สงครามโลก ครั้งที่1 world war I เฉิ่มแก๊ง
ฉ บั บ ที่ 1 มกราคม 2565 สงครามโลก ครั้งที่ 1 ในฉบับนี้ ความหมายและช่วงเวลาของ สงครามโลกครั้งที่ 1 สาเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 1 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน สงครามโลกครั้งที่1 สงครามโลกครั้งที่ 1 ความขัดแย้งระดับโลก ผลกระทบของสงครามโลก เกิดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2457 (ค.ศ. 1914) ถึง พ.ศ. 2461 (ค.ศ. 1918) ครั้งที่ 1 ระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตร และฝ่ายมหาอำนาจกลาง ซึ่งไม่เคยปรากฏ ประเทศไทยกับสงครามโลก ครั้งที่ 1 สงครามขนาดใหญ่ที่มีทหารหรือสมรภูมิเกี่ยวข้องมากขนาดนี้มาก่อน เฉิ่มแก๊ง เดย์ลี่ (World War I หรือ First World War) หรือเป็นที่รู้จักกันว่า \"สงคราม โทร 081-234-5678 ครั้งยิ่งใหญ่\" (Great War) หรือ \"สงครามเพื่อยุติสงครามทั้งมวล\" (War อีเมล [email protected] ที่อยู่ 5 ถ.สุขาภิบาล บางกะปิ กรุงเทพฯ to End All Wars) โดยพบว่ามีทหารกว่า 70 ล้านคนมีส่วนร่วมในการ เว็บไซต์ chermview.com รบ รวมไปถึงชาวยุโรปอีกกว่า 60 ล้านคน ผลจากสงครามทำให้มีผู้เสีย 01 ชีวิต บาดเจ็บและสูญหาย รวมกันไม่ต่ำกว่า 40 ล้านคน สงครามโลกครั้ง ที่หนึ่ง เป็นสงครามความขัดแย้งบนฐานการล่าอาณานิคม ระหว่าง มหาอำนาจยุโรปสองค่าย คือ ฝ่ายไตรพันธมิตร (Triple Alliance) ซึ่ง ประกอบไปด้วยเยอรมนี และอิตาลี กับฝ่าย (Triple Entente) ประกอบ ไปด้วยบริเตนใหญ่ ฝรั่งเศสและรัสเซีย อ่านต่อ น.2 เ ฉิ่ ม เ ด ย์ ลี่ | ฉ บั บ ที่ 0 1
สาเหตุของสงครามโลก ครั้งที่ 1 ชนวนของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเกิดจาด การลอบปลงพระชนม์อาร์ คดุยค ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของบัลลังก์จักรวรรดิ ออสเตรีย-ฮังการี ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1914 และการแก้แค้นของ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีต่อราชอาณาจักรเซอร์เบียก็ทำให้เกิด ปฏิกิริยาลูกโซ่ก่อให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ปะทุขึ้นในทวีปยุโรป ภายในหนึ่งเดือน ทวีปยุโรปส่วนมากก็อยู่ในสภาวะสงคราม แต่ความ ขัดแย้งที่มีมาตั้งแต่การรวมชาติเยอรมนี ตั้งแต่ ค.ศ. 1871 นั้นทำให้ ยุโรปต้องอยู่ในสมดุลแห่งอำนาจซึ่งยากแก่การรักษา การแข่งขัน ทางทหาร อุตสาหกรรมและการแย่งชิงดินแดนก็ทำให้วิกฤตสุกงอม จนกระทั่งปะทุออกมาเป็นสงคราม สาเหตุหลักของการเกิดสงครามโลก ครั้งที่ 1 1. ลัทธิชาตินิยม ภายหลังสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ฝ่ายปรัสเซียมีผู้นำ ที่เข้มแข็งอย่างบิสมาร์กเป็นผู้วางแผนการรบอย่างชาญฉลาด เอาชนะ ฝรั่งเศสได้ทำให้เยอรมันสามารถรวมตัวกันและสถาปนาจักรวรรดิ เยอรมัน เป็นมหาอำนาจที่สำคัญในยุโรป ฝรั่งเศสซึ่งเป็นฝ่ายแพ้ สงคราม ต้องยอมเสียแคว้นอัลซาซ-ลอแรนให้แก่เยอรมนี และเปลี่ยน การปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐ เป็นผลให้อิตาลีรวมชาติได้เป็นผล สำเร็จ ทำให้เกิดลัทธิชาตินิยม ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวสลาฟ 2. การแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคม เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบที่จะนำมาป้อนโรงงานอุตสาหกรรม การแข่งขันเป็น แบบการค้าเสรี เมื่อมีการแข่งขันสูงขึ้น จึงเริ่มใช้กำลังทางทหารเข้ายึดครองดินแดนที่มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ และตั้งกำแพงภาษีให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันมิให้สินค้าจากประเทศที่เป็นคู่แข่งมาตีตลาดในประเทศบริวารของตน เป็น เครื่องมือวัดความยิ่งใหญ่ของประเทศ 0 2 เ ฉิ่ ม เ ด ย์ ลี่ | ฉ บั บ ที่ 0 1
กั น ย า ย น 2 5 6 3 ฉ บั บ ที่ 1 สาเหตุหลักของการเกิดสงครามโลก ครั้งที่ 1 (ต่อ) 3. มหาอำนาจแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งประกอบด้วยเยอรมนี รัสเซียและออสเตรีย-ฮังการี ได้ทำสนธิสัญญาพันธไมตรีไตรภาคี ภายหลังรัสเซียได้ถอนตัวไปและอิตาลีเข้ามา กลุ่มนี้จึงประกอบด้วย เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลี อีกฝ่ายหนึ่งฝรั่งเศสกับรัสเซีย ได้ทำสนธิสัญญาพันธไมตรีฝรั่งเศส-รัสเซีย ต่อมาอังกฤษได้เข้าร่วม เป็นพันธมิตรจึงเกิดเป็นกลุ่มประเทศความตกลงไตรภาคี มหาอำนาจทั้ง 2 กลุ่ม พยายามที่จะโน้มน้าวให้ประเทศอื่นๆเข้ามา ร่วมเป็นพันธมิตรของตน ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยินยอมกันแข่งกันสะสม กำลังอาวุธ เมื่อเกิดข้อขัดแย้งที่รุนแรง จึงหาทางออกด้วยการทำ สงคราม 4. ความไม่มั่นคงทางการเมืองในคาบสมุทรบอลข่าน คาบสมุทรบอลข่านอยู่ในแถบทะเล เมดิเตอร์เรเนียนและทะเลดำ ประกอบด้วยชุมชนที่มีความแตกต่างกันทางด้านภาษาและวัฒนธรรม ส่วนใหญ่เป็นชาวสลาฟ กรีก เติร์ก เมื่อชนเผ่าสลาฟภายใต้การนำของแคว้นเซอร์เบีย ได้เอกราชและ แยกตัวออกจากจักรวรรดิออตโตมันเติร์ก ต่อมาเซอร์เบีย บัลแกเรีย และกรีซได้รวมตัวกัน ทำสงคราม กับตุรกีและสามารถยึดครองดินแดนของตุรกีในยุโรปได้ แต่หลังจากชนะสงครามก็เกิดความขัดแย้ง กันเอง เซอร์เบียจึงกลายเป็นแคว้นที่มีอิทธิพลมากจนเป็นที่เกรงกลัวของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ชนวนของสงครามเกิดขึ้นเมื่ออาร์ชดุ๊กฟรานซิส เฟอร์ดินานด์รัชทายาทของออสเตรีย-ฮังการี ถูกลอบ ปลงพระชนม์ โดยฝีมือของกัฟริโล ปรินซิปชาวบอสเนีย ออสเตรีย-ฮังการีจึงประกาศสงครามกับเซ อร์เบีย โดยมีรัสเซียเข้ามาช่วยเซอร์เบีย เยอรมนีจึงประกาศสงครามกับรัสเซีย ฝรั่งเศส และอังกฤษเข้า ร่วมมือกับรัสเซีย ในสงครามครั้งนี้ เรียกฝ่ายที่อยู่ข้างเซอร์เบีย รัสเซีย ฝรั่งเศส และอังกฤษว่า ฝ่าย สัมพันธมิตร และเรียกฝ่ายที่อยู่ข้างออสเตรีย-ฮังการีและเยอรมนีว่า ฝ่ายมหาอำนาจกลาง (สำหรับ อิตาลี ตอนแรกประกาศตนเป็นกลาง แต่ตอนหลังได้ไปเข้าข้างฝ่ายสัมพันธมิตร) 0 3 เ ฉิ่ ม เ ด ย์ ลี่ | ฉ บั บ ที่ 0 1
เ ห ตุ ก า ร ณ์ ที่ เ กิ ด ขึ้ น ใ น ส ง ค ร า ม โ ล ก ค รั้ ง ที่ 1 28 มิถุนายน 1914 : อาร์คดุยค ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ ถูกลอบปลงพระชนม์ โดยกาฟริโล พรินซิป 28 กรกฎาคม 1914 : ออสเตรีย-ฮังการี ประกาศสงคราม 2 สิงหาคม 1914 : จักรวรรดิออตโตมัน และเยอรมนี เซ็นสัญญาร่วมเป็นพันธมิตร 4 สิงหาคม 1914 : เยอรมนีบุกรุกเบลเยียม , สหรัฐฯ ประกาศเป็นกลาง, สหราชอาณาจักรประกาศ สงครามกับเยอรมนี 10 สิงหาคม 1914 : ออสเตรีย-ฮังการี บุกรุกรัสเซีย เปิดฉากต่อสู้ตรงแนวรบตะวันออก 11 สิงหาคม 1914 : เกิดการสู้รบที่หมู่บ้านทานเนนแบร์ก ในปรัสเซีย 12 กันยายน 1914 : สู้รบครั้งแรกที่ฝรั่งเศส 3 พฤศจิกายน 1914 : รัสเซียประกาศสงครามกับจักรวรรดิออตโตมัน 5 พฤศจิกายน 1914 : สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ประกาศสงครามกับจักรวรรดิออตโตมัน 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1915 : เรือได้แล่นออกจากท่าที่นครนิวยอร์กมุ่งหน้าสู่ลิเวอร์พูล ซึ่งต่อมาจะกลาย เป็นการเดินทางเที่ยวสุดท้ายของเรือ ช่วงเวลานั้นเองที่การสู้รบด้วยเรือดำน้ำแบบไม่จำกัดขอบเขตใน มหาสมุทรแอตแลนติกอันเป็นส่วนหนึ่งของการสู้รบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งกำลังทวีความรุนแรงขึ้น ก่อนหน้านี้เยอรมนีได้ประกาศให้น่านน้ำรอบสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เป็นเขตสู้รบ ส่วนสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีในสหรัฐอเมริกาเองก็ได้ลงโฆษณาตามหน้าหนังสือพิมพ์ กล่าวเตือน ประชาชนไม่ให้โดยสารไปกับเรือ ลูซิเทเนีย ต่อมา ณ บ่ายของวันที่ 7 พฤษภาคม อาร์เอ็มเอส ลูซิเทเนีย ถูกเรือดำน้ำ อูโบท (U-boat) ของเยอรมันยิงตอร์ปิโดเข้าใส่ภายในเขตน่านน้ำที่ถูกประกาศให้เป็นเขตสู้ รบ ซึ่งห่างจากแนวชายฝั่ งของไอร์แลนด์เป็นระยะทาง 11 mi (18 km) เกิดการระเบิดขึ้นจากภายในเรือ สองครั้ง ทำให้เรืออัปปางลงภายในระยะเวลา 18 นาทีหลังจากการระเบิดครั้งที่สอง คร่าชีวิตลูกเรือและผู้ โดยสารรวมทั้งสิ้น 1,198 คน จากการโจมตีเรือพลเรือนโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าในครั้งนี้ เยอรมัน ได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศที่รู้จักกันในนาม กฎเรือเดินสมุทร (Cruiser Rules) แต่กระนั้นเองฝ่าย เยอรมันก็มีเหตุผลของตนที่จะพิจารณาลูซิเทเนียว่าเป็นเรือสู้รบของกองทัพ เพราะว่าภายในเรือบรรทุก ยุทโธปกรณ์สงครามที่ซึ่งฝ่ายอังกฤษเองก็ได้ละเมิดกฎเรือเดินสมุทรด้วยเช่นกัน การอัปปางลงของเรือลู ซิเทเนียจุดชนวนให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 128 คน เป็นชาวอเมริกัน นอกจากนี้เหตุการณ์ดังกล่าวยังเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สหรัฐอเมริกาประกาศเข้า ร่วมสงครามในปี ค.ศ. 1917 7 พฤษภาคม 1915 : เรือดำน้ำเยอรมนีจมเรือเดินสมุทรลูซิเทเนียของอังกฤษ 22 เมษายน 1915 : เยอรมนีใช้ก๊าซพิษครั้งแรก ในการสู้รบที่เมืองอีเปร เบลเยียม มิถุนายน 1915-พฤศจิกายน 1917 : สู้รบตามแนวแม้น้ำอิซอนโซ อิตาลี 1915 : สู้รบที่จักรวรรดิออตโตมัน 21 กุมภาพันธ์ – กรกฎาคม 1916 : สู้รบที่แวร์เดิง ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสงครามที่ยาวที่สุด และมีผู้ได้รับผลก ระทบเกือบล้านคน 31 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 1916 : สหราชอาณาจักรและเยอรมนีสู้รบกันที่คาบสมุทรจัตแลนด์ ทะเลเหนือใกล้เดนมาร์ก 1 กรกฎาคม – พฤศจิกายน 1916 : สู้รบครั้งแรกที่แม่น้ำซอมม์ ฝรั่งเศส โดยอังกฤษสูญเสียกำลังพล จำนวนมาก 6 เมษายน 1917 : สหรัฐฯ ประกาศสงครามกับเยอรมนี 0 4 เ ฉิ่ ม เ ด ย์ ลี่ | ฉ บั บ ที่ 0 1
เ ห ตุ ก า ร ณ์ ที่ เ กิ ด ขึ้ น ใ น ส ง ค ร า ม โ ล ก ค รั้ ง ที่ 1 ( ต่ อ ) 6 เมษายน 1917สหรัฐอเมริกา ได้เข้าสู่สงครามโดยอยู่ฝ่ายอังกฤษและ ฝรั่งเศส การเข้าร่วมสงครามของสหรัฐอเมริกา เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฝ่าย สัมพันธมิตร ซึ่งมีอังกฤษและฝรั่งเศสเป็นแกนนำ เริ่มกลับมาเป็นฝ่ายได้ เปรียบกลุ่มประเทศไตรภาคี (เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี อิตาลี) เนื่องจาก ฝ่ายสัมพันธมิตรได้กำลังทหารนับแสนคน พร้อมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ สนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาจนสามารถรบชนะฝ่ายไตรภาคีได้ในช่วง ปลายๆ ปี 1918 26 มิถุนายน 1917 : กองกำลังสหรัฐฯ บุกเข้าพื้นที่ฝรั่งเศส 20 พฤศจิกายน 1917 : สู้รบกันที่กองเบร ฝรั่งเศส 3 ธันวาคม 1917 : รัสเซียเซ็นสัญญาสงบศึกกับเยอรมนีเป็นการชั่วคราว 3 มีนาคม 1918 : รัสเซียถอนตัวจากฝ่ายสัมพันธมิตร และถอนตัวจาก สงคราม 21 มีนาคม-5 เมษายน 1918 : สู้รบที่แม่น้ำซอมม์ ฝรั่งเศส ครั้งที่ 2 29 กันยายน 1918 : เบลเยียมเซ็นสัญญาสงบศึกชั่วคราว 30 ตุลาคม 1918 : จักรวรรดิออตโตมันเซ็นสัญญาสงบศึกชั่วคราว 3 พฤศจิกายน 1918 : ออสเตรีย-ฮังการี เซ็นสัญญาสงบศึกชั่วคราว 11 พฤศจิกายน 1918 : เยอรมนียอมรับสัญญาสงบศึกตามที่ฝ่าย สัมพันธมิตรเรียกร้อง เป็นการยุติสงครามโลกอย่างเป็นทางการ โดยที่ฝ่าย สัมพันธมิตรเป็นผู้ชนะสงคราม 28 กรกฎาคม 1919 : เซ็นสัญญาสนธิแวร์ซายส์ ที่พระราชวังแวร์ซายส์ ฝรั่งเศส 0 5 เ ฉิ่ ม เ ด ย์ ลี่ | ฉ บั บ ที่ 0 1
ส า เ ห ตุ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศสงครามต่อประเทศเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 มาตรการการทำสงครามเรือดำน้ำแบบไม่จำกัดของเยอรมันถือเป็นสาเหตุสำคัญที่สุด ที่ผลักดันให้ อเมริกาเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เรือดำน้ำ u-boat ของเยอรมันจมเรือสินค้าและเรือโดยสารที่ มีชาวอเมริกันเดินทางไปกับเรือ หลายครั้งอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เรือดำน้ำเยอรมันไม่ได้แจ้ง เตือนให้เรือที่เป็นเหยื่อตอร์ปิโดเหล่านี้ทราบล่วงหน้าก่อน ส่งผลให้มีชาวอเมริกันเสียชีวิตเป็นจำนวน มาก ด้วยความโกรธแค้นในการกระทำของเหล่าเรือดำน้ำเยอรมัน ซึ่งอเมริกาให้สมญานามว่า “ฆาต รกรแห่งท้องทะเล” อเมริกาจึงตัดสินใจประกาศสงครามกับเยอรมัน ในช่วงที่เยอรมันทำสงครามกับอังกฤษ ได้มีเจ้าหน้าที่และสายลับของเยอรมันหลายนาย เข้ามาก่อ วินาศกรรม และ ทำการจารกรรม ในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ความรู้สึกต่อต้านเยอรมัน ในหมู่ ชาวอเมริกันเพิ่มมากขึ้น เหตุการณ์วุ่นวายภายในประเทศอเมริกาหลายครั้งในช่วงเวลาดังกล่าว เช่น การเกิดไฟไหม้, ระเบิด, การซุกซ่อนระเบิดเวลาในเรือสัญชาติอเมริกัน รวมถึงการปลุกระดมผู้ใช้ แรงงาน เชื่อกันว่าเยอรมันอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายเหล่านี้ ยิ่งเพิ่มความขุ่นเคืองให้กับชาวอเมริกัน มากขึ้น จุดแตกหักมาถึงเมื่อรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมัน ส่งโทรเลขเชื้อเชิญให้ ประเทศเม็กซิโกเข้าร่วมสงครามกับฝ่ายตน โดยมีข้อเสนอให้ดินแดนของอเมริกาเป็นรางวัลหาก ชนะสงคราม แต่โทรเลขฉบับนี้กลับถูกอังกฤษจับได้ และแจ้งให้อเมริกาทราบ ความอดทนของชาว อเมริกาจึงถึงจุดสิ้นสุดลง ฝ่ายอังกฤษใช้วิธีการโฆษณาชวนเชื่อที่เฉลียวฉลาดแยบยล ทำให้ทั่วโลกเกิดความเห็นใจฝ่ายสัมพันธ์ มิตร เยอรมันเองพยายามตอบโต้การโฆษณาชวนเชื่อของอังกฤษ ด้วยการแจ้งข่าวสารแก่ชาว อเมริกาผ่านทางหนังสือพิมพ์เยอรมันในประเทศอเมริกา แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก อเมริกาเป็นพันธมิตรทางการค้ากับอังกฤษมายาวนานก่อนหน้านั้น นักลงทุนชาวอเมริกันต่างมี กิจการร่วมอยู่ในประเทศอังกฤษเป็นจำนวนมาก กิจการเรือเดินสมุทรของอังกฤษส่วนใหญ่จะมีธุรกิจ ร่วม เช่น ขนส่งสินค้าและค้าขายสินค้าแลกเปลี่ยนระหว่างอังกฤษและอเมริกา ดังนั้นการที่เยอรมัน ส่งเรือดำน้ำมาโจมตีเรือเดินสมุทรในเขตน่านน้ำอังกฤษจึงสร้างความเสียหายทางด้านเศรษกิจให้กับ อเมริกาอย่างรุนแรง 0 6 เ ฉิ่ ม เ ด ย์ ลี่ | ฉ บั บ ที่ 0 1
กั น ย า ย น 2 5 6 3 ฉ บั บ ที่ 1 ส า เ ห ตุ ( ต่ อ ) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศสงครามต่อประเทศเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะรู้สึกเห็นใจฝ่ายสัมพันธมิตร โดยเฉพาะ อังกฤษ เนื่องมาจากประเทศอังกฤษและอเมริกามีวัฒนธรรม ร่วมจากต้นกำเนิดเดียวกัน คือ วัฒนธรรมแองโก-แซกซอน และ ใช้ภาษาประจำชาติภาษาเดียวกัน คือ ภาษาอังกฤษ ทำให้ทั้ง สองชาติสื่อสารข้อมูลข่าวสาร และถ่ายทอดความรู้สึกถึงกันได้ ง่ายและลึกซึ้งกว่า กับประเทศเยอรมัน ซึ่งมีภาษาประจำชาติ ต่างออกไป ก่อนหน้าที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง อเมริกา และอังกฤษมีความสัมพันธ์ทางการทหารที่ดีต่อกันมาโดยตลอด โดยกองทัพอเมริกันได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านเสบียงและ อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆแก่อังกฤษ นอกจากนี้กองทัพอเมริกันยัง นับถือกองทัพอังกฤษประดุจมิตรสหายของตนเอง อเมริกันคาดการณ์ล่วงหน้าว่าเยอรมันอาจได้รับชัยชนะเหนือฝ่ายสัมพันธมิตร เนื่องจากกำลังทาง ทหารที่เข้มแข็งกว่า ก่อให้เกิดความหวั่นวิตกในความปลอดภัยของชาติตนเอง ในมุมมองของชาว อเมริกัน พระเจ้าไกเซอร์ไกเซอร์วิลเลี่ยม ที่สอง จอมทัพแห่งเยอรมัน คือ กษัตริย์นักล่าอาณานิคม ซึ่งอเมริกาได้ประจักษ์ในความก้าวร้าวรุนแรงของกองทัพเยอรมันมาแล้ว จากตัวอย่างชาติที่ เยอรมันบุกเข้ายึดครอง เช่น หมู่เกาะ Soma, ลาตินอเมริกา และ หมู่เกาะฟิลิปปินส์ แนวความคิดในเชิงอุดมคติของประธานาธิบดีวิลสัน ที่ต้องการให้เกิดสันติภาพอย่างถาวรขึ้นในโลก นี้ และชาวอเมริกันจำนวนมากเห็นด้วยกับแนวความคิดนี้ แต่ในที่สุด เมื่อไม่สามารถทำให้เกิดความ สันติขึ้นได้ด้วยวิธีการแบบอหิงสา การประกาศสงครามกับเยอรมันจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะนำ ประชาธิปไตย, ความเสมอภาค และสันติสุขกลับคืนมา 0 7 เ ฉิ่ ม เ ด ย์ ลี่ | ฉ บั บ ที่ 0 1
แนวรบด้านตะวันตก และตกวันออก แนวรบด้านตะวันตก คือเขตสงครามหลักในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หลัง สงครามอุบัติในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1914 กองทัพเยอรมัน เปิดแนวรบด้านตะวันตกด้วยการบุกครองเบลเยียมและลัก เซมเบิร์ก จากนั้นยังสามารถยึดครองแคว้นอุตสาหกรรมที่ สำคัญของฝรั่งเศส ฝ่ายตั้งรับพลิกสถานการณ์ได้อย่างมาก หลังยุทธการที่แม่น้ำมาร์น หลังการแข่งขันสู่ทะเล ทั้งสอง ฝ่ายต่างยึดที่มั่นตามแนวสนามเพลาะคดเคี้ยวและมีการ เสริมความมั่นคงอย่างแน่นหนา ลากตั้งแต่ทะเลเหนือต่อ เนื่องไปจนแนวชายแดนฝรั่งเศสด้านที่ติดกับสวิตเซอร์ แลนด์ โดยมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยยกเว้นต้นปี 1917 และในปี 1918 ตามเข็มนาฬิกาจากซ้ายบน: ทหารราบไอริชในสนามเพลาะ ไม่กี่ อึดใจก่อนบุกในยุทธการที่แม่น้ำซอมม์วันแรก; ทหารบริติชนำ ตัวสหายร่วมรบที่ได้รับบาดเจ็บจากสนามรบในยุทธการที่แม่น้ำ ซอมม์วันแรก; ทหารหนุ่มชาวเยอรมันพร้อมอาวุธปืนเล็กยาว 98อา-เกเวร์ ระหว่างยุทธการที่แก็งชี; ทหารราบอเมริกันบุก บังเกอร์เยอรมัน; เครื่องบินทิ้งระเบิดหนักโกทา เก.4; รถถัง อเมริกันและเรโนลต์ เอฟที-17 กำลังเคลื่อนที่ในป่าอาร์กอนมุ่ง หน้าสู่แนวหน้าระหว่างการรุกมิวส์-อาร์กอน วันที่ 26 กันยายน 1918 แนวรบด้านตะวันออก เ ฉิ่ ม เ ด ย์ ลี่ | ฉ บั บ ที่ 0 1 เป็นเขตสงครามหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่สอง มีอักษะประเทศ ในทวีปยุโรป และคู่สงครามร่วมฟินแลนด์ฝ่ายหนึ่ง กับสหภาพ โซเวียต โปแลนด์และชาติสัมพันธมิตรจำนวนหนึ่งอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นคู่สงคราม เขตสงครามนี้กินอาณาบริเวณยุโรปตะวันออก บางส่วนของยุโรปเหนือและยุโรปใต้ สู้รบกันระหว่างวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1941 ถึง 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 เขตสงคราม ดังกล่าวมีเรียกหลายชื่อแตกต่างกันไปตามประเทศ ชื่อที่โดด เด่น เช่น \"มหาสงครามของผู้รักชาติ\" ในอดีตสหภาพโซเวียต; แนวรบด้านตะวันออก การทัพตะวันออก หรือ การทัพรัสเซีย ใน เยอรมนี 08
กั น ย า ย น 2 5 6 3 ฉ บั บ ที่ 3 แ น ว โ น้ ม บ น โ ล ก อ อ น ไ ล น์ ผลกระทบของสงครามโลก ครั้งที่ 1 มีการวาดรูปแผนที่ยุโรปใหม่ ทำให้ประเทศมหาอำนาจสูญเสียดินแดนของตัวเองเป็นจำนวนมาก จักรวรรดิออสเตรีย- ฮังการี แตกออกเป็นประเทศใหม่ ได้แก่ ออสเตรีย ฮังการี เชโกสโลวาเกีย ยูโกสลาเวีย จักรวรรดิออตโตมานล่มสลายไป แผ่นดินเดิมของจักรวรรดิบางส่วน ถูกแบ่งให้กลายเป็นอาณานิคมของ ผู้ชนะสงครามทั้งหลาย เยอรมัน ต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาล จักรวรรดิรัสเซีย ได้สูญเสียดินแดนชายแดนด้านตะวันตกจำนวนมาก กลายเป็นประเทศใหม่ ได้แก่ เอสโต เนีย ฟินแลนด์ ลัตเวีย ลิทัวเนียและโปแลนด์ ขณะเดียวกัน ผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้มีการก่อตั้ง สันนิบาตชาติ เป็นองค์การที่มีสมาชิกหลายประเทศ โดยมีจุดประสงค์อยู่ที่การแก้ไขปัญหาระหว่าง ประเทศด้วยวิธีการทางการทูตสหรัฐอเมริกาที่ได้เข้าร่วมรบ ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกเสรีเคียงคู่กับ อังกฤษและฝรั่งเศส ส่วนรัสเซียกลายเป็นมหาอำนาจโลกสังคมนิยม ต่อมาสามารถขยายอำนาจไปผนวก กับแคว้นต่าง ๆ เช่น ยูเครน เบลารุส ฯลฯ จึงประกาศจัดตั้งสหภาพโซเวียต (Union of Soviet Republics -USSR) ในปี ค.ศ. 1922 ส่วนสนธิสัญญาแวร์ซายที่ร่างโดยฝ่ายชนะสงครามให้กับเยอรมนี และสนธิสัญญาสันติภาพอีก 4 ฉบับให้กับพันธมิตรของเยอรมนีนั้น ก็เพื่อให้ฝ่ายผู้แพ้ยอมรับผิดในฐานะ เป็นผู้ก่อให้เกิดสงคราม แล้วต้องเสียค่าปฏิกรรมสงคราม เสียดินแดนทั้งในยุโรปและอาณานิคม ต้องลด กำลังทหารกับอาวุธ และต้องถูกพันธมิตรเข้ายึดครองดินแดน จนกว่าจะปฏิบัติตามเงื่อนไขของสนธิ สัญญา แต่เนื่องจากประเทศผู้แพ้ไม่ได้เข้าร่วมในการร่างสนธิสัญญา แต่ถูกบีบบังคับให้ลงนามยอมรับข้อ ตกลงของสนธิสัญญา จึงเกิดการต่อต้านในหลายประเทศ เช่น การก่อตัวของลัทธิฟาสซิสต์ในอิตาลี นาซี ในเยอรมันและเผด็จการทหารในญี่ปุ่น ซึ่งในเวลาต่อมา ประเทศมหาอำนาจทั้ง 3 ได้ร่วมมือเป็นพันธมิตร ระหว่างกัน เพื่อต่อต้านโลกเสรีและคอมมิวนิสต์ เรียกกันว่าฝ่ายอักษะ (Axis) มีการจัดตั้งองค์กรกลางใน การเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างประเทศ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยและสันติภาพของโลกในอนาคต 0 9 เ ฉิ่ ม เ ด ย์ ลี่ | ฉ บั บ ที่ 0 1
ไทยกับสงครามโลก ครั้งที่ 1 เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้นในยุโรปใน พ.ศ. 2457 นั้น ประเทศไทยยังคงยึดมั่นอยู่ในความ เป็นกลางแต่พระ บาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสังเกตความเคลื่อนไหวของคู่ สงคราม อย่างใกล้ชิดการสงครามได้รุนแรงขึ้นเป็นลำดับ ทรงเห็นว่า ฝ่ายเยอรมนีเป็นฝ่ายรุกรานจึงทรงตัดสินพระ ทัยประกาศสงคราม กับเยอรมนีและออสเตรีย -ฮังการี เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 แล้วประกาศเรียกพลทหารอาสาสำหรับกองบินและกองยาน ยนต์ทหารบก เพื่อส่งไปช่วย สงครามยุโรป การส่งทหารไปรบครั้งนี้ นับว่าเป็นประโยชน์ เพราะเท่ากับได้เรียนรู้วิชาการทางเทคนิคการ รบและการช่างในสมรภูมิจริงๆ เมื่อเสร็จสงครามสัมพันธมิตรเป็น ฝ่ายชนะ ประเทศไทย ได้ส่งผู้แทนเข้าประชุม ณ พระราชวังแวร์ซาย ด้วยผลพลอยได้จากการเข้าสงครามนี้ ก็คือสัญญาต่างๆ ที่ไทยทำกับ เยอรมนีและออสเตรีย -ฮังการี ย่อมสิ้นสุดลงตั้งแต่ไทยประกาศสงคราม กับประเทศนั้น และไทยก็ได้พยายามขอเจรจาข้อแก้ไขสนธิสัญญาฉบับ เก่า ซึ่งทำไว้กับอังกฤษ ฝรั่งเศส และ ชาติอื่นๆ แต่ก็ประสบความยาก ลำบากอย่างมาก อาศัยที่ไทยได้ความช่วยเหลือจาก ดร. ฟราน ซิส บี แซยร์ (Dr. Francis B. Sayre) ชาวอเมริกาซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาต่าง ประเทศจนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยากัลยาณไมตรี ใน ที่สุดประเทศต่างๆ 13 ประเทศ รวมทั้งอังกฤษ ตามสนธิสัญญา พ.ศ. 2468 และ ฝรั่งเศส ตามสนธิสัญญา พ.ศ. 2467 ตกลงยอมแก้ ไข สัญญาโดยมีเงื่อนไขบางประการ เช่น จะยอมยกเลิกอำนาจศาลกงสุล เมื่อไทยมีประมวลกฎหมายครบถ้วน และยอมให้อิสรภาพในการเก็บภาษีอาการ ยก เว้นบางอย่างที่อังกฤษขอลด หย่อนต่อไปอีก 10 ปีเช่น ภาษีสินค้าฝ้ายเป็น เหล็ก ไทยพยายามเร่งชำระประมวลกฎหมายต่างๆ ต่อมาจนแล้ว เสร็จ และเปิดการเจรจาอีกครั้งหนึ่งในที่สุด ประเทศต่างๆ ก็ยอมทำสัญญาใหม่กับไทย เมื่อ พ.ศ. 2480 ไทย ได้ อิสรภาพทางอำนาจศาล และภาษีอากรคืนมาโดยสมบูรณ์ 1 0 เ ฉิ่ ม เ ด ย์ ลี่ | ฉ บั บ ที่ 0 1
ผู้จัดทำ 1. นส.ทยิดา ทองภูเบศร์ เลขที่ 20 2. นส.ธีรดา ดีสวัสดิ์ เลขที่ 21 3. นส.นันทริกา แป้ นกลัด เลขที่ 23 4. นส.บุญสิตา แก้วงาม เลขที่ 24 5. นส.เปรมยุดา รสทิพย์ เลขที่ 26
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: