วชิ า โครงการ รหัส 20201- 8501 หลกั สูตร ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2562 สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ประเภทวชิ า พาณิชยการ จดั ทาโดย นางสาววรจติ ร เถื่อนฤชัย ประจาแผนกวชิ า การบญั ชี
หน่วยท่ี 1 ความรเู้ บ้อื งตน้ เกย่ี วกบั การจดั ทาโครงการ 1.1 ลกั ษณะของรายวชิ าโครงการพฒั นาทกั ษะ ตามเกณฑก์ ารใชห้ ลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พทุ ธศกั ราช 2556 รายวชิ า โครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชีพ จะเป็นวิชาชีพ จะเป็นรายวชิ าที่เปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนไดศ้ ึกษา คน้ ควา้ บรู ณาการความรู้ ทกั ษะ และประสบการณ์จากสิ่งที่ไดเ้ รียนรู้ 1.2 ความหมายของโครงการ ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 (ราชบณั ฑิตยสถาน, 2546 : 270) ใหค้ วามหมายของ \"โครงการ\" วา่ เป็นแผนหรือเคา้ โครงตามที่กาหนดไว้
1.3 หลกั การสาคญั เกี่ยวกบั การจดั ทาโครงการ หลกั การสาคญั เก่ียวกบั การจดั ทาโครงการของนกั เรียน เพื่อใหบ้ รรลุตามจุดมุ่งหมาย ของหลกั สูตรและจุดมุ่งหมายการจดั ทาโครงงาน ควรปฏิบตั ิดงั น้ี 1.นกั เรียนเเตล่ ะคนหรือกลุม่ ซ่ึงมีจานวนไม่ควรเกิน 3 คน 2.นกั เรียนในหอ้ งเรียนเดียวกนั ควรเลือกโครงการวชิ าชีพแตกต่างกนั กนั ไดต้ าม ความถนดั 1.4 ประเภทของโครงการในสถานศึกษา 1.4.1 โครงการส่ิงประดิษฐ์ 1.4.2 โครงการจดั ทาธุรกิจหรือบริการ 1.4.3 โครงการทดลองและวจิ ยั 1.4.4 โครงการการสารวจ
โครงการ โครงงาน หมายถึง กจิ กรรมทเ่ี ปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดศ้ กึ ษา คน้ ควา้ และลงมอื ปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเองตามความสามารถ ความถนดั และ ความสนใจ โดยอาศยั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ หรอื กระบวนการอน่ื ใด ไปใชใ้ นการศึกษาหาคาตอบในเรอ่ื งนนั้ ๆ โดยมีครูผสู้ อนคอยกระตนุ้ แนะนา และใหค้ าปรกึ ษาแกผ่ เู้ รยี นอยา่ งใกลช้ ดิ ตงั้ แตก่ ารเลือกหวั ขอ้ ทจี่ ะศกึ ษา คน้ ควา้ ดาเนินการ วางแผน กาหนดขนั้ ตอนการดาเนินงาน โดยทวั่ ๆ ไป การทาโครงงานสามารถทาไดท้ ุกระดบั การศึกษา ซง่ึ อาจทาเป็นรายบุคคล หรอื เป็นกลุม่ ก็ได้ ทง้ั น้ีข้นึ อยกู่ บั ลกั ษณะของโครงงาน อาจเป็นโครงงาน เล็กๆ ทไี่ มย่ ุง่ ยากซบั ซอ้ นหรอื เป็ นโครงงานใหญท่ ม่ี ีความยากและซบั ซอ้ น ข้นึ ก็ได้
๑. ประเภทของโครงงาน โครงงานสามารถแบง่ ตามลกั ษณะของกิจกรรมได้ ๔ ประเภท ดงั น้ี ๑.๑ โครงงานประเภทสารวจ โครงงานประเภทสารวจ เป็นโครงงานประเภทเก็บรวบรวมขอ้ มูลเพ่ือหาสาเหตุ ของปัญหาหรอื สารวจความคดิ เห็น ขอ้ มูลทรี่ วบรวมไดบ้ างอยา่ งอาจเป็นปัญหาทนี่ าไปสูก่ าร ทดลองหรอื คน้ พบสาเหตุของปัญหาท่ตี อ้ งหาวธิ ีแกไ้ ขปรบั ปรุงรว่ มกนั เชน่ โครงงานการสารวจ คาทม่ี กั เขียนผดิ โครงงานสารวจการใชค้ าคะนองในหนงั สอื พิมพ์ เป็นตน้
๑.๒ โครงงานประเภทการทดลอง โครงงานประเภทการทดลอง เป็นโครงงานทตี่ อ้ งออกแบบ ทดลอง เพื่อการศกึ ษาผลการทดลองวา่ เป็ นไปตามทต่ี งั้ สมมตฐิ านไวห้ รอื ไม่ โครงงานประเภทน้ีตอ้ งสรุปความรูห้ รอื ผลการทดลองเป็นหลกั การหรือแนว ทางการปฏิบตั ไิ ว้ เชน่ โครงงานการทดลองยากนั ยุงจากพืชสมุนไพร โครงงานการทดลองปลูกพืชสวนครวั โดยใชป้ ๋ ุยวทิ ยาศาสตร์ เป็นตน้
๑.๓ โครงงานประเภทสงิ่ ประดษิ ฐ์ โครงงานประเภทสง่ิ ประดษิ ฐ์ เป็นโครงงานทปี่ ระยุกต์ หลกั การทางวทิ ยาศาสตรเ์ ขา้ สกู่ ระบวนการปฏิบตั ิ โดยอาศยั เครอ่ื งมือ วสั ดุ อปุ กรณ์ เพื่อประดษิ ฐช์ ้นิ งานใหม่ อาจเป็ นของใช้ เครอ่ื งประดบั จาก วสั ดุเหลือใช้ หรอื นาวสั ดุทอ้ งถิ่นทม่ี มี ากมายมาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ เชน่ โครงงานการประดษิ ฐเ์ ครอ่ื งจกั สานจากผกั ตบชวา โครงงานการประดษิ ฐ์ เครอ่ื งชว่ ยสอนวชิ าภาษาองั กฤษ เป็นตน้
๑.๔ โครงงานประเภททฤษฎี โครงงานประเภททฤษฎี เป็ นโครงงานทม่ี ีลกั ษณะเป็ น การหาความรใู้ หม่ โดยการรวบรวมขอ้ มูลและนามาวเิ คราะหจ์ ากสถิติ แลว้ อภิปราย หรอื เป็นโครงงานทศ่ี กึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลทเี่ กดิ จากขอ้ สงสยั อาจเป็ นการนาบทเรยี นมาขยายเพ่ือศึกษาขอ้ มลู เพิ่มเตมิ ใหไ้ ดค้ วามรู้ ในแง่มุมทกี่ วา้ งและลึกกวา่ เดมิ เชน่ โครงงานการศึกษาคาซอ้ นใน วรรณคดรี อ้ ยแกว้ โครงงานการศกึ ษาขอ้ คดิ จากเรอื่ งพระมโหสถชาดก เป็ นตน้
๒. ขน้ั ตอนการทาโครงงาน การทาโครงงานมขี น้ั ตอนการปฏิบตั ิ ดงั น้ี ๒.๑ การคดิ และการเลอื กหวั เรอื่ ง ผเู้ รยี นจะตอ้ งคดิ และเลือก หวั เรอ่ื งของโครงงานดว้ ยตนเองวา่ อยากจะศกึ ษาอะไร ทาไมจงึ อยากศกึ ษา หวั เรอื่ งของโครงงานมกั จะไดม้ าจากปัญหา คาถามหรอื ความอยากรูอ้ ยาก เห็นเกย่ี วกบั เรอ่ื งตา่ งๆ ของผเู้ รยี นเอง หวั เรอื่ งของโครงงานควร เฉพาะเจาะจงและชดั เจน เม่ือใครไดอ้ า่ นชอ่ื เรอ่ื งแลว้ ควรเขา้ ใจและรูเ้ รอื่ งวา่ โครงงานน้ีทาจากอะไร การกาหนดหวั เรอื่ งของโครงงานนนั้ มแี หลง่ ทจี่ ะชว่ ย กระตนุ้ ใหเ้ กิดความคดิ และความสนใจหลายแหล่งดว้ ยกนั เชน่ จากการอา่ น หนงั สอื เอกสาร
บทความ การเยยี่ มชมสถานทต่ี า่ งๆ การฟังบรรยายทางวชิ าการ การเขา้ ชม นิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานทางวทิ ยาศาสตร์ การสนทนากบั บุคคลตา่ งๆ หรอื จาการสงั เกตปรากฏการณต์ า่ งๆ รอบตวั เป็นตน้ นอกจากน้ี ควรคานึงถึงประเด็น ตอ่ ไปน้ี - ความเหมาะสมของระดบั ความรู้ ความสามารถของผเู้ รยี น - วสั ดุ อปุ กรณ์ ทใ่ี ช้ - งบประมาณ - ระยะเวลา - ความปลอดภยั - แหลง่ ความรู้
๒.๒ การวางแผน การวางแผนการทาโครงงาน จะรวมถึงการเขยี นเคา้ โครงของโครงงาน ซงึ่ ตอ้ งมีการ วางแผนไวล้ ว่ งหนา้ เพื่อใหก้ ารดาเนินการเป็นไปอยา่ งรดั กุมและรอบคอบ ไมส่ บั สน แลว้ นาเสนอ ตอ่ ผสู้ อนหรอื ครูทป่ี รกึ ษาเพื่อขอความเห็นชอบกอ่ นดาเนินการขนั้ ตอ่ ไป การเขยี นเคา้ โครงของ โครงงาน โดยทว่ั ไป เขยี นเพื่อแสดงแนวคดิ แผนงาน และขน้ั ตอนการทาโครงงาน ซง่ึ ควร ประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี ๑) ชอื่ โครงงาน ควรเป็นขอ้ ความทก่ี ะทดั รดั ชดั เจน สอ่ื ความหมายไดต้ รง ๒) ชอ่ื ผูท้ าโครงงาน ๓) ชอ่ื ทปี่ รกึ ษาโครงงาน ๔) หลกั การและเหตผุ ลของโครงงาน เป็นการอธบิ ายวา่ เหตุใดจงึ เลอื กทาโครงงาน เรอ่ื งน้ี มีความสาคญั อยา่ งไร มีหลกั การหรอื ทฤษฎีอะไรทเี่ กี่ยวขอ้ ง เรอ่ื งทที่ าเป็นเรอื่ งใหมห่ รอื มี ผอู้ น่ื ไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ เรอ่ื งน้ีไวบ้ า้ งแลว้ ถา้ มีไดผ้ ลอยา่ งไร เรอื่ งทท่ี าไดข้ ยายเพ่ิมเตมิ ปรบั ปรุงจาก เรอ่ื งทผี่ ูอ้ น่ื ทาไวอ้ ยา่ งไร หรอื เป็นการทาซา้ เพ่ือตรวจสอบผล
๕) จดุ มุง่ หมายหรอื วตั ถุประสงคค์ วรมีความเฉพาะเจาะจง และสามารถวดั ได้ เป็นการบอก ขอบเขตของงานทจ่ี ะทาไดช้ ดั เจนข้นึ ๖) สมมตฐิ านของการศึกษาคน้ ควา้ (ถา้ มี) สมมตฐิ านเป็นคาตอบหรอื คาอธิบายทคี่ าดไว้ ลว่ งหนา้ ซงึ่ อาจจะถกู หรอื ไมก่ ็ได้ การเขยี นสมมตฐิ านควรมีเหตุมีผลมีทฤษฎหี รอื หลกั การรองรบั และทส่ี าคญั คอื เป็นขอ้ ความทมี่ องเห็นแนวทางในการดาเนินการทดสอบได้ นอกจากน้ีควรมี ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั แปรอสิ ระและตวั แปรตามดว้ ย ๗) วธิ ดี าเนินงานและขน้ั ตอนการดาเนินงาน จะตอ้ งอธิบายวา่ จะออกแบบการทดลองอะไร อยา่ งไร จะเก็บขอ้ มูลอะไรบา้ งรวมทง้ั ระบุวสั ดุอุปกรณท์ จ่ี าเป็นตอ้ งใช้ มีอะไรบา้ ง ๘) แผนปฏิบตั งิ าน อธิบายเก่ียวกบั กาหนดเวลาตง้ั แตเ่ รมิ่ ตน้ จนเสร็จส้นิ การดาเนินงานในแต่ ละขนั้ ตอน ๙) ผลทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั ๑๐) เอกสารอา้ งองิ
๒.๓ การดาเนนิ งาน เมอื่ ทป่ี รกึ ษาโครงงานใหค้ วามเห็นชอบเคา้ โครงของโครงงานแลว้ ตอ่ ไปก็เป็ นขน้ั ลงมือปฏิบตั งิ านตามขนั้ ตอนทร่ี ะบุไว้ ผเู้ รยี นตอ้ งพยายามทาตามแผนงานทว่ี างไว้ เตรยี มวสั ดุอปุ กรณแ์ ละ สถานทใี่ หพ้ รอ้ มปฏิบตั งิ านดว้ ยความละเอยี ดรอบคอบ คานึงถึงความ ประหยดั และปลอดภยั ในการทางาน ตลอดจนการบนั ทกึ ขอ้ มูลตา่ งๆ วา่ ได้ ทาอะไรไปบา้ ง ไดผ้ ลอยา่ งไร มปี ัญหาและขอ้ คดิ เห็นอยา่ งไร พยายาม บนั ทกึ ใหเ้ ป็นระเบยี บและครบถว้ น
๒.๔ การเขยี นรายงาน การเขยี นรายงานเก่ยี วกบั โครงงาน เป็ นวธิ สี อ่ื ความหมายวธิ หี นึ่งทจ่ี ะใหผ้ อู้ น่ื ไดเ้ ขา้ ใจถึงแนวคดิ วธิ กี ารดาเนินงาน ผลทไี่ ด้ ตลอดจนขอ้ สรุปและขอ้ เสนอแนะตา่ งๆ ทเี่ กยี่ วกบั โครงงานนนั้ การเขยี นโครงงานควรใชภ้ าษาทอ่ี า่ นแลว้ เขา้ ใจง่าย ชดั เจนและ ครอบคลุมประเด็นสาคญั ๆ ทงั้ หมดของโครงงาน
๒.๕ การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน เป็นขน้ั ตอนสุดทา้ ยของการทาโครงงานและเขา้ ใจ ถงึ ผลงานนนั้ การนาเสนอผลงานอาจทาไดห้ ลายรูปแบบ ข้ึนอยกู่ บั ความเหมาะสมตอ่ ประเภทของโครงงาน เน้ือหา เวลา ระดบั ของผเู้ รยี น เชน่ การแสดงบทบาทสมมติ การเลา่ เรอื่ ง การเขียนรายงาน สถานการณจ์ าลอง การสาธติ การจดั นิทรรศการ ซงึ่ อาจมีทงั้ การจดั แสดงและการอธบิ ายดว้ ยคาพูด หรอื การรายงานปากเปลา่ การ บรรยาย สงิ่ สาคญั คอื พยายามทาใหก้ ารแสดงผลงานนนั้ ดงึ ดูดความสนใจของผชู้ ม มี ความชดั เจน เขา้ ใจงา่ ย และมีความถูกตอ้ งของเน้ือหา
๓. การเขยี นรายงานโครงการ การเขียนรายงานโครงงานเป็ นรูปแบบหนึ่งของการนาเสนอผลงาน ของโครงงานทผ่ี เู้ รยี นไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ ตง้ั แตต่ น้ จนจบ การกาหนดหวั ขอ้ ในการเขียน รายงานโครงงานอาจไม่ระบุตายตวั เหมอื นกนั ทุกโครงงาน สว่ นประกอบของหวั ขอ้ ในรายงานตอ้ งเหมาะสมกบั ประเภทของโครงงานและระดบั ชน้ั ของผเู้ รยี น องคป์ ระกอบของการเขียนรายงานโครงงาน แบง่ กวา้ งๆ เป็น ๓ สว่ น ดงั น้ี
๑. ส่วนปกและส่วนตน้ สว่ นปกและสว่ นตน้ ประกอบดว้ ย ๑) ชอื่ โครงงาน ๒) ชอ่ื ผทู้ าโครงงาน ชน้ั โรงเรยี น และวนั เดอื นปีทจ่ี ดั ทา ๓) ชอ่ื อาจารยท์ ป่ี รกึ ษา ๔) คานา ๕) สารบญั ๖) สารบญั ตาราง หรือภาพประกอบ (ถา้ ม)ี ๗) บทคดั ยอ่ สน้ั ๆ ทบ่ี อกเคา้ โครงอยา่ งยอ่ ๆ ซงึ่ ประกอบดว้ ย เรอื่ ง วตั ถุประสงค์ วธิ ีการศึกษา ระยะเวลา และสรุปผล ๘) กิตตกิ รรมประกาศ เพ่ือแสดงความขอบคณุ บุคคล หรอื หน่วยงานที่ ใหค้ วามชว่ ยเหลอื หรอื มสี ว่ นเก่ียวขอ้ ง
๒. สว่ นเน้อื เรอ่ื ง สว่ นเน้ือเรอ่ื ง ประกอบดว้ ย ๑) บทนา บอกความเป็นมา ความสาคญั ของโครงงาน บอก เหตผุ ล หรือเหตุจงู ใจในการเลอื กหวั ขอ้ โครงงาน ๒) วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน ๓) สมมตฐิ านของการศึกษาคน้ ควา้ ๔) การดาเนินงาน อาจเขยี นเป็นตาราง แผนผงั โครงงาน เพื่อใหก้ ารดาเนินงานเป็ นไปตามหวั ขอ้ เรอ่ื ง ตรงตามวตั ถุประสงคข์ อง โครงงาน และพิสูจนค์ าตอบ (สมมตฐิ าน) ตามประเดน็ ทกี่ าหนด ดงั ตวั อยา่ งการเขียนแผนผงั โครงงานตอ่ ไปน้ี
ในแผนผงั โครงงานทาใหเ้ หน็ ระบบการทางานอยา่ งมีเป้ าหมาย มีการวาง แผนการทางาน จะเห็นไดว้ า่ สงิ่ ทต่ี อ้ งการทราบ คอื หวั ขอ้ ยอ่ ย หรอื คาถามยอ่ ยของหวั ขอ้ โครงงาน ถา้ มีมาก ๑ ขอ้ ก็จะเรียงลาดบั ทลี ะหวั ขอ้ พรอ้ มทง้ั บอกสมมตฐิ าน วธิ ีศึกษา และ แหลง่ ศึกษาคน้ ควา้ ตามแผนผงั ใหค้ รบทุกขอ้ สง่ิ ทตี่ อ้ งการทราบ สมมตฐิ าน วธิ ีการศกึ ษา แหลง่ ศึกษา/แหลง่ ขอ้ มูล หวั ขอ้ ยอ่ ยจากหวั ขอ้ เรอื่ งของโครงงานท่ตี อ้ งการหาคาตอบ การตอบ คาถามลว่ งหนา้ คน้ ควา้ สอบถาม สมั ภาษณ์ สงั เกต ศึกษาโดยการดู-ฟัง จากสอ่ื ชนิดตา่ งๆ - เอกสาร หนงั สอื - สถานท่ี บุคคล ๕) สรุปผลการศึกษา เป็นการอธิบายคาตอบทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ ตาม หวั ขอ้ ยอ่ ยทต่ี อ้ งการทราบ วา่ เป็นไปตามสมมตฐิ านหรอื ไม่ ๖) อภิปรายผล บอกประโยชน์ หรอื คณุ คา่ ของผลงานทไี่ ด้ และบอกขอ้ จากดั หรอื ปัญหา อปุ สรรค (ถา้ มี) พรอ้ มทง้ั บอกขอ้ เสนอแนะในการศกึ ษาคน้ ควา้ โครงงานลกั ษณะ ใกลเ้ คยี งกนั
๓. ส่วนทา้ ย สว่ นทา้ ย ประกอบดว้ ย ๑) บรรณานุกรม หรอื เอกสารอา้ งองิ หรอื เอกสารทใี่ ชค้ น้ ควา้ ซงึ่ มีหลาย ประเภท เชน่ หนงั สอื ตารา บทความ หรอื คอลมั น์ ซงึ่ จะมีวธิ กี ารเขยี นบรรณานุกรมตา่ งกนั เชน่ หนงั สอื ชอ่ื นามสกุล. ชอ่ื หนงั สอื . สถานทพี่ ิมพ์ : สานกั พิมพ,์ ปีทพ่ี ิมพ์ บทความในวารสาร ชอื่ ผเู้ ขียน \"ชอ่ื บทความ,\" ชอื่ วารสาร. ปีทหี่ รอื เลม่ ท่ี : หนา้ ;วนั เดอื น ปี. คอลมั นจ์ ากหนงั สอื พิมพช์ อื่ ผเู้ ขยี น \"ชอื่ คอลมั น์ : ชอื่ เรอ่ื งในคอลมั น\"์ ชอ่ื หนงั สอื พิมพ.์ วนั เดอื น ปี. หนา้ . ๒) ภาคผนวก เชน่ โครงรา่ งโครงงาน ภาพกิจกรรม แบบสอบถาม บท สมั ภาษณ์
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: