ช้นิ งานที่ 1 องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ จดั ทาโดย นางสาวภัทรศยา เศรษฐการณ์ เลขที่ 21 ปวส. 1 คอมพิวเตอร์ธุรกิจกลุ่ม 1 เสนอ นายทวีศกั ดิ์ หนทู ิมงานช้ินนีเ้ ป็นส่วนหนึ่งของวิชาการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช
องคป์ ระกอบของคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ทางานอย่างเป็นระบบ(System) หมายถึงภายในระบบงานคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยองค์ประกอบย่อยที่มีหน้าที่เฉพาะ ทางานประสานสัมพนั ธ์กัน เพื่อให้งานบรรลุตามเป้าหมาย ในระบบงานคอมพิวเตอร์ การที่มีเคร่ืองคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว จะยังไม่สามารถทางานได้ด้วยตัวเอง ซึ่งหากจะให้คอมพิวเตอร์ทางานได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพแล้ว ระบบคอมพิวเตอร์ควรจะประกอบไปด้วยองค์ประกอบคือ -ฮารด์ แวร์ ( HARDWARE) -ซอฟต์แวร์ (SOFTWARE) -บคุ ลากร (PEOPLEWARE) -ข้อมลู (DATA) -สารสนเทศ (INFORMATION) -กระบวนการทางาน (PROCEDURE)
1. ฮาร์ดแวร์ (HARDWARE) ฮาร์ดแวร์เป็นองค์ประกอบของตัวเคร่ืองที่สามารถจับต้องได้ ได้แก่ วงจรไฟฟ้า ตัวเคร่ือง จอภาพเคร่ืองพิมพ์ คีร์บอร์ด เป็นต้นซึ่งสามารถแบ่งส่วนพื้นฐานของฮาร์ดแวร์เป็น 4 หน่วยสาคัญ 1.1 หน่วยรับข้อมูลหรืออินพุต (Input Unit) ทาหน้าที่รับข้อมูลและโปรแกรมเข้า เคร่ือง ได้แก่คี ย์ บ อ ร์ ด ห รื อ แ ป้ น พิ ม พ์ เ ม า ส์ เ ค ร่ื อ ง ส แ ก น เ ค ร่ื อ ง รู ด บั ต ร Digitizer เ ป็ น ต้ น 1.2 ระบบประมวลผลกลางหรือซีพียู (CPU : Central Processing Unit) ทาหน้าที่ในการทางานตามคาส่ังที่ปรากฏอยู่ในโปรแกรม ปัจจุบันซีพียูของเคร่ืองพีซี รู้จักในนามไมโครโปรเซสเซอร์( MicroProcessor) ไมโครโปรเซสเซอร์ มีหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูล ในลักษณะของการคานวณและเปรียบเทียบ โดยจะทางานตามจังหวะเวลาที่แน่นอน เรียกว่าสัญญาณ Clock เม่ือมีการเคาะจังหวะหนึ่งครั้ง ก็จะเกิดกิจกรรม1คร้ัง เราเรียกหน่วยที่ใช้ในการวัดความเร็วของซีพียูว่า “เฮิร์ท” (Herzt) 1.3 หน่ วย เก็ บ ข้ อ มูล (Storage) ซึ่ งส าม า รถ แย กต าม ห น้า ที่ไ ด้เ ป็น 2 ลัก ษ ณ ะ คื อ 1.3.1 ห น่ ว ย เ ก็ บ ข้ อ มู ล ห ลั ก ห รื อ ค ว า ม จ า ห ลั ก (Primary Storage ห รื อ MainMemory) ทาหน้าที่เก็บโปรแกรมหรือข้อมูลที่รับมาจากหน่วยรับข้อมูลเพื่อเตรียมส่งให้หน่วยประมวลผลกลางทาการประมวลผล และรับผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลเพื่อส่งออกหน่วยแสดงข้อมูลต่อไป 1.3.2 หน่วยเก็บข้อมูลสารอง (Secondary Storage) เป็นหน่วยที่ทาหน้าที่เก็บข้อมูลหรือโปรแกรมที่จะป้อนเข้าสู่หน่วยความจาหลักภายในเคร่ืองก่อนทาการประมวลผลโดยซีพียูและเก็บผลลัพธ์จากการประมวลผลนั้นด้วย ปัจจบุ นั รู้จักในนามฮาร์ดดิสก์(Hard disk) หรอื แผ่นฟร็อปปีดิสก์(FloppyDisk) 1.4 หน่วยแสดงข้อมูลหรือเอาต์พุต(Output Unit) ทาหน้าที่ในการแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล ได้แก่ จอภาพ และเครือ่ งพมิ พ์ เป็นต้น ท้ัง 4ส่วนจะเชอ่ื มตอ่ กันด้วยบสั (Bus)ere to edit.
2. ซอฟต์แวร์ (SOFTWARE) ซอฟต์แวร์ คือโปรแกรมหรอื ชุดคาส่งั ที่สง่ั ใหฮ้ าร์ดแวร์ทางาน รวมไปถึงการควบคุมการทางานของอุปกรณ์แวดล้อมต่างๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์ ดิสก์ไดร์ฟ ซีดีรอม การ์ดอินเตอร์เฟสต่าง ๆ เป็นต้น ซอฟต์แวร์เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ แต่รับรู้การทางานของมันได้ ซึ่งต่างกับ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ที่สามารถจบั ต้องได้ ซึ่งแบ่งเปน็ 2 ประเภทคือ 2.1 ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) คือโปรแกรม ที่ใช้ในการควบคุมระบบการ ทางานของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท้ังหมด เช่น การบูตเคร่ือง การสาเนาข้อมูล การจัดการระบบของดิสก์ ชุดคาสั่งที่เขียนเป็นคาส่ังสาเร็จรูป โดยผู้ผลิตเคร่ืองคอมพิวเตอร์ และมีมาพร้อมแล้วจากโรงงานผลิต การทางานหรือการประมวลผลของซอฟต์แวร์เหล่านี้ ขึ้นกับเคร่ืองคอมพิวเตอร์แต่ละเคร่ือง ระบบของซอฟต์แวร์เหล่านี้ ออกแบบมาเพื่อการปฏิบัติควบคุม และมีความสามารถในการยืดหยุ่น การประมวลผลของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเปน็ 4 ประเภทคือ 2.1.1 โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System) เป็นโปรแกรมที่ใช้ควบคุมและติดต่อกับอุปกรณ์ต่างๆของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะการจัดการระบบของดิสก์ การบริหารหนว่ ยความจาของระบบ ถ้าขาดซอฟต์แวร์ชนิดนี้ จะทาให้เครือ่ งคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทางานได้ ตวั อย่างของซอฟต์แวร์ประเภทนี้ได้แก่ โปรแกรมระบบปฏิบัติการ Unix Linux DOS และ Windows (เวอร์ชั่นต่าง ๆเชน่ 95 98 XP Vista ) เป็นต้น 2.1.2 ตัวแปลภาษา (Translator) จาก Source Code ให้เป็น Object Code (แปลจากภาษาที่มนุษย์เข้าใจ ให้เป็นภาษาที่เคร่ืองเข้าใจ) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาระดับสูง ซึ่งเป็นภาษาใกล้เคียงภาษามนุษย์ ใหเ้ ป็นภาษาเคร่อื งก่อนที่จะนาไปประมวลผล ตัวแปลภาษาแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ คอมไพเลอร์ (Compiler) และอินเตอร์พีทเตอร์ (Interpeter) คอมไพเลอร์จะแปลคาส่ังในโปรแกรมท้ังหมดก่อน แล้วทาการลิ้ง(Link) เพื่อใหไ้ ด้คาสง่ั ที่เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าใจ ส่วนอินเตอร์พีทเตอร์จะแปลทีละประโยคคาส่ัง แล้วทางานตามประโยคคาสั่งน้ัน การจะเลือกใช้ตัวแปลภาษาแบบใดน้ัน จะขึ้นอยู่กั บภาษาทีใ่ ชใ้ นการเขียนโปรแกรม 2.1.3 ยูติลิตี้ โปรแกรม (Utility Program) คือซอฟต์แวร์เสริมช่วยให้เคร่ืองทางานมีประสิทธิภาพ มากขึ้น เช่น ช่วยในการตรวจสอบดิสก์ ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลในดิสก์ ช่วยสาเนาข้อมูลช่วยซ่อมอาการชารดุ ของดสิ ก์ ช่วยค้นหาและกาจดั ไวรัส ฯลฯ เปน็ ต้น
2.1.4 ติดต้ังและปรับปรุงระบบ (Diagonostic Program) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการติดตั้งระบบ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อและใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่นามาติดต้ังระบบ ได้แก่ โปรแกรมSetupและ Driver ต่าง 2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ทาให้คอมพิวเตอร์ทางานต่างๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะด้านเอกสาร บัญชี การจัดเก็บข้อมูล เป็นต้นซอฟต์แวรป์ ระยุกต์สามารถจาแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ 2.2.1 ซอฟต์แวร์สาหรับงานเฉพาะด้าน (Special Purpose Software) คือ โปรแกรมซึ่งเขียนขึ้นเพื่อการทางานเฉพาะอย่างที่เราต้องการ บางที่เรียกว่า User’s Program เช่น โปรแกรมการทาบัญชีจา่ ยเงินเดือน โปรแกรมระบบเช่าซื้อ โปรแกรมการทาสินค้าคงคลัง เปน็ ต้น ซึ่งแต่ละโปรแกรมกม็ ักจะมีเงื่อนไข หรอื แบบฟอร์มแตกต่างกนั ออกไปตามความต้องการหรือกฎเกณฑข์ องแตล่ ะหนว่ ยงานทีใ่ ช้ 2.2.2 ซอฟต์แวร์สาหรับงานทั่วไป(General Purpose Software) เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่มีผู้จัดทาไว้ เพื่อใช้ในการทางานประเภทต่างๆ ทั่วไป โดยผู้ใช้คนอื่นๆ สามารถนาโปรแกรมนี้ไปประยุกต์ใช้กับข้อมูลของตนได้ แต่จะไม่สามารถทาการดัดแปลง หรือแก้ไขโปรแกรมได้ ผู้ใช้ไม่จาเป็นต้องเขียนโปรแกรมเอง ซึ่งเป็นการประหยัดเวลา แรงงาน และคา่ ใช้จ่ายในการเขียนโปรแกรม ดังนนั้ การใช้โปรแกรมสาเร็จรูปจึงเป็นสิ่งที่อานวยความสะดวกและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ตัวอย่างโปรแกรมสาเร็จรูปที่นิยมใช้ได้แก่ MS-Office, Adobe Photoshop, Internet Explorer และ เกมส์ตา่ งๆ เปน็ ต้น
3. บคุ ลากร (PEOPLEWARE) บคุ ลากร จะเป็นสิง่ สาคัญที่จะเป็นตวั กาหนดถึงประสิทธิภาพถึงความสาเร็จและความคุ้มค่าในการใชง้ านคอมพิวเตอร์ ซึง่ สามารถแบ่งบุคลากรตามหนา้ ที่เกี่ยวข้องตามลักษณะงานได้ 6 ด้าน ดงั น้ี 3.1 นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (Systems Analyst and Designer : SA) ทาหน้าที่ศึกษาและรวบรวมความต้องการของผู้ใช้ระบบ และทาหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ใช้ระบบและนักเขียนโปรแกรมหรือปรับปรุงคุณภาพงานเดิม นักวิเคราะห์ระบบต้องมีความรู้เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์พืน้ ฐานการเขียนโปรแกรม และควรจะเป็นผู้มคี วามคิดริเริม่ สร้างสรรค์มมี นุษย์สมั พนั ธ์ที่ดี 3.2 โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือบุคคลที่ทาหน้าที่เขียนซอฟต์แวร์ต่างๆ(Software) หรือเขียนโปรแกรมเพื่อส่ังงานให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทางานตามความต้องการของผู้ใช้ โดยเขียนตามแผนผังที่นักวิเคราะหร์ ะบบได้เขียนไว้ 3.3 ผู้ใช้ (User) เป็นผใู้ ช้ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะเป็นผู้ปฏิบตั ิหรอื กาหนดความต้องการในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ว่าทางานอะไรได้บ้าง ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ท่ัวไป จะต้องเรียนรู้วิธีการใช้เคร่ือง และวิธีการใชง้ านโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมทีม่ ีอยู่สามารถทางานได้ตามที่ตอ้ งการ 3.4 ผู้ปฏิบัติการ (Operator) สาหรับระบบขนาดใหญ่ เช่น เมนเฟรม จะต้องมีเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ที่คอยปิดและเปิดเครื่อง และเฝ้าดูจอภาพเมือ่ มีปัญหาซึ่งอาจเกิดขัดข้อง จะต้องแจ้ง SystemProgrammer ซึง่ เปน็ ผู้ดูแลตรวจสอบแก้ไขโปรแกรมระบบควบคุมเครื่องอกี ทีหนึง่ 3.5 ผู้บริหารฐานข้อมูล (Database Administrator : DBA) บุคคลที่ทาหน้าที่ดูแลข้อมูลผ่านระบบจัดการฐานข้อมูล ซึ่งจะควบคุมให้การทางานเป็นไปอย่างราบรน่ื นอกจากนี้ยังทาหน้าที่กาหนดสิทธิการใชง้ านข้อมูล พร้อมทั้งดแู ลดาต้าเบสเซิรฟ์ เวอร์ใหท้ างานอย่างปกติดว้ ย 3.6 ผู้จัดการระบบ (System Manager) คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตามเป้าหมายของหน่วยงาน เป็นผู้ที่มีความหมายต่อความสาเร็จหรือล้มเหลวของการนาระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งานเปน็ อย่างมาก
4. ข้อมลู และสารสนเทศ 4.1 ขอ้ มลู (DATA) หมายถึง ข้อเทจ็ จริงหรอื เหตุการณท์ ีเ่ กิดขึน้ แล้วใช้ตัวเลขตวั อกั ษร หรอื สัญลักษณ์ ตา่ งๆ ทาความหมายแทนสิ่งเหล่านั้น เช่น-คะแนนสอบวิชาภาษาไทยของนักเรียน-อายุของพนกั งานในบริษัทชินวตั รจากดั-ราคาขายของหนังสอื ในร้านหนงั สือดอกหญ้า-คาตอบทีผ่ ู้ถกู สารวจตอบในแบบสอบถาม 4.2 สารสนเทศ (INFORMATION) หมายถึง ข้อสรุปต่างๆ ที่ได้จากการนาข้อมลู มาทาการวิเคราะห์ หรอื ผ่านวิธีการที่ ได้กาหนดข้นึท้ังนเี้ พือ่ นาข้อสรปุ ไปใช้งานหรอื อ้างอิง เช่น-เกรดเฉลีย่ ของวิชาภาษาไทยของนกั เรียน-อายเุ ฉลี่ยของพนักงานในบริษทั ชินวัตรจากดั-ราคาขายสูงสุดของหนังสือในร้านหนงั สอื ดอกหญ้า-ข้อสรปุ จากการสารวจคาตอบในแบบสอบถาม
5. กระบวนการทางาน (PROCEDURE)องค์ประกอบด้านนหี้ มายถึงกระบวนการทางานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ในการทางานกับคอมพิวเตอร์ผู้ใช้จาเป็นต้องทราบข้ันตอนการทางานเพื่อใหไ้ ด้งานที่ถกู ต้องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะมีข้ันตอนสลับซับซ้อนหลายขั้นตอนดังน้ันจึงมคี วามจาเป็นต้องมีคมู่ ือปฏิบัติงาน เชน่ คู่มอื ผใู้ ช้ ( user manual ) หรอื คู่มอื ผดู้ ูแลระบบ(operationmanual ) เป็นต้น หลกั การทางานของคอมพิวเตอร์ระบบการทางานของคอมพิวเตอร์ การทางานของคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเปน็ 4 ส่วน ดงั นี้1. หนว่ ยรบั ข้อมลู (Input Unit) ทาหนา้ ที่ในการรบั ข้อมูลหรือคาสัง่ จากภายนอกเข้าไปเกบ็ ไว้ในหนว่ ยความจา เพื่อเตรียมประมวลผลข้อมูลทีต่ อ้ งการ ซึ่งอปุ กรณ์ทีใ่ ชใ้ นการนาข้อมลู ทีใ่ ช้กนั อยู่ตั้งแต่อดตี จนถึงปัจจบุ นั น้ัน มีอยู่หลายประเภทด้วยกันสาหรับอปุ กรณ์ที่นยิ มใช้ในปจั จบุ นั มี ดังต่อไปนี้ - Keyboard - Mouse - Disk Drive - Hard Drive - CD-Rom - Magnetic Tape - Card Reader - Scanner
2. หนว่ ยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) ทาหน้าที่ในการคานวณและประมวลผล แบ่งออกเปน็ 2 หนว่ ยย่อย คอื - หนว่ ยควบคมุ ทาหน้าที่ในการดูแล ควบคุมลาดับขั้นตอนของการประมวลผล และการทางานของอุปกรณ์ตา่ งๆ ภายในหน่วยประมวลผลกลาง และช่วยประสานงานระหว่างหน่วยประมวลผลกลางกับอปุ กรณ์นาเข้าข้อมูล อปุ กรณ์ในการแสดงผล และหน่วยความจาสารอง - หนว่ ยคานวณและตรรก ทาหน้าทีใ่ นการคานวณและเปรียบเทียบข้อมลู ต่างๆ ที่ส่งมาจากหน่วยควบคุม และหนว่ ยความจา3. หนว่ ยความจา (Memory) ทาหน้าทีใ่ นการเก็บข้อมูลหรอื คาส่ังตา่ งๆ ที่รบั จากภายนอกเข้ามาเก็บไว้ เพื่อประมวลผลและยังเก็บผลที่ได้จากการประมวลผลไว้เพื่อแสดงผลอีกด้วย ซึ่งแบ่งออกเปน็ หนว่ ยความจา เป็นหนว่ ยความจาทีม่ อี ยู่ ในตวั เคร่อื งคอมพิวเตอร์ ทาหน้าทีใ่ นการเกบ็ คาส่ังหรอื ข้อมลู แบ่งออกเปน็ - ROM หนว่ ยความจาแบบถาวร - RAM หนว่ ยความจาแบบช่วั คราว - หนว่ ยความจาสารอง เป็นหนว่ ยความจาที่อยู่นอกเครื่อง มีหน้าทีช่ ่วยใหห้ นว่ ยความจาหลกัสามารถเกบ็ ขอ้ มลู ได้มากขึ้น
4. หนว่ ยแสดงผล (Output Unit) ทาหนา้ ทีใ่ นการแสดงผลลพั ธ์ที่ได้หลงั จากการคานวณและประมวลผล สาหรบั อปุ กรณ์ที่ ทาหนา้ ทีใ่ นการแสดงผลขอ้ มลู ที่ได้นนั้ มตี ่อไปนี้ - Monitor จอภาพ - Printer เครื่องพิมพ์ - Plotter เครือ่ งพมิ พ์ที่ใชป้ ากกาในการเขียนข้อมลู ต่างๆ ที่ตอ้ งการลงกระดาษ
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: