Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย

คู่มือการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย

Published by Mana Boontawee, 2023-03-27 08:19:58

Description: คู่มือการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย

Search

Read the Text Version

50 >>> 7.3 การเตรียมความพร้อมป้องกันภัย (ตามบริบทของพ้นื ท)่ี และการแจง้ เหตุ 1) มแี ผนการซอ้ มปอ้ งกนั ภยั ประจำ� ปี มแี ผนผงั อาคารแสดงทต่ี ง้ั ของหอ้ งทกุ หอ้ ง มปี า้ ยบอก ทางหนไี ฟและเครอื่ งดับเพลิง17 2) ฝกึ ซอ้ มการปอ้ งกนั อบุ ตั ภิ ยั ใหแ้ กเ่ ดก็ และบคุ ลากรทกุ คนในสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั เสมอื น เกิดเหตุการณจ์ ริง ไมน่ ้อยกว่าปลี ะ 1 คร้ัง 3) ครูผู้ดูแลเด็กจะต้องผ่านการอบรมหลักสูตรการกู้ชีพเบ้ืองต้นหรือการปฐมพยาบาล เบือ้ งต้น การปอ้ งกนั อุบัตภิ ัย และการเจ็บปว่ ยฉุกเฉนิ ของเด็ก 4) มีหมายเลขโทรศัพท์หรือวิทยุสื่อสารของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อติดต่อได้อย่างทันท่วงที กรณเี กดิ เหตุการณ์ฉุกเฉินหรือจ�ำเป็นทอี่ าจเปน็ อนั ตรายตอ่ เด็ก 17 กระทรวงมหาดไทย กฎกระทรวง ฉบับท่ี 33 พ.ศ. 2535 หมวด 2 คู่มือ การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพ่ือเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 51 บทที่ 8 การดูแลเครอ่ื งใช้สว่ นตัว อปุ กรณ์ ครภุ ณั ฑ์ ให้ปลอดภัย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

52 >>> บทท่ี 8 การดแู ลเครือ่ งใช้ส่วนตวั อุปกรณ์ ครุภณั ฑ์ ให้ปลอดภัย การจดั การเครอ่ื งใชส้ ว่ นตวั อปุ กรณ์ ครภุ ณั ฑ์ ใหป้ ลอดภยั เหมาะสมกบั การใชง้ านและเพยี งพอ หมายถึง การกำ� หนดมาตรฐานและการด�ำเนนิ งานเพื่อป้องกันอันตรายจากการตกจากทสี่ งู ได้แก่ ระเบยี ง บนั ได พื้นท่ลี ืน่ การชนกระแทก โครงสรา้ งแหลมคม โครงสร้างหนัก เชน่ ชน้ั วางของ/ตู้ ล้มทับ การไดร้ ับสารพิษ เชน่ สีทาอาคาร นำ�้ ยาท�ำความสะอาดตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ 8.1 การจัดวางเฟอรน์ ิเจอร์ เครอ่ื งเรือนภายในอาคาร 1) โต๊ะ เก้าอ้ีมีขนาดเหมาะสมกับเด็ก และมีจ�ำนวนเพียงพอ วัสดุที่ใช้เป็นวัสดุท่ีแข็งแรง ทนทาน มีคณุ ภาพดไี ม่ช�ำรุดแตกหกั เชน่ โลหะ ไมเ้ นอื้ แข็งและอน่ื ๆ เปน็ ตน้ 2) อปุ กรณ์ เคร่อื งใช้ และสที ีใ่ ช้ทาอาคารมีความปลอดภัยเปน็ ไปตามท่ีมาตรฐานผลติ ภัณฑ์ อุตสาหกรรม (มอก.) กำ� หนด 3) โต๊ะ ตู้ หรือช้ันวางของต้องแข็งแรงและต้องยึดติดกับผนังหรือพ้ืนอย่างม่ันคง และติด อปุ กรณ์เสรมิ ความปลอดภัยเพอื่ ป้องกันการกระแทกของเด็ก คู่มือ การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพ่ือเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 53 4) ล้ินชกั ต้-ู โตะ๊ ต้องมีตัวชว่ ยลอ็ กและมตี ัวยดึ ภายในกนั ไมใ่ หห้ ลุดออกและตกได้ 5) การจดั วางเฟอร์นเิ จอรค์ วรมตี �ำแหนง่ ท่เี หมาะสม ไมป่ ิดกั้นปลั๊กไฟ ประตู หน้าตา่ ง และ ทางออกฉกุ เฉนิ 6) การใสข่ องต่าง ๆ ควรมีความเหมาะสมกับตู้และไมน่ �ำของวางไว้บนหลังตู้ 7) เฟอร์นเิ จอร์หอ้ งครวั ควรแยกให้เปน็ สัดส่วนแต่ละอุปกรณ์ เชน่ ถงั ก๊าซหุงต้มไมเ่ ก็บในที่ อับอากาศและตัวถังต้องอยูน่ อกอาคาร อุปกรณข์ องมีคมควรเก็บให้มิดชดิ เปน็ ตน้ และตอ้ งแสดง เครอ่ื งหมายสีแบง่ แยกพน้ื ทอี่ นั ตรายใหช้ ดั เจน 8) มีการตรวจสอบความพร้อมใช้งานของอุปกรณ์และเครื่องใช้เป็นประจ�ำ ถ้าอุปกรณ์และ เครอื่ งใช้ไมพ่ รอ้ มใชง้ าน หรือชำ� รุด ใหป้ รบั ปรุงแก้ไขทันที 9) มีการจดั ทำ� ทะเบียนควบคุมตรวจสอบครุภณั ฑ์ อุปกรณ์ เคร่อื งใช้ ใหม้ ีใช้งานครบถ้วน 8.2 สารเคมีอนั ตรายทมี่ ักพบในสถานพฒั นาเด็กปฐมวยั สารตะก่ัว เป็นสารเคมีที่มักพบมากท่ีสุดในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย กลุ่มเด็กเล็กที่มีอายุ ระหว่าง 0-5 ปี เปน็ ช่วงอายทุ มี่ ีความเสย่ี งที่อาจไดร้ ับอนั ตรายตอ่ สขุ ภาพจากการสมั ผสั สารตะก่วั เขา้ สรู่ า่ งกาย และเสย่ี งตอ่ การลดลงของระดบั สตปิ ญั ญา เชน่ เกดิ ปญั หาดา้ นพฒั นาการเจรญิ เตบิ โตชา้ ภาวะโลหิตจาง อาเจียน ปวดท้อง ท้องบิด เป็นต้น แหล่งปนเปื้อนสารตะกั่วในสถานพัฒนา เด็กปฐมวัย ได้แก่ (1) สีทาอาคาร เช่น พื้น ผนัง รั้วเหล็ก หรือเพดานที่มีการหลุดลอกของสี (2) ของเลน่ สนามทมี่ กี ารทาสแี ละมกี ารหลดุ ลอกของสี (3) ภาชนะบรรจอุ าหารและเครอ่ื งดมื่ เชน่ จาน เซรามิกท่ีมีลวดลาย ตู้น�้ำเย็นท่ีมีรอยเชื่อมของตะก่ัว และ (4) เคร่ืองใช้และของเล่นเด็ก เช่น โตะ๊ เขยี น ABC ของเล่นไม้หรือพลาสติก กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

54 >>> สารตะกั่วเข้าสู่ร่างกาย โดยทางการหายใจ เกิดจากการหายใจเอาควัน ไอระเหยหรือฝุ่น ละอองทม่ี ตี ะกว่ั ปนเป้อื นในอากาศเข้าไปในร่างกาย ทางการกิน เกดิ จากการกินอาหาร น้�ำด่ืมทีม่ ี การปนเป้ือนสารตะก่วั โดยเป็นสาเหตสุ �ำคัญทท่ี ำ� ให้เกิดการรับสารตะกว่ั เขา้ สรู่ า่ งกายเดก็ 8.3 การป้องกนั การสมั ผสั สารตะกั่วในสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัย 1) กำ� หนดนโยบายแนวทางการเลอื กใช้สี การซ่อมแซม วสั ดุ อปุ กรณ์เคร่อื งใช้ เครือ่ งเลน่ ใน สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั โดยมีรายละเอียด ดงั นี้ ในการจดั ซอื้ เครอ่ื งเลน่ สนาม ของเลน่ ตลอดจนอปุ กรณเ์ ครอ่ื งใชต้ า่ ง ๆ จะตอ้ งพจิ ารณา เลือกผลิตภัณฑ์ท่ีปลอดสารตะกั่ว หรือได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) รวมทั้ง ส่งเสรมิ การใช้ผลิตภัณฑ์ ของเลน่ ที่เป็นมิตรตอ่ ส่งิ แวดล้อม การทาสีอาคารสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั คร้งั แรก รวมทง้ั การปรับปรุง ซอ่ มแซมอาคาร ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ท่ีได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ไม่มีการปนเปื้อนของ สารตะกั่ว และไมค่ วรใชส้ นี �ำ้ มนั ทาภายในอาคาร หากพบวา่ สบี รเิ วณพน้ื หรอื ผนงั มกี ารหลดุ ลอก ควรมกี ารขดู ลอกสเี กา่ ออกแลว้ ทาสใี หม่ ทับและห้ามมิให้เด็กเข้าไปในบริเวณดังกล่าว โดยใช้มาตรการการขูดลอกสีท่ีปนเปื้อนตะกั่วออก ดว้ ยวธิ กี ารท่ปี ลอดภัยตามแนวทางของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชปู ถมั ภ์ หา้ มทาสีใหม่ทบั สีเกา่ หากยงั ไมม่ กี ารขดู ลอกสีเก่าออก เพราะจะยง่ิ ท�ำให้สที ป่ี นเปอื้ น สารตะก่ัวหลุดออกมามากกว่าเดิม ทำ� ความสะอาดเครอ่ื งเลน่ สนามเพอ่ื กำ� จดั เศษสที หี่ ลดุ ลอกออก และนำ� ไปกำ� จดั อยา่ งถกู วธิ ี ในกรณีท่ีมีเครื่องเล่นสนามเดิมอยู่แล้ว ควรดูแลและบ�ำรุงรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้ สารตะกั่วหลดุ ลอกออกมาจากเคร่อื งเล่นต่าง ๆ 2) การจดั การสภาพแวดล้อมเพือ่ ลดการปนเปอื้ นสารเคมอี ันตราย ครผู ดู้ แู ลเด็กควรศึกษาขอ้ แนะนำ� ค�ำเตอื น และวธิ ีการใช้งานใหเ้ ขา้ ใจ เพ่อื แนะนำ� เดก็ ใหเ้ ขา้ ใจวธิ ีการเล่นที่ปลอดภัย ควรทำ� ความสะอาดทน่ี อน หมอน อปุ กรณก์ ารเรยี น และของเลน่ สำ� หรบั เดก็ เปน็ ประจำ� และควรเฝ้าระวังพฤติกรรมการหยบิ สง่ิ ของแปลกปลอมเขา้ ปาก คู่มือ การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพ่ือเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 55 ครูผู้ดูแลเด็กไม่ให้เด็กเล่นเครื่องเล่นสนาม ของเล่น หรืออุปกรณ์การเรียนท่ีมีสี หลดุ ลอ่ น ควรตรวจสอบ ดแู ล บ�ำรุงรักษาเครื่องเลน่ สนาม ของเล่น หรอื อปุ กรณ์การเรยี นอย่าง สมำ�่ เสมอ ใหอ้ ยใู่ นสภาพดี ไมม่ สี หี ลดุ ลอ่ น หากพบวา่ มสี หี ลดุ ลอ่ นหรอื ชำ� รดุ ใหแ้ จง้ องคก์ ารบรหิ าร สว่ นตำ� บล/เทศบาล หรอื หน่วยงานทีเ่ กย่ี วขอ้ งด�ำเนินการซอ่ มแซมทนั ที ควรให้เด็กลา้ งมือก่อนรับประทานอาหาร หลังจากคลานตามพื้น วิ่งเลน่ นอกสนาม ใช้ มือจบั ส่ิงสกปรก หรือการท�ำกิจกรรมอ่ืน ๆ ท่ีมโี อกาสสัมผสั สารตะกั่วเพ่ือใหเ้ ดก็ มสี ขุ ลักษณะสว่ น บคุ คลทีด่ อี นั จะนำ� ไปสูก่ ารลดการสัมผัสสารตะกว่ั ได้ 3) ควรปรกึ ษาแพทยท์ นั ทเี มอื่ สงั เกตพบอาการผดิ ปกตขิ องเดก็ เชน่ มอี าการซดี มาก ชกั ซมึ ปวดทอ้ ง พฒั นาการชา้ การเจริญเตบิ โตช้า ฯลฯ 4) พฒั นาใหค้ รผู ดู้ แู ลเดก็ มคี วามรเู้ บอื้ งตน้ เกย่ี วกบั การปนเปอ้ื นและอนั ตรายของสารตะกว่ั จดั กจิ กรรมทเี่ หมาะสมกบั พฒั นาการของเดก็ ตามวยั โดยเจา้ หนา้ ทสี่ าธารณสขุ ในพน้ื ทที่ ำ� การอบรม ครผู ู้ดแู ลเด็กทกุ ปี 8.4 การใชส้ ารเคมที ำ� ความสะอาดในสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั การใชส้ ารเคมที ำ� ความสะอาดในสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั สามารถชว่ ยปอ้ งกนั และลดการแพร่ กระจายเชอื้ เนอื่ งจากเชอื้ โรคทไี่ มส่ ามารถมองเหน็ ดว้ ยตาเปลา่ และมชี วี ติ อยใู่ นสงิ่ แวดลอ้ มไดน้ าน หลายชวั่ โมง หลายวนั หรอื เปน็ สปั ดาห์ ทำ� ใหม้ โี อกาส สัมผัสเชื้อมากขึ้น โดยเฉพาะในสถานพัฒนา เด็กปฐมวัย เด็กส่วนใหญ่ชอบน่ัง นอน คลุกคลีกบั เครอ่ื งเล่น พื้น ผนังห้องเปน็ ประจำ� ดงั นนั้ การทำ� ความสะอาด พื้น ผนงั เพดาน ทง้ั ภายในและภายนอกอาคาร ของเลน่ ของใชส้ ว่ นตวั เดก็ อยา่ งสมำ�่ เสมอ จงึ เปน็ สง่ิ จำ� เปน็ ในการปอ้ งกนั การตดิ เชอื้ และการแพร่กระจายเช้อื กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

56 >>> การเลือกใช้น�้ำยาท�ำความสะอาด สามารถเลือกใช้น้�ำยาท�ำความสะอาดทั่วไปที่ใช้ในชีวิต ประจำ� วนั เชน่ สบู่ นำ�้ ยาลา้ งจาน ผงซกั ฟอก นำ�้ ยาซกั ผา้ หรอื นำ้� ยาทำ� ความสะอาดสขุ ภณั ฑใ์ นครวั เรือน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ท่ีไม่มีสารตกค้าง เลือกให้เหมาะสมกับลักษณะพ้ืนผิว วัสดุอุปกรณ์ เครอื่ งมอื เครอ่ื งใช้ ศกึ ษาและปฏบิ ตั ติ ามวธิ กี ารใชง้ านจากฉลากผลติ ภณั ฑ์ และใชใ้ นปรมิ าณทเ่ี หมาะสม ส�ำหรับผงซักฟอกหรือนำ�้ ยาซักผ้าควรเลือกผลิตภัณฑ์ซักผ้าส�ำหรับเด็กโดยเฉพาะการเก็บสารเคมี หรือน�้ำยาท�ำความสะอาดควรเก็บไว้ในที่ปลอดภัย โดยอาจเก็บในตู้ หรือช้ันเก็บวัสดุอุปกรณ์ที่มี ความมน่ั คง แขง็ แรง และเกบ็ ใหพ้ น้ มอื เดก็ เพอื่ ปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ ดก็ สมั ผสั หรอื รบั ประทานสารเคมนี เ้ี ขา้ ไป 8.5 การดแู ลความสะอาดเครื่องใช้สว่ นตัวสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั 1) เคร่ืองนอนประจ�ำตวั เดก็ ได้แก่ ทนี่ อน ผ้าปูที่นอน หมอน ปลอกหมอน ผ้าหม่ สะอาด อยู่ในสภาพดี และมเี ฉพาะเด็กแตล่ ะคน มีการทำ� ความสะอาดอยสู่ มำ�่ เสมอ อย่างนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ 1 ครงั้ ดว้ ยการซกั และผ่ึงแดด เพื่อลดการแพร่ของเชื้อโรค 2) มีแก้วน�้ำส�ำหรับแปรงฟันหรือดื่มน�้ำท่ีสะอาด โดยท่ีเด็กแต่ละคนไม่ใช้แก้วน�้ำซ้�ำกัน ถา้ เปน็ เดก็ ทสี่ ามารถจำ� แกว้ นำ�้ ตนเองไดค้ วรจดั ใหม้ แี กว้ ประจำ� ตวั เดก็ แตถ่ า้ เดก็ ยงั ไมส่ ามารถจำ� ได้ ควรจดั ใหม้ แี ก้วจำ� นวนมากพอกับจ�ำนวนเดก็ 3) หลงั การใชแ้ กว้ นำ้� ทกุ ครง้ั ตอ้ งลา้ งดว้ ยนำ�้ ยาลา้ งภาชนะและนำ้� สะอาดอกี 2 ครง้ั แลว้ ควำ�่ หรอื แขวนใหแ้ ห้ง โดยน้�ำตอ้ งไม่ค้างในแก้ว คู่มือ การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 57 บทที่ 9 การจดั การส้วมและสิ่งปฏกิ ูล กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

58 >>> บทที่ 9 การจัดการส้วมและสิง่ ปฏกิ ูล “สว้ ม” เป็นสถานท่สี ำ� คัญและมีความจ�ำเป็นตอ่ ความเป็นอยูข่ องมนุษย์ ซงึ่ เป็นท่ีรองรบั สิง่ ขับถ่ายหรืออุจจาระจากคน ซึ่งเป็นของเสียที่ก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสาธารณสุขเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีกลนิ่ เหม็นเป็นท่นี า่ รังเกยี จแล้วยงั เปน็ แหล่งเพาะพันธเ์ุ ชือ้ โรค แหลง่ เพาะพันธุ์ ของแมลงน�ำโรค เช่น แมลงวัน อกี ดว้ ย ฉะนน้ั จงึ ตอ้ งมกี ารจัดการส้วมที่ถกู หลักการสขุ าภิบาลและ กำ� จดั อุจจาระใหถ้ ูกวธิ ี 9.1 การจดั การส้วม ส้วม หมายถงึ สถานท่ที ใี่ ชเ้ ก็บรวมรวบ บำ� บัด และก�ำจัดอจุ จาระ ปัสสาวะทม่ี นษุ ยข์ บั ถ่าย ออกมาโดยทำ� ให้เกดิ การยอ่ ยสลาย ป้องกนั การแพรร่ ะบาดของเชือ้ โรค ไมก่ ่อให้เกิดความรำ� คาญ ไมเ่ ปน็ แหลง่ เพาะพันธุ์ของสัตวแ์ ละแมลงพาหะน�ำโรค 1) จ�ำนวนห้องส้วม สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยต้องมีท่ีถ่ายอุจจาระ 1 ท่ี ต่อเด็กอายุ 1 ปี ข้ึนไป 10 คน 2) ลักษณะของส้วมท่ีถูกสุขลักษณะ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 63 (พ.ศ. 2551) ออกตาม ความในพระราชบญั ญัตคิ วบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 ตอ้ งมลี กั ษณะดังนี้ (1) ตวั เรือนสรา้ งดว้ ยวสั ดทุ นทาน ท�ำความสะอาดงา่ ย ควรเลอื กใช้สขุ ภัณฑ์ กระเบื้อง ปพู น้ื และผนงั เปน็ วสั ดไุ มด่ ดู ซบั นำ�้ ผวิ เรยี บ ทำ� ใหไ้ มเ่ ปน็ แหลง่ หมกั หมมของเชอ้ื โรคและมกี ลน่ิ เหมน็ คู่มือ การจัดการอนามัยส่ิงแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 59 (2) ระยะดง่ิ ระหวา่ งพ้ืนหอ้ งนำ้� ถึงเพดานฝา้ ต้องสงู ไมน่ ้อยกวา่ 2.40 เมตร มีชอ่ งระบาย อากาศไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 10 ของพืน้ ที่หอ้ ง หรือมีพัดลมระบายอากาศได้เพยี งพอ (3) หอ้ งส้วมตอ้ งมีขนาดพื้นที่ภายในไมน่ อ้ ยกว่า 0.90 ตารางเมตรตอ่ 1 ทีน่ งั่ โดยตอ้ งมี ความกว้างภายในไมน่ ้อยกว่า 0.90 เมตร และความยาวไม่นอ้ ยกวา่ 1 เมตร (4) มีแสงสว่างไมน่ อ้ ยกว่า 100 ลักซ์ หรือสวา่ งพอมองเห็นลายมือไดช้ ัดเจนเพ่อื ปอ้ งกัน อุบัตเิ หตขุ ณะใช้สว้ ม การใชห้ ลงั คาโปร่งแสงเพอ่ื รบั แสงจากธรรมชาติ จะชว่ ยประหยัดพลังงาน (5) สุขภัณฑ์และห้องส้วมต้องมีขนาดเหมาะสมส�ำหรับการใช้ของเด็ก กรณีเป็นโถส้วม ผู้ใหญ่ต้องจัดให้มีสิ่งช่วยเสริมการใช้ที่ปลอดภัย เช่น ราวจับ หรือฐานรองยืนที่ม่ันคง และติดต้ัง อปุ กรณ์ชว่ ยคนพิการ (6) พื้นที่ห้องส้วมต้องมีความลาดเอียง ไม่น้อยกว่า 1:100 และมีจุดระบายน้�ำท้ิงอยู่ใน ตำ� แหนง่ ต่ำ� สดุ ของพื้นห้อง (7) ต�ำแหนง่ ประตูหอ้ งสว้ มออกแบบใหเ้ หมาะสมกบั พื้นที่ และไมเ่ ปิดประตตู รงส่บู ริเวณ ทเี่ ตรียมอาหารและที่ปรงุ อาหาร (8) ประตูจะต้องไม่มีกลอนหรือกุญแจ และมีความสูงที่สามารถมองเห็นเด็กได้จาก ภายนอก และเดก็ สามารถเปิด-ปดิ เองได้จากภายใน (9) มีระบบเก็บกักสิ่งปฎิกูลถูกสุขลักษณะ ไม่ช�ำรุด สามารถป้องกันสัตว์ แมลงพาหะ นำ� โรค และไมป่ นเปอ้ื นแหลง่ นำ�้ ธรรมชาต/ิ แหลง่ นำ้� ใตด้ นิ โดยหา่ งจากแหลง่ นำ้� อยา่ งนอ้ ย 30 เมตร (10) มีที่ล้างมือภายในหรือภายนอกห้องส้วมที่สะดวกต่อการล้างมือ จัดให้มีสบู่หรือเจล แอลกอฮอลแ์ ละผา้ เช็ดมือท่ีสะอาดพรอ้ มใช้ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

60 >>> 3) จดุ เสี่ยงในห้องสว้ ม ห้องส้วมเปน็ พ้ืนที่ที่มักมกี ารปนเปอื้ นของเช้อื โรคทม่ี าจากอุจจาระ ทำ� ใหผ้ ู้ใชง้ านในหอ้ งส้วมท่ีไม่สะอาด หรือมกี ารจัดการทีไ่ ม่ถูกสขุ ลักษณะมีโอกาสเสี่ยงตอ่ การเกิด โรคตดิ ตอ่ หรอื โรคระบบทางเดนิ อาหารทมี่ าจากการปนเปอ้ื นของอจุ จาระได้ โดยจดุ เสยี่ งทพ่ี บมาก ที่สุด ไดแ้ ก่ ทจ่ี ับสายฉดี น้�ำช�ำระ พ้ืนห้องสว้ ม ทร่ี องนัง่ สว้ ม ท่ีกดน�้ำของโถสว้ ม ที่กดโถปสั สาวะ ก๊อกนำ�้ และกลอนประตู 4) การทำ� ความสะอาดห้องนำ้� ห้องสว้ ม เพอื่ ป้องกันไมใ่ หม้ ีกลนิ่ รบกวน จงึ จ�ำเปน็ ตอ้ งมกี าร ดูแลรักษาความสะอาด ซึ่งขนั้ ตอนในการท�ำความสะอาดห้องสว้ ม มีดังนี้ (1) สำ� รวจดหู ยากไยท่ ุกวัน ถ้าพบให้กวาดออกและใหท้ �ำความสะอาดทันที (2) กรณมี ถี งั ขยะ ควรเกบ็ ขยะแลว้ ผกู ปากถงุ ใหแ้ นน่ แลว้ นำ� ไปกำ� จดั ใหถ้ กู ตอ้ งทกุ วนั โดย จะต้องมกี ารล้างและทำ� ความสะอาดถังขยะอยา่ งนอ้ ยสัปดาห์ละ 1 ครัง้ (3) ทำ� ความสะอาดพนื้ ผนงั ฉากกนั้ ประตดู า้ นใน ประตดู า้ นนอก ลกู บดิ ประตแู ละกลอน ประตูดว้ ยนำ�้ ยาทำ� ความสะอาด อย่างนอ้ ยสปั ดาห์ละ 2 ครง้ั (4) ทำ� ความสะอาดและเชด็ กระจกส่องหน้าให้ใสสะอาด อย่างนอ้ ยสปั ดาห์ละ 1 คร้ัง (5) ขดั ลา้ งอา่ งลา้ งหนา้ กอ๊ กนำ�้ ขอบอา่ ง ใตอ้ า่ ง เนน้ พเิ ศษบรเิ วณสะดอื อา่ ง หลงั จากนน้ั เช็ดใหแ้ หง้ อย่างนอ้ ยวนั ละ 1 ครงั้ (6) ขดั ลา้ งและทำ� ความสะอาดทกี่ ดชกั โครก ทรี่ องนง่ั โถสว้ ม สายฉดี ชำ� ระ และโถปสั สาวะ ท้งั ดา้ นในและดา้ นนอกทุกวัน คู่มือ การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 61 (7) ท�ำความสะอาดพื้นห้องส้วมทุกวัน รวมถึงการดูแลพื้นห้องส้วมให้แห้งสะอาด เพื่อ ปอ้ งกันการลื่นหกลม้ (8) ส�ำรวจตรวจสอบอุปกรณ์หรือสุขภัณฑ์ในห้องส้วม เช่น ระบบท่อ วาล์วเปิด-ปิดน�้ำ กลอนประตู เปน็ ต้น ถา้ หากชำ� รุดตอ้ งมีการซอ่ มแซมหรือเปล่ียนใหม ่ 5) เกณฑ์มาตรฐานสว้ มสาธารณะระดับประเทศ (HAS) มาตรฐาน HAS การพฒั นาสว้ มในสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ใหไ้ ดม้ าตรฐาน เพอื่ ไมใ่ หเ้ ปน็ แหลง่ แพร่โรคติดต่อจะเน้นพัฒนาส้วมให้บรรลุ 3 เรื่อง คือ สะอาด เพียงพอ ปลอดภัย (Healthy Accessibility Safety: HAS) สะอาด (Healthy) หมายถึง ส้วมต้องได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมให้มีลักษณะตามเกณฑ์ ตอ้ งไดร้ บั การดำ� เนนิ การใหถ้ กู หลกั สขุ าภบิ าล (Sanitation Conditions) เชน่ หอ้ งสว้ มและสขุ ภณั ฑ์ ท้ังหมดจะต้องสะอาดไม่มีกลิ่นเหม็น มีวัสดุอุปกรณ์บริการ เช่น น�้ำสะอาด สบู่ล้างมือ กระดาษ ชำ� ระ ตอ้ งเพียงพอ การเกบ็ กักหรอื บำ� บัดสิ่งปฏกิ ลู ถกู ต้องและมีสภาพแวดล้อมสวยงาม ซึง่ จะสง่ ผลดีต่อทง้ั ทางรา่ งกาย และจิตใจของผู้ใช้สว้ ม เพียงพอ (Accessibility) หมายถึง ต้องมีส้วมให้เพียงพอแก่ความต้องการของผู้ใช้รวมถึง ผพู้ ิการ ผูส้ ูงวยั หญงิ ต้งั ครรภ์ และสว้ มตอ้ งพรอ้ มใชง้ านตลอดเวลาท่ีเปิดใหบ้ รกิ าร ปลอดภยั (Safety) หมายถงึ ตอ้ งปรบั ภมู ทิ ศั นใ์ หส้ วยงาม ดแู ลสถานทต่ี ง้ั ไมเ่ ปลย่ี ว หอ้ งสว้ ม แยกเพศชาย-หญิง และมีแสงสว่างเพียงพอ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

62 >>> เกณฑม์ าตรฐานสว้ มสาธารณะระดบั ประเทศ สำ� หรบั ใชใ้ นการประเมนิ โอกาสเสย่ี งของปญั หา เรื่องสว้ ม มีดงั นี้ ความสะอาด (Healthy: H) (1) พื้น ผนัง เพดาน โถสว้ ม ทกี่ ดโถสว้ ม โถปัสสาวะ สะอาด ไม่มีคราบสกปรก อยู่ใน สภาพดีใช้งานได้ (2) นำ้� ใช้สะอาด เพียงพอ และไมม่ ีลูกน�้ำยุง ภาชนะเก็บกกั นำ้� ขนั ตักนำ้� สะอาด อยใู่ น สภาพดใี ชง้ านได้ (3) กระดาษช�ำระเพียงพอต่อการใช้งานตลอดเวลาที่เปิดให้บริการ (อาจจ�ำหน่ายหรือ บริการฟร)ี หรอื สายฉดี น�ำ้ ช�ำระทีส่ ะอาด อยู่ในสภาพดใี ชง้ านได้ (4) อ่างล้างมอื กอ๊ กน�ำ้ กระจก สะอาด ไมม่ ีคราบสกปรก อยูใ่ นสภาพดีและใชง้ านได้ (5) สบ่ลู ้างมอื พร้อมให้ใชต้ ลอดเวลาท่เี ปดิ ให้บริการ (6) ถงั รองรบั มลู ฝอยสะอาดมฝี าปดิ อยใู่ นสภาพดไี มร่ ว่ั ซมึ ตง้ั อยใู่ นบรเิ วณอา่ งลา้ งมอื หรอื บริเวณใกล้เคียง (7) มีการระบายอากาศดีและไม่มกี ลิน่ เหม็น (8) สภาพท่อระบายสิง่ ปฏิกลู และถังเกบ็ กักไมร่ ่ัว แตก หรอื ชำ� รดุ (9) จดั ให้มีการทำ� ความสะอาด และระบบการควบคุมตรวจตราเปน็ ประจำ� ความเพียงพอ (Accessibility: A) (10) จัดให้มีส้วมน่ังราบส�ำหรับผู้พิการ ผู้สูงวัย หญิงต้ังครรภ์และประชาชนท่ัวไป อย่างนอ้ ย 1 ที่ (11) ส้วมสาธารณะพรอ้ มใช้งานตลอดเวลาทเ่ี ปดิ ใหบ้ รกิ าร คู่มือ การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพ่ือเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 63 ความปลอดภยั (Safety: S) (12) บรเิ วณทีต่ ัง้ สว้ มต้องไมอ่ ยทู่ ่ลี บั ตา/เปลี่ยว (13) กรณีท่มี ีห้องส้วมตัง้ แต่ 2 ห้องข้ึนไป ให้แยกเปน็ ห้องสว้ มส�ำหรบั ชาย-หญงิ โดยมปี ้าย หรอื สญั ลกั ษณ์ทช่ี ัดเจน (14) ประตทู ่ีจบั เปดิ -ปิด และที่ลอ็ กด้านใน สะอาด อยใู่ นสภาพดใี ช้งานได้ (15) พื้นหอ้ งส้วมแหง้ (16) แสงสวา่ งเพยี งพอ สามารถมองเหน็ ได้ทัว่ บรเิ วณ 9.2 การจดั การส่ิงปฏกิ ลู ตามนิยามของกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการส่ิงปฏิกูล พ.ศ. 2561 “ส่ิงปฏิกูล” หมายความวา่ อจุ จาระหรอื ปัสสาวะของคน หรอื สง่ิ อืน่ ใดท่ปี นเปอ้ื นอุจจาระหรือปัสสาวะ ระบบเกบ็ กกั สง่ิ ปฏกิ ลู ตอ้ งถกู สขุ ลกั ษณะ ไมช่ ำ� รดุ สามารถปอ้ งกนั สตั วแ์ มลงพาหะนำ� โรคได้ และไมป่ นเปอ้ื นแหลง่ นำ้� ธรรมชาติ แหลง่ นำ้� ใตด้ นิ โดยหา่ งอยา่ งนอ้ ย 30 เมตร ถา้ ไมม่ ใี หต้ อ่ ทอ่ เกบ็ อุจจาระไปให้ไกลจากแหล่งน�้ำมากท่ีสดุ การจัดการสิง่ ปฏกิ ูลในสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัย ควรปฏบิ ัติดงั นี้ 1) มีหอ้ งส้วมที่ถกู หลักสุขาภบิ าลและจ�ำนวนเพยี งพอ 2) ระบบทอ่ และระบบเกบ็ กกั อจุ จาระหรอื บอ่ เกรอะ (Septic Tank) อยใู่ นสภาพใชก้ ารไดด้ ี ไมแ่ ตกและไม่รวั่ ซึม 3) บอ่ เกรอะมกี ารตดิ ตั้งท่อระบายอากาศ เพ่ือชว่ ย ระบายกา๊ ซท่ีเกิดข้นึ ในบ่อเกรอะ 4) มกี ารสูบสง่ิ ปฏิกูลในบ่อเกรอะไปก�ำจัด เมอื่ สว้ มเตม็ หรอื สงิ่ ปฏกิ ลู มปี รมิ าณมาก เกนิ ขนาด ถงั เกรอะทอี่ อกแบบไว้ ในการสบู สงิ่ ปฏกิ ลู ควรใช้ บริการจากรถสูบส่ิงปฏิกูลขององค์กรปกครอง สว่ นทอ้ งถน่ิ หรอื รถสบู ทไี่ ดร้ บั อนญุ าตจากองคก์ ร ปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

64 >>> ผลกระทบของส่ิงปฏกิ ลู ตอ่ สขุ ภาพและส่งิ แวดล้อม 1) ผลกระทบต่อสิ่งแวดลอ้ ม กอ่ ใหเ้ กิดมลพิษทางน้�ำและดิน หากไมม่ ีการจดั การใหถ้ ูกต้อง หรือน�ำไปใช้โดยไม่ผ่านการบ�ำบัดที่ถูกต้อง น�้ำและดินที่ปนเปื้อนสิ่งปฏิกูลจะท�ำให้เกิดน้�ำเน่าเสีย และมกี ารปนเป้อื นเชอื้ โรค 2) เปน็ แหล่งเพาะพันธขุ์ องแมลงและสตั วน์ ำ� โรค เช่น แมลงวัน แมลงสาบ เปน็ ตน้ สงิ่ ปฏิกูล ที่มีการจัดการไม่ถูกต้องตามสุขลักษณะ จะเป็นแหล่งอาหาร แหล่งเพาะพันธุ์และที่อยู่อาศัยของ แมลงและสัตว์นำ� โรค 3) ทำ� ให้เกิดกล่ินเหมน็ และเปน็ เหตรุ ำ� คาญ 4) ก่อให้เกิดส่ิงแวดล้อมท่ีน่ารังเกียจ ท�ำให้ทัศนียภาพเส่ือมเสีย สกปรก ขาดความเป็น ระเบยี บ คู่มือ การจัดการอนามัยส่ิงแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพ่ือเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 65 บทที่ 10 การจัดการมูลฝอย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

66 >>> บทท่ี 10 การจดั การมลู ฝอย ปญั หาขยะมลู ฝอยในประเทศไทยถอื เปน็ ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ มทส่ี ำ� คญั ทเ่ี กดิ ขนึ้ จากนำ้� มอื มนษุ ย์ ซ่ึงมีปัญหาท่ีเก่ียวเน่ืองกันในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการบริโภคและการแยกขยะจาก ต้นทาง การจัดการขยะที่ไม่ได้มาตรฐานก่อให้เกิดมลพิษและไม่เกิดการน�ำกลับมาใช้ซ�้ำ ปัญหา มลพษิ และสงิ่ แวดลอ้ ม เชน่ ปฏกิ ริ ยิ าเรอื นกระจก นำ้� เนา่ เสยี สภาพความเปน็ กรดในดนิ กลนิ่ เหมน็ ทเ่ี กิดจากการเน่าเป่ือย ปัญหาขยะในทะเลท่ีส่งผลกระทบตอ่ สภาพแวดลอ้ มและชีวติ ความเป็นอยู่ ของสตั วใ์ นทะเล เปน็ ต้น “มลู ฝอย” หมายถงึ เศษกระดาษ เศษผา้ เศษอาหารเศษสนิ คา้ เศษวตั ถุ ถงุ พลาสตกิ ภาชนะ ทีใ่ ส่อาหาร เถา้ มลู สัตว์ ซากสัตว์ หรอื สิง่ อ่ืนใดท่เี ก็บกวาดจากถนน ตลาด ทเ่ี ลยี้ งสตั ว์ หรือท่ีอ่นื และหมายความรวมถึงขยะติดเช้ือ ขยะที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน (พระราชบัญญัติ การสาธารณสขุ พ.ศ.2535 และแก้ไขเพม่ิ เตมิ พ.ศ. 2560) “การจดั การมลู ฝอย” หมายถงึ การดำ� เนนิ การทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การควบคมุ การทง้ิ การเกบ็ ชวั่ คราว การรวบรวม การขนถา่ ยและการขนสง่ คู่มือ การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 67 10.1 ประเภทของมูลฝอย โดยปกติมูลฝอยท่ีเกิดข้ึนในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ 1) มลู ฝอยอนิ ทรีย์หรอื มลู ฝอยยอ่ ยสลายได้ หมายถึง มลู ฝอย ที่เน่าเสียและย่อยสลายได้เร็ว สามารถน�ำมาหมักท�ำปุ๋ยได้ เช่น เศษผัก เปลอื กผลไม้ เศษอาหาร ใบไม้ เศษเนือ้ สัตว์ เป็นตน้ 2) มลู ฝอยนำ� กลบั มาใชใ้ หมห่ รอื มลู ฝอยรไี ซเคลิ หมายถงึ มลู ฝอย ทวั่ ไปทส่ี ามารถนำ� กลบั มาใชใ้ หมห่ รอื นำ� มาผลติ เปน็ ผลติ ภณั ฑใ์ หมไ่ ด้ เช่น แก้ว กระดาษ กระป๋องเครื่องดื่ม เศษพลาสติก เศษโลหะ อะลูมเิ นยี ม ยางรถยนต์ กล่องเคร่อื งด่มื แบบ UHT เป็นต้น 3) มูลฝอยท่วั ไป หมายถงึ มลู ฝอยประเภทอน่ื นอกเหนอื จาก มูลฝอยอินทรีย์ มูลฝอยรีไซเคิล และมูลฝอยอันตรายมีลักษณะท่ี ย่อยสลายยากและไม่คุ้มค่าส�ำหรับการน�ำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ เช่น ถุงพลาสติก พลาสติกห่อลูกอม ซองบะหม่ีก่ึงส�ำเร็จรูป ถงุ พลาสติกเป้อื นอาหาร เปน็ ต้น 4) มลู ฝอยท่ีเปน็ พิษหรืออันตรายจากชมุ ชน หมายถึง มูลฝอย ทเ่ี ป็นพษิ หรืออันตรายทีเ่ กิดจากกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชุมชน ทีเ่ ปน็ วตั ถุ หรือปนเป้อื นสารท่มี คี ณุ สมบัตเิ ปน็ สารพษิ สารไวไฟ สารออกซไิ ดซ์ สารเปอรอ์ อกไซด์ สารระคายเคอื ง สารกัดกร่อน สารทเี่ กิดปฏกิ ิริยา ได้ง่าย สารท่ีเกิดระเบิดได้ สารท่ีท�ำให้เกิดการเปล่ียนแปลงทาง พันธุกรรม สารหรือสิ่งอ่ืนใดที่อาจก่อหรือมีแนวโน้มท่ีจะท�ำให้เกิด อนั ตรายแก่บุคคล สตั ว์ พืช ทรัพยส์ ิน หรอื สง่ิ แวดล้อม แตไ่ ม่หมาย รวมถึงขยะท่ัวไป ขยะติดเชื้อ กากกมั มนั ตรังสี และของเสยี อันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน 5) มูลฝอยติดเชื้อ หมายถึง มูลฝอยท่ีมีเชื้อโรคปะปนอยู่ใน ปรมิ าณหรอื มคี วามเขม้ ขน้ ซงึ่ ถา้ มกี ารสมั ผสั หรอื ใกลช้ ดิ กบั มลู ฝอยนน้ั แลว้ สามารถทำ� ให้เกิดโรคได้ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

68 >>> 10.2 การลดปรมิ าณมูลฝอย โดยใชห้ ลัก 3 R ไดแ้ ก่ 1) ลดการใช้ (Reduce) หมายถงึ การลดปริมาณการใช้ลงโดยใช้เท่าทจี่ �ำเปน็ หลกี เลี่ยงการ ใชอ้ ยา่ งฟมุ่ เฟอื ยเพอื่ ลดการสญู เปลา่ และลดปรมิ าณมลู ฝอยในสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ไดม้ ากทส่ี ดุ เช่น การใช้ตะกร้าหรือถุงผ้าในการจับจ่ายซื้อของ เพื่อลดปริมาณพลาสติกและโฟมซ่ึงก�ำจัดยาก การใชแ้ กว้ ส่วนตวั แทนการใชแ้ กว้ ครง้ั เดียวแล้วทงิ้ การใช้ป่ินโตหรือกลอ่ งใส่อาหารเพอื่ ลดมลู ฝอย จากโฟมซึ่งยอ่ ยสลายยาก เป็นต้น 2) การใชซ้ ำ้� (Reuse) หมายถงึ การนำ� ของเสยี บรรจภุ ณั ฑห์ รอื วสั ดเุ หลอื ใชก้ ลบั มาใชอ้ กี โดย ไมผ่ า่ นกระบวนการแปรรปู หรอื แปรสภาพ เชน่ การทำ� สงิ่ ประดษิ ฐจ์ ากวสั ดเุ หลอื ใช้ การใชก้ ระดาษ สองหนา้ การนำ� ขวดใสน่ ้�ำดืม่ ท่ีเปน็ พลาสติกมาปลกู ไมป้ ระดับ เป็นตน้ 3) การแปรรปู กลบั มาใชใ้ หม่ (Recycle) หมายถงึ การนำ� มลู ฝอยรไี ซเคลิ ของเสยี บรรจภุ ณั ฑ์ หรือวัสดุเหลือใช้มาแปรรูปเป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิต หรือเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น การนำ� กลอ่ งเครื่องด่ืม UHT มาแปรรูปเปน็ ตะกรา้ การน�ำกระดาษ มาแปรรปู เป็นกล่องทิชชู การนำ� ขวดพลาสติกใส (PET) มาแปรรูปเป็นเส้อื เปน็ ต้น 10.3 อันตรายหรือผลกระทบจากมลู ฝอยประเภทต่างๆ 1) การปนเปื้อนตอ่ ดิน เกดิ จากการนำ� มูลฝอยกองทง้ิ หรอื ขุดหลุมท้งิ โดยไมถ่ ูกหลกั วชิ าการ ท�ำให้มีสารเคมีจากมลู ฝอยปนเป้อื นอยู่ในดนิ ท�ำใหส้ ภาพดินเสีย 2) การเกดิ มลพษิ อากาศ เกดิ จากการเผามลู ฝอยในทแี่ จง้ หรอื ในเตาเผาทไ่ี มไ่ ดม้ าตรฐานกอ่ ใหเ้ กิดควันด�ำ ฝ่นุ ละออง และสารมลพษิ ในอากาศ ทำ� ให้คณุ ภาพอากาศเสอื่ มโทรม คู่มือ การจัดการอนามัยส่ิงแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพ่ือเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 69 3) การปนเปื้อนต่อน้�ำและแหล่งน�้ำ ผลกระทบโดยตรงเกิดจากการทิ้งมูลฝอยลงสู่แหล่งน�้ำ ทำ� ให้แหลง่ นำ�้ สกปรก กระทบต่อการใชป้ ระโยชนจ์ ากแหลง่ น้�ำนน้ั เชน่ การน�ำน้�ำไปทำ� นำ�้ ประปา ใชเ้ ปน็ น้ำ� อุปโภค การทอ่ งเที่ยวทางน้ำ� เป็นต้น 4) เปน็ แหลง่ อาหาร แหลง่ เพาะพนั ธข์ุ องแมลงพาหะนำ� โรคและแหลง่ แพรเ่ ชอ้ื โรค การจดั การ มูลฝอยทีไ่ ม่ถกู ต้อง เช่น ภาชนะใสม่ ูลฝอยไม่มดิ ชดิ หรอื มขี นาดไมเ่ พียงพอ การเก็บรวบรวมท่ไี มม่ ี ประสทิ ธภิ าพ หรอื ก�ำจดั ไม่ถกู ตอ้ ง มลู ฝอยเหลา่ นจี้ ะเปน็ อาหาร แหลง่ เพาะพันธข์ุ องแมลงพาหะ น�ำโรค ได้แก่ หนู แมลงสาบ แมลงวัน ฯลฯ เม่ือมีจ�ำนวนมากข้ึนจะท�ำให้มีโอกาสแพร่กระจาย เช้ือโรคตดิ ตอ่ สูส่ ง่ิ แวดล้อมได้ 5) กอ่ ใหเ้ กดิ เหตุร�ำคาญและทัศนยี ภาพทไี่ ม่น่ามอง เกดิ จากการรวบรวม เก็บขน และก�ำจดั มูลฝอยไม่หมดหรอื ไม่ดีพอ ก่อให้เกิดกล่นิ เหมน็ รบกวน 10.4 การเก็บรวบรวมมูลฝอย 1) ภาชนะรองรับมูลฝอยทั่วไป ท�ำจากวัสดุท่ีท�ำความสะอาดง่าย มีความแข็งแรง ทนทาน ไม่รั่วซึม มีฝาปิดมิดชิด สามารถป้องกนั สตั วแ์ ละแมลงพาหะนำ� โรคได้ มีขนาดเหมาะสม สามารถ เคลื่อนย้ายได้สะดวกและง่ายต่อการถ่ายและเทมูลฝอย รวมทั้งมีข้อความว่า “มูลฝอยท่ัวไป” มขี นาดและสขี องข้อความทส่ี ามารถมองเห็นไดช้ ดั เจน 2) หมน่ั ทำ� ความสะอาดทภ่ี าชนะรองรบั มลู ฝอยอยา่ งสมำ่� เสมอ และไมม่ มี ลู ฝอยตกคา้ งรอบ ๆ ทีร่ องรับมูลฝอย รางระบายน�ำ้ และพนื้ รอบอาคาร กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

70 >>> 3) ควรมจี ดุ รวบรวมมลู ฝอยทเี่ พยี งพอ เปน็ สดั สว่ น และแยกตามชนดิ ของมลู ฝอยเพอ่ื สะดวก ในการน�ำไปจัดการใหถ้ ูกต้องต่อไป 4) การบรรจุขยะเพ่ือง่ายต่อการรวบรวม ควรใช้ถุงพลาสติกหรือถุงที่ท�ำมาจากวัสดุอ่ืนที่มี ความเหนียว ทนทาน ไม่ฉีกขาดง่าย ไม่ร่ัวซึม ขนาดเหมาะสม มัดปากถุงให้แน่นก่อนใส่ภาชนะ รองรบั ขยะ 10.5 การก�ำจัดมูลฝอย ตอ้ งมกี ารกำ� จดั มลู ฝอยทถี่ กู ตอ้ งตามหลกั สขุ าภบิ าล เลอื กวธิ กี ำ� จดั ทเี่ หมาะสม และควรมกี าร ประสานงานกบั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ในเขตพนื้ ทเี่ รอื่ งตารางการรบั มลู ฝอย เพอื่ ไมใ่ หม้ มี ลู ฝอย ตกค้าง และมีการก�ำจัดอย่างถูกวิธี ได้แก่ การฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล การเผาในเตาเผา การหมักท�ำปุ๋ยและการหมักท�ำก๊าซชีวภาพ การก�ำจัดแบบผสมผสาน หรือวิธีอื่นตามท่ีรัฐมนตรี กำ� หนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา คู่มือ การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพ่ือเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 71 บทท่ี 11 การควบคุมสตั วแ์ ละแมลงพาหะน�ำโรค กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

72 >>> บทที่ 11 การควบคุมสตั วแ์ ละแมลงพาหะน�ำโรค สตั ว์และแมลงพาหะน�ำโรคท่สี �ำคญั ทางด้านสขุ าภบิ าล ไดแ้ ก่ หนู แมลงวนั แมลงสาบ และ ยุง ส่วนสัตว์หรือพาหะน�ำโรคอ่ืน ๆ ก็มีความจ�ำเป็นท่ีจะต้องมีมาตรการควบคุมในสถานพัฒนา เดก็ ปฐมวยั ด้วย 11.1 ความส�ำคัญของพาหะนำ� โรค 1) เปน็ สาเหตสุ �ำคัญท่ีท�ำใหเ้ กดิ โรคในมนุษย์ แมลงเป็นตวั พาเชื้อโรคจากมนษุ ยห์ รือสัตว์ทีม่ ี เชื้อโรคมายังมนุษย์หรือสัตว์ปกติอื่น ๆ เชื้อโรคที่น�ำมาอาจเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว หนอนพยาธิหรอื ปรสติ 2) เปน็ สาเหตทุ ท่ี ำ� ใหม้ นษุ ยแ์ ละสตั วเ์ กดิ ความเดอื ดรอ้ นรำ� คาญ ไดแ้ ก่ การทพ่ี าหะนำ� โรคมา กดั ทำ� ใหเ้ กดิ เปน็ แผลและการอกั เสบหรอื มอี าการแพต้ า่ ง ๆ เชน่ ยงุ หรอื ตวั เรอื ดทกี่ ดั กนิ เลอื ด ทำ� ให้ เกิดผืน่ คันหรือนอนไมห่ ลบั ด้วยความร�ำคาญ 3) เป็นสาเหตุใหเ้ กดิ การสูญเสยี ทางเศรษฐกิจ เนอื่ งจากการกดั กินพืชผลทางการเกษตร คู่มือ การจัดการอนามัยส่ิงแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพ่ือเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 73 11.2 แนวทางการควบคมุ สัตว์และแมลงพาหะน�ำโรค สัตวแ์ ละแมลงพาหะน�ำโรคทพ่ี บบอ่ ย มดี ังนี้ 1) หนู หนเู ปน็ สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนม มลี กั ษณะชอบกดั แทะทำ� ลายวสั ดสุ งิ่ ของ กินอาหารได้ทุกชนิดท้ังท่ีคนรับประทานได้ จนถึงชนิดท่ีสกปรก เน่าเสีย เช่น เศษอาหารตามท่อนำ�้ ขยะมูลฝอย เสน้ ทางหากนิ ของหนแู ละสถานทที่ ำ� รงั มกั อยใู่ นท่ีอับทึบ สกปรก รงุ รัง ดงั นนั้ หนจู งึ เป็นสัตว์ทเี่ ปน็ พาหะน�ำโรคมาสู่คนได้ หนทู ี่มคี วามสำ� คัญตอ่ สุขภาพอนามยั ของมนุษย์ ได้แก่ หนูนอรเ์ วย์ หนูท้องขาว(หนูหลงั คา) หนูจ๊ีด และหนหู รงิ่ ซึ่งโรคทนี่ ำ� มาสมู่ นษุ ย์ เชน่ หมัดหนูน�ำเชอ้ื กาฬโรค และโรค Murine Typhus อุจจาระและปัสสาวะของหนูอาจมีเชื้อ โรคฉ่ีหนู, โรคพยาธิตืดหนู, Salmonellosis, Amoebic Dysentery, Trichinosis เปน็ ต้น วธิ ีการส�ำรวจรอ่ งรอยหนู การศึกษาร่องรอยของหนูมีความส�ำคัญและจ�ำเป็นมากก่อนท่ีจะท�ำการป้องกัน ก�ำจัดและ ควบคมุ หนู เพราะจะชว่ ยทำ� ใหร้ วู้ า่ มหี นใู นบรเิ วณนน้ั หรอื ไม่ รอ่ งรอยทจ่ี ะทำ� ใหเ้ ราสงั เกตได้ มดี งั น้ี (1) ร อยแทะ เน่ืองจากหนูมีนิสัยชอบแทะ ฉะนั้นหากพบรอยแทะใหม่ก็เป็นการยืนยันว่ามี หนูอย่บู ริเวณนัน้ (2) โ พรงหรือรู ซง่ึ หนใู ช้เป็นทีอ่ ยูอ่ าศยั ถ้ายงั มีหนอู าศยั อยู่จะมีลักษณะเปยี กชน้ื เรียบเป็น มนั และอาจมีขนติดอยู่ดว้ ย (3) รอยถู เนื่องจากหนูชอบวิ่งบนเสน้ ทางเดมิ เวลาหนอู อกหากนิ จะพบว่าผวิ ดนิ บรเิ วณน้ัน เป็นทางราบเรียบไม่มีต้นหญ้าข้ึน หรือตามผนัง ข่ือไม้ ก�ำแพง จะมีคราบด�ำท่ีมีขนหนูติดอยู่ เวลาเดนิ วิ่งผา่ นเปน็ เวลานาน ๆ จะเหน็ ได้ชัดเจน กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

74 >>> (4) พบข้ีหนู ให้สังเกตดูเฉพาะมูลหนูใหม่ ๆ (มีลักษณะอ่อนเวลากด เป็นมันวาว) ถ้าพบ แสดงว่ามหี นูอย่บู ริเวณนั้น (5) ลักษณะอื่น ๆ ที่อาจเป็นร่องรอยท่ีจะบอกได้ว่ามีหนูอยู่บริเวณน้ัน ได้แก่ เสียงร้อง กล่นิ สาบ ซากหนู รอยเทา้ หนู ฯลฯ การควบคมุ และก�ำจดั หนู (1) ก ารปรบั ปรงุ สขุ ลกั ษณะและสขุ าภบิ าลสง่ิ แวดลอ้ ม วธิ นี อี้ าจตอ้ งใชเ้ วลาในการควบคมุ ไม่ ให้หนใู ช้เป็นแหล่งที่อย่อู าศัยหรือแพรพ่ นั ธไ์ุ ด้อยา่ งถาวรย่งั ยนื โดยมกี ารควบคมุ ปจั จยั 3 อยา่ ง ท่ี ทำ� ให้หนแู พรพ่ นั ธ์ุอยา่ งรวดเรว็ คอื อาหาร น�้ำ ทอ่ี ยู่ ซง่ึ สามารถปฏิบตั ิไดด้ ว้ ยวิธกี ารต่าง ๆ ดงั น้ี การเก็บรวบรวมมลู ฝอยในถงั มูลฝอยหรอื ที่พักรวมมลู ฝอยท่มี ิดชิด ทำ� ความสะอาดไมใ่ หม้ เี ศษอาหารหรอื กลนิ่ อาหารอยู่ ทอ่ นำ้� ทงิ้ ไมค่ วรมเี ศษอาหารคา้ ง ทิ้งไว้ ควรทำ� ความสะอาดท่อน้�ำทง้ิ ไม่ใหอ้ ดุ ตนั เกบ็ อาหารแห้งในตหู้ รอื หอ้ งเกบ็ อาหารให้มิดชดิ ไม่ใหห้ นสู ามารถเข้าไปได้ ปดิ ชอ่ งทางทหี่ นใู ชเ้ ปน็ เสน้ ทางเขา้ ออกอาคาร เมอ่ื สำ� รวจพบวา่ มชี อ่ งทางเดนิ ของหนู ควรใช้ลวดตาขา่ ย แผน่ โลหะ คอนกรีต ปิดช่องทางเดนิ น้ันเสยี เพอื่ ไมใ่ ห้หนเู ข้าสอู่ าคารได้ การปรับปรุงอาคารเรียนใหถ้ กู สขุ ลักษณะ โดยใชห้ ลกั 5ส เพอ่ื การพฒั นาสขุ ลักษณะ ของส่ิงแวดลอ้ ม ไดแ้ ก่ สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ สร้างนสิ ัย (2) การควบคมุ กำ� จดั ดว้ ยวธิ กี ล ไดแ้ ก่ การใชก้ รงดกั กบั ดกั กาวดกั หนู การควบคมุ กำ� จดั หนู ดว้ ยวิธีกล มีข้อดีคอื มีความปลอดภยั ในการใช้ ไมม่ สี ารเคมีตกคา้ ง (3) การควบคมุ ก�ำจัดดว้ ยสารเคมี ตอ้ งค�ำนงึ ถงึ อนั ตรายตอ่ คนและสัตวเ์ ลย้ี ง การใช้สารเคมี การรมควนั การวางยาเบ่ือหนู เชน่ ยาเบ่อื หนชู นิดออกฤทธ์ิเฉยี บพลนั จะท�ำใหห้ นูตายใน 1-2 วัน ได้แก่ พวกซิงคฟ์ อสไฟด,์ เรค็ สควลิ , สารหนูแอนทู ยาชนดิ นเี้ หมาะกับบริเวณทมี่ หี นูจ�ำนวนมาก และลดปริมาณหนูอย่างรวดเร็ว ส่วนยาเบ่ือหนูชนิดออกฤทธิ์ช้าใช้เพ่ือก�ำจัดหนูในระยะยาว เช่น พวกวอรฟ์ ารนิ ราคมู นิ เปน็ ตน้ โดยจะต้องใช้ยาเบ่ือหนูในอัตราส่วน ทกี่ ำ� หนด และเกบ็ ใหพ้ น้ มอื เดก็ คู่มือ การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 75 2) แมลงวนั แมลงวนั จดั อยใู่ นไฟลมั อารโ์ ทโปดา ชนั้ อนิ เซคตา เปน็ พาหะ ท่ีส�ำคัญในการน�ำโรคติดต่อร้ายแรงหลายชนิดมาสู่มนุษย์ และน�ำ สิ่งสกปรกมาปนเปื้อนอาหาร ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรค อหิวาตกโรค อุจจาระรว่ ง บิด ไทฟอยด์ โรคพยาธไิ ส้เดอื น พยาธิปากขอ โรคไมยาชสี เปน็ ตน้ และการทแ่ี มลงวนั สามารถบนิ ไดท้ ว่ั ทกุ หนทกุ แหง่ และมกี ารแพรข่ ยายจำ� นวน ได้รวดเร็ว ถ้ามีแหล่งของอาหารอุดมสมบูรณ์ มักเป็นส่ิงสกปรกต่าง ๆ จึงจ�ำเป็นต้องด�ำเนินการ ควบคุมและป้องกันไม่ใหแ้ มลงวันเข้ามากอ่ ปญั หาและเป็นสาเหตทุ ท่ี �ำให้เกดิ โรค การควบคมุ แมลงวนั ใหไ้ ดผ้ ลนนั้ ตอ้ งสำ� รวจหาแหลง่ เพาะพนั ธแ์ุ หลง่ ทอ่ี ยอู่ าศยั ความชกุ ของ แมลงวนั เพอื่ ใชใ้ นการวางแผนดำ� เนนิ การหามาตรการทเ่ี หมาะสมในการควบคมุ และกำ� จดั แมลงวนั โดยแหล่งเพาะพันธุ์แมลงวัน ได้แก่ มูลสัตว์ กองขยะ กองส่ิงปฏิกูลและของเสียจากโรงอาหาร เศษของเน่าเสีย การควบคุมกำ� จดั แมลงวัน (1) การปรบั ปรงุ สขุ าภบิ าล/อนามัยส่ิงแวดลอ้ ม เป็นการควบคุมแมลงวันท่ีไดผ้ ลถาวร โดย การทำ� ลายแหลง่ เพาะพนั ธข์ุ องแมลงวนั ใหห้ มดไปหรอื ลดนอ้ ยลงใหม้ ากทสี่ ดุ โดยมมี าตรการ ดงั น้ี การจัดให้มีการใช้ห้องน้�ำและห้องส้วมที่ถูกสุขลักษณะ บ�ำรุงรักษาห้องน�้ำห้องส้วม ใหม้ คี วามสะอาดอย่เู สมอ ท่อระบายอากาศของส้วมตอ้ งมีตะแกรงที่มีช่องขนาดเลก็ เพ่อื ป้องกัน ไมใ่ หแ้ มลงวันเข้าไปได้ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

76 >>> การเก็บกักมูลฝอยเปียกหรือมูลฝอยท่ีเป็นสารอินทรีย์ ต้องเก็บกักในภาชนะท่ี เหมาะสม ไม่ร่วั ซึม และมีฝาปิดมิดชิด และนำ� มูลฝอยเปยี กไปก�ำจัดอย่างถกู วธิ ี มกี ารจดั การมลู ฝอยในชมุ ชนทถี่ กู ตอ้ งเหมาะสม ทง้ั การเกบ็ ขนและการกำ� จดั ทไ่ี มก่ อ่ ใหเ้ กิดแหล่งเพาะพันธ์แุ มลงวนั ไดแ้ ก่ การเกบ็ กวาดถนนไมใ่ ห้เกิดมลู ฝอยตกค้าง กำ� จดั มูลสัตวไ์ มใ่ หเ้ หลอื ตกค้าง หมัน่ เก็บกวาด รวบรวมไปก�ำจดั โดยการน�ำไปตาก แดดใหแ้ ห้ง เผา ฝงั หรือหมกั ทำ� ปุ๋ย ควรมตี เู้ กบ็ อาหารและภาชนะ ทป่ี กปดิ อาหารไมใ่ หม้ แี มลงวนั ตอม รกั ษาความสะอาด ของหอ้ งครวั จัดอาคารไมใ่ หม้ ีส่งิ แขวนห้อยทแี่ มลงวนั เกาะพกั อาศยั ได้ (2) การควบคมุ ด้านกายภาพหรือวิธกี ล โดยใช้กรงดกั แมลงวนั การใช้กรงดกั ขวดดักแมลงวนั อย่างงา่ ย การใชไ้ ม้ดกั จับโดยการจมุ่ /พันด้วยกาวดักแมลงวนั การตบหรอื ตแี มลงวนั โดยใชแ้ ส้ ไมต้ แี มลงวนั หรอื สงิ่ อน่ื ทดี่ ดั แปลงไวต้ แี มลงวนั วธิ นี ี้ จะชว่ ยลดความชุกชมุ ของแมลงวนั ได้ (3) การควบคมุ โดยการใชส้ ารเคมี จะใชก้ ต็ อ่ เม่อื มกี ารพจิ ารณาตรวจวัดความชกุ ชุมแล้วว่า มีแมลงวันจ�ำนวนมากและจ�ำเป็นที่จะต้องควบคุม ส�ำหรับสารเคมีที่ใช้ควบคุมแมลงวันท�ำลายตัว ออ่ นและตวั แกข่ องแมลงวนั เช่น ดดี ีวพี ี ไดอะซนิ อน คลอรไ์ พริออส มาลาไธออน เปน็ ตน้ ทั้งน้คี วร เลอื กใชใ้ ห้เหมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ ม ค�ำนึงถงึ ความปลอดภัยของมนุษย์ คู่มือ การจัดการอนามัยส่ิงแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 77 3) แมลงสาบ แมลงสาบจดั อยใู่ นไฟลมั อารโ์ ทโปดา ชนั้ อนิ เซคตา หรอื กลมุ่ แมลง สามารถเพาะพนั ธไ์ุ ดท้ ว่ั ไปในอาคาร โดยเฉพาะทีล่ บั ตา มดื อบั ช้ืน ตามหอ้ งนำ�้ หอ้ งส้วม ชอ่ งระบายอากาศ ชอ่ งวา่ งของฝาปดิ รอบ ๆ ทอ่ ระบายนำ�้ ทงิ้ แมลงสาบ มคี วามสำ� คญั ดา้ นการสาธารณสขุ เนอ่ื งจากแมลงสาบสามารถกนิ อาหารไดท้ กุ ชนดิ ไมว่ า่ จะเปน็ พชื หรือสัตว์แต่ส่วนมากชอบกินเศษอาหารประเภทแป้งและน�้ำตาล ซากสัตว์หรือแมลงท่ีตายแล้ว น�ำ้ ลาย เสมหะ อุจจาระ กระดาษหรอื แม้แตผ่ ้า แมลงสาบมนี ิสยั ชอบกินอาหาร และถา่ ยอจุ จาระ ออกมาตลอดทางทเ่ี ดนิ ผา่ น ชอบออกหากนิ ในเวลากลางคนื และมกั อยรู่ วมกนั เปน็ กลมุ่ แมลงสาบเป็นพาหะน�ำโรคติดต่อที่เก่ียวกับระบบทางเดินอาหารเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ บิด อาหารเป็นพิษ อจุ จาระร่วง ไทฟอยด์ ไวรัสตบั อักเสบเอ เป็นโฮสต์ของหนอนพยาธิ ทำ� ให้เกดิ การ แพ้ทางผิวหนัง มีกลนิ่ เหม็นก่อให้เกดิ ความร�ำคาญ และวสั ดุเสียหายจากการกัดแทะ การควบคุมและกำ� จดั แมลงสาบ มาตรการควบคุมและปอ้ งกันแมลงสาบ ดำ� เนินการได้ดว้ ย 3 วิธีใหญ่ ๆ คอื (1) การจัดการด้านสุขาภิบาล/อนามัยส่ิงแวดล้อม ในอาคารสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย มรี ายละเอยี ดดังนี้ การปรบั ปรงุ สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั และบรเิ วณโดยรอบใหถ้ กู หลกั สขุ าภบิ าล โดยการ รกั ษาความสะอาดภายใน เช่น หอ้ งเรยี น ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้�ำ หอ้ งท�ำกิจกรรม และหอ้ ง เก็บของ เปน็ ต้น กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

78 >>> จดั เกบ็ อาหารสดและอาหารปรุงสุกในภาชนะทปี่ ิดมดิ ชิด ปดิ ฝาถังขยะใหแ้ น่นเสมอ ไมค่ วรมีเศษอาหารเหลือตกคา้ งในถังขยะ เก็บรักษาส่ิงของเคร่ืองใช้ต่าง ๆ ภายในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีความสะอาด และเป็นระเบียบเรียบร้อยเพ่ือไม่ใหเ้ ปน็ ท่หี ลบซ่อนของแมลงสาบ (2) การควบคมุ ดา้ นกายภาพ การกำ� จดั ไขแ่ มลงสาบ เปน็ การตดั วงจรชวี ติ และลดจำ� นวนแมลงสาบ หมน่ั ตรวจตรา มมุ ตา่ ง ๆ ในอาคาร เครือ่ งเรอื น ตู้ กลอ่ งลงั ไม้ ซึ่งเป็นสถานทีท่ ี่แมลงสาบจะวางแคปซูลไขต่ ดิ ไว้ เม่ือพบแคปซลู ให้รีบนำ� ไปกำ� จัดโดยการเผาท้งิ ทนั ที การใชก้ บั ดกั โดยใชเ้ หยอื่ ทแี่ มลงสาบชอบหรอื อาหารทมี่ สี ว่ นผสมของแปง้ และนำ�้ ตาล ไปวางในชอ่ งทใี่ สเ่ หยอ่ื เมอื่ แมลงสาบไดก้ ลน่ิ เหยอ่ื กจ็ ะเขา้ ไปกนิ แมลงสาบจะถกู ดบั จบั หรอื ตดิ กาว ในกับดัก (3) การควบคมุ โดยการใชส้ ารเคมี โดยอาจฉดี พน่ หรอื โรยผงเคมหี รอื อาจใชก้ ารวางเหยอ่ื พษิ สารเคมที ใ่ี ช้ เชน่ ไดอะซนิ อน 2% ในรปู แบบสเปรย์ หรอื ผงมาลาไธออน เปน็ ตน้ ในการพน่ สารเคมี ควรพน่ เฉพาะตามแนวผนังและพืน้ เปน็ แถบกวา้ งประมาณ 30-50 เซนตเิ มตร เนอ่ื งจากแมลงสาบ เปน็ แมลงทไี่ ตค่ ลานตามพนื้ และผนงั ไมค่ วรพน่ ฟงุ้ กระจายในอากาศ ทง้ั นคี้ วรเลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสม กบั สภาพแวดลอ้ ม คำ� นงึ ถึงความปลอดภยั ของเดก็ ปฐมวัย คู่มือ การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 79 4) ยุงลาย ยงุ ในประเทศไทยมหี ลายชนดิ เช่น ยุงร�ำคาญ ยงุ ลาย ยงุ กน้ ปลอ่ ง ยงุ เสอื เปน็ ตน้ ยงุ เปน็ พาหะของโรคตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ โรคมาลาเรยี โรคไขเ้ ลอื ดออก โรคไขส้ มองอกั เสบ โรคเทา้ ชา้ ง แต่ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย จะมีโอกาสพบยุงลายและ ยุงร�ำคาญได้มากที่สุด เน่ืองจากมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงวิธีการควบคุม และป้องกนั ยุงลาย ซ่งึ เปน็ พาหะของโรคไข้เลือดออก การควบคุมก�ำจัดลูกน�้ำและยงุ ลาย (1) กำ� จดั แหลง่ เพาะพนั ธข์ุ องยงุ ลาย ไดแ้ ก่ แหลง่ นำ้� ขงั ชนดิ ตา่ ง ๆ ทม่ี นษุ ยส์ รา้ งขนึ้ เชน่ โอง่ นำ้� ดม่ื นำ�้ ใช้ บอ่ ซเี มนตเ์ กบ็ นำ�้ ในหอ้ งนำ�้ แจกนั จานรองกระถางตน้ ไม้ และเศษวสั ดตุ า่ ง ๆ ทมี่ นี ำ้� ขงั (2) การควบคมุ และกำ� จดั ลกู นำ้� ยงุ ลาย มหี ลายวธิ ี ไดแ้ ก่ วธิ ที างกายภาพ วธิ ที างชวี ภาพ และ วิธที างเคมี ดังนน้ั จงี ควรเลือกใช้วิธที ีเ่ หมาะสมกบั ประเภทของแหล่งเพาะพันธ์ุทพ่ี บลูกน�้ำยุงลาย โดยค�ำนึงถงึ ความปลอดภยั ต่อมนุษย์ สัตวเ์ ล้ยี ง และส่ิงแวดลอ้ ม การควบคมุ และการกำ� จดั ลกู นำ้� ยงุ ลายวธิ ที างกายภาพ เชน่ การปดิ ฝาภาชนะกกั เกบ็ น�้ำด้วยตาข่ายไนลอ่ นหรอื ฝาอะลมู เิ นยี มหรอื วสั ดอุ ่ืน การเปลยี่ นแจกนั ทกุ 7 วัน การใสท่ รายใน จานรองกระถางต้นไม้ เปน็ ต้น กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

80 >>> การควบคุมและการก�ำจัดลูกน�้ำยุงลายวิธีทางชีวภาพ เช่น การใช้ปลาหางนกยูง ปลาแกมบูเซียใสใ่ นบ่อซีเมนต์ อา่ งบัว เพื่อใหก้ ินลูกนำ้� ยุงลาย การควบคุมและการก�ำจัดลูกน้�ำยุงลายวิธีทางเคมี การใส่เกลือแกง น�้ำส้มสายชู ผงซักฟอกในถว้ ยหลอ่ ขาตกู้ บั ข้าว การใชน้ ้ำ� มัน ผลผลติ จากน�้ำมัน เทหรอื พ่นในแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เคลือบผิวน�้ำ นอกจากน้ียังอาจใช้สารประกอบคลอริเนเทตไฮโดรคาร์บอน เช่น ดีดีที เบนซิน คลอเดน เดลดริน ซึ่งมีฤทธิน์ านใช้ได้ดแี ต่สามารถตกคา้ งในพืช สตั วน์ ำ�้ จึงต้องระวังในการใช้งาน ใหม้ คี วามเข้มขน้ ทีเ่ หมาะสมตามข้อบ่งชี้ของผลติ ภัณฑ์ (3) การกำ� จดั ตวั แกข่ องยุงลาย การใชส้ ารเคมกี ำ� จดั ยงุ เชน่ คลอเดน ลนิ เดน มาลาไธออน 20% เฮกซาคลอไรด์ 1.5% เป็นต้น ทง้ั นต้ี อ้ งกระทำ� ดว้ ยความระมดั ระวัง โดยตอ้ งเลือกใช้สารเคมที ีป่ ลอดภัยต่อคน สตั ว์ และ สิ่งแวดล้อมมากกว่าโดยถ้าเป็นการก�ำจัดยุงในห้องน�้ำหรือพ้ืนที่ไม่มาก อาจใช้สารเคมีก�ำจัดยุงใน รปู แบบประปอ๋ งอดั น้ำ� ยาเคมี ส�ำหรบั ฉดี พน่ ได้ทันที แตห่ ากเปน็ พื้นที่ขนาดใหญ่ อาจใชเ้ ครือ่ งพ่น หมอกควัน เคร่ืองพ่นฝอยละเอยี ด ULV การใชอ้ ปุ กรณก์ ำ� จดั ยงุ เชน่ กบั ดกั ไฟฟา้ อปุ กรณก์ ำ� จดั ยงุ ไฟฟา้ แบบใชถ้ า่ นไฟฉาย มี รูปรา่ งคล้ายไมเ้ ทนนสิ ใช้โบกยุงใหถ้ ูกไฟฟ้าชอ๊ ต (4) การป้องกันไม่ให้ยุงกัด ท�ำได้หลายวิธี เช่น การกรุมุ้งลวดปิดก้ันตามช่องว่างในอาคาร ต้องค�ำนึงถึงความถี่ของมุ้งลวดที่กั้นยุงได้ ส่วนใหญ่ควรใช้มุ้งลวด 20 Meshes ต่อนิ้ว การใช้มุ้ง การใช้ยาจดุ กันยุงซ่งึ ตอ้ งดขู ้อบง่ ใชแ้ ละวิธีการอย่างถกู ตอ้ ง คู่มือ การจัดการอนามัยส่ิงแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 81 5) เหา เหาเปน็ แมลงสีออกเทา ๆ ขนาดยาว 3-4 มลิ ลเิ มตร กินขีไ้ คล บนหนังศีรษะคนเปน็ อาหาร เหาตวั เมยี มอี ายุประมาณ 1 เดอื น จะไข่ท่ีโคนผมประมาณ 7-10 ฟองต่อวัน ไข่จะเห็นเป็นตุ่ม สขี าวตดิ แนน่ อยกู่ บั ผม หลงั จากนน้ั 1 สปั ดาห์ เหาจะออกจากไข่ ไขท่ ี่ ไมม่ เี หาแลว้ จะยงั คงตดิ แนน่ อยกู่ บั ผม เมอื่ ผมงอกยาวขนึ้ ไขก่ จ็ ะเลอื่ นตามไปดว้ ย การตดิ ตอ่ ของเหา ไมส่ ามารถกระโดดหรอื บนิ จากคนหนง่ึ ไปอกี คนหนง่ึ แตต่ ดิ ตอ่ ทางสมั ผสั ใกลช้ ดิ เชน่ เดก็ ทเ่ี ลน่ ใกล้ ชิดกนั ท�ำกิจกรรมรว่ มกัน การใชห้ มวก หวี หูฟัง ผา้ เชด็ ตัวร่วมกนั หรือนอนเตียงเดียวกัน ซึ่งสว่ น มากไมม่ อี าการผดิ ปกติ บางคนอาจมอี าการคนั เพราะรา่ งกายเกดิ การระคายเคอื งจากนำ้� ลายของเหา ซ่ึงการเป็นเหาในเด็กปฐมวัยนับว่าเป็นปัญหาส�ำคัญเน่ืองจากจะขาดสมาธิในการเรียนและเสีย บคุ ลกิ ภาพท่ีดี การรักษาเหา วธิ กี ำ� จดั เหามหี ลายแบบ อาจใชค้ รมี เจล หวี หรอื ยากนิ ไมว่ า่ จะใชด้ ว้ ยวธิ ใี ด ตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม ค�ำแนะน�ำของการรักษาวิธีนั้น ๆ อย่างเคร่งครัดในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ไม่ควรซ้ือยาใช้เอง ควรปรกึ ษาแพทย์ (1) ยาฆา่ แมลงท�ำพิเศษเพ่อื ฆา่ เหาบนศรี ษะ มที งั้ ในรูปแบบครีม เจล โลชน่ั โดยท�ำตาม ค�ำแนะน�ำในเอกสารก�ำกับยา ส่วนมากต้องสระผมให้สะอาดแล้วใส่ยาหมักไว้ 10 นาที จากน้ัน จึงล้างออก ยาบางชนิดอาจต้องท้ิงไว้ทั้งคืน ควรจะรักษาซ�้ำอีกในสัปดาห์ถัดไป เพื่อฆ่าเหาที่อาจ หลงเหลอื อยหู่ รือเหาตวั ออ่ นท่ีเพ่ิงออกจากไข่ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

82 >>> (2) การสางผม นยิ มใชใ้ นเดก็ อายตุ ำ่� กวา่ 2 ปี ซง่ึ อายนุ อ้ ยเกนิ กวา่ จะใช้ยาฆ่าแมลงได้ โดย ทำ� ให้ใหผ้ มเปยี กและใชส้ ารหลอ่ ล่นื เช่น ครีมนวดผม นำ้� มันมะกอก สารส้ม ใชห้ วีซ่ถี ่ี ๆ หรอื หวี เสนยี ดสางผม ตรวจดูทุกครง้ั ท่ีสางว่ายังมีเหาหรือไขเ่ หาหรอื ไม่ สางจนเหาไมม่ ี ทำ� ซ้ำ� ทกุ 3-4 วนั จนครบ 2 สัปดาห์ (3) ยากินฆ่าเหา ตอ้ งสั่งโดยแพทย์ ใช้ในผูป้ ่วยที่ด้อื ตอ่ การรักษาวิธอี น่ื (4) ใชพ้ ชื สมนุ ไพรในการรกั ษา เชน่ ใบนอ้ ยหนา่ โดยนำ� ใบนอ้ ยหนา่ 5-8 ใบ มาโขลกใหล้ ะเอยี ด หลงั จากนนั้ ผสมนำ้� เปล่าและเอามาชโลมให้ทว่ั ศรี ษะ ใช้ผา้ คลุมทิง้ ไวป้ ระมาณ 30 นาที แล้วจงึ ล้าง ออกดว้ ยนำ้� สะอาด ตามดว้ ยการสระผมดว้ ยยาสระผมอกี ครงั้ กอ่ นจะสางเอาตวั เหาและไขเ่ หาออก ข้อควรระวัง คอื ต้องระวงั อย่าให้นำ้� จากใบน้อยหนา่ เขา้ ตาเพราะจะทำ� ให้แสบตา (5) การป้องกันการแพร่กระจายของเหาสามารถท�ำได้โดยรักษาความสะอาดของทุกคนใน บา้ น พน้ื ทนี่ อนของเดก็ ปฐมวยั ทำ� ความสะอาดเครอ่ื งใช้ เครอ่ื งนงุ่ หม่ ทน่ี อน หมอน ผา้ หม่ ผา้ เชด็ ตวั ใหส้ ะอาด แยกของใชส้ ว่ นตวั ไมใ่ ชร้ ว่ มกบั ผทู้ เ่ี ปน็ เหา และควรตดั เลบ็ ใหส้ นั้ ไมแ่ คะ แกะ เกา บรเิ วณ ท่เี ป็นเหา เพราะอาจท�ำใหต้ ิดเช้อื ซำ้� ได้ คู่มือ การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 83 บทท่ี 12 การจัดการน�ำ้ อปุ โภคบรโิ ภค กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

84 >>> บทท่ี 12 การจัดการน้�ำอปุ โภคบรโิ ภค น�้ำ จัดเป็นปัจจัยพ้ืนฐานท่ีส�ำคัญในการด�ำรงชีวิต คนเราสามารถอดอาหารได้เป็นเวลา นาน ๆ โดยไม่เสยี ชวี ิต แตถ่ า้ ต้องอดน�ำ้ กจ็ ะเสียชวี ติ ในเวลาอันรวดเรว็ เน่ืองจากน้�ำเปน็ ตวั รกั ษา ความสมดลุ ของรา่ งกาย ชว่ ยในการไหลเวยี นของเลอื ด ชว่ ยรกั ษาอณุ หภมู ขิ องรา่ งกาย ขอ้ พจิ ารณา พน้ื ฐานในการจดั การนำ้� บรโิ ภคทส่ี ำ� คญั คอื ตอ้ งมปี รมิ าณทเี่ พยี งพอตอ่ ความตอ้ งการและมคี ณุ ภาพ ไม่ก่อให้เกิดโรคหรือส่งผลเสียต่อสุขภาพ ส�ำหรับคุณภาพน�้ำท่ีน�ำมาใช้ ต้องเป็นน้�ำที่สะอาด ปลอดภยั ปราศจากเชอื้ โรค ไมม่ สี ารเคมหี รอื สงิ่ อนั ตรายและสงิ่ เจอื ปนตา่ ง ๆ ทงั้ ดา้ นกายภาพ เคมี และชีวภาพ รวมไปถึงต้องได้มาตรฐานตามเกณฑ์มาตรฐานน�้ำบริโภค จึงจะสามารถช่วยป้องกัน การเจบ็ ปว่ ยจากโรคทเี่ กิดจากน�้ำเปน็ ส่ือ การจัดการน้ําสะอาดในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ถือเป็นการจัดบริการขั้นพื้นฐานต้องมี ปรมิ าณเพยี งพอสําหรับดื่ม คือ 2 ลติ ร ต่อนักเรียน 1 คน ต่อ 1 วัน ต้องมีความสะอาดได้ตาม มาตรฐานคุณภาพนํ้าบริโภคกรมอนามัย โดยมีการบํารุงรักษาและการเฝ้าระวังคุณภาพน้ําอย่าง ต่อเนือ่ ง ตัง้ แตจ่ ดุ เรมิ่ ตน้ จนถึงจุดทนี่ ําไปดื่มเพื่อเป็นหลกั ประกนั วา่ น้าํ ด่มื มีความสะอาดปลอดภยั อย่ตู ลอดเวลา คู่มือ การจัดการอนามัยส่ิงแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพ่ือเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 85 นำ�้ บรโิ ภค ตามประกาศกรมอนามยั เรอ่ื ง เกณฑเ์ สนอแนะคณุ ภาพนำ�้ บรโิ ภคเพอื่ การเฝา้ ระวงั กรมอนามัย พ.ศ. 2563 หมายความว่า น้�ำประปา น้ำ� ผิวดนิ นำ�้ บาดาล น้�ำฝน น้�ำบ่อตื้น ทถ่ี กู สขุ อนามยั มีวัตถปุ ระสงค์เพอื่ การด่มื กนิ ปรุงประกอบอาหาร ล้างหน้า แปรงฟัน บ้วนปาก 12.1 ประเภทของแหลง่ น้ำ� แหล่งน้ำ� ท่ีใชเ้ ป็นน้ำ� ดืม่ ในสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัยส่วนใหญจ่ ะใชน้ �ำ้ ประปา น้ำ� บ่อตน้ื น�้ำฝน และน�้ำบรรจขุ วด ส�ำหรับบางแหง่ ทใ่ี ช้แหล่งน�้ำธรรมชาตคิ วรมีการปรับปรุงคุณภาพกอ่ น 1) น้ำ� ผิวดิน ไดแ้ ก่ น้�ำในแมน่ ้�ำลำ� คลอง หว้ ย บงึ ตา่ ง ๆ เปน็ แหลง่ น้�ำสำ� คัญทใ่ี ช้ในกิจการ ประปาท้งั ขนาดเลก็ และขนาดใหญ่ 2) นำ้� บ่อบาดาล และน้�ำบ่อต้นื ไดจ้ ากนำ้� ใต้ดนิ ซึง่ เปน็ แหล่งน้�ำทมี่ ีคุณสมบตั คิ ่อนข้างดี โดย ชนั้ ของดนิ จะทำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ ตวั กรองเชอื้ จลุ นิ ทรยี แ์ ละความขนุ่ ไว้ แตค่ ณุ สมบตั ขิ องนำ�้ ใตด้ นิ ทางเคมี มกั จะมสี ารเคมแี ละแร่ธาตตุ ่าง ๆ เจอื ปนอยมู่ ากกวา่ น้�ำผิวดิน 3) น�้ำประปา เป็นรูปแบบการให้บริการน�้ำสะอาด โดยการน�ำน้�ำผิวดิน หรือน้�ำใต้ดินผ่าน กระบวนการตกตะกอนการกรองและการฆา่ เชอ้ื โรค บรกิ ารใหแ้ กช่ มุ ชนและครวั เรอื นตามระบบทอ่ 4) น�ำ้ ฝน เป็นนำ�้ ท่จี ดั ว่าสะอาดที่สดุ ซง่ึ จะหาได้ตามธรรมชาติ แตน่ ำ้� ฝนจะถูกปนเป้อื นดว้ ย สง่ิ สกปรกได้โดยเฉพาะในพ้ืนทเ่ี ขตเมือง ส�ำหรบั พื้นทชี่ นบทควรท�ำท่เี ก็บกักน�้ำฝนไวใ้ ชป้ ระโยชน์ 5) นำ้� บรรจขุ วด นำ�้ ดม่ื บรรจขุ วดปดิ สนทิ หมายถงึ นำ้� ดมื่ บรรจภุ าชนะขวดแกว้ ขวดพลาสตกิ ถงั แกลลอนทกุ ปรมิ าณทไ่ี ดร้ บั อนญุ าตตามประกาศของกระทรวงสาธารณสขุ กำ� หนดใหเ้ ปน็ อาหาร ควบคุมเฉพาะท่ีจะต้องมีการควบคุณคุณภาพและมาตรฐานและต้องได้รับอนุญาตการผลิตจาก สำ� นักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือสำ� นกั งานสาธารณสุขจังหวดั กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

86 >>> 12.2 การจัดการระบบนำ้� ดม่ื การจดั การระบบนำ�้ ด่มื ในสถานพฒั นาเด็กปฐมวัย ต้องมีการดแู ล ปรบั ปรงุ ระบบน้�ำดืม่ ให้ อยูใ่ นสภาพดถี กู สุขลกั ษณะ ต้งั แตแ่ หล่งนำ้� ดื่ม ระบบจา่ ยน�้ำด่มื และการจัดบริการน้ำ� ดมื่ ดังนี้ 1) แหลง่ น�้ำดืม่ (1) น�้ำประปา เป็นน้�ำที่ผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพน�้ำ ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน คุณภาพน้�ำบริโภคก่อนจ่ายให้ผู้ใช้น้�ำ หากพบว่าคุณภาพน�้ำเปล่ียนแปลง มีการปนเปื้อนต้องแจ้ง ผรู้ บั ผดิ ชอบทันที (2) น้ำ� ฝน ต้องท�ำความสะอาดหลังคาและภาชนะเกบ็ กักน�ำ้ ฝนให้สะอาด ไมค่ วรรองรบั นำ�้ ฝนทต่ี กในชว่ งแรก ๆ ควรปลอ่ ยใหน้ ำ้� ฝนชะลา้ งฝนุ่ ละอองในอากาศ หลงั คา และรางนำ�้ ใหส้ ะอาด ระยะหนงึ่ กอ่ น ควรรองรบั ในชว่ งฝนตกหนกั มฝี าปดิ ปอ้ งกนั ไมใ่ หส้ ง่ิ สกปรกตกลงในนำ้� และมกี อ๊ ก ส�ำหรับเปดิ นำ้� ออก ไมใ่ ชภ้ าชนะตักน�ำ้ โดยตรง (3) น้�ำบอ่ บาดาล และน้�ำบอ่ ต้ืน ต้องปรับปรุงคณุ ภาพโดยการตกตะกอน การกรอง และ ฆา่ เชอ้ื โรค ก่อนทจ่ี ะน�ำมาบรกิ ารเดก็ ปฐมวยั (4) นำ�้ บรรจขุ วด ควรเลอื กใชน้ ำ�้ ดม่ื ทไี่ ดร้ บั เครอ่ื งหมายรบั รองจาก (อย.) นำ�้ ดม่ื บรรจขุ วด ปิดสนิท ควรตง้ั ในต�ำแหน่งท่ไี มโ่ ดนแสงแดดหรอื มีผ้าคลมุ เพอ่ื ปอ้ งกันการเกดิ ตะไคร่น้ำ� (5) ในกรณใี ช้นำ้� ชนิดถัง ต้องมีเลขสารบบอาหาร อย. และตรวจดสู ภาพถัง ต้องสะอาด ไมม่ ตี ะกอน ไม่มตี ะไครน่ �้ำ ฝาปิดผนกึ สนิท และมีก๊อกเปดิ นำ้� เช่น คลู เลอร์ ต้เู ย็น เป็นต้น โดยวาง สงู จากพื้นอยา่ งนอ้ ย 60 เซนตเิ มตร และลา้ งท�ำความสะอาดภาชนะบรรจุน�้ำด่ืมทกุ วนั คู่มือ การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 87 2) ระบบจา่ ยนำ้� (1) ระบบท่อ ระบบทอ่ จา่ ยนำ้� ดืม่ ตอ้ งอยู่ในสภาพที่ไมเ่ ปน็ สนิมไมร่ ว่ั ซึม หากชำ� รุดต้อง ซ่อมแซมให้ใช้งานได้โดยเร็ว (2) เครื่องกรองน้�ำ ต้องล้างและเปล่ียนไส้กรองตามระยะเวลาหรือตามค�ำแนะน�ำของ ผลิตภณั ฑ์ หรือเมื่อน�้ำทีผ่ า่ นการกรองมี สี กลิน่ เปลีย่ นไป นำ�้ ที่ไหลผ่านเครื่องกรองความเร็วผิด ไปจากเดิม หรือมีตะกอน เพราะสารอนิ ทรยี ์ท่ีสะสมมากเกินเกณฑม์ าตรฐาน เปน็ ต้นเหตุของกล่ิน รส สี และความชา้ ของน�้ำทไ่ี หลผ่าน (3) กอ๊ กนำ้� ดมื่ และภาชนะสำ� หรบั ดม่ื นำ้� กอ๊ กนำ้� ดม่ื ความสกปรกอาจเกดิ จาก ฝุ่นละออง เศษดินจากมือท่ีไม่สะอาด จึงต้องดูแลรักษาความสะอาดทุกวัน และสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ ปฐมวัยมสี ขุ อนามยั ทถ่ี ูกต้อง ส่วนลักษณะของภาชนะ สำ� หรบั ดม่ื นำ�้ ควรทำ� ความสะอาดไดง้ า่ ย ตอ้ งเปน็ ของสว่ นตวั ไม่ควรใช้ ร่วมกบั ผู้อืน่ มกี ารล้างท�ำความสะอาดทุกวนั และเก็บรกั ษาไวท้ ี่มิดชิด มีฝาปิดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากฝุ่นละออง สิ่งสกปรก และพาหะ น�ำโรค กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

88 >>> 12.3 พฤติกรรมอนามยั ของผ้ดู แู ลระบบนำ้� ด่มื 1) ผู้ดูแลระบบน�้ำด่ืมของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยจะต้องจัดการและดูแลระบบน�้ำด่ืมให้ถูก สุขลักษณะ จัดเตรียมน้�ำดื่มที่เพียงพอให้เด็กด่ืมได้ตลอดเวลา ยูนิเซฟแนะน�ำว่าน�้ำดื่มส�ำหรับเด็ก ควรมกี ารเตรยี มไวส้ �ำหรบั เดก็ อยา่ งน้อยคนละ 3 ลติ รตอ่ วนั 2) มีพฤติกรรมอนามัยที่ถูกต้อง เช่น การล้างภาชนะเก็บกักน้�ำดื่มที่สะอาดเป็นประจ�ำ ล้างมือให้สะอาดก่อนเตรียมน�้ำด่ืมทุกครั้ง ส่วนเด็กปฐมวัยจะต้องรักษาความสะอาดของภาชนะ ดมื่ น้�ำส่วนตัว และล้างมอื ทุกครงั้ กอ่ นดม่ื น้�ำ 3) แกว้ นำ้� ควรวางอยใู่ กลถ้ งั นำ้� โดยโตะ๊ ทว่ี างแกว้ นำ�้ อยสู่ งู จากพนื้ 60 เซนตเิ มตร แกว้ นำ้� ตอ้ ง แยกใชร้ ายบุคคล ครูผู้ดูแลเด็กควรปลูกฝังให้เดก็ ไมใ่ ชแ้ กว้ น้�ำรว่ มกัน 4) ดว้ ยอายเุ ดก็ ทยี่ งั เลก็ มาก ควรหลกี เลย่ี งการวางแกว้ นำ้� ไวใ้ กลก้ อ๊ กนำ้� ลา้ งมอื เพอ่ื หลกี เลย่ี ง ไม่ใหเ้ ดก็ น�ำน�้ำจากกอ๊ กล้างมือมาบริโภค คู่มือ การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพ่ือเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 89 บทที่ 13 การสุขาภบิ าลอาหาร กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

90 >>> บทท่ี 13 การสุขาภบิ าลอาหาร อาหารเปน็ ปจั จยั สำ� คญั ทส่ี นองตอ่ ความต้องการพื้นฐานทางรา่ งกาย ทจ่ี ะน�ำไปส่พู ฒั นาการ ดา้ นตา่ ง ๆ ของชวี ติ การบริโภคอาหารจงึ จ�ำเป็นต้องมีคณุ ภาพ สะอาด ปลอดภัย และปราศจาก สารปนเปอ้ื น ทงั้ นเ้ี พอ่ื เสรมิ สรา้ งสขุ ภาพของประชาชนใหม้ คี ณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ี โดยเฉพาะเดก็ ปฐมวยั ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต และเป็นทรัพยากรท่ีมีคุณค่าต่อสังคม เป็นรากฐานส�ำคัญในการ พัฒนาประเทศ เดก็ ๆ ส่วนใหญ่ใช้เวลาในช่วงกลางวนั อยูท่ ่ีสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั เปน็ ชว่ งเวลา ที่เด็ก ๆ มกี ิจกรรมตา่ ง ๆ มากมาย รวมทัง้ การรับประทานอาหารกลางวัน จึงจ�ำเปน็ อยา่ งย่งิ ท่ที าง สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัยควรเอาใจใส่ดแู ลเป็นพิเศษ ซงึ่ นอกจากจะคำ� นึงถึง ความพอเพยี ง และความครบถว้ นของสารอาหารตามหลกั โภชนาการแลว้ ยังต้องค�ำนึงถึงความสะอาดและความปลอดภัยของอาหาร คือ อาหาร นน้ั ตอ้ งปราศจากเชือ้ โรค หนอนพยาธิ หรอื สารเคมีทอี่ าจเปน็ พิษ ซ่ึงก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ ดังนั้น การด�ำเนินงาน สุขาภิบาลอาหารในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยจึงมีความจ�ำเป็น อยา่ งยิง่ คู่มือ การจัดการอนามัยส่ิงแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 91 13.1 นยิ ามศัพท์ อาหาร ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 หมายความว่า ของกนิ หรือเครือ่ งดม่ื ค้ำ� จนุ ชวี ิต ได้แก่ 1) วตั ถทุ กุ ชนดิ ทค่ี นกนิ ดม่ื อม หรอื นำ� เขา้ สรู่ า่ งกายไมว่ า่ ดว้ ยวธิ ใี ด ๆ หรอื ในรปู ลกั ษณะใด ๆ แตไ่ มร่ วมถงึ ยา วตั ถอุ อกฤทธต์ิ อ่ จติ ประสาท หรอื ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการนนั้ แลว้ แต่กรณี 2) วตั ถทุ ม่ี งุ่ หมายสำ� หรบั ใช้ หรอื ใชเ้ ปน็ สว่ นผสมในการผลติ อาหาร รวมถงึ วตั ถเุ จอื ปนอาหาร สี และเคร่อื งดืม่ ปรุงแตง่ กลนิ่ รส ผู้สัมผัสอาหาร หมายถึง ผู้ปรุง ผู้เสิร์ฟ ผู้จ�ำหน่ายอาหาร และหมายรวมถึงผู้ล้างภาชนะ อปุ กรณ์ ผูล้ �ำเลียงอาหาร แม่บา้ นทีป่ รงุ อาหารใหน้ ักเรียน ต้องเปน็ ผ้ทู ีม่ คี วามรู้ความเขา้ ใจในการ ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องทั้งในเร่ืองสุขวิทยาส่วนบุคคล และสุขนิสัยท่ีดีในการประกอบ ปรุงอาหาร โดยยดึ หลกั วา่ จะตอ้ งทำ� ใหอ้ าหารสะอาด ปลอดภยั ปราศจากการปนเปอ้ื นทกุ ขนั้ ตอนของการปรงุ ประกอบ และจ�ำหนา่ ย ภาชนะอปุ กรณ์ หมายถงึ อปุ กรณต์ า่ ง ๆ ทใ่ี ชใ้ สอ่ าหาร หรอื หยบิ จบั อาหารระหวา่ งการเตรยี ม การปรงุ ประกอบ และการจำ� หนา่ ยอาหาร เช่น จาน ช้อน สอ้ ม ตะเกียบ มีด เขียง หม้อ กระทะ ท่คี ีบอาหาร เป็นตน้ ต้องสะอาดทำ� จากวสั ดุที่ปลอดภยั และเลือกใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับอาหาร แต่ละชนิด เพราะภาชนะอุปกรณ์บางชนิดอาจท�ำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้หากใช้ไม่ถูกต้อง นอกจากน้ีการล้าง การเก็บภาชนะอุปกรณ์ที่ถูกต้อง ก็มีส่วนท่ีจะท�ำให้อาหารสะอาด ปลอดภัย ไม่ถูกปนเปอื้ นจากเชื้อโรคได้ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

92 >>> สถานทป่ี รงุ ประกอบ และจำ� หนา่ ยอาหาร หมายถึง บริเวณท่เี ตรียม ปรงุ ประกอบ จำ� หนา่ ย อาหาร รวมถงึ บรเิ วณทรี่ บั ประทานอาหารดว้ ย บรเิ วณทเ่ี ตรยี ม ปรงุ ประกอบ จำ� หนา่ ยอาหาร ควร จดั ใหส้ ะอาด เปน็ ระเบยี บ สะดวกตอ่ การทำ� งาน ไมน่ ำ� วตั ถมุ พี ษิ ซง่ึ เปน็ อนั ตราย เชน่ สารเคมกี ำ� จดั แมลงและศัตรูพืชมาเก็บไว้ ในบริเวณน้ีเด็ดขาด มีการระบายอากาศที่ดี โดยมีปล่องระบายควัน กลนิ่ จากการประกอบอาหาร การปนเปอ้ื นของอาหาร หมายถึง การท่ีมีสิ่งแปลกปลอม หรือส่งิ ท่ีเปน็ อนั ตราย ที่ไมใ่ ช่สว่ น ประกอบของอาหาร เช่น เชื้อโรค สารเคมี หรือสิ่งของตา่ ง ๆ ปะปนลงในอาหาร หรอื เคร่อื งดม่ื ซ่ึงจะท�ำให้เกิดการเส่ียงต่อการเจ็บป่วย การบาดเจ็บ หรือไม่สบายของบุคคลท่ีบริโภคอาหาร ที่ไดร้ บั การปนเปือ้ นเข้าไป การสขุ าภบิ าลอาหาร หมายถงึ การจดั การและควบคมุ เพอ่ื ใหอ้ าหารสะอาดปลอดภยั จากเชอ้ื โรค พยาธิ สารเคมที เ่ี ปน็ พิษตา่ ง ๆ ซ่ึงเปน็ อันตราย หรอื อาจเป็นอนั ตรายต่อการเจรญิ เติบโตของ รา่ งกาย สขุ อนามยั และการด�ำรงชีวิตของมนุษย์ สุขวทิ ยาส่วนบุคคลของผูส้ มั ผัสอาหาร คอื การดูแลส่งเสริมสุขภาพรา่ งกายของบคุ คลท่ที ำ� หนา้ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั อาหารทง้ั หมดใหส้ มบรู ณแ์ ขง็ แรง ไมเ่ ปน็ โรค และมกี ารปฏบิ ตั ติ นใหอ้ ยใู่ นสภาวะ ท่ีปลอดภยั ไมแ่ พรก่ ระจายเชอื้ โรคไปสผู่ ูบ้ รโิ ภค 13.2 การปนเปื้อนของอาหาร การปนเปื้อนของอาหารอาจเกิดขึ้นได้ทุกขั้นตอนต้ังแต่การเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ การฆ่า/ ช�ำแหละ เก็บเก่ียว การแปรรูป การบรรจุ การขนส่ง การเก็บรักษา การจัดเตรียม การปรุง การวางแสดงเพอื่ รอจำ� หนา่ ย การจำ� หนา่ ยและบรกิ าร ถงึ แมจ้ ะพยายามลดขนั้ ตอนการผลติ อาหาร ใหง้ า่ ยหรอื สน้ั ทสี่ ดุ เพอ่ื ลดการปนเปอ้ื นของอาหารกอ่ นจะถงึ มอื ผบู้ รโิ ภค แตส่ ง่ิ สำ� คญั ในการปอ้ งกนั อนั ตรายทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ คอื ผสู้ มั ผสั อาหารจะตอ้ งรวู้ า่ ความเสย่ี งตอ่ การปนเปอ้ื นทางกายภาพ และ ทางเคมีสามารถเกิดข้นึ ไดท้ ่ไี หน อยา่ งไร ซง่ึ การปนเปอื้ น อาจเกิดข้ึนในขัน้ ตอนเดยี ว หรือหลาย ขนั้ ตอน เช่น การไม่ระมัดระวงั ในการบำ� รุงรักษาเครื่องจกั รส�ำหรับผลติ อาหาร อาจทำ� ให้ช้นิ ส่วน การบ�ำรุงรักษาปนเปื้อนลงในอาหารได้ ซึ่งอาจมองเห็นได้ง่าย ในขณะที่การปนเปื้อนจากเช้ือ จลุ ินทรยี ไ์ ม่สามารถมองเห็นได้ แต่สามารถก่อให้เกิดปัญหาทเ่ี ปน็ อันตรายต่อสุขภาพได้ เป็นต้น คู่มือ การจัดการอนามัยส่ิงแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 93 แหลง่ ปนเปอ้ื นของอาหาร แบง่ โดยอาศยั หลกั การดา้ นสขุ าภบิ าลอาหารออกเปน็ 2 ประเภท ใหญ่ ๆ คือ 1) แหลง่ ปนเปอ้ื นโดยตรง ไดแ้ ก่ การปนเปอ้ื นของจลุ นิ ทรยี ์ ซง่ึ มกั จะเปน็ แหลง่ สะสมของเชอื้ โรคทจ่ี ะอาศัยอยใู่ นคน ตวั อาหาร สัตว์และแมลงนำ� โรค สง่ิ แวดลอ้ ม เช่น ดิน น้ำ� อากาศ และน้�ำ เสีย เปน็ ต้น 2) แหล่งปนเปื้อนโดยอ้อม ได้แก่ ภาชนะอุปกรณ์ เครื่องมือท่ใี ชใ้ นการเตรียม ปรงุ บรกิ าร และเก็บอาหาร เปน็ ตน้ และโครงสรา้ งของสถานท่เี ตรียม ปรงุ เก็บ และบริการอาหาร การปนเปือ้ นของอาหารสามารถเกดิ ข้นึ ได้ ดงั น้ี สารเคมกี �ำจดั ศัตรพู ชื /ปยุ๋ แหล่งเพาะปลกู /เลีย้ งสัตว์ ฮอร์โมน/ยาปฏชิ วี นะ กสถาราเนกทบ็ ี่/ไกมร่ถรกู มสวุขิธล/ี ชกั �ำษแณหะละ การเก็บเกี่ยว/ฆา่ /ชำ� แหละ/แปรรูป ภาชนะ/การเก็บไมถ่ ูกต้อง บรรจุ/ขนสง่ พาหนะไม่ไดม้ าตรฐาน สกถาราเนกท็บ่ี/การวางจ�ำหนา่ ย/ จ�ำหนา่ ย ขนสง่ /ขายปลีก/ซูเปอร์มารเ์ ก็ต เตรียม/ปรุ ง/ผลิต สถานท่/ี ภาชนะ/การเก็บ/ผปู้ รงุ ภสขุาชลนักษะ/ณกะารเก็บอาหารไมถ่ กู บริโภค สขุ นสิ ยั การบรโิ ภคไม่ดี ภาพท่ี 2 ขน้ั ตอนทส่ี ามารถเกดิ การปนเปื้อนของอาหาร กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

94 >>> 13.3 อันตรายทเี่ กดิ จากการปนเปือ้ นของอาหาร การปนเปอ้ื นของอาหารทำ� ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพรา่ งกายของผบู้ รโิ ภคได้ ซงึ่ อนั ตรายนนั้ แบ่งออกได้ 3 ประเภท ได้แก่ 1) อนั ตรายทางกายภาพ เปน็ อนั ตรายทเี่ กดิ จากการมวี ตั ถปุ ลอมปนอยใู่ นอาหาร และทำ� ให้ ผู้บริโภคได้รับบาดเจ็บ หรือเกิดความระคายเคือง ซ่ึงอาจท�ำให้การท�ำงานของอวัยวะต่าง ๆ ใน รา่ งกายฉกี ขาดหรอื ท�ำงานผดิ ปกติ แหลง่ อันตรายทางกายภาพมาจากหลายแหล่ง เชน่ ปะปนกบั วัตถุดิบ การใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพต�่ำ หรือออกแบบไม่ดี เกิดความผิดพลาดขึ้นในระหว่าง การผลิต เกดิ จากขอ้ บกพร่องในการปฏบิ ตั ิงานของพนักงาน เป็นต้น 2) อนั ตรายทางเคมี สามารถเกิดขึ้นได้ในทกุ ข้นั ตอนของห่วงโซ่อาหาร ตงั้ แตก่ ารเพาะปลูก การเล้ียงสตั ว์ การดแู ลหลงั การเกบ็ เกย่ี ว ทัง้ นี้อาจเปน็ สารเคมีที่ตดิ มากบั ดิน น�ำ้ สง่ิ แวดลอ้ ม หรือ ปนเป้อื นจากกิจกรรมทางการเกษตร หรือเติมลงไปเพ่อื ชว่ ยในกรรมวิธกี ารผลิต ชะลอการเน่าเสีย ตลอดจนเพ่ือปกปิด หรือบดบังความดอ้ ยคุณภาพของอาหาร อนั เนื่องมาจากความเห็นแกไ่ ดข้ อง ผขู้ ายโดยไมค่ ำ� นงึ ถงึ สขุ ภาพและความปลอดภยั ของประชาชน การปนเปอ้ื นของสารเคมใี นอาหาร จำ� แนกออกได้ ดงั นี้ สารเคมีที่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ สามารถเกิดขึ้นใน อาหารที่มาจากพืชและสัตว์ บ่อยคร้ังท่ีพบว่าสารเคมีเกิดขึ้นก่อน ระหว่าง และภายหลังการเกบ็ เกย่ี ว โดยเฉพาะ สารพษิ จากเช้ือรา สารพษิ จากพืช และสารพษิ จากสตั ว์ คู่มือ การจัดการอนามัยส่ิงแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 95 สารเคมีที่เติมลงในอาหารโดยเจตนา สารเคมีเหล่านี้เป็นสารเคมีท่ีจงใจเติมลงไปใน อาหารเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เช่น เปลี่ยนแปลงรส กลิ่น สี การบูดเสีย เป็นต้น และเพื่อ วัตถุประสงค์อ่ืน ๆ ด้านการผลิตและจ�ำหน่าย สารเคมีเหล่านี้จะปลอดภัย หากใช้ตามชนิด และปรมิ าณทอ่ี นญุ าตใหใ้ ช้ แตถ่ า้ ใชอ้ ยา่ งไมร่ ะมดั ระวงั หรอื ใชม้ ากเกนิ ไปอาจทำ� ใหเ้ กดิ อนั ตรายแก่ ผบู้ รโิ ภคได้ สารเคมีทเี่ ตมิ ลงในอาหารโดยเจตนา แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ สารปรุงแต่งอาหาร และวตั ถุเจอื ปนในอาหาร สารเคมที เ่ี ตมิ ลงในอาหารโดยมไิ ดเ้ จตนา/หรอื เกดิ ขนึ้ โดยบงั เอญิ สารเคมอี าจปนเปอ้ื น มากับอาหารและเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยมิได้ต้ังใจเติมลงไป หรืออาจติดมากับบรรจุภัณฑ์ท่ีน�ำ มาใชบ้ รรจอุ าหาร รวมทง้ั การปนเปอ้ื นเขา้ สอู่ าหารในระหวา่ งกระบวนการผลติ เชน่ สารเคมที ำ� ความ สะอาด โลหะหนกั จากหมึกพมิ พ์หรือน้�ำเสยี จากโรงงานอตุ สาหกรรม เป็นต้น 3) อันตรายทางชีวภาพ หมายถึง อันตรายท่ีเกิดข้ึนจากสิ่งมีชีวิตท่ีก่อให้เกิดโรคหรือเป็น อันตรายต่อสุขภาพได้ จุลินทรีย์ ไวรัส และปรสิต อันตรายเหล่านี้อาจมาจากวัตถุดิบหรือจาก ขนั้ ตอนตา่ ง ๆ ของกระบวนการผลติ ซง่ึ หากบรโิ ภคอาหารท่ีมกี ารปนเปอ้ื นจากเชือ้ จลุ นิ ทรีย์ ไวรสั หรอื ปรสติ เขา้ ไปกจ็ ะทำ� ใหเ้ กิดการเจบ็ ปว่ ยได้ ตารางที่ 1 แสดงอนั ตรายทางชวี ภาพท่ีเกดิ จากการปนเปือ้ นของอาหาร เชื้อสาเหตทุ ี่ทำ� ให้เกิดโรค โรคและการเจ็บป่วย โรคทเ่ี กิดจากเช้อื แบคทีเรีย อหวิ าตกโรค โรคบิด ไขไ้ ทฟอยด์ โรคแอนแทรกซ์ โรคอุจจาระรว่ ง โรคระบบทางเดนิ อาหาร โรควัณโรค โรคคอตีบ โรคท่เี กิดจากเชอื้ ไวรสั โรคไข้สันหลังอักเสบ โรคตับอักเสบจากเช้ือไวรัส (Viral Hepatitis) โรคคางทมู โรคมอื เทา้ ปาก โรคไข้หวัดใหญ่ ไขห้ วดั ใหญส่ ายพนั ธ์ใุ หม่ โรคท่เี กดิ จากปรสิต โรคบิด โรคพยาธไิ สเ้ ดือน โรคพยาธิแสม้ า้ โรคพยาธิเสน้ ดา้ ย โรคทรคิ โิ นซสิ โรคพยาธใิ บไมต้ บั โรคพยาธใิ บไมใ้ นปอด โรคพยาธใิ บไมใ้ น ลำ� ไส้ โรคพยาธติ วั ตืด โรคสปาร์กาโนซิส โรคทเ่ี กดิ จากพษิ ของแบคทเี รยี โรคอาหารเป็นพิษจากเชื้อคลอสตริเดียม โรคอาหารเป็นพิษจากเช้ือ สแตปฟโิ ลคอคคสั โรคอาหารเปน็ พษิ จากเชอ้ื บาซลิ ลัส โรคทเ่ี กดิ จากสัตว์สู่คน โรคววั บ้า โรคไข้หวัดนก กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

96 >>> 13.4 การสุขาภบิ าลอาหารในสถานพฒั นาเด็กปฐมวัย 1) สถานที่รับประทานอาหาร และบริเวณทว่ั ไป (1) ต้องสะอาด เป็นระเบียบ พ้ืนท�ำดว้ ยวัสดุ แข็ง เรยี บ ไมด่ ดู ซมึ น้ำ� ทำ� ความสะอาดงา่ ย ผนงั เพดาน ควรใช้สอี อ่ น สภาพดี สะอาด บริเวณโดยรอบเปน็ ระเบยี บ สะอาด ไม่มีน้ำ� เสยี ไม่มี ขยะ ไม่มีสตั ว์น�ำโรค (2) โต๊ะ เก้าอ้ีสำ� หรับรบั ประทานอาหาร อย่ใู นสภาพดี ม่นั คง แข็งแรง พ้นื ผวิ เรียบ ไมม่ ี หลมุ หรอื เปน็ รอ่ ง ไมห่ ลดุ ลอกหรอื ถลอกจนกอ่ ใหเ้ กดิ ความสกปรก ไมม่ คี ราบเศษอาหาร หรอื คราบ สกปรกทที่ งิ้ ไวน้ านจนท�ำความสะอาดไดย้ าก และจัดเป็นระเบยี บ (3) บรเิ วณทร่ี บั ประทานอาหาร ควรโปรง่ มกี ารระบายอากาศทด่ี ี ไมร่ อ้ นอบอา้ ว ไมม่ ฝี นุ่ ไม่มีกลิ่น/ควัน จากการท�ำอาหารรบกวน ควรมีการป้องกันสัตว์ต่าง ๆ เช่น สุนัข แมว ฯลฯ ไม่ให้มาอาศัยหรือหาอาหารในโรงอาหาร และไม่ควรเล้ียงสัตว์ทุกชนิดในบริเวณโรงอาหาร ทั้งน้ีตอ้ งเกบ็ เศษอาหารใหม้ ดิ ชดิ ไม่ใหเ้ ปน็ แหล่งอาหารของสตั วต์ า่ ง ๆ 2) สถานทีป่ รงุ ประกอบอาหาร (1) พื้นทำ� ด้วยวสั ดถุ าวร แขง็ แรง เรยี บ สภาพดี ไมด่ ดู ซึมนำ�้ ทำ� ความสะอาดง่ายไมล่ ่นื ไม่แตก ไม่ช�ำรุด ไม่มีน้�ำขัง มุมและรอยต่อระหว่างพ้ืนกับผนังไม่มีส่ิงสกปรก พ้ืนไม่มีคราบไขมัน เศษอาหาร ขยะ หรอื คราบสกปรก พ้ืนมีความลาดเอียงลงสทู่ างระบายน�้ำเพอ่ื ไม่ใหน้ ำ�้ ขัง (2) ผนัง เพดาน ประตู หนา้ ตา่ ง ชอ่ งลม ควรเป็นวสั ดุเรยี บ ท�ำความสะอาดง่าย แขง็ แรง ควรมีสอี อ่ นเพื่อใหส้ อ่ งสว่าง และเห็นคราบสกปรกไดช้ ัดขึน้ คู่มือ การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 97 (3) พื้นท่ีระบายอากาศ ได้แก่ ประตู หน้าต่าง ช่องระบายอากาศ ควรมีพื้นท่ีรวมกัน ไม่น้อยกว่า รอ้ ยละ 10 ของพน้ื ท่ีห้อง หากมมี ุ้งลวดจะชว่ ยปอ้ งกนั สัตว์ แมลงพาหะน�ำโรคได้ และ ระบบระบายอากาศในสถานทปี่ รงุ ประกอบอาหาร ทงั้ ในลกั ษณะชอ่ งระบายอากาศ พดั ลมระบายอากาศ หรือปล่องระบายควัน ต้องมีการท�ำความสะอาดและบ�ำรุงรักษาให้อยู่สภาพดีเสมอ ไม่ให้มี ฝุ่นละออง คราบไขมัน สิ่งสกปรกอน่ื ๆ จับอปุ กรณ์ (4) ห้ามวางอาหารและภาชนะท่ีใส่อาหารบนพ้ืน ไม่เตรียมและปรุงอาหารบนพื้น เพือ่ ช่วยป้องกันอาหารปนเปอ้ื น (5) โตะ๊ เตรยี ม-ปรงุ อาหารและผนงั บรเิ วณเตาไฟ แขง็ แรง สภาพดี พน้ื ผวิ เรยี บ ไมด่ ดู ซมึ นำ�้ ท�ำด้วยวัสดุท่ีท�ำความสะอาดง่าย เช่น สแตนเลส กระเบื้อง และพ้ืนโต๊ะต้องสูงจากพื้น อย่างน้อย 60 เซนติเมตร เพ่ือความสะดวกขยะยืนปฏิบัติงาน โต๊ะควรสูง 80-85 เซนติเมตร และควรทำ� ความสะอาดโต๊ะประกอบอาหารกอ่ นและหลังปฏบิ ตั ิงานทุกครั้ง (6) ประตูหอ้ งสว้ มไมเ่ ปดิ ตรงสบู่ ริเวณท่เี ตรียมปรุงอาหาร (7) ถ้ามีการเตรยี มนม ควรจดั สถานทแ่ี ยกจากบริเวณที่ประกอบอาหารท่ัวไป บรเิ วณที่ เตรียมนมและอุปกรณต์ า่ ง ๆ ตอ้ งสะอาด (8) กรณีการจัดอาหารในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแบบไม่มีครัวน้ัน โดยให้ยึดหลักเดียว กบั การจัดสถานทีเ่ ตรยี มและปรุงอาหาร สะอาด ถกู หลกั อนามยั แบบมคี รัวทุกขอ้ สิ่งที่ต่างกนั คือ สถานท่ี และกระบวนการเตรียมและปรุงอาหาร ผู้ท่ีรับผิดชอบดูแลอาหารกลางวันของเด็กควร ตรวจตราความสะอาดและความปลอดภัยของสถานท่ที ใ่ี ชอ้ นุ่ อาหารกลางวันส�ำหรบั เดก็ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

98 >>> 3) อาหาร น�้ำ นำ�้ แขง็ เครื่องดื่ม (1) อาหารและเคร่ืองด่มื ในภาชนะบรรจุท่ปี ิดสนิท มคี ณุ ภาพดี เกบ็ เปน็ ระเบียบสงู จาก พน้ื อยา่ งนอ้ ย 30 เซนตเิ มตร และตอ้ งมเี ครอ่ื งหมายแสดงการไดร้ บั อนญุ าตทถ่ี กู ตอ้ งของสำ� นกั งาน คณะกรรมการอาหารและยา (2) ก่อนเลือกซื้อให้สังเกตท่ีฉลากต้องระบุประเภทของ อาหาร ส่วนประกอบ ปริมาณสทุ ธิ ชื่อและท่ตี ั้งของสถานท่ีผลิต วันผลิต วันหมดอายุ มีเคร่ืองหมายแสดงการได้รับอนุญาต ท่ีถูกตอ้ งของสำ� นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา ไดแ้ ก่ เลขสารบบอาหาร (3) อาหารสด เช่น เนอื้ สัตว์ ผกั สด ผลไม้ และอาหารแหง้ เป็นตน้ มคี ุณภาพดี แยกเก็บ เปน็ สดั สว่ นไม่ปะปนกัน วางสูงจากพน้ื อย่างน้อย 60 เซนตเิ มตร (4) อาหารสดต้องล้างด้วยน้�ำสะอาดอย่างท่ัวถึง อย่างน้อย 2 ครั้ง ก่อนน�ำมาปรุง ใส่ภาชนะและจัดวางแยกจากกันให้เป็นสัดส่วน เพ่ือป้องกันการปนเปื้อนระหว่างเน้ือสัตว์และ ผกั สด ควรเกบ็ ไวใ้ นอณุ หภมู ทิ เ่ี หมาะสม ผกั ผลไมเ้ กบ็ ไวใ้ นอณุ หภมู ปิ ระมาณ 7-10 องศาเซลเซยี ส และเนอื้ สัตว์หน่ั เปน็ ช้ินเลก็ ๆ หนาไม่เกิน 3 นว้ิ เกบ็ ในอุณหภูมิต่ำ� กว่า 5 องศาเซลเซยี ส (5) ตรวจดู วันผลิต วันหมดอายุ สภาพของภาชนะบรรจุ และอาหารภายในจะต้องมี ลักษณะทไ่ี มผ่ ิดปกติ เกบ็ ในบริเวณท่แี ห้ง สะอาด ไม่มีสัตวน์ ำ� โรครบกวน (6) สารเคมอี น่ื ทไ่ี มใ่ ชอ่ าหาร จะตอ้ งแยกเกบ็ ไมใ่ หป้ ะปนกบั อาหาร จะตอ้ งมบี รเิ วณทเี่ กบ็ โดยเฉพาะท่มี ปี า้ ยบอกชัดเจนป้องกันการนำ� ไปใชผ้ ิด คู่มือ การจัดการอนามัยส่ิงแวดล้อมในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เพ่ือเด็กไทยสุขภาพดี

<<<<< 99 (7) ห้ามน�ำบรรจุภัณฑ์ที่ใส่อาหารท่ีใช้หมดแล้ว หรือบรรจุภัณฑ์ท่ีมีลักษณะคล้ายกับ บรรจุภัณฑ์ที่ใส่อาหารมาใส่สารเคมีเด็ดขาด เพราะอาจเกิดความผิดพลาดน�ำไปรับประทานเป็น อันตรายได้ (8) อาหารทปี่ รงุ สำ� เรจ็ แลว้ เกบ็ ในภาชนะทส่ี ะอาด มกี ารปกปดิ วางสงู จากพน้ื อยา่ งนอ้ ย 60 เซนตเิ มตร (9) อาหารทเี่ ตรยี มหรอื ปรงุ แล้ว ต้องมีการปกปิดให้มิดชิด โดยใช้ฝาภาชนะและไม่เปดิ ทงิ้ ไว้ ควรตกั เสริ ฟ์ โดยเรว็ แลว้ ตอ้ งรบี ปดิ ฝาทนั ที ไมค่ วรใชผ้ า้ คลมุ อาหาร เพราะผา้ มกั จะไมส่ ะอาด และสัมผัสกับอาหารท�ำให้อาหารปนเปื้อนได้ ทั้งน้ีต้องไม่วางอาหารที่ปรุงส�ำเร็จ แลว้ ไว้ใกลก้ บั อาหารดบิ หรอื ส่งิ สกปรกตา่ ง ๆ ซง่ึ อาจทำ� ใหเ้ กดิ การปนเปอื้ น (10) น ้ำ� ด่มื เคร่ืองด่ืม น้ำ� ผลไม้ ต้องสะอาด ใส่ในภาชนะท่ีสะอาด มีฝา ปิด มีกอ๊ กหรือทางเทรนิ นำ�้ หรือมีอุปกรณท์ ่ีมีดา้ มส�ำหรับตกั โดยเฉพาะ และวางสูง จากพ้นื อยา่ งน้อย 60 เซนตเิ มตร (11) น �้ำแข็งท่ีใช้บริโภคต้องสะอาด ใส่ในภาชนะท่ีสะอาด มีฝาปิด มีอุปกรณ์ที่มีด้ามส�ำหรับคีบหรือตักโดยเฉพาะวางสูงจากพ้ืนอย่างน้อย 60 เซนตเิ มตร และตอ้ งไมม่ สี งิ่ ของอน่ื แชร่ วมไว้ (12) น ้�ำแข็งท่ีใช้บริโภค ต้องเป็นน�้ำแข็งท่ีผลิตข้ึนเพ่ือใช้ในการ บริโภคโดยตรง ไม่มตี ะกอน เมือ่ ละลายแล้วควรเปน็ น้ำ� ท่สี ะอาดได้มาตรฐาน นำ�้ ดมื่ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสขุ ภาชนะทใ่ี สต่ อ้ งเปน็ ภาชนะทส่ี ะอาด สามารถ เก็บความเย็นได้ มีฝาปิด ต้องมีอุปกรณ์ส�ำหรับคีบหรือตักที่มีด้ามยาว เพียงพอท่ีจะสามารถหยิบจับได้โดยไม่ท�ำให้เกิดการปนเปื้อน และในภาชนะใส่น�้ำแข็งต้องไม่มีส่ิงของอ่ืนใดแช่ปนอยู่ ยกเว้นท่ตี กั นำ้� แข็ง กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข