๑ หลักสูตรสถานศึกษา ระดับปฐมวยั โรงเรียนวดั ท่าบุญมี ตามหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๕)
๒ หลกั สตู รสถานศึกษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรยี นวัดท่าบุญมี ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ สาหรับเดก็ อายุ ๓-๖ ปี (ฉบับปรับปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๕) หลักสูตรสถานศกึ ษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรียนวัดทา่ บุญมี ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๕)
ก คำนำ สภาพการเปลี่ยนแปลงดา้ นเศรษฐกจิ สังคม และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยสี ารสนเทศ ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ รวมท้ังกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๗๙) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ.๒๕๖๐- ๒๕๖๔) แผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๗๙) เป้าหมายยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษา ในทศวรรษท่ี ๒ (พ.ศ.๒๕๕๒-๒๕๖๑) แผนยุทธศาสตร์ชาติด้านเด็กปฐมวัย (พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๔) นาไปสู่การกาหนดทักษะสาคญั สาหรบั เด็กในศตวรรษที่ ๒๑ ท่มี ีความสาคัญต่อการกาหนดเป้าหมาย ในการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ใหม้ คี วามสอดคล้องและทนั ต่อการเปลยี่ นแปลงทกุ ดา้ น กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายให้มีการพัฒนาการศึกษาปฐมวัยอย่างจริงจังและต่อเน่ือง โดยไดแ้ ตง่ ตงั้ คณะทางานพจิ ารณาหลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั เพ่ือปรับปรงุ ใหส้ อดคล้องกับสภาพการ เปลี่ยนแปลงดังกล่าว หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ เป็นหลักสูตรสาหรับ สถานศึกษา สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย และหน่วยงานที่เก่ียวข้อง นาไปใช้เป็นกรอบและทิศทางใน การพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษาอย่างมปี ระสิทธภิ าพและได้มาตรฐานตามจุดหมายหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่กาหนดเป้าหมายในการพัฒนาเด็กปฐมวัยใหม้ ีพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ัญญา เปน็ คนดี มีวนิ ยั สานกึ ความเปน็ ไทย และมีความรบั ผิดชอบ ตอ่ ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาตใิ นอนาคต สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ขอขอบคุณผทู้ ม่ี สี ่วน เก่ียวข้องทุกท่าน รวมทั้งหน่วยงานกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ราชภัฏ ตลอดจนภาคเอกชนที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ใหม้ คี วามเหมาะสมตอ่ การนาไปใช้จดั การศึกษาระดบั ปฐมวัยของประเทศต่อไป โรงเรียนวัดท่าบุญมี จึงได้จัดทาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ เพ่ือใช้ แทนหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศักราช ๒๕๔๖ เพือ่ ใหส้ ถานศึกษา นาหลกั สูตรฉบบั นี้ไปใช้โดย ปรับปรุงให้เหมาะสมกับเดก็ และสภาพท้องถน่ิ (นายแมนสรวง เมนะเนตร) ผู้อานวยการโรงเรียนวัดทา่ บญุ มี หลกั สูตรสถานศกึ ษา ระดบั ปฐมวยั โรงเรียนวดั ทา่ บุญมี ตามหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๕)
สำรบัญ ข คานา หน้ำ คาส่ังกระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ.๑๒๒๓/๒๕๖๐ ลงวนั ท่ี ๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ เร่ืองให้ใช้หลักสตู รการศึกษาปฐมวยั พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๑ ความนา ๒ ปรัชญาการศึกษาปฐมวยั ๒ ภารกจิ /พันธกิจ ๒ วิสยั ทศั น์ ๓ หลกั การ ๔ หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย สาหรบั เดก็ อายตุ า่ กวา่ ๓ ปี ๔ จุดหมาย ๔ คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ ๕ เปา้ หมายหลกั สตู ร ๖ การอบรมเล้ียงดูและการสง่ เสริมพัฒนาการและการเรยี นรู้สาหรบั เด็กอายุตา่ กวา่ ๓ ปี ๗ ๘ ชว่ งอายุแรกเกดิ - ๒ ปี ๑๑ ชว่ งอายุ ๒ - ๓ ปี ๑๒ การอบรมเล้ียงดูและการจัดประสบการณ์ ๑๒ การประเมนิ พฒั นาการ ๑๔ การใช้หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย สาหรบั เดก็ อายตุ ่ากวา่ ๓ ปี ๑๔ การจดั การศึกษาระดบั ปฐมวยั (เดก็ อายุตา่ กวา่ ๓ ป)ี สาหรบั กลุ่มเปา้ หมายเฉพาะ ๑๗ การเชอ่ื มต่อการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย ๑๗ ตวั บง่ ช้ี ๑๕ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ ๒๕ การจดั เวลาเรียน ๓๐ สาระการเรยี นรู้ ๓๑ สาระท่คี วรรู้ ๓๔ การจดั ประสบการณ์ ๓๔ การประเมนิ พฒั นาการ ๓๕ การจัดทาหลกั สูตรสถานศึกษา การจัดการศึกษาระดบั ปฐมวยั (เดก็ อายุ ๓ - ๖ ปี) สาหรบั กลุ่มเปา้ หมายเฉพาะ หลักสตู รสถานศึกษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรียนวัดทา่ บุญมี ตามหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕)
การสร้างรอยเชอ่ื มตอ่ ระหว่างการศกึ ษาระดับปฐมวยั กับระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑ ค การกากบั ตดิ ตาม ประเมนิ และรายงาน ภาคผนวก ๓๖ ๓๘ ประกาศโรงเรยี นวดั ท่าบุญมี ๓๙ เร่ือง ให้ใชห้ ลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๒) หลกั สูตรสถานศกึ ษา ระดับปฐมวัย โรงเรียนวัดท่าบุญมี ตามหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรบั ปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๕)
ง กระทรวงศึกษาธกิ าร ท่ี สพฐ. ๑๒๒๓/๒๕๖๐ เร่ือง ให้ใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ____________________ เพ่ือให้การจัดการศึกษาปฐมวัยที่ต้องพัฒนาเด็กต้ังแต่แรกเกิด - ๖ ปี ให้มีพัฒนาการด้าน ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ที่เหมาะสมกับวัย ความสามารถและความแตกต่าง ระหว่างบุคคล เป็นการเตรียมความพร้อมที่จะเรียนรู้และสร้างรากฐานชีวิตให้พัฒนาเด็กปฐมวัยไปสู่ ความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจชาติ และมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๕๔ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ กระทรวงศึกษาธกิ ารจึงให้ใช้หลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ดังปรากฏแนบท้ายคาสั่งฯ นี้ แทนหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๔๖ เพ่ือให้สถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกสังกัด นาหลักสูตรฉบับน้ีไปใช้โดยปรับปรุ งให้ เหมาะสมกับเด็กและสภาพทอ้ งถนิ่ ทัง้ นี้ ตั้งแต่ปีการศกึ ษา ๒๕๖๑ เปน็ ตน้ ไป สัง่ ณ วันท่ี ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ (นายธรี ะเกยี รติ เจริญเศรษฐศิลป์) รฐั มนตรีว่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร หลักสูตรสถานศึกษา ระดับปฐมวัย โรงเรยี นวดั ทา่ บุญมี ตามหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๕)
๑ ความนา กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๔๖ เพ่ือให้ สถานศกึ ษาสถานพัฒนาเด็กปฐมวยั ทุกสังกดั นาหลกั สูตรฉบบั นีไ้ ปใช้ โดยปรบั ปรงุ ใหเ้ หมาะสมกับเด็ก และสภาพท้องถ่ิน ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๔๖ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันสานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน เป็นหนว่ ยงานท่ีรบั ผิดชอบโดยตรงได้ตดิ ตามและประเมินผลการใชห้ ลักสตู รเป็น ระยะอย่างต่อเน่ือง พบว่า ๒๕๔๖ มีจุดดีหลายประการ เช่น เป็นหลักสูตรท่ีมีความเป็นเอกภาพ ยืดหยุ่น มีความเป็นสากลบนพื้นฐานความเป็นไทย สถานศึกษามีส่วนร่วมและมีบทบาทสาคัญในการ พฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษา ให้สอดคลอ้ งกับบริบทความต้องการของตนเอง และหลักสตู รใชไ้ ด้กับทุก กลมุ่ เปา้ หมาย อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาดังกล่าวไดส้ ะท้อนให้เหน็ ถงึ ประเด็นที่เป็นปญั หาท่ีมอี ยูร่ อบ ด้านและความไม่ชัดเจนของการนาหลักสูตรสู่การปฏิวัติ ได้แก่ ปัญหาความไม่ชัดเจนของการพัฒนา หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย สถานศึกษาสว่ นใหญ่ขาดการวเิ คราะห์ความเชอ่ื มโยงระหว่างพัฒนาการ เด็กปฐมวยั มาตรฐานคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ และสาระการเรยี นรู้ ปัญหาการประเมนิ พฒั นาการใน สภาพจริง ปัญหาความเช่ือมโยงกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ รวมถึงปัญหาคุณภาพเด็กที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยท่ีผลการประเมินพัฒนาการในภาพรวมไม่ เปน็ ไปตามสภาพการเปลยี่ นแปลงในปจั จบุ นั สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ได้ดาเนินการทบทวนหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๔๖ ให้มีความสอดคล้องและทันต่อการเปลี่ยนแปลงทุกด้าน เพ่ือพัฒนาไปสู่ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ โดยนาข้อมูลที่ได้จากการศึกษาวิจัย และแผนแม่บท กฎหมายต่างๆ มาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยให้มีความเหมาะสมชัดเจนย่ิงข้ึน ท้ัง เป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพเด็กและกระบวนการนาหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติในระดับเขตพื้นที่ การศึกษาและสถานศึกษา อย่างไรก็ตาม การจัดหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ จะ ประสบความสาเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวังได้ หากทุกฝ่ายท่ีเกี่ยวข้องทั้งในระดับชาติ ชุมชน และ ครอบครัว เห็นคุณค่าของการศึกษาปฐมวัยมีความกระตือรือร้นที่จะเข้ามามีส่วนร่วมรับรู้และ สนับสนุนการจัดการศึกษา โดยร่วมกันทางานอย่างต่อเน่ืองเป็นระบบในการวางแผน ส่งเสริม สนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุงแก้ไข เพ่ือสิทธิท่ีเด็กทุกคนจะต้องได้รับจากการอบรมเลี้ยงดู และการศึกษาที่มีคุณภาพ ซึ่งสถานศกึ ษาทมี่ ีคุณภาพและมาตรฐานนั้นจาเป็นจะต้องมีการนาหลักสตู ร การศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ลงสู่การปฏิบัติเพ่ือสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กปฐมวัย พัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เกิดคุณค่าต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ตอ่ ไป หลักสตู รสถานศกึ ษา ระดับปฐมวัย โรงเรยี นวดั ท่าบุญมี ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๕)
๒ ปรชั ญาการศึกษาปฐมวยั โรงเรียนวัดท่าบุญมี การศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง ๖ ปีบริบูรณ์ อย่างเป็นองค์รวมบน พ้ืนฐานการอบรมเล้ียงดูและการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการตาม วัยของเด็กแต่ละคนให้เต็มตามศักยภาพ ภายใต้บริบทสังคมและวัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ ด้วยความ รกั ความเออ้ื อาทร และความเข้าใจของทุกคน เพือ่ สร้างรากฐาน คุณภาพชวี ติ ให้เด็กพัฒนาไปสู่ความ เปน็ มนษุ ย์ท่สี มบรู ณ์ เกดิ คุณค่าตอ่ ตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ วิสัยทัศนห์ ลักสูตร หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยมุ่งพัฒนาเด็กทุกคนให้ได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา อย่างมีคุณภาพและต่อเน่ือง ได้รับการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้อย่างมี ความสขุ และเหมาะสมตามวยั มีทกั ษะชวี ิตและปฏบิ ัตติ นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เป็น คนดี มีวินัย และสานึกความเป็นไทย โดยความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา พ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทุกฝ่ายทีเ่ กีย่ วข้องกบั การพัฒนาเดก็ ภารกจิ /พันธกิจ ๑. ออกแบบหลักสูตรสถานศึกษา และสาระการเรียนรู้บนพ้ืนฐานของทฤษฎีพัฒนาการ แนวคิด ทางการศึกษาปฐมวัย หลักการอบรมเลี้ยงดู และกระบวนการทางานของสมองด้านการคิด และการจัดการ ๒. ปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาให้มีความทันสมัยตามความก้าวหน้าในศาสตร์การศึกษา ปฐมวยั ๓. จดั ทาแผนการจัดประสบการณ์ และจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรใู้ ห้ที่เนน้ เด็กเป็นสาคัญ ๔. จัดระบบการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียน การดูแลให้ความช่วยเหลือ จัดกิจกรรม เสรมิ หลกั สตู ร และการสร้างรอยเชือ่ มต่อระหวา่ งการศึกษาปฐมวยั กบั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ ๕. จัดระบบส่ิงสนับสนนุ การเรยี นร้ทู ี่สะท้อนการจัดเตรียมส่งิ สนับสนุนการเรียนรู้ท่ีจาเป็นต่อ กระบวนการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ และจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เหมาะสมกับวัย และ มีการพักผอ่ นเพยี งพอ ๖. จัดระบบการคัดเลือกครู การส่งเสรมิ และพฒั นาครู บุคลากร พ่อแม่และผปู้ กครองเพ่อื ให้ สามารถจดั การศกึ ษาได้ตามปรัชญา วสิ ยั ทศั น์ มาตรฐานคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ ตวั บ่งช้ี และสภาพ ทีพ่ งึ่ ประสงค์ ๗. จัดระบบการประเมินพัฒนาการ ผลลัพธ์การเรียนรู้เพื่อนาผลไปปรับปรุงและพัฒนา กระบวนการ เรยี นร้ขู องเด็กปฐมวัย หลกั สูตรสถานศกึ ษา ระดับปฐมวยั โรงเรียนวดั ท่าบุญมี ตามหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕)
๓ ๘. ประสานความร่วมมือในการพัฒนาเด็กระหว่างสถานศึกษากับพ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทกุ ฝ่ายที่เก่ียวขอ้ งกับการพฒั นาเด็กปฐมวัย ๙. จัดระบบการประเมินหลักสูตร และพัฒนาประสิทธิภาพของหลักสูตรสถานศึกษาให้ สามารถจัดการศกึ ษาได้ตามปรชั ญา วิสัยทศั น์ มาตรฐานคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ ตัวบง่ ช้ี และสภาพ ทพี่ งึ ประสงคเ์ พ่ือส่งผลต่อระบบการประกนั คุณภาพการศึกษา ๑๐. การจัดทาโครงการ/งบประมาณสนับสนุนกระบวนการจัดการเรียนรู้ สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ การจดั สภาพแวดล้อมทเี่ อ้อื ต่อการเรยี นรู้ และกจิ กรรมเสริมหลกั สูตร หลักการ เด็กทุกคนมสี ทิ ธทิ ี่จะได้รับการอบรมเล้ียงดูและการส่งเสริมพฒั นาการตามอนุสญั ญาวา่ ด้วย สทิ ธเิ ดก็ ตลอดจนได้รบั การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรอู้ ยา่ งเหมาะสม ด้วยปฏสิ ัมพันธ์ท่ีดรี ะหวา่ งเดก็ กับพ่อแม่ เด็กกับผู้สอน เด็กกับผู้เล้ียงดู หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอบรมเล้ียงดู การพัฒนา และให้ การศึกษาแก่เด็กปฐมวัย เพ่ือให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตามลาดับขั้นของพัฒนาการทุกด้าน อย่าง เป็นองค์รวม มคี ุณภาพ และเต็มตามศกั ยภาพ โดยกาหนดหลักการ ดงั น้ี ๑. สง่ เสรมิ กระบวนการเรียนรูแ้ ละพฒั นาการทีค่ รอบคลุมเดก็ ปฐมวยั ทุกคน ๒. ยึดหลักการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาท่ีเน้นเด็กเป็นสาคัญ โดยคานึงถึงความ แตกต่างระหวา่ งบุคคล และวถิ ชี ีวติ ของเด็กตามบรบิ ทของชมุ ชน สงั คม และวัฒนธรรมไทย ๓. ยึดพัฒนาการและการพัฒนาเด็กโดยองค์รวม ผ่านการเล่นอย่างมีความหมาย และมี กิจกรรมที่หลากหลาย ได้ลงมือกระทาในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เหมาะสมกับวัย และมี การพกั ผอ่ นเพยี งพอ ๔. จดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ให้เด็กมีทักษะชวี ิต และสามารถปฏิบัตติ นตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียง เปน็ คนดี มวี นิ ยั และมคี วามสุข ๕. สร้างความรู้ ความเข้าใจ และประสานความร่วมมือในการพัฒนาเด็กระหว่าง สถานศกึ ษากับพ่อแม่ ครอบครวั ชุมชน และทกุ ฝา่ ยทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับการพฒั นาเด็กปฐมวยั หลักสตู รสถานศึกษา ระดบั ปฐมวยั โรงเรียนวดั ทา่ บุญมี ตามหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๕)
๔ หลักสูตรสถานศกึ ษา ระดบั ปฐมวยั โรงเรยี นวดั ท่าบุญมี ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ สาหรบั เดก็ อายุ ๓-๖ ปี (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๕) หลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย สาหรับเด็กอายุตากวา่ ๓ ปี หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย สาหรบั เด็กอายตุ า่ กว่า ๓ ปี จดั ข้นึ สาหรบั พอ่ แม่ ผ้เู ลี้ยงดู หรอื ผู้ ท่ีเก่ียวข้องกับการอบรมเลี้ยงดูและพัฒนาเด็ก เพื่อใช้เป็นแนวทางการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริม พฒั นาการและการเรยี นรอู้ ยา่ งเหมาะสมกับเดก็ เปน็ รายบุคคล จดุ หมาย การพัฒนาเด็กอายุต่ากว่า ๓ ปี มุ่งส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ท่ีเหมาะสมกับวัย ความสามารถ ความสนใจ และความแตกต่างระหว่างบุคคล ดงั น้ี ๑. รา่ งกายเจริญเติบโตตามวัย แขง็ แรง และมสี ขุ ภาพดี ๒. สขุ ภาพจิตดแี ละมีความสขุ ๓. มีทักษะชีวิตและสร้างปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบตัวและอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมี ความสขุ ๔. มีทักษะการใชภ้ าษาส่ือสาร และสนใจเรยี นรู้สงิ่ ต่างๆ คุณลักษณะทีพงึ ประสงค์ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย สาหรับเด็กอายุ ๓ – ๖ ปี กาหนดมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึง ประสงค์ จานวน ๑๒ มาตรฐานประกอบด้วย ๑. พฒั นาการด้านรา่ งกาย ประกอบดว้ ย ๒ มาตรฐาน คอื มาตรฐานท่ี ๑ ร่างกายเจริญเตบิ โตตามวยั และมสี ขุ นสิ ยั ที่ดี มาตรฐานที่ ๒ กล้ามเน้ือใหญ่และกล้ามเน้ือเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและ ประสานสมั พนั ธ์กัน ๒. พฒั นาการด้านอารมณ์ จิตใจ ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐาน คือ มาตรฐานท่ี ๓ มสี ุขภาพจิตดีและมีความสุข มาตรฐานท่ี ๔ ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลือ่ นไหว หลักสตู รสถานศึกษา ระดับปฐมวยั โรงเรียนวดั ทา่ บุญมี ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๕)
๕ มาตรฐานที่ ๕ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และมจี ติ ใจท่ดี งี าม ๓. พัฒนาการด้านสงั คม ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐาน คอื มาตรฐานท่ี ๖ มีทกั ษะชวี ติ และปฏบิ ตั ติ นตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มาตรฐานที่ ๗ รักธรรมชาติ สิง่ แวดล้อม วัฒนธรรม และความเป็นไทย มาตรฐานที่ ๘ อยูร่ ว่ มกบั ผู้อื่นได้อยา่ งมคี วามสขุ และปฏบิ ัติตนเปน็ สมาชิกทีด่ ขี อง สังคมในระบอบประชาธปิ ไตย อันมพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ ๔. พัฒนาการดา้ นสติปัญญา ประกอบดว้ ย ๔ มาตรฐาน คอื มาตรฐานที่ ๙ ใชภ้ าษาสื่อสารไดเ้ หมาะสมกับวัย มาตรฐานที่ ๑๐ มคี วามสามารถในการคิดทีเ่ ป็นพ้นื ฐานในการเรียนรู้ มาตรฐานท่ี ๑๑ มจี นิ ตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ มาตรฐานท่ี ๑๒ มีเจตคติทีด่ ีต่อการเรียนรู้ และมคี วามสามารถในการแสวงหา ความรไู้ ดเ้ หมาะสมกับวยั เป้าหมายของหลกั สตู ร เป้าหมายเป็นการกาหนดความคาดหวังด้านคณุ ภาพท่เี กิดกบั เดก็ ปฐมวยั และการดาเนนิ งาน ด้านอ่ืนๆ ซึ่งสอดคล้องกับจุดหมายหรือมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๐ และวิสัยทัศน์ที่สถานศึกษากาหนด การกาหนดเป้าหมายสามารถกาหนดได้ท้ัง เชิงปรมิ าณและเชงิ คุณภาพ ดังนี้ เป้าหมายเชิงปริมาณ มาตรฐานท่ี ๑ ร้อยละ ๘๕ ของเด็กปฐมวัยมรี า่ งกายเจรญิ เตบิ โตตามวยั และมสี ขุ นิสัย ทด่ี ี มาตรฐานที่ ๒ ร้อยละ ๘๕ ของเด็กปฐมวัยมีกล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเน้ือเล็ก แขง็ แรง ใชไ้ ดอ้ ยา่ งคล่องแคลว่ และประสานสัมพันธ์กัน มาตรฐานท่ี ๓ รอ้ ยละ ๘๕ ของเด็กปฐมวยั มมี ีสุขภาพจิตดแี ละมีความสขุ มาตรฐานท่ี ๔ ร้อยละ ๘๕ ของเด็กปฐมวัยช่ืนชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี การเคล่อื นไหว และรกั การออกกาลงั กาย มาตรฐานท่ี ๕ ร้อยละ ๘๕ ของเดก็ ปฐมวยั มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และมีจติ ใจทด่ี งี าม มาตรฐานท่ี ๖ ร้อยละ ๘๕ ของเด็กปฐมวัยมีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลัก ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง มาตรฐานท่ี ๗ รอ้ ยละ ๘๕ ของเดก็ ปฐมวัยรกั ธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อม วฒั นธรรม และ ความเป็นไทย มาตรฐานที่ ๘ ร้อยละ ๘๕ ของเด็กปฐมวัยอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและ ปฏิบัตติ น เปน็ สมาชิกทดี่ ีของสังคมไทยในระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข มาตรฐานท่ี ๙ ร้อยละ ๘๕ ของเดก็ ปฐมวยั ใชภ้ าษาสอ่ื สารได้เหมาะสมกบั วัย มาตรฐานที่ ๑๐ ร้อยละ ๘๕ ของเด็กปฐมวยั มีความสามารถในการคดิ ที่เป็นพื้นฐาน ในการเรยี นรู้ มาตรฐานท่ี ๑๑ ร้อยละ ๘๕ ของเด็กปฐมวยั จินตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ หลกั สูตรสถานศึกษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรยี นวดั ท่าบุญมี ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๕)
๖ มาตรฐานที่ ๑๒ ร้อยละ ๘๕ ของเด็กปฐมวัยมีเจตคติท่ีดีต่อการเรียนรู้ และมี ความสามารถในการแสวงหาความรู้ไดเ้ หมาะสมกบั วยั เป้าหมายเชิงคุณภาพ มาตรฐานท่ี ๑ เดก็ ปฐมวัยมีรา่ งกายเจริญเตบิ โตตามวยั และมีสขุ นิสยั ท่ดี ี ในระดบั คุณภาพดี มาตรฐานที่ ๒ เด็กปฐมวัยมีกล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่าง คล่องแคล่วและประสานสัมพนั ธ์กนั ในระดับคณุ ภาพดี มาตรฐานที่ ๓ เดก็ ปฐมวยั มมี สี ขุ ภาพจิตดแี ละมีความสขุ ในระดบั คณุ ภาพดี มาตรฐานท่ี ๔ เด็กปฐมวัยชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี การเคลื่อนไหว และรักการออกกาลงั กาย ในระดบั คุณภาพดี มาตรฐานท่ี ๕ เดก็ ปฐมวัยมีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงาม ในระดับคณุ ภาพ ดี มาตรฐานท่ี ๖ เดก็ ปฐมวัยมที ักษะชวี ติ และปฏิบัตติ นตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง ในระดับคุณภาพดี มาตรฐานท่ี ๗ เด็กปฐมวัยรักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และความเป็นไทย ในระดับคุณภาพดี มาตรฐานท่ี ๘ เด็กปฐมวัยอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตน เป็น สมาชิกที่ดีของสังคมไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในระดับ คณุ ภาพดี มาตรฐานท่ี ๙ เด็กปฐมวัยใชภ้ าษาสอื่ สารได้เหมาะสมกับวยั ในระดบั คณุ ภาพดี มาตรฐานที่ ๑๐ เด็กปฐมวัยมีความสามารถในการคิดที่เป็นพื้นฐานในการเรยี นรู้ ใน ระดับคุณภาพดี มาตรฐานที่ ๑๑ เด็กปฐมวยั จนิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ ในระดบั คุณภาพดี มาตรฐานท่ี ๑๒ เด็กปฐมวัยมีเจตคติท่ีดีต่อการเรียนรู้ และมีความสามารถในการ แสวงหาความรไู้ ดเ้ หมาะสมกบั วัย ในระดบั คุณภาพดี หลกั สตู รสถานศึกษา ระดับปฐมวัย โรงเรียนวัดทา่ บุญมี ตามหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรับปรุง พุทธศกั ราช ๒๕๖๕)
๗ การอบรมเล้ยี งดแู ละการส่งเสรมิ พัฒนาการและการเรียนร้สู าหรับเด็กอายุตากว่า ๓ ปี หลักสตู รการศึกษาปฐมวยั สาหรบั เด็กอายตุ ่ากวา่ ๓ ปี แบง่ การอบรมเล้ียงดแู ละการพัฒนา เด็กออกเป็น ๒ ช่วงอายุ ประกอบด้วย ช่วงอายุแรกเกิด-๒ ปี เป็นแนวปฏิบัติการอบรมเลี้ยงดูตามวถิ ี ชีวิตประจาวันโดยพ่อแม่และผู้เลี้ยงดู และช่วงอายุ ๒-๓ ปี เป็นแนวปฏิบัติการอบรมเลี้ยงดูและ สง่ เสรมิ พัฒนาการและการเรียนรู้โดยพ่อแม่และผูเ้ ลี้ยงดู แต่ละชว่ งอายมุ รี ายละเอียด ดังนี้ ช่วงอายุแรกเกิด-๒ ปี แนวปฏิบัติการอบรมเล้ียงดูตามวิถีชีวิตประจาวันโดยพ่อแม่และผู้เล้ียงดู เน้นการอบรม เลี้ยงดูตามวิถีชีวิตประจาวัน และส่งเสริมพัฒนาการทุกด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย ส่งเสริมให้เด็กได้ใช้ ร่างกายตามความสามารถ ด้านอารมณ์ จิตใจ ส่งเสริมการตอบสนองความต้องการของเด็กอย่าง เหมาะสม ภายใต้สภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและปลอดภัย ด้านสังคม ส่งเสริมให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับ บุคคลใกลช้ ิด และด้านสติปญั ญา ส่งเสริมใหเ้ ดก็ ได้สงั เกตสง่ิ ตา่ งๆ รอบตัว เพอื่ สรา้ งความเขา้ ใจและใช้ ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร สง่ เสรมิ การคิด และการแกป้ ัญหาท่ีเหมาะสมกบั วัย การอบรมเลี้ยงดูตามวิถีชีวิตประจาวันสาหรับเด็กอายุแรกเกิด-๒ ปี มีความสาคัญอย่างยิ่ง ต่อการวางรากฐานชีวติ ของเด็ก ทั้งทางร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา การจัดกิจกรรม ในแต่ละวนั ควรจัดให้สอดคล้องกับความต้องการ ความสนใจ และความสามารถตามวยั ของเด็ก โดย ผ่านการอบรมเลี้ยงดู ตามวิถีชีวิตประจาวันและการเล่นตามธรรมชาติของเด็ก โดยมีแนวปฏิบัติการ อบรมเลยี้ งดูตามวถิ ชี ีวติ ประจาวนั ดังนี้ ๑. การฝึกสุขนิสัยและลักษณะนิสัยทีดี เป็นการสร้างเสริมสุขนิสัยท่ีดีในการรับประทาน อาหาร การนอน การทาความสะอาดร่างกาย การขับถา่ ย ตลอดจนปลูกฝงั ลักษณะนสิ ัยทดี่ ใี นการดแู ล สุขภาพอนามยั ความปลอดภยั และการแสดงมารยาทท่ีสภุ าพ นมุ่ นวล แบบไทย ๒. การเคลือนไหวและการทรงตัว เป็นการส่งเสรมิ การใช้กล้ามเนื้อแขนกับขา มือกับนิ้ว มือ และส่วนต่างๆ ของร่างกายในการเคลื่อนไหวหรือออกกาลังกายทุกส่วน โดยการจัดให้เด็กได้ เคล่ือนไหว ทั้งกล้ามเนื้อใหญ่ กล้ามเน้ือเล็ก และตามความสามารถของวัย เช่น คว่า คลาน ยืน เดิน เล่นน้ิวมือ เคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายตามเสียงดนตรี ปีนป่ายเคร่ืองเล่นสนามเด็กเล็ก เล่นม้า โยก ลากจูงของเล่นมลี ้อ ขจี่ กั รยานทรงตวั ของเด็กเลก็ โดยใชเ้ ท้าชว่ ยไถ เปน็ ต้น ๓. การฝึกการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือ-ตา เป็นการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเน้ือ มือ น้ิวมือ ให้พร้อมท่ีจะหยิบจับ ฝึกการทางานอย่างสัมพันธ์กันระหว่างมือและตา รวมทั้งฝึกให้เด็ก รู้จักคาดคะเน หรือกะระยะทางของส่ิงต่างๆ ท่ีอยู่รอบตัวเทียบกับตัวเองในลักษณะใกล้กับไกล เช่น มองตามเครอ่ื งแขวนหรอื โมบายที่มีเสียงและสี (สาหรบั ขวบปีแรกควรเปน็ โมบายสีขาวดา) ร้อยลูกปัด ขนาดใหญ่ เล่นหยอดบล็อกรูปทรงลงกล่อง ตอกหมุด โยนรับลูกบอล เล่นน้า เล่นป้ันแป้ง ใช้สีเทียน แทง่ ใหญ่วาดเขียนขดี เขีย่ เปน็ ต้น ๔. การส่งเสริมด้านอารมณ์ จิตใจ เป็นการส่งเสริมการเล้ียงดูในการตอบสนองความ ต้องการของเด็กด้านจิตใจ โดยการจัดสภาพแวดล้อมท่ีส่งเสริมให้เด็กเกิดความรู้สึกอบอุ่นและมี ความสุข เช่น สบตา อุ้ม โอบกอด สัมผัส การเป็นแบบอย่างท่ีดีในด้านการแสดงออกทางอารมณ์ ตอบสนองต่อความรู้สึกท่ีเด็กแสดงออกอย่างนุ่มนวล อ่อนโยน ปลูกฝังการชื่นชมธรรมชาติรอบตัว เป็นตน้ หลกั สูตรสถานศึกษา ระดบั ปฐมวยั โรงเรียนวดั ท่าบุญมี ตามหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๕)
๘ ๕. การส่งเสริมทักษะทางสังคม เป็นการส่งเสริมการสร้างความสัมพันธ์กับพ่อแม่ ผู้เลี้ยง ดู และบุคคลใกลช้ ดิ โดยการพดู คยุ หยอกลอ้ หรือเล่นกับเด็ก เช่น เล่นจ๊ะเอ๋ เล่นจ้าจี้ เล่นโยกเยก เล่น ประกอบคาร้อง เช่น จันทร์เจ้าเอ๋ย แมงมุม ตั้งไข่ล้ม หรือพาเด็กไปเดินเล่นนอกบ้าน พบปะเด็กอ่ืน หรือผู้ใหญภ่ ายใตก้ ารดูแลอยา่ งใกลช้ ิด เช่น พาไปบา้ นญาติ พาไปร่วมกจิ กรรมท่ศี าสนสถาน เปน็ ตน้ ๖. การใช้ประสาทสัมผัสท้ังห้า เป็นการกระตุ้นการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าในการ มองเห็น การได้ยินเสียง การล้ิมรส การได้กลิ่น และการสัมผัสจับต้องสิ่งต่างๆ ที่แตกต่างกันในด้าน ขนาด รูปร่าง สี น้าหนัก และผิวสัมผัส เช่น การเล่นมองตนเองกับกระจกเงา การเล่นของเล่นที่มี พื้นผิวแตกตา่ งกัน เปน็ ต้น ๗. การส่งเสริมการสารวจสิงต่างๆ รอบตัว เป็นการฝึกให้เด็กเรียนรู้ สิ่งรอบตัวผ่าน เหตุการณ์ และสื่อที่หลากหลายในโอกาสต่างๆ รู้จักสารวจ และทดลองสิ่งที่ไม่คุ้นเคย เช่น มองตาม สง่ิ ของ หันหาทมี่ าของเสียง คน้ หาสิ่งของทป่ี ิดซอ่ นจากสายตา กจิ กรรมการทดลองงา่ ยๆ เปน็ ต้น ๘. การส่งเสริมทักษะทางภาษา เป็นการฝึกให้เด็กได้เปล่งเสียง เลียนเสียงพูดของผู้คน เสียงสัตว์ต่างๆ รู้จักชื่อเรียกของตนเอง ชื่ออวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย ชื่อพ่อแม่หรือผู้คนใกล้ชิด และช่ือส่ิงต่างๆ รอบตัว ตลอดจนฝึกให้เด็กรู้จักสื่อความหมายด้วยคาพูดและท่าทาง ช้ีชวนและสอน ใหร้ ู้จกั ช่ือเรียกสิ่งตา่ งๆ จากของจรงิ อา่ นหนังสือนิทานภาพหรือร้องเพลงงา่ ยๆ ให้เด็กฟงั เป็นตน้ ๙. การส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เป็นการฝึกให้เด็กได้แสดงออกทาง ความคิดตามจินตนาการของตนเอง เช่น ขีดเขียนวาดรูปอย่างอิสระ การเล่นบล็อกขนาดใหญ่ เล่น ของเลน่ สร้างสรรค์ พดู เลา่ เรอ่ื งตามจินตนาการ เล่นสมมติ เปน็ ตน้ ช่วงอายุ ๒-๓ ปี แนวปฏิบัติการอบรมเล้ียงดูและส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ สาหรับเด็กช่วงอายุ ๒-๓ ปี เน้นการจัดประสบการณ์ผ่านการเล่นตามธรรมชาติที่เหมาะสมกับวัยอย่างเป็นองค์รวม ท้ังทางด้าน ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับความต้องการ ความ สนใจ และความสามารถตามวัยของเด็ก ท้ังนี้ เด็กในช่วงวัยน้ีจะมีพัฒนาการเพ่ิมขึ้นมากกว่าใน ชว่ งแรก เดก็ มกี ารพ่ึงพาตนเอง แสดงความเปน็ ตวั ของตัวเอง จงึ จาเป็นตอ้ งคานงึ ถงึ สาระการเรียนรู้ท่ี ประกอบด้วย ประสบการณส์ าคญั และสาระทีค่ วรเรยี นรู้ ตลอดจนสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมเพ่อื เปน็ พนื้ ฐานการเรียนรใู้ นระดับที่สงู ข้ึนไป สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย สาหรบั เดก็ ช่วงอายุ ๒-๓ ปี เป็นสื่อกลางใน การจัดประสบการณ์ เพ่ือส่งเสริมพัฒนาการทุกด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ สติปัญญา ซ่ึงจาเป็นต่อการพัฒนาเด็ก ให้เป็นมนุษยท์ ี่สมบูรณ์ โดยอาจจัดในรปู แบบหน่วยการเรยี นรู้ แบบบูรณาการ หรือเลือกใช้รูปแบบที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัย สาระการเรียนรู้ประกอบไปด้วย ๒ สว่ น คอื ประสบการณ์สาคัญ และสาระที่ควรเรียนรู้ ดงั น้ี ๑. ประสบการณ์สาคัญ ประสบการณ์สาคัญเป็นส่ิงจาเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องให้เด็กได้ลง มือทาด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาเด็กทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยเฉพาะ ในระยะแรกเริ่มชีวิต และช่วงระยะปฐมวัยมีความสาคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นรากฐานของ พฒั นาการกา้ วต่อไปของชวี ิตเดก็ แตล่ ะคน ตลอดจนเปน็ ปจั จยั สาคญั ทก่ี าหนดความสามารถ แรงจงู ใจ หลักสูตรสถานศึกษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรยี นวัดท่าบุญมี ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรบั ปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๕)
๙ ใฝ่เรียนรู้ และความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเองของเด็ก ที่จะส่งผลต่อเน่ืองจากช่วงวัยเด็กไปสู่ วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ ประสบการณ์สาคัญจะเกี่ยวข้องกับการจัดสภาพแวดล้อมทุกด้านที่กระตุ้นให้เด็ก เกิดการเรียนร้แู ละมีความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์กบั สง่ิ ตา่ งๆ รอบตวั ในวิถีชีวติ ของเด็กและ ในสังคมภายนอก อันจะสัง่ สมเป็นทกั ษะพนื้ ฐานท่ีจาเปน็ ตอ่ การเรยี นร้แู ละสามารถพฒั นาตอ่ เนอื่ งไปสู่ ระดบั ทีส่ งู ขึน้ ประสบการณ์สาคัญที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ สติปัญญาของเด็กนั้น พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูจาเปน็ ต้องสนบั สนุนให้เด็กได้มีประสบการณ์ตรงด้วยการใช้ ประสาทสัมผัสท้ังห้า การเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย การสร้างความรักความผูกพันกับคน ใกล้ชิด การปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและส่ิงต่างๆ รอบตัว และการรู้จักใช้ภาษาส่ือความหมาย ดังน้ัน การ ฝึกทักษะต่างๆ ต้องให้เด็กมีประสบการณส์ าคัญผ่านการปฏิบตั ิกิจวตั รประจาวนั และการเล่น ให้เด็ก เกดิ การเรียนรจู้ ากการเลยี นแบบ ลองผดิ ลองถูก สารวจ ทดลอง และลงมือกระทาจรงิ การปฏสิ มั พนั ธ์ กับวัตถุส่ิงของ บุคคล และธรรมชาติรอบตัวเด็กตามบริบทของสภาพแวดล้อม จาเป็นต้องมีการจัด ประสบการณส์ าคัญแบบองคร์ วมทยี่ ึดเดก็ เป็นสาคญั ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑.๑ ประสบการณส์ าคัญทสี ่งเสริมพฒั นาการด้านร่างกาย เปน็ การสนับสนนุ ให้เด็ก ได้มีโอกาสพัฒนาการใช้กล้ามเนื้อใหญ่ กล้ามเน้ือเล็ก การประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเน้ือและ ระบบประสาทในการทากิจวัตรประจาวันหรือทากิจกรรมต่างๆ การนอนหลับพักผ่อน การดูแล สุขภาพอนามัย และความปลอดภยั ของตนเอง ประสบการณ์สาคญั ทีควรสง่ เสรมิ ประกอบดว้ ย การเคลือ่ นไหวส่วนตา่ งๆ ของ ร่างกายตามจังหวะดนตรี การเล่นออกกาลังกลางแจ้งอย่างอสิ ระ การเคล่ือนไหวและการทรงตัว การ ประสานสมั พันธข์ องกล้ามเน้ือและระบบประสาท การเล่นเครอ่ื งเล่นสมั ผสั การวาด การเขียนขดี เขย่ี การปัน้ การฉกี การตดั ปะ การดแู ลรักษาความสะอาดของรา่ งกาย ของใช้ส่วนตัว และการรักษาความ ปลอดภัย เปน็ ต้น ๑.๒ ประสบการณส์ าคญั ทสี ง่ เสรมิ พัฒนาการดา้ นอารมณ์ จติ ใจ เป็นการสนับสนนุ ให้เด็กได้แสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกที่เหมาะสมกับวัย มีความสุข ร่าเริง แจ่มใส ได้พัฒนา ความรูส้ กึ ทีด่ ีตอ่ ตนเอง และความเชอื่ มน่ั ในตนเอง จากการปฏิบัตกิ ิจกรรมต่างๆ ในชวี ิตประจาวนั พ่อ แม่หรือผู้เล้ียงดูเป็นบุคคลที่มีส่วนสาคัญอย่างย่ิงในการทาให้เด็กรู้สึกเป็นที่รัก อบอุ่น ม่ันคง เกิด ความรู้สึกปลอดภัยไว้วางใจ ซ่ึงจะส่งผลให้เด็กเกิดความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและเรียนรู้ท่ีจะสร้าง ความสมั พนั ธ์ทดี่ กี บั ผอู้ ่นื ประสบการณ์สาคัญทีควรส่งเสริม ประกอบด้วย การรับรู้อารมณ์หรือ ความร้สู ึกของตนเอง การแสดงอารมณท์ ีเ่ ปน็ สุข การควบคมุ อารมณ์และการแสดงออก การเล่นอสิ ระ การเล่นบทบาทสมมติ การช่ืนชมธรรมชาติ การเพาะปลูกอย่างง่าย การเลี้ยงสัตว์ การฟังนิทาน การ รอ้ งเพลง การท่องคาคลอ้ งจอง การทากิจกรรมศิลปะต่างๆ ตามความสนใจ เปน็ ตน้ ๑.๓ ประสบการณ์สาคัญทีส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคม เป็นการสนับสนุนให้เด็ก ได้มีโอกาสปฏสิ ัมพันธก์ ับบุคคลและส่ิงแวดลอ้ มตา่ งๆ รอบตัวในชีวติ ประจาวนั ได้ปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ และปรับตัวอยใู่ นสงั คม เด็กควรมีโอกาสได้เล่น และทากิจกรรมรว่ มกบั ผอู้ ่นื ไม่วา่ จะเปน็ ผใู้ หญ่ เดก็ วัย เดียวกันหรอื ต่างวัย เพศเดียวกัน หรอื ต่างเพศอย่างสม่าเสมอ หลักสูตรสถานศกึ ษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรียนวัดท่าบุญมี ตามหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๕)
๑๐ ประสบการณส์ าคัญท่ีควรสง่ เสริม ประกอบด้วย การช่วยเหลือตนเองในกิจวัตร ประจาวันตามวยั การเล่นอย่างอิสระ การเล่นรวมกลุ่มกับผู้อน่ื การแบ่งปันหรือการให้ การอดทนรอ คอยตามวัย การใช้ภาษา บอกความต้องการ การออกไปเล่นนอกบ้าน การไปสวนสาธารณะ การ ออกไปร่วมกิจกรรมในศาสนสถาน เปน็ ต้น ๑.๔ ประสบการณ์สาคัญทีส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญา เป็นการสนับสนุนให้ เด็กได้รับรู้และเรียนรู้ส่ิงต่างๆ รอบตัวในชีวิตประจาวันผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า และการเคลื่อนไหว ได้พัฒนาการใช้ภาษาส่ือความหมายและความคิด รู้จักสังเกตคุณลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสี ขนาด รปู ร่าง รูปทรง ผิวสัมผสั จดจาช่ือเรยี กสิ่งต่างๆ รอบตัว ประสบการณ์สาคัญท่ีควรส่งเสริม ประกอบด้วย การตอบคาถามจากการคิด การเชื่อมโยงจากประสบการณ์เดิม การเรียงลาดับเหตุการณ์ การยืดหยุ่นความคิดตามวัย การจดจ่อ ใส่ใจ การสังเกตวัตถุหรือส่ิงของท่ีมีสีสันและรูปทรงที่แตกต่างกัน การฟังเสียงต่างๆ รอบตัว การฟัง นทิ านหรือเรือ่ งราวสั้นๆ การพูดบอกความตอ้ งการ เลา่ เร่อื งรา การสารวจ และการทดลองอยา่ งงา่ ยๆ การคิดวางแผนที่ไม่ซับซ้อน การคิดตัดสินใจหรือคิดแก้ปัญหาในเร่ืองท่ีง่ายๆ ด้วยตนเอง การแสดง ความคดิ สรา้ งสรรค์และจนิ ตนาการ เป็นต้น ๒. สาระทีควรเรียนรู้ สาระทีจะให้เด็กอายุ ๒-๓ ปี เรียนรู้ควรเป็นเร่ืองที่เกี่ยวกับตนเอง เป็นลาดับแรก แล้วจึงขยายไปสเู่ ร่อื งท่ีอยู่ใกลต้ ัวเด็กเพอ่ื นาไปใชใ้ นการดาเนินชวี ติ ประจาวัน เด็กควร ไดร้ บั การอบรมเลี้ยงดแู ละสง่ เสริมพัฒนาการและการเรยี นรู้ให้เหมาะกบั วัย ดังนี้ ๒.๑ เร่ืองราวเกี่ยวกับตัวเด็ก เด็กควรเรียนรู้เก่ียวกับชื่อและเพศของตนเอง การ เรียกชื่อส่วนต่างๆ ของใบหน้าและร่างกาย การดูแลตนเองเบื้องต้นโดยมีผู้ใหญ่ให้การช่วยเหลือ การ ล้างมือ การขับถ่าย การรับประทานอาหาร การถอดและใสเ่ สือ้ ผ้า การรักษาความปลอดภัย และการ นอนหลังพกั ผอ่ น ๒.๒ เรื่องราวเก่ียวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก เด็กควรเรียนรู้เก่ียวกับบุคคล ภายในครอบครัวและบคุ คลภายนอกครอบครวั การรู้จักชือ่ เรยี กหรือสรรพนามแทนตวั ของญาตหิ รอื ผู้ เล้ียงดู วิธีปฏิบัติกับผู้อ่ืนอย่างเหมาะสม การทักทายด้วยการไหว้ การเล่นกับพ่ีน้องในบ้าน การไป เที่ยวตลาดและสถานที่ต่างๆ ในชุมชน การเล่นที่สนามเด็กเล่น การเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา วัฒนธรรมและประเพณี ๒.๓ ธรรมชาติรอบตัว เดก็ ควรเรยี นรู้เกี่ยวกับการสารวจส่งิ ต่างๆ ในธรรมชาติรอบตวั เชน่ สตั ว์ พืช ดอกไม้ ใบไม้ ผา่ นการใชป้ ระสาทสมั ผัสท้ังหา้ การเล่นน้า เลน่ ทราย การเลย้ี งสัตวต์ า่ งๆ ที่ไมเ่ ปน็ อันตราย การเดินเลน่ ในสวน การเพาะปลกู อย่างง่าย ๒.๔ สิ่งต่างๆ รอบตัวเด็ก เด็กควรเรียนรู้เก่ียวกับช่ือของเลน่ ของใชท้ ี่อยู่รอบตัว การ เชอ่ื มโยงลักษณะหรอื คุณสมบตั อิ ย่างง่ายๆ ของสิง่ ตา่ งๆ ท่อี ยู่ใกลต้ ัวเด็ก เชน่ สี รูปรา่ ง รปู ทรง ขนาด ผวิ สัมผัส หลกั สูตรสถานศกึ ษา ระดับปฐมวยั โรงเรยี นวดั ทา่ บุญมี ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรบั ปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๕)
๑๑ การอบรมเล้ียงดูและการจดั ประสบการณ์ การอบรมเลี้ยงดูและการจัดประสบการณ์สาหรับเด็กอายุต่ากว่า ๓ ปี เพ่ือให้เด็กได้เรียนรู้ จากประสบการณต์ รง ได้พฒั นาทงั้ ด้านรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และสติปญั ญา สามารถจัดในรูป ของกิจกรรมบูรณาการผ่านการเล่น การอบรมเล้ียงดูและการจัดประสบการณ์ควรคานึงถึงสิ่งสาคัญ ต่อไปน้ี ๑. อบรมเลี้ยงดเู ด็กและส่งเสรมิ กระบวนการเรยี นร้โู ดยเน้นเดก็ เป็นสาคัญ ๒. ตระหนกั และสนับสนุนสทิ ธิขน้ั พื้นฐานท่เี ด็กพึงไดร้ บั ๓. ปฏิบตั ติ นตอ่ เด็กด้วยความรกั ความเขา้ ใจ และใช้เหตุผล ๔. ส่งเสริมพัฒนาการของเด็กอยา่ งสมดุลครบทุกดา้ น ๕. ปลูกฝงั ระเบยี บวินยั คุณธรรม และวฒั นธรรมไทย ๖. ใช้ภาษาท่ีเหมาะสมกับความสามารถและการเรียนรูข้ องเดก็ ๗. สนบั สนุนการเลน่ ตามธรรมชาติของเดก็ ๘. จัดสภาพแวดลอ้ มท่ีปลอดภัยและเอื้อตอ่ การเรยี นรขู้ องเดก็ ๙. ประเมนิ การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการเดก็ อยา่ งตอ่ เน่ืองสมา่ เสมอ ๑๐. ประสานความร่วมมือระหว่างพ่อแม่ ผู้ปกครอง ผู้เลี้ยงดู สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยและ ชมุ ชน แนวทางการอบรมเล้ียงดูและการจัดประสบการณ์ สาหรับเด็กอายุต่ากว่า ๓ ปี มีแนวทาง ดังนี้ ๑. ดแู ลสขุ ภาพอนามัยและตอบสนองความตอ้ งการของเดก็ เปน็ รายบคุ คล ๒. สร้างบรรยากาศของความรกั ความอบอุ่น ความไว้วางใจ และความมั่นคงทางอารมณ์ ให้กบั เดก็ ในวิถีชวี ติ ประจาวัน ๓. จัดประสบการณ์ตรงให้เด็กได้เลือก ลงมือกระทาและเรียนรู้จากประสาทสัมผัสท้ังห้า และการเคลอื่ นไหวผา่ นการเลน่ ๔. จดั ประสบการณ์ใหเ้ ด็กมีปฏสิ ัมพันธก์ ับบุคคลท่ีแวดล้อมและสงิ่ ตา่ งๆ รอบตวั เด็กอย่าง หลากหลาย ๕. จัดสภาพแวดลอ้ มท้ังภายในและภายนอก วัสดุอุปกรณ์ เคร่ืองใชแ้ ละของเลน่ ทีส่ ะอาด หลากหลาย ปลอดภยั และเหมาะสมกับเดก็ เพ่ือส่งเสรมิ พฒั นาการเดก็ รอบด้าน รวมถงึ มพี นื้ ทใ่ี นการ เล่นนา้ เลน่ ทราย ๖. จัดหาสื่อการเรียนรู้ที่เป็นส่ือธรรมชาติ เหมาะสมกับวัยและพัฒนาการของเด็ก สื่อที่ เอ้อื ให้เกิดการปฏิสมั พนั ธ์ หลีกเล่ยี งการใชส้ ือ่ เทคโนโลยเี ป็นพีเ่ ลี้ยงเด็ก ๗. จัดรวบรวมข้อมูลและติดตามการเจริญเติบโต พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กเป็น รายบุคคลอย่างตอ่ เน่ือง สมา่ เสมอ ๘. จัดกระบวนการเรียนรู้โดยให้พ่อแม่ ครอบครัว สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย และชุมชนมี ส่วนร่วมท้งั การวางแผน การสนบั สนุนสอื่ การเขา้ รว่ มกจิ กรรม และการประเมินพัฒนาการเด็ก หลักสูตรสถานศึกษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรียนวดั ท่าบุญมี ตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรบั ปรุง พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕)
๑๒ การประเมนิ พฒั นาการ การประเมินพัฒนาการเด็กอายุต่ากว่า ๓ ปี ควรประเมินให้ครอบคลุมครบทุกช่วงอายุ เพราะช่วงวัยน้ีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อีกทั้งมีความเส่ียงต่อสภาพความผิดปกติต่างๆ จึง จาเปน็ ตอ้ งเฝา้ ระวงั และตดิ ตามดูแลอย่างใกลช้ ิด พ่อแม่ ผู้เลี้ยงดูหรือผ้ทู เ่ี ก่ยี วข้องกับการอบรมเล้ียงดู ควรสังเกตพัฒนาการเด็ก โดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล หากพบความผิดปกติ ต้องรีบพา ไปพบแพทยห์ รือผทู้ ่มี คี วามรู้ ความเช่ยี วชาญเกีย่ วกับพัฒนาการเดก็ เพอ่ื หาทางแกไ้ ขหรอื บาบัด ฟน้ื ฟู โดยเร็วทีส่ ุด หลักในการประเมินพฒั นาการมีดงั น้ี ๑. ประเมินพฒั นาการของเด็กครบทุกด้าน ๒. ประเมนิ เปน็ รายบุคคลอย่างสมา่ เสมอตอ่ เนื่อง ๓. ประเมินดว้ ยวธิ ีการท่ีหลากหลาย ซงึ่ วธิ ีการประเมนิ ทเ่ี หมาะสมกบั เด็กอายตุ า่ กวา่ ๓ ปี มีการสังเกตพฤติกรรมของเด็กในกิจกรรมต่างๆ และกิจวัตรประจาวัน การบันทึกพฤติกรรม การ สนทนา การสัมภาษณเ์ ดก็ และผูใ้ กล้ชดิ และการวเิ คราะหข์ ้อมลู จากผลงานเดก็ ๔. บันทึกพัฒนาการลงในสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก (เล่มสีชมพู) และใช้คู่มือการเฝา้ ระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย (DSPM) ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข หรือของ หน่วยงานอ่นื ๕. นาผลที่ได้จากการประเมินพัฒนาการไปพิจารณาจัดกิจกรรม เพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก เรียนร้แู ละมีพัฒนาการเหมาะสมตามวยั การใช้หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั สาหรับเด็กอายุตากว่า ๓ ปี พ่อแม่ ผู้เลี้ยงดูหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอบรมเล้ียงดูและสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยจะนา หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงตามเจตนารมณ์ของหลักสูตรท่ีมุ่งเน้นการ อบรมเลี้ยงดแู ละสง่ เสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ ควรดาเนนิ การดงั นี้ ๑. การใชห้ ลักสตู รการศึกษาปฐมวยั สาหรบั พ่อแม่ หรอื ผเู้ ล้ียงดู พ่อแม่หรือผู้เล้ียงดูมีความเชื่อและวิธีการในการอบรมเลี้ยงดูเด็กแตกต่างกันไป ตาม แนวความคิดและสภาพแวดล้อมของทอ้ งถิ่นท่ีตนเองอยู่อาศัย หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย สาหรับเด็ก อายุต่ากว่า ๓ ปี ฉบับน้ีจะเป็นแนวทางให้พ่อแม่ หรือผู้เลี้ยงดูใช้ในการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริม พัฒนาการทกุ ดา้ นของเดก็ ซง่ึ มีขอ้ แนะนา ดงั น้ี ๑.๑ ศึกษาปรัชญาการศึกษา หลักการ จุดหมาย เพื่อทาความเข้าใจกับแนวทางการ พัฒนาเดก็ อย่างมคี ุณภาพ ๑.๒ ศึกษาคุณลักษณะที่พึงประสงค์เพื่อใช้เป็นแนวทางการอบรมเล้ียงดูและสง่ เสริม พัฒนาการเด็กปฐมวัยอย่างเหมาะสมกับวัย ในกรณีการอบรมเล้ียงดูเด็กอายุแรกเกิด-๒ ปี ให้ใช้แนว ปฏิบัติการอบรมเลย้ี งดตู ามวิถชี ีวิตประจาวันเป็นกรอบการพัฒนาเด็ก และหากมีการอบรมเล้ยี งดเู ด็ก อายุ ๒-๓ ปี ใหใ้ ชแ้ นวปฏิบตั กิ ารอบรมเลีย้ งดแู ละส่งเสริมพฒั นาการและการเรียนรู้ ๑.๓ ติดตามประเมินพัฒนาการทุกด้านของเด็ก โดยการสังเกตและบันทึกการ เจริญเติบโตและพัฒนาการตามช่วงอายุที่กาหนด รวมถึงการเฝ้าระวังปัญหาพัฒนาการที่ล่าช้าหรือ ความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับเด็ก หากพบว่าเด็กมีพัฒนาการช้ากว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์หรือ เจา้ หน้าทีส่ าธารณสขุ เพือ่ ชว่ ยเหลอื เดก็ ตอ่ ไป หลักสูตรสถานศึกษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรียนวัดท่าบุญมี ตามหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรุง พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕)
๑๓ ๑.๔ ยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็ก เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการเร็วช้า ต่างกัน พอ่ แม่หรือผู้เลีย้ งดหู ลีกเล่ยี งการเปรียบเทยี บเดก็ หรอื เลอื กปฏิบตั ิตอ่ เดก็ เฉพาะคน แต่ควรจัด กิจกรรม เพอื่ ส่งเสริมพฒั นาการดา้ นทีบ่ กพรอ่ งหรือดา้ นที่เดก็ ขาดโอกาสในการพฒั นา ๒. การใชห้ ลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัยสาหรบั สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัย เด็กอายุต่ากว่า ๓ ปี ควรได้รับการอบรมเล้ียงดูจากพ่อแม่หรือบุคคลในครอบครัว แต่ เน่ืองจากสภาพเศรษฐกิจและสังคมท่ีเปลี่ยนแปลงไปทาให้ต้องออกไปทางานนอกบ้าน ประกอบกับ ครอบครัวส่วนใหญ่มักจะเป็นครอบครัวเด่ียว พ่อแม่จึงนาเด็กไปรับการเลี้ยงดูในสถานพัฒนาเด็ก ปฐมวัย ดังน้ัน สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแต่ละแห่งควรดาเนินการจัดทาหลักสูตรสถานพัฒนาเด็ก ปฐมวัย โดยวางแผนหรือกาหนดแนวทางการอบรมเล้ียงดูและส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ เพื่อให้เด็กได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ ตรงตามปรัชญาและหลักการของหลักสูตรการศึกษา ปฐมวยั สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัยควรดาเนนิ การจดั ทาหลักสูตรสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ร่วมกบั พ่อแม่ ครอบครัว บุคลากรทางสาธารณสุข ผู้เล้ียงดูหรือผู้สอน คณะกรรมการท่ีมีส่วนเกี่ยวข้อง และชุมชน เพื่อพฒั นาเด็กให้บรรลคุ ณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงคข์ องหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั ๒.๑ การจัดทาหลักสตู รสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั หลักสูตรสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยควรออกแบบและจัดทาบนพ้ืนฐานของหลักสูตร การศกึ ษาปฐมวยั โดยสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัยกาหนดคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์สอดคลอ้ งกับหลักสูตร การศกึ ษาปฐมวยั ทงั้ น้ี กระบวนการจัดทาหลักสตู รสถานพฒั นาเด็กปฐมวัย มดี ังนี้ ๒.๑.๑ ศึกษาทาความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย และคู่มือหลักสูตร การศกึ ษาปฐมวยั สาหรับเด็กอายุต่ากวา่ ๓ ปี รวมทงั้ รวบรวมขอ้ มลู ด้านตา่ งๆ เชน่ วธิ กี ารอบรมเลี้ยง ดู ความต้องการของพ่อแม่ ผู้ปกครอง วัฒนธรรมความเชื่อของท้องถ่ิน และความพร้อมของสถาน พัฒนาเด็กปฐมวัย ๒.๑.๒ จัดทาหลักสูตรสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยการกาหนดปรัชญา การศึกษา วิสัยทัศน์ ภารกิจหรือพนั ธกิจ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ และกาหนดสาระการเรียนรู้ในแต่ ละช่วงอายุอย่างกว้างๆ ให้ครอบคลุมพัฒนาการทั้ง ๔ ด้าน ผ่านประสบการณ์สาคัญที่เด็กใช้ในการ เรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยและสาระที่ควรรู้ซ่ึงอาจต่างกันตามบริบทหรือสภาพแวดล้อม ของเด็ก การจัดประสบการณ์ การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ ส่ือและแหล่งเรียนรู้ และการประเมิน พฒั นาการ โดยสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั อาจกาหนดหวั ข้ออนื่ ๆ ไดต้ ามความเหมาะสมและความจาเปน็ ของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแตล่ ะแหง่ ๒.๑.๓ การประเมิน เป็นขั้นตอนของการตรวจสอบหลักสูตรสถานพัฒนาเด็ก ปฐมวัย แบ่งออกเป็นการประเมินก่อนนาหลักสูตรไปใช้ เป็นการประเมินเพื่อตรวจสอบคุณภาพของ หลักสูตร หลังจากท่ีได้จัดทาแล้ว โดยอาศัยความคิดเห็นจากผู้ใช้หลักสูตร ผู้มีส่วนร่วมในการทา หลักสูตร ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ การประเมินระหว่างการดาเนินการใช้หลักสูตรเป็น การประเมินเพือ่ ตรวจสอบวา่ หลักสูตรสามารถนาไปใช้ได้ดีเพยี งใด ควรมีการปรบั ปรงุ แก้ไขในเร่ืองใด และการประเมินหลังการใช้หลักสูตรเป็นการประเมินเพ่ือตรวจสอบหลักสูตรท้ังระบบ หลังจากท่ีใช้ หลักสตู รสถานศึกษา ระดับปฐมวัย โรงเรยี นวดั ทา่ บุญมี ตามหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๕)
๑๔ หลักสูตรครบแต่ละช่วงอายุเพื่อสรุปผลว่าหลักสูตรที่จัดทาควรมีการป รับปรุงหรือพัฒนาให้ดีข้ึน อยา่ งไร การจดั การศกึ ษาระดับปฐมวัย (เด็กอายุตากวา่ ๓ ป)ี สาหรบั กลมุ่ เปา้ หมายเฉพาะ การจัดการศึกษาระดับปฐมวัยสาหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ หรือเด็กพิการ เด็กด้อย โอกาส เด็กที่มีความสามารถพิเศษ สามารถปรับคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ให้เหมาะสมกับศักยภาพ ของเด็กแต่ละประเภท โดยเฉพาะเดก็ อายตุ า่ กวา่ ๓ ปี มีความเสี่ยงตอ่ สภาพความผดิ ปกติ พ่อแม่หรอื ผู้เล้ียงดูต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หากพบความผิดปกติต้องช่วยเหลือ บาบัด ฟ้ืนฟูโดยเร็วท่ีสุด โดย พ่อแมห่ รอื ผเู้ ล้ยี งดสู ามารถนาเด็กไปรบั บรกิ ารในการสง่ เสริมพฒั นาการจากหนว่ ยงานท่ีเก่ียวข้อง เช่น โรงพยาบาล ศนู ย์บริการทางสาธารณสุข ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ มูลนิธิตา่ งๆ ท่เี กี่ยวข้องกบั การใหค้ วาม ช่วยเหลอื เด็กท่ีมีความต้องการพเิ ศษ รวมถึงเข้ารับการศึกษาในโรงเรยี นเฉพาะทางหรอื โรงเรยี นเรียน รวม การเชอื มตอ่ การพฒั นาเดก็ ปฐมวัย การเชอ่ื มตอ่ การพฒั นาเด็กปฐมวยั เป็นการเชือ่ มต่อการอบรมเล้ยี งดูของพ่อแม่หรอื ผเู้ ลย้ี งดู กับสถานพัฒนาเด็กปฐมวยั หรือเป็นการเชือ่ มต่อสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยอายุแรกเกิด-๓ ปี กับสถาน พัฒนาเด็กปฐมวัย (อายุ ๓-๖ ปี) การเช่ือมต่อการพัฒนาเด็กมีส่วนสาคัญเน่ืองจากการพัฒนาต้องมี ความต่อเน่ือง เด็กจาเป็นต้องเรียนรู้และปรับตัว เพราะพัฒนาการของเด็กในวัยน้ียังไม่เอ้ือต่อการ ยอมรับการเปลย่ี นแปลงท่เี กดิ ขึ้น การปรับตัวของเด็กในรอยเชื่อมต่อการพฒั นา จาเป็นตอ้ งได้รับการ สนับสนนุ การช่วยเหลือจากพ่อแม่ ผเู้ ล้ียงดู ผู้สอน และบคุ ลากรอ่ืนท่ีเก่ียวข้อง โดยควรปฏบิ ัติ ดงั น้ี ๑. บทบาทพอ่ แม่และผ้เู ลย้ี งดู พอ่ แมแ่ ละผู้เลี้ยงดเู ดก็ มีบทบาทสาคญั ในการเชือ่ มตอ่ การพฒั นาเดก็ ปฐมวัย ดงั นี้ ๑.๑ ตอ้ งมีความพรอ้ มในการใหข้ ้อมูลพื้นฐานของเด็ก โดยใหร้ ายละเอยี ดตามผลการ บนั ทึกในสมดุ บนั ทกึ สขุ ภาพแมแ่ ละเด็กของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสขุ หรอื ของหนว่ ยงานอน่ื ๑.๒ เป็นแบบอย่างท่ีดีของเด็กในการใช้ชีวิตครอบครัวอย่างอบอุ่น มั่นคง มีการ สอ่ื สารทางบวก ระหวา่ งสมาชิกในครอบครัว มกี ารปฏบิ ัตติ อ่ กนั ด้วยความรัก ความเอือ้ อาทร และการ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีการใช้เหตุผลในการแก้ปัญหาต่างๆ และมีคุณธรรมและจริยธรรมในการ ดาเนนิ ชวี ติ ๑.๓ ต้องพิจารณาเลือกสถานพัฒนาเด็กปฐมวยั ท่ีผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามมาตรฐาน การเล้ยี งดเู ด็กอายุต่ากวา่ ๓ ปี ๑.๔ ตระหนักถึงความสาคัญที่จะร่วมมือกับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในการส่งเสริม พฒั นาการและการเรยี นรูข้ องเด็กปฐมวัย ๑.๕ ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคาแนะนาของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เล้ียงดูเด็ก ด้วยการให้ความรัก ความอบอนุ่ ความเอื้ออาทร ความปลอดภัย และส่งเสริมให้เดก็ มีอสิ ระในการทา สงิ่ ตา่ งๆ ด้วยตนเอง ตลอดจนส่งเสรมิ ให้เดก็ มจี ินตนาการและความคดิ รเิ ร่มิ สรา้ งสรรค์ ๑.๖ ประสานความร่วมมือระหว่างบา้ นและสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในการพัฒนาเด็ก ไปในทศิ ทางเดียวกัน หลักสตู รสถานศึกษา ระดับปฐมวยั โรงเรยี นวดั ทา่ บุญมี ตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรบั ปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๕)
๑๕ ๑.๗ สร้างความคนุ้ เคยระหวา่ งเดก็ กับสถานพฒั นาเด็กปฐมวัยกอ่ นท่จี ะให้เด็กรับการ อบรมเลย้ี งดู ในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย นอกจากน้ี พ่อแมห่ รือผูเ้ ลยี้ งดจู ะสามารถเตรียมให้เดก็ ออกสูโ่ ลกกว้างไดอ้ ย่างมน่ั ใจ เปน็ คน ดี คนเก่ง และมคี วามสุขได้ ดังนี้ ๑) ส่งเสริมให้เด็กฝกึ ปฏิบัติการช่วยเหลือตนเองในชวี ิตประจาวัน เช่น การบอกช่ือตนเอง การบอกความต้องการของตนเอง การแต่งกาย การรบั ประทานอาหาร ๒) ส่งเสริมใหเ้ ด็กเชื่อมั่นในตนเอง ด้วยการเปิดโอกาสให้เด็กได้ทาอะไรด้วยตนเอง แม้จะ สกปรกเลอะเทอะบา้ ง ไมถ่ ูกใจพ่อแม่หรอื ผู้เลี้ยงดูก็ตาม ควรหลกี เลยี่ งการบังคบั ขูเ่ ข็ญ หรอื ต่อลอ้ ตอ่ เถียง ทาโทษรุนแรง แต่ใช้วิธีอบรมส่ังสอนด้วยความเข้าใจ สนใจ ชมเชย เม่ือเด็กทาสิ่งท่ีควร และ ชว่ ยเหลอื เม่อื เดก็ ต้องการ ๓) ส่งเสริมให้เด็กรู้จักฟัง เรียบเรียงความคิด ฝึกการใช้ภาษาด้วยการถามให้เด็กแสดง ความคิดเห็น พูดถึงเร่อื งราวหรอื แสดงท่าทางตามที่เด็กเข้าใจ หลังจากที่เด็กได้พบกับเหตุการณต์ า่ งๆ หรอื จากที่พ่อแมห่ รือผเู้ ลย้ี งดเู ด็กเล่านทิ านใหฟ้ งั ๔) ส่งเสริมให้เด็กมีความรู้สึกท่ีดีต่อตนเอง ด้วยการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ด้วยความ รักและเข้าใจ ซึ่งจะทาให้เด็กมีโอกาสโต้ตอบ สร้างความคุ้นเคย ทาให้เกิดความรักความผูกพันและ รสู้ กึ ไดร้ บั ความรกั ๕) ส่งเสรมิ ให้เดก็ รสู้ ึกสนกุ มีความสขุ กบั การกระทาสง่ิ ทส่ี ร้างสรรค์ ด้วยการเปดิ โอกาสให้ เด็กไดเ้ รียนรู้ เล่น และฝกึ ทาสิ่งตา่ งๆ ในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและปลอดภยั ๖) สง่ เสริมให้เดก็ เป็นผทู้ ม่ี คี วามเปน็ มติ ร และเปน็ ทีย่ อมรับในสังคมไดง้ า่ ยด้วยการยมิ้ แย้ม สมั ผสั เดก็ อยา่ งออ่ นโยน คอยสังเกตการณแ์ สดงออกของเด็ก สนใจที่จะตอบคาถามและเลา่ เรื่องต่างๆ ที่เหมาะสมกับเดก็ เพ่อื ใหเ้ ดก็ เรยี นรู้ภาษาไดเ้ รว็ และมกี าลงั ใจ ใฝร่ ใู้ ฝเ่ รยี น ๗) ส่งเสริมให้เด็กมีจิตใจมั่นคงไม่สับสน ด้วยการอบรมเล้ียงดูด้วยความรัก ความเมตตา เป็นแบบอย่างที่ดีงามในการใช้เหตุผลอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ฝึกให้เป็นคน รู้จักคิด มีน้าใจและ คุณธรรม หลีกเล่ียงการทาโทษรุนแรงหรือละเลยทอดท้ิงเด็ก ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพอยู่กับเด็ก ให้ ความสนใจตอ่ กนั ปฏิบตั ิต่อกันดว้ ยความรักความเข้าใจ ๘) ส่งเสริมให้เป็นเด็กใฝ่รู้ กล้าแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกอย่างเหมาะสมตาม กาลเทศะด้วยการให้ความสนใจในส่ิงที่เด็กกาลังทา ตอบคาถามของเด็ก ฝึกให้เด็กสังเกต สิ่งต่างๆ รอบตัว ให้โอกาสท่ีจะแสดงความรู้สึกนึกคิดของตนเองอย่างเต็มท่ี เปิดโอกาสให้ลองผิดลองถูกใน โอกาสท่ไี มเ่ สียหายและเปน็ อันตราย ๙) สง่ เสริมใหเ้ ด็กเกดิ แรงจูงใจทีจ่ ะทาสง่ิ ที่ดๆี ด้วยการใหค้ วามสนใจ ชมเชยหรือให้รางวลั ตามสมควรทนั ทที เี่ ด็กมีพฤติกรรมทพ่ี งึ ปรารถนา เชน่ ไหวผ้ ูใ้ หญ่ เลน่ กับนอ้ ง ชว่ ยหยบิ ของ พูดเพราะ รบั ฟังและปฏบิ ัติตามคาแนะนา ๑๐) ส่งเสรมิ การใชภ้ าษาของเด็ก ด้วยการพูดคุยกบั เดก็ ด้วยภาษาท่ฟี งั เขา้ ใจง่ายและชัดเจน ด้วยท่าทางท่ีเปน็ มิตร อาจใชก้ ารเลา่ นิทาน อ่านหนงั สือใหฟ้ งั เล่าเหตุการณท์ เี่ กิดขน้ึ ให้ฟงั ๑๑) เตรียมเด็กเข้าสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เมื่อเด็กอายุ ๓ ปี ก็พร้อมท่ีจะเข้าสถานพัฒนา เด็กปฐมวัยหรือไปรับบริการจากสถานท่ีท่ีรับเล้ียงเด็กปฐมวัย เช่น ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก พ่อแม่หรือผู้ เล้ียงดูสามารถช่วยเตรียมความพร้อมให้เด็กท่ีจะไปเรียนรู้โลกกว้าง ได้ด้วยการสร้างทัศนคติที่ดีต่อ หลักสตู รสถานศึกษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรียนวดั ท่าบุญมี ตามหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๕)
๑๖ สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ด้วยการเล่าเร่ืองเก่ียวกับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยให้ฟัง พาไปรู้จักกับสถาน พัฒนาเด็กปฐมวัย ให้เด็กๆ ไปอยู่ในสถานพัฒนาเด็กปฐมวยั ก่อนท่ีจะเข้าเรียน ไปเล่นเคร่ืองเล่น โดย ไม่ขู่เด็กว่าถ้าทาตัวไม่ดีจะทิ้งเด็กไว้ท่ีสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย นอกจากน้ี ควรสร้างทัศนคติท่ีดีต่อผู้ เลี้ยงด้วยการพูดคุยกับเด็ก ถ้าเป็นไปได้ควรทาความคุ้นเคยรู้จักกับผู้เล้ียงดูก่อนพาเด็กไปดูการจัด กจิ กรรมในสถานพฒั นาเด็กปฐมวยั ๒. บทบาทบุคลากรในสถานพัฒนาเด็กปฐมวยั บุคลากรในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกคน มีความสาคัญในการช่วยเหลือการปรับตัว ของเดก็ ในระยะเชื่อมตอ่ นี้ โดยมบี ทบาท ดังนี้ ๒.๑ รวบรวมข้อมูลพื้นฐานของเด็ก ซึ่งเป็นข้อมูลเก่ียวกับการเจริญเติบโตทาง ร่างกาย ข้อมูลด้านพัฒนาการเด็ก ข้อมูลสุขภาพและประวัติการเจ็บป่วย ตลอดจนข้อมูลพ้ืนฐาน ส่วนตัวของเดก็ และครอบครวั ๒.๒ บคุ ลากรทกุ คนในสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัยตอ้ งตระหนักในเร่อื งการกลวั การพลัด พรากว่าเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ต้องสร้างบรรยากาศของความรัก ความอบอุ่น ความไว้วางใจ มี ความเมตตาต่อเด็กและช่วยส่งเสริมให้เด็กมีความไว้วางใจผู้อื่น อันเป็นพ้ืนฐานสาคัญของการพัฒนา บุคลกิ ภาพ ๒.๓ บุคลากรทุกคนในสถานพฒั นาเด็กปฐมวยั ควรมีการปฏบิ ตั ิตอ่ เดก็ อยา่ งออ่ นโยน เช่น สัมผัส โอบกอด สบตา ใช้คาพูดที่ไพเราะ ตลอดจนเป็นแบบอย่างท่ีดีให้กับเด็ก เช่น ใช้ภาษาท่ี สรา้ งสรรค์ มกี ิรยิ ามารยาทสุภาพ ใช้เหตผุ ลมากกวา่ อารมณ์ ๒.๔ จัดกิจกรรมส่งเสริมให้เด็กเกิดความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ผู้เล้ียงดูเด็กคน ใหม่ และส่งเสริมการเรยี นรู้ให้โอกาสเด็กได้ทากิจกรรมด้วยตนเอง จัดเตรียมของเล่นและสื่อเพ่อื การ เล่นสิ่งใหม่ๆ ทดลองสิ่งใหม่ๆ ในที่ปลอดภัยตามลาพงั บ้าง แต่สามารถสังเกตเห็นเดก็ ได้ ในระยะแรก อาจยนิ ยอมใหเ้ ดก็ นาสง่ิ ของทีเ่ ด็กรกั จากบ้านมาได้ มาตรฐานคณุ ลักษณะทีพึงประสงค์ หลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั กาหนดมาตรฐานคณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงคจ์ านวน ๑๒ มาตรฐาน ประกอบด้วย ๑. พฒั นาการด้านรา่ งกาย ประกอบดว้ ย ๒ มาตรฐานคือ มาตรฐานที่ ๑ รา่ งกายเจริญเตบิ โตตามวยั และมสี ุขนิสยั ท่ีดี มาตรฐานที่ ๒ กล้ามเน้ือใหญ่และกล้ามเน้ือเล็กแข็งแรงใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและ ประสานสมั พนั ธ์กัน ๒. พัฒนาการด้านอารมณ์ จติ ใจ ประกอบด้วย ๓ มาตรฐานคือ มาตรฐานที่ ๓ มสี ขุ ภาพจิตดีและมคี วามสขุ มาตรฐานที่ ๔ ชน่ื ชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลื่อนไหว มาตรฐานที่ ๕ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และมจี ิตใจที่ดงี าม ๓. พฒั นาการด้านสังคม ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐานคือ มาตรฐานที่ ๖ มีทักษะชวี ติ และปฏิบตั ิตนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง หลักสูตรสถานศกึ ษา ระดับปฐมวัย โรงเรียนวัดทา่ บุญมี ตามหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรบั ปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๕)
๑๗ มาตรฐานท่ี ๗ รกั ธรรมชาติ สิง่ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม และความเป็นไทย มาตรฐานที่ ๘ อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกท่ีดีของ สงั คมในระบอบประชาธปิ ไตย อันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข ๔. พฒั นาการดา้ นสติปัญญา ประกอบดว้ ย ๔ มาตรฐานคือ มาตรฐานท่ี ๙ ใชภ้ าษาสอ่ื สารไดเ้ หมาะสมกบั วยั มาตรฐานที่ ๑๐ มีความสามารถในการคดิ ที่เปน็ พน้ื ฐานในการเรยี นรู้ มาตรฐานท่ี ๑๑ มจี ินตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ มาตรฐานท่ี ๑๒ มีเจตคติท่ีดีต่อการเรียนรู้และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ ไดเ้ หมาะสมกับวยั ตวั บ่งชี้ ตัวบ่งชี้เป็นเป้าหมายในการพัฒนาเดก็ ที่มีความสัมพนั ธส์ อดคลอ้ งกับมาตรฐานคุณลักษณะ ท่ีพงึ ประสงค์ สภาพทีพึงประสงค์ สภาพที่พึงประสงค์เป็นพฤติกรรมหรือความสามารถตามวัยที่คาดหวังให้เด็กเกิด บน พื้นฐานพัฒนาการตามวัยหรือความสามารถตามธรรมชาติในแต่ละระดับอายุ เพ่ือนาไปใช้ในการ กาหนดสาระการเรียนรู้ในการจัดประสบการณ์ และประเมินพัฒนาการเด็ก โดยมีรายละเอียดของ มาตรฐาน คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ ตวั บง่ ชี้ และสภาพที่พงึ ประสงค์ ดงั น้ี มาตรฐานที ๑ รา่ งการเจริญเติบโตตามวัยและมสี ขุ นสิ ัยทีดี ตัวบ่งชี้ อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๑.๑ นา้ หนกั และ ๑.๑.๑ นา้ หนกั และ ๑.๑.๑ น้าหนักและ ๑.๑.๑ น้าหนกั และ สว่ นสูง ส่วนสูงตามเกณฑ์ของ สว่ นสงู ตามเกณฑข์ อง สว่ นสูงตามเกณฑ์ของ ตามเกณฑ์ กรมอนามัย กรมอนามยั กรมอนามัย ๑.๒ มสี ขุ ภาพอนามยั ๑.๒.๑ ยอม ๑.๒.๑ รับประทาน ๑.๒.๑ รบั ประทาน สขุ นสิ ยั ทดี ี รับประทานอาหารทม่ี ี อาหารท่ีมปี ระโยชน์ อาหารท่มี ีประโยชน์ได้ ประโยชน์และดมื่ นา้ ท่ี และดม่ื น้าสะอาดด้วย หลายชนดิ และดืม่ นา้ สะอาดเมอื่ มผี ชู้ ีแ้ นะ ตนเอง สะอาดได้ด้วยตนเอง ๑.๒.๒ ล้างมอื กอ่ น ๑.๒.๒ ล้างมอื ๑.๒.๒ ล้างมือ รบั ประทานอาหาร ก่อน รบั ประทาน ก่อนรบั ประทาน และหลังจากใชห้ อ้ งนา้ อาหารและหลงั จากใช้ อาหารและหลงั จากใช้ ห้องสว้ มเมื่อมีผชู้ ้ีแนะ หอ้ งน้าหอ้ งสว้ มดว้ ย ห้องน้าหอ้ งสว้ มด้วย ตนเอง ตนเอง ตวั บ่งช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพี งึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี หลกั สตู รสถานศกึ ษา ระดับปฐมวยั โรงเรยี นวดั ท่าบุญมี ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๕)
๑๘ ๑.๒.๓ นอนพกั ผอ่ น ๑.๒.๓ นอนพักผอ่ น ๑.๒.๓ นอนพักผอ่ น เปน็ เวลา เปน็ เวลา เป็นเวลา ๑.๒.๔ ออกกาลงั กาย ๑.๒.๔ ออกกาลงั กาย ๑.๒.๔ ออกกาลังกาย เปน็ เวลา เป็นเวลา เปน็ เวลา ๑.๓.๑ เล่น ทา กิจกรรมและปฏบิ ัตติ อ่ ๑.๓ รกั ษาความ ๑.๓.๑ เลน่ และทา ๑.๓.๑ เล่นและทา ผอู้ ่นื อย่างปลอดภัย ปลอดภยั ของ ตนเองและผ้อู นื กิจกรรมอย่าง กจิ กรรมอย่าง ปลอดภัยเมือ่ มผี ชู้ ีแ้ นะ ปลอดภัยดว้ ยตนเอง มาตรฐานที ๒ กล้ามเน้ือใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว และประสาท สมั พันธ์กนั ตัวบ่งชี้ อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๒.๑ เคลือนไหว ๒.๑.๑ เดินตามแนวท่ี ๒.๑.๑ เดนิ ตอ่ เทา้ ไป ๒.๑.๑ เดินตอ่ เทา้ ถอย ร่างกายอยา่ ง กาหนดได้ ขา้ งหน้าเป็นเส้นตรง หลังเป็นเส้นตรงได้โดย คล่องแคลว่ ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งกางแขน ไมต่ ้องกางแขน ประสานสมั พันธ์ ๒.๑.๒ กระโดดสองขา ๒.๑.๒ กระโดดขา ๒.๑.๒ กระโดดขา และทรงตัวได้ ขึน้ ลงอย่กู บั ทไี่ ด้ เดยี วอยกู่ บั ทไ่ี ด้โดยไม่ เดยี วไปขา้ งหนา้ ได้ เสยี การทรงตวั อย่างตอ่ เนอ่ื งโดยไม่ เสยี การทรงตวั ๒.๑.๓ วง่ิ แลว้ หยุดได้ ๒.๑.๓ วิง่ หลบหลีกสิ่ง ๒.๑.๓ ว่ิงหลบหลีกสงิ่ กีดขวางได้ กีดขวางได้อยา่ ง คลอ่ งแคล่ว ๒.๑.๔ รับลกู บอลโดย ๒.๑.๔ รับลกู บอลโดย ๒.๑.๔ รบั ลูกบอลที่ ใชม้ ือและลาตวั ชว่ ย ใชม้ ือทง้ั สองข้าง กระตอบขนึ้ จากพน้ื ได้ ๒.๒ ใช้มอื -ตา ๒.๒.๑ ใชก้ รรไกรตัด ๒.๒.๑ ใชก้ รรไกรตัด ๒.๒.๑ ใชก้ รรไกรตัด ประสานสัมพนั ธ์ กระดาษขาดจากกัน กระดาษตามแนว กระดาษตามแนวเสน้ กัน ไดโ้ ดยใชม้ ือเดยี ว เสน้ ตรงได้ โคง้ ได้ ตัวบง่ ช้ี สภาพทีพึงประสงค์ อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี ๒.๒.๒ เขยี นรูปวงกลม ๒.๒.๒ เขียนรูป ๒.๒.๒ เขียนรูป สามเหลย่ี มตามแบบ ตามแบบได้ สี่เหลี่ยมตามแบบได้ ได้อยา่ งมมี ุมชัดเจน อยา่ งมมี มุ ชดั เจน ๒.๒.๓ ร้อยวสั ดุทีม่ รี ู ขนาดเสน้ ผา่ น ๒.๒.๓ รอ้ ยวัสดทุ มี่ ีรู ๒.๒.๓ รอ้ ยวสั ดุทม่ี ีรู ศนู ย์กลาง ๐.๒๕ ชม. ได้ ขนาดเสน้ ผ่าน ขนาดเส้นผ่าน ศนู ย์กลาง ๑ ชม. ได้ ศูนยก์ ลาง ๐.๕ ชม. ได้ หลักสตู รสถานศกึ ษา ระดับปฐมวยั โรงเรียนวดั ทา่ บุญมี ตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๕)
๑๙ มาตรฐานที ๓ มีสุขภาพจติ ดแี ละมีความสขุ ตัวบง่ ช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพงึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๓.๑ แสดงออก ๓.๑.๑ แสดงอารมณ์ ๓.๑.๑ แสดงอารมณ์ ทางอารมณ์ได้ ความร้สู ึกได้เหมาะสม ๓.๑.๑ แสดงอารมณ์ ความร้สู ึกไดส้ อดคล้อง อยา่ งเหมาะสม กับบางสถานการณ์ ความรสู้ กึ ได้ตาม กับสถานการณ์อย่าง สถานการณ์ เหมาะสม ๓.๒ มีความรู้สึกทีดี ๓.๒.๑ กล้าพดู กล้า ตอ่ ตนเองและ แสดงออก ๓.๒.๑ กล้าพดู กล้า ๓.๒.๑ กล้าพูดกล้า ผอู้ นื แสดงออกอยา่ ง แสดงออกอย่าง เหมาะสมบาง เหมาะสมตาม ๓.๒.๒ แสดงความ สถานการณ์ สถานการณ์ พอใจในผลงานตนเอง ๓.๒.๒ แสดงความ พอใจในผลงานและ ๓.๒.๒ แสดงความ ความสามารถของ พอใจในผลงานและ ตนเอง ความสามารถของ ตนเองและผอู้ ื่น มาตรฐานที ๔ ชืนชมและแสดงออกทางศลิ ปะ ดนตรี และการเคลอื นไหว ตัวบง่ ช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๔.๑ สนใจ มคี วามสขุ ๔.๑.๑ สนใจ มี ๔.๑.๑ สนใจ มี ๔.๑.๑ สนใจ มี และแสดงออก ความสุข และ ความสุข และ ความสุข และ ผา่ นงานศิลปะ แสดงออกผา่ นงาน แสดงออกผา่ นงาน แสดงออกผา่ นงาน ดนตรี และ ศิลปะ ศลิ ปะ ศลิ ปะ การเคลอื นไหว ๔.๑.๒ สนใจ มี ๔.๑.๒ สนใจ มี ๔.๑.๒ สนใจ มี ความสขุ และ ความสขุ และ ความสขุ และ แสดงออกผา่ น แสดงออกผา่ น แสดงออกผา่ น เสียงเพลง ดนตรี เสยี งเพลง ดนตรี เสียงเพลง ดนตรี ๔.๑.๓ สนใจ มี ๔.๑.๓ สนใจ มี ๔.๑.๓ สนใจ มี ความสขุ และแสดง ความสขุ และแสดง ความสุข และแสดง ท่าทาง/เคลือ่ นไหว ทา่ ทาง/เคล่ือนไหว ท่าทาง/เคลอื่ นไหว ประกอบเพลง จงั หวะ ประกอบเพลง จังหวะ ประกอบเพลง จังหวะ และดนตรี และดนตรี และดนตรี หลักสตู รสถานศกึ ษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรยี นวดั ทา่ บุญมี ตามหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรับปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๕)
๒๐ มาตรฐานที ๕ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และมจี ติ ใจทดี งี าม ตัวบ่งช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๕.๑.๑ ขออนญุ าต ๕.๑ ซอื สัตย์สจุ รติ ๕.๑.๑ บอกหรือช้ีได้ ๕.๑.๑ ขออนญุ าต หรือรอคอยเม่ือ ตอ้ งการส่ิงของของ วา่ สิ่งใดเปน็ ของตนเอง หรือรอคอยเม่อื ผู้อื่นดว้ ยตนเอง และสิง่ ใดเป็นของผูอ้ นื่ ต้องการสงิ่ ของของ ๕.๒.๑ แสดงความรัก เพ่ือนและมเี มตตา ผู้อ่นื เมอ่ื มีผชู้ ้ีแนะ สตั วเ์ ล้ยี ง ๕.๒ มีความเมตตา ๕.๒.๑ แสดงความรกั ๕.๒.๑ แสดงความรัก กรุณา มีนา้ ใจ เพ่ือนและมเี มตตา เพ่ือนและมเี มตตา และชว่ ยเหลือ สัตวเ์ ลีย้ ง สตั วเ์ ลยี้ ง แบง่ ปนั ตัวบ่งช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพี งึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี ๕.๓ มคี วามเห็นอก ๕.๓.๑ แสดงสหี นา้ อายุ ๔-๕ ปี หรอื ท่าทางรับรู้ ๕.๓.๑ แสดงสีหนา้ เห็นใจผอู้ นื ความรสู้ ึกผอู้ ื่น ๕.๓.๑ แสดงสีหนา้ และทา่ ทางรับรู้ และท่าทางรบั รู้ ความรู้สกึ ผอู้ นื่ อยา่ ง ๕.๔ มีความ ๕.๔.๑ ทางานท่ีไดร้ ับ ความรู้สึกผอู้ ่นื สอดคลอ้ งกับ รบั ผดิ ชอบ มอบหมายจนสาเร็จ สถานการณ์ เมอื่ มผี ู้ชว่ ยเหลอื ๕.๔.๑ ทางานทีไ่ ด้รับ มอบหมายจนสาเร็จ ๕.๔.๑ ทางานทไี่ ดร้ ับ เม่อื มผี ู้ช้ีแนะ มอบหมายจนสาเรจ็ ด้วยตนเอง มาตรฐานที ๖มที กั ษะชีวิตและปฏบิ ตั ติ นตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตัวบง่ ชี้ อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพี งึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๖.๑ ชว่ ยเหลอื ตนเอง ๖.๑.๑ แตง่ ตวั โดยมผี ู้ ๖.๑.๑ แตง่ ตัวด้วย ๖.๑.๑ แต่งตัวด้วย ในการปฏิบัติ ชว่ ยเหลอื ตนเอง ตนเองไดอ้ ยา่ ง กจิ วตั ร คล่องแคล่ว ประจาวัน ๖.๑.๒ รบั ประทาน ๖.๑.๒ รับประทาน ๖.๑.๑ รับประทาน อาหารดว้ ยตนเอง อาหารดว้ ยตนเอง อาหารดว้ ยตนเอง อยา่ งถูกวธิ ี ๖.๑.๓ ใชห้ อ้ งนา้ หอ้ ง ๖.๑.๓ ใชห้ อ้ งนา้ หอ้ ง ๖.๑.๓ ใช้และทา ส้วม โดยมีผ้ชู ว่ ยเหลือ ส้วมดว้ ยตนเอง ความสะอาดหลงั ใช้ หลักสูตรสถานศกึ ษา ระดับปฐมวยั โรงเรียนวัดทา่ บุญมี ตามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๕)
๒๑ หอ้ งนา้ หอ้ งสว้ ม ดว้ ย ตนเอง ๖.๒ มวี นิ ยั ในตนเอง ๖.๒.๑ เกบ็ ของเลน่ ๖.๒.๑ เก็บของเลน่ ๖.๒.๑ เกบ็ ของเลน่ ของใชเ้ ขา้ ท่เี มื่อมี ผชู้ แี้ นะ ของใชเ้ ขา้ ที่ด้วยตนเอง ของใชเ้ ข้าทอี่ ยา่ ง ๖.๒.๒ เขา้ แถว เรยี บรอ้ ยดว้ ยตนเอง ตามลาดบั ก่อนหลงั ได้ เม่ือมีผู้ชแี้ นะ ๖.๒.๒ เขา้ แถว ๖.๒.๒ เขา้ แถว ตามลาดบั กอ่ นหลังได้ ตามลาดับกอ่ นหลังได้ ด้วยตนเอง ด้วยตนเอง ตัวบ่งช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพี ึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี ๖.๓ ประหยดั และ ๖.๓.๑ ใช้สง่ิ ของ อายุ ๔-๕ ปี ๖.๓.๑ ใช้ส่งิ ของ พอเพยี ง เคร่อื งใชอ้ ยา่ ง เคร่ืองใช้อยา่ ง ประหยัดและพอเพียง ๖.๓.๑ ใช้สิ่งของ ประหยดั และพอเพยี ง เมอ่ื มี เครอ่ื งใชอ้ ย่าง ด้วยตนเอง ผชู้ ีแ้ นะ ประหยดั และพอเพียง เมอ่ื มี ผู้ช้ีแนะ มาตรฐานที ๗รักธรรมชาติ สงิ แวดล้อม และความเปน็ ไทย ตวั บง่ ชี้ อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพี ึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๗.๑.๑ ดูแลรกั ษา ธรรมชาติและ ๗.๑ ดแู ลรักษา ๗.๑.๑ มสี ว่ นรว่ มดูแล ๗.๑.๑ มีสว่ นรว่ มดแู ล ส่งิ แวดลอ้ มดว้ ยตนเอง ธรรมชาตแิ ละ รักษาธรรมชาตแิ ละ รกั ษาธรรมชาตแิ ละ ๗.๑.๒ ทงิ้ ขยะได้ถกู ท่ี ๗.๒.๑ ปฏบิ ตั ติ นตาม สิงแวดลอ้ ม สง่ิ แวดลอ้ ม เมอ่ื มี ส่งิ แวดลอ้ ม เม่อื มี มารยาทไทยไดต้ าม กาลเทศะ ผชู้ ี้แนะ ผู้ช้แี นะ ๗.๒.๒ กลา่ วคา ขอบคณุ และขอโทษ ๗.๑.๒ ทิ้งขยะไดถ้ กู ท่ี ๗.๑.๒ ทิ้งขยะได้ถกู ท่ี ดว้ ยตนเอง ๗.๒.๓ ยนื ตรงและ ๗.๒ มีมารยาทตาม ๗.๒.๑ ปฏบิ ตั ิตนตาม ๗.๒.๑ ปฏบิ ัตติ นตาม ร่วมรอ้ งเพลงชาติไทย และเพลงสรรเสรญิ วัฒนธรรมไทย มารยาทไทยไดเ้ มื่อมี มารยาทไทยไดด้ ว้ ย พระบารมี และรักความ ผูช้ ีแ้ นะ ตนเอง เป็น ๗.๒.๒ กลา่ วคา ๗.๒.๒ กลา่ วคา ไทย ขอบคณุ และขอโทษ ขอบคณุ และขอโทษ เมือ่ มผี ้ชู แี้ นะ ด้วยตนเอง ๗.๒.๓ หยุดยืนเมอ่ื ได้ ๗.๒.๓ ยนื ตรงเมอื่ ได้ ยินเพลงชาติไทยและ ยนิ เพลงชาติไทยและ เพลงสรรเสริญ เพลงสรรเสรญิ พระบารมี พระบารมี หลักสตู รสถานศกึ ษา ระดับปฐมวัย โรงเรยี นวดั ทา่ บุญมี ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรุง พุทธศกั ราช ๒๕๖๕)
๒๒ มาตรฐานที ๘อยรู่ ว่ มกับผู้อนื ได้อยา่ งมีความสุขและปฏิบตั ิตนเป็นสมาชกิ ทีดขี องสงั คมในระบอบ ประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข ตัวบง่ ช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพงึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๘.๑ ยอมรบั ความ ๘.๑.๑ เล่นและทา ๘.๑.๑ เล่นและทา ๘.๑.๑ เล่นและทา เหมอื นและ กิจกรรมรว่ มกับเด็กที่ กิจกรรมรว่ มกบั เด็กท่ี กจิ กรรมรว่ มกับเด็กท่ี ความ แตกตา่ งไปจากตน แตกต่างไปจากตน แตกตา่ งไปจากตน แตกตา่ งระหวา่ ง บคุ คล ๘.๒ มปี ฏสิ ัมพันธท์ ีดี ๘.๒.๑ เลน่ รว่ มกับ ๘.๒.๑ เล่นหรอื ทางาน ๘.๒.๑ เล่นหรอื ทางาน กับผู้อนื เพื่อน ร่วมกับเพอ่ื นเปน็ กลุ่ม ร่วมมอื กับเพ่ือนอย่าง มเี ปา้ หมาย ๘.๒.๒ ย้ิมหรือทักทาย ๘.๒.๒ ยิม้ ทักทาย ๘.๒.๒ ย้มิ ทกั ทาย ผู้ใหญแ่ ละบุคคลท่ี หรือพดู คยุ กับผู้ใหญ่ และพดู คยุ กับผู้ใหญ่ ค้นุ เคย เมื่อมผี ูช้ แ้ี นะ และบคุ คลที่คนุ้ เคยได้ และบุคคลท่ีคนุ้ เคยได้ ดว้ ยตนเอง เหมาะสมกับ สถานการณ์ ๘.๓ ปฏบิ ตั ิตน ๘.๓.๑ ปฏิบัตติ าม ๘.๓.๑ มีส่วนรว่ มสรา้ ง ๘.๓.๑ มสี ่วนรว่ มสรา้ ง เบื้องตน้ ในการ ขอ้ ตกลงเมื่อมีผชู้ แี้ นะ ขอ้ ตกลงและปฏบิ ตั ิ ข้อตกลงและปฏบิ ัติ เปน็ สมาชิกทีดี ตามขอ้ ตกลงเมือ่ มี ตามขอ้ ตกลงดว้ ย ของสังคม ผ้ชู แ้ี นะ ตนเอง ๘.๓.๒ ปฏิบตั ติ นเป็น ๘.๓.๒ ปฏิบตั ติ นเปน็ ๘.๓.๒ ปฏิบัตติ นเปน็ ผู้นาและผ้ตู ามเมอ่ื มี ผนู้ าและผู้ตามได้ดว้ ย ผ้นู าและผ้ตู ามได้ ผ้ชู แี้ นะ ตนเอง เหมาะสมกับ สถานการณ์ ๘.๓.๓ ยอมรบั การ ๘.๓.๓ ประนีประนอม ๘.๓.๓ ประนีประนอม ประนปี ระนอมแก้ไข แกไ้ ขปญั หาโดย แกไ้ ขปัญหาโดย ปญั หาเมอ่ื มีผู้ชี้แนะ ปราศจากการใช้ความ ปราศจากการใช้ความ รนุ แรง เมอื่ มผี ชู้ ้แี นะ รุนแรงดว้ ยตนเอง มาตรฐานที ๙ใชภ้ าษาสือสารได้เหมาะสมกบั วยั ตวั บง่ ช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพงึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี หลักสูตรสถานศกึ ษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรยี นวัดทา่ บุญมี ตามหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๕)
๒๓ ๙.๑ สนทนาโต้ตอบ ๙.๑.๑ ฟงั ผอู้ ืน่ พดู จน ๙.๑.๑ ฟงั ผอู้ น่ื พูดจน ๙.๑.๑ ฟังผอู้ ่นื พดู จน และเล่าเรอื งให้ ผอู้ ืนเขา้ ใจ จบและพดู โตต้ อบ จบและสนทนาโต้ตอบ จบและสนทนาโต้ตอบ ๙.๒ อ่าน เขียนภาพ เกย่ี วกับเรอ่ื งทีฟ่ งั สอดคลอ้ งกบั เรอื่ งท่ฟี ัง อย่างตอ่ เนอ่ื งเช่อื มโยง และสญั ลกั ษณ์ กบั เรื่องท่ฟี งั ได้ ๙.๑.๒ เล่าเรอ่ื งดว้ ย ๙.๑.๒ เล่าเรอ่ื งเปน็ ๙.๑.๒ เล่าเป็น ประโยคส้นั ๆ ประโยคอยา่ งต่อเนอ่ื ง เร่อื งราวต่อเนอ่ื งได้ ๙.๒.๑ อา่ นภาพ และ ๙.๒.๑ อา่ นภาพ ๙.๒.๑ อา่ นภาพ พดู ขอ้ ความดว้ ยภาษา สญั ลกั ษณ์ คา พรอ้ ม สัญลักษณ์ คา ด้วย ของตน ท้ังช้ีหรือกวาดตามอง การชี้หรอื กวาดตามอง ข้อความตามบรรทดั จดุ เรมิ่ ตน้ และจดุ จบ ของข้อความ ๙.๒.๒ เขียนขีดเขีย่ ๙.๒.๒ เขียนคลา้ ย ๙.๒.๒ เขียนชอ่ื ของ อยา่ งมีทิศทาง ตวั อกั ษร ตนเองตามแบบ เขียน ข้อความด้วยวิธที คี่ ิด ขึ้นเอง มาตรฐานที ๑๐มีความสามารถในการคิดทีเป็นพนื้ ฐานในการเรยี นรู้ ตวั บง่ ชี้ อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพงึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๑๐.๑ มี ๑๐.๑.๑ บอกลักษณะ ๑๐.๑.๑ บอกลักษณะ ๑๐.๑.๑ บอกลักษณะ ความสามารถ ของสิง่ ตา่ งๆ จากการ และสว่ นประกอบของ ส่วนประกอบ การ ในการคดิ สงั เกตโดยใชป้ ระสาท สิ่งต่างๆ จากการ เปล่ยี นแปลงหรอื รวบยอด สมั ผัส สังเกตโดยใชป้ ระสาท ความสมั พันธข์ องสงิ่ สมั ผัส ต่างๆ จากการสงั เกต โดยใชป้ ระสาทสัมผสั ตัวบ่งช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี ๑๐.๑.๒ จับคหู่ รือ อายุ ๔-๕ ปี ๑๐.๑.๒ จับคแู่ ละ เปรียบเทียบส่ิงตา่ งๆ เปรียบเทยี บความ โดยใช้ลักษณะหรือ ๑๐.๑.๒ จบั คู่และ แตกต่างและความ หนา้ ทีก่ ารใชง้ านเพียง เปรียบเทียบความ เหมอื นของสิ่งต่างๆ ลกั ษณะเดยี ว แตกต่างหรือความ โดยใชล้ ักษณะท่ี เหมือนของสิ่งต่างๆ สงั เกตพบสองลักษณะ โดยใช้ลกั ษณะที่ ข้นึ ไป สงั เกตพบเพียง ลักษณะเดยี ว หลักสตู รสถานศึกษา ระดับปฐมวัย โรงเรียนวดั ท่าบุญมี ตามหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรับปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๕)
๒๔ ๑๐.๑.๓ คัดแยก ๑๐.๑.๓ จาแนกและ ๑๐.๑.๓ จาแนกและ ส่งิ ตา่ งๆ ตามลักษณะ จัดกลมุ่ ส่งิ ตา่ งๆ โดย จัดกลุม่ สิ่งตา่ งๆ โดย หรือหน้าที่การใช้งาน ใชอ้ ยา่ งน้อยหนง่ึ ใชต้ ั้งแตส่ องลกั ษณะ ลักษณะเปน็ เกณฑ์ ขน้ึ ไปเป็นเกณฑ์ ๑๐.๑.๔ เรยี งลาดับ ๑๐.๑.๔ เรียงลาดับ ๑๐.๑.๔ เรยี งลาดบั สง่ิ ของหรอื เหตุการณ์ สง่ิ ของหรอื เหตกุ ารณ์ สงิ่ ของและเหตกุ ารณ์ อย่างนอ้ ย ๓ ลาดับ อยา่ งนอ้ ย ๔ ลาดับ อย่างนอ้ ย ๕ ลาดบั ๑๐.๒ มี ๑๐.๒.๑ ระบุทีเ่ กดิ ข้นึ ๑๐.๒.๑ ระบสุ าเหตุ ๑๐.๒.๑ อธบิ าย ความสามารถ ในเหตกุ ารณห์ รือการ หรอื ผลท่ีเกดิ ขึ้นใน เชอื่ มโยงสาเหตุและ ในการคดิ เชงิ เหตุผล กระทาเมอื่ มีผชู้ แ้ี นะ เหตุการณห์ รือการ ผลท่เี กิดขนึ้ ใน ๑๐.๓ มี กระทาเมื่อมผี ชู้ ีแ้ นะ เหตกุ ารณห์ รอื การ ความสามารถ กระทาดว้ ยตนเอง ในการคดิ แก้ ปญั หาและ ๑๐.๒.๒ คาดเดา หรอื ๑๐.๒.๒ คาดเดา หรอื ๑๐.๒.๒ คาดคะเนสง่ิ ตดั สนิ ใจ คาดคะเนสงิ่ ทอ่ี าจจะ คาดคะเน ส่งิ ท่อี าจจะ ท่ีอาจจะเกดิ ขนึ้ และมี เกดิ ขน้ึ เกดิ ข้นึ หรอื มสี ่วนรว่ ม สว่ นรว่ มในการลง ในการลงความเหน็ ความเหน็ จากข้อมูล จากขอ้ มลู อย่างมีเหตผุ ล ๑๐.๓.๑ ตัดสนิ ใจใน ๑๐.๓.๑ ตดั สนิ ใจใน ๑๐.๓.๑ ตัดสินใจใน เรอื่ งง่ายๆ เรื่องง่ายๆ และเรม่ิ เรือ่ งงา่ ยๆ และ เรยี นรผู้ ลที่เกดิ ขึน้ ยอมรับผลท่ีเกดิ ขึ้น ตวั บ่งชี้ อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพี ึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๑๐.๓.๒ แกป้ ญั หาโดย ๑๐.๓.๒ ระบุปญั หา ๑๐.๓.๒ ระบปุ ญั หา ลองผิดลองถกู และแกป้ ญั หาโดยลอง สรา้ งทางเลือกและ ผิดลองถกู เลอื กวิธแี กป้ ัญหา มาตรฐานที ๑๑มีจนิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ ตัวบง่ ช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพี ึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๑๑.๑.๑ สร้างผลงาน ๑๑.๑ ทางานศิลปะ ๑๑.๑.๑ สร้างผลงาน ๑๑.๑.๑ สร้างผลงาน ศลิ ปะเพื่อสอื่ สาร ความคดิ ความรสู้ กึ ความจนิ ตนาการและ ศลิ ปะเพื่อสอื่ สาร ศิลปะเพ่อื สอื่ สาร ของตนเองโดยมีการ ดัดแปลงแปลกใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ ความคิด ความรู้สกึ ความคิด ความรสู้ กึ ของตนเอง ของตนเองโดยมีการ ดดั แปลง และแปลก หลักสูตรสถานศึกษา ระดับปฐมวัย โรงเรยี นวดั ท่าบุญมี ตามหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕)
๒๕ ๑๑.๒ แสดงท่าทาง/ ๑๑.๒.๑ เคล่ือนไหว ใหมจ่ ากเดิมหรือมี จากเดิม และมี เคลือนไหวตาม ท่าทางเพ่อื สอ่ื สาร รายละเอยี ดเพ่มิ ขึ้น รายละเอยี ดเพ่มิ ขน้ึ จนิ ตนาการอยา่ ง ความคดิ ความรู้สกึ สร้างสรรค์ ของตนเอง ๑๑.๒.๑ เคลื่อนไหว ๑๑.๒.๑ เคล่อื นไหว ทา่ ทางเพ่อื สอ่ื สาร ท่าทางเพื่อสื่อสาร ความคิด ความรูส้ ึก ความคดิ ความรูส้ ึก ของตนเองอยา่ ง ของตนเองอยา่ ง หลากหลายหรือแปลก หลากหลายและแปลก ใหม่ ใหม่ มาตรฐานที ๑๒มีเจตคติทดี ตี ่อการเรียนรู้ และมคี วามสามารถในการแสวงหาความรูไ้ ดเ้ หมาะสม กับวยั ตัวบง่ ช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๑๒.๑ มเี จตคตทิ ีดตี อ่ ๑๒.๑.๑ สนใจฟงั หรอื ๑๒.๑.๑ สนใจซักถาม ๑๒.๑.๑ สนใจหยบิ การเรยี นรู้ อ่านหนังสอื ดว้ ย เกีย่ วกบั สญั ลกั ษณ์ หนังสือมาอ่านและ ตนเอง หรือตวั หนงั สอื ทพี่ บ เขยี นสื่อความคิดด้วย เหน็ ตนเองเปน็ ประจา อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ๑๒.๑.๒ กระตอื รอื รน้ ๑๒.๑.๒ กระตอื รือร้น ๑๒.๑.๒ กระตอื รอื ร้น ในการเข้ารว่ ม ในการเขา้ รว่ ม ในการร่วมกจิ กรรม กิจกรรม กิจกรรม ต้งั แต่ต้นจนจบ ๑๒.๒ มี ๑๒.๒.๑ ค้นหา ๑๒.๒.๑ คน้ หา ๑๒.๒.๑ คน้ หา ความสามารถ คาตอบของข้อสงสัย คาตอบของข้อสงสยั คาตอบของข้อสงสยั ในการ ต่างๆ ตามวธิ กี ารท่ีมีผู้ ต่างๆ ตามวธิ กี ารของ ต่างๆ โดยใชว้ ธิ กี ารที่ แสวงหา ชี้แนะ ตนเอง หลากหลายดว้ ย ความรู้ ตนเอง ๑๒.๒.๒ ใชป้ ระโยค ๑๒.๒.๒ ใชป้ ระโยค ๑๒.๒.๒ ใช้ประโยค คาถามว่า “ใคร” คาถามวา่ “ที่ไหน” คาถามวา่ “เมือ่ ไร” “อะไร” ในการคน้ หา “ทาไม” ในการคน้ หา “อยา่ งไร” ในการ คาตอบ คน้ หาคาตอบ การจัดเวลาเรียน หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกาหนดกรอบโครงสร้างเวลาในการจัดประสบการณ์ให้กับเด็ก ๑-๓ ปกี ารศึกษาโดยประมาณ ทั้งน้ี ขนึ้ อย่กู ับอายขุ องเด็กทีเ่ รม่ิ เขา้ สถานศกึ ษาหรือสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัย เวลาเรียนสาหรับเดก็ ปฐมวัยจะขึ้นอยู่กับสถานศึกษาแต่ละแห่ง โดยมีเวลาเรยี นไม่นอ้ ยกวา่ ๑๘๐ วัน ต่อ ๑ ปีการศึกษา ในแต่ละวันจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๕ ชั่วโมง โดยสามารถปรับให้เหมาะสมตาม บรบิ ทของสถานศกึ ษาและสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย หลกั สตู รสถานศึกษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรยี นวัดทา่ บุญมี ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๕)
๒๖ สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ เป็นสื่อกลางในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับเด็ก เพ่ือส่งเสริม พัฒนาการเด็กทุกด้าน ให้เป็นไปตามจุดหมายของหลักสูตรที่กาหนด ประกอบด้วย ประสบการณ์ สาคัญ และสาระทคี่ วรเรยี นรู้ ดังนี้ ๑. ประสบการณ์สาคัญ ประสบการณ์สาคัญเป็นแนวทางสาหรับผู้สอนนาไปใช้ในการ ออกแบบการจัดประสบการณ์ให้เด็กปฐมวัยเรียนรู้ ลงมือปฏิบัติ และได้รับการส่งเสริมพัฒนาการ ครอบคลมุ ทกุ ด้าน ดงั นี้ ๑.๑ ประสบการณ์สาคญั ทสี ง่ เสริมพฒั นาการดา้ นร่างกาย เปน็ การสนบั สนุนให้เดก็ ได้มีโอกาสพฒั นาการใชก้ ล้ามเนื้อใหญ่ กล้ามเน้ือเลก็ และการประสานสมั พันธ์ระหว่างกลา้ มเนือ้ และ ระบบประสาท ในการทากิจวัตรประจาวันหรือทากิจกรรมต่างๆ และสนับสนุนให้เด็กมีโอกาสดูแล สุขภาพและสุขอนามยั สุขนิสัย และการรกั ษาความปลอดภยั ดังนี้ ดา้ นรา่ งกาย ประสบการณ์สาคัญ ๑.๑.๑ การใช้กลา้ มเนอ้ื ใหญ่ (๑) การเคล่ือนไหวอยู่กับท่ี (๒) การเคล่ือนไหวเคล่ือนท่ี (๓) การเคลื่อนไหวพร้อมวสั ดอุ ุปกรณ์ (๔) การเคลอ่ื นไหวทใี่ ช้การประสานสัมพันธ์ของการใช้ กล้ามเนื้อใหญ่ในการขวา้ ง การจบั การโยน การเตะ (๕) การเล่นเครอ่ื งเล่นสนามอยา่ งอิสระ ๑.๑.๒ การใช้กล้ามเนอื้ เล็ก (๑) การเลน่ เครอ่ื งเล่นสัมผัสและการสร้างจากแท่งไม้ บลอ็ ก (๒) การเขยี นภาพและการเล่นกบั สี (๓) การป้ัน (๔) การประดิษฐ์ส่ิงตา่ งๆ ด้วย เศษวัสดุ ดา้ นรา่ งกาย ประสบการณส์ าคญั (๕) การหยบิ จบั การใชก้ รรไกร การฉีก การตัด การปะ และ การรอ้ ยวสั ดุ ๑.๑.๓ การรักษาสขุ ภาพ (๑) การปฏบิ ตั ิตนตามสุขอนามัย สขุ นิสัยที่ดีในกิจวตั รประจาวนั อนามยั สว่ นตน ๑.๑.๔ การรกั ษาความ (๑) การปฏิบัตติ นใหป้ ลอดภยั ในกจิ วตั รประจาวัน ปลอดภยั (๒) การฟังนิทาน เร่อื งราว เหตกุ ารณ์ เกย่ี วกับการปอ้ งกนั และรกั ษาความปลอดภัย (๓) การเลน่ เครอ่ื งเล่นอย่างปลอดภัย (๔) การเล่นบทบาทสมมตเิ หตุการณ์ตา่ งๆ ๑.๑.๕ การตระหนักรเู้ กียวกบั (๑) การเคลอื่ นไหวโดยควบคมุ ตนเองไปในทศิ ทาง ระดบั และ รา่ งกายตนเอง พน้ื ที่ หลกั สูตรสถานศกึ ษา ระดับปฐมวัย โรงเรยี นวัดทา่ บุญมี ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๕)
๒๗ (๒) การเคลอ่ื นไหวขา้ มสง่ิ กีดขวาง ๑.๒ ประสบการณส์ าคญั ทสี ง่ เสรมิ พัฒนาการด้านอารมณ์ จติ ใจ เป็นการสนบั สนุน ให้เด็กได้แสดงออกทางอารมณแ์ ละความรู้สกึ ของตนเองท่ีเหมาะสมกับวัย ตระหนักถึงลักษณะพิเศษ เฉพาะ ท่ีเป็นอัตลักษณ์ ความเป็นตัวของตัวเอง มีความสุข ร่าเริงแจ่มใส การเห็นอกเห็นใจผู้อ่ืน ได้ พฒั นาคณุ ธรรมจริยธรรม สุนทรยี ภาพ ความรสู้ ึกทดี่ ตี อ่ ตนเอง และความเชอื่ ม่นั ในตนเองขณะปฏิบัติ กิจกรรมตา่ งๆ ดังนี้ ดา้ นอารมณ์ ประสบการณส์ าคญั ๑.๒.๑ สนุ ทรยี ภาพ ดนตรี (๑) การฟังเพลง การรอ้ งเพลง และการแสดงปฏกิ ริ ิยาโตต้ อบ เสียงดนตรี (๒) การเลน่ เครอื่ งดนตรีประกอบจงั หวะ (๓) การเคลอื่ นไหวตามเสียงเพลง/ดนตรี (๔) การเลน่ บทบาทสมมติ (๕) การทากิจกรรมศิลปะตา่ งๆ (๖) การสร้างสรรค์สิ่งสวยงาม ๑.๒.๒ การเล่น (๑) การเล่นอิสระ (๒) การเล่นรายบุคคล กลมุ่ ยอ่ ย กลุ่มใหญ่ (๓) การเล่นตามมมุ ประสบการณ์ (๔) การเล่นนอกหอ้ งเรยี น ๑.๒.๓ คุณธรรม จรยิ ธรรม (๑) การปฏิบัตติ นตามหลักศาสนาทนี่ บั ถอื (๒) การฟงั นทิ านเกีย่ วกบั คุณธรรม จรยิ ธรรม ดา้ นอารมณ์ ประสบการณส์ าคัญ (๓) การร่วมสนทนาและแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ เชิงจรยิ ธรรม ๑.๒.๔ การแสดงออกทาง (๑) การพูดสะทอ้ นความร้สู ึกของตนเองและผู้อ่นื อารมณ์ (๒) การเลน่ บทบาทสมมติ (๓) การเคลอื่ นไหวตามเสียงเพลง/ดนตรี (๔) การรอ้ งเพลง (๕) การทางานศิลปะ ๑.๒.๕ การมีอัตลักษณเ์ ฉพาะ (๑) การปฏิบตั ิกจิ กรรมต่างๆ ตามความสามารถของตนเอง ตนและเชอื ว่าตนเอง มี ความสามารถ ๑.๒.๖ การเห็นอกเหน็ ใจผอู้ นื (๑) การแสดงความยนิ ดเี มอ่ื ผอู้ ่นื มคี วามสุข เห็นใจเมื่อผอู้ ื่นเศร้า หรอื เสยี ใจและการชว่ ยเหลอื ปลอบโยนเมอ่ื ผอู้ ื่นได้รบั บาดเจ็บ ๑.๓ ประสบการณ์สาคัญทีส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคม เป็นการสนับสนุนให้เด็ก ได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับบุคคลและสิ่งแวดล้อมต่างๆ รอบตัวจากการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ผ่านการ หลกั สูตรสถานศึกษา ระดับปฐมวัย โรงเรียนวดั ท่าบุญมี ตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๕)
๒๘ เรียนรู้ทางสังคม เช่น การเล่น การทางานกับผู้อื่น การปฏิบัติกิจวัตรประจาวัน การแก้ปัญหาข้อ ขัดแย้งต่างๆ ด้านสังคม ประสบการณส์ าคญั ๑.๓.๑ การปฏิบตั กิ จิ วัตร (๑) การชว่ ยเหลอื ตนเองในกจิ วตั รประจาวัน ประจาวนั (๒) การปฏิบัติตนตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๑.๓.๒ การดแู ลรกั ษา (๑) การมสี ่วนร่วมรบั ผดิ ชอบดแู ลรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มท้ังภายในและ ธรรมชาติและ ภายนอกหอ้ งเรียน สงิ แวดลอ้ ม (๒) การใชว้ สั ดแุ ละสงิ่ ของเครื่องใชอ้ ยา่ งคมุ้ ค่า (๓) การทางานศิลปะท่ีนาวัสดุหรอื สิ่งของเครอื่ งใช้ท่ใี ช้แลว้ มาใช้ ซา้ หรือแปรรูปแลว้ นากลับมาใช้ใหม่ (๔) การเพาะปลกู และดแู ลตน้ ไม้ (๕) การเลย้ี งสตั ว์ (๖) การสนทนาขา่ วและเหตกุ ารณ์ท่ีเก่ียวกบั ธรรมชาตแิ ละ สิง่ แวดล้อมในชวี ิตประจาวัน ๑.๓.๓ การปฏิบัติตาม (๑) การเลน่ บทบาทสมมติการปฏิบตั ิตนในความเป็นคนไทย วัฒนธรรมทอ้ งถนิ (๒) การปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมทอ้ งถิ่นท่ีอาศยั และประเพณีไทย และ (๓) การประกอบอาหารไทย ความเปน็ ไทย ดา้ นสงั คม ประสบการณ์สาคัญ (๔) การศึกษานอกสถานที่ (๕) การละเล่นพ้ืนบา้ นของไทย ๑.๓.๔ การมปี ฏิสมั พนั ธ์ (๑) การร่วมกาหนดขอ้ ตกลงของห้องเรยี น มวี นิ ัย มสี ว่ นรว่ ม (๒) การปฏิบัติตนเปน็ สมาชกิ ทด่ี ขี องห้องเรียน และบทบาทสมาชกิ (๓) การให้ความรว่ มมือในการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ของสังคม (๔) การดแู ลห้องเรยี นรว่ มกนั (๕) การรว่ มกจิ กรรมวนั สาคญั ๑.๓.๕ การเลน่ และทางาน (๑) การรว่ มสนทนาและแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ แบบรว่ มมอื รว่ มใจ (๒) การเลน่ และทางานรว่ มกบั ผอู้ นื่ (๓) การทาศิลปะแบบรว่ มมือ ๑.๓.๖ การแก้ปัญหา (๑) การมีส่วนรว่ มในการเลอื กวิธกี ารแก้ปญั หา ความขดั แย้ง (๒) การมีส่วนรว่ มในการแก้ปญั หาความขดั แย้ง ๑.๓.๗ การยอมรบั ในความ (๑) การเลน่ หรือทากจิ กรรมรว่ มกบั กลุ่มเพือ่ น เหมอื นและความ แตกต่างระหว่าง บคุ คล หลกั สูตรสถานศกึ ษา ระดบั ปฐมวยั โรงเรยี นวดั ท่าบุญมี ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๕)
๒๙ ๑.๔ ประสบการณ์สาคัญท่ีส่งเสริมพฒั นาการด้านสตปิ ญั ญา เป็นการสนับสนุนใหเ้ ด็ก ได้รับรู้และเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อม บุคคลและส่ือต่างๆ ด้วย กระบวนการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กพัฒนาการใช้ภาษา จินตนาการความคิด สร้างสรรค์ การแก้ปัญหา การคิดเชิงเหตุผล และการคิดรวบยอดเกี่ยวกับส่ิงต่างๆ รอบตัวและมี ความคดิ รวบยอดทางคณิตศาสตรท์ เี่ ปน็ พื้นฐานของการเรียนรใู้ นระดับท่สี ูงขึ้นต่อไป การพฒั นาดา้ น ประสบการณส์ าคัญ (๑) การฟงั เสียงตา่ งๆ ในสิง่ แวดล้อม (๒) การฟงั และปฏบิ ตั ิตามคาแนะนา (๓) การฟงั เพลง นิทาน คาคล้องจอง บทรอ้ ยกรองหรอื เรอื่ งราว ต่างๆ (๔) การพูดแสดงความคิด ความรสู้ กึ และความตอ้ งการ (๕) การพดู กับผอู้ นื่ เก่ียวกบั ประสบการณข์ องตนเอง หรอื พูดเลา่ เรอ่ื งราวเก่ยี วกบั ตนเอง (๖) การพูดอธิบายเกยี่ วกบั สง่ิ ของ เหตุการณ์ และความสมั พันธ์ ของสิ่งต่างๆ การพัฒนาด้าน ประสบการณส์ าคญั (๗) การพูดอยา่ งสรา้ งสรรค์ในการเล่น และการกระทาตา่ งๆ (๘) การรอจังหวะทเ่ี หมาะสมในการพดู (๙) การพดู เรียงลาดบั คาเพอื่ ใชใ้ นการสอื่ สาร (๑๐) การอา่ นหนังสอื ภาพ นทิ าน หลากหลายประเภท/รปู แบบ (๑๑) การอา่ นอยา่ งอสิ ระตามลาพงั การอ่านรว่ มกัน การอา่ นโดย มีผูช้ ีแ้ นะ (๑๒) การเหน็ แบบอย่างของการอา่ นทีถ่ กู ตอ้ ง (๑๓) การสงั เกตทิศทางการอา่ นตัวอกั ษร คา และข้อความ (๑๔) การอา่ นและช้ีขอ้ ความ โดยกวาดสายตาตามบรรทัดจาก ซา้ ย ไปขวา และจากบนลงลา่ ง (๑๕) การสังเกตตัวอกั ษรในชอื่ ของตน หรอื คาค้นุ เคย (๑๖) การสงั เกตตัวอักษรที่ประกอบเป็นคาผา่ นการอา่ นหรือ เขยี น ของผใู้ หญ่ (๑๗) การคาดเดาคา วลี หรือประโยค ท่มี ีโครงสรา้ งซา้ ๆ กัน จาก นิทาน เพลง คาคลอ้ งจอง (๑๘) การเลน่ เกมภาษา (๑๙) การเห็นแบบอยา่ งของการเขยี นท่ีถกู ต้อง (๒๐) การเขยี นรว่ มกนั ตามโอกาส และการเขยี นอิสระ หลกั สตู รสถานศึกษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรียนวดั ทา่ บุญมี ตามหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรับปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๕)
๑.๔.๒ การคิดรวบยอด ๓๐ การคิดเชิงเหตผุ ล การตัดสนิ ใจและ (๒๑) การเขยี นคาทีม่ ีความหมายกบั ตัวเดก็ /คาคนุ้ เคย แกป้ ญั หา (๒๒) การคดิ สะกดคาและเขยี นเพอ่ื สอื่ ความหมายดว้ ยตนเอง อย่าง การพัฒนาด้าน อิสระ (๑) การสังเกตลักษณะ ส่วนประกอบ การเปล่ียนแปลง และ ความสมั พันธข์ องสง่ิ ตา่ งๆ โดยใช้ประสาทสัมผัสอยา่ ง เหมาะสม (๒) การสงั เกตส่งิ ต่างๆ และสถานทจ่ี ากมมุ มองทตี่ ่างกนั (๓) การบอกและแสดงตาแหน่ง ทิศทาง และระยะทางของส่งิ ต่างๆ ดว้ ยการกระทา ภาพวาด ภาพถา่ ย และรูปภาพ (๔) การเล่นกับสอื่ ตา่ งๆ ทเ่ี ปน็ ทรงกลม ทรงสเี่ หลี่ยมมุมฉาก ทรงกระบอก กรวย ประสบการณ์สาคัญ (๕) การคดั แยก การจดั กลุม่ และการจาแนกสง่ิ ต่างๆ ตาม ลกั ษณะ และรปู รา่ ง รูปทรง (๖) การต่อของชิน้ เล็กเติมในชิ้นใหญ่ใหส้ มบรู ณ์ และการแยก ช้ินส่วน (๗) การทาซา้ การต่อเตมิ และการสรา้ งแบบรปู (๘) การนบั และแสดงจานวนของสิ่งตา่ งๆ ในชีวิตประจาวนั (๙) การเปรยี บเทียบและเรยี งลาดบั จานวนของสิ่งตา่ งๆ (๑๐) การรวมและการแยกสง่ิ ต่างๆ (๑๑) การบอกและแสดงอนั ดบั ทข่ี องสิ่งตา่ งๆ (๑๒) การช่ัง ตวง วดั สง่ิ ตา่ งๆ โดยใช้เครอื่ งมอื และหนว่ ยที่ไมใ่ ช่ หนว่ ยมาตรฐาน (๑๓) การจบั คู่ การเปรยี บเทยี บ และการเรียงลาดบั ส่ิงต่างๆ ตาม ลักษณะความยาว/ความสงู นา้ หนกั ปรมิ าตร (๑๔) การบอกและเรยี งลาดับกจิ กรรมหรือเหตุการณต์ าม ช่วงเวลา (๑๕) การใชภ้ าษาทางคณิตศาสตร์กับเหตุการณ์ในชวี ิตประจาวนั (๑๖) การอธบิ ายเชอ่ื มโยงสาเหตแุ ละผลทเ่ี กิดขึ้นในเหตกุ ารณ์ หรอื การกระทา (๑๗) การคาดเดาหรือการคาดคะเนส่งิ ทอี่ าจจะเกดิ ขนึ้ อยา่ งมี หลักสตู รสถานศกึ ษา ระดับปฐมวยั โรงเรียนวัดท่าบุญมี ตามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรบั ปรุง พุทธศกั ราช ๒๕๖๕)
๓๑ ๑.๔.๓ จินตนาการและ เหตผุ ล ความคดิ สร้างสรรค์ (๑๘) การมีส่วนร่วมในการลงความเหน็ จากข้อมลู อยา่ งมเี หตุผล (๑๙) การตดั สินใจและมสี ว่ นร่วมในกระบวนการแกป้ ญั หา ๑.๔.๔ เจตคตทิ ีดีต่อการ เรยี นรแู้ ละการ (๑) การรบั รู้ และแสดงความคิดความรสู้ กึ ผ่านสอ่ื วัสดุ ของเล่น แสวงหาความรู้ และชน้ิ งาน การพฒั นาด้าน (๒) การแสดงความคิดสร้างสรรคผ์ า่ นภาษา ท่าทาง การ เคลื่อนไหว และศลิ ปะ (๓) การสร้างสรรค์ช้นิ งานโดยใชร้ ปู ร่างรูปทรงจากวสั ดุท่ี หลากหลาย (๑) การสารวจสิ่งต่างๆ และแหลง่ เรยี นรู้รอบตวั (๒) การตงั้ คาถามในเรอื่ งที่สนใจ (๓) การสบื เสาะหาความรเู้ พอื่ คน้ หาคาตอบของขอ้ สงสัยตา่ งๆ ประสบการณส์ าคญั (๔) การมสี ่วนรว่ มในการรวบรวมขอ้ มูลและนาเสนอข้อมูลจาก การ สืบเสาะหาความรใู้ นรูปแบบต่างๆ และแผนภมู อิ ย่างงา่ ย ๒. สาระทคี วรเรยี นรู้ สาระท่ีควรเรียนรู้ เป็นเร่ืองราวรอบตัวเด็กที่นามาเป็นสื่อกลางในการจัดกิจกรรมให้ เด็กเกิดแนวคิดหลังจากนาสาระท่ีควรรู้น้ันๆ มาจัดประสบการณ์ให้เด็ก เพื่อให้บรรลุจุดหมายท่ี กาหนดไว้ ทง้ั นี้ ไม่เน้นการท่องจาเนือ้ หา ผู้สอนสามารถกาหนดรายละเอยี ดขึ้นเองใหส้ อดคลอ้ งกับวัย ความตอ้ งการ และความสนใจของเดก็ โดยใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นร้ผู ่านประสบการณ์สาคญั ทัง้ นี้ อาจยืดหยุ่น เนอ้ื หาได้ โดยคานึงถงึ ประสบการณ์และสิง่ แวดล้อมในชีวิตจรงิ ของเด็ก ดังนี้ ๒.๑ เรืองราวทีเกียวกับตัวเด็ก เด็กควรเรียนรู้ชื่อ นามสกุล รูปร่างหน้าตา อวัยวะ ต่างๆ วธิ ีระวงั รักษาร่างกายให้สะอาดและมีสขุ ภาพอนามยั ทีด่ ี การรับประทานอาหารทเ่ี ปน็ ประโยชน์ การระมัดระวังความปลอดภัยของตนเองจากผู้อื่นและภัยใกล้ตัว รวมทั้งการปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่าง ปลอดภัย การรู้จักประวัติความเป็นมาของตนเองและครอบครัว การปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของ ครอบครัวและโรงเรยี น การเคารพสิทธิของตนเองและผอู้ ่นื การรู้จักแสดงความคิดเห็นของตนเองและ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น การกากับตนเอง การเล่นและทาส่ิงต่างๆ ด้วยตนเองตามลาพังหรือกับ ผู้อื่น การตระหนักรู้เก่ียวกับตนเอง ความภาคภูมิใจในตนเอง การสะท้อนการรับรู้อารมณ์และ ความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น การแสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกอย่างเหมาะสม การแสดง มารยาทท่ีดี การมีคณุ ธรรมจริยธรรม ๒.๒ เรืองราวเกียวกับบุคคลและสถานทีแวดล้อมเด็ก เด็กควรเรียนรู้เก่ียวกับ ครอบครัวสถานศึกษา ชุมชน และบุคคลต่างๆ ที่เด็กต้องเก่ียวข้องหรือใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์ใน ชีวิตประจาวัน สถานท่ีสาคัญ วันสาคัญ อาชีพของคนในชุมชน ศาสนา แหล่งวัฒนธรรมในชุมชน หลกั สูตรสถานศึกษา ระดบั ปฐมวยั โรงเรยี นวดั ท่าบุญมี ตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๕)
๓๒ สัญลักษณ์สาคัญของชาติไทยและการปฏิบัติตามวัฒนธรรมท้องถิ่นและความเป็นไทย หรือแหล่ง เรียนร้จู ากภมู ปิ ัญญาท้องถิน่ อื่นๆ ๒.๓ ธรรมชาติรอบตัว เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับชื่อ ลักษณะ ส่วนประกอบ การ เปล่ียนแปลงและความสัมพันธ์ของมนุษย์ สัตว์ พืช ตลอดจนการรู้จักเกี่ยวกับดิน น้า ท้องฟ้า สภาพ อากาศ ภัยธรรมชาติ แรงและพลงั งานในชวี ติ ประจาวันที่แวดลอ้ มเด็ก รวมท้ังการอนรุ ักษ์ส่ิงแวดล้อม และการรักษาสาธารณสมบัติ ๒.๔ สิงต่างๆ รอบตัวเด็ก เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ภาษาเพอื่ ส่ือความหมายใน ชีวิตประจาวัน ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการใช้หนังสือและตัวหนังสือ รู้จักชื่อ ลักษณะ สี ผิวสัมผัส ขนาด รูปรา่ ง รปู ทรง ปรมิ าตร น้าหนกั จานวน สว่ นประกอบ การเปล่ยี นแปลงและความสมั พนั ธ์ของ สิ่งต่างๆ รอบตัว เวลา เงิน ประโยชน์ การใช้งาน และการเลือกใช้สิ่งของเครื่องใช้ ยานพาหนะ การ คมนาคม เทคโนโลยีและการสือ่ สารต่างๆ ท่ีใชอ้ ยู่ในชีวติ ประจาวนั อยา่ งประหยดั ปลอดภัยและรกั ษา ส่ิงแวดลอ้ ม การจดั ประสบการณ์ การจัดประสบการณ์สาหรับเด็กปฐมวัยอายุ ๓-๖ ปี เป็นการจัดกิจกรรมในลักษณะการ บูรณาการผ่านการเล่น การลงมือกระทาจากประสบการณ์ตรงอย่างหลากหลาย เกิดความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งเกิดการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ไม่ จัดเป็นรายวชิ า โดยมหี ลกั การ และแนวทางการจดั ประสบการณ์ ดงั น้ี ๑. หลกั การจัดประสบการณ์ ๑.๑ จัดประสบการณ์การเล่นและการเรียนรู้อย่างหลากหลาย เพ่ือพัฒนาเด็กโดย องค์รวม อยา่ งสมดุลและต่อเนือ่ ง ๑.๒ เน้นเด็กเป็นสาคัญ สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่าง บุคคลและบรบิ ทของสังคมทีเ่ ดก็ อาศยั อยู่ ๑.๓ จัดให้เด็กได้รับการพัฒนา โดยให้ความสาคัญกับกระบวนการเรียนรู้และ พัฒนาการของเด็ก ๑.๔ จัดการประเมินพัฒนาการให้เป็นกระบวนการอย่างต่อเน่ือง และเป็นส่วนหน่ึง ของการจดั ประสบการณ์ พร้อมท้งั นาผลการประเมินมาพัฒนาเดก็ อย่างต่อเนอื่ ง ๑.๕ ใหพ้ อ่ แม่ ครอบครัว ชมุ ชน และทุกฝ่ายทเ่ี กีย่ วขอ้ งมีสว่ นร่วมในการพัฒนาเดก็ ๒. แนวทางการจดั ประสบการณ์ ๒.๑ จัดประสบการณ์ใหส้ อดคล้องกับจิตวทิ ยาพฒั นาการและการทางานของสมอง ท่ี เหมาะกบั อายุ วฒุ ิภาวะและระดับพฒั นาการ เพอื่ ให้เดก็ ทกุ คนได้พัฒนาเตม็ ตามศักยภาพ ๒.๒ จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับแบบการเรียนรู้ของเด็ก เด็กได้ลงมือกระทา เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้เคล่ือนไหว สารวจ เล่น สังเกต สืบค้น ทดลอง และคิดแก้ปัญหา ด้วยตนเอง ๒.๓ จัดประสบการณ์แบบบูรณาการ โดยบูรณาการทั้งกิจกรรม ทักษะ และสาระ การเรียนรู้ หลักสูตรสถานศกึ ษา ระดบั ปฐมวยั โรงเรยี นวัดท่าบุญมี ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕)
๓๓ ๒.๔ จัดประสบการณ์ให้เด็กได้ริเริ่มคิด วางแผน ตัดสินใจลงมือกระทาและนาเสนอ ความคิด โดยผสู้ อนหรือผู้จดั ประสบการณ์เปน็ ผู้สนบั สนนุ อานวยความสะดวก และเรยี นรู้รว่ มกับเดก็ ๒.๕ จัดประสบการณ์ให้เดก็ มีปฏสิ ัมพนั ธก์ ับเดก็ อื่น กับผู้ใหญ่ ภายใต้สภาพแวดล้อม ทเี่ อ้ือตอ่ การเรียนรู้ในบรรยากาศท่อี บอนุ่ มีความสุข และเรียนรูก้ ารทากิจกรรมแบบรว่ มมอื ในลักษณะ ตา่ งๆ กัน ๒.๖ จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับส่ือและแหล่งการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย และอยใู่ นวถิ ชี วี ิตของเดก็ สอดคลอ้ งกบั บรบิ ท สังคม และวัฒนธรรมที่แวดล้อมเดก็ ๒.๗ จัดประสบการณ์ท่ีสง่ เสรมิ ลักษณะนิสัยท่ีดแี ละทักษะการใช้ชีวติ ประจาวนั ตาม แนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ตลอดจนสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม และการมีวินัยให้ เปน็ สว่ นหนึ่งของการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้อยา่ งต่อเน่ือง ๒.๘ จัดประสบการณ์ท้ังในลักษณะท่ีมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและแผนที่เกิดข้ึนใน สภาพจรงิ โดยไมไ่ ดค้ าดการณ์ไว้ ๒.๙ จัดทาสารนิทัศน์ด้วยการรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของ เด็กเป็นรายบคุ คล นามาไตร่ตรองและใชใ้ ห้เป็นประโยชนต์ ่อการพฒั นาเดก็ และการวิจัยในชนั้ เรียน ๒.๑๐ จัดประสบการณ์โดยให้พ่อแม่ ครอบครัว และชุมชนมีส่วนร่วมทั้งการวาง แผนการสนบั สนุนสือ่ แหลง่ เรียนรู้ การเขา้ ร่วมกิจกรรม และการประเมนิ พัฒนาการ ๓. การจดั กิจกรรมประจาวัน กิจกรรมสาหรับเด็กอายุ ๓ ปี - ๖ ปีบริบูรณ์ สามารถนามาจัดเป็นกิจกรรมประจาวันได้ หลายรูปแบบ เป็นการช่วยให้ผู้สอนหรือผู้จัดประสบการณ์ทราบว่าแต่ละวันจะทากิจกรรมอะไร เม่ือใด และอย่างไร ท้ังนี้ การจัดกิจกรรมประจาวันสามารถจัดได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความ เหมาะสมในการนาไปใช้ของแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชน ท่ีสาคัญผู้สอนต้องคานึงถึงการจัด กิจกรรมให้ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้าน การจัดกิจกรรมประจาวันมีหลักการจัดและขอบข่ายของ กจิ กรรมประจาวัน ดงั น้ี ๓.๑ หลกั การจดั กจิ กรรมประจาวัน ๑. กาหนดระยะเวลาในการจัดกิจกรรมแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัยของ เดก็ ในแตล่ ะวนั แตย่ ืดหย่นุ ไดต้ ามความต้องการและความสนใจของเด็ก เชน่ วยั ๓-๔ ปี มีความสนใจประมาณ ๘-๑๒ นาที วัย ๔-๕ ปี มคี วามสนใจประมาณ ๑๒-๑๕ นาที วัย ๕-๖ ปี มีความสนใจประมาณ ๑๕-๒๐ นาที ๒. กิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดทั้งในกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ ไม่ควรใช้เวลา ต่อเน่อื งนานเกินกว่า ๒๐ นาที ๓. กิจกรรมท่ีเด็กมีอิสระเลือกเล่นเสรี เพ่ือช่วยให้เด็กรู้จักเลือกตัดสินใจ คิด แก้ปัญหา คดิ สร้างสรรค์ เช่น การเลน่ ตามมุม การเลน่ กลางแจ้ง ฯลฯ ใช้เวลาประมาณ ๔๐-๖๐ นาที ๔. กิจกรรมควรมีความสมดุลระหว่างกิจกรรมในหอ้ งและนอกห้อง กิจกรรมท่ี ใช้กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก กิจกรรมที่เป็นรายบุคคล กลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ กิจกรรมท่ีเด็ก เป็นผู้ริเริ่มและผู้สอน หรือผู้จัดประสบการณ์เป็นผู้ริเร่ิม และกิจกรรมท่ีใช้กาลังและไม่ใช้กาลัง จัดให้ หลักสตู รสถานศึกษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรยี นวดั ท่าบุญมี ตามหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรับปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๕)
๓๔ ครบทุกประเภท ทั้งน้ี กิจกรรมท่ีต้องออกกาลังกายควรจดั สลับกับกิจกรรมท่ีไม่ต้องออกกาลังมากนัก เพื่อเด็กจะไดไ้ มเ่ หนอื่ ยเกินไป ๓.๒ ขอบขา่ ยของกจิ กรรมประจาวัน การเลือกกิจกรรมที่จะนามาจัดในแต่ละวันสามารถจัดได้หลายรปู แบบ ทั้งนี้ ข้ึนอยู่กับ ความเหมาะสมในการนาไปใชข้ องแต่ละหนว่ ยงานและสภาพชมุ ชน ทสี่ าคัญผูส้ อนตอ้ งคานึงถงึ การจัด กจิ กรรมใหค้ รอบคลุมพฒั นาการทุกดา้ น ดังตอ่ ไปนี้ ๓.๒.๑ การพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ เป็นการพัฒนาความแข็งแรง การทรงตัว การยืดหยุ่น ความคล่องแคล่วในการใช้อวัยวะต่างๆ และจังหวะการเคลื่อนไหวในการใช้กล้ามเน้ือ ใหญ่ โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นอสิ ระกลางแจ้ง เล่นเคร่ืองเล่นสนาม ปีนป่ายเล่นอิสระ เคล่ือนไหว ร่างกายตามจังหวะดนตรี ๓.๒.๒ การพัฒนากล้ามเน้ือเล็ก เป็นการพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเน้ือ เล็ก กล้ามเนื้อมือ-นิ้วมือ การประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเน้ือมือและระบบประสาทตามือได้อยา่ ง คล่องแคล่วและประสานสัมพันธก์ ัน โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นเคร่ืองเลน่ สัมผัส เล่นเกมการศึกษา ฝึกช่วยเหลือตนเองในการแต่งกาย หยิบจับช้อนสอ้ ม และใช้วัสดุอุปกรณ์ศิลปะ เช่น สีเทียน กรรไกร พกู่ ัน ดนิ เหนียว ฯลฯ ๓.๒.๓ การพัฒนาอารมณ์ จิตใจ และปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม เป็นการ ปลูกฝังให้เด็กมีความรู้สึกท่ีดีต่อตนเองและผู้อื่น มีความเชื่อมั่น กล้าแสดงออก มีวินัย รับผิดชอบ ซ่ือสัตย์ ประหยัด เมตตา กรุณา เอ้ือเฟื้อ แบ่งปัน มีมารยาทและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทยและ ศาสนาท่ีนับถอื โดยจัดกจิ กรรมตา่ งๆ ผา่ นการเล่นให้เดก็ ได้มโี อกาสตดั สนิ ใจเลือก ได้รับการตอบสนอง ความตอ้ งการ ไดฝ้ ึกปฏิบตั โิ ดยสอดแทรกคณุ ธรรม จรยิ ธรรม อยา่ งต่อเนอ่ื ง ๓.๒.๔ การพัฒนาสังคมนิสัย เป็นการพัฒนาให้เด็กมีลักษณะนิสัยท่ีดี แสดงออกอย่างเหมาะสมและอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข ช่วยเหลือตนเองในการทากิจวัตร ประจาวัน มีนิสัยรักการทางาน ระมัดระวงั ความปลอดภยั ของตนเองและผูอ้ ื่น โดยรวมท้ังระมัดระวัง อันตรายจากคนแปลกหน้า ให้เด็กได้ปฏิบัติกิจวัตรประจาวันอย่างสม่าเสมอ รับประทานอาหาร พักผ่อนนอนหลับ ขับถ่าย ทาความสะอาดร่างกาย เล่นและทางานร่วมกับผู้อ่ืน ปฏิบัติตามกฎกติกา ข้อตกลงของส่วนรวม เกบ็ ของเข้าท่ีเมื่อเลน่ หรือทางานเสรจ็ ๓.๒.๕ การพัฒนาการคิด เป็นการพัฒนาให้เด็กมีความสามารถในการคิด แก้ปัญหาความคิดรวบยอด และคิดเชิงเหตุผลทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ โดยจัดกิจกรรมให้ เด็กไดส้ นทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เชิญวิทยากรมาพดู คยุ กบั เด็ก ศึกษานอกสถานที่ เล่น เกมการศึกษา ฝึกการแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ฝึกออกแบบและสร้างข้ึนงาน และทากิจกรรมทั้ง เปน็ กลมุ่ ยอ่ ย กลุม่ ใหญ่ และรายบุคคล ๓.๒.๖ การพัฒนาภาษา เป็นการพัฒนาให้เด็กใช้ภาษาสื่อสารถ่ายทอด ความรู้สึกนึกคิด ความรู้ความเข้าใจในสิ่งต่างๆ ท่ีเด็กมีประสบการณ์โดยสามารถต้ังคาถามในสิ่งท่ี สงสัยใคร่รู้ จัดกิจกรรมทางภาษาให้มีความหลากหลายในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ มุ่ง ปลูกฝังให้เด็กได้กล้าแสดงออกในการฟัง พูด อ่าน เขียน มีนิสัยรักการอ่าน และบุคคลแวดล้อมต้อง เป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ภาษา ทั้งน้ีต้องคานึงถึงหลักการจัดกิจกรรมทางภาษาที่เหมาะสมกับเด็ก เป็นสาคญั หลกั สตู รสถานศึกษา ระดับปฐมวัย โรงเรยี นวัดทา่ บุญมี ตามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕)
๓๕ ๓.๒.๗ การส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เป็นการส่งเสริมให้ เด็กมีความคิดรเิ รม่ิ สร้างสรรค์ ได้ถ่ายทอดอารมรค์ วามรู้สึกและเหน็ ความสวยงามของสง่ิ ต่างๆ โดยจดั กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ดนตรี การเคล่ือนไหวและจังหวะตามจินตนาการ ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ อย่าง อิสระ เลน่ บทบาทสมมติ เลน่ นา้ เล่นทราย เลน่ บลอ็ ก และเล่นกอ่ สร้าง การประเมนิ พัฒนาการ การประเมินพัฒนาการเด็กอายุ ๓-๖ ปี เป็นการประเมินพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาของเด็ก โดยถือเป็นกระบวนการต่อเน่ือง และเป็นส่วนหน่ึงของกิจกรรม ปกติที่จัดให้เด็กในแตล่ ะวัน ผลท่ไี ดจ้ ากการสังเกตพฒั นาการเดก็ ต้องนามาจัดทาสารนทิ ัศนห์ รอื จัดทา ข้อมูลหลักฐานหรือเอกสารอย่างเป็นระบบ ด้วยการรวบรวมผลงานสาหรับเด็กเป็นรายบุคคลที่ สามารถบอกเรื่องราวหรือประสบการณ์ท่ีเด็กได้รับว่าเด็กเกิดการเรียนรู้และมีความก้าวหน้าเพียงใด ท้ังน้ี ให้นาข้อมูลผลการประเมินพัฒนาการเด็กมาพิจารณา ปรับปรุงวางแผนการจัดกิจกรรม และ ส่งเสริมให้เด็กแต่ละคนได้รับการพัฒนาตามจุดหมายของหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง การประเมิน พฒั นาการควรยดึ หลกั ดงั นี้ ๑. วางแผนการประเมินพฒั นาการอย่างเป็นระบบ ๒. ประเมินพฒั นาการเด็กครบทุกด้าน ๓. ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นรายบุคคลอย่างสม่าเสมอตอ่ เน่อื งตลอดปี ๔. ประเมินพัฒนาการตามสภาพจริงจากกิจกรรมประจาวันด้วยเครื่องมือและวิธีการที่ หลากหลาย ไม่ควรใช้แบบทดสอบ ๕. สรุปผลการประเมนิ จัดทาข้อมลู และนาผลการประเมนิ ไปใชพ้ ฒั นาเด็ก สาหรับวิธีการประเมินท่ีเหมาะสมและควรใช้กับเด็กอายุ ๓-๖ ปี ได้แก่ การสังเกต การ บันทึกพฤติกรรมการสนทนากับเด็ก การสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ข้อมูลจากผลงานเด็กที่เก็บอย่างมี ระบบ การจัดทาหลกั สูตรสถานศกึ ษา หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยเปน็ หลักสูตรของสถานศึกษาท่เี ปิดสอนระดบั ปฐมวัยแตล่ ะแหง่ วางแผนหรือกาหนดแนวทางการจัดการศึกษา เพื่อส่งเสริมให้เด็กบรรลุมาตรฐานคุณลักษณะที่พึง ประสงค์ ตัวบ่งชี้และสภาพที่พึงประสงค์ตามที่หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกาหนด สถานศึกษาต้อง คานึงถึง วิสัยทัศน์ จุดเน้น ภูมิปัญญาท้องถิ่น สภาพบริบทและความต้องการของชุมชน มาออกแบบ หลกั สตู รสถานศกึ ษา ดงั นี้ ๑. จุดหมายของหลกั สตู รสถานศึกษา สถานศึกษาต้องดาเนินการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาบนพื้นฐานหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัย โดยสถานศกึ ษาต้องเช่ือมโยงมาตรฐานคณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย ไปสู่การจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา และสะท้อนให้เห็นหลักการของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย เช่น การประสานความร่วมมือระหว่างครอบครัวชุมชน คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้สอนปฐมวัยและผู้มี สว่ นเกย่ี วขอ้ งมีสว่ นรว่ มในการพฒั นาเด็ก หลักสูตรสถานศึกษา ระดับปฐมวยั โรงเรียนวดั ทา่ บุญมี ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรับปรุง พุทธศกั ราช ๒๕๖๕)
๓๖ ๒. การสรา้ งหลักสตู รสถานศกึ ษา หลักสูตรสถานศึกษาจะต้องสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจและ ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับธรรมชาติและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย การสร้างหลักสูตรสถานศึกษา ควรดาเนินการ ดังน้ี ๒.๑ ศึกษาทาความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย คู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั และเอกสารประกอบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย รวมทั้งศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กและครอบครัว สภาพปัจจุบัน สภาพต่างๆ ท่ีเป็นปัญหา จุดเด่น ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ความต้องการของชุมชนและ ทอ้ งถ่ิน ๒.๒ จัดทาหลักสูตรสถานศึกษา โดยกาหนดปรัชญา วิสัยทัศน์ ภารกิจหรือพันธกิจ เป้าหมาย มาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ตัวบ่งช้ี สภาพท่ีพึงประสงค์ โดยโครงสร้างหลักสูตร ประกอบดว้ ย การวเิ คราะห์ สาระการเรียนรู้รายปเี พือ่ กาหนดประสบการณ์สาคัญและสาระที่ควรรู้ใน แตล่ ะช่วงอายุ ระยะเวลาเรียน การจดั ประสบการณ์ การสรา้ งบรรยากาศการเรียนรู้ สือ่ และแหลง่ การ เรียนรู้ การประเมินพัฒนาการและการบริหารจัดการหลักสูตร ซึ่งสถานศึกษาอาจกาหนดโครงสร้าง หลักสตู รไดต้ ามความเหมาะสมและความจาเปน็ ของสถานศึกษาแตล่ ะแหง่ ๒.๓ การประเมินหลักสูตรของสถานศึกษาปฐมวัย แบ่งออกเป็นการประเมินก่อนนา หลักสูตรไปใช้เป็นการประเมินเพ่ือตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตร องค์ประกอบของหลักสูตร หลังจากที่ได้จัดทาแล้ว โดยอาศัยความคิดเห็นจากผู้ใช้หลักสูตร ผู้มีส่วนร่วมในการทาหลักสูตร ผู้เช่ียวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ การประเมินระหวา่ งการดาเนนิ การใชห้ ลกั สูตรเปน็ การประเมนิ เพื่อตรวจสอบว่าหลักสูตรสามารถนาไปใช้ได้ดีเพียงใด ควรมีการปรับปรุงแก้ไขในเรื่องใด และการ ประเมินหลังการใช้หลักสูตร เป็นการประเมินเพื่อตรวจสอบหลักสูตรท้ังระบบหลังจากที่ใช้หลักสูตร ครบแต่ละชว่ งอายเุ พื่อสรปุ ผลวา่ หลักสูตรท่ีจดั ทาควรมกี ารปรับปรงุ หรือพฒั นาใหด้ ขี น้ึ อยา่ งไร การจัดการศกึ ษาระดบั ปฐมวยั (เด็กอายุ ๓-๖ ปี) สาหรบั กลมุ่ เปา้ หมายเฉพาะ การจัดการศึกษาระดับปฐมวัยสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะสามารถนาหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัยไปปรับใชไ้ ด้ ทงั้ ในส่วนของโครงสรา้ งหลักสูตร สาระการเรยี นรู้ การจัดประสบการณ์ และการ ประเมินพัฒนาการให้เหมาะสมกับสภาพ บริบท ความต้องการ และศักยภาพของเด็กแต่ละประเภท เพื่อพัฒนาให้เด็กมีคุณภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ท่ีหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย กาหนด โดยดาเนนิ การ ดังน้ี ๑. การกาหนดเป้าหมายคุณภาพเด็ก ซึ่งหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้กาหนดมาตรฐาน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางเพื่อให้ทุกฝ่ายท่ี เก่ียวข้องใช้ในการพัฒนาเด็ก สถานศึกษาหรือผู้จัดการศึกษาสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ สามารถ เลือกหรือปรับใช้ ตัวบ่งชี้ และสภาพที่พึงประสงค์ในการพัฒนาเด็ก เพื่อนาไปจัดทาแผนการจัด การศึกษาเฉพาะบุคคลให้ครอบคลุมพัฒนาการของเด็กท้ังด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ สตปิ ัญญา ๒. การประเมินพัฒนาการเด็กจะต้องคานึงถึงปัจจัยความแตกต่างของเด็ก อาทิ เด็กที่มี ความพิการแต่ละด้าน อาจต้องมีการปรับการประเมินพัฒนาการที่เอ้ือต่อสภาพความพิการของเด็ก ท้ังวิธกี ารและเครอ่ื งมือทใ่ี ช้ควรใหส้ อดคล้องกบั เดก็ กลุ่มเปา้ หมายเฉพาะด้านดังกลา่ ว หลักสูตรสถานศกึ ษา ระดับปฐมวัย โรงเรยี นวัดทา่ บุญมี ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕)
๓๗ ๓. สถานศึกษาท่ีมีเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้านควรได้รับการสนับสนุนครูพี่เล้ียงให้การ ดูแลช่วยเหลือและส่งเสริมพฒั นาการ กรณีท่ีมีเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้านมีผลพัฒนาการไม่เป็นไป ตามเป้าหมาย ควรมีการส่งต่อไปยังสถานพัฒนาเด็กที่มีความต้องการพิเศษเพ่ือให้ได้รับการพัฒนา ต่อไป การสร้างรอยเชือมตอ่ ระหว่างการศกึ ษาระดับปฐมวยั กบั ระดบั ประถมศกึ ษาปีที ๑ การสร้างรอยเชื่อมต่อระหว่างการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑ มี ความสาคัญอย่างย่ิง ส่งผลดีต่อการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้เป็น อย่างดี สามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างราบรื่น การเช่ือมต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ จะประสบผลสาเรจ็ ได้ บคุ ลากรทกุ ฝ่ายทีเ่ กี่ยวขอ้ งตอ้ งดาเนินการดังตอ่ ไปนี้ ๑. ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นบุคคลสาคัญที่มีบทบาทเป็นผู้นาในการสร้างรอยเชื่อมต่อ ระหว่างหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานในชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ โดยต้องศกึ ษาหลกั สูตรทั้งสองระดบั เพ่ือทาความเข้าใจและจัดระบบการบริหารงานด้านวชิ าการที่ จะเอ้อื ต่อการเชอ่ื มต่อการศึกษา โดยดาเนินการดงั นี้ ๑.๑ จัดประชุมผู้สอนระดับปฐมวัยและผสู้ อนระดับประถมศึกษา ร่วมกันสร้างความ เข้าใจรอยเช่ือมต่อของหลักสูตรท้ังสองระดับให้เป็นแนวปฏิบัติของสถานศึกษา เพ่ือผู้สอนท้ังสอง ระดบั จะได้เตรียมการสอนได้สอดคล้องกับเด็กวัยน้ี ๑.๒ จัดหาเอกสารหลักสูตรและเอกสารทางวิชาการของท้ังสองระดับมาไว้ให้ผู้สอน และบุคลากรอื่นๆ ไดศ้ ึกษาทาความเข้าใจ อยา่ งสะดวกและเพยี งพอ ๑.๓ จัดกิจกรรมให้ผู้สอนท้ังสองระดับมีโอกาสแลกเปล่ียนและเผยแพร่ความรู้ใหม่ๆ รว่ มกนั ๑.๔ จัดหาส่อื วสั ดุอุปกรณ์ และจัดสภาพแวดลอ้ มทส่ี ง่ เสริมการสร้างรอยเช่ือมตอ่ ๑.๕ จัดกิจกรรมให้ความรู้ กิจกรรมสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ และจัดทาเอกสาร เผยแพร่ให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างสม่าเสมอ เพือ่ ให้พอ่ แม่ ผู้ปกครองเข้าใจการศึกษาท้ังสองระดบั และใหค้ วามรว่ มมือในการช่วยเหลือเดก็ ให้สามารถปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพแวดล้อมใหมไ่ ด้ดี ในกรณีท่ีโรงเรียนไม่มีชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ในสถานศึกษาของตนเอง ผู้บริหาร สถานศึกษาควรประสานกับสถานศึกษาที่คาดว่าเด็กจะไปเข้าเรียน เพ่ือสร้างความเข้าใจให้พ่อแม่ ผปู้ กครอง ในการชว่ ยเหลอื เด็กสามารถปรับตวั เข้ากบั สถานศึกษาใหม่ได้ ๒. ผูส้ อนระดบั ปฐมวยั ผู้สอนระดบั ปฐมวยั ต้องศกึ ษาหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน การจัดการเรียน การสอนในชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ และสร้างความเข้าใจให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครองและบุคลากรอ่ืนๆ รวมทง้ั ช่วยเหลอื เด็กในการปรับตวั กอ่ นเลอ่ื นขน้ึ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ โดยผูส้ อนควรดาเนินการ ดังน้ี ๒.๑ เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กเป็นรายบุคคลเพื่อส่งต่อผู้สอนชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ ซ่ึงจะทาให้ผู้สอนระดับประถมศึกษาสามารถใช้ข้อมูลนั้นช่วยเหลือเด็กในการ ปรบั ตวั เข้ากับการเรียนรใู้ หมต่ ่อไป หลักสูตรสถานศกึ ษา ระดับปฐมวยั โรงเรยี นวัดท่าบุญมี ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๕)
๓๘ ๒.๒ พูดคุยกับเด็กถึงประสบการณ์ท่ีดีๆ เก่ียวกับการจัดการเรียนรู้ในระดับชั้น ประถมศึกษาปที ่ี ๓ เพ่อื ใหเ้ ด็กเกิดเจตคตทิ ีด่ ีตอ่ การเรยี นรู้ ๒.๓ จัดให้เด็กได้มีโอกาสทาความรู้จักกับผู้สอน ตลอดจนการสารวจสภาพแวดลอ้ ม และบรรยากาศของห้องเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๑ ๒.๔ จดั ส่ือ วสั ดอุ ปุ กรณ์ หนงั สือที่เหมาะสมกับวยั เดก็ ทีส่ ่งเสรมิ ใหเ้ ด็กไดเ้ รยี นรู้และมี ประสบการณ์พ้นื ฐานทีส่ อดคลอ้ งกับรอยเชือ่ มต่อในการเรียนระดับช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๑ ๓. ผูส้ อนระดับประถมศึกษา ผูส้ อนระดับประถมศกึ ษาต้องมีความรู้ ความเข้าใจในพฒั นาการเด็กปฐมวยั และมีเจต คติท่ีดีต่อการจัดประสบการณ์ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย เพ่ือนามาเป็นข้อมูลการพัฒนาการ จัดการเรียนรู้ระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ให้ต่อเน่ืองกับการพัฒนาเด็กในระดับปฐมวัย โดยควร ดาเนนิ การ ดงั นี้ ๓.๑ จัดกิจกรรมให้เด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครอง มีโอกาสได้ทาความรู้จักคุ้นเคยกับ ผสู้ อนและห้องเรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ กอ่ นเปดิ ภาคเรยี น ๓.๒ จัดสภาพห้องเรียนให้ใกล้เคียงกับห้องเรียนระดับปฐมวัย โดยจัดให้มีมุม ประสบการณภ์ ายในห้อง เพื่อใหเ้ ด็กได้มีโอกาสทากิจกรรมไดอ้ ยา่ งอสิ ระ เช่น มุมหนังสือ มุมของเลน่ มุมเกมการศกึ ษา เพื่อช่วยใหเ้ ด็กชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ไดป้ รับตวั และเรียนรจู้ ากการปฏิบัติจริง ๓.๓ จัดกจิ กรรมรว่ มกนั กบั เด็กในการสรา้ งข้อตกลงเกีย่ วกบั การปฏิบัติตน ๓.๔ จัดกิจกรรมช่วยเหลือ ส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับเด็กตามความแตกต่างระหว่าง บคุ คล ๓.๕ เผยแพร่ข่าวสารด้านการเรียนรู้และสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีกับเด็ก พ่อแม่ ผูป้ กครอง และชมุ ชน ๔. พอ่ แม่ ผปู้ กครอง พ่อแม่ ผู้ปกครองเป็นผู้มีบทบาทสาคัญในการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมการศึกษาของ บุตรหลาน และเพ่ือช่วยบุตรหลานของตนเองในการศึกษาต่อชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ควรดาเนินการ ดังน้ี ๔.๑ ศึกษาและทาความเขา้ ใจหลกั สูตรของการศกึ ษาทั้งสองระดับ ๔.๒ จัดหาหนงั สือ อปุ กรณ์ทีเ่ หมาะสมกบั วัยเดก็ ๔.๓ มีปฏิสัมพันธ์ท่ีดีกับบุตรหลาน ให้ความรัก ความเอาใจใส่ ดูแลบุตรหลานอย่าง ใกลช้ ิด ๔.๔ จัดเวลาในการทากิจกรรมรว่ มกับบุตรหลาน เชน่ เล่านทิ าน อา่ นหนงั สอื รว่ มกัน สนทนาพดู คุย ซักถามปญั หาในการเรยี น ให้การเสริมแรงและใหก้ าลงั ใจ ๔.๕ ร่วมมือกับผู้สอนและสถานศึกษาในการช่วยเตรียมตัวบุตรหลาน เพ่ือช่วยให้ บตุ รหลานปรับตัวได้ดขี ้นึ การกากับ ติดตาม ประเมนิ และรายงาน การจัดการศึกษาปฐมวัยมีหลักการสาคัญในการให้สังคม ชุมชน มีส่วนร่วมในการจัด การศึกษาและกระจายอานาจการศึกษาลงไปยังท้องถิ่นโดยตรง โดยเฉพาะสถานศึกษาหรือสถาน หลักสูตรสถานศกึ ษา ระดับปฐมวัย โรงเรียนวดั ทา่ บุญมี ตามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕)
๓๙ พัฒนาเด็กปฐมวัย ซ่ึงเป็นผู้จัดการศึกษาในระดับน้ี ดังน้ัน เพื่อให้ผลผลิตทางการศึกษาปฐมวัยมี คุณภาพตามมาตรฐาน คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์และสอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของชมุ ชนและสงั คม จาเปน็ ต้องมรี ะบบการกากับ ติดตาม ประเมนิ และรายงานที่มปี ระสทิ ธภิ าพ เพื่อใหท้ ุกกล่มุ ทุกฝ่ายท่ีมี ส่วนร่วมรับผิดชอบในการจัดการศึกษา เห็นความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค ตลอดจนการให้ความ ร่วมมือ ช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุน วางแผน และดาเนินงานการจัดการศึกษาปฐมวัยให้มีคุณภาพ อยา่ งแท้จริง การกากับ ติดตาม ประเมินและรายงานผลการจัดการศึกษาปฐมวัยเป็นส่วนหน่ึงของ กระบวนการบริหารการศึกษา กระบวนการนิเทศ และระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ที่ต้อง ดาเนินการอย่างต่อเน่ือง เพ่ือนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาปฐมวัย สร้างความ ม่ันใจให้ผู้เก่ียวข้อง โดยต้องมกี ารดาเนินการที่เป็นระบบเครือข่ายครอบคลุมท้ังหน่วยงานภายในและ ภายนอก ในรูปแบบของคณะกรรมการ ทีม่ าจากบคุ คลทุกระดับและทกุ อาชีพ การกากับ ตดิ ตาม และ ประเมินผลต้องมีการรายงานผลจากทุกระดับให้ทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชนท่ัวไปทราบ เพื่อนาข้อมูล จากรายงานผลมาจัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวั ย ต่อไป หลักสตู รสถานศกึ ษา ระดับปฐมวัย โรงเรียนวัดท่าบุญมี ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๕)
๔๐ ภาคผนวก หลกั สูตรสถานศกึ ษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรยี นวดั ทา่ บุญมี ตามหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรุง พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕)
๔๑ ประกาศโรงเรยี นวัดท่าบุญมี เร่ือง ใหใ้ ชห้ ลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐) ____________________ เพ่ือให้การจัดการศกึ ษาปฐมวัยท่ตี ้องพัฒนาเดก็ ต้ังแตแ่ รกเกิด ๓- ๖ ปี ใหม้ พี ัฒนาการดา้ น รา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และสตปิ ญั ญา ทเ่ี หมาะสมกับวัย ความสามารถและความแตกต่าง ระหว่างบุคคล เป็นการเตรียมความพรอ้ มท่ีจะเรียนรแู้ ละสร้างรากฐานชีวิตให้พัฒนาเด็กปฐมวัยไปสู่ ความเปน็ มนุษยท์ ่ีสมบูรณ์ เปน็ คนดี มีวนิ ัย ภูมิใจชาติ และมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ ตามเจตนารมณข์ องรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๕๔ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ และท่แี กไ้ ขเพิม่ เติม (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ กระทรวงศกึ ษาธิการจึงใหใ้ ชห้ ลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ดังปรากฏแนบท้ายคาสั่งฯ นี้ แทนหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๔๖ เพื่อให้สถานศึกษา นาหลักสูตรฉบับน้ีไปใช้โดยปรับปรุงให้เหมาะสมกับเด็กและสภาพ ทอ้ งถิ่น ท้งั น้ี ตงั้ แต่ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ เป็นต้นไป สั่ง ณ วนั ท่ี ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ (นายสมชาย บุญเอ่ียม) (นายแมนสรวง เมนะเนตร) ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน ผ้อู านวยการโรงเรียนวดั ทา่ บญุ มี โรงเรยี นวัดทา่ บญุ มี หลกั สตู รสถานศกึ ษา ระดับปฐมวยั โรงเรยี นวดั ทา่ บุญมี ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๕)
๔๒ บรรณานุกรม ศึกษาธกิ าร, กระทรวง. (๒๕๖๐), หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั พุทธศกั ราช ๒๕๖๐. กรงุ เทพมหานคร ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. (๒๕๕๓), แนวทางการพฒั นาหลกั สตู รสถานศึกษา เอกสารลาดับที ๓๖/๒๕๕๓ กรุงเทพมหานคร : ไทยพบั บลคิ เอด็ ดูเคช่ัน. (๒๕๔๖), คู่มือหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖. กรงุ เทพมหานคร. ครุ ุสภาลาดพร้าว. (๒๕๖๐), ค่มู ือหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศักราช ๒๕๖๐(สาหรบั เดก็ อายุ ๓ – ๖ ป)ี . กรุงเทพมหานคร. ครุ ุสภาลาดพร้าว. อญั ชลี ไสยวรรณ. (๒๕๕๘), หลกั สตู รการศึกษาปฐมวัยในศตวรรษที ๒๑. เอกสารประกอบการ บรรยาย ๗ - ๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ โรงเรยี นพรศริ ิกลุ จังหวัดตรัง. (๒๕๖๐), หลกั สูตรสถานศกึ ษาระดับการศกึ ษาปฐมวัย เอกสารประกอบการ บรรยาย ๑๓ – ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๐ ณ โรงแรมเดอะพาลาสโซ่ กรงุ เทพมหานคร. หลกั สตู รสถานศึกษา ระดบั ปฐมวัย โรงเรียนวดั ทา่ บุญมี ตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั ปรบั ปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๕)
๔๓ หลักสูตรสถานศกึ ษา ระดับปฐมวยั โรงเรียนวดั ท่าบุญมี ตามหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๕)
Search
Read the Text Version
- 1 - 49
Pages: