แหลง่ เรียนรู้ในสงั คมพหวุ ัฒนธรรม Learning Resources in Multicultural Society
ค�ำ น�ำ แหลง่ เรียนรใู้ นสงั คมพหุวัฒนธรรม วฒั นธรรมเป็นวิถขี องมนษุ ย์ในแตล่ ะสงั คม ซ่งึ มกี ารปฏบิ ตั ิ เลือกสรร ปรับเปลยี่ น ประยกุ ต์ และถา่ ยทอดสืบตอ่ กนั มา ทาให้แตล่ ะสงั คมย่อมต้องมี วัฒนธรรมย่อยของสงั คมนน้ั ทวีปเอเชียเป็นภูมภิ าคทีม่ คี วามหลากหลายทางวัฒนธรรมทีม่ ากทสี่ ุด ภมู ิภาคหน่ึงของโลก จากความหลากหลายทางวัฒนธรรมของประเทศ ต่างๆ ในภูมภิ าคเอเชีย จึงนบั ไดว้ า่ เอเชยี เปน็ ภูมิภาคท่มี ีลักษณะของ สังคมพหวุ ัฒนธรรม สุภาณี เสง็ ศรี
สารบัญ บทท1ี่ ความหมายของสังคมพหวุ ัฒนธรรม การอยู่ร่วมกันในสงั คมและวธิ ปี ฏบิ ัติ 6 อัตลกั ษณข์ องสังคมพหุวนั ธรรม 8 บทท2ี่ ภูมิปญั ญาและ แหล่งเรียนรใู้ นท้องถนิ่ และสงั คมพหุวัฒนธรรม เปา้ หมายของการเรียนรู้ 12 การเรยี นร้ ู 15 การรักษาเอกลักษณ์ 19 การเรียนรู้ท่ีจะอยู่รว่ มกนั 22 การจดั การเรียนรู้ 24 บทที่3 แนวทางการเสรมิ สร้างและการเรยี นรรู้ ่วมกนั ใน สังคมพหุวฒั นธรรม การศึกษามติ ิต่างๆ 29 สงั คมพหุวนั ธรรมส�ำ หรบั ครใู นยคุ ศตวรรษท2่ี 1 32 สรปุ บทบาทครแู ละผเู้ รยี น 35 บทท่ี4 การศึกษาวฒั นธรรมประเพณี ความหมายของการศึกษา 38 ความหมายของวฒั นธรรม 40 ความหมายของประเพณี 42 บทท5ี่ การศกึ ษาพหวุ นั ธรรม การศกึ ษาพหุวันธรรมระดบั พนื้ ฐาน 46 ประชากรที่อย่อู าศยั ในพื้นท่มี ีสถานะเชิงพหวุ ัฒนธรรม 47 บทท่6ี สรปุ การศึกษาพหุวัตณธรรม
บทท่1ี ความหมายของ สงั คมพหวุ ฒั นธรรม
บทท่ี 1 6 สังคมพหุวฒั นธรรม หมายถึง การอยรู่ ่วมกนั ของคนกลุ่ม คนที่มคี วามหลากหลายทางเช้ือชาติ ศาสนา และประเพณีปฏบิ ตั ิที่ มคี วามแตกต่างกนั ก่อใหเ้ กิดประเพณีและวถิ ี ชีวติ ที่มคี วาม แตกต่างกนั ในสงั คม ท้งั ดา้ นความคิด ความเชื่อ และวิถชี ีวติ ประเทศไทยเป็นประเทศหน่ึงในภูมภิ าคเอเชีย ในฐานะ สมาชิกของสงั คมไทย เราจึงเป็นสมาชิกของสงั คมเอเชียดว้ ย ดงั น้นั เราจึงจาเป็นตอ้ งเรียนรู้วิธีการทจี่ ะทาใหอ้ ยรู่ ่วมกบั สมาชิก สงั คมเอเชียคนอืน่ ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม มีการพ่งึ พากนั และกนั เพอื่ ที่จะสามารถอยรู่ ่วมกนั ไดอ้ ยา่ งเป็นระเบียบเรียบร้อยและสงบ สุข การอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมพหุวฒั นธรรมอยา่ งสนั ติสุข ทุก คนตอ้ งเขา้ ใจและยอมรับความแตกต่างระหว่างกนั ร่วมกนั ขจดั ความขดั แยง้ ดว้ ยสนั ติวิธี โดยมวี ิธีการปฏบิ ตั ิตนดงั น้ี 1 เคารพซ่ึงกนั และกนั เมื่อเราอยรู่ ่วมกบั บุคคลอน่ื เราจะตอ้ งแสดงออกซ่ึงกนั และกนั เช่น ไม่กา้ วก่ายหรือละเมิดของผอู้ ืน่ ใหเ้ กียรติผอู้ น่ื ฯลฯ 2 ไม่แสดงกริ ิยาและวาจาดหู มนิ่ ผ้อู ่ืน
บทที่ 1 7 วฒั นธรรมของประเทศในภูมภิ าคเอเชียจะมีความ หลากหลายแตกต่างกนั ทาใหค้ นในภมู ิภาคน้ีมวี ิถีชีวิตท่ีแตกต่าง กนั เราจึงไมค่ วรแสดงกิริยาหรือพดู จาดูหม่ินผอู้ ืน่ 3)ช่วยเหลือซึ่งกนั และกนั และแบ่งปันกนั การช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั เป็นการทาความดีหรือการ ปฏบิ ตั ิตนท่ีเป็นประโยชนต์ ่อผอู้ ่นื ดว้ ยความสมคั รใจ โดยท่ีไม่ หวงั ผลตอบแทนส่วนการแบ่งปันกนั คือ การเสียสละสิ่งท่ีเรา สามารถใหไ้ ดแ้ ก่ผอู้ ่ืน และสิ่งน้นั เป็นประโยชนแ์ ก่ผรู้ ับ แนวทางการเสริมสร้างสมรรถนะการจดั การเรียนรูว้ ชิ าสงั คม ศึกษา เพือ่ การอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมพหุ วฒั นธรรมสาหรับครูในยคุ ศตวรรษท่ี 21 ตอ้ งมงุ่ เนน้ ใหผ้ เู้ รียนสามารถปฏิบตั ิไดจ้ ริงตาม ศกั ยภาพให้ สังคมไทย เป็นสงั คมพหุวฒั นธรรม เพราะประกอบดว้ ยคน หลายเช้ือชาติ ศาสนา และวฒั นธรรม การเรียนรู้ความแตกต่างเพอ่ื ป้องกนั ความแตกแยก จึงเป็นส่ิงสาคญั ท่ีคนไทยพงึ ปฏิบตั ิ เพื่อ พฒั นาชาติไทยใหเ้ จริญกา้ วหนา้ และสงบสุข
บทที่ 1 8 1.อตั ลกั ษณ์ของสังคมพหุวฒั นธรรม อตั ลกั ษณ์ คือสิ่งสะทอ้ น ความเป็นตวั ตนของบุคคลหรือสงั คมน้นั ๆ สงั คมพหุวฒั นธรรม มอี ตั ลกั ษณ์สาคญั คือ การอยรู่ ่วมกนั ของผคู้ นท่ามกลางความ หลากหลายอยา่ งกลมกลืน ซ่ึงความหลากหลายที่ปรากฏในสงั คม พหุวฒั นธรรม ไดแ้ ก่ เช้ือชาติ/ชาติพนั ธุ์ ศาสนา/ความเชื่อ ภาษา วถิ กี ารดาเนินชีวติ ขนบธรรมเนียม วฒั นธรรม ประเพณี จารีต จากความหลากหลายขา้ งตน้ ทาใหส้ งั คมพหุวฒั นธรรมมีความ ยดื หยนุ่ สูง และเกิดการผสมผสานระหวา่ งวฒั นธรรมอยา่ ง กลมกลืน 2. การเคารพและการยอมรับความหลากหลายในสังคมพหุ วฒั นธรรม การอยรู่ ่วมกนั ท่ามกลางความแตกต่าง สมาชิกใน สงั คมควรเปิ ดใจใหก้ วา้ ง เพือ่ ยอมรับความแตกต่างท่ีเกิดข้นึ และ
บทที่ 1 9 พยายามปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั คนทุกเช้ือชาติ ศาสนา และวฒั นธรรม มี ความระมดั ระวงั ในการกระทาและคาพดู ท่ีอาจนามาซ่ึงความ แตกแยกขดั แยง้ ตลอดจนเคารพในหนา้ ที่ สิทธิเสรีภาพของกนั และกนั การอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ติในสงั คมไทย จึงควรยดึ แนวทาง ปฏิบตั ิดงั น้ี เรียนรู้ความแตกต่าง เปิ ดใจใหก้ วา้ ง พร้อมรับส่ิงใหม่ ศกึ ษาวิถีชีวิต วฒั นธรรม ความเช่ือ ศาสนา ภาษา ของชนกลมุ่ อน่ื ผา่ น แหล่งความรู้ท่ีหลากหลาย และควร ศึกษา ดว้ ยใจที่เป็นกลาง ปราศจากอคติ เขา้ ร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนวฒั นธรรม หรือกิจกรรมท่ีมคี นจากหลาย วฒั นธรรมมาทากิจกรรมร่วมกนั ยดึ มน่ั ในขนั ตธิ รรม มีความอดทนอดกล้นั ต่อความแตกต่าง ปรับวิธีคิดและท่าทีใหเ้ ป็นกลาง สอดคลอ้ งกบั สภาพสงั คมแห่งความ หลากหลาย
บทที่ 1 10 เคารพและใหเ้ กียรติต่อความแตกต่าง ของเพ่ือนร่วมสงั คม โดยไมเ่ ยาะเยย้ ถาก ถาง หรือลบหลูด่ ูหมิน่ ความเป็นอตั ลกั ษณข์ องกนั และกนั 1.คานงึ ถงึ หลกั สิทธิมนุษยชน มีความยตุ ิธรรม ไมเ่ ลือกปฏิบตั ิหรือให้ สิทธิพเิ ศษเฉพาะคนกลมุ่ ใดกลุ่มหน่ึง ไมก่ ระทาการที่ก่อใหเ้ กิดความเสียหาย หรือความเจบ็ ปวดท้งั ทางร่างกายและ ทางจิตใจ แก่เพือ่ นร่วมสงั คม ปฏบิ ตั ิตามหนา้ ที่ สิทธิ เสรีภาพของตน โดยไม่ไปละเมดิ หนา้ ท่ี สิทธิ เสรีภาพ ของผอู้ ่ืน
บทที่ 2 11 บทที่2 ภมู ปิ ัญญาและ แหล่งเรียนรใู้ นท้องถ่ินและ สงั คมพหุวัฒนธรรม
บทที่ 2 12 สอดคลอ้ งกบั การดาเนินชีวติ ในสงั คมยคุ โลกาภวิ ตั นบ์ นพ้นื ฐาน ความหลากหลาย โดยการเรียนรู้เพอื่ ท่ีจะอยกู่ บั ผอู้ ่นื และการ เรียนรู้ที่ส่งเสริมกระบวนการคิดระดบั สูง มีทกั ษะการแลกเปลย่ี น เรียนรู้และทกั ษะทางสงั คม ตลอดจนมี คุณลกั ษณะสมรรถนะที่ พงึ ประสงค์ ซ่ึงครูผสู้ อนเป็นผสู้ นบั สนุนการจดั การเรียนรู้ให้ บรรลเุ ป้าหมายดว้ ยวิธีการท่ี หลากหลายจากการบูรณาการสาระ รายวิชาสงั คมศกึ ษา ผนวกกบั บริบททอ้ งถิน่ ชุมชนที่ผเู้ รียนอาศยั อยู่ เพือ่ เป็น การสร้างความสานึกในความหลากหลายทาง วฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน ตระหนกั ในอตั ลกั ษณ์ทางวฒั นธรรมของ ตนเอง และผอู้ ่ืน และขยายวงกวา้ งในการยอมรับวฒั นธรรมที่ กวา้ งข้นึ ซ่ึงจะช่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดกระบวนการเรียนรู้ และ เป็น บุคคลแห่งการเรียนรู้เพื่อการอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมพหุวฒั นธรรมใน อนาคตอยา่ งมีประสิทธิภาพ คาสาคญั : การจดั การเรียนรู้, สงั คม ศกึ ษา, การอยรู่ ่วมกนั , สงั คมพหุวฒั นธรรม ปัจจุบนั ขอบข่ายของการจดั การเรียนรู้ในรายวชิ าสงั คมศกึ ษา ที่นามาจดั การเรียนรู้ เพื่อใหส้ อดคลอ้ ง กบั เป้าหมายที่สาคญั ของ วิชาสงั คมศึกษา คือเนน้ การพฒั นาความเป็นพลเมอื งดีมคี ุณธรรม สามารถนาความรู้ ทกั ษะ และมคี ่านิยมท่ีพึงประสงคม์ าใชใ้ นการ แกป้ ัญหาในชีวิตประจาวนั ได้ ดงั น้นั การจดั การเรียนรู้วิชาสงั คม
บทที่ 2 13 ศกึ ษาจึงมีประเด็นในการตอบโจทยท์ ี่สาคญั วา่ ควรจะมีหนา้ ตา เป็นเช่นไร ขณะเดียวกนั คาถามท่ีตามมากค็ ือ พลเมอื งดีในวนั น้ีกบั พลเมืองดีในวนั หนา้ หรือในอนาคตของสงั คมไทย และสงั คมโลก ควรมลี กั ษณะอยา่ งไร ซ่ึงจาก การศกึ ษาของนกั วิชาการดา้ นสงั คม ศึกษาในแนวความคิดการจดั การเรียนรู้สงั คมศึกษา เพื่อพฒั นา ความเป็น พลเมืองดีมหี ลายแนวทาง และทุกแนวทางจะ ครอบคลมุ การพฒั นาผเู้ รียนใน 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ การพฒั นาทกั ษะทาง ปัญญา การพฒั นาทกั ษะทางสงั คม นาตยา ปิ ลนั ธนานนท.์ (2537) การพฒั นาเจตพสิ ยั และคุณลกั ษณะค่านิยมที่ พึงประสงคท์ ี่ นามาใชใ้ นการพฒั นาแต่ละดา้ นมปี ระเด็นสาคญั พอสรุปไดด้ งั น้ี 1. การจดั การเรียนรู้สงั คมศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาทกั ษะทางปัญญา เป็น กระบวนการจดั การเรียนรู้ที่ม่งุ ให้ ผเู้ รียนมีทกั ษะในการจดั การกบั ขอ้ มลู ความรู้อยา่ งฉลาดนน่ั คือ ความสามารถในการรู้แหล่งขอ้ มูล และทาความ เขา้ ใจในขอ้ มูลน้นั ไดอ้ ยา่ งชดั เจน ความสามารใน การจดั ขอ้ มูลใหเ้ ป็นระเบียบ และความสามารในการนาขอ้ มลู ไป ใชไ้ ดอ้ ยา่ งฉลาดและมปี ระสิทธิภาพ ในรูปลกั ษณะต่าง ๆ ที่ตอ้ ง อาศยั การคิดวเิ คราะห์ ประเมิน ตดั สินใจ และ แกป้ ัญหา
บทท่ี 2 14 2. การจดั การเรียนรู้สงั คมศกึ ษาเพือ่ พฒั นาทกั ษะทางสงั คม เป็น ทกั ษะที่เก่ียวขอ้ งกบั การมี ปฏิสมั พนั ธร์ ่วมกบั ผอู้ ื่น เป็นเร่ืองท่ีมี ความละเอียดอ่อน เพราะตอ้ งสมั พนั ธก์ บั ขอ้ มูล ขอ้ เท็จจริงและ อารมณ์ ความรู้สึกของบุคคลในเวลาเดียวกนั การพฒั นาทกั ษะน้ี จะตอ้ งอาศยั การพฒั นาอยา่ งต่อเนื่อง สง่ั สมเป็นระยะ เวลานานจน ค่อย ๆ ซึมซบั ในตวั ผเู้ รียน ทกั ษะทางสงั คมจะชว่ ยใหผ้ เู้ รียน สามารถอยรู่ ่วมกบั ผอู้ น่ื ที่แตกต่างไปจาก ตนไดด้ ว้ ยความเขา้ ใจ กนั เห็นใจกนั ไมม่ อี คตติ ่อกนั และมคี วามรับผดิ ชอบต่อสิ่งท่ีตน ไดก้ ระทาลงไป การจดั การ เรียนรู้เพื่อพฒั นาทกั ษะน้ีสามารถ กระทาไดท้ ้งั ในหอ้ งเรียนและนอกหอ้ งเรียน สามารถกระทาไดท้ ้งั ในรูปของการ จดั กิจกรรมการจดั การเรียนรู้และการจดั สภาพแวดลอ้ มบรรยากาศท่ีเอ้อื อานวยใหเ้ กิดทกั ษะน้ี 3. การ จดั การเรียนรู้เพอ่ื พฒั นาเจตพสิ ยั และคุณลกั ษณะ โดยมีเป้าหมายที่ ครอบคลุมท้งั ในเร่ืองการ พฒั นาค่านิยม เจตคติ ความสนใจ ความ ซาบซ้ึงต่อสิ่งต่าง ๆ โดยมุ่งเนน้ การฝึกฝนอปุ นิสยั และความ ประพฤติของ ตน ในวชิ าสงั คมศึกษา จะสามารถจดั การเรียนรู้สิ่ง เหลา่ น้ีโดยการสอดแทรกในการจดั การเรียนรู้ในเน้ือหาต่าง ๆ ได้ ตลอดเวลา เช่น การจดั การเรียนรู้ค่านิยม จริยธรรมในเรื่องท่ี เก่ียวกบั ความเสมอภาค ความยตุ ิธรรม เสรีภาพ หรือสอดแทรก
บทที่ 2 15 เจตคติทดี่ ีต่อกล่มุ คนที่ต่างเช้ือชาติ ต่างสถาบนั ต่างภูมภิ าค เป็น ตน้ ดงั น้นั ทกั ษะท้งั 3 ดา้ นน้ีจะเกี่ยวขอ้ งเช่ือมโยงสมั พนั ธซ์ ่ึงกนั และกนั ตลอดเวลา และมีความหมายท่ี สามารถช่วยใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับสาระความรู้ต่าง ๆ ที่เป็นประโยชนใ์ นการดาเนินชีวติ ตลอดจนเกิดทกั ษะในการ ปฏิบตั ิงานร่วมกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ อีกท้งั เสริมสร้าง คุณลกั ษณะค่านิยมท่ีพงึ ประสงคพ์ ้นื ฐานทีด่ ีใน อนาคตอยา่ งมี คุณภาพได้ สอดคลอ้ งกบั การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 (การเรียนรู้ ขมุ ทรัพยใ์ นตน) (คณะกรรมาธิการ นานาชาติวา่ ดว้ ยการศกึ ษาใน ศตวรรษท่ี 21, 2551) ของผเู้ รียนที่ยดึ แนวทางการเรียนรู้4 แบบ ที่ เป็นการเรียนรู้ เพ่อื ชีวิต มุ่งจดั การศกึ ษาใหก้ บั ผเู้ รียนสามารถ ดารงชีวติ อยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมีคุณภาพ ดงั น้ี 1. การเรียนเพ่อื รู้ (Learning to know) เป็นเครื่องมอื การศกึ ษาที่มงุ่ พฒั นากระบวนการคิด กระบวนการเรียนรูก้ ารแสวงหาความรู้ และวธิ ีการเรียนรู้ของผเู้ รียน เพื่อใหส้ ามารถเรียนรู้ และพฒั นา ตนเองได้ ตลอดชีวติ โดยการใชก้ ระบวนการเรียนรู้เนน้ การฝึกสติ สมาธิ ความจา ความคิด ผสมผสานกบั สภาพจริงและ ประสบการณ์ในการปฏิบตั ิ
บทท่ี 2 16 2. การเรียนรู้เพือ่ ปฏิบตั ิไดจ้ ริง (Learning to do) เป็นเคร่ืองมอื การศึกษาที่มงุ่ พฒั นา ความสามารถและความชานาญรวมท้งั สมรรถนะทางดา้ นวิชาชีพ สามารถปฏบิ ตั ิงานเป็นหมคู่ ณะ ปรับ ประยกุ ต์ องคค์ วามรู้ไปสู่การปฏบิ ตั ิงานและอาชีพ ไดอ้ ยา่ ง เหมาะสม กระบวนการจดั การเรียนรู้บูรณาการระหว่างความรู้ ภาคทฤษฎีและการฝึกปฏิบตั ิงานที่เนน้ ประสบการณ์ต่างๆ ทาง สงั คม 3. การเรียนรู้เพ่ือชีวติ (Learning to be) เป็นเคร่ืองมือการศกึ ษาที่ ม่งุ พฒั นาผเู้ รียนทกุ ดา้ นท้งั จิตใจและร่างกาย สติปัญญา ให้ ความสาคญั กบั จนิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ภาษา และ วฒั นธรรม เพอ่ื พฒั นาความเป็นมนุษยท์ ่ีสมบูรณ์มคี วาม รับผดิ ชอบต่อสงั คมสิ่งแวดลอ้ ม ศลี ธรรม สามารถปรับตวั และ ปรับปรุง บุคลกิ ภาพของตน เขา้ ใจตนเองและผอู้ นื่ 4. การเรียนรู้เพื่อที่รู้เพ่อื ที่จะอยรู่ ่วมกนั (Learning to live together) เป็นเคร่ืองมือการศกึ ษาท่ี มุ่งใหผ้ เู้ รียนสามารถดารงชีวิตอยู่ ร่วมกบั ผอู้ น่ื ในสงั คมพหุวฒั นธรรมไดอ้ ยา่ งมคี วามสุขมีความ ตระหนกั ในการ
บทท่ี 2 17 พ่งึ พาอาศยั ซ่ึงกนั และกนั การแกป้ ัญหาการจดั การความขดั แยง้ ดว้ ยสนั ตวิ ธิ ี ความเคารพสิทธิและศกั ด์ิศรีความ เป็นมนุษย์ และ เขา้ ใจความหลากหลายทางดา้ นวฒั นธรรมประเพณี ความเชื่อ ของ แต่ละบุคคลในสงั คม ดงั จะเห็นไดว้ ่าการเรียนรู้ขมุ ทรัพยใ์ นตน ขา้ งตน้ ในมมุ มองใหม่ของการศกึ ษาในศตวรรษท่ี 21 ท่ีถกู ตีพิมพ์ โดยองคก์ ารศึกษา วิทยาศาสตร์และวฒั นธรรมแห่งประชาชาติ หรือยเู นสโกในปี 1996 (UNESCO. 1998: 19-23) มุ่งเนน้ ให้ บุคคลไดเ้ รียนรู้ตลอดชีวิตท้งั ดา้ นความรู้ ทกั ษะ และเจตคติ พร้อม รับการเปล่ยี นแปลงในโลก โดยเฉพาะการเปิ ดรับประเทศไปสู่ ประชาคมอาเซียนท่ีมคี วามซบั ซอ้ นและตอ้ งพ่งึ พาอาศยั ซ่ึงกนั และ กนั สอดคลอ้ งกบั ธนวฒั น์ อรุณสุขสว่าง (2558: 496) ท่ีกลา่ ววา่ การส่งเสริมในการเตรียมความพร้อมคนไทยใหม้ ี คุณภาพและมี คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคต์ ามที่สงั คมคาดหวงั ครูผสู้ อนตอ้ งมี การปรับการเรียนเปล่ยี นการสอน ใฝ่ ศกึ ษาเรียนรูต้ ลอดเวลา แสวงหาเทคนิควิธีสอนใหม่ ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศและจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที่ หลากหลาย อีกท้งั ฤทยั รัตน์ แสนศลิ า (2558: 257) ไดก้ ลา่ วว่า การจะส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนมคี ุณลกั ษณะ ความเป็น พลเมอื งอาเซียนน้นั บุคคลท่ีมีส่วนเก่ียวขอ้ งตอ้ งมี ความรู้ ความสามารถ มีความรอบรู้เช่ียวชาญ และมี ความสามารถ
บทที่ 2 18 ในการใชส้ ่ืออิเลก็ ทรอนิกส์ ต่าง ๆ เพื่อนามาใชใ้ นกระบวนการ จดั การเรียนรู้สู่ประชาคมอาเซียน ดงั น้นั หวั ใจของเป้าหมายและ แนวทางการจดั การศกึ ษาทกุ ระดบั ของผทู้ ี่มีส่วนเกย่ี วขอ้ งทุกฝ่ าย เช่น สถานศึกษา ชุมชน สงั คม สามารถมสี ่วนร่วมในการจดั การศึกษาในการคดิ และตดั สินใจ เพ่ือมงุ่ ไปสู่เป้าหมายของการ พฒั นา คุณภาพผเู้ รียนตามความตอ้ งการใหบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ กาหนดไวไ้ ดอ้ ยา่ งมคี ุณภาพ กลยทุ ธก์ ารจดั การเรียนรู้เพอ่ื การอยู่ ร่วมกนั ในสงั คมพหุวฒั นธรรม วตั ถปุ ระสงคส์ าคญั ในการจดั การ เรียนรู้พหุวฒั นธรรมหรือพหุวฒั นธรรมศึกษาในโรงเรียนน้นั คือ การ ปฏิรูปสถาบนั การศึกษาเพือ่ ใหผ้ เู้ รียนซ่ึงมาจากวฒั นธรรม หลากหลายแตกต่างจากวฒั นธรรมหลกั ของโรงเรียน หรือ สถาบนั การศึกษาน้นั ๆใหไ้ ดร้ ับความเสมอภาคในจดั การศกึ ษา จากสถาบนั (Banks 2008: 1) รวมท้งั มุ่งให้ ผเู้ รียนเห็นคุณค่าและ ความแตกต่างของวฒั นธรรมอยา่ งหลากหลาย โดยเฉพาะในกลุม่ ต่างๆ ที่ปรากฏท้งั ใน สถานศึกษาและสงั คมโดยรวม การจดั การ ศกึ ษาพหุวฒั นธรรม ตอ้ งเนน้ ใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนรู้และทาความ เขา้ ใจกบั วถิ ชี ีวติ และ วฒั นธรรม ตลอดจนแนวคดิ ของคนกลุ่มต่าง ๆ ในสงั คม ใหผ้ เู้ รียนมีความรู้สึกและประสบการณ์เชิงบวก เป็น มติ ร เคารพ และนบั ถือบุคคลท่ีมาจากกลมุ่ วฒั นธรรมและเช้ือชาติ
บทที่ 2 19 อ่นื ๆ ใหผ้ เู้ รียนพฒั นาความรู้สึกว่าพวกเขาและเราก็ เป็นพลเมือง ของโลกเช่นกนั นอกจากน้นั ผเู้ รียนควรมีความภูมิใจใน ขนบธรรมเนียมประเพณีทอ้ งถนิ่ ของตน แมว้ ่าวฒั นธรรมของตน จะแตกต่างจากวฒั นธรรมอ่ืน ๆ เม่อื ผเู้ รียนทุกวฒั นธรรมตระหนกั และเห็นคุณค่าของ วฒั นธรรมซ่ึงกนั และกนั แลว้ กจ็ ะอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมพหุวฒั นธรรมอยา่ งสนั ติสุข สุธาสินี บุญญาพิทกั ษ์ และ คณะ (2558: 18-20). การจดั การเรียนรู้พหุวฒั นธรรม สามารถทา ให้ ผเู้ รียนซ่ึงเป็นเยาวชนของชาติมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั สงั คมท่ีมีวฒั นธรรมต่างจากตนเอง มีเจตคติที่ถกู ตอ้ ง ต่อผอู้ ื่นที่มี วฒั นธรรมต่างจากตน ตลอดจนมที กั ษะในการปฏิบตั ิต่อผอู้ น่ื ที่มี ความแตกต่างจากตน ความมุ่งหมาย ของการจดั การเรียนรูพ้ หุ วฒั นธรรมอยทู่ ี่ความรูค้ วามเขา้ ใจและสานึกขา้ มวฒั นธรรม ความ เหมือนและความ แตกต่างทางวฒั นธรรม ตลอดจนการมี ปฏสิ มั พนั ธท์ างวฒั นธรรมระหว่างกนั เคารพในวฒั นธรรมของ เขา ใหเ้ ขา เป็นตวั ของเขาเอง รกั ษาเอกลกั ษณ์ของเขาไว้ การจดั การเรียนรู้ เรื่องพหุวฒั นธรรมน้นั ผสู้ อนจึงไม่ควรบงั คบั ให้ ผเู้ รียนท่ีมี วฒั นธรรมต่างๆ ออกไป ใหม้ ีวฒั นธรรมเหมือนกบั คนกลมุ่ ใหญ่ ในสงั คม ใหผ้ เู้ รียนไมต่ อ้ งละทิ้งอตั ลกั ษณ์ ของเขา ใหผ้ เู้ รียนมี
บทท่ี 2 20 ส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของสงั คม โดยไม่มกี ารรังเกยี จ เดียดฉนั ท์ สาหรับเป้าหมายและวตั ถุประสงคข์ องการจดั การศึกษา พหุวฒั นธรรมน้นั Michaelis, 1992. อา้ งใน (สุมนทิพย์ บุญสมบตั ิ, 2536: 87-88) ไดใ้ หข้ อ้ เสนอแนะเกี่ยวกบั เป้าหมายและ วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั การศกึ ษา พหุวฒั นธรรม รวมถึงพหุเช้ือ ชาติ ไวด้ งั น้ี 1) เพ่อื พฒั นาความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การติดต่อเชื่อมโยง กนั มนุษยใ์ นระบบสากลที่เกิดข้ึนจากความ หลากหลายทาง วฒั นธรรม อาทิ การอธิบายความตอ้ งการร่วมกนั ของมนุษยแ์ ละ ความห่วงใยในวฒั นธรรมของ ตนเองและของผอู้ น่ื และอธิบายวา่ ทาไมวิธีการพบปะกนั ของมนุษยจ์ ึงตอ้ งแตกต่างกนั 2) เพื่อพฒั นา เจตคติและพฤติกรรม ซ่ึงสะทอ้ นถงึ ความเคารพในความ หลากหลายทางวฒั นธรรม การเห็นคุณค่าของความแตกต่างทาง วฒั นธรรม ความเขา้ ใจวา่ ทาไมความแตกต่างจึงมีอยแู่ ละการ ผลกั ดนั ใหเ้ ป็น ที่น่าสนใจดว้ ยกิจกรรมท่ีเหมาะสม อาทิการท า รายการสิ่งท่ีใครคนใดคนหน่ึงควรทาเพอ่ื ผลกั ดนั ใหผ้ อู้ น่ื ทาตาม แต่เป้าหมายและวตั ถุประสงคท์ ่ีแสดงออกดงั กล่าวขา้ งตน้ ยงั อาจจะกวา้ งเกินไป ในการจดั โปรแกรมศกึ ษาและกิจกรรมการ จดั การเรียนรู้พหุวฒั นธรรมศกึ ษา อาจทาไดอ้ ยา่ งมี ประสิทธิภาพ ถา้ ใชเ้ ป้าหมายและวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีแสดงออกของการศกึ ษาพหุ
บทที่ 2 21 วฒั นธรรม (Multicultural Education) ตามขอ้ เสนอแนะของ Michaelis, (1992: 182) ดงั ต่อไปน้ี 1) เพอ่ื พฒั นาความเขา้ ใจใน ความหลากหลายทางวฒั นธรรมในสงั คมและความหลากหลาย ภายใน และระหวา่ งกลุม่ ชาติพนั ธุใ์ นแง่ท่ีเป็นปัจจยั ในการกาหนด วิถีชีวติ ประวตั ิศาสตร์ วฒั นธรรม และความสาเร็จของ กลุ่มชาติ พนั ธุ์ อาทิ การอธิบายถึงช่องวา่ งระหว่างแนวความคิดที่สงั คม ยอมรับกบั ความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่ เก่ียวกบั คนพ้นื เมอื งใน สหรัฐอเมริกา บอกวธิ ีที่ปิ ดช่องวา่ งดงั กล่าวมาสกั 3 วิธี 2) เพื่อ ประยกุ ตก์ ระบวนการคิดและการตดั สินใจในประเดน็ ของกลุ่ม ชาติพนั ธุ์ โดยการจดั กิจกรรมเกี่ยวกบั เหตกุ ารณ์ที่ตอ้ งการตีความ จากมมุ มองของชาติพนั ธุ์ และประเมินขอ้ เสนอและการกระทา อาทิ การ ประเมนิ ขอ้ เสนอในการขจดั ลทั ธิชาตินิยม ความลาเอยี ง และอคติโดยการจดั ลาดบั ตาม การตดั สินใจของ ตนเอง 3) เพื่อ พฒั นาทกั ษะท่ีจาเป็นในการติดต่อส่ือสาร ท้งั กบั กลุ่มคนส่วนใหญ่ และกลุม่ คนส่วนนอ้ ย เพ่ือแกไ้ ขขอ้ ขดั แยง้ และก่อใหเ้ กิดการ กระทาในการปรับปรุงเงื่อนไขในปัจจุบนั อาทิ การอธิบาย ข้นั ตอนของ กระบวนการท่ีอาจนาไปใชเ้ พ่อื ทาความกระจา่ งใน ประเดน็ ที่เกิดข้ึนในโรงเรียนของตนและทาการแกป้ ัญหา 4) เพ่ือ พฒั นาเจตคติ ค่านิยม และพฤติกรรมท่ีส่งเสริมความหลากหลาย
บทท่ี 2 22 ทางวฒั นธรรมความ แตกต่างของกลุม่ ชาติพนั ธุ์ และความกินดีอยู่ ดีทางสงั คม อาทิ การบ่งช้ีเหตุผลที่ว่าทาไมทกุ คนในสงั คมตอ้ ง ยอมรับความยตุ ิธรรม การป้องกนั เพ่อื ใหเ้ กิดความเท่าเทียมกนั และกระบวนการทางกฎหมาย จากเป้าหมายและวตั ถุประสงค์ ดงั กล่าวขา้ งตน้ จะเป็นตวั กาหนดโปรแกรมการศึกษาและกิจกรรม การ จดั การเรียนรู้พหุวฒั นธรรมศกึ ษาต่อไปในการพฒั นาทกั ษะ ที่ส าคญั จาเป็นท่ีเอ้อื ต่อการเรียนรู้สาหรับครูในยคุ ศตวรรษท่ี 21 โดยนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ หมาะสมและสอดคลอ้ งกบั ค่านิยมท่ี สนบั สนุนการเรียนรู้เพอ่ื การอย สรุปไดว้ ่าค่านิยมที่สนบั สนุนการเรียนรู้เพือ่ การอยรู่ ่วมกนั อนั ประกอบดว้ ยค่านิยมหลกั และค่านิยม สนบั สนุนท่ีเกี่ยวขอ้ งท้งั 4 ดา้ น สามารถนามาเป็นแนวทางการจดั การเรียนรู้ที่มีประสิภาพคือ เนน้ ผเู้ รียนเป็น สาคญั โดยการมุ่งเนน้ การเรียนรู้ความคดิ รวบยอด หลกั ตลอดจนการบูรณาการที่เห็นความสมั พนั ธข์ องสรรพสิ่งที่ ตอ้ งพ่งึ พาอาศยั เก้ือกูลซ่ึงกนั และกนั โดยกระตุน้ ใหเ้ กิดความอยาก รู้การใชว้ ิจารณญาณในการคิดของตนเอง ส่งเสริมความสามารถ ในการคดิ วิเคราะห์ ความคิดริเริ่มสร้างสรรคท์ ี่เช่ือมโยงกบั ประสบการณ์ในชวี ิตจริง ดว้ ย ตนเองบนฐานของการแลกเปลย่ี น เรียนรู้ร่วมกนั การปลกู ฝังคุณลกั ษณะการเคารพผอู้ นื่ เขา้ ใจใน
บทท่ี 2 23 ความ หลากหลายของวฒั นธรรม ประเพณี ความเช่ือ การพฒั นา บุคลกิ ภาพทีด่ ี ค่านิยมประชาธิปไตย และสานึกความ รับผดิ ชอบ ต่อสงั คมและสิ่งแวดลอ้ มจึงจะประสบผลสาเร็จในการจดั การ เรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพได้ ทกั ษะท่ีจาเป็นต่อการจดั กิจกรรมการ เรียนรู้เพอ่ื ความเขา้ ใจพหุวฒั นธรรมสาหรับครูผสู้ อนและผเู้ รียน วชิ า สงั คมศกึ ษาในยคุ ศตวรรษท่ี 21 การพฒั นาผเู้ รียนท่ีสอดคลอ้ ง กบั การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ เพือ่ ความเขา้ ใจพหุวฒั นธรรม สาหรับครู สงั คมศกึ ษาในยคุ ศตวรรษที่ 21 ในสงั คมปัจจุบนั ควร ตอบสนองทกั ษะที่สาคญั ของครูผสู้ อนและผเู้ รียน ดงั น้นั จากทกั ษะของครูผสู้ อนและผเู้ รียนท่ีจาเป็นต่อการ เสริมสร้างสมรรถนะการจดั การเรียนรู้ในยคุ ศตวรรษท่ี 21 เพอ่ื ความเขา้ ใจพหุวฒั นธรรมน้นั ครูผสู้ อนและผเู้ รียนตอ้ งฝึกการ ปฏิบตั ิตนเป็นในการดาเนินชวี ิตท่ี ส่งเสริมการเป็นพลเมืองดีตาม วิถีประชาธิปไตยโดยมที กั ษะพ้ืนฐาน เช่น ทกั ษะความคิด วิเคราะห์ คดิ อยา่ งมี วจิ ารณญาณ คิดแกป้ ัญหา ทกั ษะการมี ปฏิสมั พนั ธก์ ารส่ือสาร ทกั ษะความรับผดิ ชอบ ตลอดจนทกั ษะ เขา้ ใจตนเองและผอู้ ืน่ อกี ท้งั การยอมรับในอตั ลกั ษณ์และเคารพ ความหลากหลายในสงั คมพหุวฒั นธรรม ซ่ึงเป็นพ้นื ฐาน ของการ เขา้ ใจกนั การเห็นคณุ ค่าของการอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ติ และพ่งึ พา
บทท่ี 2 24 ซ่ึงกนั และกนั ดว้ ยการเคารพซ่ึงกนั และ กนั ไม่แสดงกริ ิยาและ วาจาดูหมิน่ ผอู้ ื่น ช่วยเหลอื ซ่ึงกนั และกนั การแบ่งปัน การปฏิบตั ิ ตนเป็นผมู้ ีวนิ ยั ในตนเองใน เรื่องความอดทน ใฝ่ หาความรู้ และ ยอมรับผลท่ีเกิดจากการกระทาของตนเอง ท้งั หมดดงั กลา่ วจะ สามารถใชเ้ ป็น เครื่องมือในการแกไ้ ขปัญหาที่อาจเกิดข้นึ ไดอ้ ยา่ ง สนั ติสุข ในปี 1993 สมาคมสงั คมศึกษาแห่งชาติ (NCSS) ของ สหรัฐอเมริกา ไดเ้ สนอแนวคิดเก่ียวกบั การ จดั การเรียนรู้ท่ี สมั ฤทธ์ิผลในวิชาสงั คมศึกษา โดยไดส้ งั เคราะหค์ วามรู้มาจาก เป้าหมายของวิชาสงั คมศึกษาและ เอกสารการวจิ ยั ต่าง ๆ น าเสนอ ออกมาเป็นคุณลกั ษณะของการจดั การเรียนรู้สงั คมศกึ ษาท่ี คาดหวงั คือ (Yeager,2000) 1. การจดั การเรียนรู้สงั คมศกึ ษาอยา่ ง มีความหมาย จะช่วยใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับสาระความรู้ต่าง ๆ ที่ เป็น ประโยชน์ในการดาเนินชีวติ เช่น การจดั การเรียนรู้เรื่องที่เกี่ยวโยง กบั ความสนใจของผเู้ รียน โดยสอนเนน้ เพียงไม่ก่ีหวั ขอ้ แต่เป็น ลกั ษณะของการเรียนรู้แบบเจาะลกึ มากกวา่ ท่จี ะเรียนรู้อยา่ งผวิ เผนิ ในหลาย ๆ หวั ขอ้ ขณะเดียวกนั กใ็ หผ้ เู้ รียนไดล้ งมือทากิจกรรม และมกี ารประเมนิ ผลที่สอดคลอ้ งเหมาะสม 2. การจดั การเรียนรู้ สงั คมศึกษาแบบบูรณาการ โดยผสู้ อนจะตอ้ งเสนอความรู้ใน รูปแบบท่ี กวา้ งขวาง(ไมก่ าหนดกรอบเน้ือหาแบบตายตวั )
บทที่ 2 25 ประกอบดว้ ยแหล่งขอ้ มลู และกิจกรรมหลากหลาย 3. การจดั การ เรียนรู้ค่านิยมพ้นื ฐาน ก่อนอ่ืนผสู้ อนจะตอ้ งตระหนกั ในความเชื่อ ค่านิยมของตนเอง และรู้ว่าความเชื่อ ค่านิยม เหลา่ น้ีมีอทิ ธิพลต่อ การจดั การเรียนรู้ของตนเองอยา่ งไร ท้งั น้ีเพราะในการจดั การ เรียนรู้ค่านิยมพ้ืนฐาน ผสู้ อนควรจะตอ้ งนาเสนอประเดน็ ที่เป็นขอ้ โตแ้ ยง้ และประเดน็ ทางจริยธรรมท่ีเหมาะ สาหรับวิชาสงั คม ศึกษา และส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนเกิดการคดิ แบบมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) และ ความสามารถในการตดั สินใจ (Decision making) 4. ผสู้ อนตอ้ งทาใหเ้ น้ือหาน้นั มคี วามทา้ ทาย น่าติดตาม เพราะจะช่วยส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนเกิดความ ตอ้ งการท่ีจะเรียนรู้ และ ผสู้ อนจะตอ้ งสนบั สนุนอยา่ งจริงจงั และคิดหากิจกรรมการจดั การ เรียนรู้ท่ีสนองความ ตอ้ งการของผเู้ รียน 5. ผสู้ อนจะตอ้ งทาใหว้ ชิ า สงั คมศึกษา เป็นวชิ าท่ีสร้างประสบการณก์ ารเรียนรู้ใหแ้ ก่ผเู้ รียน ดว้ ย การพฒั นาหลกั สูตรที่ส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนไดค้ น้ พบความรู้ดว้ ย ตนเอง มีการใชส้ ่ือการจดั การเรียนรู้ที่หลากหลาย และใหผ้ เู้ รียน ไดล้ งมอื ปฏิบตั ิ ซ่ึงจะช่วยเชื่อมโยงเน้ือหาวิชากบั วิถีชีวติ ของ ผเู้ รียน ผสู้ อนเองกจ็ ะตอ้ งเป็น แบบอยา่ งของผทู้ ี่มีความรู้ มคี วาม ใฝ่ รู้ และพอใจที่จะเรียนรู้ จากแนวคดิ ดงั กลา่ วสามารถนาวชิ า สงั คมศกึ ษามากาหนดใหส้ อดคลอ้ งกบั ขอบข่ายเน้ือหาสาระของ
บทท่ี 2 26 พหุวฒั นธรรมศกึ ษาไดเ้ พอื่ ใชเ้ ป็นแนวทางในการเสริมสร้าง สมรรถนะการจดั การเรียนรูว้ ชิ าสงั คมศกึ ษา เพื่อการ อยรู่ ่วมกนั ใน สงั คมพหุวฒั นธรรมสาหรับครูในยคุ ศตวรรษที่ 21 ไดต้ วั อยา่ งเช่น การศกึ ษากล่มุ เช้ือชาติการศกึ ษา ขนบธรรมเนียมประเพณี วฒั นธรรมของคนในทอ้ งถิน่ แต่ละพ้ืนท่ีที่หลากหลาย เป็นตน้ ดงั น้นั จึงจาเป็นตอ้ งเขา้ ใจ บริบทในมติ ิการดารงชีวติ ในชุมชน สงั คมประเทศชาติใหค้ รอบคลมุ เพ่อื นามาใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ ที่มปี ระสิทธิภาพได้ ซ่ึงสามารถสรุปเป็นแนวทางการจดั กจิ กรรม การเรียนรูว้ ชิ าสงั คมศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาความรู้ความ เขา้ ใจเกี่ยวกบั พหุวฒั นธรรมได้
บทที่ 3 27 บทท่3ี แนวทางการเสรมิ สร้างและการเรียนรูร้ ว่ มกันใน สงั คมพหวุ ัฒนธรรม
บทท่ี 3 28 แนวทางการเสริมสร้างสมรรถนะการจดั การเรียนรู้ เพ่อื การอยู่ ร่วมกนั ในสงั คมพหุวฒั นธรรม การเสริมสร้างสมรรถนะการ จดั การเรียนรู้ เพอื่ การอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมพหุวฒั นธรรม ตอ้ งเนน้ การ ยอมรับความแตกต่าง ทางภาษา ขนบประเพณี ความเชื่อ ศาสนา และวิถชี ีวติ บนพ้ืนฐานของการยอมรับสิทธิ เสรีภาพ และ หนา้ ท่ีของแต่ละบุคคล โดยใหโ้ อกาสชนกล่มุ นอ้ ยซ่ึงมีชีวติ ความ เป็นอยทู่ ่ีแตกต่างกนั ไดร้ ับการ พฒั นาทุกดา้ น เพ่ือน าไปสู่ความ เท่าเทียมกนั ของทกุ คนในสงั คม ซ่ึงในทา้ ยท่ีสุดจะเป็นหนทาง หน่ึงที่ช่วยนาไปสู่ ความเป็นสงั คมที่มคี วามสมบูรณ์ มคี ุณค่าและ ความสวยงามบนความแตกต่าง หลากหลาย มศี กั ยภาพ และ สามารถนาความแตกต่างมาสร้างความเจริญกา้ วหนา้ ไดอ้ ยา่ ง มน่ั คงและยง่ั ยนื มแี นวทางท่ีไดศ้ กึ ษาดงั น้ี Banks (1994: 60) กลา่ ว วา่ การศกึ ษาแบบพหุวฒั นธรรม ม2ี รูปแบบคือ รูปแบบที่เนน้ ให้ กลุม่ คนใน วฒั นธรรมหลกั ยอมรับในความแตกต่างของบคุ คลอื่น (Enlightening Power Group Model) และรูปแบบท่ีเนน้ ใหก้ ลมุ่ คนในวฒั นธรรมยอ่ ยเขา้ ใจตนเองในบริบททางสงั คมของตนเอง และวฒั นธรรมหลกั (Share Power Model) และไดก้ ล่าวถงึ การศกึ ษามิติต่างๆ ดงั ต่อไปน้ี
บทที่ 3 29 1. การบูรณาการเน้ือหา เป็นการปฏิบตั ิท่ีครูใชต้ วั อยา่ งและเน้ือหา จากหลายๆ วฒั นธรรมและ กลุม่ คนหลายๆ กลุ่ม เพอื่ แสดงมโน ทศั นห์ ลกั การ ทฤษฎีความเห็นในวิชาเรียนและแบบฝึกหดั 2. กระบวนการสร้างความรู้ เป็นกระบวนการทค่ี รูช่วยใหน้ กั เรียน เขา้ ใจรับรู้ จ า เปรียบเทียบ ประเมนิ ค่า เพือ่ คน้ หา แสวงหา พิจารณา และตดั สินใจท่จี ะสรุปความหมายทางวฒั นธรรม 3. การสอนท่ีใหโ้ อกาสอยา่ งสม่าเสมอภาคเป็นการสอนท่ีครู ปรับปรุงการสอนของครูใหง้ ่ายข้ึนเป็น การสอนที่มีหลากหลาย รูปแบบ 4. การลดอคติเป็นมติ ิที่จะชว่ ยอธิบายลกั ษณะของทศั นคตมิ ีต่อเช้ือ ชาติและกลวธิ ีของนกั เรียนท่ี สามารถช่วยใหเ้ ดก็ ไดพ้ ฒั นาเจตคติ และค่านิยมแบบประชาธิปไตย เพ่ิมสูงข้ึน 5. อานาจของวฒั นธรรมและโครงสร้างของสงั คม เป็นมิติท่ี กลา่ วถงึ การเป็นกล่มุ และการบอก ความเป็นเช้ือชาติจะช่วย สนบั สนุนการมสี ่วนร่วม จึงจาเป็นที่จะตอ้ งสร้างข้ึนในวฒั นธรรม ของโรงเรียน เพอ่ื ให้ พลงั ของนกั เรียนจากหลากหลายเช้ือชาติชน กลุ่มนอ้ ยและวฒั นธรรมกลุม่ ต่างๆ เกิดข้ึน Baruth and Manning (1992: 51) กล่าวถงึ แนวทาง 6 ประการมดี งั ต่อไปน้ี
บทที่ 3 30 1. การจดั การเรียนรู้ท่ีประกอบดว้ ยแนวคิดที่เก่ยี วขอ้ งกบั กลมุ่ ทาง วฒั นธรรมต่างๆ ในองคร์ วม มากกว่า ท่ีจะกลา่ วถึงขอ้ เท็จจริงที่ แยกออกเป็ นส่วนๆ 2. การจดั การเรียนรู้โดยเนน้ วฒั นธรรมร่วมสมยั ใหม้ ากเท่ากบั วฒั นธรรมทางประวตั ิศาสตร์ 3. การจดั การเรียนรู้ท่ีเป็นผลรวมของความพยายามของการนา วฒั นธรรมต่างๆ ใหแ้ พร่กระจาย ในทุกกจิ กรรมและทุกวนั ที่นา รูปแบบการสอนไปใช้ 4. การจดั การเรียนรู้ที่ทาใหม้ น่ั ใจว่าไมม่ กี ารถอื เพศหน่ึงเพศใด เป็ นสาคญั 5. การจดั การเรียนรู้โดยยอมรับลกั ษณะการศกึ ษาในสงั คมสอง ภาษา และทศั นะทางการศกึ ษาท่ี ถูกตอ้ งต่อสงั คมท่ีมีภาษา หลากหลาย 6. การจดั การเรียนรู้และแนวคิดต่างๆ ท่ีต้งั อยบู่ นภูมหิ ลงั และ ประสบการณ์ในชวี ิตประจาวนั ของ เด็กหรือผเู้ รียน Peggy (2006: 73) กล่าวถึงแนวทาง 5 ประการ (Five General Approaches) มี ดงั ต่อไปน้ี
บทท่ี 3 31 1. การจดั การเรียนรู้ในสภาพท่ีแตกต่างของความสามารถพเิ ศษ และวฒั นธรรมของผเู้ รียน 2. การสร้างความสมั พนั ธไมตรีในมนุษย์ 3. การสร้างหลกั สูตรหรือกิจกรรมท่ีเจาะจงหรือเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกบั กลุ่มของผเู้ รียน 4. การสร้างใหเ้ กิดการศึกษาในลกั ษณะพหุวฒั นธรรม 5. การส่งเสริมแนวทางพหุวฒั นธรรมใหเ้ กิดข้ึนในสงั คม ชุมศกั ด์ิ อินทร์รักษ์ (2557: 10) การจดั การเรียนรู้ตอ้ งอยบู่ นพน้ื ฐานของ หลกั การ 6 ประการ (Instruction: Based on 6 Principles) คือ 1) ความอยาก รู้และความสามารถในการเรียนและคิด 2) สอดคลอ้ งกบั แนว ทางการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล 3) สร้างใหเ้ กิดองคค์ วามรู้ในตวั ผเู้ รียน 4) สร้างใหผ้ เู้ รียนประสบความสาเร็จตามระดบั ท่ีเป็นจริง ของแต่ละคน 5) ส่งเสริมใหเ้ กิดความร่วมมือและแบ่งปันความรู้ 6) จดั ใหท้ ุกคนหรือทุกกลมุ่ มสี ่วนร่วม สรุปไดว้ า่ ลกั ษณะของ แนวทางการเสริมสร้างสมรรถนะการจดั การเรียนรู้ เพอื่ การอยู่
บทท่ี 3 32 ร่วมกนั ในสงั คม พหุวฒั นธรรมท่ีมีความเหมาะสมในการนาไปใช้ มากท่ีสุด คือ การบูรณาการในการจดั การเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เพื่อใหส้ อดคลอ้ งกบั วถิ กี ารเนินชีวติ ของตนเองในบริบททาง สงั คมและวฒั นธรรมของตนเป็นหลกั แตข่ ณะเดียวกนั กลมุ่ คนใน วฒั นธรรมหลกั ก็ตอ้ งยอมรับในความแตกต่างของบุคคลอ่ืนดว้ ย เช่นกนั จากแนวคิดดงั กล่าวการสามารถนามาใชเ้ ป็นแนวทางการ เสริมสร้างสมรรถนะการจดั การเรียนรู้วิชา สงั คมศกึ ษา เพื่อการอยู่ ร่วมกนั ในสงั คมพหุวฒั นธรรมสาหรับครูในยคุ ศตวรรษที่ 21 ดงั น้ี 1. ข้นั การวางแผนการใชค้ าถาม (Planning Questions) ผสู้ อนควร จะมีการวางแผนไวล้ ่วงหนา้ ว่าจะใชค้ าถามเพ่ือวตั ถปุ ระสงคใ์ ด รูปแบบหรือประการใดที่จะสอดคลอ้ งกบั เน้ือหาสาระและ วตั ถุประสงคข์ อง บทเรียน เช่น ผเู้ รียนศกึ ษาคน้ ควา้ ค่านิยมหลกั คนไทย 12 ประการ แลว้ นามาอภิปรายในรูปแบบบทเพลง เกม เล่านิทาน สถานการณ์จาลอง บทบาทสมมติ เขียนเรียงความ ฯลฯ แลว้ นามาอภิปรายในรูปแบบร้อยแกว้ ร้อย กรอง น าเสนอโดยใช้ กระบวนการกล่มุ แลว้ น าค่านิยมหลกั คนไทย 12 ประการนามา วิเคราะห์คาถาม
บทท่ี 3 33 2. ข้นั การเตรียมคาถาม (Preparing questions) ผสู้ อนควรจะเตรียม คาถามท่ีจะใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ โดยการสร้างคาถาม อยา่ งมหี ลกั เกณฑ์ เช่น ค่านิยมหลกั คนไทย 12 ประการสอดคลอ้ ง กบั ค่านิยมของประเทศเพ่อื นบา้ นในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน หรือไมอ่ ยา่ งไร มีค่านิยมเอกลกั ษณ์ของแต่ละ ประเทศสมาชิก อาเซียนอะไรบา้ ง นกั เรียนคิดว่าคุณลกั ษณะของความเป็นพลเมือง อาเซียนควรมหี นา้ ตาเป็น อยา่ งไร 3. ข้นั การใชค้ าถาม (Questioning) ผสู้ อนสามารถจะใชค้ าถามใน ทุกข้นั ตอนของการจดั กิจกรรม การเรียนรู้และอาจจะสร้างคาถาม ใหม่ที่นอกเหนือจากคาถามที่เตรียมไวก้ ไ็ ด้ ท้งั น้ีตอ้ งเหมาะสมกบั เน้ือหาสาระ และสถานการณ์น้นั ๆ เช่น ผเู้ รียนเปรียบเทียบ วฒั นธรรมไทยท้งั 6 ภาค น าเสนอดว้ ยภาพของแต่ละภาคมี วฒั นธรรมที่เด่นชดั ในดา้ นอะไรบา้ ง อาทิเช่น วฒั นธรรมการ รับประทานอาหาร วฒั นธรรมการประกอบอาชีพ วิถี ชีวิตการ ดาเนินชีวติ จุดเดน่ จุดดอ้ ย อยา่ งไรเหมอื นหรือมคี วามแตกต่าง จากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนอยา่ งไร ผเู้ รียนสามารถนา วฒั นธรรมต่างๆ เหลา่ น้ี มาปรับใชใ้ นทอ้ งถน่ิ ของผเู้ รียนได้ อยา่ งไร
บทที่ 3 34 4. ข้นั การสรุป (Summary) โดยการการสรุปบทเรียนผสู้ อนอาจจะ ใชค้ าถามเพอ่ื การสรุปบทเรียน ก็ได้ เช่น ผเู้ รียนเรียนรู้อตั ลกั ษณ์ และความหลากหลายในสงั คมพหุวฒั นธรรมที่เกิดข้ึนในสงั คมท้งั ในอดีตและ ปัจจุบนั โดยการสรุปแนวทางในการอยรู่ ่วมกนั และ การพ่งึ พากนั ในสงั คมระหว่างครูผสู้ อนและผเู้ รียน 5. ข้นั การประเมนิ ผล (Evaluation) ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั ประเมนิ ผลการเรียนรู้ โดยใชว้ ธิ ีการ ประเมินผลตามสภาพจริง 3 จากการสงั เกตพฤตกิ รรมการท างานกลมุ่ การสมั ภาษณ์ การ สอบถาม และการทดสอบ และการต่อยอดองคค์ วามรู้เป็นช้ินงาน หรือสิ่งประดิษฐท์ ี่ครูมอบหมายให้ เป็นตน้ จะเห็นไดว้ า่ บทบาท และคุณลกั ษณะของครูผสู้ อนและผเู้ รียนในการจดั การศกึ ษาพหุ วฒั นธรรมท่ีนามา ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั การเรียนรู้ใหป้ ระสบ ผลสาเร็จไดน้ ้นั ตอ้ งอาศยั การบูรณาการ โดยการรวมเอาความรู้ กระบวนการคิดในการต้งั คาถาม การส่งเสริมทกั ษะ และค่านิยม ใหเ้ กิดมีข้ึนในตวั ผเู้ รียนมาใชใ้ นการจดั กิจกรรมใน ช้นั เรียนอยา่ ง หลากหลายดว้ ยประเดน็ ทางสงั คมในมติ กิ ารอยรู่ ่วมกนั และการ พ่งึ พากนั ซ่ึงสามารถสรุปไดใ้ นตาราง
บทท่ี 3 35 โดยสรุปบทบาทครูและบทบาทผเู้ รียนที่จดั การเรียนรู้ในช้นั เรียน พหุวฒั นธรรมจะตอ้ งมีใจกวา้ ง รวมถงึ การแสวงหาความรูใ้ หม่ท่ี หลากหลายท้งั ในและนอกหอ้ งเรียน โดยทาความเขา้ ใจและ ส่งเสริมความรู้ ทกั ษะ และเจตคติในการเขา้ ถงึ การจดั การศกึ ษา พหุวฒั นธรรมบนพน้ื ฐานของความสามคั คีปรองดองร่วมกนั โดย ขจดั อคติ ความลาเอียง อกี ท้งั การทาความเขา้ ใจในรูปแบบการ เรียนรู้ของผเู้ รียนแต่ละคนเพื่อสร้างความเขม้ แข็งใน การศกึ ษา ของประเทศสืบไป บทสรุป แนวทางการเสริมสร้างสมรรถนะการ จดั การเรียนรู้วชิ าสงั คมศกึ ษา เพอ่ื การอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมพหุ วฒั นธรรมสาหรับครูในยคุ ศตวรรษท่ี 21 ตอ้ งมุง่ เนน้ กิจกรรมที่ เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั โดยส่งเสริมสมรรถนะ ครูผสู้ อนและผเู้ รียน ไดม้ ที กั ษะการปฏิบตั ิตนเพื่อการอยรู่ ่วมกนั ซ่ึงจาเป็นต่อการ ดารงชีวติ ในบริบททางสงั คมและ วฒั นธรรมที่มคี วามหลากหลาย โดยผเู้ รียนไดพ้ นิ ิจพเิ คราะห์ พิจารณาการกระทาดว้ ยการใชก้ าร คิดวิเคราะห์ คดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ คิดแกป้ ัญหา และตรวจสอบ ผลที่ไดร้ ับจากการตดั สินใจดว้ ยตนเอง โดยทน่ี กั เรียนไดแ้ สดง ความสามารถในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ ส่งเสริมการท างาน ร่วมกบั ผอู้ ื่นท่ีมคี วามหลากหลายรูจ้ กั สร้างทางเลือก ในการ แกป้ ัญหาไดด้ ว้ ยตนเอง ใชเ้ หตุผลในการตดั สินใจ ยอมรับฟัง
บทท่ี 3 36 ความคดิ เห็นของผอู้ ่ืน และรู้จกั รับผดิ ชอบใน หนา้ ท่ีที่ตนไดร้ ับ มอบหมาย ซ่ึงถอื เป็นแนวทางในการดาเนินชีวิตประจาวนั เพอ่ื การ อยรู่ ่วมกบั ผอู้ ่นื ไดอ้ ยา่ งสนั ติสุข
บทที่ 4 37 บทที่4 การศึกษาวฒั นธรรมประเพณี
บทที่ 4 38 สารานุกรมสาหรับเยาวชนไทย ฉบบั ที่ 12 พ.ศ.2550 กล่าวถึง “การศกึ ษา” ไวว้ ่า “คนเราตอ้ งรู้เรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกบั ตวั เราเอง รู้ เรื่อง พอ่ แม่ พี่นอ้ งในบา้ นของเรา รู้จกั เพ่อื นบา้ นของเรา รู้เร่ือง โรงเรียนของเรา และตอ้ งรู้จกั หลายอยา่ งที่อยรู่ อบตวั เรา เช่น ตน้ ไม้ ดอกไม้ หญา้ สตั วเ์ ล้ียง สตั วท์ ่ีเห็นอยใู่ นบริเวณบา้ น และ บริเวณใกลเ้ คียงบา้ น พระอาทิตย์ พระจนั ทร์ ดาว เมฆ ฝน ถนน หนทาง รถชนิดต่าง ๆ ที่เราเห็นบนถนน และที่เราใชอ้ ยู่ ทุกวนั เหลา่ น้ีเป็นตน้ นอกจากน้ียงั มีวิชาความรู้ต่าง ๆ ท่ีจาเป็นตอ้ งเรียน
บทท่ี 4 39 เช่น การอา่ นออกเขยี นได้ ทาเลขได้ รู้วา่ ทาไมฝนจึงตก วชิ าเหลา่ น้ี ทาใหเ้ ขา้ ใจเรื่องต่าง ๆ ไดม้ ากข้ึน เฉลยี วฉลาด คิดไดค้ ลอ่ ง ทางานเป็น จิตใจกระปร้ีกระเปร่า คบหาสมาคมกบั เพอื่ นฝงู ไดด้ ี เราจะเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ไดโ้ ดยการสงั เกต รู้จกั พจิ ารณาดูสิ่ง ต่าง ๆ อยา่ งถีถ่ ว้ น ไต่ถามผใู้ หญ่ซ่ึงมีความรู้มากกวา่ เรา จาสิ่งต่าง ๆ ท่ีเห็นได้ ไดย้ นิ ไดฟ้ ัง และจบั ตอ้ งไดด้ ว้ ยตนเอง อยา่ งไรก็ดี ส่ิง ที่เราจะตอ้ งเรียนรูน้ ้นั มีมากมายนกั ยงิ่ เติบโตข้ึนก็ยง่ิ ตอ้ งเรียนรู้ เรื่องต่าง ๆ ใหม้ ากข้ึนตามวยั ” (สานกั งานส่งเสริมวสิ าหกจิ ขนาด กลางและขนาดยอ่ ม, 2550, น.35) นกั การศึกษาหลายท่าน อาทิ Friedrich Froebel, John Dewey ศาสตราจารย์ ม.ล.ป่ิ น มาลากุล ศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บวั ศรี ได้ ใหค้ วามหมายของการศกึ ษาไวห้ ลายประการ ซ่ึงโดยสรุป การศึกษาคือชีวติ การศกึ ษาคือการพฒั นาบุคลกิ ภาพ ความเจริญ งอกงามในตวั บุคคล เป็นกระบวนการทางสงั คม ทที่ าใหค้ นไดม้ ี การเรียนรู้ และพฒั นาข้ึนไปเป็นสมาชิกท่ดี ีของสงั คม มีคณุ ธรรม สูง ซ่ึงการพฒั นาดงั กลา่ วรวมถึงการพฒั นาทางกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสติปัญญา ครบถว้ นทกุ ดา้ น
บทที่ 4 40 คาว่า “วฒั นธรรม” พลตรี พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื นราธิป พงศป์ ระพนั ธ์ ทรงบญั ญตั ิข้ึนใหมโ่ ดยอธิบายในสารานุกรมไทย เลม่ 26 วา่ “คาวา่ วฒั นธรรมน้ีไดผ้ กู ข้ึนเพ่อื ใหม้ คี วามหมายตรง กบั คาวา่ Culture คาว่า Culture ตรงมลู ศพั ทห์ มายความวา่ เพาะปลูกใหง้ อกงามเป็นการแสดงถึงความเจริญงอกงามซ่ึง เปรียบไดก้ บั การเพาะปลกู พนั ธไ์ มใ้ หง้ อกงาม ผลิดอกออกผล เพ่อื ประโยชนแ์ ก่มนุษยใ์ นอนั จะใชใ้ หเ้ ป็นประโยชนแ์ ก่ตนได้ ไม่ว่า ในร่างกาย เช่น การใชบ้ ริโภคหรือใชป้ ระกอบทาส่ิงของเครื่องใช้ ท่ีมนุษยจ์ ะใชไ้ ด้ หรือทางใจ เช่น การชมในฐานที่เป็นส่ิงเจริญตา
บทที่ 4 41 เจริญใจ เป็นตน้ และการเพาะเล้ยี งสตั วใ์ หเ้ จริญงอกงามก็มี ลกั ษณะคลา้ ยคลึงกนั จึงรวมอยใู่ นภาคความคิดของคาวา่ Culture น้ีดว้ ยเหมอื นกนั วฒั นธรรม หมายความถึงความเจริญงอกงาม ดงั ที่กล่าวมาน้ี”(ราชบณั ฑิตยสถาน, 2549, น.16525) พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ใหค้ วามหมายของ คาว่า “พหุ” คือ มาก (น.775) และใหค้ วามหมายของ “วฒั นธรรม” ว่า หมายถึงส่ิงที่ทาความเจริญงอกงามใหแ้ ก่หมูค่ ณะ เช่น วฒั นธรรมไทย วฒั นธรรมในการแต่งกาย วิถชี ีวติ ของหมคู่ ณะ เช่น วฒั นธรรมพน้ื บา้ น วฒั นธรรมชาวเขา (น. 1058) คณะกรรมการจดั ทาพจนานุกรมศพั ทศ์ กึ ษาศาสตร์ ราชบณั ฑิตยสถาน ใหค้ วามหมาย การศกึ ษาพหุวฒั นธรรมไวว้ า่ หมายถึง การจดั กระบวนการเรียนรู้ท่คี รอบคลุมเน้ือหาสาระและ ความคดิ ความเชื่อของกลุ่มชนที่มีความแตกต่างหลากหลายทาง วฒั นธรรม แมว้ ่าในสงั คมชุมชนที่สถานศึกษาต้งั อยู่ ไม่มชี นกล่มุ นอ้ ยหรือผพู้ ูดภาษาถ่นิ แต่หลกั สูตรและการสอนความเช่ือมโยง ถึงความรู้และความสมั พนั ธเ์ กี่ยวกบั วฒั นธรรมของชนพ้นื ถน่ิ เช่น
บทท่ี 4 42 ประเพณี ภาษาความเชื่อ การทามาหากิน และวิถีชีวติ เพือ่ สร้าง ความเขา้ ใจดตี ่อกนั และอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ติกย็ งั มคี วามจาเป็นอยู่ ในช่วงปี พ.ศ. 2550 เป็นยคุ ทีว่ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยไี ด้ ก่อใหเ้ กิดความเปลยี่ นแปลงในการดาเนินชีวิต และความเป็นอยู่ ของประชาชนส่วนใหญ่ในโลกหลายประการ โดยเฉพาะเป็นยคุ ท่ี การคมนาคมขนส่ง การติดต่อส่ือสาร เจริญกา้ วหนา้ กวา่ ยคุ ที่ยงั ใช้ สตั วเ์ ป็นพาหนะสาหรับการดาเนินการดงั กลา่ วมาก ผคู้ นยคุ น้ี เดินทางไปมาหาสู่กนั โดยยานพาหนะท่ีทุ่นแรง รวดเร็ว เช่น รถจกั รยานยนต์ รถยนตโ์ ดยสาร รถไฟ รถไฟฟ้า รถใตด้ ิน เรือ เรือ เดินสมทุ ร เคร่ืองบินโดยสาร การขนส่งสินคา้ เครื่องมือ เคร่ืองใช้ อุปกรณ์ต่าง ๆ กท็ าไดโ้ ดยใชย้ านพาหนะเช่นเดียวกนั สาหรับการ ส่งข่าวสาร ขอ้ มูลสารสนเทศ ส่วนใหญ่จะดาเนินการสองรูปแบบ คือ แบบท่ียงั จดั ส่งในรูปกระดาษ จดหมาย สิ่งพิมพ์ หนงั สือ วารสาร เอกสาร หรือส่งผา่ นระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ส่งผา่ นเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet) ระบบ โทรศพั ทม์ ือถือ (Mobile Phone) หรือระบบโทรสาร (Facsimile) เป็ นตน้
บทท่ี 5 43 บทที่5 การศึกษาพหุวนั ธรรม
บทที่ 5 44 ลกั ษณะความเปล่ยี นแปลงทีมีผลกระทบต่อการดาเนินชีวติ และ ความเป็นอยขู่ องมนุษยเ์ รื่องในลกั ษณะขา้ งตน้ ก่อใหเ้ กิดการ อพยพยา้ ยถ่ินถาวรเพมิ่ มากข้ึน นอกจากน้ี ยงั จะพบนกั ท่องเที่ยว ต่างชาติ ต่างภาษาและวฒั นธรรมเดินทางท่องเที่ยวไปยงั ประเทศ ต่าง ๆ เพือ่ พกั ผอ่ นหรือเพ่อื หาความรู้ ประสบการณ์ ตามแหล่ง ท่องเที่ยวของแทบทุกประเทศดว้ ย ดงั น้นั ความหลากหลายของ ผคู้ นต่างเช้ือชาติ ต่างภาษา และต่างวฒั นธรรม นบั เป็นเร่ืองปกติ ธรรมดา ที่จะพบเห็นไดโ้ ดยทวั่ ไป ในแทบทุกสงั คม การศกึ ษาพหุวฒั นธรรม (Multicultural Education) ไดร้ ับ ความสนใจมากข้ึนจนเห็นไดช้ ดั ในช่วง พ.ศ. 2500 เป็นตน้ มา โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศในยโุ รปบาง ประเทศ สืบเนื่องจากการรับประชากรจานวนมากจากประเทศอน่ื ใหส้ ามารถยา้ ยถิน่ ฐานอยา่ งถาวร ประชากรที่อพยพยา้ ยถ่ิน ดงั กลา่ วตอ้ งเรียนรู้ภาษา วฒั นธรรมและการดาเนินชีวิตภายใต้ เงื่อนไขทางกฎหมาย และระเบียบปฏิบตั ิใหม่ แต่ประชากรกล่มุ ดงั กลา่ วก็มไิ ดท้ อดท้ิง ภาษา วฒั นธรรม ความเชื่อ ศาสนาเดิม แม้ ระยะแรก ๆ ประชากรเจา้ ของประเทศ จะไมย่ อมรับเช้ือชาติ และ วฒั นธรรมอ่ืน แต่ต่อมาเมือ่ มีการใหก้ ารศกึ ษาในเร่ืองสิทธิของ มนุษยชน (Human Rights) ของแต่ละบุคคลมากข้ึน ประชากรผู้
บทที่ 5 45 อพยพยา้ ยถ่นิ ก็ไดร้ ับการยอมรับมากข้ึน ทาใหเ้ ร่ืองของพหุ วฒั นธรรมจึงเป็นเร่ืองท่ียอมรับกนั โดยทว่ั ไป ไม่เพยี งแต่ใน ประเทศสหรัฐอเมริกาและในทวีปยโุ รปเท่าน้นั แต่รวมไปถึง ประเทศต่าง ๆ ทุกทวปี ทวั่ โลก อาจจะกลา่ วไดว้ า่ แทบทุกประเทศ ในโลกจะประกอบดว้ ยชนท่ีอยดู่ ้งั เดิม ชนกลุ่มนอ้ ยและหรือกลมุ่ อพยพยา้ ยถนิ่ ที่มีภาษา วฒั นธรรม ความเช่ือ ศาสนา และความ เป็นอยตู่ ่างกนั ประกอบอาชีพ อยอู่ าศยั และเป็นพลเมืองของอีก ประเทศหน่ึงเป็นการถาวร อยรู่ ่วมกนั อยา่ งปกติสุข และถงึ แมจ้ ะ อยหู่ ่างไกลกนั จากท่ีอยอู่ าศยั เดิม แตก่ ย็ งั สามารถเดินทางไปเย่ียม กนั หรือส่งข่าวถงึ กนั โดยสะดวก การศึกษาพหุวฒั นธรรม (Multicultural Education) จึง หมายถึงกระบวนการใหก้ ารศึกษาระดบั ข้นั พน้ื ฐานที่สถานศึกษา จะตอ้ งช่วยใหเ้ ดก็ เยาวชน ประชาชนเขา้ ใจ ไม่รังเกียจ และ ยอมรับซ่ึงความแตกต่างในเรื่องของความเป็นชนกลมุ่ นอ้ ย ดา้ น เช้ือชาติ ภาษา ศาสนา ลทั ธิความเช่ือ ความเป็นอยู่ เพศ(โดยเฉพาะ สตรีในบางประเทศ) ท่ีอาจจะไม่ไดร้ ับความเท่าเทียมกนั ในบาง เร่ือง ท้งั น้ี ผบู้ ริหารสถานศึกษา ครู อาจารยผ์ ปู้ กครอง และชุมชน ตอ้ งหาวธิ ีการใหเ้ ด็ก เยาวชน ประชาชนทว่ั ไป เขา้ ใจ และค่อย ๆ ซึมซบั ยอมรับความแตกต่างดงั กล่าว สถานศกึ ษาส่วนใหญ่จะ
บทท่ี 5 46 กาหนดการศกึ ษาพหุวฒั นธรรม ไวเ้ ป็นส่วนหน่ึงของหลกั สูตร และจดั กิจกรรมต่าง ๆ เสริมสร้างความเขา้ ใจดงั กลา่ วน้นั ซ่ึง กิจกรรมเหลา่ น้ีเปิ ดโอกาสใหเ้ ดก็ และเยาวชนของชนกลุม่ นอ้ ยได้ แสดงออก เพ่ือใหเ้ ด็กกลมุ่ ใหญ่ไดเ้ รียนรู้ ประวตั ิศาสตร์ วฒั นธรรม ความเช่ือท่ีมหี ลากหลาย ถือเป็นการใหก้ ารศกึ ษาที่มี มมุ มองกวา้ งขวาง แตกต่างไปจากเดิมท่ีเนน้ วฒั นธรรมและความ เป็นอยขู่ องกลุ่มประชาชนกลุ่มใหญ่แต่เพยี งอยา่ งเดียว การศึกษาพหุวฒั นธรรมท่ีจดั ข้ึนในสถานศึกษาระดบั พ้นื ฐาน และรวมถงึ ในการศกึ ษาระดบั อุดมศกึ ษา จะบ่งบอก ลกั ษณะเฉพาะ ดงั น้ี 1. ช่วยลดความรู้สึกเหยยี ดหยามเร่ืองเช้ือชาติ หรือชนชาติ และศาสนา 2. จาเป็นมากสาหรับการศึกษาพ้นื ฐานทค่ี วรตอ้ งบรรจไุ วใ้ น หลกั สูตร 3. เป็นเร่ืองที่เดก็ เยาวชน และประชาชนทุกคน ควรตอ้ งให้ ความสนใจ เขา้ ใจ และตระหนกั ความสาคญั
บทที่ 5 47 4. เป็นการศกึ ษาท่ีชว่ ยเสริมสร้างความเป็นธรรมในสงั คม มองทุกคนในสถานภาพท่ีเท่าเทียมกนั ท้งั เร่ืองสิทธิ เสรีภาพ หนา้ ท่ี ในการดาเนินชีวติ ในสงั คมน้นั 5. เป็นกระบวนการท่ีจะชว่ ยใหท้ ุกคนอยรู่ ่วมกนั ในชุมชน ใน สงั คม ไดอ้ ยา่ งมสี นั ติสุข 6. ครู อาจารยท์ ่ีจะสอนเร่ืองน้ีจะตอ้ งมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ อยา่ งลึกซ้ึง และมกี ระบวนการที่แยบยลท่ีจะสอนหรือใหค้ วามรู้ เร่ืองน้ี หรือสอนแบบบูรณาการกบั วชิ าอ่ืน 7. ช่วยใหท้ ุกคนในสงั คมเขา้ ใจซ่ึงกนั และกนั ไม่นาเรื่องความ แตกต่างของวฒั นธรรม เช้ือชาติ ความเช่ือไปใชใ้ นทางที่ผดิ ประเทศไทยมกี ลุ่มประชากรท่ีอยอู่ าศยั ในพ้ืนที่ท่ีมสี ถานะเชิง พหุวฒั นธรรม โดยเฉพาะจงั หวดั ที่มีชนกลุ่มนอ้ ยอยอู่ าศยั หรือ จงั หวดั ที่เป็นเขตติดต่อกบั ประเทศเพอ่ื นบา้ น ในภาคเหนือ ภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคตะวนั ออกและภาคใต้ รวมท้งั จงั หวดั ใน เขตภาคกลาง นอกจากน้นั ในพ้ืนท่ีเขตเมืองใหญ่ ท่ีเป็นแหล่ง อุตสาหกรรมท่ีเป็นแหลง่ ทุนหรือร่วมทุน จากบริษทั หรือกลุม่ บุคคลจากต่างประเทศ ก็จะมปี ระชากรกล่มุ หน่ึงเป็นชาว
บทที่ 5 48 ต่างประเทศที่มภี าษา วฒั นธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยแู่ ตกต่างจาก คนไทย พกั อาศยั อยู่ ในพ้นื ท่ีที่เป็นลกั ษณะพหุวฒั นธรรมดงั กลา่ ว การจดั การ ศึกษาในสถานศึกษา ท้งั ในระบบโรงเรียน นอกระบบโรงเรียน รวมถงึ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั จะตอ้ งเป็นกระบวนการท่ีผบู้ ริหาร ครู อาจารย์ ผปู้ กครอง และชุมชนเขา้ ใจ ยอมรับความแตกต่างของ เด็กและเยาวชนต่างวฒั นธรรม เคารพสิทธิของแต่ละบุคคล กาหนดหลกั สูตรและจดั การเรียนการสอน หรือจดั กิจกรรม สนบั สนุนการเรียนการสอนท่ีเอ้อื ต่อการเสริมสร้างความเขา้ ใจท่ีดี ต่อกนั ไมก่ ีดกนั กลุม่ เดก็ และเยาวชนท่ีเป็นชนกล่มุ นอ้ ย ในพ้ืนท่ีเมืองเขตอุตสาหกรรมหรือมกี ารลงทุนทางธุรกิจจาก ต่างประเทศ เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ อุดรธานี นครราชสีมา ภูเก็ต ชลบุรี ระยอง จะมสี ถานศึกษาท่ีเป็นโรงเรียน นานาชาติ ท่ีหลกั สูตรจะเป็นหลกั สูตรนานาชาติ มีผบู้ ริหาร ครู อาจารย์ บุคคลากรทางการศึกษาที่เป็นชาวต่างชาติ ทางานร่วมกบั ครูอาจารยไ์ ทย สถานศกึ ษานานาชาติเหลา่ น้นั หรือสถานศกึ ษาที่ อยตู่ ิดพรมแดน จะเป็นแหลง่ เรียนรู้และมกี ระบวนการที่ยอมรับ พหุวฒั นธรรม มองเห็นความสาคญั ของ วฒั นธรรม ภาษา ความ
บทท่ี 5 49 เช่ือ ศาสนาของนกั เรียนแต่ละคน และท่ีสาคญั คือ เห็นคุณค่าของ ความแตกต่าง(Diversity) และพยายามท่ีจะใชก้ ระบวนการทาง การศกึ ษา หลอ่ หลอม กล่อมเกลาใหเ้ ด็กและเยาวชนไดร้ ับการ พฒั นาทุกดา้ นอยา่ งเตม็ ศกั ยภาพ บนพ้ืนฐานของความแตกต่าง เหลา่ น้นั เพื่อใหเ้ จริญเติบโตเป็นพลเมืองดีมคี ุณธรรมและมีคุณค่า ต่อสงั คมท่ีอยอู่ าศยั ไดใ้ นที่สุด การศึกษาพหุวฒั นธรรม (Multicultural Education) นอกจาก จะตอ้ งเป็นส่วนหน่ึงของหลกั สูตรในการศึกษาระดบั พ้นื ฐาน แลว้ ยงั เป็นสาขาวชิ าที่มหาวทิ ยาลยั จานวนมากจดั เป็นรายวชิ าหรือ สาขาวิชาเพื่อศกึ ษาเจาะลกึ ไปยงั วฒั นธรรมความเป็นอยขู่ องชน เผา่ ชนกลมุ่ นอ้ ย ที่รวมตวั กนั อยเู่ ป็นส่วนหน่ึงของสงั คมใหญ่ หรือแยกกลมุ่ อยหู่ ่างจากสงั คมใหญ่ แต่เป็นส่วนหน่ึงของแต่ละ ประเทศ บางสถาบนั จดั เร่ือง สตรีศึกษา (Women Studies) ซ่ึงเนน้ ความสาคญั สถานะ บทบาทของสตรีในครอบครัว สงั คม เศรษฐกิจ และการเมือง เป็นส่วนหน่ึงของการศกึ ษาพหุวฒั นธรรม ดว้ ย
บทที่ 6 50 บทที่6 สรุปการศกึ ษาพหุวตั ณธรรม
Search