แผนภมู ทิ ่ี 22 แสดงกำรเปรียบเทยี บคะแนนเฉล่ยี รำยวิชำผล กำรทดสอบทำงกำรศกึ ษำระดบั ชำตขิ น้ั พ้ืนฐำน(O-NET) ปีกำรศกึ ษำ 2563 ช้ันมัธยมศกึ ษำปีท่ี 3 ระดับสำนักงำนเขตพื้นทก่ี ำรศกึ ษำประถมศึกษำลำปำง เขต 3 กับระดับสังกดั (สพฐ.) แผนภมู ทิ ่ี 23 แสดงกำรเปรียบเทยี บคะแนนเฉลย่ี รำยวิชำผล กำรทดสอบทำงกำรศึกษำระดับชำติขนั้ พ้ืนฐำน (O-NET) ปีกำรศึกษำ 2563 ช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 3 ระดับสำนักงำนเขตพื้นทกี่ ำรศึกษำประถมศกึ ษำลำปำง เขต 3 กับระดับประเทศ 34
แผนภูมทิ ่ี 24 แสดงกำรเปรยี บเทียบคะแนนเฉลี่ยรำยวิชำผล กำรทดสอบทำงกำรศึกษำระดับชำติข้นั พื้นฐำน (O-NET) ปีกำรศกึ ษำ 2563 ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปีที่ 3 ระดับสำนักงำนเขต พ้ืนทก่ี ำรศกึ ษำประถมศึกษำลำปำง เขต 3 ระดบั สังกัด (สพฐ.) และระดับประเทศ แผนภมู ทิ ี่ 25 แสดงกำรเปรียบเทยี บคะแนนเฉล่ยี รำยวิชำผล กำรทดสอบทำงกำรศึกษำระดบั ชำตขิ ัน้ พื้นฐำน (O-NET) ช้นั มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 3 สำนกั งำนเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำลำปำง เขต 3 ปีกำรศกึ ษำ 2562 กับ ปีกำรศึกษำ 2563 35
ตำรำงที่ 22 จำนวนบุคลำกรในสำนกั งำนเขต จำแนกตำมประเภท ปีกำรศกึ ษำ 2564 ข้อมลู ณ 29 กรกฎำคม 2564 แผนภูมทิ ี่ 26 เปรยี บเทยี บจำนวนบคุ ลำกร จำแนกตำมประเภท ปีกำรศกึ ษำ 2564 ผู้อำนวยกำรเขต รองผ้อู ำนวยกำร พ้ืนทีก่ ำรศกึ ษำ, 1 เขตพื้นทีก่ ำรศึกษำ, อัตรำจ้ำง, 20 3 ศกึ ษำนิเทศก์, 1 พนักงำนรำชกำร, 1 บุคลกร 38 ค (2), ลูกจำ้ งประจำ, 1 29 36
ตำรำงท่ี 23 จำนวนบคุ ลำกรของสถำนศึกษำในสงั กดั จำแนก ตำมประเภท ปีกำรศึกษำ 2564 แผนภูมิที่ 27 เปรยี บเทียบบุคลำกรของสถำนศึกษำในสังกัด จำแนก ตำมประเภท ปีกำรศกึ ษำ 2564 37
ตำรำงท่ี 24 จำนวนงบประมำณโครงกำรเพื่อพัฒนำคณุ ภำพ กำรศึกษำ ประจำปีงบประมำณ พ.ศ.2564 แผนภูมทิ ่ี 28 จำนวนงบประมำณโครงกำรตำมแผนปฏิบตั กิ ำร ประจำปีงบประมำณ 2564 จำแนกตำมกลยุทธ 38
แผนภูมิที่ 29 จำนวนงบประมำณโครงกำรตำมแผนปฏบิ ตั กิ ำร ประจำปีงบประมำณ 2564 จำแนกตำมกลยทุ ธ ร้อยละของงบประมำณจำแนกตำมกลยุทธ์ 26.3 9.7 8.6 5.4 13.7 16.1 20.2 กลยทุ ธ์ท1ี่ กลยทุ ธท์ 2ี่ กลยทุ ธ์ท3ี่ กลยุทธ์ท4ี่ กลยุทธท์ 5ี่ กลยทุ ธท์ 6ี่ กลยุทธท์ 7ี่ 39
เปรยี บเทยี บขอ้ มลู พื้นฐำนทำงกำรศึกษำ 5 ปี ปีกำรศึกษำ 2560 – 2564 สังกดั สำนักงำนเขตพื้นทกี่ ำรศกึ ษำประถมศกึ ษำลำปำง เขต 3
ตำรำงที่ 25 เปรยี บเทียบขอ้ มูลพื้นฐำนกำรศกึ ษำ ปีกำรศกึ ษำ 2560 – 2564 จำกตำรำงที่ 25 พบว่ำ ปีกำรศกึ ษำ 2560 – 2564 มจี ำนวนนกั เรียนลดลงทกุ ปีอยำ่ งต่อเนอ่ื ง สว่ นจำนวนหอ้ งเรียนน้ันก็ไดม้ ีกำรเปล่ียนแปลงทกุ ปีเหมือนกัน แผนภูมทิ ่ี 30 จำนวนห้องเรียน ปีกำรศึกษำ 2560 - 2564 40
แผนภมู ทิ ่ี 31 จำนวนนกั เรยี น ปีกำรศกึ ษำ 2560 - 2564 แผนภมู ทิ ี่ 32 จำนวนห้องเรยี นจำแนกตำมระดับชั้น 41
ตำรำงท่ี 26 โรงเรียนจำแนกขนำดตำมจำนวนนักเรยี น ปีกำรศกึ ษำ 2560 - 2564 จำกตำรำงที่ 26 เเมอ่ื พจิ ำรณำข้อมูลโรงเรยี นจำแนกขนำดตำมจำนวนนกั เรียนทั้ง 4 ขนำด ตงั้ แตป่ ี กำรศึกษำ 2560 – 2564 พบวำ่ จำนวนนักเรียนขนำดที่ 1 มีจำนวนมำกที่สดุ รองลงมำคือขนำดที่ 2 สว่ น ขนำดที่ 5 ขนำดที่ 3 และขนำดท่ี 4 มจี ำนวนนกั เรียนใกลเ้ คียงกนั 42
แผนภูมิท่ี 33 เปรียบเทยี บขอ้ มลู โรงเรียนจำแนกตำมขนำด ปีกำรศึกษำ 2560 – 2564 ตำรำงที่ 27 จำนวนนักเรยี นจำแนกรำยช้นั ปีกำรศกึ ษำ 2560 – 2564 จำกตำรำงที่ 27 อตั รำร้อยละของกำรลดลงของจำนวนนกั เรยี นท้ังหมดในปกี ำรศกึ ษำ 2559 – 2563 พบได้ว่ำ ลดลงทุกปีอย่ำงต่อเนื่อง 43
