น ดังนี้ ๑) รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒) ซอ่ื สัตย์สจุ รติ ๓) มีวนิ ัย ๔) ใฝเ่ รียนรู้ ๕) อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง ๖) มุ่งมน่ั ในการทางาน ๗) รกั ความเป็นไทย ๘) มีจิตสาธารณะ ควำมหมำยและตัวบ่งชีค้ ณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ๒.๑ คณุ ลกั ษณะ : รกั ชำติ ศำสน์ กษัตริย์ ควำมหมำย รักชำติ ศำสน์ กษัตริย์ หมายถึง ลักษณะของบุคคลท่ีแสดงออก ด้วย กาย วาจา และใจ ตวั บ่งช้ีคณุ ลกั ษณะ รักชำติ ศำสน์ กษัตริย์ ๒.๑.๑ มีความจงรักดภี ักดใี นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ๒.๑.๒ ปฏิบตั ิตนตามหลักธรรมศาสนา ๒.๒ คุณลกั ษณะ : ซอื่ สัตยส์ ุจริต ควำมหมำย ซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง ลักษณะของบุคคลท่ีแสดงออกด้วยกาย วาจา และใจ ตัวบ่งชค้ี ุณลักษณะ ซ่ือสัตยส์ ุจริต ๒.๒.๑ ไม่นาสงิ่ ของผู้อ่ืนมาเปน็ ของตน ๒.๒.๒ ไม่พดู เทจ็ ทั้งต่อหนา้ และลบั หลัง [๒๖]

๒.๓ คณุ ลกั ษณะ : มวี นิ ยั ควำมหมำย มีวินัย หมายถึง ลักษณะของบุคคลท่ีแสดงออกถึงความเอาใจใส่ จดจอ่ ต้งั ใจ มุ่งมั่นตอ่ หน้าทกี่ ารงาน การศึกษาเลา่ เรยี น และการเปน็ อยู่ของตนเอง และผอู้ ยู่ในความดูแล ตลอดจนสังคมอย่างเต็มความสามารถด้วยความผูกพัน เพื่อให้บรรลุผลสาเร็จตามความมุ่งหมายในเวลาที่ กาหนด ยอมรบั ผลการกระทาทั้งผลดแี ละผลเสียทเี่ กดิ ขึน้ รวมท้ังปรบั ปรุงการปฏิบตั ใิ หด้ ขี ้นึ ด้วย ตวั บง่ ชค้ี ณุ ลกั ษณะ มวี นิ ยั ๒.๓.๑ มีความพยายามปฏิบัติภารกิจ หน้าที่การงาน การศึกษา หรือหน้าที่ที่ได้รับ มอบหมายอย่างเต็มความสามารถ ๒.๓.๒ ตรงต่อเวลา ๒.๓.๓ ทางานโดยคานึงถึงคณุ ภาพของงาน ๒.๓.๔ ดแู ลรักษาสาธารณสมบตั ิ ๒.๔ คุณลักษณะ : ใฝเ่ รียนรู้ ควำมหมำย ใฝ่เรยี นรู้ หมายถึง ลักษณะของบุคคลทีแ่ สดงออกถงึ ความใฝ่เรยี น ใฝ่รู้ ตัวบ่งช้ีคณุ ลกั ษณะ ใฝ่เรียนรู้ ๒.๔.๑ มกี ารซกั ถามปัญหาในและนอกบทเรียนสม่าเสมอ ๒.๔.๒ รจู้ ักใช้แหลง่ เรียนร้ภู ายในและนอกโรงเรยี นประกอบการเรยี นรู้ ๒.๕ คณุ ลักษณะ : อยูอ่ ยำ่ งพอเพยี ง ควำมหมำย อยู่อย่ำงพอเพียง หมายถึง ลักษณะของบุคคลท่ีแสดงถึงการประพฤติตน เป็นผู้ประหยัดเวลา ทรพั ย์ และแรงงาน ทงั้ ของตนเองและส่วนรวม ตลอดจนวางแผนออมเพ่ืออนาคต ตวั บ่งชี้คณุ ลกั ษณะ อยู่อยำ่ งพอเพียง ๒.๕.๑ เลอื กใช้สงิ่ ของทเ่ี หมาะสมกบั สถานภาพของตนและการใช้งาน ๒.๕.๒ ใช้น้า ใชไ้ ฟ อยา่ งระมัดระวัง และเฉพาะสว่ นที่จาเป็น ๒.๖ คุณลักษณะ : มุ่งมน่ั ในกำรทำงำน ควำมหมำย มงุ่ มนั่ ในกำรทำงำน หมายถงึ ความสามารถทางร่างกาย ความคิด จติ ใจ ที่จะปฏิบัตกิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ใหส้ าเร็จลลุ ่วงตามเปา้ หมายที่กาหนด ไม่ย่อทอ้ ต่อปัญหาอปุ สรรค ตวั บง่ ชี้คณุ ลกั ษณะ มุ่งมน่ั ในกำรทำงำน ๒.๖.๑ มคี วามเข้มแขง็ พยายามเอาชนะปัญหาอุปสรรคโดยไม่ยอ่ ท้อ ๒.๖.๒ มีจิตใจหนักแน่น สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมให้เป็นปกติเมื่อพบกบั ปัญหาหรอื สงิ่ ยว่ั ยุตา่ ง ๆ ๒.๗ คุณลกั ษณะ : รักควำมเปน็ ไทย ควำมหมำย รกั ควำมเป็นไทย หมายถงึ ลักษณะของบุคคลท่ีแสดงถงึ การปฏิบัติตนท้ัง กาย ใจ และความคิดท่คี านงึ ถึงความเป็นไทย ตัวบ่งชคี้ ณุ ลักษณะ รักควำมเป็นไทย ๒.๗.๑ ใช้สิง่ ของทผี่ ลิตในประเทศ ๒.๗.๒ เข้าร่วมกจิ กรรมท่เี กย่ี วข้องกบั วฒั นธรรม ประเพณีไทย และแตง่ กายแบบไทย ๒.๗.๓ ใชภ้ าษาไทยได้ถูกต้อง [๒๗]

๒.๘ คุณลกั ษณะ : มีจติ สำธำรณะ ควำมหมำย มีจิตสำธำรณะ หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงถึงการใช้วาจา ใจ และกาย ตอ่ บคุ คลอน่ื ด้วยความเมตตา ใหค้ วามช่วยเหลอื โดยไม่หวังสง่ิ ตอบแทน ตวั บง่ ช้คี ณุ ลกั ษณะ มจี ิตสำธำรณะ ๒.๘.๑ ร่วมกิจกรรมการบาเพ็ญประโยชนส์ าธารณะ เชน่ วัด, โบราณสถาน ๒.๘.๒ อาสาปฏิบัตกิ จิ กรรมสาธารณประโยชน์ ๓. เกณฑ์กำรประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๓.๑ เกณฑ์กำรประเมนิ ตวั บง่ ช้ี ๑) เกณฑร์ ะดับคุณภาพ ระดับคณุ ภำพ ดีเยย่ี ม หมายถงึ ผู้เรียนมีพฤติกรรมตามตัวบง่ ช้ี รอ้ ยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของจานวนครัง้ ของการประเมินทัง้ หมด ดี หมายถึง ผเู้ รยี นมีพฤตกิ รรมตามตัวบ่งช้ี ร้อยละ ๖๕ – ๗๙ ของจานวนครัง้ ของการประเมินทงั้ หมด ผ่าน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤตกิ รรมตามตัวบ่งช้ี รอ้ ยละ ๕๐ – ๖๔ ของจานวนคร้งั ของการประเมนิ ทั้งหมด ไม่ผา่ น หมายถึง ผเู้ รียนมพี ฤตกิ รรมตามตวั บ่งชี้ รอ้ ยละต่า ๕๐ ของจานวนคร้ังของการประเมินทั้งหมด ๒) เกณฑก์ ารตัดสินการผา่ นแต่ละตวั บ่งช้ี ผเู้ รยี นตอ้ งมีพฤติกรรมตามตัวบ่งชอ้ี ย่ใู นระดับผ่านข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ นแต่ละตัวบ่งชี้ ๓.๒ เกณฑ์กำรประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๓.๒.๑ ให้คดิ ค่าฐานนิยม (Mode) จากเกณฑก์ ารประเมินตวั บง่ ชี้มาเป็นระดบั คณุ ภาพของ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์แตล่ ะขอ้ ๓.๒.๒ ใหค้ ิดคา่ ฐานนิยม จากเกณฑก์ ารประเมินคณุ ลกั ษณะ ๘ ข้อ สรปุ เป็นคุณลกั ษณะ อันพึงประสงคข์ องรายวิชานั้น ๆ ๓.๒.๓ ให้คดิ ค่าฐานนยิ ม จากคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์รายวชิ า สรุปเป็นคุณลกั ษณะอัน พงึ ประสงคข์ องผเู้ รียนรายบคุ คล ๓.๓ เกณฑ์กำรตัดสนิ แต่ละคณุ ลักษณะ ผู้เรยี นตอ้ งไดร้ ับการประเมนิ อยใู่ นระดับคณุ ภาพ ผ่านขึน้ ไป ถือว่า ผ่ำน [๒๘]

แนวกำรพัฒนำและประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๑. ระดบั ผูป้ ฏิบตั ิ ในการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน โรงเรียนกาหนดให้ผู้สอนทุกรายวิชา ผู้รับผิดชอบงาน / โครงการ / กิจกรรม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ีนอกเหนือจากครูผู้สอนรายวิชาต่าง ๆ ได้ดาเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ครูผู้สอนรายวิชาต่าง ๆ ทุกรายวิชา ให้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชาของตนโดย สอดแทรกคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษาในคุณลักษณะใดคุณลักษณะหนึ่งท่ีเหมาะสม และ สอดคลอ้ งกับการจดั กจิ กรรมการเรยี นรนู้ ้นั ๆ โดยใหร้ ะบุไวใ้ นแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรูท้ ุกแผน ๑.๒ ผู้รับผิดชอบงาน / โครงการ / กิจกรรม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท้ังกิจกรรมแนะแนว กิจกรรมชุมนุมต่าง ๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นอกเหนือจากรายวิชาต่าง ๆ ให้ดาเนินการจัดกิจกรรมพัฒนา คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยระบไุ วใ้ นแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑.๓ ผูร้ บั ผิดชอบทัง้ ข้อ ๑.๑ และ ๑.๒ ดาเนินการพฒั นาพร้อมกบั ประเมินผลและปรับปรุง ผู้เรียนเป็นระยะ ๆ เพื่อแสดงพัฒนาการของผู้เรียน บันทึกร่องรอยหลักฐานการประเมนิ และปรับปรุงอย่าง ต่อเนื่อง เม่ือเสร็จส้ินภาคเรยี น / ปลายปี หรือสิ้นโครงการ / กิจกรรม ให้มีการประเมินและสรปุ ผลบนั ทกึ ลงใน แบบ ปพ. ๕ และระบุ จุดเด่น จุดด้อย ของผู้เรียนแต่ละคน ตามเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ พร้อมแนบ ข้อมลู บนั ทึกหลักฐานร่องรอยการประเมนิ และปรบั ปรุงประกอบส่งให้คณะกรรมการของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ของตนเอง ไดต้ รวจสอบความถูกต้องสมบรู ณ์ ๑.๔ คณะกรรมการแต่ละกลุ่มสาระรวบรวมผลการประเมินท้ังหมด และสรุปผลการประเมนิ ลงในใบ แบบ ปพ. ๕ ส่งคณะกรรมการประเมินคุณลักษณะของสถานศึกษาที่ได้รับการแต่งตั้งเพื่อ ดาเนินการต่อไป ๒. ระดบั คณะกรรมกำรประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของสถำนศึกษำ ให้มีการประเมินและตัดสินผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนทุกภาคเรียน / ปี โดยสถานศกึ ษาแต่งต้งั คณะกรรมการประเมินและตัดสนิ ผลการประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงคร์ ะดับชั้นละ ๓ – ๕ คน ดาเนินการดังน้ี ๒.๑ คณะกรรมการทุกระดับช้ัน ศึกษาและทาความเข้าใจร่วมกันในเร่ืองของเกณฑ์การ ประเมินระดับคุณภาพ ตลอดจนแนวทางการประเมินทีส่ ถานศึกษากาหนดไว้ ๒.๒ คณะกรรมการประเมนิ แตล่ ะระดบั ชนั้ นาผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคจ์ ากผู้ ปฏิบตั ิใน ขอ้ ๑ มารว่ มกันพจิ ารณาผลการประเมนิ และข้อมลู จากการบนั ทึกรอ่ งรอยหลกั ฐานท่ีแนบมาเป็น รายบุคคลเทียบกับเกณฑ์ที่กาหนดไว้ แล้วตัดสินผลการประเมิน สรุปผลการประเมิน บันทึกลงใน แบบ ปพ. ๕ ระบุจุดเด่นจุดด้อยของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ส่งคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการ เห็นชอบ และเสนอผ้บู รหิ ารอนุมตั ผิ ลการประเมนิ ๒.๓ กรณีท่ีคณะกรรมการไม่สามารถตัดสินผลการประเมิน เน่ืองจากข้อมูลไม่เพียงพอ ให้คณะกรรมการขอข้อมลู เพิม่ เติมจากผู้รับผิดชอบ จนสามารถตดั สินผลการประเมินได้ ๒.๔ นายทะเบียนนาผลการตัดสินมาดาเนินการจัดทา ปพ.๔ และหลักฐานการศึกษาอ่ืนที่ เกยี่ วข้อง และประกาศให้ผู้เกีย่ วขอ้ งรับทราบต่อไป [๒๙]

๓. กำรประเมนิ กำรเล่อื นชนั้ / กำรจบหลักสตู ร คณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รและวชิ าการ นาผลการประเมินรายภาค / รายปี มารว่ มพิจารณา และตดั สนิ ผลการเล่อื นชั้น / จบหลกั สตู ร แนวทำงในกำรซ่อมเสริมคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑. คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะร่วมกันพิจารณาว่า ผู้เรียนมีคุณลักษณะใดท่ีต้องพัฒนา ปรับปรุง ๒. คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะกาหนดแนวทางในการพฒั นาปรับปรุงพร้อมระยะเวลาโดย มอบหมาย ให้ที่ปรึกษาในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ดาเนินการติดตามช่วยเหลือแนะนาการปฏิบัติงาน ตามแนวทางทคี่ ณะกรรมการกาหนด ๓. กจิ กรรม ในการพัฒนาปรบั ปรุงผูเ้ รียน ๓.๑ กาหนดภาระงานหรอื กิจกรรมที่สอดคลอ้ งกับตัวบง่ ชีข้ องคุณลักษณะทตี่ ้องพัฒนาปรับปรงุ ๓.๒ ผู้เรียนร่วมกิจกรรมท่ีสอดคล้องกับคุณลักษณะที่ต้องพัฒนาปรับปรุงท้ังในและนอก โรงเรยี น ๓.๓ ผู้เรียนเสนอโครงงาน / งาน ท่ีสอดคล้องกับคุณลักษณะที่ต้องพัฒนาปรับปรุงให้ คณะกรรมการประเมินคุณลกั ษณะเห็นชอบ ๔. ผู้เรียนปฏิบัติตามแนวทางท่ีคณะกรรมการกาหนดหรือเห็นชอบ และรายงานผลการปฏบิ ัตใิ ห้ ท่ีปรึกษาในระบบดูแลทราบเป็นระยะ ๆ พร้อมกับมีผู้รับรองผลการปฏิบัติโดยท่ีปรึกษาบันทึกข้อคิดเห็นใน การปฏบิ ตั ิกิจกรรมจนเสรจ็ สนิ้ กจิ กรรม ๕. ที่ปรึกษาในระบบดูแล บันทึกผลแสดงพัฒนาการคุณลักษณะของผู้เรียนท่ีแสดงร่องรอย หลกั ฐานการปฏิบัตกิ จิ กรรมตา่ ง ๆ รวบรวมผลการปฏิบัติส่งคณะกรรมการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๖. คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะพิจารณาร่องรอยหลักฐานผลการปฏิบัติกิจกรรมเทียบกับ เกณฑ์ที่กาหนด แล้วประเมินและตัดสินผลการซ่อมเสริมคุณลักษณะอันพึงประสงค์สรุปผลเสนอต่อคณะ กรรมการบริหารหลกั สูตรและวชิ าการเห็นชอบ เพื่อเสนอตอ่ ผ้บู ริหารสถานศกึ ษาอนมุ ตั ิต่อไป ๗. นายทะเบยี นวดั ผลดาเนินการจดั ทา ปพ.๔ และแจ้งแก่ผเู้ ก่ยี วขอ้ งต่อไป ส่วนที่ ๔ กำรพฒั นำและประเมนิ ควำมสำมำรถในกำรอ่ำน คดิ วิเครำะห์ และเขยี น การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน จานวน ๓ ข้อ คอื ๑. อ่านและเข้าใจ สามารถคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ได้อย่างมีเหตุผลเป็นระบบ และเขียนเสนอ ความคิดได้ ตวั บง่ ชี้ท่ี ๑ เขยี นรายงานเร่ืองทศี่ ึกษาค้นคว้าได้ ตวั บง่ ชท้ี ่ี ๒ ตอบคาถามจากเรอื่ งท่ีศึกษาคน้ คว้าได้ ตวั บง่ ชีท้ ่ี ๓ เขยี นแสดงความคิดเหน็ จากเรอ่ื งท่ีอ่านได้ ตวั บง่ ช้ที ่ี ๔ เขียนสรุปจากเร่ืองทีอ่ า่ นได้ ๒. นาความรูค้ วามเข้าใจทไ่ี ดจ้ ากการอา่ นไปใช้ในการแกป้ ัญหา ตัดสนิ ใจ คาดคะเนเรอื่ งราวหรอื เหตุการณ์ และสรปุ เป็นแนวปฏบิ ัตไิ ด้ ตวั บ่งชีท้ ่ี ๑ ทาโครงงาน / รายงานในเรื่องทส่ี นใจไดต้ ามศกั ยภาพ ตวั บง่ ชี้ท่ี ๒ นาเสนอโครงงาน / รายงานได้ตามศักยภาพ ตัวบ่งช้ที ่ี ๓ เนอื้ หาในการทาโครงงาน / รายงานสอดคล้องกับเร่อื งที่เรียน [๓๐]

ตวั บง่ ชีท้ ่ี ๔ เขียนขั้นตอนในการปฏบิ ตั งิ านได้ ๓. มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถเขียนถา่ ยทอดความคดิ เพ่อื การสอื่ สารได้ ตวั บง่ ชท้ี ี่ ๑ เขียนเรื่องราวเชงิ สร้างสรรคไ์ ดต้ ามศักยภาพ ตัวบ่งชท้ี ี่ ๒ เขยี น / วาดภาพจากจนิ ตนาการในเร่อื งทตี่ นสนใจได้ แนวทำงและวธิ ีกำรประเมิน การประเมินความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน โรงเรียนจะใชแ้ นวทางการวัดและ การประเมินจากการปฏิบัติจริง (Authentic Performance Measurement) จึงกาหนดแนวทางและ วธิ กี ารประเมนิ ใหค้ รูผ้สู อนทุกกลุม่ สาระการเรยี นร้นู าไปใชใ้ นการประเมิน ดังนี้ ๑. วิธกี ำรประเมิน ๑.๑ ความสามารถจรงิ ของผู้เรียนในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมทางการเรียนรายวชิ าต่าง ๆ ในสว่ นท่ี เกี่ยวกับการอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขยี น โดยการสังเกตของครู ๑.๒ มอบหมายให้ผู้เรียนไปศึกษาค้นคว้า แลว้ เขียนเปน็ รายงาน ๑.๓ ผลงานเชงิ ประจักษ์ตา่ ง ๆ เก่ยี วกบั การอ่าน การคิด การวิเคราะห์ และเขยี นทีร่ วบรวม และนาเสนอในรูปของแฟม้ สะสมงาน ๑.๔ การทดสอบโดยใช้แบบทดสอบแบบเขยี นตอบ หรือเขยี นเรียงความ ๑.๕ การเขียนรายงานจากการปฏบิ ัตโิ ครงงาน ๒. เกณฑ์กำรประเมิน ผลงำน : กำรเขียนจำกกำรอ่ำน คิด วเิ ครำะห์ ๒.๑ การใชก้ ระบวนการอา่ นอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ๒.๒ การแสดงความคดิ เห็นอยา่ งมีวิจารณญาณ ๒.๓ ใช้กระบวนการเขียนสอ่ื ความอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ๓. เกณฑ์ระดบั คณุ ภำพ ควำมสำมำรถในกำรอำ่ น คิด วเิ ครำะห์ และเขียน เกณฑ์ระดับคณุ ภำพ : กำรอ่ำน ระดบั ดเี ยีย่ ม ระบุสาระของเร่ืองท่อี า่ นได้ถูกตอ้ งครบถว้ น ลาดับเรื่องทอี่ ่านได้ถกู ต้อง ระบปุ ระเดน็ สาคญั ของเร่ืองท่ีอ่านได้ถูกต้อง ระบจุ ุดมุ่งหมาย และเจตคติ ของผเู้ ขยี น ดี ระบุสาระของเรื่องทอ่ี า่ นไดถ้ ูกต้องครบถ้วน ลาดับเรอ่ื งทีอ่ ่านได้ถกู ต้อง ระบปุ ระเดน็ สาคญั ของเรื่องท่อี า่ นได้ถกู ต้อง ระบจุ ดุ มุ่งหมาย และเจตคติ ของผู้เขียนไม่ครบถว้ น ผ่ำน ระบุสาระของเร่ืองทอี่ ่านได้ถูกต้องครบถว้ น ลาดับเร่อื งท่อี า่ นค่อนข้างถูกต้อง ระบปุ ระเดน็ สาคญั ของเรื่องทอ่ี า่ นได้ไมส่ มบูรณ์ ระบุจุดมุง่ หมาย และเจตคติ ของผเู้ ขยี นเพียงเลก็ น้อย ไมผ่ ำ่ น ระบสุ าระของเร่ืองทีอ่ ่านไดไ้ ม่ครบถ้วน ลาดบั เร่ืองทีอ่ า่ นผดิ พลาดเล็กนอ้ ย ระบุประเดน็ สาคัญของเร่ืองทีอ่ ่านไม่ถูกตอ้ ง ไมร่ ะบุจดุ ม่งุ หมาย และเจตคติ ของผูเ้ ขยี น [๓๑]

เกณฑ์ระดับคณุ ภำพ : กำรคดิ วเิ ครำะห์ ระดับ ดีเยย่ี ม แสดงความคดิ เห็นชัดเจน มเี หตผุ ลระบขุ อ้ มลู สนับสนุนทีน่ า่ เชือ่ ถอื มีความคิด ทแี่ ปลกใหม่ เปน็ ประโยชนต์ ่อสังคมโดยส่วนรวม ดี แสดงความคดิ เหน็ ค่อนขา้ งชัดเจน มีเหตุผลระบขุ ้อมลู สนบั สนนุ มีความคิด ที่เป็นประโยชนต์ อ่ สังคมโดยสงั คมรอบข้างตนเอง ผ่ำน แสดงความคิดเหน็ ท่มี เี หตุผลระบขุ อ้ มลู สนับสนุนที่พอรบั ไดม้ คี วามคดิ ทเ่ี ป็น ประโยชน์ตอ่ ตนเอง ไม่ผำ่ น แสดงความคิดเห็นมีเหตุผลไมช่ ัดเจน ขาดขอ้ มูลสนบั สนุน มีความคดิ ท่ยี ังมอง ไม่เห็นประโยชนท์ ี่ชัดเจน เกณฑ์ระดบั คณุ ภำพ : กำรเขียน ระดบั ดีเย่ยี ม มีจุดประสงค์ในการเขยี นชดั เจนได้เนือ้ หาสาระ รูปแบบการเขียนถกู ตอ้ งมีข้นั ตอน การเขยี นชดั เจนง่ายตอ่ การตดิ ตาม ใชไ้ วยากรณแ์ ละสะกดคาถกู ต้อง พฒั นาสานวนภาษาทสี่ ่อื ความหมายได้ชดั เจนกะทดั รดั ดี มจี ดุ ประสงค์ในการเขียนชดั เจนไดเ้ น้ือหาสาระ รูปแบบการเขยี นถูกต้องมขี นั้ ตอน การเขียนชัดเจนง่ายต่อการตดิ ตาม ใช้ไวยากรณแ์ ละสะกดคาผิดพลาด ไม่เกิน ๓ แหง่ พฒั นาสานวนภาษาท่สี ื่อความหมายได้ชัดเจน ผ่ำน มจี ุดประสงคใ์ นการเขยี นชดั เจนและคอ่ นข้างไดเ้ นื้อหาสาระ รปู แบบการเขียน ถกู ตอ้ ง มีขั้นตอนการเขยี นชดั เจนง่ายตอ่ การติดตาม ใชไ้ วยากรณ์และสะกดคา ผดิ พลาดมากกวา่ ๓ แห่ง ขาดการพฒั นาสานวนภาษาท่สี ื่อความหมายได้ชดั เจน ไมผ่ ่ำน ขาดจุดประสงค์ในการเขียนและเนื้อหาสาระนอ้ ย ใชไ้ วยากรณแ์ ละสะกดคา ผดิ พลาดมาก ขาดการพฒั นาสานวนภาษาทีส่ ่อื ความหมาย ๔. กำรสรุปผลกำรประเมินควำมสำมำรถในกำรอ่ำน คิด วิเครำะห์ และเขยี น ๔.๑ ให้คิดค่าฐานนิยม (Mode) จากเกณฑ์การประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน มาเป็นระดับคณุ ภาพของแตล่ ะรายวชิ า ๔.๒ ใหค้ ดิ ค่าฐานนยิ ม จากเกณฑก์ ารประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขยี น ของแตล่ ะ รายวชิ า สรปุ เป็นผลการประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ของผู้เรยี นรายบุคคล ๕. เกณฑ์กำรตัดสนิ ควำมสำมำรถในกำรอ่ำน คดิ วเิ ครำะห์ และเขียน ๕.๑ ระดับรำยภำค ผูเ้ รยี นมีความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขยี น อยใู่ นระดับคณุ ภาพ ผ่าน ขึน้ ไป ถอื วา่ ผำ่ น ๕.๒ กำรเลอ่ื นชน้ั / จบหลกั สตู ร ผูเ้ รียนมีความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ผ่านทุกรายภาค [๓๒]

แนวทำงกำรพฒั นำและกำรประเมินกำรอ่ำน คดิ วิเครำะห์ และเขยี น ก ระดับผู้ปฏิบัติ ๑. กลุ่มครูผู้สอนแตล่ ะกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ ๑.๑ แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ร่วมกันกาหนดแนวทางในการพัฒนาความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ท่ีสอดคล้องกับธรรมชาติของแต่ละกลุ่มสาระ และสอดคล้องกับมาตรฐาน การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน ที่สถานศกึ ษากาหนด ๑.๒ ผูส้ อนทุกรายวิชานาแนวทางทกี่ าหนดไวใ้ น ข้อ ๑ วางแผนการจัดกจิ กรรมและดาเนนิ การ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้สอดแทรกในการจดั การเรยี นการสอนของตนเอง ๑.๓. ผู้สอนทุกรายวิชาดาเนินการประเมนิ และปรบั ปรงุ ความสามารถในการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขียน เป็นระยะ ๆ เม่ือส้ินภาคเรยี น / ปลายปี ประเมินผลพรอ้ มบันทึกรอ่ งรอยหลักฐานในการพฒั นา ปรบั ปรงุ และรวบรวมหลักฐานการประเมนิ ไว้ทีห่ มวดวชิ าเพอ่ื ใชเ้ ป็นหลักฐานสาหรับตรวจสอบการปฏบิ ัติงาน ของผสู้ อน ซึ่งจะแสดงให้เหน็ ถึงความโปร่งใส และความยุติธรรมในการประเมิน ๑.๔ บนั ทกึ สรุปผลการประเมินความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ลงใน แบบ ปพ.๕ แบบสรุปผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ๕. ผสู้ อนในแต่ละกล่มุ สาระร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง สมบูรณข์ องผลการประเมนิ แต่ละ รายวิชา แล้วสรุปผลการประเมินในระดบั กล่มุ สาระลงใน แบบ ปพ.๕ แบบสรุปผลการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน สง่ คณะกรรมการประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน ในระดับโรงเรยี นตอ่ ไป ๒. กลุ่มผรู้ ับผิดชอบกจิ กรรมพัฒนำเรยี นรู้ และกลุม่ ผู้รบั ผดิ ชอบงำน / โครงกำร / กิจกรรมใน ระดบั โรงเรยี น ๒.๑ วางแผนกาหนดกิจกรรมพัฒนาความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนที่ สอดคล้องกบั กิจกรรมในภาระงานท่ีตนเองรบั ผดิ ชอบ ๒๒ เนินการจัดกิจกรรมพฒั นาตามแผนท่วี างไว้ และประเมินพัฒนาปรับปรุงผ้เู รียนเป็นระยะ ๆ พร้อมบนั ทกึ รอ่ งรอยหลักฐาน ๒.๓ เมื่อสิ้นภาคเรียน ให้มีการประเมินผล และสรุปผลการประเมินตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษา กาหนดไว้ พร้อมให้ข้อสังเกตท่ีเป็นจุดเด่น จุดด้อย ของผู้เรียน บันทึกใน แบบ ปพ. ๕ และรวบรวม หลักฐานร่องรอยการพัฒนาปรับปรุงไว้ท่ีผู้ปฏิบัติ เพ่ือเป็นหลักฐานสาหรับตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้ ปฏิบตั ิ ส่งผลการประเมนิ ให้คณะกรรมการประเมนิ ระดับโรงเรยี นตอ่ ไป ข ระดับคณะกรรมกำรประเมนิ กำรอำ่ น คดิ วเิ ครำะห์ และเขยี น ของสถำนศกึ ษำ ๑. แต่งต้ังคณะกรรมการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน จานวน ๓ – ๕ คน ในแตล่ ะระดับชั้นเป็นรายภาค ๒. คณะกรรมการประเมินฯ ศึกษาเกณฑก์ ารประเมิน เพื่อใหเ้ กิดความเข้าใจตรงกัน ๓. นาผลการประเมินการอ่านจากระดับผู้ปฏิบัติร่วมกันประเมิน เพื่อตัดสินความสามารถ ในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ตามเกณฑท์ ี่กาหนดไว้ ๔. กรณีที่คณะกรรมการไม่สามารถตัดสินได้ คณะกรรมการขอข้อมูลจากผู้ปฏิบัติเพิ่มเติม หรือ ทดสอบความสามารถซา้ แลว้ จงึ ตัดสินผล ๕. คณะกรรมการสรปุ ผลการประเมินเพ่ือเสนอผ้บู ริหารโรงเรยี นอนมุ ตั ผิ ลการประเมิน ๖. นายทะเบียนวดั ผลบันทึกลงใน ปพ.๑ แล้วแจ้งผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และ เขยี น ให้อาจารยท์ ปี่ รกึ ษาเพ่ือแจ้งผปู้ กครอง [๓๓]

แนวทำงในกำรซอ่ มเสรมิ และประเมนิ ผลกำรซอ่ มเสรมิ กำรอ่ำน คิด วิเครำะห์ และเขียน ๑. คณะกรรมการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ร่วมกันพิจารณาว่าผู้เรียนมีจุด ท่ีต้องพัฒนาปรับปรุงด้านใด แต่งต้ังที่ปรึกษาโดยระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็นกรรมการดาเนินการ ซอ่ มเสริม ๒. กาหนดภาระงานให้ผเู้ รยี นพฒั นา ปรบั ปรุง ในดา้ นทตี่ อ้ งพฒั นาปรบั ปรงุ โดย ๒.๑ กรณไี มผ่ า่ นการประเมินการอ่าน ๒.๑.๑ คณะกรรมการประเมินกาหนดภาระงานให้นักเรียนอ่าน บันทึกการอ่านพร้อมส่ง เอกสารทไ่ี ด้อา่ นไม่นอ้ ยกวา่ ๕ เร่ือง หรอื กรรมการกาหนดเรอ่ื ง ๕ เรือ่ ง ใหอ้ ่าน ภายในเวลาที่กาหนด ๒.๑.๒ คณะกรรมการประเมินผลการอ่านโดยตั้งประเด็นคาถามที่สอดคล้องกับเกณฑ์การ ประเมนิ ผเู้ รียนตอบโดยการเขียนตอบหรอื ตอบปญั หาปากเปล่ากไ็ ด้ ๒.๑.๓ หรืออยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของคณะกรรมการฯ ๒.๑.๔ คณะกรรมการประเมนิ ตดั สนิ ผลการอา่ นใหผ้ า่ น และไดร้ ะดับไมเ่ กนิ “ผา่ น” กรณี ทซ่ี อ่ มเสริมไม่ผ่านให้คณะกรรมการประเมินกาหนดใหผ้ ู้เรยี นพฒั นาตามวธิ กี าร ข้อ ๒.๑.๑ ถงึ ๒.๑.๓ จนกว่าผ้เู รียนจะได้รับการตัดสิน ผำ่ น ๒.๒ กรณีผเู้ รียนไมผ่ ่านการคดิ วิเคราะห์ ๒.๒.๑ คณะกรรมการประเมินกาหนดภาระงานให้ผู้เรียนไปฝึกคิด วิเคราะห์ ในเรื่องที่ สนใจภายใน ๑ สปั ดาห์ ๒.๒.๒ คณะกรรมการประเมิน ประเมินการคิด วิเคราะห์ โดยตั้งประเด็นคาถามที่ สอดคล้องกับเกณฑก์ ารประเมนิ ผเู้ รยี นตอบโดยการเขียนตอบ หรอื ตอบปากเปล่า ๒.๒.๓ คณะกรรมการประเมินตัดสินผลการคิด วิเคราะห์ โดยให้ผลการประเมินไม่เกิน “ผา่ น” ๒.๒.๔ ในกรณีท่ีผลการประเมินไม่ผ่าน ให้คณะกรรมการประเมนิ กาหนดให้ผู้เรยี นพฒั นา ตามวิธีการใน ขอ้ ๒.๒.๑ – ๒.๒.๓ จนกว่าผเู้ รยี นจะไดร้ ับการตดั สิน ผ่ำน ๒.๓ กรณที ี่ผู้เรยี นไม่ผ่านการประเมนิ การเขียน ๒.๓.๑ คณะกรรมการประเมิน กาหนดภาระงานใหผ้ ้เู รียนไปฝึกเขียนในเร่อื งทสี่ นใจภายใน ๑ สปั ดาห์ ภายใต้การควบคุมดแู ลของครูท่ปี รึกษาในระบบดูแลชว่ ยเหลือ ๒.๓.๒ ผูเ้ รยี นสง่ ผลงานการเขยี นทไี่ ดพ้ ัฒนาแลว้ แก่คณะกรรมการประเมิน ๒.๓.๓ คณะกรรมการประเมินทาการประเมินผลงานการเขียนประกอบการสัมภาษณ์ นักเรียนเกยี่ วกบั กระบวนการพฒั นาการเขียน ๒.๓.๔ คณะกรรมการตดั สินผลการเขียนโดยให้ผลการประเมินไมเ่ กิน “ผ่าน” ๒.๓.๕ ในกรณีที่ผลการประเมินยัง ไม่ผ่ำน ให้คณะกรรมการประเมินกาหนดให้ผู้เรียน พัฒนาตามวิธีการ ข้อ ๒.๓.๑ – ๒.๓.๔ จนกว่าผ้เู รยี นจะได้รบั การตัดสนิ ผา่ น ๓. คณะกรรมการประเมนิ การอา่ นตดั สนิ ผลการประเมินการอา่ น สง่ ผลการประเมินเสนอคณะ กรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษาให้ความเห็นชอบ และรวบรวมส่งให้ผู้บริหาร สถานศกึ ษาอนมุ ัติ นายทะเบยี นวัดผลบนั ทกึ ลง ปพ.๑ และแจ้งผูเ้ กย่ี วข้องต่อไป [๓๔]

สว่ นท่ี ๕ เกณฑก์ ำรตดั สนิ กำรเล่ือนชนั้ และเกณฑก์ ำรจบหลักสูตร กำรตัดสินกำรเลอื่ นช้ัน ในการตัดสนิ ผลการเรยี นของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ การอ่าน คิด วเิ คราะห์และเขยี น คุณลักษณะ อนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นน้ัน ผู้สอนตอ้ งคานงึ ถึงการพฒั นาผเู้ รียนแต่ละคนเป็นหลัก และ ตอ้ งเกบ็ ขอ้ มูลของผูเ้ รียนทุกด้านอย่างสม่าเสมอและต่อเนื่องในแต่ละภาคเรียนรวมทั้งสอนซอ่ มเสรมิ ผู้เรยี นให้ พฒั นาจนเตม็ ตามศักยภาพ ระดับมัธยมศกึ ษำ ๑) ตดั สินผลการเรียนเปน็ รายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรยี นตลอดภาคเรียนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ย ละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทง้ั หมดในรายวชิ าน้ัน ๆ ๒) ผูเ้ รียนตอ้ งไดร้ ับการประเมนิ ทกุ ตัวชวี้ ดั และผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากาหนด คือ ตวั ช้วี ดั ท่ตี อ้ งผา่ น ไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ของแตล่ ะรายวิชา ๓) ผเู้ รยี นต้องได้รับการตดั สนิ ผลการเรยี นทกุ รายวชิ า ๔) ผเู้ รยี นตอ้ งได้รับการประเมนิ และมผี ลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด ในการอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น การพิจารณาเลื่อนช้ันในระดับมัธยมศึกษา ถ้าหากผู้เรียนมีข้อบกพรอ่ งเพียงเล็กน้อย และ สถานศึกษาพิจารณาเหน็ วา่ สามารถพฒั นาและสอนซอ่ มเสริมได้ ให้อยใู่ นดุลพินิจของสถานศึกษาทจ่ี ะผ่อนผัน ให้เล่ือนช้ันได้ แต่หากผู้เรียนไม่ผ่านรายวิชาจานวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนใน ระดบั ชน้ั ที่สงู ขึน้ สถานศึกษาจะต้งั คณะกรรมการพิจารณาใหเ้ รียนซา้ ชนั้ ได้ โดยทงั้ นีจ้ ะคานึงถึงวุฒภิ าวะและ ความรคู้ วามสามารถของผ้เู รยี นเปน็ สาคญั เกณฑก์ ำรจบระดบั มัธยมศกึ ษำ (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน และรายวิชา/เพ่ิมเติมตามโครงสร้างเวลาเรียน ท่ี หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐานกาหนด (๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศกึ ษากาหนด (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์ การประเมนิ ตามที่สถานศกึ ษากาหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามท่สี ถานศึกษากาหนด (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามทีส่ ถานศึกษากาหนด ระดบั มัธยมศกึ ษำตอนต้น ๑) ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่ารอ้ ย ละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทงั้ หมดในรายวิชานนั้ ๆ ๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัด และผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด คือ ตวั ชวี้ ัดท่ตี อ้ งผ่าน ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ ของแต่ละรายวชิ า ๓) ผ้เู รียนตอ้ งไดร้ บั การตดั สนิ ผลการเรียนทกุ รายวิชา ๔) ผ้เู รียนต้องได้รับการประเมนิ และมผี ลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด ในการอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น [๓๕]

การพิจารณาเล่อื นชน้ั ในระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ ถ้าหากผ้เู รียนมีขอ้ บกพร่องเพียงเลก็ นอ้ ย และ สถานศกึ ษาพิจารณาเหน็ ว่าสามารถพัฒนาและสอนซอ่ มเสรมิ ได้ ใหอ้ ย่ใู นดลุ พินจิ ของสถานศกึ ษาท่ีจะผอ่ นผนั ให้เลือ่ นช้นั ได้ แตห่ ากผู้เรยี นไมผ่ า่ นรายวิชาจานวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปญั หาตอ่ การเรียนใน ระดบั ชั้นท่ีสงู ขนึ้ สถานศกึ ษาจะตงั้ คณะกรรมการพจิ ารณาใหเ้ รยี นซา้ ชั้นได้ โดยท้งั นี้จะคานึงถงึ วฒุ ิภาวะและ ความรคู้ วามสามารถของผ้เู รยี นเป็นสาคญั เกณฑก์ ำรจบหลกั สตู รระดบั มัธยมศึกษำตอนตน้ ๑) ผเู้ รยี นเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพม่ิ เตมิ ไมเ่ กิน ๘๑ หน่วยกติ โดยเปน็ รายวิชาพื้นฐาน ๖๖ หนว่ ยกติ และรายวิชาเพ่มิ เตมิ ตามทสี่ ถานศึกษากาหนด ๒) ผู้เรียนตอ้ งไดห้ นว่ ยกิตลอดหลักสูตรไม่นอ้ ยกวา่ ๗๗ หน่วยกิต โดยเป็นรายวชิ า พน้ื ฐาน ๖๖ หนว่ ยกิต และรายวชิ าเพ่ิมเติมไมน่ อ้ ยกว่า ๑๑ หน่วยกิต ๓) ผู้เรยี นมีผลการประเมิน การอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขยี น ในระดบั ผา่ น เกณฑ์การ ประเมนิ ตามทส่ี ถานศกึ ษากาหนด ๔) ผู้เรียนมผี ลการประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ในระดบั ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ตามท่ีสถานศกึ ษากาหนด ๕) ผูเ้ รียนเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี นและมผี ลการประเมินผา่ นเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษา สว่ นที่ 6 กำรประเมนิ ผลสัมฤทธท์ิ ำงกำรเรียนระดับชำติ การประเมินผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนด้วยแบบประเมนิ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนที่เป็นระดบั มาตรฐาน ระดับชาติ กระทรวงศึกษาธิการได้กาหนดให้มีการประเมินเพ่ือตรวจสอบคุณภาพการศึกษาทุกระดับช้ัน เพ่ือให้การดาเนินงานเปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ โรงเรยี นจึงไดก้ าหนดแนวทางปฏบิ ัตไิ ว้ ดังน้ี ๑. ผู้แทนสถานศึกษาเข้ารับการประชุมชีแ้ จงวิธกี ารดาเนนิ การทดสอบร่วมกบั สานกั งานเขตพ้ืนท่ี ๒. จัดส่งรายช่ือคณะกรรมการดาเนินงานประเมินคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วย ประธาน กรรมการ คณะกรรมการกลาง กรรมการควบคุมห้องสอบ คณะกรรมการตรวจค าตอบชนดิ เขียนตอบ และ กรรมการรบั –ส่งขอ้ สอบ ส่งไปให้สานักงานเขตพืน้ ทเ่ี พอ่ื แตง่ ตัง้ ๓. คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการ ประชุมช้ีแจงคณะกรรมการดาเนินการประเมิน คุณภาพตามคาส่ังจากข้อ ๒ ถึงวิธีการดาเนินการสอบ เพื่อให้เกิดความเข้าใจและปฏิบัติได้ตรงกันตามแนว ปฏิบัติในคู่มือการประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและเป็นไปตาม การดาเนินการสอบแบบทดสอบมาตรฐานอยา่ งเครง่ ครดั ๔. คณะกรรมการกลางจัดพิมพ์รายช่ือพร้อมกาหนดรหัส / เลขท่ีนักเรียนตามจานวนนักเรียน / ห้องเรียนที่กาหนดไว้ในคู่มอื นาไปประกาศไว้หนา้ ห้องสอบแต่ละหอ้ งเพื่อให้นักเรียนได้ทราบวา่ ตนเองเลขที่ เทา่ ไรสอบหอ้ งท่เี ท่าใด พร้อมติดเลขท่ีของนกั เรยี นไว้บนโต๊ะท่ีนัง่ สอบ ๕. คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการประชุมช้ีแจงนักเรียนให้ตระหนักถึงความสาคัญ ของการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชาติ ท้ังในด้านส่วนตัวระดับโรงเรียนระดับเขตและระดับชาติ ควรใหค้ วามรว่ มมอื ตั้งใจในการสอบอย่างเต็มความสามารถ ๖. กรณีที่นักเรียนไม่ได้รับการประเมินตามวันเวลาที่กาหนด ให้สถานศึกษาแต่งตั้งผู้รับผิดชอบ ติดตามและประสานงานกับเขตพ้ืนท่ีดาเนินการประเมินให้เสร็จสิ้นภายใน ๒ สัปดาห์ หลังจากทราบรายชื่อ นักเรียนทีย่ งั ไม่ไดร้ บั การประเมิน [๓๖]

๗. เม่ือสานักงานเขตพ้ืนที่แจ้งผลการประเมินมายังสถานศึกษา ให้นาผลการประเมินมาทบทวน คุณภาพร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการกับคณะกรรมการสถานศึกษา และแจ้งผล การประเมินให้ผู้เกี่ยวข้องทราบผล และดาเนินการต่อไปโดยเฉพาะผู้เรียนและครูผู้สอนนาไปพิจารณา ในการพฒั นาปรับปรงุ ตนเองต่อไป [๓๗]

บรรณำนุกรม สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน. (๒๕๕๑). แนวปฏิบัตกิ ำรวดั และประเมนิ ผลกำรเรยี นร้.ู กรุงเทพฯ : องคก์ ารรบั ส่งสินคา้ และพสั ดุภณั ฑ์ (ร.ส.พ). [๓๘]

ภำคผนวก [๓๙]

ขนั้ ตอนกำรขอเอกสำรหลักฐำนจำกงำนทะเบียน 1. ตดิ ตอ่ เจ้าหนา้ ทง่ี านทะเบียน ที่ห้องทะเบียน เพือ่ ย่ืนขอเอกสาร 2. กรอกรายละเอียดต่าง ๆ ลงในแบบฟอร์มท่ตี ้องการยน่ื ขอ ใหช้ ัดเจนและถกู ต้อง 3. นาหลกั ฐานแบบฟอร์มท่ีกรอก เรยี บรอ้ ยแล้ว ไปชาระคา่ ธรรมเนียมทเี่ จ้าหน้าท่ีการเงนิ - เอกสาร ปพ.1 กรณหี ลักฐาน นานเกนิ 5 ปี จ่ายค่าธรรมเนยี ม 30 บาท/ชดุ 4. สง่ เอกสารที่ชาระค่าธรรมเนยี มเรียบรอ้ ยแล้ว พร้อมรปู ถา่ ย จานวน 1 รปู /เอกสาร 1 ชุด กับ เจ้าหน้าท่ี งานทะเบียน หรอื วางไวใ้ นกลอ่ ง/ช้ันตะแกรง ทจ่ี ัดเตรียมไว้ (กรณศี ษิ ย์เก่า จานวนรูปที่ใช้ 2รปู /เอกสาร 1 ชดุ ) 5. มารับเอกสารท่ียน่ื ขอ หลงั จากวนั ทย่ี ื่นขออยา่ งน้อย 3-5 วนั หรือตามทไี่ ดน้ ดั หมายกับเจา้ หนา้ ที่ หมายเหตุ รปู ถ่าย  นกั เรียนปจั จบุ นั แตง่ ชดุ นักเรยี น และทรงผมท่ีถูกตอ้ ง ตามระเบยี บของโรงเรียน ไม่สวม เคร่อื งประดบั ใด ๆ (เชน่ แว่นตา ต่างหู สร้อยคอ ฯลฯ)  ศษิ ยเ์ กา่ ใหใ้ สเ่ ส้ือเชิต้ สขี าว ไมม่ ตี ราสญั ลักษณ์ใด ๆ ทรงผมสุภาพ สธี รรมชาติของคนไทย และไมส่ วมเครอื่ งประดบั ใด ๆ (เชน่ แวน่ ตา ตา่ งหู สรอ้ ยคอ ฯลฯ)  นกั เรียนทยี่ ืน่ ขอเอกสาหลักฐาน ต้งั แตป่ กี ารศึกษา 2548- ปัจจุบนั ใช้รปู ถ่ายขนาด 3X4 เซนตเิ มตร  นกั เรยี นทยี่ น่ื ขอเอกสารหลักฐาน กอ่ นปกี ำรศกึ ษำ 2548 ใชร้ ูปถ่ายขนาด 2 น้วิ [๔๐]

โรงเรียนเกำะคำวทิ ยำคม คารอ้ งขอสาเนา รบ. 1/ ปพ. 1 (สาเนาผลการเรยี น) วันที่ ...............เดือน................................พ.ศ................ เรื่อง ขอสาเนา รบ.1/ปพ. 1 จานวน ...........ชดุ เรียน ผอู้ านวยการโรงเรยี นเกาะคาวิทยาคม สิ่งท่ีส่งมาด้วย รูปถ่ายจานวน .............รูป เจ้ำของเอกสำรย่ืนคำรอ้ ง ผ้อู ่นื ยน่ื คำรอ้ ง ชอื่ (ด.ช./นาย/ด.ญ./น.ส.)................................................... ชื่อ-สกุล (นาย/นาง/น.ส.)........................................................ ชอ่ื สกลุ ............................................................................. ที่อยู่บ้านเลขท่ี..........................ถนน...................................... เลขประจาตวั ...........................ปีการศึกษา ....................... ตาบล/แขวง..............................อาเภอ/เขต............................. ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ......./........ เลขท.่ี .................................... จงั หวัด......................................โทร....................................... เกิดวนั ท่ี............เดอื น..................................พ.ศ................... เกยี่ วข้องกับนกั เรียนในฐานะเป็น............................................ ชื่อ-สกลุ บดิ า........................................................................ ขอ้ มลู เกยี่ วขอ้ งกับเจ้าของเอกสาร ชื่อ-สกุลมารดา..................................................................... ช่อื (ด.ช./นาย/ด.ญ./น.ส.)....................................................... ท่ีอยู่ปัจจบุ ันบา้ นเลขท.ี่ ........................ ซอย .....................ถนน ชอื่ สกลุ ............................................................................... ................................. ตาบล/แขวง..............................อาเภอ/เขต เลขประจาตัว ...........................ปีการศกึ ษา ......................... ...........................จงั หวัด...................................หมายเลขโทรศพั ท์ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ....../........ เลขท่ี........... .............................................................. เกดิ วันที.่ ...........เดือน..................................พ.ศ.................. ช่ือ-สกลุ บิดา......................................................................... ชื่อ-สกลุ มารดา...................................................................... จงึ เรียนมาเพอื่ โปรดดาเนินการ ลงช่ือ................................................................ผู้ย่นื ขอ ( .......................................................... ) เจ้ำหน้ำทก่ี ำรเงิน ชาระคา่ ธรรมเนียมชดุ ละ 30 บาท เหน็ สมควรพิจารณา ดาเนนิ การ จานวน ............ ชดุ เปน็ เงนิ ......................บาท ลงชื่อ.........................................เจ้าหน้าทก่ี ารเงิน .................................. (………………………………………………..) เจ้ำหน้ำทท่ี ะเบียน ตรวจสอบถกู ตอ้ งแลว้ ลงช่ือ......................................เจำ้ หนำ้ ท่ี นายทะเบยี น เสนอผูอ้ านวยการโรงเรียนลงนาม ดำเนนิ กำรใหเ้ รียบรอ้ ยแลว้ .......................................... ลงช่ือ.......................................เจำ้ หนำ้ ที่ (………………………………………………..) รับเอกสาร วนั ที.่ ...........เดอื น.......................พ.ศ. .............. ผู้อานวยการโรงเรยี นเกาะคาวทิ ยาคม ลงช่ือ ...........................................ผ้รู ับเอกสาร [๔๑]

โรงเรยี นเกำะคำวทิ ยำคม ผอู้ นื่ ยืน่ คารอ้ ง คำรอ้ งขอสำเนำ ปพ.7 (ใบรบั รองกำรเป็นนกั เรยี น) วนั ที่ ...............เดอื น................................พ.ศ................ เร่ือง ขอสาเนา ปพ. 7 (ใบรบั รองการเปน็ นกั เรยี น) จานวน ...........ชุด เรยี น ผอู้ านวยการโรงเรียนเตรยี มอุดมศกึ ษาพฒั นาการ รชั ดา ส่งิ ทีส่ ง่ มาด้วย รปู ถา่ ยจานวน ...................รปู เจา้ ของเอกสารยื่นคาร้อง ชื่อ (ด.ช./นาย/ด.ญ./น.ส.)...................................................... ชอื่ -สกลุ (นาย/นาง/น.ส.)........................................................ ชอ่ื สกลุ ................................................................................ ทีอ่ ยบู่ า้ นเลขที่..........................ถนน...................................... เลขประจาตวั ............................ปกี ารศกึ ษา ........................ ตาบล/แขวง..............................อาเภอ/เขต............................. ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ......../......... เลขที่.................... ............... จังหวัด......................................โทร....................................... เกดิ วนั ท.่ี ...........เดือน.................................พ.ศ................... เก่ียวข้องกบั นักเรยี นในฐานะเป็น............................................ ท่ีอยปู่ จั จุบนั บา้ นเลขท.่ี ........................ ซอย ........................ถนน ................................. ตาบล/แขวง................................อาเภอ/ ขอ้ มลู เก่ยี วข้องกับเจ้าของเอกสาร ชือ่ -สกุล(ด.ช/นาย/ด.ญ./น.ส.)................................................ เขต...........................จงั หวดั .....................................หมายเลข เลขประจาตัว .............ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ...../...... เลขท่ี....... โทรศพั ท.์ ............................................................. ปกี ารศึกษา...........เกดิ วนั ท่ี....... เดือน.................พ.ศ............. ชือ่ -สกลุ บิดา(นาย/อนื่ ๆ โปรดระบุให้ชัดเจน).......................... ชื่อ-สกุลบดิ า(นาย/อน่ื ๆ โปรดระบุใหช้ ดั เจน)........................... ............................................................................................ ............................................................................................ ชื่อ-สกุลมารดา(นาง/น.ส./อ่นื ๆ ระบุให้ชดั เจน)........................ ชอื่ -สกุลมารดา(นาง/น.ส./อนื่ ๆ ระบุให้ชดั เจน).......................... ............................................................................................ ............................................................................................ จึงเรียนมาเพ่ือโปรดดาเนินการ ลงช่ือ................................................................ผ้ยู ื่นขอ ( .......................................................... ) เจำ้ หนำ้ ทที่ ะเบียน ตรวจสอบถกู ตอ้ งแลว้ เหน็ สมควรพิจารณา ดาเนนิ การ ลงช่ือ......................................เจำ้ หนำ้ ท่ี .................................. ดำเนนิ กำรใหเ้ รียบรอ้ ยแลว้ (..........................................................) ลงช่ือ.......................................เจำ้ หนำ้ ท่ี รบั เอกสาร วนั ท.่ี ...........เดอื น.......................พ.ศ. .............. นายทะเบยี น ลงชื่อ ...........................................ผรู้ ับเอกสาร เสนอผอู้ านวยการโรงเรยี นลงนาม .......................................... (..........................................................) ผู้อานวยการโรงเรยี นเกาะคาวิทยาคม [๔๒]

บนั ทกึ ขอ้ ควำม ส่วนรำชกำร โรงเรยี นเกาะคาวิทยาคม ท…่ี ………………………………………..............…วันท่ี ..................................................................... เรอื่ ง ขอเรยี นซา้ กรณพี เิ ศษ เรยี น ผู้อานวยการโรงเรยี นเกาะคาวทิ ยาคม ด้วยขา้ พเจ้า (นาย/น.ส./นาง).............................................................................เป็นผู้ปกครองของ ด.ช./ด.ญ./ นาย/น.ส. .......................................................................นกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ......../............ ปกี ารศกึ ษา.....................เลขประจาตัว.....................เกี่ยวข้องเปน็ ......................................ของนักเรยี น ประสงค์จะขอลาออกใหก้ ับ ด.ช./ด.ญ./นาย/นางสาว.................................................................................จากโรงเรียน เตรียมอุดมศกึ ษาพฒั นาการ รชั ดา ตงั้ แต่วันที.่ .........................................................................แต่เน่ืองจากนกั เรยี นยังมีผล การเรยี นเปน็ 0, ร, มผ และ มส ในรายวิชาดงั น้ี 1. รหสั วิชา........................... ชื่อวิชา...................................................................ผลการเรียน................ 2. รหัสวิชา........................... ชอ่ื วชิ า...................................................................ผลการเรยี น................ 3. รหัสวชิ า........................... ช่อื วชิ า...................................................................ผลการเรียน................ 4. รหัสวิชา........................... ชอ่ื วิชา...................................................................ผลการเรยี น................ 5. รหัสวชิ า........................... ช่อื วิชา...................................................................ผลการเรยี น................ 6. รหัสวชิ า........................... ชอ่ื วชิ า...................................................................ผลการเรยี น................ 7. รหัสวิชา........................... ชอ่ื วิชา...................................................................ผลการเรียน................ 8. รหสั วชิ า........................... ชอ่ื วชิ า...................................................................ผลการเรียน................ 9. รหัสวิชา........................... ชื่อวชิ า...................................................................ผลการเรยี น................ 10. รหสั วิชา........................... ช่อื วิชา...................................................................ผลการเรยี น................ 11. รหัสวิชา........................... ชอื่ วชิ า...................................................................ผลการเรียน................ 12. รหัสวชิ า........................... ชอ่ื วชิ า...................................................................ผลการเรียน................ 13. รหัสวชิ า........................... ชื่อวิชา...................................................................ผลการเรยี น................ 14. รหัสวชิ า........................... ชื่อวิชา...................................................................ผลการเรียน................ 15. รหสั วชิ า........................... ช่อื วชิ า...................................................................ผลการเรยี น................ จึงขอความอนุเคราะหโ์ รงเรยี นดาเนินการเรยี นซ้ากรณีพิเศษ ระหว่างวนั ที่.....................................ถึง ..................................................... .ในรายวิชาดงั กลา่ ว เพื่อนกั เรยี นจะได้นาผลการเรียน ไปศกึ ษาตอ่ สถานศึกษาและ กรณีนักเรยี นไมส่ ามารถดาเนินการเรยี นซ้ากรณีพเิ ศษ รายวิชาต่าง ๆ ดงั กล่าวได้ตามกาหนดเวลา ผู้ปกครองขอยอมรับ ผลการเรยี น 0, ร, มผ,มส ของรายวิชานัน้ ๆ ท่ีแสดงในใบ ปพ.1บ./พ. จงึ เรยี นมาเพอื่ โปรดพิจารณาอนุเคราะห์ (...................................................................) ผปู้ กครอง [๔๓]

โรงเรียนเกำะคำวทิ ยำคม คำรอ้ งขอเปลี่ยนแปลงขอ้ มลู ประวตั สิ ว่ นตวั และอื่น ๆ วนั ท่ี ...............เดอื น................................พ.ศ................ เรอ่ื ง ขอเปล่ียน.................................................................................................................................................................... เรียน นายทะเบียน สงิ่ ทส่ี ง่ มาด้วย (1) ............................................. ......................................................................................... (2) ............................................. ......................................................................................... (3) ............................................. ......................................................................................... ขา้ พเจ้าชอื่ -สกลุ (ด.ช./ด.ญ./นาย/น.ส.)................................................................................................................................. อยูบ่ ้านเลขที่...............................ถนน.........................................ซอย...................................... ตาบล/แขวง......................... อาเภอ/เขต.................................................จงั หวัด...............................................โทร.......................................................... ยื่นคารอ้ งเพื่อขอเปลย่ี นแปลงขอ้ มูลส่วนตัวและอืน่ ๆ ของ ด.ช./ด.ญ./นาย/น.ส........................................................................ นกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ......./....... ปกี ารศึกษา..........................เลขประจาตัว.................................ดังรายละเอียด 1. ขอเปลย่ี นชือ่ นกั เรียนจาก...................................................เปน็ ............................................................... 2. ขอเปลย่ี นนามสกลุ นกั เรียนจาก..........................................เปน็ ............................................................... 3. ขอเปล่ียนชื่อบดิ าจาก........................................................เปน็ ............................................................... 4. ขอเปลย่ี นนามสกลุ บดิ าจาก...............................................เปน็ ............................................................... 5. ขอเปลย่ี นชอ่ื มารดาจาก.....................................................เปน็ ............................................................... 6. ขอเปล่ียนนามสกุลมารดาจาก............................................เป็น............................................................... 7. วนั /เดอื น/ปเี กิดของนกั เรียนจาก..........................................เป็น............................................................... 8. อน่ื ๆ.......................................................................,,,,,,....จาก........................................เปน็ ................. จึงเรียนมาเพ่ือโปรดดาเนนิ การ ลงชือ่ ................................................................ผยู้ น่ื ขอ (...............................................................) การดาเนนิ งานของงานทะเบยี น เปลยี่ นแปลงข้อมูลใน SGS…………………………………………………..ผู้แกไ้ ข เปลีย่ นแปลงข้อมลู ใน Excel และเลม่ รายช่ือ ....................................................................................ผแู้ กไ้ ข บันทึกลงทะเบยี นประวตั ิ.............................................................................................................. .ผแู้ ก้ไข แจง้ ครูทป่ี รกึ ษาและครผู สู้ อน ..........................................................................................................ผแู้ จ้งการแก้ไข แจ้งงานวัดผล........................ ........................................................................................................ผ้แู จง้ การแก้ไข [๔๔]

โรงเรยี นเกำะคำวทิ ยำคม คำรอ้ งขอพกั กำรเรียน วันที่ ...............เดือน................................พ.ศ................ เรอ่ื ง ขอพักการเรยี น เรียน ผอู้ านวยการโรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษาพฒั นาการ รชั ดา ขา้ พเจา้ ช่อื -สกุล (นาย/น.ส/นาง.).......................................................................อยู่บ้านเลขที่..........ถนน..............................ซอย .................................. ตาบล/แขวง.............................อาเภอ/เขต............................จงั หวัด...........................................โทร ..................................เป็นผ้ปู กครองของ ด.ช./ด.ญ./นาย/น.ส...............................................................................นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ......../........ปีการศึกษา.................เลขประจาตัว......................................มีความประสงค์ขอพกั การเรยี นให้ ด.ช/ด.ญ./นาย/น.ส...................................................................................ตัง้ แตว่ ันท่.ี .......เดอื น................พ.ศ....................... ถึง.วันที่...........เดือน........................พ.ศ..............เนอื่ งด้วย(โปรดแจ้งสาเหตุ ความจาเปน็ พรอ้ มเหตุผล)...………………..…... ............................................................................................................................. ............................................................. ข้าพเจา้ ได้แนบหลกั ฐาน เพื่อประกอบการพิจารณามาด้วย คือ 1. ใบรบั รองแพทย์ ...........................................ฉบบั 2. หลกั ฐานอื่น ๆ................................................................................................................................ เมือ่ ครบกาหนดแลว้ ถ้าข้าพเจา้ ประสงคใ์ หน้ กั เรยี นในปกครองของข้าพเจ้า คนดังกล่าว กลับมาศกึ ษาตอ่ ข้าพเจา้ จะทาบนั ทกึ ขอ้ ความแจง้ ให้โรงเรียนทราบลว่ งหนา้ อย่างนอ้ ย 15 วัน จงึ เรียนมาเพ่ือโปรดพจิ ารณา ....................................................... .( ) การตรวจสอบเร่อื งการเงิน ความเหน็ คณะกรรมการกลุม่ บริหารงานบคุ คล ชำระครบเรยี บรอ้ ย คำ้ งชำระ ภำคเรียนท่ี....../.......... .......................................................................................... ภำคเรียนท่ี....../.......... ……………………………. ลงชื่อ...........................................เจำ้ หนำ้ ที่กำรเงิน (...........................................) เรยี น ผอู้ านวยการโรงเรียนเตรยี มอุดมศึกษาพฒั นาการ รชั ดา คณะกรรมการกลมุ่ บริหารงานบุคคล ด้วยผ้ปู กครองของ ...................................................... ความเห็นรองผอู้ านวยการกล่มุ บริหารวชิ าการ ม..../... ปีการศกึ ษา............... ขอพักการเรยี น ระหว่าง .......................................................................................... วันท.ี่ ......................……………………………………………. …………………………. จงึ เรียนมาเพือ่ โปรดพจิ ารณา (...........................................) .................................. รองผอู้ านวยการกลมุ่ บริหารวชิ าการ คาสงั่ (นางสาววันทนา กิติทรัพยก์ าญจนา) .......................................................................................... นายทะเบยี น . ลงชอ่ื ........................................ (นายเลิศศลิ ป์ รัตนมสุ กิ ) ผอู้ านวยการ ....../................/.............. [๔๕]

โรงเรยี นเกำะคำวทิ ยำคม คำรอ้ งขอลำออก วนั ท่ี ...............เดือน................................พ.ศ................. เรือ่ ง ขอลาออกจากโรงเรียน เรยี น ผู้อานวยการโรงเรยี นเกำะคำวทิ ยำคม ข้าพเจา้ ชอ่ื -สกลุ (ผปู้ กครอง) (นาย/นาง/น.ส.)......................................................................................................................... อยู่บา้ นเลขท่ี...............................ถนน.........................................ซอย...................................... ตาบล/แขวง......................... อาเภอ/เขต.................................................จังหวัด...............................................โทร.......................................................... เปน็ ผูป้ กครองของ ด.ช./ด.ญ./นาย/น.ส............................................................................นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ......../..... ปกี ารศกึ ษา..........................เลขประจาตัว......................................มีความประสงค์ ขอลาออกให้(ด.ช./ด.ญ./นาย/น.ส.) ...................................................................................................................จากโรงเรยี นกำะคำวทิ ยำคม ตง้ั แตว่ ันที่....................เดอื น........................พ.ศ. .................เนอื่ งจาก .......................................................................... การลาออกคร้ังนี้ ข้าพเจา้ ประสงค์จะใหโ้ รงเรียนออกหลักฐานดังต่อไปน้ี สำเนำ ปพ.1 เวลำเรียนและคะแนนระหวำ่ งภำคเรียน ภำคเรียนที่......... ปีกำรศกึ ษำ……….... จงึ เรยี นมาเพ่อื โปรดพิจารณาอนมุ ัติ (.......................................................) บิดา/มารดา/ผ้ปู กครอง การตรวจสอบการเงนิ ความเหน็ คณะกรรมการกลมุ่ บรหิ ารงานบุคคล ชำระครบเรยี บรอ้ ย .......................................................................................... คำ้ งชำระ ภำคเรียนที่....../..........ภำคเรยี นที่....../.......... ลงชอื่ ...................................... ภำคเรียนที่....../..........ภำคเรียนท่ี....../.......... ความเห็นลคงรชูท่ือปี่ ..ร.กึ...ษ..า...................................เจำ้ หนำ้ ที่กำรเงิน (..................................) ................................................................................. คณะกรรมการกลุม่ บริหารงานบุคคล ลงชอ่ื ............................ครูทปี่ รกึ ษา ความเหน็ รองผอู้ านวยการกลมุ่ บรกิ ารวิชาการ เรียน ผู้อานวยการโรงเรียนเกาะคาวทิ ยาคม ด้วยผูป้ กครองของ…………………………………….ม......../… ปี .......................................................................................... การศกึ ษา ............ ขอลาออกจากโรงเรียน ลงชือ่ ........................................ จงึ เรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา .................................. (..................................) (.................................................) นายทะเบียน รองผู้อานวยการกล่มุ บริหารวิชาการ คาสง่ั อนมุ ตั .ิ ไมอ่ นมุ ตั .ิ ลงชอ่ื ....................................... (.......................................) ผู้อานวยการ ....../................/............... [๔๖]

เรียน ผู้อานวยการโรงเรียนเกำะคำวทิ ยำคม เรอ่ื ง ขออนญุ าตไม่ดาเนินแกไ้ ขผลการเรยี น (ซ่อม) ก่อนลาออก ด้วยข้าพเจ้า (ผู้ปกครอง).....................................................................................................................ผปู้ กครองของ (ด.ช./นาย/ด.ญ./น.ส.) ..................................................................................................................เลขประจาตัว..................... ม........./................ เลขที่ ...............................ปกี ารศกึ ษา....................ความสัมพันธเ์ ป็น ....................................................... ของนักเรียน ขอรบั รองว่านักเรยี นในปกครองของขา้ พเจา้ มคี วามประสงคไ์ มด่ าเนินการแก้ไขผลการเรียน (ซ่อม)รายวิชา ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. รหัสวชิ า...................................................ชื่อวชิ า...............................ผลการเรยี น............................................... 2. รหัสวิชา...................................................ชอ่ื วชิ า...............................ผลการเรยี น............................................... 3. รหสั วชิ า...................................................ชื่อวชิ า...............................ผลการเรียน............................................... 4. รหัสวิชา...................................................ช่ือวิชา...............................ผลการเรียน............................................... 5. รหสั วชิ า...................................................ชอ่ื วชิ า...............................ผลการเรยี น............................................... 6. รหสั วิชา...................................................ชอ่ื วชิ า...............................ผลการเรียน............................................... 7. รหัสวชิ า...................................................ช่อื วิชา...............................ผลการเรยี น............................................... 8. รหสั วิชา...................................................ช่ือวิชา...............................ผลการเรียน............................................... 9. รหสั วชิ า...................................................ช่ือวชิ า...............................ผลการเรียน............................................... 10. รหัสวชิ า..................................................ชือ่ วิชา...............................ผลการเรียน............................................... 11. รหัสวชิ า..................................................ช่ือวิชา...............................ผลการเรยี น............................................... 12. รหัสวชิ า..................................................ช่อื วิชา...............................ผลการเรียน............................................... 13. รหสั วิชา..................................................ชื่อวชิ า...............................ผลการเรียน............................................... 14. รหสั วชิ า..................................................ชื่อวชิ า...............................ผลการเรยี น............................................... 15. รหัสวิชา..................................................ชอ่ื วชิ า...............................ผลการเรียน............................................... โดยข้าพเจ้าจะยอมรับผลการเรยี นในเอกสาร ปพ. 1 ทีม่ ผี ลการเรยี นเปน็ 0, ร,มส, มผ และจะไมเ่ รยี กร้องให้ โรงเรยี นแกไ้ ขผลการเรยี น หลงั จากลาออกเรยี บร้อยแลว้ จึงเรยี นมาเพ่ือโปรดทราบ ลงชอื่ ..................................................................... (..................................................................) ผู้ปกครอง ........./.........................../.............. [๔๗]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook