การให้ยาทางใต้ผิวหนังที่บ้านสำหรับผู้ป่วยระยะท้าย

การให้ยาทาง ใต้ผิวหนังที่บ้าน สำหรับผู้ป่วย ระยะท้าย

การให้ยาทางใต้ผิวหนัง สำหรับผู้ป่วยที่ ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง การให้ยาทางใต้ผิวหนังมักพบได้ทั่วไป เช่น การให้อินซูลิน หรือการฉีดวัคซีน เป็นวิธีการให้แบบครั้งคราวและให้ในปริมาณ น้อย แต่สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง โดย เฉพาะผู้ป่วยระยะท้ายที่ไม่สามารถกลืนยาได้ หรือมีปัญหาการดูด ซึมยา วิธีการให้ยาทางใต้ผิวหนังเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยม มากกว่าวิธีการให้ยาทางหลอดเลือดดำ หรือการให้ยาทางกล้าม เนื้อ เพราะทั้งสองวิธีเป็นวิธีที่รุกราน ก่อให้เกิดความเจ็บปวดกับผู้ ป่วยระยะท้ายได้มากกว่า ส่วนวิธีการให้ยาทางใต้ผิวหนังสามารถหาตำแหน่งที่ให้ยา น้อยกว่า เป็นผลดีสำหรับผู้ป่วยที่เริ่มกลืนยาเม็ดไม่ได้ หรือระยะ ใกล้เสียชีวิต ในการจัดการอาการไม่สุขสบาย เช่น อาการปวด คลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่อิ่ม หายใจลำบาก เพ้อ กระสับกระส่าย สับสน วุ่นวาย เป็นต้น และสะดวกสำหรับผู้ป่วยและครอบครัวเมื่อ ต้องกลับไปดูแลต่อเนื่องที่บ้าน

ข้อกำหนดในการให้ยา ทางใต้ผิวหนังผู้ป่วยระยะท้าย 1.ผู้ป่วยระยะท้าย ที่ 2. มีปัญหาการดูดซึม เริ่มมีภาวะอ่อนล้า ยา เช่น ท้องเสีย และการรับรู้ลดลง ลำไส้อุดตัน หรือมี ไม่สามารถกลืนยาได้ อาการคลื่ นไส้ อาเจียน ตลอดเวลา 3. อาการไม่ 4. มีแผลหรือก้อน ใน สามารถควบคุมให้ ช่องปาก คอ และ สุขสบาย ได้ด้วยยา หลอดอาหาร กลืนยา ชนิดรับประทาน ไม่ได้ หรือกลืนลำบาก 5. ต้องการกลับบ้าน แต่ไม่สามารถกลืนยา เพื่อจัดการอาการไม่สุขสบายต่าง ๆ ได้ เช่น ปวด หายใจไม่อิ่ม สับสนวุ่นวาย เป็นต้น

ข้อดีของการให้ยาทางใต้ผิวหนัง สำหรับผู้ป่วยระยะท้าย 1. ผู้ป่วยไม่ต้องเจ็บปวดทุก 2. ผู้ป่วยจะได้ไม่ต้องรับ ประทานยาหลายชนิดและ ครั้งที่ให้ยา ไม่จำเป็นต้อง ปริมาณทางปากมาก ๆ เนื่องจากผู้ป่วยอาจมี เปลี่ยนตำแหน่งในการให้ยา อาการคลื่นไส้อาเจียน บ่อย ๆ สามารถอยู่ได้นานถึง อ่อนเพลีย/อ่อนล้า การ 10 วัน หรืออาจได้นานกว่านั้น รู้สึกตัวลดลง และกลืน ถ้าตำแหน่งในการให้ยาไม่มี ลำบาก อาการ บวม แดง ร้อน คัน หรือไม่มีน้ำไหลย้อนออกมา 4. สามารถให้ยาผ่าน บริเวณปลายเข็ม เครื่อง อิซี่ปั๊ม (Easy pump) มีระบบบริการพยาบาลจะ 3.การให้ยาทางใต้ผิวหนัง ผสมยาให้ โดยต้องได้รับคำ เมื่อยาเข้าไปในกระแสเลือด สั่งจากแพทย์ในทีมที่ดูแล จะค่อยๆ ออกฤทธิ์ แล้ว ประคับประคอง แล้ว ระดับยาจะเริ่มคงที่ อุปกรณ์มีขนาดเล็ก น้ำ สม่ำเสมอ สามารถควบคุม หนักเบา พกพาได้สะดวก อาการได้ดีตลอด 24 เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัว ชั่วโมง เนื่องจากสามารถ นำกลับบ้านไปใช้ที่บ้านได้ ผสมยาหลาย ๆ ตัวเข้าด้วย กันเพื่อจัดการอาการปวด และอาการไม่สุขสบายต่าง ๆ ได้ โดยใช้กระบอกฉีดยา ขนาด 100 ซีซี

# ข้อควรระวังและข้อห้ามใน การให้ยาทางใต้ผิวหนัง 1.บริเวณตำแหน่งที่ให้ยาทางใต้ผิวหนังมีโอกาส เกิดการอักเสบ ระคายเคืองได้ง่าย เช่น บวม แดง ร้อน คัน และอาจมีโอกาสเกิดปฏิกิริยาการ แพ้ได้แต่พบได้น้อย 2.มีโอกาสเกิดการรั่วซึมของยา บริเวณ ตำแหน่งที่ให้ยาได้ 3.ควรหลีกเลี่ยงในผู้ป่วยที่มีปั ญหา การแข็ง ตัวของเลือดผิดปกติ หรือเกล็ดเลือดต่ำ 4.ไม่ควรใช้วิธีการให้ยาทางใต้ผิวหนังใน การรักษาภาวะฉุกเฉิน เช่น ภาวะช็อค ระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลว และภาวะขาด น้ำรุนแรง

การให้ยาทางใต้ผิวหนังแบบต่อ เนื่อง โดยผสมยา 1-4 ชนิดลงในกระบอก ฉีดยาขนาด 100 ซีซี ควบคุมอัตราการไหล โดยใช้เครื่องปั๊มยาแบบต่อเนื่องที่ไม่ใช้ ไฟฟ้า เรียกว่า อิลาสโตเมอริคปั๊ม (elastomeric pump) หรือ เรียกอีกอย่าง ว่า อิซี่ปั๊ม (Easy pump) ยาที่ผสมแล้วจะ อยู่ในกระบอกได้ 4 วัน อุปกรณ์ที่ใช้ในการให้ยาทางใต้ผิวหนัง กระบอกอีซี่ปั๊ ม

ก า ร ดู แ ล ผู้ ป่ ว ย ที่ ไ ด้ รั บ ย า ท า ง ใ ต้ ผิ ว ห นั ง 1 . สำ ห รั บ ผู้ ป่ ว ย ร ะ ย ะ ท้ า ย ประเมินอาการไม่สุขสบายต่าง ๆ ด้ ว ย วิ ธี ที่ เ ห ม า ะ ส ม เช่น ถ้าผู้ป่วยบอกได้ให้สอบถามจากผู้ป่วย โดยตรง แต่ถ้าไม่สามารถ บอกได้ คอยสังเกตอาการแสดง เช่น สีหน้าคิ้วขมวด ดิ้น กระสับกระส่าย เอะอะโวยวาย เป็นต้น ถ้าผู้ป่วยพักผ่อนไม่ได้ ควรโทรปรึกษาพยาบาลทีม 2 . ดูแลประคับประคอง ของศูนย์ชีวารักษ์ โรงพยาบาลเลิดสิน เมื่อมีอาการปวด บวม แดง ร้อน 3 . บริเวณผิวหนังที่ให้ยา ควรเปลี่ยนตำแหน่งยาให้ที่ใหม่ ตรวจสอบปริมาณยาที่ผู้ป่วยได้รับ และ สั ง เ ก ต ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ก ร ะ บ อ ก 4 . บริเวณข้อต่อว่ามีรอยรั่วซึมหรือไม่ หากมีจะ ต้องรีบแจ้งพยาบาลทีมดูแลประคับประคอง ส า ม า ร ถ ติ ด ต่ อ ไ ป รั บ ย า กั บ พ ย า บ า ล ที่ ดู แ ล ไ ด้ เมื่อยาใกล้จะหมดแล้วนำกลับไปต่อเองได้ที่บ้าน โดยมีระบบติดตามให้คำ ปรึกษาจากทีมดูแลประคับประคอง ของศูนย์ชีวารักษ์ โรงพยาบาลเลิดสิน 5 .โดยแอดผ่านไลน์ออฟฟิศเชียล ก ร ณี วั น ห ยุ ด ยาที่ผสมเตรียมไว้ให้ควรเก็บในตู้เย็น เก็บไว้ได้ไม่เกิน 2 วัน