แผนภมู ทิ ่ี 34 เปรยี บเทียบจำนวนนกั เรยี นทง้ั หมด ปีกำรศึกษำ 2560– 2564 จำกแผนภมู ิที่ 34 เมอื่ พิจำรณำข้อมูลยอ้ นหลงั 5 ปี พบว่ำ จำนวนนกั เรยี นได้ลดลงอย่ำงตอ่ เนื่อง ในทกุ ปีกำรศึกษำ แผนภูมิท่ี 35 เปรียบเทยี บจำนวนนกั เรียน จำแนกตำม ระดับกำรศกึ ษำ ปีกำรศึกษำ 2560 – 2564 จำกแผนภมู ิที่ 35 เม่ือพิจำรณำรำยระดับกำรศึกษำ พบว่ำระดับประถมศึกษำและก่อน ประถมศึกษำ มแี นวโน้มลดลง แตร่ ะดบั มธั ยมต้น มีแนวโนม้ เพม่ิ ขึ้น 44
แผนภูมทิ ี่ 36 เปรยี บเทยี บอัตรำกำรลดลงของ จำนวนนักเรยี น 45
ภำคผนวก คำนยิ ำม
ภำคผนวก คำนยิ ำม โรงเรยี น หมำยถงึ โรงเรยี นในสังกัดสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขน้ั พนื้ ฐำน วันที่ต้ังโรงเรียน หมำยถงึ วนั ท่กี อ่ ต้งั โรงเรยี นนี้ ซึ่งไดบ้ ันทกึ ไว้ในสมดุ หมำยเหตุรำยวัน เขตทีต่ ้งั ของโรงเรยี น หมำยถงึ ที่ต้ังของโรงเรียนว่ำอยูใ่ นเขตใด แบ่งเปน็ 3 ลักษณะ คอื 1) เขตกำรปกครอง หมำยถึง สถำนท่ีที่ต้ังของโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในเขตกำรปกครองตำมที่ กระทรวงมหำดไทยประกำศ 2) ที่ตั้งทำงภูมิศำสตร์ หมำยถึง สถำนที่ตั้งของโรงเรียนตั้งอยู่ในพ้ืนที่หรือบริเวณสภำพทำง ภูมิศำสตร์ 3) โรงเรยี นทีต่ ้ังอยู่ในบริเวณเดยี วกบั วัด เขตบรกิ ำรของโรงเรยี น หมำยถงึ เขตพ้ืนที่บรกิ ำรของโรงเรยี นที่คณะกรรมกำรเขตพ้ืนที่กำรศึกษำกำหนด พื้นที่โรงเรียน หมำยถึง ขนำดของที่ดินท่ีเป็นท่ีตั้งของโรงเรียน ท่ีดินที่โรงเรียนมีสิทธิ์ครอบครองหรือใช้ ประโยชน์ในกำรจดั กำรศึกษำจำกที่ดินนัน้ ซ่งึ อำจะมีจำนวนหลำยแปลง รวมถึงลักษณะกำรถือครองท่ีดิน ในแต่ละแปลงในลกั ษณะตำ่ ง ๆ ดังนี้ 1) ที่ป่ำสงวน เป็นที่ดินท่ีอยู่ในควำมดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และได้รับควำม ยินยอมให้จัดต้ังโรงเรียนเพ่ือจดั กำรศกึ ษำใหบ้ ตุ รหลำนของประชำชนท่ีอำศยั อยใู่ นเขตนั้นเลำ่ เรียน 2) ที่ธรณีสงฆ์ เป็นท่ีดินท่ีอยู่ในควำมดูแลของวัดหรือกรมกำรศำสนำ และได้รับควำมยินยอม ให้จดั ตงั้ โรงเรยี นเพ่ือจัดกำรศกึ ษำให้บตุ รหลำนของประชำชนที่อำศยั อย่ใู นเขตนนั้ เล่ำเรยี น 3) ท่ีรำชพัสดุ เป็นท่ีดินที่อยู่ในควำมดูแลของรัฐ และยินยอมให้จัดตั้งโรงเรียนเพ่ือจัด กำรศึกษำให้บตุ รหลำนของประชำชนที่อำศัยอยู่ในเขตน้ันเล่ำเรียน 4) ท่ีดินเช่ำผู้อื่น เป็นท่ีดินที่โรงเรียนเช่ำจำกบุคคลอื่น เพ่ือทำประโยชน์ในด้ำนกำรจัด กำรศึกษำ 5) ทที่ รพั ย์สนิ ส่วนพระมหำกษัตริย์ ที่ยินยอมให้จัดตั้งโรงเรียนเพื่อจัดกำรศึกษำให้บุตรหลำน ของประชำชนทีอ่ ำศัยอยใู่ นเขตน้นั เล่ำเรยี น 46
6) ที่ได้รับบริจำค และ/หรือ ให้ใช้ประโยชน์ หมำยถึง ที่ดินที่โรงเรียนได้รับบริจำค หรอื ให้ทำประโยชน์ด้ำนกำรจดั กำรศกึ ษำจำกที่ดินผนื น้นั 7) ท่ีสำธำรณประโยชน์ 8) ท่ี ส.ป.ก. โรงเรียนสำขำ หมำยถึง โรงเรียนที่จัดตั้งข้ึนเพ่ือรองรับควำมต้องกำรของชุมชนหรือท้องถิ่นท่ี ต้องกำรให้บุตรหลำนได้ศึกษำเล่ำเรียนในโรงเรียน ท่ีตั้งอยู่ในท้องถิ่นของตนเอง แต่ไม่มีโรงเรียน ตั้งอยู่กอ่ นไดร้ บั อนญุ ำตให้เปิดเป็นโรงเรยี นสำขำแลว้ หน่วยงำนทำงกำรศกึ ษำ หมำยถึง หน่วยงำนที่มีหน้ำที่จัดกำรเรียนรู้ และ / หรือ ดูแลรับผิดชอบ เกี่ยวขอ้ งกับกำรจดั กำรศกึ ษำ เช่น มหำวทิ ยำลัย วทิ ยำลยั ชมุ ชน ประเภทโครงกำรอำหำรกลำงวัน แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท ประเภทท1่ี หมำยถงึ โรงเรียนท่ีสำมำรถบรหิ ำรจดั กำรใหน้ ักเรยี นทกุ คนมอี ำหำร กลำงวันรบั ประทำนทกุ วนั โดยขอรับเงนิ งบประมำณสนบั สนุนจำกรัฐ ประเภทท่ี 2 หมำยถงึ โรงเรียนสำมำรถบรหิ ำรจดั กำรให้นกั เรยี นทุกคนมอี ำหำร กลำงวันรบั ประทำน ทุกวันโดยไดร้ ับเงินงบประมำณสนบั สนุนจำกรฐั ประเภทท่ี 3 โรงเรียนทีน่ ักเรยี นจำนวนหนงึ่ ไมไ่ ด้รบั ประทำนอำหำรกลำงวัน ถึงแม้ จะไดร้ ับเงินงบประมำณสนับสนนุ ตำมที่รฐั จดั ให้ จำแนกเปน็ 3.1) หมำยถึง โรงเรียนที่มีนกั เรียนจำนวนหนึ่งไม่ได้รับประทำนอำหำรกลำงวัน แม้โรงเรียนพยำยำมจัดอำหำรกลำงวันให้กับนักเรียนได้มำกกว่ำงบประมำณท่ีได้รับจัดสรรแล้วก็ ตำม 3.2) หมำยถึง โรงเรยี นทีม่ นี กั เรียนจำนวนหนึ่งไม่ไดร้ ับประทำนอำหำรกลำงวนั และโรงเรียนก็ไดพ้ ยำยำมจัดอำหำรกลำงวนั ให้กบั นักเรียนไดเ้ ท่ำกบั งบประมำณท่ีได้รับจัดสรร เทำ่ นัน้ นักเรียนพิกำร หมำยถึง บุคคลที่มีควำมบกพรอ่ งทำงร่ำงกำยและจติ ใจ แบ่งเป็น 9ประเภท ได้แก่ 1)คนที่มีควำมบกพร่องทำงกำรเห็น หมำยถึง บุคคลท่ีสูญเสียกำรเห็นตั้งแต่ ระดับเลก็ น้อยจนถึงบอดสนทิ 47
อำจแบง่ ได้ 2 ประเภท คือ คนตำบอดสนิท และคนเหน็ เลอื นลำง 2) คนที่มีควำมบกพร่องทำงกำรได้ยิน หมำยถึง คนท่ีสูญเสียกำรได้ยินตั้งแต่ระดับ รนุ แรง จนถงึ ระดับน้อยอำจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ คนหูหนวก และคนหตู ึง 3) คนทีม่ คี วำมบกพรอ่ งทำงสตปิ ญั ญำ หมำยถึง คนทมี่ พี ฒั นำกำรช้ำกว่ำคนปกติท่ัวไป เม่ือวัดสติปัญญำ โดยใช้แบบทดสอบมำตรฐำนแล้ว มีสติปัญญำต่ำกว่ำบุคคลปกติและ ควำมสำมำรถในกำรปรับเปล่ียนพฤติกรรม ต่ำกว่ำเกณฑ์ปกติอย่ำงน้อย 2 ทักษะ หรือมำกกว่ำ เช่น ทักษะกำรสื่อควำมหมำย ทักษะทำงสังคม ทักษะกำรใช้ สำธำรณสมบัติ กำรดูแลตนเอง กำรดำรงชีวิตในบ้ำน กำรควบคุมตนเอง สขุ ภำพอนำมยั และควำมปลอดภัย กำรเรียนวิชำเพื่อ ชีวิตประจำวัน กำรใช้เวลำว่ำงและกำรทำงำน ซึ่งลักษณะควำมบกพร่องทำงสติปัญญำ จะแสดง อำกำรก่อนอำยุ 18 ปี อำจแบง่ ควำมบกพรอ่ งทำงสติปญั ญำออกเป็น 2 ระดับ ดงั น้ี (1) เด็กปัญญำอ่อนท่ีเรียนหนังสือได้ หมำยถึง เด็กปัญญำอ่อนท่ีมีระดับ สติปญั ญำอยูร่ ะหวำ่ ง 50–70 วดั โดยใชแ้ บบทดสอบมำตรฐำน มีสติปัญญำและควำมเฉลียวฉลำด ไมเ่ ทำ่ เทียมกับเด็กปกติในวยั เดียวกนั และมีพฤติกรรมทำงสังคมไม่เหมำะสมกบั วยั (2) เด็กปัญญำอ่อนท่ีฝึกได้ หมำยถึง เด็กปัญญำอ่อนที่มีระดับสติปัญญำอยู่ ระหว่ำง 35 – 49 โดยประมำณ เป็นเด็กปัญญำอ่อนขั้นปำนกลำงท่ีมีสติปัญญำและพฤติกรรม เป็นอุปสรรคตอ่ กำรเรียนรู้ของเดก็ 4) คนที่มีควำมบกพร่องทำงร่ำงกำยหรือสุขภำพ หมำยถึง คนที่มีอวัยวะไม่สมส่วน อวัยวะส่วนใด ส่วนหนึ่งหรือหลำยส่วนขำดหำยไป กระดูกและกล้ำมเนื้อพิกำรเจ็บป่วยเรื้อรัง รุนแรง มีควำมพิกำรของระบบประสำท มีควำมลำบำกในกำรเคลื่อนไหวซึ่งเป็นอุปสรรคต่อ กำรศึกษำในสภำพปกติ ทั้งนี้ ไม่รวมคนท่ีมี ควำมบกพร่องทำงประสำทสัมผัส ได้แก่ ตำบอด หู หนวก อำจแบ่งได้เป็นประเภท ดังนี้ โรคของระบบประสำท โรคทำงระบบกล้ำมเน้ือกระดูก กำร ไมส่ มประกอบมำแตก่ ำเนดิ สภำพควำมพกิ ำรและควำมบกพร่องทำงสขุ ภำพ อน่ื ๆ 5) คนท่ีมีปัญหำทำงกำรเรียนรู้ หมำยถึง คนท่ีมีควำมบกพร่องอย่ำงใดอย่ำงหน่ึง หรือ หลำยอยำ่ งทำงกระบวนกำรพื้นฐำนทำงจิตวิทยำที่เกี่ยวกับควำมเข้ำใจหรือกำรใช้ภำษำ อำจเป็น ภำษำพูดและหรอื ภำษำเขยี น ซง่ึ ส่งผลทำใหม้ ีปญั หำในกำรฟัง กำรพูด กำรคดิ กำรอ่ำน กำรเขียน กำรสะกด หรือกำรคำนวณ รวมท้ังสภำพควำมบกพร่องในกำรรับรู้ สมองได้รับบำดเจ็บ กำร ปฏิบัติงำนของสมองสูญเสียไป ซึ่งทำให้มีปัญหำในกำรอ่ำน และปัญหำในกำรเข้ำใจภำษำ ทั้งนี้ ไม่รวมคนทมี่ ีปัญหำทำงกำรเรียน เนือ่ งจำกสภำพ 48
สภำพควำมบกพร่องในกำรรับรู้ สมองได้รับบำดเจ็บ กำรปฏิบัติงำนของสมองสูญเสียไป ซ่ึงทำให้มี ปัญหำในกำรอ่ำน และปัญหำในกำรเข้ำใจภำษำ ท้ังน้ี ไม่รวมคนท่ีมีปัญหำทำงกำรเรียน เนื่องจำก สภำพบกพร่อง ทำงกำรเห็น กำรได้ยินกำรเคล่ือนไหว ปัญญำอ่อน ปัญหำทำงอำรมณ์ หรือควำม ดอ้ ยโอกำสเนอื่ งจำกส่งิ แวดล้อม วัฒนธรรมหรอื เศรษฐกิจ 6) คนทม่ี ีควำมบกพร่องทำงกำรพูดและภำษำ หมำยถึง บุคคลท่ีมีควำมบกพร่องในเร่ือง ของกำรออกเสียงพูด เช่น เสียงผิดปกติ อัตรำควำมเร็วและจังหวะกำรพูดผิดปกติหรือคนที่มีควำม บกพร่องในเร่ืองควำมเข้ำใจและกำรใช้ภำษำพูด กำรเขียน และหรือระบบสัญลักษณ์อ่ืนท่ีใช้ในกำร ติดต่อส่อื สำร ซึง่ อำจเกีย่ วกับรปู แบบของภำษำเนือ้ หำของภำษำและหนำ้ ทข่ี องภำษำ 7) คนที่มีปัญหำทำงพฤติกรรมหรือทำงอำรมณ์ หมำยถึง คนที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไป จำกปกติเป็นอยำ่ งมำก และปญั หำทำงพฤติกรรมนนั้ เปน็ ไปอย่ำงต่อเน่อื ง ไม่เป็นที่ยอมรับทำงสังคม หรอื วฒั นธรรม 8) คนออทสิ ตกิ หมำยถงึ บุคคลทมี่ คี วำมบกพร่องทำงพฒั นำกำรดำ้ นสังคม ภำษำและ กำรสอื่ ควำมหมำย พฤตกิ รรมอำรมณ์ และจนิ ตนำกำร ซ่ึงมสี ำเหตเุ นอื่ งมำจำกกำรทำงำนในหนำ้ ที่ บำงส่วนของสมองผิดปกตไิ ปและควำมผิดปกตนิ พี้ บไดก้ ่อนวัย30เดอื นลักษณะของบคุ คลออทิสตกิ สรปุ ได้ดังนี้ (1) มีควำมบกพรอ่ งทำงปฏิสมั พันธ์ทำงสงั คม (2) มีควำมบกพร่องทำงกำรสื่อสำร ท้ังด้ำนกำรใช้ภำษำพูด ควำมเข้ำใจภำษำ กำรแสดงกรยิ ำ สือ่ ควำมหมำย (3) มีควำมบกพรอ่ งด้ำนพฤติกรรมและอำรมณ์ บำงคนมพี ฤตกิ รรมช้ำ ๆ ผิดปกติ (4) มีควำมบกพรอ่ งด้ำนกำรรบั รู้ทำงประสำทสมั ผสั กำรใชป้ ระสำทสัมผสั ท้ัง 5 (5) มีควำมบกพร่องด้ำนกำรใช้อวัยวะต่ำง ๆ อย่ำงประสำนสัมพันธ์ กำรใช้ส่วน ตำ่ ง ๆ ของรำ่ งกำย (6) มีควำมบกพร่องด้ำนกำรจินตนำกำร ไม่สำมำรถแยกเร่ืองจริงเร่ืองสมมุติ หรอื ประยุกต์วธิ ีจำกเหตุกำรณห์ น่ึงไปยังอกี เหตกุ ำรณ์หนึ่งได้ (7) มีควำมบกพร่องด้ำนสมำธิ มีควำมสนใจที่สั้น วอกแวกง่ำยอ่ำน และปัญหำ ในกำรเขำ้ ใจภำษำ ท้งั น้ี ไมร่ วมคนท่ีมปี ัญหำทำงกำรเรยี น เนอื่ งจำกสภำพ 49
(9) คนที่มีควำมพิกำรซ้อน หมำยถึง คนท่ีมีสภำพควำมบกพร่องหรือควำมพิกำรมำกกว่ำหน่ึง ประเภทในบคุ คลเดียวกัน นกั เรยี นขำดแคลน หมำยถึง 1) นักเรียนท่ีขำดเคร่ืองแบบนักเรียน หมำยถึง นักเรียนที่บิดำ มำรดำมีฐำนะยำกจน มี เครอ่ื งแบบนักเรียนสวมใสม่ ำโรงเรยี นไมเ่ พยี งพอ 2) นักเรียนที่ขำดแคลนเคร่ืองเขียน หมำยถึง นักเรียนท่ีบิดำ มำรดำมีฐำนะยำกจนไม่มี เงินซื้อเครอื่ งเขยี น ใหน้ กั เรียนใชป้ ระกอบกิจกรรมกำรเรียนรู้ 3) นกั เรียนทข่ี ำดแคลนแบบเรียน หมำยถงึ แบบเรียนหนังสือยืมเรียนสำหรับนักเรียนทุก คนมีไม่เพียงพอกับควำมต้องกำรของนักเรียน ทำให้นักเรียนบำงคนไม่มีแบบเรียนใช้ประกอบ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 4) นกั เรียนทีข่ ำดแคลนอำหำรกลำงวัน หมำยถึง นักเรียนท่ีบิดำมำรดำมีฐำนะยำกจน ไม่ มีเงนิ ซอ้ื อำหำรกลำงวนั ให้เดก็ รับประทำน นักเรียนท่ีมีควำมสำมำรถพิเศษด้ำนต่ำง ๆ หมำยถึง นักเรียนท่ีแสดงออกถึงควำมสำมำรถอันโดด เดน่ หรอื แสดงใหเ้ ห็นถึงศักยภำพท่ีจะสำมำรถพัฒนำควำมสำมำรถไดอ้ ย่ำงเป็นท่ีประจักษ์ เม่ือนำมำ เปรียบเทียบกับ เด็กอื่น ๆ ท่ีอยู่ในวัยเดียวกันที่มีสภำพแวดล้อมหรือประสบกำรณ์ระดับเดียวกัน ควำมสำมำรถในที่น้ี ได้แก่ ควำมสำมำรถ ในด้ำนสติปัญญำ ควำมเป็นเลิศทำงวิชำกำรสำขำใด สำขำหนึ่ง พฤติกรรมดังกล่ำวแสดงให้เห็นถึงศักยภำพท่ีจะพัฒนำควำมสำมำรถได้อย่ำงเป็นท่ี ประจักษ์ ซ่ึงจำแนกได้ดงั นี้ 1) ด้ำนวิทยำศำสตร์ / ด้ำนคณิตศำสตร์ หมำยถึง มีควำมเข้ำใจ มองเห็นมิติสัมพันธ์สิ่งท่ี เป็นนำมธรรม ใชจ้ ำนวนได้รวดเรว็ มีทักษะกำรคดิ วิเครำะห์ อยำ่ งมีเหตุผล สร้ำงและสรุปควำมคิด ปรับเปล่ียนระบบและวธิ ีกำรอย่ำงหลำกหลำยไดเ้ รว็ กว่ำเดก็ ในวยั เดยี วกัน 2) ด้ำนภำษำ หมำยถึง เป็นผู้มีทักษะและควำมคิดสร้ำงสรรค์ในกำรใช้ภำษำเพื่อกำร ส่ือสำรไดด้ กี วำ่ เด็กในวยั เดียวกัน 50
3) ด้ำนดนตรี หมำยถึง ผู้ท่ีมีควำมสำมำรถและมีจินตนำกำรในกำรแสดงหรือเล่นดนตรี อยำ่ งมีสุนทรยี ภำพ 4) ด้ำนกีฬำ หมำยถึง ผมู้ คี วำมสำมำรถ มที กั ษะ มีพรสวรรค์ ในกำรออกกำลังกำยได้เป็น อย่ำงดีและโดดเด่นในกำรแข่งขนั กีฬำ 5) ด้ำนทัศนศิลป์ และด้ำนศิลปะกำรแสดง หมำยถึง ผู้มีจินตนำกำรและควำมคิด สร้ำงสรรค์ในกำรถ่ำยทอดสิ่งท่ีประทับใจจำกธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม มำเป็นผลงำนศิลปะของ ตนเองอย่ำงเด่นชัดกว่ำเด็กในวัยเดียวกันนักเรียนพักนอนประจำ หมำยถึง นักเรียนที่มีถิ่นท่ีอยู่ไม่ สะดวก ห่ำงไกล กันดำร ทำให้เป็นอุปสรรคต่อกำรเดินทำงไป – กลับ ระหว่ำงถิ่นท่ีอยู่กับโรงเรียน จำเปน็ ต้องพกั อำศัยในสถำนทีท่ ี่โรงเรียนจัดให้หรือทีซ่ ึง่ ทโ่ี รงเรียนสำมำรถดำเนินกำรควบคุมดูแลได้ เช่น 1) บำ้ นพักครู หมำยถึง บ้ำนพักครูที่ให้นักเรียนพักนอนประจำ ท้ังน้ีนักเรียนอำจจะอำศัย อยรู่ วมกบั ครู หรืออยเู่ ฉพำะนักเรยี นก็ได้ 2) ท่พี กั นกั เรียน หมำยถึง บ้ำนพัก / หอนอน ท่ีโรงเรียนสร้ำงข้ึนโดยเงินงบประมำณหรือ เงินบรจิ ำค สำหรบั ให้นกั เรยี นพักนอนประจำ 3) พักรวมกับชุมชน/อ่ืน ๆ หมำยถึง บ้ำนพักในชุมชนหรือวัด ท่ีชุมชนหรือวัดให้ควำม รว่ มมือใหน้ กั เรยี นที่อำศัยพกั นอนประจำ นกั เรียนดอ้ ยโอกำส หมำยถงึ นักเรยี นในโรงเรียนทดี่ ้อยโอกำสทำงกำรศึกษำ จำแนกได้ดงั น้ี 1) นักเรียนถูกบังคับให้ขำยแรงงำน หรือแรงงำนเด็ก หมำยถึง เด็กที่ต้องทำงำน หรือถูกบังคับให้ทำงำน หำรำยได้ด้วยกำรขำยแรงงำนก่อนถึงวัยอันสมควร ถูกเอำรัดเอำเปรียบ จำกนำยจำ้ ง ไมม่ โี อกำสไดร้ ับกำรพัฒนำให้เปน็ ไปตำมหลักพัฒนำกำรอันเหมำะสมกับวยั 2) นักเรียนที่อยู่ในธุรกิจบริกำรทำงเพศ หรือโสเภณีเด็ก หมำยถึง เด็กที่มีควำม สมัครใจหรือถูกบังคับล่อลวงให้ขำยบริกำรทำงเพศ หรือถูกชักจูงให้ต้องตกอยู่ในสภำพที่เส่ียงต่อ กำรประกอบอำชพี ขำยบรกิ ำรทำงเพศ 3) นักเรียนที่ถูกทอดทิ้ง หมำยถึง เด็กที่มำรดำคลอดทิ้งไว้ในโรงพยำบำล หรือ ตำมสถำนที่ต่ำง ๆ รวมไปถึงเด็กท่ีพ่อแม่ปล่อยทิ้งไว้ให้มีชีวิตอยู่ตำมลำพัง หรือกับบุคคลอื่น โดย ไมไ่ ด้รับกำรเลี้ยงดูจำกพ่อแม่ ทั้งนี้ อำจมีสำเหตุมำจำกปัญหำกำรหย่ำร้ำง หรือครอบครัวแตกแยก มสี ภำพชีวติ อยทู่ ำ่ มกลำงควำมสบั สน ขำดควำมรัก ควำมอบอุ่น ตลอดถงึ เด็กท่ีขำดผู้อุปกำระเลี้ยงดู อันเนอื่ งมำจำกสำเหตอุ ่นื ๆ 51
4) นกั เรียนทอ่ี ยู่ในสถำนพนิ ิจและคมุ้ ครองเดก็ และเยำวชน หมำยถึง เด็กที่กระทำ ผดิ และถูกควบคุมอยู่ในสถำนพินิจและคุ้มครองเด็กและเยำวชน ตำมกฎหมำย ตลอดถึงเด็กหญิงท่ี ตั้งครรภ์นอกสมรส ซ่ึงมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดปัญหำต่ำง ๆ เช่น กำรทำแท้ง กำรฆ่ำตัวตำย กำร ทอดทง้ิ ทำรก 5) นักเรียนเร่ร่อน หมำยถึง เด็กท่ีไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน ดำรงชีวิตอยู่ อย่ำงไร้ทิศทำง ขำดปัจจัยพื้นฐำนในกำรดำรงชีวิต เส่ียงต่อกำรประสบอันตรำย และเป็นปัญหำ สังคม 6) นกั เรียนที่ได้รับผลกระทบจำกโรคเอดส์ หรือโรคติดต่อร้ำยแรงที่สังคมรังเกียจ หมำยถึง เด็กทีต่ ิดเชือ้ เอดส์ หรือมพี อ่ แมเ่ จบ็ ปว่ ยดว้ ยโรคเอดส์ เปน็ เดก็ ท่ีมักถูกมองอย่ำงรังเกียจจน ไมส่ ำมำรถเข้ำรับกำรศึกษำหรอื บริกำรอ่ืน ๆ รว่ มกบั เดก็ ปกติท่วั ไปได้ 7) นักเรียนท่ีเป็นชนกลุ่มน้อย หมำยถึง เด็กที่เป็นบุตรหลำนของบุคคลที่มี วัฒนธรรมแตกต่ำงไปจำกประชำชนส่วนใหญ่ของประเทศ มีปัญหำเกี่ยวกับกำรถือสัญชำติไทยจน เป็นเหตุใหไ้ ม่มีโอกำสได้รับกำรศึกษำ หรือบริกำรอื่น ๆ ส่วนใหญ่อพยพเข้ำมำตั้งหลักแหล่งอยู่ตำม บริเวณชำยแดนของประเทศไทย 8) นักเรยี นทถ่ี กู ทำร้ำยทำรุณ หมำยถึง เด็กที่ถูกล่วงละเมิดทำงร่ำงกำย ทำงเพศ หรือทำงจิตใจ มีชีวิตอยู่อย่ำงไม่เป็นสุข ระแวง หวำดกลัว เน่ืองจำกถูกทำร้ำยทำรุณ ถูกบีบค้ัน กดดนั จำกพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง ซง่ึ มสี ภำพจติ ใจหรอื อำรมณ์ไม่เป็นปกติหรือถูกล่วงละเมิดทำงเพศ ในลกั ษณะตำ่ ง ๆ จำกบคุ คลทอ่ี ย่ใู กล้ตัว 9) นักเรียนยำกจน (มำกเปน็ พเิ ศษ) หมำยถงึ เดก็ ซงึ่ เป็นบุตรหลำนของคนยำกจน ทมี่ รี ำยได้ไมเ่ พียงพอ ตอ่ กำรเลีย้ งชพี (ครอบครัวมีรำยได้เฉล่ียไม่เกิน 40,000 บำทต่อปี) ครอบครัว อยู่รวมกันหลำยคน ขำดแคลนปัจจัยพ้ืนฐำน มีชีวิตอยู่อย่ำงยำกลำบำกรวมถึงเด็กในแหล่งชุมชน แออัด หรือบุตรของกรรมกรก่อสร้ำง หรือเด็กจำกครอบครัวท่ีอยู่ในถ่ินทุรกันดำร ขำดโอกำสท่ีจะ ไดร้ บั กำรศกึ ษำและบรกิ ำรอน่ื ๆ 10) นักเรยี นทมี่ ปี ัญหำเกี่ยวกบั ยำเสพติด หมำยถงึ เด็กท่ีตดิ สำรระเหยหรือยำเสพ ติดให้โทษ หรือเด็กกลุ่มเส่ียงกำรถูกชักนำให้ประพฤติตนไม่เหมำะสม เกี่ยวข้องผูกพันอยู่กับกลุ่ม มจิ ฉำชพี ผู้มอี ิทธิพลหรอื บุคคลท่ีแสวงหำผลประโยชน์จำกกำรประกอบอำชีพผิดกฎหมำย เป็นเด็ก ดอ้ ยโอกำสทม่ี แี นวโน้มสูงต่อกำรกอ่ ปญั หำในสงั คม 52
11) อื่น ๆ หมำยถึง นักเรียนในโรงเรียนที่ด้อยโอกำสทำงกำรศึกษำนอกเหนือจำก 10 ประกำร ขำ้ งต้น นักเรียนที่ออกกลำงคัน หมำยถึง นักเรียนท่ีออกจำกระบบโรงเรียนระหว่ำงปี โดยไม่สำมำรถกลับเข้ำมำ เรียนได้ ซ่งึ เกิดจำกสำเหตุดงั น้ี 1) ฐำนะยำกจน 2) มีปัญหำครอบครัว 3) สมรสแล้ว 4) มีปญั หำในกำรปรบั ตัว 5) ต้องคด/ี ถกู จบั 6) เจบ็ ป่วย/อบุ ตั เิ หตุ 7) อพยพตำมผปู้ กครอง 8) หำเลีย้ งครอบครวั 9) กรณอี นื่ ๆ ข้ำรำชกำรครูตำม (จ.18) หมำยถึง ข้ำรำชกำรครูที่กำหนดไว้ตำม จ.18 ของโรงเรียน ซึ่งอำจจะมำกหรือ น้อยกว่ำจำนวนข้ำรำชกำรครูท่ีสอนในโรงเรียนจริง เนื่องจำกมีข้ำรำชกำรครูบำงส่วนไปช่วยรำชกำรท่ี โรงเรยี นอืน่ หรือศึกษำตอ่ หรือข้ำรำชกำรครูจำกโรงเรยี นอนื่ มำชว่ ยรำชกำร ขำ้ รำชกำรครูทีป่ ฏบิ ตั ิงำนจรงิ ในสถำนศึกษำ หมำยถงึ ขำ้ รำชกำรครูที่ปฏิบัติงำนสอนในสถำนศึกษำน้ัน ๆ จริง ซ่ึงอำจจะมำกหรือน้อยกวำ่ จำนวนข้ำรำชกำรครูตำมกรอบอัตรำกำลงั เน่ืองจำกมีข้ำรำชกำรครูบำงส่วน ไปช่วยรำชกำรทโี่ รงเรยี นอนื่ หรือลำศึกษำตอ่ หรอื ขำ้ รำชกำรครูจำกโรงเรยี นอ่ืนมำชว่ ยรำชกำร ครผู ู้ช่วย หมำยถึง ขำ้ รำชกำรครทู ่อี ยูใ่ นระหวำ่ งกำรทดลองปฏบิ ัตริ ำชกำร ครู หมำยถงึ ข้ำรำชกำรครู คศ.1 และ ครู คศ.2 ท่ียังไม่ไดร้ ับกำรประเมินวิทยฐำนะ ครูชำนำญกำร หมำยถงึ ขำ้ รำชกำรครทู ไ่ี ด้รับเงินเดอื น คศ.2 และได้รบั เงินวิทยฐำนะ 3,500 บำท ครชู ำนำญกำรพิเศษ หมำยถงึ ขำ้ รำชกำรครทู ่ีได้รับเงนิ เดอื น คศ.3 และได้รบั เงนิ วิทยฐำนะ 5,600 บำท ครเู ชยี่ วชำญ หมำยถงึ ข้ำรำชกำรครทู ่ไี ด้รับเงินเดอื น คศ.4 และได้รับเงินวิทยฐำนะ 9,900 บำท ครเู ช่ียวชำญพิเศษ หมำยถึง ขำ้ รำชกำรครูทไี่ ดร้ บั เงินเดอื น คศ.5 และได้รบั เงนิ วทิ ยฐำนะ 13,000 บำท 53
ครูอตั รำจ้ำงชวั่ ครำว หมำยถึง ครทู ่ีจ้ำงชั่วครำวด้วยงบประมำณในโครงกำรต่ำง ๆ จำกส่วนรำชกำร ท่จี ดั สรรให้ และจำกงบประมำณอนื่ ลูกจ้ำงประจำ หมำยถึง ลูกจ้ำงประจำที่ได้รับเงินเดือนจำกเงินงบประมำณของทำงรำชกำรหมวด ลูกจำ้ งประจำ ลูกจ้ำงช่ัวครำว หมำยถึง ลูกจ้ำงท่ีจ้ำงช่ัวครำวด้วยเงินงบประมำณของทำงรำชกำร และจำก งบประมำณอ่ืน พนักงำนรำชกำร หมำยถึง บุคคลซึ่งได้รับกำรจ้ำงตำมสัญญำจ้ำง โดยได้รับค่ำตอบแทนจำก งบประมำณของส่วนรำชกำร เพือ่ พนักงำนของรฐั ในกำรปฏบิ ตั งิ ำนใหก้ บั สว่ นรำชกำรนัน้ โปรแกรมทใ่ี ช้ในกำรบริหำรกำรศึกษำในสว่ นของขอ้ มลู โรงเรยี น นักเรียน และส่ิงก่อสรำ้ ง โปรแกรมบรหิ ำรสถำนศึกษำ เปน็ โปรแกรมท่ีสำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนพัฒนำขึ้น มำ เพื่อใช้ในกำรจัดเก็บข้อมูลพื้นฐำนกำรศึกษำ ข้อมูลสถำนศึกษำ ข้อมูลนักเรียนรำยบุคคล และ ข้อมูลบุคลำกร มดี งั นี้ • ระบบสำรสนเทศเพ่ือกำรบริหำรกำรศกึ ษำ (Education Management Information System : EMIS) • ระบบจัดเก็บข้อมูลสิ่งกอ่ สรำ้ ง ( B-OBEC ) • ระบบจัดเก็บข้อมูลนกั เรยี นรำยบคุ คล ( Data Management Center : DMC ) • ระบบคัดกรองนักเรยี นยำกจน (CCT) • ระบบบรหิ ำรจดั กำรขอ้ มลู โรงเรียนเรยี นรวม ( SET ) วิธดี ำเนนิ กำรจดั ทำสำรสนเทศทำงกำรศกึ ษำและแหลง่ ข้อมลู ขอบเขตของขอ้ มูล กำรจดั เกบ็ และรวบรวมข้อมลู ดำ้ นกำรศึกษำ และข้อมูลท่ัวไป ในเอกสำรข้อมูล สำรสนเทศดำ้ นกำรศกึ ษำ ไดร้ วบรวมขอ้ มลู เฉพำะอำเภอทีอ่ ยู่ในควำมรบั ผิดชอบของสำนกั งำนเขต พ้ืนที่กำรศึกษำประถมศกึ ษำลำปำง เขต 3 ได้แก่ อำเภอแจ้ห่ม อำเภอวงั เหนือ อำเภอเมืองปำน ขอ้ มูลโรงเรียน ไดจ้ ำกสถำนศกึ ษำในสงั กัดจำนวนทงั้ สิ้น 93 แห่ง ข้อมลู ดำ้ นประชำกร กำรปกครอง ใชข้ อ้ มูล ณ วันที่ 31 ธนั วำคม 2563 ขอ้ มลู ด้ำนกำรศกึ ษำ ใช้ข้อมลู (DMC) ณ วนั ที่ 25 มถิ ุนำยน 2564 ข้อมลู ดำ้ นส่งิ กอ่ สรำ้ งของโรงเรียน ใช้ข้อมูล ณ วันที่ 25 มิถนุ ำยน 2564 ขอ้ มูลดำ้ นครูและบคุ ลำกรทำงกำรศกึ ษำ ใชข้ อ้ มลู ณ วนั ที่ 25 มถิ ุนำยน 2564 54
แหล่งทม่ี ำของข้อมลู 1. ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ประชำกร ไดจ้ ำกสำนกั บริหำรกำรทะเบยี น กรมกำรปกครองระบบสถิติทำงกำร ทะเบียน 2. ข้อมลู เกี่ยวกบั นักเรียน ได้จำก โปรแกรม Data Management Center ( DMC ) ของ สพฐ. 3. ข้อมูลสิ่งกอ่ สรำ้ งของโรงเรยี น ไดจ้ ำกโปรแกรม B-OBEC ของ สพฐ. 4. ขอ้ มลู ครูและบคุ ลำกรทำงกำรศึกษำ ได้จำกระบบ EMIS ของ สพฐ. 5. ข้อมลู นักเรยี นพิกำรเรียนรวม ระบบ SET สพฐ. 55
ภำคผนวก กลุ่มโรงเรยี น
รำยชือ่ กลุ่มโรงเรียนในสงั กดั สำนกั งำนเขตพื้นที่ กำรศกึ ษำประถมศกึ ษำลำปำง เขต 3 กลุ่มที่ ชอ่ื กลุ่มโรงเรยี น ชอ่ื โรงเรยี น ตำบล อำเภอ 1.โรงเรยี นชมุ ชนบา้ นสา บา้ นสา แจห้ ่ม 1 กลมุ่ เครอื ขา่ ยเจา้ พ่อพญาคาลอื 2.โรงเรยี นบา้ นแป้ น บา้ นสา แจห้ ่ม 3.โรงเรยี นบา้ นสาแพะ บา้ นสา แจห้ ่ม จานวน 10 โรงเรยี น 4.โรงเรยี นบา้ นใหม่ผา้ ขาว วเิ ชตนคร แจห้ ่ม 5.โรงเรยี นบา้ นสนั มะเกลอื วเิ ชตนคร แจห้ ่ม 2 กลุ่มเครอื ขา่ ยชาวเขอื่ น 6.โรงเรยี นอนุบาลแจห้ ม่ แจห้ ่ม แจห้ ่ม จานวน 12 โรงเรยี น 7.โรงเรยี นบา้ นหนองนาว แจห้ ม่ แจห้ ม่ 8.โรงเรยี นบา้ นสบฟ้ า แจห้ ม่ แจห้ ม่ 3 กล่มุ เครอื ขา่ ยพ่อขนุ จเรปาน 9.โรงเรยี นบา้ นฮอ่ งลี่ แจห้ ม่ แจห้ ม่ จานวน 11 โรงเรยี น 10.โรงเรยี นไผ่งามวทิ ยา เมอื งมาย แจห้ ่ม 1.โรงเรยี นบา้ นแม่สกุ แม่สุก แจห้ ่ม 2.โรงเรยี นทงุ่ คาวทิ ยา แม่สกุ แจห้ ่ม 3.โรงเรยี นบา้ นศรบี ุญเรอื ง แม่สุก แจห้ ม่ 4.โรงเรยี นผาชอ่ วทิ ยา แม่สกุ แจห้ ม่ 5.โรงเรยี นบา้ นแม่ตา ปงดอน แจห้ ม่ 6.โรงเรยี นบา้ นเปี ยงใจ ปงดอน แจห้ ม่ 7.โรงเรยี นบา้ นเลาสู ปงดอน แจห้ ่ม 8.โรงเรยี นบา้ นทุ่งผงึ้ ทงุ่ ผงึ้ แจห้ ม่ 9.โรงเรยี นบา้ นหวั ฝาย ทุง่ ผงึ้ แจห้ ม่ 10.โรงเรยี นแจค้ อนวทิ ยา ทุง่ ผงึ้ แจห้ ่ม 11.โรงเรยี นบา้ นทงุ่ ฮา้ ง ท่งุ ผงึ้ แจห้ ่ม 12.โรงเรยี นบา้ นชอ่ ฟ้ า ทงุ่ ผงึ้ แจห้ ม่ 1.บา้ นน้าจา เมอื งปาน เมอื งปาน 2.บา้ นแพะ เมอื งปาน เมอื งปาน 3.บา้ นทุ่งโป่ ง เมอื งปาน เมอื งปาน 4.บา้ นดอนแกว้ เมอื งปาน เมอื งปาน 5.บา้ นขอวทิ ยา บา้ นขอ เมอื งปาน 6.บา้ นป่ าเหว บา้ นขอ เมอื งปาน 7.บา้ นปางดะ บา้ นขอ เมอื งปาน 8.บา้ นทุ่งสะแกง บา้ นขอ เมอื งปาน 9.บา้ นม่วง บา้ นขอ เมอื งปาน 10.อนุบาลเมอื งปาน ทุ่งกวา๋ ว เมอื งปาน 11.ปลายนาวทิ ยา ทุ่งกวา๋ ว เมอื งปาน
กลมุ่ ที่ ชอื่ กลมุ่ โรงเรยี น ชอื่ โรงเรยี น ตำบล อำเภอ 4 กลุ่มเครอื ขำ่ ยหวั เมอื งแจซ้ อ้ น 1.โรงเรยี นบำ้ นใหมพ่ ฒั นำ แจซ้ อ้ น เมอื งปำน 2.โรงเรยี นบำ้ นขำม หวั เมอื ง เมอื งปำน จำนวน 12 โรงเรยี น 3.โรงเรยี นบำ้ นตน้ งุน้ หวั เมอื ง เมอื งปำน 4.โรงเรยี นบำ้ นไร่ หวั เมอื ง เมอื งปำน 5 กลุ่มเครอื ขา่ ยเมอื งวงั 5.โรงเรยี นบำ้ นกลว้ ย หวั เมอื ง เมอื งปำน จานวน 10 โรงเรยี น 6.โรงเรยี นบำ้ นหวั เมอื ง หวั เมอื ง เมอื งปำน 7.โรงเรยี นบำ้ นหลวงแจซ้ อ้ น แจซ้ อ้ น เมอื งปำน 6 กล่มุ เครอื ขา่ ยขนุ วงั 8.โรงเรยี นแจซ้ อ้ นวทิ ยำ แจซ้ อ้ น เมอื งปำน จานวน 12 โรงเรยี น 9.โรงเรยี นบำ้ นสบลี แจซ้ อ้ น เมอื งปำน 10.โรงเรยี นบำ้ นแม่แจม๋ แจซ้ อ้ น เมอื งปำน 11.โรงเรยี นบำ้ นทุ่ง แจซ้ อ้ น เมอื งปำน 12.โรงเรยี นบำ้ นป่ ำเหมยี้ ง แจซ้ อ้ น เมอื งปำน 1.โรงเรยี นบา้ นวงั ใหม่ รอ่ งเคาะ วงั เหนือ 2.โรงเรยี นรอ่ งเคาะวทิ ยา รอ่ งเคาะ วงั เหนือ 3.โรงเรยี นบา้ นดอนแกว้ รอ่ งเคาะ วงั เหนือ 4.โรงเรยี นบา้ นกอ่ วงั ทรายคา วงั เหนือ 5.โรงเรยี นบา้ นทุง่ ฮี วงั ทรายคา วงั เหนือ 6.โรงเรยี นวงั ทรายคาวทิ ยา วงั ทรายคา วงั เหนือ 7.โรงเรยี นบา้ นแม่พรกิ วงั เหนือ 8.โรงเรยี นบา้ นวงั โป่ ง วงั ใต ้ วงั เหนือ 9.โรงเรยี นวงั ทองวทิ ยา วงั ใต ้ วงั เหนือ 10.โรงเรยี นบา้ นเมอื งตงึ วงั ทอง วงั เหนือ 1.วงั แกว้ วทิ ยา วงั ทอง วงั เหนือ 2.ทุง่ ฮว้ั วทิ ยา วงั แกว้ วงั เหนือ 3.บา้ นวงั มน ท่งุ ฮว้ั วงั เหนือ 4.บา้ นทพั ป่ าเสา้ ทุ่งฮวั้ วงั เหนือ 5.ชมุ ชนบา้ นใหม่ ทุ่งฮว้ั วงั เหนือ 6.อนุบาลวงั เหนือ วงั เหนือ วงั เหนือ 7.บา้ นป่ าแขม วงั เหนือ วงั เหนือ 8.บา้ นแม่สุขใน วงั ซา้ ย วงั เหนือ 9.บา้ นหวั ทุง่ วงั ซา้ ย วงั เหนือ 10.บา้ นแม่สขุ วงั เหนือ วงั ซา้ ย วงั เหนือ 11.บา้ นปงถา้ วงั ซา้ ย วงั เหนือ 12.บา้ นแม่เย็น วงั ทอง วงั เหนือ วงั ทอง
ที่ปรกึ ษำ นำยไพโรจน์ วิเศษ ผู้อำนวยกำรสำนักงำนเขตพื้นทกี่ ำรศึกษำประถมศกึ ษำลำปำง เขต 3 นำยชยพล ศรีประดษิ ฐ รองผอู้ ำนวยกำรสำนกั งำนเขตพ้ืนที่กำรศกึ ษำประถมศึกษำลำปำง เขต 3 นำยพิเชษฐ์ วงคส์ วสั ดิ์ รองผ้อู ำนวยกำรสำนักงำนเขตพื้นทก่ี ำรศึกษำประถมศึกษำลำปำง เขต 3 นำยอภินนั ทชิ ัย แกระหัน รองผูอ้ ำนวยกำรสำนักงำนเขตพื้นทก่ี ำรศึกษำประถมศกึ ษำลำปำง เขต 3 คณะทำงำน นำยอภนิ นั ทิชยั แกระหัน รองผู้อำนวยกำร สำนกั งำนเขตพ้ืนทก่ี ำรศกึ ษำประถมศกึ ษำลำปำง เขต 3 นำงสำวสุวำรณิ ี โยยำนะ ผอู้ ำนวยกำรกลุ่มสง่ เสรมิ กำรศกึ ษำทำงไกลฯ นำยนพดล ดว้ งธิวงศ์ นกั วิเครำะห์นโยบำยและแผนชำนำญกำร นำยอสิ ระ ดีมำก เจำ้ หนำ้ ท่โี สตทัศนปู กรณ์ รวบรวมขอ้ มูลโดย สง่ เสรมิ กำรศกึ ษำทำงไกลเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสอ่ื สำร สำนกั งำนเขตพ้ืนทก่ี ำรศึกษำประถมศึกษำลำปำง เขต3 สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้ันพ้ืนฐำน กระทรวงศึกษำธิกำร 58
กล่มุ ส่งเสรมิ กำรศกึ ษำทำงไกล เทคโนโลยสี ำรสนเทศและกำรสอื่ สำร สำนกั งำนเขตพื้นทีก่ ำรศกึ ษำประถมศึกษำลำปำง เขต 3
Search