วิชาเทคโนโลยีดจิ ิทลั เพอ่ื การจดั การอาชีพ เสนอ อาจารย์ เกสร เทยี นใต้ จดั ทาโดย นายนาพล เสาหรดี นกั ศกึ ษาระดบั ชั้นปวส.1 ชา่ งอตุ สาหกรรม สาขา ช่างยนต์ รหสั นกั ศกึ ษา 6331011009 รายงานฉบับน้ีเป็นสว่ นหนึ่งของรายวชิ า วิชาเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั เพอื่ การจัดการอาชีพ รหัสวิชา 3001-2001 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาเถินเทคโนโลยี อ.เถนิ จ.ลาปาง
ก คำนำ รำยงำนฉบบั นี้ เป็นส่วนหนง่ึ ของรำยวิชำ หนงั สอื เรียนวชิ ำ เทคโนโลยีสำรสนเทศเพอ่ื กำร จดั กำรอำชพี รหสั วิชำ 3001-2001 เลม่ น้ี จดั ทำขนึ้ เพอ่ื ใช้ประกอบกำรเรียนกำรสอนเท่ำนน้ั เนอื หำของหนงั สอื มีด้วยกันท้งั หมด 2 หน่วยกำรเรียน ประกอบดว้ ย 1.) ควำมรูเ้ บอื้ งต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณโ์ ทรคมนำคม 2.) ระบบเครือขำ่ ยและเทคโนโลยีสำรสนเทศ หวังเป็นอย่ำงยงิ่ ว่ำรำยงำนฉบบั นี้ จะสำมำรถให้ควำมรูแ้ ละเกิดประโยชน์แกผ่ สู้ อน ผเู้ รียน ตลอดจนผู้สนใจศึกษำทว่ั ไปเปน็ อย่ำงดี หำกมีข้อผดิ พลำดประกำรใดผเู้ รียบเรียง ต้องขออภัยมำ ณ ท่ีนี้ จัดทำโดย นำยนำพล เสำหรดี
ข ก ข สำรบญั 1 คำนำ 1 สำรบัญ 1-7 1. ควำมรู้เบื้องต้นเกีย่ วกับคอมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณ์โทรคมนำคม 8 9-12 -1.1 ควำมหมำยของคอมพิวเตอร์ 12 -1.2 ประเภทของคอมพิวเตอร์ 12-13 -1.3 อปุ กรณโ์ ทรคมนำคม (Telecommunications) 13 -1.4 องคป์ ระกอบของระบบโทรคมนำคม 13 -1.5 หน้ำทีข่ องระบบโทรคมนำคม 14-15 -1.6 ประเภทของสญั ญำณในระบบโทรคมนำคม 15-18 2. ระบบเครอื ข่ำยและเทคโนโลยสี ำรสนเทศ 18-19 -ระบบเครอื ข่ำยคอมพิวเตอร์ ( Computer Network 19-20 -ระบบเครอื ข่ำยชนดิ ต่ำงๆ ค -กำรควบคุมกำรส่อื สำรภำยในเครอื ขำ่ ยแบบ -ระบบเครือข่ำยคอมพิวเตอรไ์ ด้กลำยเปน็ ส่วนหนึ่งขององค์กร -รูปแบบกำรเชอ่ื มต่อของระบบเครือข่ำยLANTopology อ้ำงอิง
1 1 ความร้เู บ้ืองต้นเก่ยี วกบั คอมพิวเตอรแ์ ละอุปกรณโ์ ทรคมนาคม 1.1 ความหมายของคอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์ (Computer) ตำมควำมหมำยของพจนำนุกรม ฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ. 2525ให้ควำมหมำยของคอมพิวเตอร์ไว้ว่ำ \"เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำ หน้ำท่ีเหมือน สมองกล ใช้สำหรบั แกป้ ญั หำต่ำงๆ ท่งี ำ่ ยและซบั ซอ้ นโดยวิธีทำคณิตศำสตร์\" คอมพิวเตอร์ หรือในภำษำไทยว่ำ คณิตกรณ์ เป็นเครื่องจักรแบบ ส่ังกำรได้ท่ีออกแบบมำเพ่ือ ดำเนินกำรกับลำดับตัวดำเนินกำรทำงตรรกศำสตร์หรือ คณิตศำสตร์ โดยอนุกรมนี้อำจ เปลี่ยนแปลงได้เมื่อพร้อม ส่งผลให้คอมพิวเตอร์สำมำรถแก้ปัญหำได้มำกมำย คอมพิวเตอร์ถูก ประดิษฐ์ออกมำให้ประกอบไปด้วยควำมจำกรูปแบบต่ำงๆ เพ่ือเก็บข้อมูล อย่ำงน้อยหน่ึงส่วนท่ีมี หน้ำท่ีดำเนินกำรคำนวณเก่ียวกับตัวดำเนินกำรทำง ตรรกศำสตร์ และตัวดำเนินกำรทำง คณิตศำสตร์ และส่วนควบคุมท่ีใช้เปล่ียนแปลงลำดบั ของตัวดำเนินกำรโดยยึดสำรสนเทศที่ถกู เกบ็ ไว้เปน็ หลัก อุปกรณ์เหล่ำนี้จะยอมใหน้ ำเข้ำขอ้ มูลจำกแหลง่ ภำยนอก และสง่ ผลจำกกำรคำนวณตัว ดำเนนิ กำรออกไป 1.2 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์มอี ยหู่ ลำยประเภทดว้ ยกนั มกี ำรแบ่งประเภทตำมขนำดออกเป็น 6 ประเภทคอื 1.2.1ซปุ เปอรค์ อมพิวเตอร(์ SuperComputer) เปน็ คอมพวิ เตอรข์ นำดใหญท่ ี่สดุ และมขี ดี ควำมสำมำรถสงู ทสี่ ุดภำยในประกอบไปดว้ ย หน่วยประมวลผลกลำง หรือ CPU (Central Process Unit) นบั พันตัวทส่ี ำมำรถคำนวณด้วย ควำมเร็วหลำย ล้ำนคำสั่งต่อวินำทีจัดเปน็ คอมพิวเตอรท์ ีม่ ีรำคำแพงทส่ี ุด และเรว็ ทีส่ ุดตำมควำมหมำยของซปุ เปอร์ คอมพวิ เตอร์
2 ประเภทของงำน เหมำะกับงำนทม่ี กี ำรประมวลผลข้อมลู ปรมิ ำณมำก เชน่ กำรวเิ ครำะหข์ ้อมลู วิจัย ทำงวิทยำศำสตร์ กำรค้นควำ้ ดำ้ นอำกำศยำนและอำวธุ ยุทโธปกรณ์ กำรสำรวจสำมะโนประชำกร งำนพยำกรณอ์ ำกำศ กำรออกแบบอำกำศยำน กำรสร้ำงแบบจำลองระดบั โมเลกลุ กำรวจิ ยั นวิ เคลยี ร์ และกำรทำลำยรหสั ลบั 1.2.2เมนเฟรมคอมพิวเตอร์(MainframeComputer) เคร่ืองเมนเฟรมเปน็ เคร่ืองท่ไี ด้รับควำมนิยมใชใ้ นองค์กรขนำดใหญท่ ัว่ ๆไปจดั เปน็ เครอื่ งท่มี ี ประสทิ ธภิ ำพรองลงมำจำกซูเปอร์คอมพวิ เตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ทม่ี ีสมรรถนะสูงมำก แต่ยังตำ่ ง กว่ำซูเปอรค์ อมพิวเตอร์ คือปกตสิ ำมำรถทำงำนได้รวดเร็ว หลำยสิบล้ำนค ำส่ังตอ่ วนิ ำที สำหรับ สำเหตทุ ี่ได้ชอ่ื วำ่ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ กเ็ พรำะคร้งั แรกท่ีสร้ำงคอมพวิ เตอร์ลักษณะน้ีไดส้ รำ้ งไว้ บนฐำนรองรับ ที่เรียกว่ำ คสั ซี่ (Chassis) โดยมีช่อื เรยี กฐำนรองรบั นว้ี ่ำ เมนเฟรม รูป 1.2 แสดงเครื่องเฟรมคอมพิวเตอร์ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ควำมเหมำะกบั กำรใช้งำน ทงั้ ในด้ำนวิศวกรรม วิทยำศำสตร์ และ ธุรกจิ โดยเฉพำะงำนทีเ่ กี่ยวข้องกบั ขอ้ มูลจำนวนมำกๆ เชน่ งำนธนำคำร ซึ่งต้องตรวจสอบบญั ชี ลกู คำ้ หลำยคน งำนของสำนกั งำนทะเบยี นรำษฎร์ ทเ่ี ก็บรำยช่อื ประชำชนประมำณ 60 ลำ้ นคน พรอ้ มรำยละเอียดตำ่ งๆ งำนจัดกำรบนั ทกึ กำรสง่ เงิน ของผู้ประกับตนหลำยลำ้ นคน ของสำนกั งำน ประกนั สังคม กระทรวงแรงงำน คอมพวิ เตอร์เมนเฟรม ทมี่ ชี ือ่ เสยี งมำก คอื เครือ่ งของบรษิ ทั IBM ในปจั จุบนั ควำมนิยมใช้เครอ่ื งเมนเฟรม ในหนว่ ยงำนต่ำงๆ ไดล้ ดน้อยลงมำก เพรำะรำคำเครอ่ื ง ค่อนขำ้ งแพง กำรใชง้ ำนค่อนข้ำงยำก และมีผู้รดู้ ำ้ นน้คี ่อนข้ำงน้อย สถำนศึกษำที่มเี ครื่องระดับนไ้ี ว้ ใช้สอน ก็มเี พียงไมก่ ีแ่ หง่ เหตุผลสำคัญอกี ประกำรหน่งึ คอื คอมพิวเตอร์ขนำดเล็กกวำ่ ได้รับกำร พัฒนำให้มสี มรรถนะมำกขนึ้ จนสำมำรถทำงำนได้เท่ำกบั เคร่อื งเมนเฟรม แต่รำคำถกู กว่ำอย่ำงไรก็ ตำมเครือ่ งเมนเฟรม ยังคงมคี วำมจำเป็น ในงำนทต่ี ้องใชข้ อ้ มลู มำกๆ พร้อมๆ กันอย่ตู ่อไปอกี ท้ังน้ี เพรำะ เคร่ืองเมนเฟรมสำมำรถพว่ งต่อ และควบคุมอปุ กรณ์รอบข้ำง (Peripheral) เชน่
3 เครือ่ งพิมพ์ เคร่ืองขบั เทปแม่เหลก็ เคร่ืองขบั จำนแมเ่ หล็กฯลฯไดเ้ ปน็ จำนวนมำกในเวลำเดยี วกัน 1.2.3มนิ ิคอมพวิ เตอร์(Minicomputer) เป็นคอมพิวเตอรท์ ่ีมีสมรรถนะนอ้ ยกวำ่ เครื่องเมนเฟรม คือทำงำนได้ชำ้ กว่ำ และควบคุม อุปกรณ์รอบข้ำงไดน้ ้อยกวำ่ จดุ เดน่ สำคัญของเคร่ืองมินิคอมพิวเตอร์ ก็คือ รำคำย่อมเยำกวำ่ เมนเฟรมกำรใช้งำนก็ไมต่ ้องใชบ้ คุ ลำกรมำกนกั นอกจำกนั้น ยงั มผี ทู้ ่ีรู้วิธีใชม้ ำกกวำ่ ด้วย เพรำะ เคร่ืองประเภทนมี้ ีใช้ตำม โรงแรม โรงพยำบำล รวมทงั้ ในสถำนศกึ ษำดับอุดมศกึ ษำหลำยแห่ง มินิคอมพิวเตอร์ เหมำะกับงำนหลำยประเภท คือใชไ้ ดท้ ง้ั ในงำนวศิ วกรรม วิทยำศำสตร์ อุตสำหกรรม มีใช้ตำมหน่วยงำนรำชกำรระดบั กรมเครอ่ื งมนิ ิคอมพิวเตอร์ ที่ไดร้ บั ควำมนิยมใช้กันมี บรษิ ัท Digital Equipment Corporation หรือ DEC เคร่ือง Unisys ของบริษทั Unisys เครือ่ ง NECของบริษัทNECเครื่องNixdorfของบรษิ ทั Siemens-Nixdorf 1.2.4เวิรก์ สเตช่ัน(Workstation) เวริ ์กสเตช่ันถกู ออกแบบมำใหเ้ ป็นคอมพิวเตอรแ์ บบต้งั โต๊ะท่ีมคี วำมสำมำรถในกำรค ำนวน ด้ำนวศิ วกรรม สถำปตั ยกรรม หรอื งำนอื่นๆท่ีเนน้ กำรแสดงผลด้ำนกรำฟฟกิ ต่ำง ๆ เชน่ กำรนำมำ ช่วยออกแบบภำพกรำฟฟิกในโรงงำนอตุ สำหกรรมเพอ่ื ออกแบบช้ินส่วนใหม่ ๆ เปน็ ต้นซง่ึ จำกกำร ท่ีตอ้ งทำงำนกรำฟฟิกท่มี ีควำมละเอียดสูงทำให้เวิร์คสเตชั่นใชห้ นว่ ยประมวลผลทม่ี ปี ระสิทธิภำพ มำกรวมท้งั มีหน่วยเก็บขอ้ มลู สำรอง จำนวนมำกด้วย มีผู้ใช้บำงกลมุ่ เรียกเครือ่ งระดบั เวิรค์ สเตชัน่ น้ี วำ่ ซูเปอรไ์ ม โคร (super micro) เพรำะออกแบบมำให้ใชง้ ำนแบบต้งั โตะ๊ แตช่ ปิ ท่ีใช้ทำงำนนัน้ แตกต่ำงกนั มำกเนอ่ื งจำก เวิรค์ สเตช่นั สว่ นมำกใช้ชิปประเภท RISC (reduce instruction set computer) ซึ่งเปน็ ชปิ ท่ีลดจำนวนคำสัง่ ท่ีสำมำรถใช้สงั่ งำนให้เหลือเฉพำะท่จี ำเปน็ เพอื่ ใหส้ ำมำรถ ทำงำนไดด้ ้วยควำมเรว็ สงู 1.2.ไมโครคอมพวิ เตอร์(Microcomputer) เป็นนคอมพิวเตอร์ขนำดเลก็ และใช้ทำงำนคนเดยี วนิยมเรียกอกี ชื่อหน่ึงวำ่ คอมพิวเตอร์ สว่ นบคุ คล (Personal Computer) เป็นคอมพวิ เตอรใ์ ชง้ ำนท่พี บได้อย่ำงแพรห่ ลำย จัดว่ำเป็น เคร่อื งคอมพวิ เตอรข์ นำดเลก็ ทงั้ ระบบใชง้ ำนครงั้ ละเครอื่ ง หรอื ใชง้ ำนในลักษณะเครอื ข่ำย แบง่ ได้ หลำยลักษณะตำมขนำด เชน่ เคร่อื งคอมพวิ เตอร์สว่ นบคุ คลแบบตัง้ โตะ๊ (Personal Computer) หรือแบบพกพำ (Portable Computer) ลกั ษณะของไมโครคอมพิวเตอร์สำมำรถแบง่ ได้ เป็น รปู แบบยอ่ ยดงั นี้
4 1) เครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ างานท่วั ไป ที่เรียกว่ำ Desktop Models รวมถึง tower รูป 1.4 แสดง Desktop Models รวมถงึ Tower นอกจำกน้ี ยงั มีคอมพวิ เตอรแ์ บบผูใ้ ช้คนเดียวที่ไดร้ บั กำรออกแบบให้สำมำรถพกพำตดิ ตัวได้ สะดวก เช่นคอมพิวเตอร์โนต้ บุค (Notebook computer) คอมพวิ เตอรป์ ำล์มทอป (Palmtop computer) และ PDA (Personal Digital Assistant) ซ่ึงคอมพิวเตอรเ์ หล่ำนี้ จัดได้ว่ำเป็นเครอื ง ไมโครคอมพิวเตอร์ชนดิ หนึ่งขนำกเลก็ นำ้ หนกั เบำและมรี ูปลกั ษณท์ เ่ี หมำะกับกำรพกพำ 2) คอมพิวเตอรโ์ น๊ตบ๊กุ หรือ แลป็ ทอ็ ป เป็นพีซีแบบเคล่ือนท่ไี ด้ มนี ้ำหนกั เบำ มหี นำ้ จอ บำงหรือมักจะเรียกวำ่ คอมพิวเตอร์โนต๊ บุ๊กเพรำะมีขนำดเล็กสำมำรถทำงำนดว้ ยแบตเตอร่ี สำมำรถ นำไปใช้งำนได้ทกุ ที่ โดยจะมสี ว่ นหน้ำจอรวมกบั ส่วนแป้นพมิ พ์ สำมำรถกพับได้ และน้ำหนักเบำ รปู 1.5 แสดง Notebook computer
5 (1) อัลตร้าบุ๊ก (Ultra book) เป็นโน๊ตบุ๊กที่เน้นควำมบำงและน้ ำหนักเบำ มีจอภำพ ขนำดใหญ่ต้ังแต่ 13-17 น้ิว ส ำหรับควำมบำงของตวั เครอื่ งจะบำงน้อยกว่ำ 21 มม. มีแบตเตอร่ที ี่ (2) โน๊ตบุ๊ก (Net Book) มีหน้ำจอขนำดเล็กกว่ำคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก คือมีขนำด ประมำณ 8.9-11.6 นิ้ว มีควำมหนำประมำณ 1 นิ้ว เหมำะสมกับกำรใช้งำนอินเทอร์เน็ตมำกกว่ำ 3) แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ (Tablet Computer) เรียกสั้นๆว่ำ แท็บเล็ตพีซี เป็น คอมพิวเตอร์ท่ีรวมกำรท ำงำนทุกอย่ำงไว้ในจอสัมผัสโดยใช้ปำกกำสไดลัส ปำกกำดิจิตอล หรือ ปลำยนิ้วเป็นอุปกรณ์อินพุตพ้ืนฐำน แทนกำรใช้คีย์บอร์ดและเมำส์ แต่จะมีอยู่หรือไม่มีก็ได้ มี อุ ป ก ร ณ์ ไ ร้ ส ำ ย ส ำ ห รั บ ก ำ ร เ ช่ื อ ม ต่ อ อิ น เ ท อ ร์ เ น็ ต แ ล ะ ร ะ บ บ เ ค รื อ ข่ ำ ย ภ ำ ย ใ น แท็บเล็ต เป็นเทคโนโลยีเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีคุณสำมำรถพกติดตัวได้โดยวัตถุประสงค์ รปู 1.6 แสดงเครอื่ งแท็ปเลต็ แท็บเลต็ ในควำมหมำยแท้จริงแลว้ กค็ ือแผ่นจำรกึ ท่ีเอำไวบ้ ันทกึ ขอ้ ควำมตำ่ งๆ โดยกำรเขียน (อำจจะเปน็ กระดำษ, ดนิ , ขี้ผืง้ , ไม,้ หนิ ชนวน) และ มกี ำรใช้กนั มำนำนแล้วในอดีต แต่ในปัจจุบนั มกี ำรพัฒนำคอมพิวเตอร์ทีใ่ ชแ้ นวคดิ น้ีขนึ้ มำแทนที่ซง่ึ มหี ลำย บริษทั ได้ให้คำนิยำมทแ่ี ตกตำ่ งกันไป หลกั ๆแล้วมี 2 ควำมหมำยดว้ ยกนั คือ \"แทบ็ เล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet Personal Computer)\" และ \"แท็บเลต็ คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer\" หรอื เรยี กสัน้ ๆว่ำ \"แท็บเล็ต - Tablet\" ใน ปัจจบุ นั แทบ็ เล็ตถูกพฒั นำใหม้ ีควำมสำมำรถใกล้เคียงเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบ๊คุ มขี นำดเล็ก สำมำรถถอื ดว้ ยมอื เดยี ว และนำ้ หนกั เบำโดยมี 3 รปู แบบคำ
6 (1)ConvertibleTablet มีโครงสรำ้ งเดยี วกบั คอมพวิ เตอรโ์ น๊ตบ๊กุ แตต่ ัวจอภำพสำมำรถ หมุนแล้วพบั ซ้อนบนคยี ์บอร์ดหรอื สำมำรถแยกสว่ นได (2) State Tablet จะเป็นแท็บเลต็ ท่มี ีเพยี งหนำ้ จอคลำ้ ยกบั กระดำนชนวน จะมีคยี บ์ อร์ด ในตัวแต่บำงยห่ี อ้ สำมำรถใช้ปำกกำเปน็ อปุ กรณ์อินพุตแทนคยี บ์ อร (3) อปุ กรณ์พกพา(Personal Digital Assistant :PDA) เปน็ อปุ กรณค์ อมพิวเตอรพ์ กพำ ขนำดเลก็ สำมำรถเชอ่ื มต่อกับระบบเครอื ขำ่ ยอนิ เทอรเ์ น็ตไดด้ ้วยระบบไรส้ ำยสำมำรถในกำร เพ่มิ เติมแอพพลเิ คชนั่ เพือ่ ใหใ้ ช้งำนด้ำนอน่ื ๆ ได้ เปน็ อปุ กรณเ์ คล่ือนท่สี ำหรบั ผู้คนยคุ ใหม่และได้รับ ควำมนิยมมำกขน้ึ มีขนำดเล็กกกวำ่ คอมพิวเตอรโ์ น๊ตบุ๊ก ปจั จุบนั เลิกใชง้ ำน และมีกำรพัฒนำเปน็ เคร่ืองโทรศัพท์มือถอื ที่มจี อกวำ้ งข้นึ สำมำรถใสซ่ มิ เพื่อโทรศัพท์ได้ และใช้เป็นแท็บเล็ต เรียกวำ่ แฟบเลต็ รูป 1.9 แสดงตวั อย่าง Personal Digital Assistant :PDA แฟบเลต็ (อังกฤษ: Phablet ,/ˈfæblɪt/) เปน็ สิ่งทเี่ รียกอปุ กรณ์ท่ีอยู่ระหวำ่ ง \"มอื ถือ\" (Phone) กบั \"แท็บเล็ต\" (Tablet)[1]ซึง่ จะเป็นสมำร์ทโฟน ท่ีมขี นำดหนำ้ จอระหว่ำง 5.1–7 นิ้ว (130–180 มม.)โดยแฟบเล็ตถกู สรำ้ งออกมำเพือ่ ใหส้ ำมำรถมฟี งั ก์ชนั สำหรับทำงำนระหวำ่ งสมำร์ท โฟนกับแท็บเล็ต โดยแฟบเลต็ จะมีขนำดใหญ่กว่ำสมำร์ทโฟนทั่วไป แต่จะเล็กกวำ่ แท็บเล็ตทม่ี ี ขนำดหนำ้ จอใหญก่ ว่ำ ทำใหม้ ีควำมสะดวกสบำยในกำรพกพำมำกกว่ำแท็บเลต็ แฟบเล็ตนั้นจะ เหมำะสมกบั กำรเข้ำอินเทอรเ์ นต็ และกำรใช้สือ่ มลั ติมเี ดียตำ่ งๆ ซึ่งมีควำมเหมำะสมมำกกวำ่ สมำร์ท โฟนปกติ แฟบเล็ตน้ันเร่มิ มมี ำกข้นึ ในยุคปจั จบุ นั ยกตวั อยำ่ งเชน่ ในชุดของ กำแลคซี โน้ต โดย ซัม ซุง ซึ่งซอฟต์แวร์ออกแบบมำสำหรบั กำรใชป้ ำกกำสไตลสั ในกำรเขียนหรอื วำด แฟบเล็ตทไี่ ดร้ ับ ควำมนิยมมำกท่สี ดุ ตัง้ แตก่ ำรเปดิ ตัวคือ กำแลคซีโน้ต โดยในเดอื นมกรำคม พ.ศ. 2556 ไอเอชเอส ไดร้ ำยงำนว่ำ แฟบเลต็ ร่นุ นี้ถูกขำยไปแล้ว 25.6 ล้ำนเคร่อื งในปี พ.ศ. 2555 และคำดว่ำจะเติบโต เปน็ 60.4 ลำ้ นเครื่องในปี พ.ศ. 2556 และ 146 ลำ้ นเครอื่ ง ในปี พ.ศ. 2559
7 รูป 1.10 แสดงตวั อย่างแฟบเล็ต แฟบเล็ตนัน้ ในช่วงแรกถกู ออกแบบมำเพอ่ื ตลำดเอเชียทีผ่ ูบ้ ริโภคไม่ตอ้ งกำรสมำร์ทโฟนทีม่ ี ขนำดเลก็ เกินไปและแทบ็ เล็ตท่ีมีขนำดใหญ่เกินไป เหมอื นกบั ผูบ้ รโิ ภคในทวปี อเมรกิ ำเหนอื อย่ำงไร กต็ ำม แฟบเลต็ กไ็ ด้ประสบควำมส ำเร็จในทวีปอเมริกำเหนือด้วย ซ่งึ ระบบปฏบิ ัติกำรแอนดรอยด์ ตั้งแต่รนุ่ 4.0 เป็นต้นมำ มีคุณลักษณะเหมำะกับอุปกรณ์ท่ีมขี นำดหนำ้ จอใหญ่ เชน่ เดยี วกบั หนำ้ จอ ขนำดเลก็ ส่วนผู้ใช้ทม่ี อี ำยุมำก ก็ต้องกำรอุปกรณ์ท่ีมีขนำดจอใหญๆ่ เชน่ กัน เน่อื งจำกปญั หำดำ้ น สำยตำ ขณะท่ผี ผู้ ลิตในปจั จบุ นั กผ็ ลิตแฟบเล็ตทมี่ ีขนำดหนำ้ จอ 5.1 ถึง 7 นวิ้ มำกขน้ึ สว่ นทำงดำ้ น แอ็ปเปลิ (ในยุคของ สตีฟ จอ็ บส์) ปฏเิ สธท่จี ะผลิตอุปกรณท์ ่ีมหี น้ำจอใหญ่กว่ำ ไอโฟน ที่มขี นำด หนำ้ จอ 3.5 นิว้ (89 มม.) และเล็กกว่ำ ไอแพด ท่ีมขี นำดหน้ำจอ 9.7 นิว้ (250 มม.) ในปี พ.ศ. 2555 1.2.6 ไมโครคอนโทลเลอร์ (Microcontrollers) ไมโครคอนโทรลเลอร์ (อังกฤษ: microcontroller มกั ยอ่ ว่ำ µC, uC หรอื MCU) คือ อปุ กรณ์ ควบคมุ ขนำดเลก็ ซ่งึ บรรจุควำมสำมำรถท่ีคล้ำยคลึงกับระบบคอมพิวเตอร์ ในไมโครคอนโทรลเลอร์ ได้รวมเอำซพี ยี ู, หนว่ ยควำมจำและพอรต์ ซ่งึ เปน็ ส่วนประกอบหลักสำคญั ของระบบคอมพิวเตอร์ เข้ำไวด้ ว้ ยกนั โดยทำกำรบรรจุเขำ้ ไว้ในตวั ถังเดยี วกัน ไมโครคอนโทรลเลอร์ เป็นคอมพวิ เตอรแ์ บบฝงั ตวั (Embedded Computers) ออกแบบมำ เป็นพิเศษ มีขนำดเลก็ ปอ้ นโปรแกรมเพื่อให้ทำงำนด้ำนใดด้ำนหนงึ่ โดยเฉพำะสำมำรถสงั เกตได้ จำกอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ หรือเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้ำท่วั ไปในปจั จุบนั มักมีเปน็ ส่วนประกอบแทบท้งั ส้ิน เชน่ สมำรท์ ทีวี เครอ่ื งไมโครเวฟ เครื่องซกั ผ้ำ และตู้เย็น เปน็ ตน้
8 รปู 1.11 แสดงตัวอย่างสมาร์ททวี ี 1.3 อุปกรณโ์ ทรคมนาคม (Telecommunications) โทรคมนำคม (องั กฤษ: Telecommunication) หมำยถึงกำรสื่อสำรระยะไกล โดยใช้ เทคโนโลยตี ่ำงๆ โดยเฉพำะอยำ่ งยิ่งผ่ำนทำงสัญญำณไฟฟำ้ หรอื คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้ำเนอ่ื งจำก เทคโนโลยที ่แี ตกต่ำงกันจำนวนมำกที่เกยี่ วข้องกับคำนจ้ี ึงมกั ใชใ้ นรูปพหพู จน์เช่น Telecommunicationsเทคโนโลยกี ำรสื่อสำรโทรคมนำคมในช่วงตน้ ประกอบดว้ ยสัญญำณภำพ เชน่ ไฟสญั ญำณ,สัญญำณควัน, โทรเลข, สัญญำณธงและ เคร่อื งสง่ สัญญำณด้วยกระจกสะท้อนแสง จำกดวงอำทิตย์ตวั อย่ำงอื่นๆ ของกำรส่อื สำรโทรคมนำคมกอ่ นชว่ งท่ีทันสมัยไดแ่ ก่ ขอ้ ควำมเสยี ง เชน่ กลอง, แตร และนกหวีด เทคโนโลยกี ำรสอื่ สำรโทรคมนำคมด้วยไฟฟำ้ และแม่เหล็กไฟฟ้ำไดแ้ ก่ โทรเลข, โทรศัพทแ์ ละโทรพมิ พ์, เครือขำ่ ย, วทิ ยุ, เครื่องส่งไมโครเวฟ, ใยแกว้ นำแสง, ดำวเทียม สื่อสำรและอนิ เทอรเ์ นต็ โดย อำศยั คลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้ำในกำรสง่ สญั ญำณไปในอวกำศ เชน่ กำรสง่ คลืน่ วิทยุ โทรทัศน์ และกำรส่ง คล่นื ไมโครเวฟ และกำรส่งสัญญำณดวงเดยี ว โดยจุดท่ีสง่ ขำ่ วสำรกับจดุ รับอยู่ห่ำงกัน และข่ำวสำร ท่ีสง่ จะเฉพำะเจำะจงผู้รับคนใดคนหน่งึ หรือกำรสง่ แบบผรู้ ับทว่ั ไปก็ได้โทรคมนำคมเป็นกำรใช้สื่อ อุปกรณ์รบั ไฟฟ้ำตำ่ ง ๆ เช่น วิทยุ โทรทศั น์ โทรศัพท์ โทรสำร และโทรพิมพ์ เพื่อกำรสอื่ สำรใน ระยะไกล โดยอุปกรณ์เหล่ำนีจ้ ะแปลงขอ้ มลู รูปแบบต่ำง ๆ เช่น เสียงและภำพไปเปน็ สัญญำณไฟฟำ้ สัญญำณเหล่ำนี้จะถูกสง่ ไปโดยสอื่ เชน่ สำยโทรศัพท์ หรือคลืน่ วิทยุเม่อื สญั ญำณไปถึงจุดปลำยทำง อปุ กรณด์ ำ้ นผู้รับจะรับและแปลงกลบั สัญญำณไฟฟ้ำเหลำนใ้ี ห้เป็นข้อมูลท่ีสำมำรถเข้ำใจได้ เชน่ เป็นเสียงทำงโทรศพั ทห์ รอื ภำพบนจอโทรทศั น์หรือขอ้ ควำมและภำพบนจอคอมพวิ เตอร โทรคมนำคมจะชว่ ยให้บคุ คลสำมำรถติดต่อสำรกนั ไดไ้ มว่ ่ำจะอยทู่ ีใ่ ดๆในโลกในรปู แบบขอข่ำวสำร ควำมรแู้ ละควำมบันเทิง
9 1.4 องคป์ ระกอบของระบบโทรคมนาคม โทรคมนำคม (Telecommunications) หมำยถึง กำรส่อื สำรขอ้ มูลระยะทำงไกลใน รปู แบบสัญญำณอีเล็กทรอนิกส์ซึง่ ในอดตี ระบบโทรคมนำคมให้บริกำรในรูปแบบของสัญญำณเสียง ผ่ำนสำยโทรศพั ท์ที่เรยี กกันว่ำสญั ญำณในระบบ อนำลอก (Analog Signal) แตใ่ นปัจจบุ ันสัญญำณ โทรคมนำคมกำลังกลำยเป็นกำรถ่ำยทอดสัญญำณในรปู แบบดิจติ อล (Digital Signal) ระบบ โทรคมนำคม(Telecommunications Systems)คอื ระบบที่ประกอบด้วยฮำรด์ แวรแ์ ละซอฟทแ์ วร์ จำนวนหนึ่งที่สำมำรถทำงำนร่วมกนั และถกู จดั ไว้สำหรบั กำรสอ่ื สำรขอ้ มูลจำกสถำนทแี่ หง่ หน่งึ ไป ยังสถำนท่อี ีกแห่งหนึ่งซึ่งสำมำรถถ่ำยทอดข้อควำม ภำพกรำฟฟกิ เสียงสนทนำ และวิดีทัศนไ์ ด้มี รำยละเอียดของโครงสร้ำงสว่ นประกอบดงั น้ี 1.4.1 เครื่องคอมพวิ เตอรห์ รอื เครือ่ งมือเปลย่ี นปรมิ าณใดให้เปน็ ไฟฟา้ (Transducer) เช่น โทรศพั ท์หรือไมโครโฟนป็นต้น รูป 1.11 แสดงตวั อยา่ งเครือ่ งโทรศัพท์รุน่ ตา่ ง ๆ
10 รูป 1.13 แสดงไมโครโฟนรุ่นต่าง ๆ 1.4.2 เครอ่ื งเทอรม์ ินอลสาหรบั การรับข้อมลู หรอื แสดงผลขอ้ มลู เชน่ เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ หรอื โทรศัพท์ รปู 1.14 แสดงการส่งและรบั สญั ญาณโทรศัพท์ 1.4.3 อุปกรณป์ ระมวลผลการสอ่ื สาร (Transmitter) ทำหน้ำทแี่ ปรรปู สัญญำณไฟฟำ้ ให้ เหมำะสมกับชอ่ งสญั ญำณ เชน่ โมเดม็ (MODEM) มลั ติเพลก็ เซอร์ (multiplexer) แอมพลไิ ฟเออร์ (Amplifier)และดำวเทยี ม(Satellite)ดำเนนิ กำรได้ท้งั รบั และส่งขอ้ มูล
11 รปู 1.15 แสดงการประมวลผลของอปุ กรณส์ ่งและรบั สัญญาณ รูป 1.16 แสดงการประมวลผลการส่งสัญญาณดาวเทียมของสองสถานี 1.4.4 ช่องทางส่ือสาร (Transmission Channel) หมำยถึงกำรเช่ือมต่อรูปแบบใดๆ เช่น สำยโทรศัพท์ ใยแก้วน ำแสง สำยโคแอกเซียล หรือแม้แต่กำรส่ือสำรแบบไร้สำย รูป 1.17 แสดงการสื่อสารของระบบสญั ญาณเสยี งและสัญญาณภาพของระบบทวี ีแบบ อนาล็อก
