ศิลปนิยม
ศิลปะแบบนีโอคลาสสิก (NEO-CLASSIC) คำว่า Neo แปลว่า ประตูชัยฝรั่งเศส ค.ศ.1806 เป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญในกรุงปารีส ใหม่ หรือ New ส่วน Classic มา จากชื่อเรียกศิลปะ กรีกยุคคลาสสิค ซึ่งเป็นยุคที่ศิลปะมี ความสวยงาม อย่างมาก หน้า 1 รูปลักษณะเด่นๆ ที่ ยุคนีโอคลาสสิก นำ มาใช้และสังเกตได้ รูปร่างที่สมมาตร เสาที่สูงขึ้นไปจนเต็ม ความสูงอาคาร สามเหลี่ยมหน้า จั่วด้านหน้า อาคาร หลังคายอดโดม Oath Of The Horatii
ภาพวาดแบบนีโอ คลาสสิคที่หยิบ เอาเหตุการณ์ใน อดีตอย่างตำนาน ของโรมันโบราณ ที่เป็นเรื่องราวที่ เชิดชูความรักชาติ และการเสียสละ ชีพเพื่อส่วนรวม ของชายชาตรี นีโอคลาสสิก ที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างสมัยใหม่ กับสมัยเก่า ภาพเขียนจะ สะท้อนเรื่องราวทางอารยธรรม เริ่มขึ้นตอนปลายศตว รรษที่ 18 ในประเทศฝรั่งเศส ปลายศตวรรษที่18 – ตอนต้นศตวรรษท ี่19 NEO-CLASSIC จิตรกรผู้บุกเบิกศิลปะนีโอ คลาสสิค Jacques-Louis David จิตรกรผู้ถูกยกให้เป็นผู้บุกเบิกศิลปะสไตล์ นีโอคลาสสิคของฝรั่งเศส ในยุคสมัย 1780s เขาเป็นที่รู้จักจากผลงานภาพวาด ในเชิงประวัติศาสตร์ ที่เปลี่ยนจากความ วูบวาบฉาบฉวย หน้า 2
ศิลปะแบบอิมเพรสชันนิสม์ (Impressionism) จุดหักเหสำคัญสู่ยุคศิลปะสมัยใหม่ อิมเพรสชั่นนิสม์ (Impressionism) เป็นกระแสเคลื่อนไหวทางศิลปะในศตวรรษที่ 19 Claude Monet“ Impression, Sunrise” เริ่มต้นขึ้นจากกลุ่มศิลปินใน ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ได้รับ อิทธิพลจากวิวัฒนาการทาง สังคมในยุคนั้นที่ผลักดันให้เกิด การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านสังคม การเมือง (การปฏิวัติฝรั่งเศส) ศิลปะ วัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การค้นพบทฤษฎีแสงสีทาง วิทยาศาสตร์ และการประดิษฐ์ สีสังเคราะห์อันสดใส และหลอด ตะกั่วบรรจุสี ที่ทำให้ศิลปิน สามารถพกพาไปวาดภาพกลาง แจ้งได้อย่างสะดวกมากขึ้น เป็น เหตุจูงใจให้ศิลปินเหล่านั้นมุ่ง เน้นในการนำเสนอชีวิตในยุค สมัยใหม่ หน้า 3
ประวัติ Impressionism หรือกลุ่มอิมเพรส ชั่นนิสม์ เป็นขบวนการที่เกิดขึ้นในช่วง ศตวรรษที่ 19 ที่เริ่มจากการรวมตัว กันจากกลุ่มจิตรกรเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ ในกรุงปารีส และพวกเขาได้เริ่มจัด แสดงงานศิลปะในช่วงทศวรรษที่ 1860 ซึ่งชื่อของขบวนการนี้ได้มา จากภาพวาดของ โกลด มอแนที่มีชื่อ ว่า Impression, Sunrise และนัก วิจารณ์ศิลปะที่ชื่อว่า หลุยส์ เลอรัว ก็ได้นำคำนี้มาใช้อย่างไม่ตั้งใจใน บทความวิจารณ์ศิลปะที่มีเนื้อหาเชิง เสียดสี ซึ่งบทความนี้ได้ถูกตีพิมพ์ลง ในหนังสือพิมพ์เลอชารีวารี ทำให้ อิทธิพลของกลุ่มอิมเพรสชั่นนิสม์ จิตกรกรกลุ่มอิมเพรสชั่น Impressionism หน้า 4 นิสม์มักจะมีรูปแบบที่ แตกต่างจากการวาดใน ยุคนั้นที่ได้สืบทอดกันมา ตั้งแต่อดีต พวกเขาได้ ถือว่าเป็นขบถเพราะว่า พวกเขาวาดภาพสิ่งที่อยู่ ตรงหน้าในปัจจุบัน ให้ ออกมาได้ดูประหลาดและ ไม่สิ้นสุด ศิลปะของกลุ่ม Impressionism ได้มีการสอด แทรกการเคลื่ อนไหวที่เรียกว่า Impressionist movement ที่ได้มาพร้อมกับแนวคิดของคนที่ เริ่มยอมรับในความเป็นตัวเอง มากขึ้น และเริ่มรับรู้ถึงความงาม จากสิ่งที่เรียบง่าย ไม่ต้องเป็นสิ่ง ที่ Perfect หรืออะไร เป็นเพียง แค่ความประทับใจในวินาทีใดวินาที หนึ่งก็มีคุณค่าได้เหมือนกัน
ศิลปะแบบโฟวิสม์ (Fauvism) “โฟวิสม์” (Fauvism) เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า “สัตว์ป่า” ลักษณะงานศิลปะแบบโฟวิสม์นี้ สร้าง งานจิตรกรรมแนวใหม่ ใช้รูปทรง อิสระ ใช้สีสดใสตัดกันอย่างรุนแรง เน้นการสร้างงานตามสัญชาตญาณ แห่งการแสดงออกอย่างเต็มที่ ผลงานที่เกิดขึ้นจะแสดง ให้เห็นถึงความ สนุกสนาน อันเกิดจาก ลีลาของรอยแปรงและ จังหวะของสิ่งต่าง หน้า 5 Fauvism
เป็นศิลปะที่มีจุดเริ่มต้นใน ประเทศฝรั่งเศส โดยมี Henri Matisse เป็นหัวหน้าลัทธิ ผล งานของลัทธินี้โดดเด่นที่การใช้ สีสด รุนแรง ในการสื่อความ หมายทางอารมณ์ มีทั้งการใช้คู่ สีตรงข้ามมาอยู่ด้วยกัน หรือมี หลายสิบสีในภาพเดียวกัน สร้างความรู้สึกตื่นเต้นแปลก ใหม่ให้แก่ผู้ที่ได้ชม The joy of life เป็นภาพ ธรรมชาติที่มีสี จัด สดใสอยู่ ด้านบนนั้นลง สีด้วยฝีแปรง เป็นอิสระมาก นอกจากนี้ จะนำ ลีลาของเส้นมาใช้ ใหม่ เช่น การตัด เส้นรอบนอกของ สิ่งต่าง ๆ เพื่อ สร้างความโดดเด่น หน้า 7 Fauvism
ศิลปะคิวบิสม์ (Cubism Art) เป็นการค้นหาความงามจาก รูปทรงของเหลี่ยม ลูกบาศก์ ค้นหาโครงสร้างตามความ จริงที่เป็นแท่ง ๆ มากกว่าจะ ไปเน้นที่รายละเอียดใน ธรรมชาติ ถือเป็นการ สร้างสรรค์งานศิลปะที่แสดง ให้เห็นวัตถุธาตุมิใช่แค่การ เลียนแบบวัตถุ เพราะยังคงมี เนื้อหาและเรื่องราวในภาพอยู่ ผลงานทางศิลปะแบบคิวบิสม์นั้น เป็นการสร้างรูปทรงเรขาคณิต โดยการหาโครงสร้างแยกย่อย แล้วนำมาประกอบเข้ากันใหม่ โดย สีที่ใช้จะใช้สีมัว ไม่สด ไม่รุนแรง เป็นสีแบน ๆ หรือบางทีจะนำ โครงสร้างด้านหน้าและด้านหลัง มาประกอบพร้อม ๆ กันเพื่อให้ สามารถเห็นวัตถุนั้นทั้งสองด้าน ได้ในคราวเดียวกัน Cubism Art หน้า 8
แนวคิดและจุดเริ่มต้น ภาพหญิงสาวแห่งอาวีญง ศิลปิน: ปาโบล ปิกาโซ คิวบิสม์นับเป็นวิวัฒนาการของวงการ จะเห็นได้ว่าศิลปะแบบคิวบิสนั้น ศิลปะอย่างสำคัญ โดยศิลปินสองคน จะเน้นการสร้างสรรค์ผลงาน คือ ฌอร์ฌ บรัก (อังกฤษ: George โดยใช้รูปทรงเรขาคณิต แท่ง Braque) และ ปาโบล ปีกัสโซ (อังกฤษ: หรือเหลี่ยมต่างๆมาประกอบเข้า Pablo Picasso) ซึ่งทั้งสองต่างมีจุด ด้วยกันเพื่อให้เกิดเป็นภาพใหม่ เริ่มต้นแรงบันดาลใจจากผลงานของ โดยการจัดเรียงไว้ข้างกันและใช้ พอล เซซาน (อังกฤษ: Paul เทคนิคการลงสีหรือลวงเส้น Cezanne) ซึ่งมีความคิดว่า ขอบเพื่อทำให้เกิดภาพโดยการ \"โครงสร้างเรขาคณิตเป็นรากฐานของ เชื่อมโยงทางความคิดและ รูปทรงธรรมชาติทั้งมวล\" และ ถ้าเข้าใจ สายตา รูปทรงของโลก ภายนอก และโครงสร้าง ตามความเป็นจริงแล้ว จงมองดูรูปเหล่า Cubism Art นั้นให้เป็นเหลี่ยมเป็นลูกบาศก์ง่ายๆ ทั้ง ปิกัสโซและบาร์ค พยายามเน้นคุณค่า ของปริมาตร ของวัสดุกับอากาศซึ่ง สัมพันธ์กันเต็มไปหมดในภาพ เกวร์นิกา ภาพวาดโดย ปาโบล ปิกาโซ มุมมองเทคนิคและรูปแบบ ศิลปะแบบบาศกนิยมเกิดจากการที่ ศิลปินไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทาง ศิลปะที่ต่างไปจากแบบเก่าโดยสิ้นเชิง มันยากแก่การจำกัดความให้ เพราะบา ศกนิยมมันไม่ใช่เพียงแค่ทฤษฎี ระบบ หรือแม้แต่รูปแบบเพียงแบบเดียว หากแต่บาศกนิยมได้พยายามค้นคว้า จากแนวทางในการสร้างสรรค์ งาน ศิลปะ ที่แสดงให้เห็นวัตถุ โดยให้ ความรู้สึกว่าภาพนั้น ๆ ถูกสร้างขึ้น ด้วยสีบนผืนผ้าใบ หน้า 9
ศิลปะซูพรีมาตีสม์ (Suprematism) คำว่า \"suprematism\" มาจาก ยุคสมัยต่างๆนั้นมีการเปลี่ยนหลาย ภาษาละติน \"สูงสุด\" \"สูงสุด\" อย่างและหลายด้าน โดยเฉพาะยุคสมัย อารยธรรมยุคกลางนั้นมีการพัฒนาการ ศิลปะซูฟรีมาติสม์นั้นเกิดขึ้นเมื่อ และสร้างสรรค์ผลงานทางด้านศิลปะและ ค.ศ.1878-1935โดย ศิลปินที่ชื่อว่า วัฒนธรรมออกมามากมายและหลายรูป แบบ และศิลปะซูพรีมาตีสม์ คาซิมีร์ มาเลวิช (Kashmir (Suprematism) นั้นก็เป็นหนึ่งในการ Malevich) ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้ลัทธิ พัฒนาและสร้างสรรค์ของผู้คนในยุคนั้น กลุ่ม อนุตรนิยม โดยศิลปะ ซูฟรีมาติ ด้วย สม์นั้นค่อนข้างจะมีลักษณะที่เป็น เอกลักษณ์ประจำตัว และมุมมอง แนวคิดต่อผลงานที่แตกต่างจาก ศิลปะชนิดอื่ น Black Square Kazimir Malevich Kazimir Malevich หน้า 10 Suprematist Composition Suprematism
ศิลปะแบบเอ็กซ์เพรสชันนิสม์ (EXPRESSIONISM) ศิลปะแบบเอ็กซ์เพรสชันนิสม์ เกิดขึ้นทาง เหนือของยุโรป โดยที่ศูนย์กลางอยู่ที่ ประเทศเยอรมัน ศิลปะแนวนี้ ได้รับ อิทธิพลจากศิลปินสำคัญ 2 คนคือ Vincent Van Gogh และศิลปินชาว Norwegian ที่ชื่อ Edvard Munch ซึ่งทั้งสองคนนี้ ใช้สีที่รุนแรง และเกิน ความเป็นจริง ศิลปะแสดงออกนิยมหรือศิลปะ เอ็กซ์เพรสชันนิส มุ่งแสดงอารมณ์ความ รู้สึก ภายในด้วยสาระที่เกี่ยวกับสังคม การระบายสีและการใช้สีรุนแรงตรงไป ตรงมา นิยมระบายสีทับซ้อน (impasto) เพื่อแสดงภาวะความรู้สึก ลึกๆ ภาพ The Scream โดย Edvard Munch (1893) หลักสุนทรียภาพของพวกเขาอยู่ที่การ แสดงออกอย่างรุนแรงเกิน ความจริงมีการบิด ผันรูปทรงต่างๆ ให้ดูหมุนเวียน มีการเคลื่อนไหว แสดงเส้นอย่างเด่นชัด ชอบใช้สีดำ (ต่างจา กลัทธิอิมเพรสชั่นนิสม์ที่ไม่ใช้สีดำ เพราะถือว่าสี ดำไม่มีอยู่ในธรรมชาติของแสง) และใช้สีที่ตัดกัน อย่าง รุนแรง ชอบในรูปทรงง่าย ๆ แต่สามารถ สร้างอารมณ์อย่างถึงขีดสุด ภาพ Murnau with Church ของ Wassily Kandinsky 1910 หน้า 11 EXPRESSIONISM
ลัทธิดาด้า (DADAISM) ลัทธิดาด้า (DADAISM) เกิดจาก การรวมกลุ่มของศิลปิน AVANT- GARDE ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1914-1918 เพื่อแสดงการ ต่อต้าน ถากถาง ประชดประชัน เสียดสีสงครามและสภาพแวดล้อม ทางสังคม ทั้งการเกลียดชังตัว บุคคล อีกทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณี ดาด้ามองเห็นทุกอย่างเป็นศิลปะ และต่อต้านแนวคิดของพวก ทุนนิยมที่นำพาไปสู่การขัดแย้งและ การเกิดสงคราม ซึ่งพวกเขา แสดงออกด้วยการประชดประชัน เยาะเย้ย ถากถาง และทำให้มันกลาย เป็นเรื่องไร้สาระ ดูตลก หรือจงใจ เสียดสีด้วยความดิบเถื่อน เหลวไหล ทำลายความสมบูรณ์แบบลง ใช้ เทคนิคในการสร้างสรรค์ด้วยวิธีที่ ผิดปกติซึ่งทำให้งานออกมามี ลักษณะที่แปลกใหม่ไปจากงานศิลปะ ดั้งเดิม อีกทั้งการแสดงออกทาง ความคิดเพื่อเสียดสีความดัดจริต และสิ่งเลวร้ายที่พบเห็นได้จริงใน ชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งทิ้งคำถามให้ กับสังคมผ่านทางงานศิลปะที่สร้าง Whoever Reads Bourgeois Newspapers Becomes Blind and Deaf - John Heartfield ( mheidbreder ) L.H.O.O.Q. - Marcel Duchamp DADAISM หน้า 12
อีกหนึ่งวิธีสร้างสรรค์ผลงานที่น่าสนใจ ของดาด้าอิสม์คือการนำเอา\"วัตถุประกอบ สำเร็จ\" (READY MADE) มาปรับแต่ง หรือเพิ่มเติมรายละเอียด เพื่อให้สามารถ สัมผัสกับอีกมุมมองหนึ่งทางศิลปะ ซึ่งมี แนวคิดที่ว่า วัตถุแวดล้อมที่เราพบเห็นกัน อยู่เป็นสามัญธรรมดาทุกสิ่งล้วนแล้วแต่มี คุณค่าในทางความคิดในแง่ของการผลิต และใช้สอย โดยการพบเห็นธรรมดาอาจไม่ สามารถพบคุณค่าทางศิลปะได้อย่างเต็มที่ หากมีการจัดวางดัดแปลงเติมแต่งแนวคิด ให้มีลักษณะแปลกแยกออกไปจะสามารถ บังเกิดเป็นศิลปะที่สุดแสนวิเศษได้ กรณีการนำเสนอทางด้านความคิดอย่าง เช่น “FOUNTAIN” ในปี 1917 ที่สร้าง โดย \"MARCEL DUCHAMP\" แกนนำ คนสำคัญของ ดาด้าอิสม์ Étant donnés - Marcel Duchamp (dadart) My Button - Zeren Badar Sweat Thoughts - Zeren Badar After Orgasm - Zeren Badar หน้า 13 DADAISM
ศิลปะโรโกโก (Rococo) เป็นผลงานศิลปะที่สะท้อน ความโอ่อ่า หรูหรา ประดับประดาตกแต่งที่ วิจิตร ละเอียดลออ เรื่อง ราวเกี่ยวกับเทพนิยาย โบราณ ความรื่นเริงยินดี ความรัก กามารมณ์ อังตวน วัตโต, การเดินทางไปเกาะไซธีรา (A Pilgrimage to Cythera), ค.ศ. 1717 สีน้ำมันบนผ้าใบ คำว่าโรโกโกมาจากคำสองคำ ผสมกัน คำว่า rocaille จาก ภาษาฝรั่งเศส ซึ่งหมายถึง ศิลปะการตกแต่งที่ใช้ลวดลาย คล้ายหอยหรือใบไม้ และคำว่า barocco จากภาษาอิตาลี หรือที่เรียกว่า ศิลปะบาโรก ศิลปินโรโกโกจะนิยมเล่นเส้น โค้งตัวซีและตัวเอส (S และ C curves) แบบเปลือกหอย วิลเลียม โฮการ์ธ, The Orgy Scence 3rd of the Rake’s Progress, ค.ศ. 1734 Rococo หน้า 14
ศิลปะโรโกโกต่อยอดมาจากบาโรค มัก คำว่าโรโกโกมาจากคำ จะเรียกรวมกับยุคบาโรคว่า “บาโรค-โร สองคำผสมกัน คำว่า โกโก”แตกต่างจากบาโรคตรงที่มีความ rocaille จากภาษา ฝรั่งเศส ซึ่งหมายถึง อ่อนช้อยและนุ่มนวลกว่าแต่ก็ดูรก ศิลปะการตกแต่งที่ใช้ รุงรังมากกว่าด้วย ลวดลายคล้ายหอยหรือ หรือบางครั้งก็เรียกกันว่า \"ศิลปะแบบ ใบไม้ และคำว่า หลุยส์ที่ 14\" (Louis XIV Style) ศิลปะ barocco จากภาษา โรโกโกเริ่มพัฒนามาจากศิลปะฝรั่งเศส อิตาลี หรือที่เรียกว่า และการตกแต่งภายในเมื่อคริสต์ศตวรรษ ที่ 18 ห้องที่ออกแบบแบบโรโกโกจะเป็น ศิลปะบาโรก เอกภาพ คือทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ไม่ว่า Rococo จะเป็นผนัง เครื่องเรือน หรือเครื่อง ประดับ จะออกแบบเพื่อให้กลมกลืนกัน ภายในห้องจะมีเครื่องเรือนที่หรูหราและ อลังการ รูปปั้ นเล็ก ๆ แบบ ประดิดประดอย ภาพเขียนหรือกระจกก็จะ เป็นกรอบลวดลาย และพรมแขวนผนัง ที่ ถ้าแยกอะไรออกมาก็จะทำให้ห้องนั้นไม่ สมบูรณ์แบบ หน้า 15
ศิลปะลวงตา (Op art หรือ Optical art) ศิลปะลวงตา ( Op art หรือ Optical art) เป็นทัศนศิลป์โดย เฉพาะจิตรกรรมในการสร้าง ภาพลวงตา ศิลปะลวงตาเป็นวิธีการเขียนที่คำนึง ถึงความสัมพันธ์ระหว่างความลวงตา และพื้นผิวของภาพ ระหว่างความ เข้าใจและการมองเห็น[1] ศิลปะ ลวงตาเป็นงานศิลปะแบบนามธรรมที่ งานส่วนใหญ่เป็นสีขาวดำ เมื่อมอง ภาพผู้ชมมองอาจจะมีความรู้สึกว่ามี ความเคลื่อนไหวในภาพ, มีภาพซ่อน อยู่ในภาพ, มีแสงวาบหรือความไหว, เป็นลายหรือมีความโก่งหรือบิดเบี้ยว Op art หรือ Optical art หน้า 16
Op Art หรือ ศิลปะลวงตา จิตรกรรมแบบ อ็อพ อาร์ต (Op Art) เริ่มต้นตั้งแต่ค.ศ. 1960 เป็นศิลลปะ ลวงตาเป็นวิธีการเขียนที่คำนึงถึงความ สัมพันธ์ระหว่างความลวงตาและพื้นผิว ของภาพ ระหว่างความเข้าใจและการ มองเห็น จะเด่นมากในการสร้างภาพ นามธรรมที่เน้นรูปทรงเรขาคณิต ที่มี ขอบและเส้นรอบนอกที่คมชัด ทิศทาง ของรูปทรงและเส้นรอบนอกมักจะหักเห ยักเยื้อง ทำให้ตาของเราเห็นว่ามัน เคลื่อนไหววูบวาบ โดยเฉพาะเมื่อเราจ้อง มองมันนิ่งๆ สักพัก แล้วเหลือบสายตา ให้เคลื่อนไปจากเดิมเล็กน้อย รูปทรงและ เส้นที่ศิลปินวางไว้อย่างเหมาะเจาะจะทำ ปฏิกริยากับการมอง ทำให้เห็นว่ามัน เคลื่อนไหววูบวาบนิดๆ หรือในบางกรณี รูปทรงที่จิตรกรสร้างขึ้นจะดูนูนสูงขึ้น เว้าต่ำลงหรือปูดออกอย่างสมจริง ทั้งๆ ที่มันเป็นภาพแบนๆ หน้า 17 Op art หรือ Optical art
ศิลปะแบบโรแมนติก (Romanticism) ศิลปะแบบโรแมนติก เป็น ศิลปะรอยต่อจากแบบนีโอ คลาสสิก แสดงถึงเรื่องราว ที่ตื่นเต้น เร้าใจ สะเทือน อารมณ์แก่ผู้พบเห็น ศิลปิน โรแมนติกมีความเชื่อว่า ศิลปะจะสร้างสรรค์ตัวของ มันเองขึ้นได้ด้วยคุณค่าทาง อารมณ์ของผู้ดูและผู้ สร้างสรรค์ Romanticism เนื่องจากการ เปลี่ยนแปลงแนวคิด ต่างๆ ซึ่งเป็นผลมาจาก สมัยฟื้ นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) ทำให้ ผู้คนในยุโรปมีความคิดที่ สร้างสรรค์และเป็นตัว ของตัวเองมากขึ้น เมื่อ เข้าสู่สมัยใหม่จึงเกิดศิลปะ ซึ่งมีความโดดเด่น สวยงาม และมีความเป็น เอกลักษณ์แตกต่างกัน มากมาย หน้า 18
งานจิตรกรรมสมัยโรแมนติกนี้เน้นการใช้ สี เส้น การแรเงา ที่รุนแรง มุ่งให้เกิดความสะเทือนอารมณ์ ภาพ Raft of the Medusa (การอับปางของเรือเมดูซา) วาดโดยเจริโคต์ เดอลาครัว (Delacroix) (Theodore Gericault) ในปี ค.ศ. 1818 เสรีภาพนำ ความตายของชาดาร์นาปาล ประชาชน” (Liberty Leading งานศิลปะแบบโรแมนติกได้รับ the People) อิทธิพลมาจากการเปลี่ยนแปลง Romanticism การทางเมือง สังคม และ เศรษฐกิจในสมัยนั้น และความ คิดแบบเสรีประชาธิปไตย โดย เฉพาะเหตุการณ์การปฏิวัติใน ฝรั่งเศส การปฏิวัติอุตสาหกรรม จึงส่งผลให้ชาวยุโรป ละทิ้ง เหตุผลตามแบบนีโอ-คลาสสิกที่ ยึดติดกับเหตุผล แล้วหันมาทำ ตามอารมณ์ความต้องการ และ ความรู้สึกของตนเองอย่างเสรี มากขึ้น หน้า 19
ศิลปะแบบเรียลิสม์ (REALISM) “The Interior of My Studio A Real Allegory” 1856 AD. ศิลปะเรียลลิสม์เกิดขึ้น จิตรกรรมสีน้ำมันบนผ้าใบโดย กูร์แแบร์ (Gustave Courbet) เป็นภาพภายในสตูดิโอเขียนภาพของตนเอง ประมาณกลางคริสต์ศตวรรษ ศิลปะเรียลลิสม์ (Realism) ที่ 19 จนถึงปลายคริสต์ หรือ ศิลปะสัจนิยม โดยทั่วไป ศตวรรษที่ 19 (ค.ศ. 1850- 1880) มีจุดเริ่มต้นในประเทศ หมายถึง การสร้างงานที่ ฝรั่งเศส โดยกลุ่มศิลปินชาว เหมือนจริงดังที่ปรากฏอยู่ใน ฝรั่งเศสกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็น ด้วยกับการทํางานของกลุ่ม ธรรมชาติ รวมถึง การ สร้างสรรค์ภาพงานในเชิง “นีโอ-คลาสสิคอิสม์” (คลาสสิคใหม่ คือความ วิพากษ์วิจารณ์สังคม เคลื่ อนไหวทางศิลปะซึ่งมี (socially critical สุนทรียภาพแบบกรีกและ images) ภาพเกี่ยวกับชีวิต โรมัน) และ “กลุ่มโรแมนติกอิ ของคนเมืองและชนบท พวก สม์” (จินตนิยม) ที่ยึดถือ ชาวไร่ชาวนาในช่วงยุคสมัย ประเพณีหรือตัวตนเป็นหลัก จากประสบการณ์ตรงของ หรือแสดงความคิดฝันเอา ชีวิต เช่น ความยากจน การ ตามใจตนเอง ศิลปินเรียลลิ ปฏิวัติ ความเหลื่อมล้ำใน สม์เห็นว่าศิลปะทั้งสองไม่ได้ สังคม โดยการเน้นราย แสดงความกลมกลืนของ ละเอียดเหมือนจริงมากที่สุด ชีวิต ยังคงลักษณะความเป็น อุดมคติอยู่ หาใช่ความจริงไม่ REALISM A Bar at the Folies-Bergère(Le Bar aux Folies-Bergère) 1882. จิตรกรรมสีน้ำมันบนผ้าใบโดย Édouard Manet, หน้า 20
ศิลปินกลุ่มเรียลิสม์มีความ เชื่อว่าความจริงทั้งหลายคือ ความเป็นอยู่จริง ๆ ของ ชีวิตมนุษย์ ดังนั้น ศิลปิน กลุ่มนี้จึงเขียนภาพที่เป็น ประสบการณ์ตรงของชีวิต เช่น ความยากจน การ ปฏิวัติ ความเหลื่อมล้ำใน สังคม โดยการเน้นราย ละเอียดเหมือนจริงมากที่สุด Gustave Courbet, The Stone Breakers, 1849, Oil on Canvas, Formerly Gemalde galerie, Dresden,Deestroyed 1945. Honore Daumier, The Third-Class Carriage, 1862, Oil on Canvas, The Metropolitan of Art, New York. REALISM Jean-Francois Millet. The Gleaners. 1857.Oil on Canvas. Louvre Museum, Paris หน้า 21
อนาคตนิยม ภาพเขียนของอุมแบร์โต บอชโชนี (Futurism) อนาคตนิยม ขบวนการปฏิวัติ รูปแบบทางด้านศิลปะเริ่มขึ้น ในประเทศอิตาลี ในค.ศ. 1909 โดย กวีมาริเนตติ แถลงการณ์ของกลุ่มต่อ สาธารณะชน และหนึ่งปีต่อ มาก็มี การแถลงแนวคิดและ ลงนามในชื่อ จิตรกรอนาคต นิยมคาร์โล คาร์รา คาร์โล คาร์รา ประติมากรรม Futurism รูปทรงที่มีเอกภาพในที่ว่าง (Unique Form of Continuity ) หน้า 22
ศิลปะลัทธิเหนือ จริง(SURREALISM) ศิลปะเหนือจริงเป็นศิลปะที่ว่ากันด้วยเรื่องของ การถ่ายทอดภาพจากจิตใต้สำนึก ความเพ้อฝัน ความแปลกแยก โดดเดี่ยว ประวัติความเป็นมาของศิลปะเหนือจริง Surrealism ลัทธิศิลปะเหนือจริง เริ่มขึ้น ตอนต้นของศตวรรษที่ 20 ในประเทศ ฝรั่งเศส มีรูปแบบรากฐานมาจากกลุ่มดาด้ า (Dada) โดยนักทฤษฎีหลักประจำกลุ่มก็ คือ อองเดร เบรตง มีจุดหมายอยู่ ที่การ คลี่คลายสภาพอันขัดแย้งระหว่างระยะห่าง ของความฝันและความเป็นจริง โดย ถ่ายทอดออกมาในงานศิลปะด้วยวิธีต่างๆ กัน เช่น สร้างภาพซึ่งดูเหนือจริงหรือถึง ขั้นหลอน หรือพัฒนาเทคนิคด้านภาพที่จะ ช่วยถ่ายทอดความฝันหรือจิตใต้สำนึกออก มา งานของกลุ่มนี้จึงมักเกี่ยวข้องกับ ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของซิกมันต์ ฟรอยด์ที่ ว่า มนุษย์ทุกคนอยู่ภายใต้อิทธิพลของ จิตไร้สำนึก ซึ่งเราฝังความอยากอันมิได้ ขัดเกลาเอาไว้ จนทำให้รู้สึกว่าความป่า เถื่อนยังมิได้หายไปจากมนุษย์ หากแต่หลบ อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ หน้า 23 SURREALISM
ลัทธิรูปทรงแนวใหม่ (neo-plasticism) คำว่า \"ลัทธิรูปทรงแนวใหม่\" Composition with Red Blue and Yellow (neo-plasticism) เกิดขึ้น โดยโมนดรียานใช้เรียกแบบ โมนดรียานยึดถือการออกแบบ อย่างในผลงานของเขา ซึ่ง องค์ประกอบอย่างเคร่งครัดใน เป็นแบบนามธรรมที่ใช้เส้น เรขาคณิตเป็นหลัก เรื่องการนำเส้นที่ตัดกันได้ (geometric มุมฉากระหว่างเส้นระดับสายตา abstraction) หลัก กับเส้นตั้งให้มีความสัมพันธ์กัน สุนทรียศาสตร์ของลัทธิส่วน ภายในกรอบสี่เหลี่ยมของภาพที่ ใหญ่ตีพิมพ์ในนิตยสารเดอ วาด โดยคำนึงถึงด้านช่องไฟให้มี สไตล์มาแล้ว ซึ่งได้นำเอาจุด ความงดงาม การใช้สีจะใช้แม่สี เด่นบางประการจากลัทธิบา ศกนิยมมา แต่ได้มีการละทิ้ง สดใสรวมทั้งสีขาว ดำ และเทา รูปทรงที่ดูรู้เรื่องของกลุ่มบา ศกนิยมไป ปีต โมนดรียาน neo-plasticism หน้า 24
ศิลปะสมัยใหม่ (MODERN ART) ลักษณะสำคัญของ ศิลปะสมัยใหม่ “ศิลปะสมัยใหม่” (Modern Art) เริ่มขึ้น (Modern Art) คือ ตอนปลายศตวรรษที่ ทัศนคติใหม่ๆที่มีต่อ 18 ในประเทศฝรั่งเศส อดีตและอนาคต ซึ่ง สืบเนื่องจากความเจริญ เป็นไปแบบสุดขั้วโดย เริ่มต้นมาตั้งแต่ ทางวิทยาศาสตร์และ ปลายคริสต์ศตวรรษ เทคโนโลยี มีผลทำให้ ที่ 18 ที่ถือกันว่าเป็น เกิดการเปลี่ยนแปลง ยุคปฏิวัติของยุโรป ทางศิลปะอย่างขนาน ศิลปินเริ่มที่จะให้การ ใหญ่ ทั้งรูปแบบและจุด ยอมรับการเขียน ภาพ “เหตุการณ์ ประสงค์ ปัจจุบัน-ร่วมสมัย” หน้า 24 MODERN ART
ศิลปะสัจนิยม (Realism) คือทัศนศิลป์ และ วรรณกรรมที่แสดง ตัวแบบหรือเรื่องราว ตามที่ปรากฏในชีวิต ประจำวันโดย ปราศจากการสร้าง เสริมหรือการตีความ หมาย และหมายถึง งานศิลปะที่เผยให้ เห็นถึงความเป็นจริง ที่อาจจะเน้นความ เป็นอัปลักษณ์ด้วย สัจนิยมมักจะหมายถึง ขบวนการศิลปะที่เริ่มขึ้นใน ฝรั่งเศสในคริสต์ทศวรรษ 1850 ความนิยมสัจนิยมเพิ่ม มากขึ้นเมื่อเริ่มมีศิลปะ การถ่าย ภาพ เกิดขึ้น ที่ทำให้ศิลปินมี ความต้องการที่จะสร้างงานที่ดู “แท้จริง” ศิลปินสัจนิยมจะมี ทัศนคติที่ตรงกันข้ามกับ ลัทธิ จินตนิยม ซึ่งเป็นประเภทของ ศิลปะที่มีอิทธิพลต่องานศิลปะ และวรรณกรรมในฝรั่งเศสใน ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 Realism หน้า 25
ป๊อปอาร์ต หรือ ศิลปะประชา นิยม ( pop art) ป๊อปอาร์ต หรือ ศิลปะ ประชานิยม (อังกฤษ: pop art) เป็นขบวนการ หนึ่งของศิลปะที่เกิดขึ้นใน สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ประมาณ พ.ศ. 2498 มี พลวัตทางศิลปะประมาณ 10 ปีเศษ ล้อไปกับ รากฐานบริบทสังคมที่เป็น แบบบริโภคนิยม ศิลปิน กลุ่มนี้มีความเชื่อทาง ศิลปะว่าศิลปะจะต้องสร้าง ความตื่นเต้นอย่างฉับ พลันทันใดแก่ผู้พบเห็น ดัง นั้น า เนื้อหาศิลปะของป็อปอาร์ตจึงเป็นเรื่อง ราวที่เกี่ยวข้องกับผู้คนทั่วไป โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คนและ สังคมในปัจจุบันที่กำลังได้รับความ สนใจหรือวิพากษ์วิจารณ์ในขณะนั้น ซึ่ง อาจนับว่าเป็นผลต่อยอดของการ เปลี่ยนทิศทางแนวทางศิลปะมาตั้งแต่ ศิลปะแนวสัจนิยม (realism) ในช่วง กลางพุทธศตวรรษที่ 25 ดังจะเห็นได้ จากเนื้อหาจะเริ่มไม่เกี่ยวข้องกับ เทพนิยาย ประวัติศาสตร์ หรือศาสน หน้า 26 pop art
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: