11
22 คำ�นำ� หนงั สือเลม่ นจ้ี ะอธบิ ายถงึ รายละเอียดเก่ยี วกบั สือ่ คอมพิวเตอรเ์ พ่อื การสอนประกอบดว้ ยเน้อื หาเกยี่ วกับความรู้ พืน้ ฐานเกีย่ วกบั เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ การผลติ และการประยกุ ตส์ ื่อคอมพิวเตอรแ์ ละสอื่ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ การผลติ ส่ือการเรยี นการสอนคอมพิวเตอร์เพือ่ การนำ�เสนอและ การพัฒนาโปรเจค 5วจิ ยั เนอื้ หาสาระดงั กล่าวจะเปน็ ประโยชน์ส�ำ หรับครผู ู้ สอนและนิสิตรวมทัง้ บุคคลทัว่ ไปทม่ี คี วามสนใจในเรื่องนี้ หากมี ขอ้ ผิดผลาดประการใดขออภยั ไว้ ณ ทีน่ ี้ นรินทรพ์ ร แก้วดา
33 สารบัญ บทที1่ ความรู้พน้ื ฐานเกีย่ วกบั เทคโนโลยสี ่ือการเรยี นรู้ด้วย คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอรเ์ พ่ือการเรยี นการสอน สอ่ื คอมพิวเตอร์เพื่อการเรยี นการสอน บทที่2 การผลติ และประยกุ ตส์ อื่ คอมพิวเตอร์และสื่อ อิเล็กทรอนิกส์ หลักการผลิตส่อื คอมพิวเตอรแ์ ละสือ่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ การประยกุ ต์ใชส้ อื่ คอมพวิ เตอร์และสอื่ อเิ ล็กทรอนิกส์ บทท3ี่ การผลติ สื่อการเรยี นการสอนคอมพวิ เตอรเ์ พื่อ การน�ำ เสนอ สื่อการเรียนการสอนเพื่อการน�ำ เสนอ
บทท1่ี ความร้พู ้นื ฐานเก่ียวกับเทคโนโลยีส่อื การ เรยี นรู้ดว้ ยคอมพวิ เตอร์
5 5 เทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์ คอื อุปกรณท์ างอิเลก็ ทรอนิกส์ (electrinic de- vice) ท่มี นษุ ย์ใช้เป็นเคร่อื งมอื ช่วยในการจัดการกบั ขอ้ มูลท่ี อาจเปน็ ได้ ทัง้ ตวั เลข ตวั อกั ษร หรือสัญลักษณ์ทีใ่ ชแ้ ทนความ หมายในสิ่งต่าง ๆ โดยคุณสมบัตทิ ่ีส�ำ คญั ของคอมพิวเตอร์คอื การทสี่ ามารถกำ�หนดชุดคำ�สัง่ ล่วงหนา้ หรือโปรแกรมได้ (pro- grammable) น่นั คือคอมพิวเตอรส์ ามารถทำ�งานได้หลากหลาย รูปแบบ ขน้ึ อยกู่ ับชดุ คำ�สั่งที่เลอื กมาใชง้ าน ท�ำ ใหส้ ามารถน�ำ คอมพวิ เตอร์ไปประยกุ ตใ์ ช้งานไดอ้ ย่างกวา้ งขวาง เช่น ใช้ในการ ตรวจคลื่นความถขี่ องหวั ใจ การฝาก - ถอนเงินในธนาคาร การ ตรวจสอบสภาพเคร่อื งยนต์ เป็นต้น ขอ้ ดขี องคอมพิวเตอร์ คอื เครอ่ื งคอมพวิ เตอรส์ ามารถท�ำ งานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภาพ มี ความถกู ตอ้ ง และมีความรวดเรว็
66 เครื่องคอมพวิ เตอร์จะมวี งจรการทำ�งานพื้นฐาน 4 อย่าง (IPOS cycle) คอื 1.รบั ขอ้ มูล (Input) เครื่องคอมพวิ เตอรจ์ ะทำ�การรับขอ้ มลู จากหน่วยรบั ข้อมูล (input unit) เชน่ คบี อร์ด หรอื เมาส์ 2.ประมวลผล (Processing) เครอ่ื งคอมพิวเตอรจ์ ะท�ำ การ ประมวลผลกบั ข้อมลู เพือ่ แปลงใหอ้ ยู่ในรปู อ่ืนตามท่ีต้องการ 3.แสดงผล (Output) เครอ่ื งคอมพิวเตอร์จะให้ผลลัพธจ์ าก การประมวลผลออกมายังหน่วยแสดงผลลพั ธ์ (output unit) เชน่ เคร่ืองพมิ พ์ หรอื จอภาพ 4.เก็บข้อมลู (Storage) เคร่ืองคอมพวิ เตอรจ์ ะทำ�การเก็บ ผลลัพธจ์ ากการประมวลผลไวใ้ นหนว่ ยเก็บข้อมลู เพอื่ ให้ สามารถนำ�มาใช้ใหมไ่ ดใ้ นอนาคต
77 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ หมายถึง เทคโนโลยที ถ่ี ูกน�ำ มาใช้เพ่ือการบันทึก จดั เกบ็ ประมวลผล และค้นคนื สารสนเทศ ซึง่ แบง่ ออกได้เป็น 2 ส่วน ใหญ่ ๆ คือ 1.ฮาร์ดแวร์ (Hardware) คอื อปุ กรณ์ ช้นิ ส่วนตา่ ง ๆ ของ คอมพิวเตอร์ รวมถึงสอื่ ทีใ่ ชใ้ นการบนั ทึกขอ้ มูล ไดแ้ ก่ อุปกรณ์ รบั ขอ้ มูล (Input Devices) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) หน่วยความจ�ำ หลกั (Main Memo- ry Unit) หนว่ ยเก็บข้อมูลสำ�รอง (Secondary Storage) และ อุปกรณ์แสดงผล (Output Devices)
88 2.ซอฟท์แวร์ หมายถงึ โปรแกรมคอมพิวเตอรท์ เ่ี ปน็ ชุดค�ำ สัง่ ทค่ี วบคมุ การทำ�งานของฮารด์ แวร์ ซอฟตแ์ วรส์ ามารถแบ่งได้ เปน็ 2 ประเภท ดงั นี้ 2.1 ซอฟท์แวร์ระบบ ( System Software) เปน็ ซอฟทแ์ วรท์ ่ีท�ำ หนา้ ที่เป็นตัวกลางเพ่ือชว่ ยให้ผูใ้ ช้สามารถ ติดตอ่ ส่ังงานอุปกรณค์ อมพวิ เตอร์ไดง้ ่ายขนึ้ และท�ำ หน้าท่ี ประสานงานกบั ซอฟทแ์ วร์ประยุกตท์ ้ังระบบ ตัวอยา่ งของ ซอฟทแ์ วร์ระบบ ไดแ้ ก่ Windows, Mac OS, Unix และ Linux เปน็ ตน้ 2.2 ซอฟทแ์ วรป์ ระยกุ ต์ (Application Software) เปน็ ซอฟท์แวรส์ ำ�เรจ็ รูปทีเ่ ขียนข้ึนเพื่อประยกุ ตใ์ ชง้ านในด้าน ต่าง ๆ เช่น พมิ พเ์ อกสาร นำ�เสนองาน และค�ำ นวณ หรอื เพอ่ื ใช้งานเฉพ าะดา้ น ตัวอย่างไดแ้ ก่ Microsoft Word, Adobe Photoshop และ Macromedia Dreamweaver เปน็ ตน้ ซอฟท์แวรท์ เ่ี ก่ียวขอ้ งกบั การสืบคน้ สารสนเทศท่สี ำ�คัญมี 2 โปรแกรม ไดแ้ ก่ โปรแกรมคน้ ดูเวบ็ และโปรแกรมอ่าน เอกสาร
99 2.2.1 โปรแกรมคน้ ดเู ว็บ ( Web Browser) เปน็ ซอฟท์แวรท์ ีช่ ่วยในการอ่านเนอ้ื หาของเวบ็ เพจ โดยท�ำ หนา้ ท่แี ปลงค่ารหสั ทางคอมพิวเตอร์ ใหเ้ ปน็ ภาพและเสยี ง ตามทผ่ี ู้สร้างเว็บไซตก์ �ำ หนด ตัวอยา่ ง ไดแ้ ก่ Internet Ex- plorer, Mosaic, Opera, Netscape Communicator และ Hot Java เปน็ ต้น 2.2.2 โปรแกรมอ่านเอกสาร เอกสารที่มกี ารเผย แพรใ่ นอนิ เทอร์เน็ตมหี ลายรูปแบบ รปู แบบทั่วไปทน่ี ิยมใช้ คือ เปน็ HTML , Microsoft Word และ PDF ผู้ใชจ้ ะตอ้ ง ดาวน์โหลดโปรแกรม Adobe Acrobat Reader มาติดตง้ั ไว้ในเคร่อื ง จึงจะสามารถเรียกดูแฟ้มข้อมูลในรปู แบบ PDF ได้
10 10 ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) ระบบ (System) คือกลมุ่ ขององคป์ ระกอบท่ีมีความสมั พนั ธก์ ัน และท�ำ งานรว่ มกัน ซงึ่ ระบบคอมพวิ เตอรจ์ ะมีองค์ประกอบท่ี ส�ำ คัญ 3 สว่ น คือ 1.ฮารด์ แวร์ (Hardware) 2.ซอฟต์แวร์ (Software) 3.บุคลากร (Peopleware) ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถงึ อุปกรณ์ต่าง ๆ ท่เี ป็นตวั เครอ่ื ง คอมพวิ เตอร์ แบ่งออกเปน็ สว่ นประกอบดงั นี้ หนว่ ยรับ ข้อมูล หน่วยประมวลผล หนว่ ยแสดงผล
11 11 1.หน่วยรับขอ้ มูล (Input unit) เปน็ อุปกรณร์ ับเข้า ท�ำ หน้าท่ี รับโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ อปุ กรณ์ รบั เข้าท่ใี ช้กนั เปน็ สว่ นใหญ่ คือ แปน้ พิมพ์ ( Keyboard ) และเมาส์ ( Mouse) นอกจากน้ียงั มอี ุปกรณร์ บั เข้าอน่ื ๆ อกี ได้แก่ สแกนเนอร์ ( Scanner), วดี โี อคาเมรา (Video Camera), ไมโครโฟน (Microphone),ทชั สกรนี (Touch screen), แทร็คบอล (Trackball), ดิจติ เซอร์ เทเบล้ิ แอนด์ ครอสแชร์ (Digiter tablet and crosshair
12 12 2.หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) หรอื เรียกโดยท่ัว ๆ ไปว่า CPU ซึ่งถอื ว่าเปน็ สมองของระบบ คอมพิวเตอร์ มีส่วนประกอบทส่ี ำ�คัญ 2 สว่ น คือ หน่วยควบคุม หน่วยค�ำ นวณ 1. หน่วยควบคมุ (Control Unit หรอื CU) ท�ำ หน้าท่ีควบคุม ล�ำ ดับข้นั ตอนการทำ�งานของหนว่ ยรบั ข้อมูล หนว่ ยแสดงผล หนว่ ยค�ำ นวณและหนว่ ยตรรก หนว่ ยความจ�ำ และแปลค�ำ สง่ั 2. หนว่ ยคำ�นวณและตรรก (Arithmetic and Logic Unit หรอื ALU) ท�ำ หนา้ ทีใ่ นการคำ�นวณหาตัวเลข เช่น การบวก ลบ การ เปรียบเทียบ
13 13 3.หน่วยความจำ� เป็นอปุ กรณ์ใชเ้ กบ็ โปรแกรมและขอ้ มลู ทีใ่ ช้ ในการประมวลผล
14 14 คอมพิวเตอร์เพือ่ การเรียนการสอน พจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พทุ ธศักราช 2525 ไดใ้ ห้ ความหมายของ “คอมพิวเตอร”์ ไว้ว่า”เครอื่ งอิเลก็ ทรอนกิ ส์ แบบอัตโนมัติ ทำ�หน้าทเ่ี สมอื นสมองกล ใช้ส�ำ หรบั แก้ปัญหา ตา่ งๆท่งี า่ ยและซับซอ้ นโดยวิธีทางคณิตศาสตร”์ คอมพวิ เตอร์จึง เปน็ เครอื่ งมอื อเิ ลก็ ทรอนกิ สท์ ถี่ กู สรา้ งข้นึ เพือ่ ใชง้ านแทนมนษุ ย์ ในด้านการค�ำ นวณและสามารถจ�ำ ข้อมูลทง้ั ตวั เลขและตัวอกั ษร ได้ เพ่ือการเรยี กใชง้ านครง้ั ตอ่ ไป รวมท้งั สามารถจัดการกับ สญั ลักษณ์ (Symbol) ไดด้ ว้ ยความเรว็ สูงโดยปฏบิ ัติตามขั้นตอน ของโปรแกรม นอกจากนยี้ ังมีความสามารถใน ดา้ นต่างๆ เช่น การรับส่งข้อมูล การจดั เก็บขอ้ มลู ไว้ในตวั เครื่อง และสามารถประมวลผลจากขอ้ มลู ต่างๆ ได้ (ตวงแสง ณ นคร .2552)
15 15 คอมพิวเตอร์ที่น�ำ มาใชใ้ นวงการศึกษา หรอื อาจเรียกวา่ คอมพิวเตอร์เพอ่ื การศึกษา (Computer-Based Educa- tion, Instructional Computer : IC, Computer-Based Instruction : CBI) มีความหมายเหมือนกนั คือ การน�ำ คอมพิวเตอร์ มาใช้ประโยชน์ในดา้ นการศกึ ษา ไม่วา่ จะ เป็นการจดั การเรยี นการสอน การลงทะเบียน การจัดทำ� บตั รนกั ศึกษา การจดั ท�ำ ผลการเรยี นการสอนรวมไป จนถึง การออกใบรบั รองการจบหลกั สตู ร Robert Taylor นักเทคโนโลยีการศกึ ษา ไดแ้ บง่ การ ใชค้ อมพวิ เตอร์เพ่อื การศกึ ษา ไว้ในหนงั สือ the Com- puter in the School : Tutor, Tutee โดยได้แบ่งการนำ� คอมพิวเตอรเ์ ข้ามาใช้ในโรงเรียนออกเปน็ 3 ลกั ษณะ คอื การใช้คอมพวิ เตอรใ์ นลกั ษณะของติวเตอร์ การใช้ คอมพิวเตอรใ์ นลกั ษณะของอุปกรณ์ การเรยี นการสอนและ การใชค้ อมพิวเตอร์ในลักษณะของผ้เู รยี น (ดิเรก ธรี ะภธู ร .2545)
16 16 บทบาทของคอมพิวเตอรท์ ี่จ�ำ เปน็ ต้องน�ำ มาใชใ้ นการศึกษา จงึ แบง่ เปน็ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. คอมพิวเตอรเ์ พอ่ื การบรหิ าร (computer Applications into Administration) การบริหารการศึกษานบั เป็นปจั จยั ส�ำ คญั ในการก�ำ หนด ทศิ ทาง นโยบาย อันน�ำ ไปสู่แนวทางปฏิบตั ิในการจัดการศกึ ษา ทง้ั ในระดับประเทศและระดับทอ้ งถน่ิ สิ่งส�ำ คญั ในการที่จะ ชว่ ยให้บริหารเปน็ ไปอย่างมีประสทิ ธิภาพก็คอื ความพร้อม ของขอ้ มลู ในการบรหิ ารจัดการเพ่ือการตดั สินใจและก�ำ หนด นโยบายการศึกษา คอมพิวเตอร์จึงเขา้ มามีบทบาทในการ บรหิ ารการศึกษามากข้นึ ซ่งึ ชว่ ยให้การดำ�เนนิ งานต้งั อยู่บน ฐานขอ้ มลู ทช่ี ัดเจนถกู ต้องและเกิดประสิทธิภาพสูงสดุ สรปุ ได้ ดังนี้ 1.1 การบริหารงานทั่วไป เปน็ การน�ำ คอมพวิ เตอรช์ ว่ ย ในการบริหารงานบคุ คล งานธรุ การ การเงินและบญั ชีการ ประชาสมั พันธ์ รวมถึงการจดั ทำ�ระบบฐานขอ้ มลู (Manage- ment Information System :MIS) เพ่ือประโยชนใ์ นการ วางแผนและบรหิ ารการศกึ ษาได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ เปน็ ต้น
17 17 1.2 งานบรหิ ารการเรยี นการสอน เปน็ การน�ำ คอมพิวเตอร์ ช่วยในการบริหารของครผู ู้สอนนอกเหนือจากงานด้านการ สอนปกติ เช่น งานทะเบียน งานด้านเอกสาร การจดั ตาราง สอน ตารางสอบ การตรวจและการเก็บรวบรวมคะแนน การ สรา้ ง-วเิ คราะหข์ ้อสอบ การวัดและประเมินผลการเรยี น เป็นตน้ 2. คอมพิวเตอร์เพื่อการจดั การเรยี นการสอน (Computer -Managed Instruction) การใชค้ อมพวิ เตอร์ช่วยจัดการเรียนการสอน เพื่อช่วยให้ ครูผู้สอนไมต่ ้องเสียเวลากบั การงานบรหิ าร ครผู ้สู อนจะไดม้ ี เวลาไปปรับปรงุ บทเรียนใหท้ ันสมยั และมเี วลาให้กบั นักเรยี น มากขึ้น เชน่ การจัดเลอื กขอ้ สอบ การตรวจและใหค้ ะแนน และวเิ คราะหข์ ้อสอบ การเก็บประวัตินกั เรียนเฉพาะวชิ า ทส่ี อนเพือ่ ดพู ัฒนาการด้านการเรยี นและการใหค้ �ำ ปรกึ ษา และชว่ ยในการจัดทำ�เอกสารเกีย่ วกับการเรียนการสอนของ วชิ าทส่ี อน รวมถึงการนำ�คอมพวิ เตอรม์ าช่วยในการจดั การ เรียนการสอนจะท�ำ ให้ครผู ้สู อนสามารถวเิ คราะห์ผเู้ รยี นเพ่ือ ออกแบบและพัฒนาระบบการสอนได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ ตรงกบั วตั ถุประสงคแ์ ละความตอ้ งการของผเู้ รยี น
18 18 3. คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน (Computer -Assisted Instruction : CAI) คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนเปน็ กระบวนการเรยี นการสอน โดยใช้ส่ือคอมพวิ เตอร์ ในการน�ำ เสนอเนอ้ื หาเร่ืองราวตา่ งๆ มลี กั ษณะเป็นการเรียนโดยตรง และเปน็ การเรียน แบบมี ปฏสิ ัมพนั ธ์ (Interactive) คอื สามารถ โตต้ อบระหว่างผู้ เรียนกบั คอมพวิ เตอร์ได้ เชน่ เดียวกบั การสอนระหว่างครกู บั นกั เรยี นทอ่ี ยู่ในห้องตามปกติ คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนมหี ลาย ประเภทตามวตั ถุประสงคท์ ี่จะให้นกั เรียนได้เรียน กล่าวคอื ประเภทติวเตอร์ ประเภทแบบฝกึ หดั ประเภทการจำ�ลอง ประเภทเกม ประเภทแบบทดสอบซึ่งในแต่ละประเภทก็มจี ุด ม่งุ หมายในการใหค้ วามรู้แกผ่ ูเ้ รียน
19 19 สรปุ แนวโนม้ ในการน�ำ คอมพิวเตอรม์ าใชใ้ นการศกึ ษา ในปัจจุบนั และอนาคตจะเปน็ รูปแบบของการเรยี นการ สอน โดยน�ำ เอาเทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ มาผสมผสานกับ เทคโนโลยอี ินเทอร์เน็ต เนอ่ื งจากเทคโนโลยีอินเทอร์เนต็ มี ลักษณะเฉพาะ คือ มีความสามารถในการน�ำ เสนอขอ้ มลู ผ่านระบบ World Wide Web ในการใช้เพอ่ื การจัดการ เรยี นการสอนผ่านเวบ็ (Web-Based Instruction : WBI) หรอื E-learning ซึง่ วงการศึกษาคงจะหลกี เล่ียงไดย้ ากย่ิง
20 20 สือ่ คอมพวิ เตอร์เพื่อการเรยี นการสอน ตวั อย่างสอื่ สอื่ คอมพวิ เตอร์เพื่อการเรยี นการสอน 1.สอ่ื CAI คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน (Computer Assisted Instruc- tion) หรือ ซีเอไอ (CAI) คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนหรอื โปรแกรมชว่ ยสอน คือส่ือ ที่ใช้ในการเรยี นการสอนอนั หน่ึง CAI คลา้ ยกับสือ่ การสอน อน่ื ๆ เช่น วิดีโอชว่ ยสอน บัตรคำ�ช่วยสอน โปสเตอร์ แต่ คอมพวิ เตอร์ช่วยสอนจะดีกว่าตรงทต่ี วั ส่ือการสอน ซงึ่ ก็ คือคอมพวิ เตอร์นั้น สามารถโตต้ อบกับนกั เรยี นได้ ไมว่ า่ จะ เป็นการรับคำ�สั่งเพื่อมาปฏิบตั ิ ตอบค�ำ ถามหรอื ไมเ่ ชน่ นั้น คอมพวิ เตอรก์ จ็ ะเป็นฝา่ ยป้อนคำ�ถาม
21 21 หมายถึง การนำ�คอมพิวเตอรม์ าเป็นเครอื่ งมือสร้างให้ เปน็ โปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ พ่อื ใหผ้ เู้ รียนนำ�ไปเรียนด้วย ตนเองและเกิดการเรียนรู้ในโปรแกรมประกอบไปดว้ ย เน้ือหาวชิ า แบบฝกึ หัด แบบทดสอบ ลกั ษณะของการนำ� เสนออาจมที ั้งตัวหนงั สือ ภาพกราฟกิ ภาพเคลอื่ นไหว สีห รอื เสยี งเพอ่ื ดงึ ดูดใหผ้ เู้ รียนเกดิ ความสนใจมากย่ิงขึ้นรวม ท้งั การแสดงผลการเรียนใหท้ ราบทันทีดว้ ยข้อมลู ย้อนกลับ (Feedback) แกผ่ ูเ้ รยี นและยงั มีการจัดล�ำ ดับวธิ ีการสอน หรอื กิจกรรมตา่ ง ๆเพอ่ื ใหเ้ หมาะสมกบั ผ้เู รียนในแตล่ ะ คนนอกจากนนั้ คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนเองยงั มีลกั ษณะที่ เรยี กวา่ “บทเรยี นสำ�เร็จรปู ” แต่เปน็ บทเรยี นส�ำ เร็จรปู โดย การใชไ้ มโครคอมพิวเตอร์เปน็ ตัวกลางแทนสงิ่ พมิ พ์หรอื สอ่ื ประเภทต่างๆท�ำ ให้บทเรยี นสำ�เรจ็ รปู ในคอมพวิ เตอร์มี ศักยภาพเหนือกว่าบทเรียนสำ�เร็จรูปในรูปแบบอืน่ ๆท้ังหมด โดยเฉพาะมีความสามารถที่เกือบจะแทนครูท่เี ป็นมนุษย์ได้
22 22 2. E-Leaning หรือบทเรยี นออนไลน์ ค�ำ ว่า e-Learning คอื การเรียน การสอนในลกั ษณะหรือ รูปแบบใดกไ็ ด้ ซึง่ การถ่ายทอดเนือ้ หานั้น กระทำ�ผ่านทางสอื่ อเิ ล็กทรอนิกส์ เช่นซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอก็ ซทราเน็ต หรอื ทางสญั ญาณโทรทัศน์หรอื สญั ญาณ ดาวเทยี ม (Satellite) ฯลฯ เปน็ ต้นซ่ึงการเรยี นลกั ษณะน้ีไดม้ ี การนำ�เขา้ สูต่ ลาดเมืองไทยในระยะหนงึ่ แลว้ เช่นคอมพวิ เตอร์ ช่วยสอนด้วยซีดีรอม, การเรยี นการสอนบนเว็บ (Web- Based Learning), การเรยี นออนไลน์ (On-line Learning) การเรยี นทางไกลผ่านดาวเทยี ม หรอื การเรียนด้วยวดี โี อผา่ น ออนไลน์
23 23 ดร. สุรสิทธิ์ วรรณไกรโรจน์ ผูอ้ �ำ นวยการโครงการการ เรียนรู้แบบออนไลนแ์ หง่ สวทช. ไดใ้ หค้ �ำ จำ�กัดความของ บท เรียนออนไลน์ (Online) e-Learning (อีเลิร์นนงิ ) คือ การ เรยี นรู้แบบออนไลน์ หรือ e-learning (อเี ลริ ์นน่งิ ) การศกึ ษา เรียนรผู้ ่านเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์อินเทอรเ์ นต็ (Internet) หรอื อนิ ทราเน็ต(Intranet) เปน็ การเรียนรู้ดว้ ยตวั เอง ผเู้ รียนจะได้ เรียนตามความสามารถและความสนใจของตน โดยเนอ้ื หาของ บทเรยี นซ่งึ ประกอบด้วย ขอ้ ความ รปู ภาพ เสยี ง วิดีโอและ มลั ตมิ เี ดียอ่ืนๆ จะถูกส่งไปยงั ผู้เรียนผา่ น Web Browser โดย ผเู้ รียน ผูส้ อน และเพื่อนร่วมชั้นเรยี นทกุ คน สามารถตดิ ต่อ ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหวา่ งกันไดเ้ ชน่ เดียว กบั การเรยี นในชัน้ เรียนปกติ โดยอาศยั เคร่อื งมอื การตดิ ต่อ สอื่ สารทท่ี นั สมยั เช่น e-mail, webboard, chat) จึงเป็นการ เรียนสำ�หรับทกุ คน, เรียนไดท้ ุกเวลา และทกุ สถานที่ (Learn for all : anyone, anywhere and anytime
24 24 4. E-Book หรอื หนงั สอื อิเล็กทรอนกิ ส์ อีบุ๊ค (e-book, e-Book, eBook, EBook,) เป็นคำ� ภาษาต่างประเทศ ย่อมาจากค�ำ ว่า electronic book หมายถงึ หนงั สอื ทสี่ ร้างขนึ้ ด้วยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์มี ลักษณะเปน็ เอกสารอเิ ลก็ ทรอนิกส์ โดยปกตมิ ักจะเปน็ แฟ้ม ข้อมูลท่ีสามารถอา่ นเอกสารผา่ นทางหน้าจอคอมพิวเตอรท์ งั้ ในระบบออฟไลน์และออนไลน์ คณุ ลักษณะของหนังสอื อเิ ล็กทรอนิกสส์ ามารถเชือ่ มโยง จดุ ไปยังสว่ นต่างๆ ของหนงั สอื เวบ็ ไซต์ตา่ งๆ ตลอดจนมี ปฏสิ ัมพนั ธ์และโตต้ อบกบั ผู้เรยี นได้ นอกจากนน้ั หนังสอื อเิ ล็กทรอนิกส์สามารถแทรกภาพ เสยี ง ภาพเคล่อื นไหว แบบทดสอบ และสามารถสง่ั พมิ พ์เอกสารทีต่ อ้ งการออก ทางเครื่องพมิ พ์ได้ อีกประการหนง่ึ ท่ีสำ�คัญก็คือ หนงั สือ อเิ ล็กทรอนกิ สส์ ามารถปรับปรงุ ข้อมูลให้ทนั สมัยได้ตลอด
25 25 หนังสืออิเล็กทรอนกิ ส์ เปน็ หนังสอื ท่จี ัดท�ำ ด้วยระบบ คอมพิวเตอร์ โดยไม่ต้องพิมพ์เน้อื หาสาระของหนังสอื บน กระดาษหรือจัดพิมพ์เปน็ รปู เลม่ หนังสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สามารถเปิดอา่ นไดจ้ ากจอภาพของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ เหมือนกบั เปดิ อา่ นจากหนงั สอื โดยตรง ทง้ั น้สี ามารถนำ�เสนอ ขอ้ มูลไดท้ ั้งตวั อกั ษรหรือตวั เลข เรียกวา่ ไฮเปอร์เท็กซ์ (hy- pertext) และถ้าหากขอ้ มลู น้ันรวมถงึ ภาพ เสยี ง และภาพ เคล่ือนไหวจะเรยี กวา่ ไฮเปอรม์ ีเดีย (hypermedia)โดยการ ประสานเชือ่ มโยงสมั พันธข์ องเนอ้ื หาทอี่ ยู่ในแฟ้มเดียวกัน หรอื อยู่คนละแฟ้ม เข้าด้วยกนั ทำ�ให้ผูใ้ ช้ สามารถค้นหา ขอ้ มูลทต่ี อ้ งการได้อย่างรวดเรว็ และมปี ระสิทธิภาพซ่ึงผเู้ รียน สามารถทจี่ ะเลอื กเรยี นไดต้ ามความต้องการไม่จ�ำ กดั เวลาและ สถานที่
26 26 บทท2ี่ การผลิตและประยุกตส์ อ่ื คอมพวิ เตอรแ์ ละสอื่ อเิ ล็กทรอนิกส์
27 27 หลกั การผลติ สือ่ คอมพิวเตอรแ์ ละส่อื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ การออกแบบเอกสารอเิ ล็กทรอนิกส์ “เอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส”์ เปน็ การนำ�เอาเทคโนโลยใี หม่มา ใช้ชว่ ยใหก้ ารปฏบิ ัติงาน ใหม้ ีประสทิ ธิภาพมคี วามคล่องตวั สะดวกรวดเร็วมากข้นึ โดยการน�ำ เอาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์มาใชใ้ นการจดั ทำ� การเก็บรักษา การสง่ ข้อมูล การติดต่อส่อื สารในสำ�นักงาน ท้ังยงั เปน็ การลดปริมาณ กระดาษลงสามารถสื่อสารผ่านทางจอคอมพิวเตอรไ์ ดอ้ ยา่ ง รวดเรว็ การจดั เกบ็ เอกสาร สามารถน�ำ เอาเครื่องมอื เครื่อง ใช้ในการจัดเก็บ มาช่วยให้การจดั เกบ็ มปี ระสิทธิภาพมากขึ้น ค้นหาไดง้ า่ ย และประหยัดพื้นทใี่ นการจัดเกบ็ ข้อมลู ซ่ึงท�ำ ให้ ไดข้ ้อมลู ทรี่ วดเรว็ ทนั ต่อความต้องการ ขอ้ มูลมีความถูกต้อง มากขน้ึ ประหยดั คา่ ใชจ้ ่ายในระยะยาว และลดเวลาในการ ท�ำ งานและเพม่ิ ประสทิ ธิภาพในการตดิ ต่อสื่อสาร
28 28 ลักษณะและประเภทของเอกสารอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ลกั ษณะของเอกสารอิเลก็ ทรอนกิ ส์ รูปแบบโดยรวมถอื วา่ เปน็ ไฟลข์ อ้ มลู ทถ่ี กู เขียน และบนั ทึกผา่ นระบบคอมพิวเตอร์ อนั ได้แก่ ไฟล์เอกสาร นามสกลุ .txt, .rtf, ไฟลเ์ อกสารจากชุด โปรแกรม Microsoft Office หรอื ไฟล์เอกสาร .pdf นอกจากนี้เอกสารหรือหนังสอื อิเลก็ ทรอนิกสย์ ังมีลักษณะเฉพาะ ทส่ี �ำ คัญดงั น้ี 1. สามารถยอ้ นกลับเพอ่ื ทบทวนหากไม่เข้าใจ และสามารถ เลือกอ่านไดต้ ามเวลาและสถานทีท่ ่ตี นเองสะดวก 2. การตอบสนองท่รี วดเรว็ ของคอมพิวเตอรท์ ีใ่ ห้ทงั้ สีสนั ภาพ และเสยี ง ท�ำ ใหเ้ กดิ ความตืน่ เตน้ และไม่เบ่อื หน่าย 3. ชว่ ยลดค่าใช้จา่ ย และลดการใช้ทรพั ยากรธรรมชาติ 4. สามารถทำ�สำ�เนาได้อยา่ งสะดวกทัง้ สำ�เนาในรูปเอกสารและ ส�ำ เนาลงในแผ่นซดี รี อม หรอื ส�ำ เนาลงในฮารด์ ดิสก์ 5. ผอู้ า่ นสามารถเลอื กอ่านหัวข้อที่ตนสนใจขอ้ ใดก่อนก็ได้ และ สามารถย้อนกลับไปกลบั มาในเอกสารหรือกลับมาเร่มิ ตน้ ที่จดุ เร่มิ ตน้ ใหมไ่ ด้อย่างสะดวกและรวดเรว็
29 29 6. สามารถแสดงท้งั ขอ้ ความ ภาพน่ิง ภาพเคลื่อนไหว และ เสียงได้พร้อมกนั หรือจะเลือกให้แสดงเพยี งอย่างใดอย่าง หน่ึงก็ได้ 7. สะดวกในการจัดเกบ็ ขอ้ มลู สามารถเชอื่ มโยง ขอ้ มูลจาก สอ่ื ตา่ ง ๆ ทง้ั ตวั อักษร ภาพน่ิง ภาพ เคลอื่ นไหว และเสียงที่ อยู่คนละทเ่ี ขา้ ดว้ ยกนั นอกจากนน้ั ยังสามารถปรับเปลี่ยน แกไ้ ขและเพิม่ เตมิ ขอ้ มลู ได้งา่ ย สะดวก และรวดเรว็ ท�ำ ให้ สามารถปรบั ปรุงหนงั สอื ให้ทนั สมัยกับเหตุการณ์ ไดเ้ ป็น อย่างดี 8. ผอู้ า่ นสามารถคน้ หาขอ้ มูลทีเ่ ก่ียวข้องกนั กับเรอื่ งทกี่ ำ�ลัง ศึกษาจากไฟล์เอกสาร อื่น ๆ ทเ่ี ช่ือมโยงอย่ไู ด้อย่างไมจ่ �ำ กัด จากทั่วโลก
30 30 หลกั การออกแบบสอื่ สง่ิ พมิ พ์และเอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ หลักการออกแบบ หมายถงึ การนำ�องคป์ ระกอบมลู ฐาน มาจัดหรือรวบรวมเข้าดว้ ยกันอยา่ งมีระบบในงานออกแบบ ไม่ ว่าจะเป็นตวั อกั ษร ภาพ หรือพืน้ ที่ว่าง ๆ เพอื่ ให้การออกแบบ ส่อื สิ่งพิมพ์เปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงค์ทีต่ ้องการ ดังต่อไปน้ี 1.หลักความสมดลุ (balance) หมายถงึ การกำ�หนดและการ จัดวางองคป์ ระกอบมลู ฐานใหม้ ีนำ้�หนกั และขนาดในสดั ส่วนที่ เทา่ ๆ กันทงั้ สองขา้ ง งานออกแบบขาดความสมดลุ จะก่อใหเ้ กดิ ความร้สู กึ ไมม่ ่นั คงแตผ่ พู้ บเห็น 2. ความมเี อกภาพ (Unity)หมายถึง การจดั วางองค์ ประกอบใหม้ ีการรวมตวั เปน็ อันหนง่ึ อันเดียวกัน โดยไม่ แตกแยก กระจดั กระจาย งานออกแบบขาดเป็นเอกภาพจะ ทำ�ให้ผอู้ า่ นเกิดความร้สู ึกแตกแยกและไม่น่าสนใจ 3.การเนน้ จดุ แห่งความสนใจ (Emphasis)หมายถึง การสรา้ ง จุดแห่งความสนใจใหเ้ กิดข้นึ ในงานออกแบบ โดยการกำ�หนด บรเิ วณใดบรเิ วณหน่ึงในภาพทเี่ หมาะสม ให้มลี ักษณะพเิ ศษกว่า บริเวณอืน่ เพอ่ื ให้ดึงดดู ความสนใจแก่ผูอ้ ่าน
31 31 4. ความมีสดั ส่วน (Proportion) หมายถึง การจดั วาง องค์ประกอบ โดยค�ำ นงึ ถงึ ความสัมพนั ธ์ของขนาด รูปร่าง ขององคป์ ระกอบ เชน่ ตวั อกั ษร รูปภาพ และความสัมพันธ์ ระหว่างดา้ นกว้างและด้านยาวของสง่ิ พมิ พ์ 5. จังหวะ (Rhythm) ได้แก่ การวางองค์ประกอบมูลฐาน ทางศิลปะให้มีระยะต�ำ แหนง่ ขององค์ประกอบเป็นช่วงๆ ซึง่ จะก่อใหเ้ กดิ ความรูส้ กึ เคลอ่ื นไหวตอ่ เนื่องและความมีทศิ ทาง แก่ผูอ้ ่าน 6. ความเรยี บง่าย (Simplicity) การวางองคป์ ระกอบใน การจัดภาพ ควรเน้นท่ีความเรียบง่ายไมร่ กรงุ รงั เพราะแม้ว่า นกั ออกแบบจะสามารถออกแบบให้ผลงานหรหู รา แตห่ าก ไม่สามารถสอื่
32 32 หลกั การพฒั นาสอ่ื เอกสารเว็บและบทเรยี นออนไลน์ โครงสรา้ งเวบ็ ไซท์ (Site Structure) เปน็ แผนผังของ การลำ�ดบั เนือ้ หาหรือการจัดวางตำ�แหนง่ เวบ็ เพจทง้ั หมด ซ่งึ จะท�ำ ใหเ้ รารู้วา่ เวบ็ ไซทป์ ระกอบไปด้วยเน้อื หาอะไรบ้าง และมี เว็บเพจหน้าไหนที่เกีย่ วขอ้ งเชือ่ มโยงถึงกนั ดังน้ันการออกแบบ โครงสร้างเวบ็ ไซทจ์ ึงเป็นเรอ่ื งส�ำ คญั เปรียบเสมือนการเขียน แบบอาคารตา่ งๆ ก่อนที่จะลงมือสร้าง เพราะจะทำ�ใหเ้ รา สามารถมองเหน็ หน้าตาเวบ็ ไซท์เป็นรปู ธรรมมากขน้ึ สามารถ ออกแบบเนวเิ กช่ันไดเ้ หมาะสมไดเ้ หมาะสม และมแี นวทางการ ทำ�งานทชี่ ดั เจนส�ำ หรบั ข้ันตอนตอ่ ๆ ไป นอกจากนโี้ ครงสรา้ ง เว็บไซทท์ ีด่ ยี ังชว่ ยใหผ้ ู้ชมไปสับสน และค้นหาข้อมลู ท่ตี อ้ งการ ไดร้ วดเรว็ . ในการจัดท�ำ เว็บไซตก์ ารศึกษา ไมว่ า่ จะเป็นแบบ web- based หรือแบบ e-learning(e-training) สง่ิ ส�ำ คัญน่นั คอื การ จดั วางโครงสร้างของเว็บ ซ่ึงการจดั โครงสรา้ งเว็บไซต์ สามารถ ท�ำ ไดห้ ลายแบบ แต่แนวคิดหลักๆ ทีน่ ยิ มใชก้ นั มีอยู่ 2 แบบคอื - จัดตามกลุ่มเน้อื หา (Content-based Structure) - จดั ตามกลมุ่ ผู้ชม (User- based Structure)
33 33 ข้ันตอนการออกแบบสอ่ื เอกสารเว็บไซต์ (web docu- ment) และบทเรียนออนไลนใ์ หน้ ่าสนใจ ในการสร้างหนา้ เอกสารเวบ็ ดา้ นการเรยี นรู้ หรอื การเรียน การสอนทม่ี คี วามพรอ้ มดว้ ยองคป์ ระกอบด้านสาระเนื้อหา ที่ สนองต่อการพฒั นาดา้ นทกั ษะ ความรู้ ในการสร้างหน้าเวบ็ การเรียนรหู้ รอื บทเรียนออนไลนท์ ่ีดนี นั้ ไมไ่ ดม้ าจาก แคม่ ี ความพรอ้ มเฉพาะแคเ่ ครือ่ งมือ หรอื ุปกรณท์ ดี่ ีเทา่ นัน้ แต่ยงั ต้องพ่ึงพาปัจจยั อืน่ ๆ อีกหลายอย่าง อาทิ ความสามารถใน การสรา้ งงานของครูผู้พัฒนา ความพรอ้ มของโปรแกรม ความ พร้อม ความสมบรู ณ์ของ สาระเนือ้ หาทผี่ ่านกระบวนการ จดั การตามเงื่อนไขการสรา้ งบทเรยี นออนไลน์ และทีส่ �ำ คญั หากบทเรียน มีเน้ือหาท่ีคอ่ นขา้ งมาก การสร้างผังโครงเรอ่ื งก็ จะเปน็ ส่วนก�ำ กบั ติดตามการพฒั นาบทเรยี นใหส้ ำ�เร็จลุลวงได้ ดังนั้นเรามาดสู รปุ กนั ว่า ความพร้อมตามทกี่ ล่าวมานี้ จะมอี งค์ ประกอบ อะไรบ้าง 1. เคร่อื งมือ อปุ กรณ์ และโปรแกรมหลัก รวมถึงโปรแกรม สนับสนุนในการสรา้ งงาน 2. ข้อมูลเนือ้ หาสาระที่ผา่ นการวิเคราะห์ การจัดทำ�โครงสร้าง และทอนเนือ้ หาใหพ้ อดีกับการน�ำ เสนอ ในแต่ละหัวเรื่อง
34 34 3.แผนงาน ลำ�ดบั ข้นั การดำ�เนินงาน การสร้างบทเรยี น 4. diagram หรือ site course เพอ่ื แสดงความสัมพันธข์ อง การเชื่อมโยงตลอดทัง้ บทเรยี น 5. storyboard หากตอ้ งการให้บทเรยี นออนไลน์ มี ประสทิ ธภิ าพตอ่ การเรียนรสู้ งู สดุ ครูผู้พฒั นาควรก�ำ หนดกรอบ การสรา้ งงาน ให้อยใู่ นรปู ของ storyboard หรอื รายละเอยี ด ของเนอ้ื หา 6. แบบโครงรา่ งหนา้ บทเรยี นออนไลนใ์ นแตล่ ะหน้า ควร สัมพันธก์ ับเงื่อนไขขององค์ประกอบหลักของฐานการเรยี นรทู้ ่ี น�ำ ไปวางดว้ ย
35 35 นอกจากนีต้ ้องดภู าพรวมท่ปี รากฏบนหน้าจอว่า สว่ นแสดง เนอ้ื หา มีความสมดุลกับพ้ืนทขี่ องการแสดงผล ทง้ั ในสว่ น ของ navigation ต�ำ แหนง่ ของภาพ หรอื กราฟิก ท่นี ำ�มาวาง ประกอบ นอกจากองค์ประกอบทง้ั 6 สว่ น ตามท่ีกลา่ วมา ขา้ งตน้ ช้ินงานทสี่ รา้ งขนึ้ ในแต่ละหน้าเอกสารเวบ็ เพ่อื ให้สื่อ เอกสารเวบ็ ที่สร้างขึน้ นน้ั มคี ุณภาพ ภาพรวมท่ดี ูดี น่าสนใจต่อ การเรียนรู้ ผูส้ รา้ งงานควรให้ความส�ำ คัญในเร่ืองต่างๆ ตอ่ ไปน้ี 1. มสี ่วนรายการเน้อื หาหรอื สารบญั สารบญั หรือที่เรียก วา่ เมนู ควรแสดงรายการในแต่ละเร่ือง หรือแต่ละกลุ่มอยา่ ง ชดั เจน เรยี งตามลำ�ดับอย่างตอ่ เนอ่ื ง เพ่อื ให้ผเู้ รยี นสามารถเข้า ถงึ เนือ้ หาบทเรยี นได้อยา่ งครบถ้วน 2. มี navigation ทีด่ ี navigation หรอื ส่วนนำ�ทางไปยงั เนอ้ื หา ทถ่ี ือเป็น links เชื่อมโยงนนั้ จะตอ้ งมคี วามถูกตอ้ งของ หน้าเนือ้ หา เป้าหมายปลายทาง และจะตอ้ งมคี วามรวดเรว็ ในการแสดงผล ต้องสามารถไปและกลบั ไปยงั ตำ�แหน่งต่างๆ ตลอดทง้ั site โดยเฉพาะหน้าแรกของบทเรียนดว้ ย 3. มเี น้ือหาท่ีชัดเจน หน้าเนื้อหาทถ่ี กู เชื่อมผ่านเข้ามา ต้องนำ� เสนอข้อมลู ท่สี ้ันแตพ่ รอ้ มด้วยความหมายที่ครบถ้วน ไมค่ วรใช้ ข้อความ ซ�ำ้ ซอ้ นฟมุ่ เฟอื ยจนเกินไป
36 36 4. ภาพประกอบท่นี า่ สนใจ การเลอื กภาพน�ำ มา ประกอบในเน้ือหาน้ันจะชว่ ยให้การอธบิ ายความในเน้อื หาลด น้อยลง ท่สี �ำ คญั เป็นการช่วยสรา้ ง บรรยากาศทีด่ ีให้ความรสู้ ึก ต่อการมองหน้าจอทไี่ มเ่ ครยี ดจากตวั อกั ษร ขอ้ ความมากเกนิ ไป แตก่ ารเลอื กใช้ภาพประกอบตอ้ งระวังขนาดของภาพทเ่ี กิน ความจำ�เปน็ เพราะอาจจะเป็นอุปสรรคในการแสดงผลท่ีชา้ ลง 5. มีปฎิสมั พนั ธแ์ ละเปน็ มติ รกับผู้ใช้ web site ที่ดีตอ้ ง สามารถเป็นเพื่อนกับผใู้ ช้ได้ตลอดเวลา ไมม่ ีสภาพการขดั แยง้ หรือไมต่ อบสนองเมอื่ ผใู้ ชต้ ้องการเช่อื มไปยงั หนา้ ขอ้ มูลอื่นๆ จุดเช่ือมโยงท่แี สดงไว้ต้องสามารถเชอ่ื มไปได้ หากจุดนนั้ ยงั ไม่ เสรจ็ ไมส่ ามารถแสดงผลได้ควรถอดหวั ขอ้ พร้อมถอด links ออกหากไมส่ ามารถถอดหัวข้อ และ links ออกไดค้ วรแสดง หนา้ web พรอ้ มแสดงสภาพของ under construction ใหผ้ ู้ ชมทราบ และควรบอกก�ำ หนดเวลาท่ีคาดว่าจะเสรจ็ ดว้ ย 6. มรี ปู แบบทคี่ งตัวและคงท่ี ภาพรวมของหน้า web ที่ แสดงข้นึ ต้องภายใต้กรอบและฟอร์มเดยี วกนั ทง้ั เมนู การใช้สี การใชร้ ปู แบบ และขนาดตัว อกั ษรทไี่ มแ่ ตกตา่ งไปจากกัน ซ่งึ จะทำ�ใหผ้ ชู้ มหรอื มาเรียนรู้ ไดร้ ับรู้อารมณ์ของหนา้ เอกสารเวบ็ หรอื บทเรยี น และเรือ่ งราวท่ีนำ�เสนอได้ ผูส้ ร้างบทเรยี นจึงควร เลอื กสีให้เหมาะสมกับเนื้อหา แต่ละสใี หค้ วามรู้สึก
37 37 7. การออกแบบหนา้ เนอ้ื หาบทเรียนทีด่ ี หากได้มีการวาง แบบทด่ี ดี ้วยหน้าท่ีสอดคลอ้ งกันท้งั ฉากหลงั สตี วั อกั ษร ภาพ ประกอบ จะทำ�ให้หน้าเอกสารเวบ็ บทเรยี นนั้น ดูนา่ สนใจ น่า เรยี นรู้มากยง่ิ ข้นึ ด.ู . ตัวอย่างการวางโทนสี จากแบบจำ�ลอง หนา้ เอกสารเวบ็ ดา้ นล่าง ใหท้ ่านลองคลิกเลอื กรายการสเี พ่อื ดู การเปลีย่ นแปลง 8. การเข้าถงึ เนอ้ื หาท่รี วดเร็ว การเขา้ ถงึ เนอื้ หา เป็นอีกสิ่งที่ ผ้อู อกแบบเนือ้ หาออนไลน์ตอ้ งใหค้ วามสำ�คัญเป็นพเิ ศษ ผู้เข้า ชมหรอื มาเรยี นร้เู นือ้ หาต้องสามารถเข้าส่หู น้าเอกสารเวบ็ ตาม ตอ้ งการไดอ้ ย่างรวดเร็ว หรือ ทันทีทันใด ซึ่งนับเป็นเสนห่ ส์ ำ�คญั หากใช้เวลานานเกินไป อาจจะเปน็ สาเหตุของความตง้ั ใจการ เฝ้าการเข้าถึงน้นั หมดไป 9. มีส่วนชว่ ยเหลือ หากบทเรยี นท่สี รา้ งมคี วามสลบั ซับซ้อน มกี ิจกรรมการเรียนรหู้ ลากหลาย เพอื่ การเรยี นรู้ด้วยตนเองที่ มปี ระสิทธิผล ผู้สรา้ งควรมีหนา้ ค�ำ แนะนำ�การเรียนรู้ รวมถึง ชี้แจงกระบวนการ หรอื ขนั้ ตอนการเรยี นรู้ ไวด้ ้วย 10.. มสี ว่ นชน้ี �ำ ใหไ้ ปศึกษาแหลง่ เรยี นรูอ้ ื่น บทเรยี นออนไลน์ ทีด่ ี ควรมีสว่ นรวบรวม แนะนำ�ใหผ้ ูเ้ รียนไดไ้ ปศึกษาเรยี นรู้เพิ่ม เตมิ ในเร่อื งหรอื ส่วนขยายอ่นื ๆ
38 38 หลักการออกแบบเอกสารเวบ็ และบทเรียนออนไลน์ เราสามารวางรปู แบบโครงสร้างเวบ็ ไซต์ ได้หลายแบบ ตาม ความเหมาะสมของงานท่สี ร้างข้นึ เช่น 1 . Sequences ลักษณะโครงสร้าง เป็นรูปแบบพื้นฐานทัว่ ไป ท่ีผูเ้ รมิ่ เรยี นรกู้ ารสรา้ ง web มกั นิยมเปน็ รูปแบบเบอ้ื งต้นในการฝกึ หดั หรือใชก้ ับ web ที่นำ� เสนอขอ้ มลู แบบเรยี งหน้าไปตาม ลำ�ดบั หรือเปน็ การเสนอ เนอ้ื หาเด่ียวตอ่ เน่ืองกันไป รูปแบบน้บี างทเ่ี รียกวา่ แบบ Linear โดยมีทง้ั การออกแบบไปหนา้ ทางเดยี วและการออกแบบท่ี สามารถย้อนกลบั หนา้ ได้
39 39 - แบบ เดินไปทางเดียว (Straight line or sequen- tial links) เป็นลกั ษณะการดำ�เนนิ เรื่องจากหน้า-แรกไปยัง หนา้ ถดั ไปเรอื่ ยๆจนจบการย้อนกลบั หนา้ ท่ผี ่านมา จะอาศัย คณุ ลกั ษณะของ โปรแกรม web browser ทปี่ ุ่ม back ได้ เท่านนั้ -แบบย้อนกลบั ได้ (Linear reciprocal links)เป็น ลักษณะคล้ายแบบแรก แต่จะมีส่วนควบคุมการเดินหนา้ และ ถอยหลัง ไปยังหน้าแรก หรอื หน้า สดุ ทา้ ยในหน้า web ท่สี รา้ ง ได้เลย 2.Linear with side blanches ลักษณะโครงสรา้ ง ลักษณะโครงสรา้ งของ web เปน็ รูปแบบ Sequences ท่ี แสดง เนื้อหาต่อเน่อื งมาตามล�ำ ดับ รูปแบบน้ี ส่วนใหญจ่ ะใช้ กระบวน การควบคุมหนา้ ดว้ ยการกำ�หนดปมุ่ หรอื ตัวน�ำ ทาง เพื่อควบคุม การเดนิ หนา้ และถอยหลงั เมือ่ ถึงส่วนอา้ งอิง หรือ เน้อื หาพิเศษ (หน้าสีน�ำ้ ตาลและสชี มพู) จะมหี น้าทีแ่ ยกเป็น สาขาออกจากหน้า เน้ือหาหลกั
40 40 3. Combination ลกั ษณะโครงสร้าง ลักษณะการท�ำ งานเลยี นแบบหน้าหนงั สือท่ีเนือ้ หานน้ั มคี วาม ต่อเน่ืองกันโดยตลอด แต่กส็ ามารถทจ่ี ะเลือกเน้ือหาในเร่ือง ใดๆก่อนไดโ้ ดยอิสระ โดยเลือกผา่ นระบบเมนเู ลอื กเนอ้ื หา ลักษณะ โครงสร้างเบอ้ื งต้น จะเหมอื นแบบ Hierarchies ที่ ต่างมเี มนู หวั ขอ้ หลกั ทเี่ ขา้ ถงึ เน้อื หาไดโ้ ดยตรง ซ่งึ เมือ่ เข้าสู่ หน้าเน้อื หา (สฟี า้ ) จะมีลกั ษณะคล้ายกับแบบ Sequences ที่ สามารถผ่าน เนื้อหาอยา่ งต่อเนอื่ งโดยไมต่ ้องกลบั ไปท่หี นา้ เมนู หลักโดยจะมี สว่ นเช่อื มไปยงั เนอ้ื หาเรือ่ งหรือหัวข้อต่อไปได้ เลยตามลำ�ดบั
41 41 4. Hierarchies ลกั ษณะโครงสร้าง เปน็ รูปแบบโครงสร้างทเ่ี หมาะกบั website ทม่ี เี น้อื หา ย่อย หลายๆเรือ่ ง โดยที่เนอ้ื หาน้ันอาจจะไม่สัมพันธก์ ัน เป็นรูปแบบ ทผ่ี สู้ รา้ งส่วนใหญน่ ยิ มเลอื กใช้มากที่สุด ลักษณะโครงสร้างนี้ จะแยกเป็นสาขาในแตล่ ะเนื้อหาเปน็ ล�ำ ดบั ชั้น เหมาะใชก้ ับ web ที่มกี ลุ่มเน้ือหามาก หรือมี หลายกลมุ่ หลายรายละเอยี ด
42 42 การประยกุ ตใ์ ชส้ ่อื คอมพิวเตอรแ์ ละสอื่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ การประยกุ ตใ์ ช้ส่ือไอซีทเี พ่ือการศึกษา (Information and Communication Technologies) การน�ำ ICT ไปใชใ้ นการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ เปน็ เรื่องที่ไดร้ ับการกลา่ วถึงอยา่ งกวา้ งขวาง ในวงการศกึ ษาทงั้ น้ีเนือ่ งจาก ICT เปน็ เครอื่ งมอื ทีไ่ ดร้ บั การ ยอมรบั ว่ามีศักยภาพสงู กว่าเครื่องมอื การสอนอ่ืน ๆ เราสามารถใช้ ICT เพ่อื ปรบั ปรงุ คณุ ภาพการเรียนรขู้ องผเู้ รยี น ได้ ค�ำ วา่ “ ICT” ย่อมาจาก Information and Communication Technologies I ยอ่ มาจากค�ำ ว่า Information คอื ระบบสารสนเทศ C ยอ่ มาจากค�ำ วา่ Communication คอื การสอื่ สาร T ยอ่ มาจากค�ำ ว่า Technology คือ เทคโนโลยี ในที่นค้ี ือ คอมพวิ เตอร์
43 43 เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร หมายถงึ การรวมตัวกนั ของเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และเทคโนโลยีการสอื่ สาร เพือ่ ใหเ้ กิดการนำ�ข้อมูลขา่ วสารมา จัดเก็บอย่างเปน็ ระบบ หรือหมวดหมู่ เพอ่ื ใหท้ ุกคนทส่ี นใจเขา้ ถึงขอ้ มูล และสามารถน�ำ ไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน สง่ิ ส�ำ คัญท่คี ณุ ครูจะทำ�ใหเ้ ด็ก ๆ เรียนร้ไู ดเ้ ขา้ ใจเปน็ อย่างดี ก็ คือเคร่ืองมือทเี่ รียกวา่ “ส่ือการเรยี นร้”ู และส่ือการเรียนรทู้ ่ีดที ี่สดุ ก็คอื ส่งิ ทีจ่ ะสอ่ื ใหเ้ ดก็ เรียนรู้ในเรือ่ ง น้ัน ๆ ไดด้ ีทีส่ ุด ซ่ึงมีมากมายหลากหลาย การเรียนรใู้ นบางเรอ่ื งแคค่ ณุ ครบู อกเลา่ หรือแสดงทา่ ทาง เดก็ ก็เขา้ ใจได้ และในบางเรอื่ งต้องใชเ้ ครอื่ งมอื อุปกรณ์ เข้ามาช่วย การพจิ ารณาใช้สอ่ื ไมค่ วรยดึ ตดิ กบั สงิ่ ใดส่งิ หน่งึ สือ่ อทุกชนิดมีคณุ ค่าและมคี วามสำ�คัญทแ่ี ตกต่าง ขึน้ อยกู่ บั สถานการณ์ทจี่ ะนำ�มาใช้ เป็นตน้
44 44 การนำ�เอา ICT มาประยุกตใ์ ชใ้ นการจดั การเรียนการสอนหลาย รปู แบบ เช่น การสอนโดยใชค้ อมพวิ เตอร์ชว่ ย (Computer Assisted Instruction) การเรียนในรูปแบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (e-Leaning) การเรยี นโดยใช้การส่อื สารทางไกล (Distance Learning)
45 45 รูปแบบการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในการเรียนการสอน 1. การเรียนการสอนบนอนิ เทอร์เนต็ และเวิลด์ไวด์เว็บ 2. การสง่ การสอนทางไกลดว้ ยการสง่ สัญญาณผา่ นดาวเทียม 3. การเรียนการสอนโดยการประชุมทางไกลด้วยวีดที ศั น์ 4. บทเรยี นลักษณะข้อความหลายมติ ิและสอ่ื หลายมติ ิ 5. บันทึกขอ้ มูลและสารสนเทศด้วยซดี ีและดีวดี ี 6. การเรียนการสอนด้วยเทคโนโลยีไรส้ าย 7. การศกึ ษาเชงิ ลกึ ด้วยเทคโนโลยคี วามเปน็ จรงิ เสมอื น
46 46 ICT ไปประยุกตใ์ ชใ้ นการเรียนการสอน ได้ดงั นี้ 1. E-Learning บทเรียนออนไลน์ เรียนรู้โดยผา่ น บทเรยี นออนไลนท์ ี่สะดวก รวดเร็ว สามารถเรียนรู้ ไดท้ กุ ทท่ี กุ เวลาท่มี กี ารเช่อื มตอ่ อินเตอรเ์ นต็ 2. CAI คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน การเรียนรูโ้ ดยคอมพิวเตอร์ ชว่ ยสอน เปน็ การทท่ี ำ�ให้ทำ�ให้ไดส้ ามารถคดิ เป็น ทำ�เป็น และแกป้ ัญหาเปน็ เพราะจะมี Feedback กลับมาให้ เราไดร้ ู้ผลการเรียนของเราดว้ ย 3. WEB เว็บไซต์ เป็นการเรยี นรู้ทใ่ี ช้เว็บไซตเ์ ป็น หลัก ซงึ่ มมี ากมายหลากหลายวิชา มที ั้งแบบข้อความ เพือ่ อา่ น ภาพประกอบ เสียงบรรยาย หรอื วดี โี อสอนท�ำ ให้เรา เรียนรไู้ ดเ้ ข้าใจง่ายมากข้ึน 4. E-Book หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เราสามารถอ่าน หนงั สอื ไดโ้ ดยท่เี ราสามารถเรยี นรู้ได้สะดวกขน้ึ เพราะ ไม่ต้องพกหนังสือหลายๆเล่มเพยี งแค่มีคอมพวิ เตอร์ แบบพกพาตดิ ตวั อยา่ งtablet ก็สามารถพก หนงั สอื ตดิ ตวั ไดท้ ีละหลายๆเล่ม
47 47 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการศกึ ษา บลิ ล์ เกตส์ (Bill Gates) เปน็ เจ้าของบริษัทไมโครซอฟต์ ซงึ่ ผลติ ซอฟตแ์ วรส์ �ำ หรับระบบปฏิบตั ิการคอมพิวเตอร์ ท่ีใหญ่ทส่ี ดุ ในโลก โดยใหค้ วามสำ�คัญกับการศึกษา เกย่ี วกบั การน�ำ ระบบคอมพิวเตอร์เขา้ มาใชก้ บั การศกึ ษาดังน้ี (รงุ่ แกว้ แดง. 2543) 1) การเรยี นมไิ ดม้ เี ฉพาะในห้องเรียน การเรียนไม่ใช่ สิ่งทีเ่ กดิ ขน้ึ เฉพาะในหอ้ งเรยี นและอยูภ่ ายใตก้ ารควบคมุ ก�ำ กบั ของครูเท่านนั้ ในโลกยุคปัจจุบันคนสามารถที่ จะเรียนได้จากแหล่งความรู้ ทหี่ ลากหลาย โดยเฉพาะ ทางดว่ นข้อมูล (Information Superhighway) 2) ผู้เรยี นมีความแตกต่างระหว่างบุคคล เดก็ แตล่ ะ คนมคี วามแตกต่างกัน จึงจำ�เปน็ จะต้องจัดการเรยี น การสอนให้สอดคล้องกบั ความแตกตา่ งระหว่างบุคคล เพราะเดก็ แตล่ ะคนมีความรู้ ความเขา้ ใจ ประสบการณ์ และการมองโลกแตกต่างกันออกไป
48 48 บทท3่ี การผลติ ส่อื การเรียนการสอนคอมพิวเตอร์เพื่อ การนำ�เสนอ
49 49 สื่อการเรียนการสอนเพอ่ื การนำ�เสนอ ส่ือเพ่อื การนำ�เสนอในแวดวงทางการศึกษาสว่ นใหญจ่ ะมีอยู่ 4 ลกั ษณะ คือ 1. สอื่ เพอื่ การน�ำ เสนอโครงการ(กจิ กรรม) 2. ส่ือเพ่ือสรุปโครงการ(กิจกรรม) 3. ส่ือเพื่อการประชาสมั พนั ธ์ 4. สื่อประกอบการ เรามาศกึ ษาองคป์ ระกอบของสือ่ น�ำ เสนอ ท้ัง4ประเภท โดยจะแสดงรายละเอยี ดขององค์ประกอบ ท้งั 3 สว่ น อนั ไดแ้ ก่ สว่ นน�ำ เรื่อง: Opening, ส่วนเน้อื หา: Middle or Content ส่วนท้ายเร่ือง: Closing
50 50 สือ่ เพื่อการน�ำ เสนอโครงการ (กจิ กรรม) 1.The Opening (10%) สว่ นนำ�เรอ่ื ง ส่วนเปิดรายการเพอ่ื แนะน�ำ ตนเอง บอกหัวเร่ือง หวั ขอ้ ที่จะ บรรยายประกอบด้วย 1.1 ชือเรอ่ื ง เพอื่ แนะน�ำ โครงการ 1.2 บอกวัตถปุ ระสงค์ 1.3 สรปุ สาระสำ�คัญของตัวโครงการ 2.The Middle (75%) ส่วนเน้อื หา ถอื เปน็ สว่ นหลกั ของการนำ�เสนอ ซง่ึ ควรดำ�เนินไปอยา่ งตอ่ เนื่อง ตามหัวข้อทก่ี ำ�หนดไว้ มีรายละเอียดดงั น้ี 2.1 องค์ประกอบของเนือ้ หาของโครงการ 2.2 ขนั้ ตอนหรือล�ำ ดับข้นั ในการดำ�เนินงานของโครงการ 3.The Closing (15%) สว่ นทา้ ยเรอ่ื ง สว่ นปดิ ทา้ ยเร่อื งที่ท่านน�ำ เสนอ จะเป็นการสรุปเนื้อหา ตอบขอ้ ซกั ถาม ใหค้ �ำ แนะน�ำ ความคาดหวงั ในผลของโครงการ
Search