12 1.4.5 ซอฟท์แวรก์ ำรส่ือสำรซ่ึงทำหนำ้ ทค่ี วบคุมกิจกรรมกำรรับส่งข้อมลู และอำนวยควำม สะดวกในกำรสื่อสำร รูป 1.18 แสดงตวั อยา่ งโปรแกรมส าหรบั การส่ือสารทีไ่ ดร้ บั ความนิยม 1.5 หน้าทข่ี องระบบโทรคมนาคม ระบบโทรคมนำคม ทำหน้ำที่ในกำรส่งและรับข้อมูลระหว่ำงจุดสองจุด ได้แก่ ผู้ส่ง ข่ำวสำร (Sender) และ ผู้รับข่ำวสำร (Receiver) ดำเนินกำรจัดกำรลำเลียงข้อมูลผ่ำนเส้นทำงท่มี ี ประสิทธิภำพท่ีสุดจัดกำรตรวจสอบควำมถูกต้องของข้อมูลท่ีจะส่งและรับเข้ำมำ สำมำรถ ปรับเปลี่ยนรูปแบบข้อมูลให้ท้ังสองฝ่ำยสำมำรถเข้ำใจได้ตรงกันซึ่งท่ีกล่ำวมำน้ีส่วนใหญ่ใช้ คอมพิวเตอร์เป็นตัวจัดกำรในระบบโทรคมนำคมส่วนใหญ่ใช้อุปกรณ์กำรรับส่งข้อมูลข่ำวสำรต่ำง ชนิดต่ำงยี่ห้อกันแต่สำมำรถแลกเปล่ียนข้อมูลระหว่ำงกันได้เพรำะใช้ชดุ คำส่งั มำตรฐำนชุดเดียวกัน กฎเกณฑ์มำตรฐำนในกำรสื่อสำรน้ีเรำเรียกว่ำ“โปรโตคอล (Protocol)” อุปกรณ์แต่ละชนิดใน เครือข่ำยเดียวกันต้องใช้โปรโตคอลอย่ำงเดียวกัน จึงจะสำมำรถสื่อสำรถึงกันและกันได้ หน้ำท่ี พื้นฐำนของโปรโตคอล คือ กำรท ำควำมรจู้ ักกบั อุปกรณ์ตัวอื่นท่ีอยู่ในเส้นทำงกำรถ่ำยทอดข้อมูล กำรตกลงเง่ือนไขในกำรรับส่งข้อมูล กำร ตรวจสอบควำมถูกต้องของข้อมูลแก้ไขปัญหำข้อมลู ท่ีเกิดกำรผดิ พลำดขณะส่งโปรโตคอลท่ีรู้จักกัน มำก ไดแ้ ก่ โปรโตคอลในระบบเครอื ขำ่ ยอนิ เตอร์เนต เชน่ Internet Protocol , TCP/IP 1.6 ประเภทของสญั ญาณในระบบโทรคมนาคม 1.6.1 ประเภทของข้อมูลส ำหรับกำรสื่อสำรในระบบโทรคมนำคม สำมำรถแยกได้เป็น 4 ประเภท คือ 1) ประเภทเสียง เช่น เสียงพดู เสยี งดนตรี 2) ประเภทตวั อักษร เช่นอกั ษร ตัวเลข สัญลักษณ์ 3) ประเภทภำพ ท้ังภำพน่งิ และภำพเคลอ่ื นไหว
13 4) ประเภทรวม เปน็ กำรสอ่ื สำรท้งั ตัวอักขระ ภำพและเสยี ง 1.6.2 ประเภทของข้อมูลจำแนกตำมสัญญำณท่ีส่งออกโดยจะมีกำรส่งสัญญำนข้อมูลทั้ง 4 ปรพ เภทด้ำนบนและนำมำแปลงเป็นสัญญำณไฟฟ้ำท่ีเรียกว่ำสัญญำณข้อมูล (Data Signal) ทำให้ สำมำรถส่งผ่ำนสื่อไปได้ในระยะไกลด้วยควำมเร็วสูง ข้อมูลจะถูกแปลงเป็นสัญญำณข้อมูลได้ 2 ประเภทคือ 1) สัญญำณอนำล็อก (Analog Signal) หมำยถึง สัญญำณข้อมูลแบบต่อเน่ือง มีขนำดของ ขอ้ มลู ไมค่ งที่ มลี ักษณะเป็นเสน้ โคง้ ตอ่ เนอ่ื งกนั ไป โดยสญั ญำณอนำลอ็ กจะถกู รบกวนให้มีกำรแปล ควำมหมำยผดิ พลำดได้ง่ำย เช่น สัญญำณในสำยโทรศพั ท์ เป็นต้น รปู 1.19 แสดงตัวอยำ่ งสัญญำณอนำลอ็ ก 2.ระบบเครือข่ายและเทคโนโลยสี ารสนเทศ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ( Computer Network )หมำยถึง กำรเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องข้ึนไปเข้ำด้วยกันด้วยสำยเคเบิล หรือสื่ออื่นๆ ทำให้คอมพิวเตอร์ สำมำรถรับส่งข้อมูลแก่กันและกันได้ในกรณีท่ีเป็นกำรเชื่อมต่อระหว่ำงเคร่ืองคอมพิวเตอร์หลำยๆ เครือ่ งเขำ้ กบั เครือ่ งคอมพวิ เตอรข์ นำดใหญท่ ี่เป็นศนู ยก์ ลำง เรำเรียกคอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนยก์ ลำงนี้ ว่ำ โฮสต์ (Host) และเรียกคอมพิวเตอร์ขนำดเล็กที่เข้ำมำเช่ือมต่อว่ำ ไคลเอนต์ (Client)ระบบ เครือข่ำย (Network) จะเช่ือมโยงคอมพิวเตอร์เข้ำด้วยกันเพื่อกำรติดต่อสื่อสำร เรำสำมำรถส่ง ข้อมูลภำยในอำคำร หรือข้ำมระหว่ำงเมืองไปจนถึงอีกซีกหน่ึงของโลก ซ่ึงข้อมูลต่ำงๆ อำจเป็นทั้ง ข้อควำม รูปภำพ เสียง ก่อให้เกิดควำมสะดวก รวดเร็วแก่ผู้ใช้ ซึ่งควำมสำมำรถเหล่ำนี้ทำให้ เครือข่ำยคอมพิวเตอร์มีควำมสำคญั และจำเปน็ ต่อกำรใชง้ ำนในแวดวงต่ำงๆ แล้วทำไมเรำถึงต้องใช้เครือข่ำย หรือระบบคอมพิวเตอร์เครือข่ำย กำรท่ีเรำนำเอำเครื่อง คอมพิวเตอร์มำเช่ือมต่อกัน เรำจะสำมำรถใช้ประโยชน์จำกระบบ หรือระบบสำมำรถทำอะไรได้ บ้ำง ทำให้ใช้ทรัพยำกร ของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ร่วมกันได้ (Resources Sharing) ซึ่งเป็นกำรช่วย ประหยัดค่ำใช้จ่ำย และเพ่ิมควำมสะดวก ในกำรใช้งำน เช่น กำรใช้พ้ืนที่บนฮำร์ดดิสก์ และ เคร่ืองพิมพ์ร่วมกันสำมำรถบริหำรจัดกำรกำรทำงำนของคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ได้จำกศูนย์กลำง
14 (Centralized Management) เช่น สร้ำงเวิร์กกรุป กำหนดสิทธ์ิในกำรเข้ำถึงข้อมูล และสำมำรถ ทำกำร สำรองข้อมูล ของแต่ละเคร่ืองได้ สำมำรถทำกำรส่ือสำร ภำยในเครือข่ ำย (Communication) ไ ด้ หลำยรูปแ บบ เช่น อีเมล์ , แ ชท ( Chat), ก ำรประ ชุมทำงไ ก ล (Teleconference), และ กำรประชุมทำงไกล แบบเห็นภำพ (Video Conference)มีระบบรักษำ ควำมปลอดภัย ของข้อมูล บนเครือข่ำย (Network Security) เช่นสำมำรถ ระบุผู้ท่ีมีสิทธิ์เข้ำถึง ข้อมูล ในระดับต่ำงๆ ป้องกันผู้ท่ีไม่ได้รับอนุญำติ เข้ำถึงข้อมูล และให้กำรคุ้มครอง ข้อมูลท่ีสำคัญ ให้ควำมบันเทิงไม่รู้จบ (Entertainment) เช่น สำมำรถสนุกกับ กำรเล่นเกมส์ แบบผู้เล่นหลำยคน หรือที่เรยี กวำ่ มลั ติ เพลเยอร์(Multi Player) ทีก่ ำลงั เป็นที่นยิ มกนั อย่ใู นเวลำนไี้ ด้ ใช้งำนอินเทอร์เน็ตร่วมกัน (Internet Sharing) เพียงต่อเข้ำอินเทอร์เน็ต จำกเคร่ืองหน่ึงใน เครือข่ำย โดยมีแอคเคำท์เพียงหนึ่งแอคเคำท์ ก็ทำให้ผู้ใช้อีกหลำยคน ในเครือข่ำยเดียวกัน สำมำรถใชง้ ำนอินเทอร์เน็ตได้ เสมอื นกับมีหลำยแอคเคำท์ ฯลฯ ระบบเครอื ข่ายชนดิ ตา่ งๆ ระบบเครือขำ่ ย สำมำรถเรียกได้ หลำยวิธี เช่นตำมรูปแบบ กำรเช่ือมต่อ (Topology) เช่น แบบบัส (bus), แบบดำว (star), แบบวงแหวน (ring) หรือจะเรึยกตำมขนำด หรือระยะทำงของ ระบบก็ได้ เช่นแลน (LAN), แวน (WAN), แมน (MAN) นอกจำกนี้ ระบบเครือข่ำย ยังสำมำรถ เรียกได้ตำม เทคโนโลยที ี่ไช้ ในกำรส่งผ่ำนข้อมูล เช่น เครือข่ำย TCP/IP, เครือข่ำย IPX, เครือข่ำย SNA หรอื เรยี กตำม ชนดิ ของข้อมลู ทม่ี ีกำรส่งผำ่ น เชน่ เครอื ขำ่ ย เสยี งและวดิ โี อ เรำยังสำมำรถจำแนกเครือข่ำยได้ ตำมกลุ่มท่ีใช้เครือข่ำย เช่น อินเตอร์เน็ต (Internet), เอ็กซ์ตร้ำ เน็ต (Extranet), อินทรำเน็ต (Intranet), เครือข่ำยเสมือน (Virtual Private Network) หรือเรียก ตำมวิธีกำร เช่ือมต่อทำงกำยภำพ เช่นเครือข่ำย เส้นใยนำแสง, เครือข่ำยสำยโทรศัพท์, เครือข่ำย ไร้สำย เป็นต้น จะเห็นได้ว่ำ เรำสำมำรถจำแนก ระบบเครือข่ำย ได้หลำกหลำยวิธี ตำมแต่ว่ำ เรำ จะพูดถึง เครือข่ำยนั้นในแง่มุมใด เรำจำแนก ระบบเครือข่ำย ตำมวิธีท่ีนิยมกัน 3 วิธีคือ รูปแบบ กำรเชื่อมต่อ (Topology),รูปแบบกำรสื่อสำร (Protocol), และ สถำปัตยกรรมเครือข่ำย (Architecture) กำรจำแนกระบบเครือขำ่ ย ตำมรูปแบบกำรเชือ่ มต่อ (Topology) จะบอกถึงรูปแบบ ท่ที ำ กำร เชื่อมตอ่ อุปกรณ์ ในเครอื ขำ่ ยเข้ำด้วยกนั ซงึ่ มีรูปแบบท่ีนิยมกนั 3 วธิ คี อื แบบบสั (bus)
15 ในระบบเครือข่ำย โทโปโลยีแบบ BUS นับว่ำเปน็ แบบโทโปโลยที ไี่ ด้รบั ควำมนยิ มใช้กันมำก ที่สุดมำ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เหตุผลอย่ำงหน่ึงก็คือสำมำรถติดต้ังระบบ ดูแลรักษำ และติดต้งั อุปกรณ์เพ่ิมเติมได้ง่ำย ไม่ต้องใช้เทคนิคท่ียุ่งยำกซับซอ้ น ลักษณะกำรทำงำนของเครือข่ำยโทโปโล ยีแบบ BUS คืออุปกรณ์ทุกชิ้นหรือโหนดทุกโหนด ในเครือข่ำยจะต้องเช่ือมโยงเข้ำกับสำยส่ือสำร หลัก ที่เรียกว่ำ \"บัส\" (BUS) เม่ือโหนดหนึ่งต้องกำรจะส่งข้อมูลไปให้ยังอีกโหนด หน่ึงภำยใน เครือข่ำย ข้อมูลจำกโหนดผู้ส่ง จะถูกส่งเข้ำสู่สำยบัส ในรูปของแพ็กเกจ ซ่ึงแต่ละแพ็กเกจจะ ประกอบด้วยตำแหน่งของ ผู้ส่งและผู้รับ และข้อมูล กำรสื่อสำรภำยในสำยบัส จะเป็นแบบ 2 ทิศทำงแยกไปยังปลำยทั้ง 2 ด้ำนของบัส โดยตรงปลำยท้ัง 2 ด้ำนของบัสจะมีเทอร์มิเนเตอร์ (Terminator) ทำหน้ำท่ีดูดกลืนสัญญำณ เพื่อป้องกันไม่ให้สัญญำณข้อมูลน้ันสะท้อนกลับ เข้ำ มำยังบัสอีก เป็นกำรป้องกันกำรชนกันของสัญญำณ ข้อมูลอ่ืน ๆ ที่เดินทำงอยู่บนบัส สัญญำณ ข้อมูลจำกโหนดผู้ส่ง เม่ือเข้ำสู่บัสจะไหลผ่ำนไปยังปลำยทั้ง 2 ข้ำงของบัส แต่ละโหนดที่เช่ือมต่อ เข้ำกับบัส จะคอยตรวจดูว่ำตำแหน่งปลำยทำง ท่ีมำกับแพ็กเกจข้อมูลน้ัน ตรงกับตำแหน่งของตน หรือไม่ ถ้ำใช่ก็จะรับข้อมูลนั้นเข้ำมำสู่โหนดตน แต่ถ้ำไมใ่ ช่ ก็จะปล่อยให้สัญญำณข้อมูลนนั้ ผ่ำนไป จะเห็นว่ำทุก ๆ โหนดภำยในเครือข่ำยแบบ BUS นั้นสำมำรถรับรู้สัญญำณข้อมูลได้ แต่จะมีเพียง โหนดปลำยทำงเพยี งโหนดเดยี วเทำ่ นั้น ท่ีจะรบั ข้อมลู นน้ั ไปได้ การควบคุมการส่ือสารภายในเครือข่ายแบบ BUS มี 2 แบบคือ แบบควบคุมด้วย ศูนย์กลำง (Centralized) ซึ่งจะมีโหนดหนึ่ง ที่ทำหน้ำท่ีเป็นศูนย์กลำงควบคุมกำรส่ือสำรภำยใน เครือข่ำย ซ่ึงส่วนใหญ่จะเป็นไฟล์เซิร์ฟเวอร์ กำรควบคุมแบบกระจำย (Distributed) ทุก ๆ โหนด ภำยในเครือข่ำย จะมีสิทธิในกำรควบคุมกำรสื่อสำร แทนที่จะ เป็นศูนย์กลำงควบคุมเพียงโหนด เดยี ว ซ่งึ โดยท่วั ไปคโู่ หนดทกี่ ำลังทำกำรส่ง-รบั ขอ้ มลู กนั อย ่จู ะเปน็ ผ้คู วบคมุ กำรส่อื สำรในเวลำน้ัน ข้อดขี ้อเสียของโทโปโลยแี บบบสั แบบดาว (star)
16 เป็นหลักกำรส่งและรับข้อมูล เหมือนกับระบบโทรศัพท์ กำรควบคุมจะทำโดยสถำนี ศูนยก์ ลำง ทำหน้ำที่เปน็ ตัวสวติ ชิง่ ข้อมลู ทงั้ หมดในระบบเครือขำ่ ย จะต้องผ่ำนเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ ศูนย์กลำง (Center Comtuper) เป็นกำรเช่ือมโยงกำรติดต่อสื่อสำร ท่ีมีลักษณะคล้ำยกับรูปดำว (STAR) หลำยแฉก โดยมีศูนย์กลำงของดำว หรือฮับ เป็นจุดผ่ำนกำรติดต่อกันระหว่ำงทุกโหนดใน เครือข่ำย ศูนย์กลำง จึงมีหน้ำที่เป็นศูนย์ควบคุมเส้นทำงกำรส่ือสำรทั้งหมด นอกจำกน้ีศูนย์กลำง ยงั ทำหน้ำท่ี เปน็ ศนู ยก์ ลำงขอ้ มูลอกี ด้วย กำรสอื่ สำรภำยในเครอื ข่ำยแบบ STAR จะเป็นแบบ 2 ทศิ ทำง โดยจะอนญุ ำตใหม้ ีเพยี งโหนดเดียว เท่ำน้ัน ที่สำมำรถส่งข้อมูลเข้ำสู่เครือข่ำยได้ จึงไม่มีโอกำสที่หลำยๆ โหนดจะส่งข้อมูลเข้ำสู่ เครือข่ำยในเวลำเดียวกัน เพื่อป้องกันกำรชนกันของสัญญำณข้อมูล เครือข่ำยแบบ STAR เป็นโท โปโลยี อีกแบบหน่ึง ที่เป็นที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน ข้อดีของเครือข่ำยแบบ STAR คือกำรติดตั้ง เครือข่ำยและกำรดแู ลรักษำทำไดง้ ่ำย หำกมีโหนดใดเกิดควำมเสียหำย ก็สำมำรถตรวจสอบได้ง่ำย และศนู ยก์ ลำงสำมำรถตดั โหนดนน้ั ออกจำกกำรสอื่ สำร ในเครอื ขำ่ ยได้
17 แบบวงแหวน (ring) เครือข่ำยแบบ RING เป็นกำรส่งข่ำวสำรท่ีส่งผ่ำนไปในเครือข่ำย ข้อมูลข่ำวสำรจะไหลวน อย่ใู นเครือข่ำย ไปในทิศทำงเดียว เหมอื นวงแหวน หรือ RING นนั่ เอง โดยไมม่ ีจุดปลำย หรอื เทอร์ มิเนเตอร์ เช่นเดียวกับเครือข่ำยแบบ BUS ในแต่ละโหนดหรือสเตชั่น จะมีรีพีตเตอร์ประจำโหนด 1 เครื่อง ซ่ึงจะทำหน้ำที่เพิ่มเติมข่ำวสำรที่จำเป็นต่อกำรสื่อสำร ในส่วนหัวของแพ็กเกจข้อมูล สำหรับกำรส่งข้อมูลออกจำกโหนด และมีหน้ำที่รับแพ็กเกจข้อมูล ท่ีไหลผ่ำนมำจำกสำยส่ือสำร เพ่ือตรวจสอบว่ำเป็นขอ้ มูล ท่ีส่งมำใหโ้ หนดตนหรอื ไม่ ถำ้ ใชก่ ็จะคดั ลอกขอ้ มลู ทงั้ หมดน้ัน สง่ ตอ่ ไป ใหก้ บั โหนดของตน แตถ่ ้ำไม่ใช่กจ็ ะปล่อยขอ้ มูลนั้นไปยงั รีพตี เตอรข์ องโหนดถดั ไป โทโปโลยแี บบผสม (Hybridge Topology)
18 เป็นเครือข่ำยกำรสื่อสำรข้อมูลแบบผสมระหว่ำงเครือข่ำยแบบใดแบบหน่ึงหรือมำกกว่ำ เพ่ือควำมถกู ตอ้ งแนน่ อน ท้ังนี้ขน้ึ อยกู่ บั ควำมต้องกำรและภำพรวมขององคก์ ร ระบบเครือข่ำยสำรสนเทศ หรือระบบเน็ตเวิร์ก คือกลุ่มของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่ำงๆ ที่ถูก นำมำเชื่อมต่อกันเพ่ือให้ผู้ใช้ในเครือข่ำยสำมำรถติดต่อสื่อสำร แลกเปล่ียนข้อมูล และใช้อุปกรณ์ ต่ำงๆ ในเครือข่ำยร่วมกันได้\" เครือข่ำยน้ันมีหลำยขนำด ต้ังแต่ขนำดเล็กที่เช่ือมต่อกันด้วย คอมพิวเตอร์เพียงสองสำมเครื่อง เพื่อใช้งำนในบ้ำนหรือในบริษัทเล็กๆ ไปจนถึงเครือข่ำยขนำด ใหญ่ท่ีเชื่อมต่อกันทั่วโลก ส่วน Home Network หรือเครือข่ำยภำยในบ้ำน ซ่ึงเป็นระบบ LAN ( Local Area Network) ท่ีคุณผู้อ่ำนจะได้พบต่อไปน้ี เป็นระบบเครือข่ำยคอมพิวเตอร์ขนำดเล็กๆ หมำยถึงกำรนำเครอ่ื งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ มำเชื่อมต่อกันในบำ้ น สงิ่ ทีเ่ กดิ ตำมมำกค็ อื ประโยชนใ์ นกำรใช้คอมพิวเตอร์ดำ้ นตำ่ งๆเชน่ 1. กำรใช้ทรัพยำกรรว่ มกัน หมำยถึง กำรใช้อปุ กรณ์ตำ่ งๆ เชน่ เครอ่ื งพิมพ์รว่ มกัน กลำ่ วคือ มีเครอื่ งพิมพเ์ พียงเครือ่ งเดียว ทุกคนในเครือขำ่ ยสำมำรถใช้เคร่อื งพิมพ์นีไ้ ด้ ทำให้สะดวกและ ประหยดั คำ่ ใชจ้ ำ่ ย เพรำะไมต่ ้องลงทนุ ซ้ือเคร่ืองพิมพ์หลำยเครอ่ื ง (นอกจำกจะเป็นเครื่องพิม์คนละ ประเภท) 2. กำรแชรไ์ ฟล์ เม่อื คอมพวิ เตอรถ์ ูกติดต้งั เป็นระบบเนต็ เวริ ์กแล้ว กำรใช้ไฟล์ขอ้ มูลรว่ มกนั หรอื กำรแลกเปลี่ยนไฟลท์ ำไดอ้ ยำ่ งสะดวกรวดเรว็ ไมต่ ้องอปุ กรณ์เก็บขอ้ มลู ใดๆ ทั้งสิ้นในกำร โอนยำ้ ยข้อมลู ตดั ปญั หำเรื่องควำมจขุ องสอ่ื บันทึกไปได้เลย ยกเวน้ อุปกรณใ์ นกำรจดั เกบ็ ขอ้ มูลหลัก อยำ่ งฮำร์ดดสิ ก์ หำกพ้นื ทีเ่ ตม็ กค็ งต้องหำมำเพิม่ 3. กำรตดิ ต่อสอ่ื สำร โดยคอมพวิ เตอร์ที่เชอื่ มตอ่ เป็นระบบเน็ตเวิร์ก สำมำรถติดตอ่ พูดคุย กับเครอ่ื งคอมพิวเตอร์อื่น โดยอำศัยโปรแกรมส่ือสำรท่ีมีควำมสำมำรถใช้เป็นเคร่ืองคอมพิวเตอรไ์ ด้ เชน่ เดยี วกัน หรอื กำรใช้อีเมลภ์ ำยในกอ่ ให้เครือข่ำย Home Network หรือ Home Office จะเกิด ประโยชน์นีอ้ กี มำกมำย 4.กำรใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ ร่วมกันคอมพวิ เตอรท์ กุ เคร่ืองทเ่ี ช่อื มต่อในระบบเนต็ เวริ ก์ สำมำรถใช้ งำนอนิ เทอรเ์ นต็ ไดท้ ุกเครื่อง โดยมโี มเด็มตัวเดียว ไม่ว่ำจะเป็นแบบอนำล็อกหรือแบบดจิ ิตอลอย่ำง ADSLยอดฮิตในปัจจบุ ัน ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ได้กลายเปน็ สว่ นหนึง่ ขององคก์ ร สถำบันกำรศึกษำและบำ้ น ไปแล้วกำรใชท้ รัพยำกรรว่ มกนั ได้ทัง้ ไฟล์ เครอ่ื งพิมพ์ ต้องใชร้ ะบบเครอื ข่ำยเป็นพนื้ ฐำน ระบบ เครือข่ำยจะหมำยถงึ กำรนำคอมพวิ เตอร์ต้งั แต่ 2 เคร่อื งขึน้ ไปมำเชอื่ มต่อกนั เพ่ือจะทำกำรแชร์ ข้อมลู และทรพั ยำกรร่วมกัน เชน่ ไฟล์ข้อมลู และเครื่องพิมพ์ ระบบเครือขำ่ ยสำมำรถแบ่งออกเป็น 3ประเภทด้วยกนั คอื 1.LAN(LocalAreaNetwork) ระบบเคร่อื งข่ำยทอ้ งถ่นิ เป็นเนต็ เวิร์กในระยะทำงไม่เกิน 10 กิโลเมตร ไมต่ ้องใชโ้ ครงขำ่ ยกำร สือ่ สำรขององคก์ ำรโทรศพั ท์ คอื จะเป็นระบบเครอื ขำ่ ยทอี่ ยูภ่ ำยในอำคำรเดียวกันหรือต่ำงอำคำร ในระยะใกล้ๆ
19 2.MAN(MetropolitanAreaNetwork) ระบบเครือขำ่ ยเมือง เปน็ เนต็ เวริ ์กท่ีจะตอ้ งใช้โครงข่ำยกำรส่อื สำรขององค์กำรโทรศพั ท์ หรือ กำรสื่อสำรแหง่ ประเทศไทย เปน็ กำรติดตอ่ กันในเมือง เชน่ เครือ่ งเวิรก์ สเตชั่นอยทู่ ี่สุขมุ วิท มีกำร ตดิ ต่อสือ่ สำรกบั เคร่อื งเวริ ์กสเตชัน่ ที่บำงรกั 3.WAN(WideAreaNetwork) ระบบเครือข่ำยกว้ำงไกล หรอื เรยี กได้ว่ำเปน็ World Wide ของระบบเน็ตเวริ ์ก โดยจะเป็นกำร สอื่ สำรในระดบั ประเทศ ข้ำมทวีปหรอื ทั่วโลก จะต้องใช้มเี ดีย(Media) ในกำรส่ือสำรของ องค์กำรโทรศัพท์ หรือกำรสื่อสำรแหง่ ประเทศไทย (คู่สำยโทรศัพท์ dial-up / คูส่ ำยเช่ำ Leased line / ISDN) (lntegrated Service Digital Network สำมำรถส่งไดท้ ั้งขอ้ มลู เสยี ง และภำพใน เวลำเดียวกนั ) ประเภทของระบบเครือข่าย PeerToPeer เปน็ ระบบท่ีเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ทุกเคร่ืองบนระบบเครือข่ำยมฐี ำนเท่ำเทยี มกนั คือทุกเครอื่ ง สำมำรถจะใช้ไฟลใ์ นเครื่องอน่ื ได้ และสำมำรถใหเ้ ครือ่ งอื่นมำใชไ้ ฟลข์ องตนเองได้เชน่ กนั ระบบ Peer To Peer มกี ำรทำงำนแบบดสิ ทริบวิ ท์(Distributed System) โดยจะกระจำยทรพั ยำกร ตำ่ งๆ ไปสูเ่ วิรก์ สเตชน่ั อนื่ ๆ แตจ่ ะมปี ญั หำเรือ่ งกำรรักษำควำมปลอดภัย เน่อื งจำกข้อมลู ที่เปน้ ค วำมลบั จะถูกสง่ ออกไปสคู่ อมพวิ เตอร์อื่นเช่นกนั โปรแกรมทที่ ำงำนแบบ Peer To Peer คอื Windows for Workgroup และ Personal Netware Client/Server เป็นระบบกำรทำงำนแบบ Distributed Processing หรือกำรประมวลผลแบบกระจำย โดย จะแบ่งกำรประมวลผลระหว่ำงเครื่องเซิร์ฟเวอร์กับเครื่องไคลเอ็นต์ แทนท่ีแอพพลิเคช่ันจะ ทำงำนอย ่เู ฉพำะบนเคร่ืองเซิร์ฟเวอร์ ก็แบ่งกำรคำนวณของโปรแกรมแอพพลิเคช่ัน มำทำงำนบน เคร่ืองไคลเอ็นต์ด้วย และเมื่อใดท่ีเครื่องไคลเอ็นต์ต้องกำรผลลัพธ์ของข้อมูลบำงส่วน จะมีกำร เรียกใช้ไปยัง เคร่ืองเซิร์ฟเวอร์ให้นำเฉพำะขอ้ มูลบำงสว่ นเท่ำน้นั สง่ กลับ มำให้เคร่ืองไคลเอ็นตเ์ พื่อ ทำกำรคำนวณขอ้ มูลนัน้ ตอ่ ไป รปู แบบการเชือ่ มต่อของระบบเครือข่ายLANTopology ระบบ Bus กำรเชอ่ื มตอ่ แบบบสั จะมีสำยหลกั 1 เส้น เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ท้งั เซริ ์ฟเวอร์ และ ไคลเอ็นตท์ กุ เครื่องจะตอ้ งเชอ่ื มตอ่ สำยเคเบิ้ลหลักเส้นน้ีโดยเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์จะถูกมองเป็Node เม่อื เคร่ืองไคลเอ็นตเ์ คร่อื งท่หี น่ึง (Node A) ตอ้ งกำรสง่ ข้อมูลใหก้ ับเครือ่ งทีส่ อง (Node C) จะตอ้ ง สง่ ข้อมูล และแอดเดรสของ Node C ลงไปบนบัสสำยเคเบ้ลิ นี้ เม่อื เครอื่ งท่ี Node C ได้รับข้อมูล แลว้ จะนำขอ้ มลู ไปทำงำนต่อทนั ที แบบ Ring กำรเชื่อมต่อแบบวงแหวน เป็นกำรเช่ือมต่อจำกเคร่ืองหน่ึงไปยังอีกเคร่ืองหนึ่ง จนครบวงจร ในกำรส่งข้อมูลจะส่งออกท่ีสำยสัญญำณวงแหวน โดยจะเป็นกำรส่งผ่ำนจำกเคร่ือง
20 หนง่ึ ไปส่เู ครอื่ งหนึ่งจนกวำ่ จะถึงเคร่ืองปลำยทำง ปญั หำของโครงสรำ้ งแบบน้คี ือ ถำ้ หำกมีสำยขำด ในส่วนใดจะทำ ให้ไม่สำมำรถส่งข้อมูลได้ ระบบ Ring มีกำรใช้งำนบนเคร่ืองตระกูล IBM กันมำก เป็นเครื่องข่ำย Token Ring ซึ่งจะใช้รับส่งข้อมูลระหว่ำงเครื่องมินิหรือเมนเฟรมของ IBM กับ เคร่ืองลูกขำ่ ยบนระบบ แบบ Star กำรเช่อื มต่อแบบสตำร์นจ้ี ะใช้อปุ กรณ์ Hub เป็นศูนย์กลำงในกำรเชือ่ มตอ่ โดย ที่ทุกเครื่องจะต้องผ่ำน Hub สำยเคเบิ้ลท่ีใช้ส่วนมำกจะเป้น UTP และ Fiber Optic ในกำรส่ง ข้อมูล Hub จะเป็นเสมือนตัวทวนสัญญำณ (Repeater) ปัจจุบันมีกำรใช้ Switch เป็นอุปกรณ์ใน กำรเช่อื มตอ่ ซง่ึ มีประสิทธภิ ำพกำรทำงำนสูงกวำ่ แบบ Hybrid เป็นกำรเช่ือมต่อท่ีผสนผสำนเครือข่ำยย่อยๆ หลำยส่วนมำรวมเข้ำด้วยกัน เช่น นำเอำเครือข่ำยระบบ Bus, ระบบ Ring และ ระบบ Star มำเชื่อมต่อเข้ำด้วยกัน เหมำะ สำหรับบำงหน่วยงำนท่ีมีเครือข่ำยเก่ำและใหม่ให้สำมำรถทำงำนร่วมกันได้ ซึ่งระบบ Hybrid Network นจ้ี ะมโี ครงสรำ้ งแบบ Hierarchical หรือ Tre ท่ีมีลำดับช้นั ในกำรทำงำน เครือข่ายแบบไร้สาย ( Wireless LAN) อีกเครอื ขำ่ ยที่ใชเ้ ปน็ ระบบแลน (LAN) ทไี่ มไ่ ด้ใช้ สำยเคเบิลในกำรเชื่อมต่อ นั่นคือระบบเครือข่ำยแบบไร้สำย ทำงำนโดยอำศัยคลื่นวิทยุ ในกำร รับส่งข้อมูล ซึ่งมีประโยชน์ในเร่ืองของกำรไมต่ ้องใช้สำยเคเบิล เหมำะกับกำรใช้งำนที่ไม่สะดวกใน กำรใช้สำยเคเบิล โดยไม่ต้องเจำะผนังหรือเพดำนเพ่ือวำงสำย เพรำะคลื่นวิทยุมีคุณสมบัติในกำร ทะลทุ ะลวงสง่ิ กดี ขวำงอยำ่ ง กำแพง หรือพนงั หอ้ งไดด้ ี แตก่ ต็ ้องอยใู่ นระยะทำกำร หำกเคลื่อนย้ำย คอมพิวเตอร์ไปไกลจำกรัศมีก็จะขำดกำรติดต่อได้ กำรใช้เครือข่ำยแบบไร้สำยนี้ สำมำรถใช้ได้กับ คอมพิวเตอร์พีซี และโน๊ตบุ๊ก และต้องใช้กำร์ดแลนแบบไร้สำยมำติดตั้ง รวมถึงอุปกรณ์ที่เรียกว่ำ Access Point ซึ่งเป็นอุปกรณ์จ่ำยสัญญำณสำหรับระบบเครือข่ำยไร้สำย มีหน้ำที่รับส่งข้อมูลกับ กำรด์ แลนแบบไร้สำย
ค อำ้ งองิ http://sakowde.blogspot.com/p/blog-page_12.html เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ รหัสวชิ า 3001-2001
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: