ยโุ รป 1.พฒั นาการดา้ นการเมืองการปกครอง 2.พฒั นาการดา้ นเศรษฐกิจ 3.พฒั นาการดา้ นสงั คมศิลปวฒั นธรรม
1.พฒั นาการดา้ นการเมืองการปกครอง โดยท่วั ไปกลา่ วไดว้ า่ ในอดีตดินแดนสว่ นใหญ่ของทวีปยโุ รปมีกษัตรยิ เ์ ป็นประมขุ สงู สดุ ระบอบกษัตรยิ ภ์ ายใตร้ ฐั ธรรมนญู ในองั กฤษ พระเจา้ จอหน์ (ค.ศ.๑๑๙๙-๑๒๑๖) ทรงยอมรบั แมกนาคารต์ า (Magna Carta ค.ศ.๑๒๑๕) หรอื มหากฎบตั ร (Great Charter) ท่ีขนุ นาง พระ พ่อคา้ และประชาชนรวมตวั กนั บีบบงั คบั ใหพ้ ระองคย์ อมรบั ขอ้ ตกลงท่ีเป็นลายลกั ษณอ์ กั ษรในการจากดั พระราชอานาจไมใ่ หใ้ ชพ้ ระราชอานาจ เกินขอบเขตในการเก็บภาษีอากร การลงโทษและอ่ืนๆ ตอ่ มาไดเ้ กิดรฐั สภา (parliament) ท่ีประกอบดว้ ย สภาขนุ นาง (House of Lords) และ สภาสามญั (House of Commons) ท่ีมีสว่ นสาคญั ในการลดอานาจสทิ ธิข์ องกษัตรยิ ์ ระบอบกษัตรยิ แ์ บบสมบรู ณาญาสทิ ธิราชย์ สว่ นฝร่งั เศสและประเทศมหาอานาจในอดีตอ่ืนๆ ไดแ้ ก่ ปรสั เซีย (รฐั หน่ึงในดนิ แดนเยอรมนั ต่อมามีบทบาทเป็นผนู้ าในการรวมชาติเยอรมนีใน ค.ศ. ๑๘๗๑) ออสเตรยี และรฐั เซียนนั้ กลบั มพี ฒั นาการระบอบการปกครองแบบสมบรู ณาญาสทิ ธิราชย(์ Absolutism) ระบอบการปกครองในทวปี ยโุ รปสมยั ปัจจบุ นั หลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี ๒ ระบอบการปกครองของยโุ รปแยกออกเป็น ๒ ระบอบอย่างเดน่ ชดั ดงั นี้ 1 ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบท่ีเนน้ ความเป็นปัจเจกบคุ คลนิยม เหตผุ ลนิยม และเสรภี าพ หลกั การสาคญั ของ แนวความคิดประชาธิปไตย 2ระบอบเผดจ็ การคอมมิวนิสต์ เป็นระบอบการปกครองท่ีอา้ งอดุ มการณข์ องลทั ธิมากซใ์ นการสรา้ งสงั คมท่ีปราศจากชน
พฒั นาการดา้ นเศรษฐกิจ ในปลายสมยั กลาง ชาวยโุ รปไดส้ รา้ งนวตั กรรมการคดิ คน้ ส่งิ ประดิษฐ์และเทคโนโลยีท่ีสาคญั คือ การประดษิ ฐ์ปืนใหญ่ท่ี เปล่ยี นแปลงวิธีการรบ และเคร่อื งพมิ พท์ ่ีผลติ หนงั สอื ไดม้ ากและมีราคาถกู กอ่ ใหเ้ กิดการพฒั นาในดา้ นเศรษฐกิจท่ีมีรูปแบบตา่ งๆ เศรษฐกิจแบบพาณิชยนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจท่ีเกิดขนึ้ และพฒั นาพรอ้ มๆ กบั การก่อตวั ของรฐั ชาติ โดยรฐั เขา้ ควบคมุ อตุ สาหกรรมและการคา้ ภายในประเทศ สง่ เสรมิ การดาเนินธรุ กิจของพอ่ คา้ เศรษฐกิจแบบทนุ นิยม ปลายครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๘ ไดเ้ กิดแนวคิดทางเศรษฐศาสตรแ์ ละการเมืองท่ีสาคญั คอื แนวคิด ไลสเ์ ซ-แฟร์ (laissez-faireเป็นคาฝร่งั เศส หมายถงึ ปลอ่ ยใหเ้ ป็นเอง) ดา้ นเศรษฐกิจนนั้ ไลสเ์ ซ-แฟร์ หมายถงึ การ ดาเนินนโยบายภายในท่ีรฐั บาลไมค่ วรเขา้ ไปกา้ วก่ายกบั การคา้ เศรษฐกิจแบบสงั คมนิยม เศรษฐกิจแบบสงั คมนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจท่ีพฒั นามาจากแนวความคิดทางการเมืองของคารล์ มากซ์ เป็น นกั สงั คมนิยมท่ีมีช่ือเสียงของยโุ รป เพ่ือตอบโตก้ ารขยายตวั ของลทั ธิทนุ นิยมและการเอารดั เอาเปรยี บชนชนั้ แรงงาน เขาตอ้ งการสรา้ งระบบเศรษฐกิจท่ีเสมอภาค
3.พฒั นาการดา้ นสงั คมศิลปวฒั นธรรม มีดงั นี้ กาเนิดของชนชนั้ กลาง ในสมยั กลางตอนตน้ สงั คมของตะวนั ตกประกอบดว้ ย ชนชนั้ ๓ ฐานนั ดร ไดแ้ ก่ กษัตรยิ -์ ขนุ นาง นกั บวช และชาวไร-่ ชาวนาแตเ่ ม่ือมีการฟื้นตวั ของเศรษฐกิจและเมืองขนึ้ ในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๑ สงั คมยโุ รปก็เกิด ชนชนั้ ใหม่ คอื ชนชนั้ กลางหรอื ชนชนั้ กระฎมุ พี ท่ีประกอบอาชีพตา่ งๆ เชน่ ชา่ งฝีมือ อาจารย์ นกั ศกึ ษา โดยอาศยั อยใู่ นเขตเมือง ถือวา่ เป็น ชนชนั้ ใหม่ ของสงั คมตะวนั ตก ชนชนั้ การขยายตวั ของเมอื งในยคุ ปฏิวตั อิ ตุ สาหกรรม การขยายตวั ของเมืองในยคุ ปฏิวตั ิอตุ สาหกรรมเดน่ ชดั ขนึ้ ในกลางครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๙ กลา่ วคือใน ค.ศ. ๑๘๕๑ การสารวจสามะโนครวั ในองั กฤษบง่ ชีใ้ หเ้ หน็ เป็นครงั้ แรกวา่ มีประชากรอาศยั อยู่ในเขตเมือง มากกวา่ อยใู่ นเขตชนบท การสรา้ งสรรคท์ างศลิ ปวฒั นธรรม แมว้ า่ ศลิ ปวฒั นธรรมของกรกี -โรมนั คอื รากเหงา้ ของอารยธรรมตะวนั ตก แตค่ รสิ ตศ์ าสนาซง่ึ เป็นท่ี ยอมรบั ในจกั รวรรดิมนั ตงั้ แตต่ น้ ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๔ และมีอทิ ธิพลอยา่ งมากในโลกตะวนั ตกจนสมยั กลาง
จดั ทาโดย ด.ช.ธิติ องั วฒั นพานชิ ม3/3 เลขท่ี4 คณะจิตรลดา
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: