Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการนิเทศภายในสถานศึกษา

รายงานการนิเทศภายในสถานศึกษา

Description: โรงเรียนชุมแสงชนูทิศ

Search

Read the Text Version

คำนำ กระทรวงศึกษาธิการ กาหนดให้ใช้หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยมงุ่ เนน้ พฒั นาคุณภาพการศึกษา สร้างผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มคี วามสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และ ประกอบอาชีพในอนาคต ครูมีบทบาทสาคัญอย่างยิ่งทจี่ ะจัดการเรียนร้ใู หบ้ รรลุและเป็นไปตามเป้าหมายของ หลักสูตร แผนการจัดการเรียนรู้เป็นเครื่องมือที่มีความจาเป็นและสาคัญต่อการจัดกิจกรรมการเรยี นการรู้ เพราะเปน็ เครอื่ งบ่งชี้ถงึ รายละเอยี ดของมาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้วี ัด จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ ตลอดจนวิธีการวัดผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้ เพือ่ ให้การจัดกิจกรรม การเรียนร้บู รรลตุ ามมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้ีวดั ทีก่ าหนดไว้ โรงเรียนชุมแสงชนูทิศ จึงจัดให้มีการนิเทศ กากับ ติดตาม การจัดการเรียนการสอนของครูในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกาลังใจ ร่วมคิด ร่วมพัฒนา และปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ในดีย่ิงข้ึนในลาดับต่อไป ขอขอบคุณคณะกรรมการนิเทศ ตลอดจนผู้บริหาร คณะครู บุคลากรทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ของ โรงเรียนชุมแสงชนูทิศ และผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้องในการจัดกิจกรรมนี้ทุกท่าน กลุ่มบริหารวิชาการ โรงเรียนชุมแสงชนูทิศ

สารบัญ หนา้ เรื่อง 1 1 คานา 6 สารบญั 6 ตอนท่ี 1 ข้อมลู ทั่วไปของสถานศึกษา 10 14 1. ข้อมูลทั่วไปของโรงเรียนชมุ แสงชนูทิศ 16 2. ประวัติความเปน็ มา 25 3. การดาเนินการจัดการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ปีการศกึ ษา 2564 28 30 3.1 โครงการนเิ ทศภายในโรงเรียนชมุ แสงชนูทิศ ปกี ารศึกษา 2564 3.2 คาสั่งแต่งต้ังคณะกรรมการนิเทศภายในโรงเรียน ปกี ารศึกษา 2564 31 3.3 แบบนิเทศการจดั การเรยี นรู้ ปีการศึกษา 2564 39 3.4 ตวั อยา่ งและแนวการรายงานการนิเทศภายใน ปกี ารศึกษา 2564 4. เปา้ หมายการจดั การเรียนรู้ ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนชมุ แสงชนูทศิ 5. การจัดการเรยี นรู้แบบ Active Learning 6. การชีแ้ นะและการเปน็ พ่ีเล้ยี ง (Coaching and Mentoring) ตอนที่ 2 ผลการดาเนินงานดา้ นการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา 1. การนเิ ทศภายในกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ภาคผนวก

๑ ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ท่วั ไปของสถานศกึ ษา 1.ข้อมลู ทั่วไปของโรงเรียนชุมแสงชนทู ิศ ทีต่ ้ัง 157 หมู่ 9 ตำบลพกิ ลุ อำเภอชมุ แสง จังหวัดนครสวรรค์ รหสั ไปรษณยี ์ 60120 โทรศัพท์ : 0 5628 2040 โทรสำร : 0 5628 3304 , 0 5628 3447 เวบ็ ไซต์ : www.ct.ac.th ไปรณยี ์อเิ ล็กทรอนิกส์ : ct2454@ct.at.th …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ประวัตคิ วามเป็นมา โรงเรยี นชมุ แสงชนูทิศ เร่มิ ก่อตง้ั เม่ือปี พ.ศ. 2454 โดยพระวิภัทรวิทยำสำร ศึกษำธกิ ำรจงั หวัด นครสวรรค์ และได้อำศัยศำลำกำรเปรียญวัดชมุ แสง จดั ทำกำรสอนซ่งึ มี นำยป้อม มกุ ดำผล ศึกษำธิกำรอำเภอ ชุมแสงในขณะนนั้ เป็นผู้รักษำกำรในตำแหน่งครใู หญ่ 2.1 ประเภทโรงเรียน สหศึกษำ 2.2 รบั นกั เรียนประเภท ไป - กลับ 2.3 สีประจาโรงเรียน ฟำ้ - แดง ฟ้ำ คือ ควำมสงำ่ สดใส แสดงถึงควำมก้ำวหนำ้ สูงสุดของชวี ติ สแี ดง คือ พลังควำมรกั อันยิ่งใหญ่ ควำมสำมัคคีในหมู่คณะ 2.4 เคร่อื งหมายประจาโรงเรียน 2.5 อกั ษรย่อของโรงเรยี น ช.ท. 2.6 คาขวัญประจาโรงเรียน เรยี นดี กฬี ำเด่น เนน้ จรยิ ธรรม 2.7 ปรชั ญาประจาโรงเรียน นตถฺ ิ ปญญฺ ำ สมำ อำภำ แสงสวำ่ งเสมอด้วยปัญญำไม่มี 2.8 คณุ ลักษณะนกั เรียน ใฝเ่ รียนใฝร่ ู้ เชิดชคู ณุ ธรรม ดำรงตนเหมำะสม 2.9 พระพุทธรูปประจาโรงเรยี น พระพทุ ธภัทรมหำมงคล 2.10 ต้นไมป้ ระจาโรงเรียน ตน้ ชมุ แสง

๒ 2.11 ผบู้ ริหาร/ผู้อานวยการสถานศกึ ษา ช่ือ-สกลุ นำงสำวรชั ฏำพร สดุ เสมำ วฒุ กิ ารศกึ ษา ศศ.ม. กำรบริหำรกำรศึกษำ มหำวทิ ยำลยั รำมคำแหง ตาแหนง่ รองผู้อำนวยกำรชำนำญกำร การทางาน ดำรงตำแหนง่ รองผอู้ ำนวยโรงเรียน รกั ษำกำรในตำแหนง่ ผู้อำนวยกำร โรงเรียนชุมแสงชนูทิศ วนั ท่ี 22 ตลุ ำคม 2563 – ปัจจุบนั 2.12 ข้อมลู บุคลากร จำนวนบคุ ลำกร (คน) จำแนกตำมหน้ำที่ เพศ กลมุ่ / ฝา่ ย/งาน ข้าราชการ อตั ราจา้ ง/พนกั งานราชการ รวมทง้ั ส้นิ ชาย หญงิ รวม ชาย หญิง รวม 1. ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ผู้อำนวยกำร --- - - - - รองผู้อำนวยกำร - 22 - - - 2 รวม - -2 - - - 2 2. ครู กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศำสตร์ 4 11 15 - 11 16 วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี 6 19 25 1 1 2 27 ภำษำไทย 2 8 10 - -- 10 ภำษำต่ำงประเทศ 2 14 16 - 22 18 สังคมศกึ ษำ ศำสนำ และวฒั นธรรม 4 6 10 1 - 1 11 กำรงำนอำชพี - 44 1 - 1 5 สุขศึกษำ 8 2 10 - -- 10 ศลิ ปะ 347 1 - 1 8 พำณิชยกรรม 156 1 2 3 9 แนะแนว 112 - - - 2 บรรณำรักษ์ - 11 - - - 1 รวม 31 75 106 5 6 11 117 3. บคุ ลากรทางการศึกษา ลกู จ้ำงประจำ 3-3 - - - 3

๓ ครธู รุ กำร --- - 1 1 1 1 1 ครูพ่เี ลย้ี ง --- - 1 4 5 13 13 ลูกจำ้ งสำนักงำน --- - 1 2 2 21 20 ลูกจ้ำงช่ัวครำว --- 6 7 32 137 14 14 ครตู ำ่ งชำติ --- 1 1 46 151 รวม 3 0 3 7 11 รวมบคุ ลากรโรงเรยี นชุมแสงชนูทศิ 34 75 111 12 17 นักศึกษำฝกึ ประสบกำรณ์วิชำชีพครู --- 6 8 รวมท้งั สนิ้ 34 75 111 18 25 * หมายเหตุ ครูทง้ั หมด หมำยถงึ ครปู ฏบิ ตั กิ ำร ท้ังทเ่ี ปน็ ครปู ระจำกำรและครูอัตรำจำ้ ง 2.13 ข้อมลู นักเรยี น จำนวนนักเรยี น โรงเรยี นชมุ แสงชนูทิศ ปกี ำรศกึ ษำ 2554-2564 ปีการศกึ ษา จานวนนกั เรียนชาย(คน) จานวนนกั เรยี นหญงิ (คน) รวม(คน) 2,584 ปี 2554 1,177 1,407 2,623 2,618 ปี 2555 1,204 1,419 2,577 2,579 ปี 2556 1,181 1,437 2,431 2,272 ปี 2557 1,165 1,412 2,252 2,155 ปี 2558 1,189 1,390 2,151 2,175 ปี 2559 1,101 1,330 ปี 2560 1,057 1,215 ปี 2561 1,057 1,950 ปี 2562 983 1,172 ปี่ 2563 958 1,193 ปี 2564 979 1196

จำนวนนักเรียน โรงเรยี นชุมแสงชนูทิศ ปกี ำรศึกษำ 2564 ๔ ระดับช้นั จานวนหอ้ ง เพศ รวม ชาย หญิง 354 มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 1 10 158 196 359 371 มธั ยมศึกษำปที ี่ 2 10 156 203 1,084 291 มธั ยมศึกษำปที ่ี 3 10 176 195 256 273 รวม(ม.1-ม.3) 30 490 594 820 122 มัธยมศึกษำปที ่ี 4 8 141 150 73 76 มธั ยมศกึ ษำปีที่ 5 8 124 132 271 2,175 มธั ยมศึกษำปีที่ 6 8 109 164 รวม(ม.4-ม.6) 24 374 446 ปวช.1 3 52 70 ปวช.2 3 36 37 ปวช.3 3 27 49 รวม (ปวช.1-ปวช.3) 9 115 156 รวมทั้งส้ิน 63 979 1,196 2.14 ขอ้ มูลด้านอาคารสถานที่และแหลง่ เรียนรู้ 2.14.1 อาคารเรียน/อาคารประกอบ โรงเรียนชมุ แสงชนูทศิ เป็นโรงเรียนมธั ยมศกึ ษำขนำดใหญ่ บรเิ วณทต่ี ้ังเป็นท่ีลุม่ ต้ังอยูบ่ ริเวณฝัง่ ตะวันตก ของแม่น้ำน่ำน ปจั จบุ ันโรงเรียนมีอำคำร 5 หลงั ดังน้ี  อำคำร 216 จำนวน 2 หลงั  อำคำร 216 คร่งึ หลงั จำนวน 1 หลงั  อำคำร 216 (พิเศษ) จำนวน 1 หลงั  อำคำร 318 ล 38 (พิเศษ) จำนวน 1 หลงั  อำคำรโรงฝกึ งำน 3 หลงั ได้แก่ อำคำร ฝ102 จำนวน 2 หลงั และอำคำร 102/27 จำนวน 1 หลงั

๕  อำคำรหอประชมุ โรงอำหำรแบบ 101/27พ จำนวน 1 หลัง  หอ้ งน้ำ และห้องส้วมชำย จำนวน 4 หลัง  หอ้ งน้ำ และห้องส้วมหญิง จำนวน 3 หลัง 2.14.2 แหล่งเรยี นรู้ โรงเรยี นมแี หล่งเรียนรู้ และแหลง่ ข้อมลู เรียนรู้ต่ำง ๆ ดงั น้ี  ห้องสมุดซงึ่ จดั อยู่ช้ันลำ่ งอำคำรหอประชมุ โรงอำหำรจำนวน 1 ห้อง มหี นงั สอื ในห้องสมุดจำนวน 13,554 เล่ม หนังสืออยใู่ นสภำพใช้กำรได้  ห้องคอมพวิ เตอร์จำนวน 8 หอ้ ง มีคอมพวิ เตอรใ์ ชใ้ นกำรเรียนกำรสอน จำนวน 282 เครอ่ื ง สำมำรถใชอ้ ินเตอร์เนต็ จำนวน 282 เครื่อง  ห้องปฏิบัติกำรวทิ ยำศำสตร์ จำนวน 2 หอ้ ง  สหกรณโ์ รงเรยี น  สวัสด์กิ ำรณโ์ รงเรียน  ห้องเรยี นสเี ขียว  หอ้ งอำเซียน  ห้องอจั ฉรยิ ะคณิตศำสตร์  ศำลำ ธ สถติ  บคุ ลำกรท่ีมีควำมรู้ ควำมสำมำรถพเิ ศษ ทสี่ ำมำรถให้ควำมรู้พเิ ศษ ซึ่งถือเปน็ แหลง่ เรยี นรู้ดำ้ นทรพั ยำกรบคุ คล จำนวน 57 คน  แหล่งเรยี นรู้ภำยนอกโรงเรียน ไดแ้ ก่ - บคุ คลสำคญั ในทอ้ งถ่นิ ภมู ปิ ัญญำท้องถนิ่ ปรำชญ์ชำวบำ้ น - พิพิธภณั ฑส์ ถำนทร่ี ำชกำรในท้องถ่ิน คือ พิพิธภณั ฑต์ ้นนำ้ เกยไชย - กำรแพทย์แผนโบรำณโรงพยำบำลชมุ แสง - วดั - หอ้ งสมดุ ประชำชน - วฒั นธรรมพืน้ บ้ำนไทยทรงดำ - แหล่งท่องเท่ยี วบึงบอระเพด็ - น้ำตำลสดหม่บู ำ้ นเกยไชย

๖ 3. การดาเนินการจัดการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ปกี ารศกึ ษา 2564 3.1 โครงการการนิเทศภายในโรงเรียนชมุ แสงชนูทศิ ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนทู ิศ ช่อื โครงการ ยกระดับคณุ ภาพผลสัมฤทธ์ิทางวิชาการของผูเ้ รยี น กจิ กรรม กำรนเิ ทศภำยในโรงเรียนชุมแสงชนทู ศิ ปีกำรศึกษำ 2564 ผ้รู ับผิดชอบโครงการ นำยวจิ ิตร จนิ ตนำ นำงสำวสุภำพร สงิ ห์เดช กลมุ่ งานทร่ี ับผิดชอบ กลมุ่ บริหำรงำนวชิ ำกำร ลักษณะกจิ กรรม  ต่อเนื่อง  ใหม่ ระยะเวลาดาเนนิ งาน 1 พฤษภำคม 2564 – 31 มีนำคม 2565 ประเภทของงบประมาณ ( ) เงนิ อดุ หนนุ รำยหัว ( ) เงินอดุ หนนุ กิจกรรมพฒั นำคุณภำพผ้เู รยี น ( ) เงนิ ระดมทรัพยำกร......................................................... ( / ) อืน่ ๆ...ไมใ่ ชง้ บประมำณ.. สนองกลยทุ ธ์โรงเรียน กลยทุ ธ์ท่ี 1 พัฒนำผูเ้ รยี น มาตรฐานการศกึ ษา มำตรฐำนท่ี 1 พัฒนำคณุ ภำพผเู้ รยี น สอดคลอ้ งกบั ตัวบง่ ช้ี สง่ เสริม และพฒั นำผู้เรยี นดำ้ นวิชำกำรให้มีผลสมั ฤทธิ์ทำงกำรเรยี นท่สี งู ขน้ึ และมุ่งสู่ ควำมเปน็ เลิศทำงวชิ ำกำร *************************************************************************************************** 1. หลักการและเหตผุ ล โรงเรยี นชุมแสงชนูทศิ สำนักงำนเขตพ้นื ท่ีกำรศกึ ษำมธั ยมศึกษำนครสวรรค์ จัดกำรศกึ ษำ 2 หลักสูตร คือ หลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำขนั้ พนื้ ฐำนพุทธศกั รำช 2551 ของสำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นฐำน และ หลักสูตรประกำศนียบัตรวชิ ำชพี (ปวช.) ของสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชวี ศึกษำ ปีกำรศกึ ษำ 2564 มี เปำ้ หมำยจะยกระดับคณุ ภำพผเู้ รยี นให้เตม็ ศักยภำพ ตำมกลยุทธ์ของโรงเรยี นท่ี 1 พฒั นำผู้เรียน ตัวบง่ ชีท้ ่ี 1 สง่ เสริมและพัฒนำผู้เรียนด้ำนวชิ ำกำรให้มผี ลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนที่สูงขึ้นและม่งุ สคู่ วำมเป็นเลิศทำงวิชำกำร สอดคลอ้ งกบั จุดเน้นท่ี 3 สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพนื้ ฐำนให้ผลสัมฤทธทิ์ ำงกำรเรยี น 5 กลุม่ สำระวิชำ หลัก เพ่มิ ข้ึนอย่ำงน้อยร้อยละ 5 และของสำนักงำนเขตพ้นื ทก่ี ำรศึกษำมธั ยมศึกษำนครสวรรค์ กำหนดให้ ผลสัมฤทธ์ทิ ำงกำรเรียน 5 กลมุ่ สำระวชิ ำหลกั ใหเ้ พิ่มขึ้นอย่ำงน้อยร้อยละ 3 จำกผลกำรทดสอบระดบั ชำตขิ นั้ พ้นื ฐำน (O – NET) ปีกำรศึกษำ 2562 ของโรงเรยี น พบวำ่ ผลกำรสอบของนักเรยี นช้ัน ม.3 สูงกวำ่ คำ่ เฉลี่ย ระดบั ประเทศ 3 รำยวชิ ำ ได้แก่ ภำษำไทย(คะแนนเฉล่ียสงู กวำ่ รอ้ ยละ 50 ของคะแนนเต็ม) วิทยำศำสตร์ และ คณติ ศำสตร์ ภำษอังกฤษ คะแนนเฉลยี่ ยงั ต่ำกวำ่ ระดบั ประเทศ ส่วนผลกำรสอบ O – NET ระดับชน้ั ม.6 มีผล กำรสอบคะแนนเฉลย่ี ทกุ วชิ ำยังตำ่ กวำ่ ระดบั ประเทศ แต่พัฒนำกำรในทำงที่ดีข้ึน

๗ เพอื่ ให้กำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นกำรสอนและกจิ กรรมต่ำง ๆ ของโรงเรยี นเปน็ ไปอยำ่ งมคี ุณภำพและ ประสทิ ธิภำพ จงึ จัดใหม้ ีกำรนิเทศ กำกับ ติดตำม ประเมนิ ผลกำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นกำรสอนและกิจกรรมตำ่ ง ๆ เพอ่ื พฒั นำและยกระดับผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนในทุกกลุม่ สำระกำรเรียนรู้ให้สูงข้นึ อย่ำงน้อยรอ้ ยละ 3 2. วตั ถปุ ระสงค์ 2.1 เพ่ือยกระดับผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนของนักเรียนทกุ ระดับช้นั ให้สงู ข้ึนรอ้ ยละ 3 ทุกกลมุ่ สำระ 2.2 เพื่อนิเทศ กำกับ ติดตำม ช่วยเหลอื และพฒั นำกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนของครูทุกกลมุ่ สำระ 2.3 เพ่อื ประเมินผลกำรนเิ ทศภำยในโรงเรยี นแบบมีส่วนร่วม ของทกุ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ 3. เปา้ หมาย 3.1 เชิงปรมิ าณ 1) ครูผ้สู อนทกุ คนได้รับกำรนิเทศ ติดตำมกำรจดั กำรเรียนกำรสอน ตลอดปีกำรศกึ ษำ 2564 2) นักเรียนโรงเรยี นชมุ แสงชนทู ศิ มีผลกำรเรียนสูงข้นึ และมผี ลเป็น “๐” “ร” “มผ” ลดลง 3) ผลกำรทดสอบระดับชำติ (O – NET) ของนกั เรียนชัน้ ม.3 และ ม.6 มคี ่ำเฉลย่ี สงู ขน้ึ 3.2 เชงิ คุณภาพ นักเรียนโรงเรียนชุมแสงชนูทิศ มคี ณุ ภำพและศักยภำพตำมมำตรฐำนสำกล และสำมำรถนำควำมรู้ไปปรับ ใช้ในกระบวนกำรเรียนกำรสอนใหม้ คี ุณภำพย่งิ ขนึ้ 4. สถานทีด่ าเนนิ การ โรงเรียนชุมแสงชนทู ิศ 5. ข้ันตอนการดาเนนิ การ / ปฏทิ ินปฏบิ ตั ิงาน ปีการศึกษา 2564 ที่ กจิ กรรม ภาคเรยี นท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. ข้ันเตรียมการ (Plan) 1.ประชุมคณะทำงำนจดั ทำ / และขออนุมตั โิ ครงกำร 2.กำหนดปฏทิ ินกำรนเิ ทศ / / 1. ภำยในปี 2564 3.จัดเตรียมเอกสำรและคมู่ ือ กำรนเิ ทศภำยใน 4.ประชุมชีแ้ จงหัวหนำ้ กล่มุ / สำระฯ และคณะกรรมกำร นเิ ทศภำยใน ขน้ั ดาเนินการ (Do) 2. 1. ปรบั ปรงุ หลกั สตู ร 2. อบรมพฒั นำครูด้ำนกำรวดั /

๘ ประเมินผลและกำรจดั กำร / / เรียนรเู้ ชงิ รุกแบบ Active / / Learning / 3. มอบนโยบำยกลมุ่ สำระฯ จดั / กิจกรรมยกระดบั ผลสัมฤทธ์ิ และแก้ไขปัญหำเรยี นซำ้ ชนั้ 4. จัดหอ้ งเรยี นแบบคละชัน้ กับ นักเรยี นท่ีมีแนวโนม้ ว่ำผลกำร เรยี นจะติด “0” “ร” “มผ” 6.นิเทศกำรจัดกำรเรยี นกำร สอนของครูทุกกล่มุ สำระ ขนั้ สรปุ และรายงานผลการ 3. ดาเนนิ งาน (Check) / / สรุปผลกำรจัดกจิ กรรมและ / / รำยงำน 4. ขน้ั ประเมินโครงการ (Act) ประเมินผลกำรจดั กิจกรรม 6. งบประมาณ - บาท 7. การติดตามและประเมินผล วิธีวดั /ประเมินผล เครอื่ งมือ ตวั บ่งช้คี วามสาเรจ็ คณะกรรมกำรนิเทศภำยใน แบบนเิ ทศกำรจัดกำรเรยี นรู้ ตรวจสอบผลกำรเรียนของ รำยงำนสรปุ ผลกำรเรียนรู้ เชงิ ปรมิ าณ นกั เรยี น ทุกระดบั ช้ัน กลุ่มสำระฯ 1) ครูผสู้ อนทุกกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ ไดร้ ับกำรนเิ ทศ กำรทดสอบระดับชำติ ผลกำรสอบระดบั ชำติ 2) นกั เรยี นทุกระดับชัน้ มีผลสมั ฤทธิท์ ำงกำรเรยี นสูงข้ึน (O – NET)ปีกำรศกึ ษำ 2564 (O – NET)ปกี ำรศกึ ษำ 2564 อย่ำงน้อยรอ้ ยละ 3 ทกุ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ 3) คำ่ เฉลยี่ ของผลกำรสอบ O – NET นักเรยี น ม.3 และม. 6 สูงขน้ึ เมือ่ นำมำเทยี บเคียงกับผลประเมนิ ระดบั ชำติ เชิงคณุ ภาพ 1.กำรทดสอบ กำรแขง่ ขัน 1.ผลกำรทดสอบและกำร นกั เรียนโรงเรียนชมุ แสงชนทู ิศ มีคุณภำพและศักยภำพ ทกั ษะวชิ ำกำร แขง่ ขนั ทกั ษะวิชำกำร 2.กำรศกึ ษำตอ่ ในระดับที่ 2.ผลกำรศกึ ษำต่อในระดบั ที่ ตำมมำตรฐำนสำกล และสำมำรถนำควำมรู้ไปปรับใช้ใน สูงขึน้ สูงขึ้น กระบวนกำรเรยี นกำรสอนให้มคี ณุ ภำพย่ิงขนึ้

๙ 8. ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. นักเรยี นโรงเรียนชุมแสงชนทู ศิ มีผลสัมฤทธ์ทิ ำงกำรเรยี นทส่ี งู ข้ึน 2. โรงเรยี นมคี ่ำเฉลย่ี ผลกำรทดสอบระดับชำติ (O-NET) ม.3 และม.6 สงู ขน้ึ 3. ครผู ู้สอนไดร้ บั กำรนิเทศ ติดตำม ช่วยเหลือ และจัดกำรเรยี นกำรสอนได้อยำ่ งมีประสิทธิภำพ ลงชอื่ ผู้เสนอโครงกำร (นำยวจิ ติ ร จินตนำ) ลงชื่อ ผู้เห็นชอบโครงกำร (นำยวิจติ ร จินตนำ) หวั หนำ้ งำน/หัวหนำ้ กลุ่ม ลงช่อื ผู้เหน็ ชอบโครงกำร (นำยวจิ ติ ร จินตนำ) ผู้ชว่ ยรองผอู้ ำนวยกำรโรงเรียนชุมแสงชนทู ิศ ควำมเห็นของผู้บังคบั บัญชำ ( ) อนมุ ัติ ( ) ไม่อนุมตั ิ เพรำะ............................................................................................... ลงช่อื ผู้อนมุ ัตโิ ครงกำร (นำงสำวรชั ฎำพร สดุ เสมำ) รองผู้อำนวยกำร รักษำกำรในตำแหนง่ ผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี นชุมแสงชนูทิศ

๑๐ 3.2 คาสัง่ แต่งต้ังคณะกรรมการนเิ ทศภายในโรงเรยี น ปกี ารศกึ ษา 2564 คำสั่งโรงเรียนชุมแสงชนูทศิ ที่ /2564 เรอ่ื ง แต่งตั้งคณะกรรมกำรนิเทศภำยในโรงเรียน ปีกำรศึกษำ 2564 ด้วยสำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน และสำนักงำนเขตพ้นื ทก่ี ำรศึกษำมัธยมศึกษำ นครสวรรค์ ได้กำหนดนโยบำยใหม้ กี ำรนิเทศภำยในโดยใช้ห้องเรยี นเป็นฐำน เพ่ือกำรพัฒนำผู้เรียน สร้ำงควำม เขม้ แข็งกำรนเิ ทศภำยในโรงเรียน ในกำรพฒั นำหลักสูตรสถำนศกึ ษำ กำรอ่ำนออก–เขยี นได้ กำรจดั กำรเรยี นรเู้ ชิง รุก (Active Learning) กำรยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ิ O-Net และกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ดังน้ันเพอื่ ใหก้ ำรดำเนินงำนนเิ ทศภำยในโรงเรยี นเป็นไปตำมนโยบำยสำนกั งำนคณะกรรมกำร กำรศกึ ษำขน้ั พน้ื ฐำน อำศัยอำนำจตำมควำมในมำตรำ 39 แหง่ พระรำชบัญญัติระเบียบบริหำรรำชกำร กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร พ.ศ. 25๔๖ และมำตรำ ๒๗ แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำร ศึกษำ พ.ศ. 2547 จึงแตง่ ต้งั คณะกรรมกำรนิเทศภำยในโรงเรยี น ดังต่อไปน้ี 1. คณะกรรมการอานวยการ 1) นำงสำวรชั ฎำพร สดุ เสมำ ประธำนคณะกรรมกำร 2) นำงสำวจรมั พร พรมพิทกั ษ์ รองประธำนกรรมกำร 3) นำยวิจิตร จนิ ตนำ กรรมกำร 4) นำงกลั ยำ กอกชยั ยำ กรรมกำร 5) นำงสำวศิรวิ รรณ ไข่หนิ กรรมกำร 6) นำยพิษณุ ทบั วงษ์ กรรมกำร 7) นำงสำวสภุ ำพร สิงหเ์ ดช กรรมกำรและเลขำนุกำร หน้าที่ ใหคำปรึกษำ สรำงเสริมควำมรูควำมเขำใจรวมประชุมวำงแผนกำรนเิ ทศภำยในประสำนงำนระหวำงผู้ นิเทศและผู้รบั กำรนเิ ทศ ใหกำรสนบั สนุนงบประมำณดำเนินกำร กำกบั ติดตำม และประเมินผลกำรนิเทศภำยใน 2. คณะกรรมการนิเทศภายในโรงเรียน 1) นำงสำวรัชฎำพร สุดเสมำ ประธำนกรรมกำร 2) นำงสำวจรมั พร พรมพิทักษ์ รองประธำนกรรมกำร 3) นำยวจิ ติ ร จินตนำ กรรมกำร 4) นำงกลั ยำ กอกชัยยำ กรรมกำร 5) นำงสำวศริ วิ รรณ ไขห่ นิ กรรมกำร 6) นำยพิษณุ ทับวงษ์ กรรมกำร 7) นำงกษมำวดี กวำงแกว้ กรรมกำร

๑๑ 7) นำยอดิเรก ทองศรี กรรมกำร 8) นำงอมรรตั น์ เปลีย่ นพัด กรรมกำร 9) นำงฉวีวรรณ ผวิ ผอ่ ง กรรมกำร 10) นำงสุวมิ ล พิกลุ ทอง กรรมกำร 11) นำงประทุม ด้วงทอง กรรมกำร 12) นำยกำนน เลือ่ นสกลุ กรรมกำร 13) นำยชรมั ภ์ เณรยิ้ม กรรมกำร 14) นำยชศู ักด์ิ จนั ทร์ดวงโต กรรมกำร 15) นำงสำวสภุ ำพร สิงห์เดช กรรมกำรและเลขำนุกำร 16) นำยพรี วัส ทรัพย์ประมวล กรรมกำรและผ้ชู ่วยเลขำนุกำร หน้าท่ี 1. จัดระบบการนิเทศงานวิชาการและการเรยี นการสอนภายในโรงเรียน 2. นิเทศงานวิชาการ และการเรยี นการสอนในรปู แบบหลำกหลำยและเหมาะสมกับโรงเรียน 3. ประเมินผลการจัดระบบและกระบวนการนเิ ทศการศกึ ษาในโรงเรียน 4. ประสานงานกับสำนกั งำนเขตพ้นื ทีกำรศึกษำมธั ยมศึกษำนครสวรรค์ เพ่ือพัฒนาระบบ และกระบวนการนเิ ทศงานวิชาการและการเรยี นการสอนของโรงเรยี น 3. คณะอนุกรรมการนเิ ทศภายในกล่มุ สาระการเรยี นรู้ 3.1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย 1) นำงฉวีวรรณ ผวิ ผอ่ ง ประธำนคณะอนุกรรมกำร 2) นำงสำวชลดำ ยอดอว่ ม รองประธำนคณะอนุกรรมกำร 3) นำยธรี ชยั อน้ อำรี อนุกรรมกำร 4) นำยวนั ชัย แยม้ จนั ทร์ฉำย อนกุ รรมกำร 5) นำงอญั ชลี สงทอง อนกุ รรมกำร 6) นำงสำวทพิ วรรณ อยพู่ ุ่ม อนุกรรมกำร 7) นำงนฤมล นพเก้ำ อนุกรรมกำร 3.2 กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ 1) นำงอมรรตั น์ เปลี่ยนพัด ประธำนคณะอนุกรรมกำร 2) นำยชูศักด์ิ จนั ทร์ดวงโต รองประธำนคณะอนุกรรมกำร 3) นำงยุพนิ วิเศษพำนิช อนกุ รรมกำร 4) นำงนติ ยำ จนิ ตนำ อนกุ รรมกำร 5) นำงรุจนำถ ฝึกใจดี อนกุ รรมกำร 6) นำยนฤนำท ดำโสม อนกุ รรมกำร 7) นำงอมั ภรณ์ ดอนเวยี งจนั ทร์ อนกุ รรมกำร 8) นำยพุทธรักษ์ แพงไตร อนุกรรมกำร 9) นำงเสำวภำคย์ สนจุ้ย อนกุ รรมกำร 10) นำงสำวอนุสรำ เรือนอ่อน อนกุ รรมกำร 11) นำงนิภำ จนั ทรด์ วงโต อนุกรรมกำร 12) นำงสำวอรวรรณ มั่นศรี อนุกรรมกำร

๑๒ 3.3 กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1) นำงสำวสุภำพร สงิ ห์เดช ประธำนคณะอนุกรรมกำร 2) นำยพรี วสั ทรพั ยป์ ระมวล รองประธำนคณะอนุกรรมกำร 3) นำงชุติมำ หำญลำยวง อนุกรรมกำร 4) นำงปองฤทัย กล่ินนมิ่ นวล อนกุ รรมกำร 5) นำงศริ วิ รรณ ทัพทวี อนุกรรมกำร 6) นำงเฉลมิ รตั น์ ฮริ ำกำว่ำ อนุกรรมกำร 7) นำยอรรถพล เช้อื อภัย อนุกรรมกำร 8) นำงสุณีรตั น์ โฉมยงค์ อนกุ รรมกำร 9) นำงสภุ ำวดี คำเมือง อนุกรรมกำร 10) นำยรัฐพล ศริ พิ ิมลวัฒน์ อนกุ รรมกำร 11) นำงมยรุ ี แย้มจนั ทรฉ์ ำย อนุกรรมกำร 12) นำยสนธชิ ยั สังฆำรมย์ อนุกรรมกำร 13) นำงปลิ นั ธนำ พรธำดำวิทย์ อนุกรรมกำร 3.4 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ 1) นำยอดิเรก ทองศรี ประธำนคณะอนุกรรมกำร 2) นำงวำรณุ ี โกสีย์ไกรนิรมล รองประธำนคณะอนุกรรมกำร 3) นำงสำวระพีพัฒน์ เอ่ียมวัฒนำนันท์ อนกุ รรมกำร 4) นำงเตอื นใจ ทองศรี อนุกรรมกำร 5) นำงนฏั ฐำ พรมพิทกั ษ์ อนุกรรมกำร 6) นำงมนฤดี สวุ รรณรังษี อนกุ รรมกำร 7) นำงสำวศยำมล โพธห์ิ ลวง อนุกรรมกำร 8) นำงสำวณิชำกมล บญุ เทเวศร์ อนกุ รรมกำร 9) นำงสำวทรัพยส์ มบูรณ์ ประกำยสกุล อนุกรรมกำร 3.5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 1) นำยกำนน เลอื่ นสกลุ ประธำนคณะอนุกรรมกำร 2) นำงสำวรนิ รดำ ประเสรฐิ ดี รองประธำนคณะอนุกรรมกำร 3) นำยวิจิตร จนิ ตนำ อนุกรรมกำร 3.6 กล่มุ สาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 1) นำงกษมำวดี กวำงแกว้ ประธำนคณะอนุกรรมกำร 2) นำยพีระพงษ์ แสงไชย รองประธำนคณะอนุกรรมกำร 3) นำยสทุ นิ หำญลำยวง อนกุ รรมกำร 4) นำยสมเจตน์ พกิ ลุ ทอง อนกุ รรมกำร 3.7 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ 1) นำงสุวิมล พิกุลทอง ประธำนคณะอนุกรรมกำร 2) นำงสำวแสงอรุณ ไขห่ ิน รองประธำนคณะอนุกรรมกำร 4) นำงสำวศิริวรรณ ไข่หนิ อนุกรรมกำร

๑๓ 3.8 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ 1) นำงประทุม ดว้ งทอง ประธำนคณะอนุกรรมกำร 2) นำยพรเทพ ไม้เรยี ง รองประธำนคณะอนุกรรมกำร 3) นำงอำรยี ์ มำศขำว อนกุ รรมกำร 4) นำยศิรศกั ด์ิ ชสู งิ ห์ อนกุ รรมกำร 3.9 หมวดพาณิชยกรรม 1) นำยชรัมภ์ เณรยิ้ม ประธำนคณะอนุกรรมกำร 2) นำงอรนุช สเุ พ็ญภำค รองประธำนคณะอนุกรรมกำร 3) นำงกัลยำ กอกชัยยำ อนุกรรมกำร 4) นำงวิไลวรรณ แสงประสทิ ธิ์ อนุกรรมกำร 5) นำงเพ็ชร์รุ่ง เกยี รตินวพงษ์ อนุกรรมกำร 6) นำงสำวมณี ธีระบญุ ยะ อนุกรรมกำร 3.10 กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน 1) นำยชูศกั ด์ิ จันทร์ดวงโต ประธำนคณะอนุกรรมกำร 2) นำงอมั ภรณ์ ดอนเวยี งจันทร์ รองประธำนคณะอนุกรรมกำร 3) นำงอญั ชลี สงทอง รองประธำนคณะอนุกรรมกำร 4) นำงอำรีย์ มำศขำว อนุกรรมกำร 5) นำยศิรศกั ด์ิ ชสู ิงห์ อนุกรรมกำร หน้าที่ 1. จัดระบบการนเิ ทศงานวิชาการ และการเรียนการสอนในกลุม่ สำระหรือกจิ กรรมพัฒนำผ้เู รียน 2. เปน็ ผู้นิเทศงานวิชาการและกำรจัดการเรยี นการสอนในรูปแบบกลั ยำณมติ รตำมทกี่ ำหนด 3. ให้คำปรกึ ษำ ช่วยเหลือแกไ้ ขจดุ บกพร่องและชี้แนะให้ผู้รบั กำรนิเทศไดพ้ ฒั นำตนเอง 4. สรำงขวัญกำลังใจแกผ่ รู้ บั กำรนิเทศ เพื่อกระตุ้นและสนับสนุนใหผ้ ู้รบั กำรนิเทศได้พฒั นำตนเอง 5. ประเมนิ ผลการจัดระบบและกระบวนการนิเทศการศกึ ษาในกลุ่มสำระหรือกจิ กรรมพฒั นำผเู้ รียน 6. สรปุ รำยงำนผลกำรนิเทศในกลุ่มสำระฯ เสนอตอ่ ผูอ้ ำนวยกำรโรงเรียน ภำคเรียนละ 1 ครง้ั ทง้ั น้ี ขอใหผ้ ทู้ ไ่ี ดร้ บั แต่งตัง้ ตำมคำสง่ั ปฏบิ ัติหน้ำทใ่ี ห้เกิดผลดตี ่อทำงรำชกำรอยำ่ งเครง่ ครัด หำกมี ปญั หำขัดข้องประกำรใดให้รำยงำนคณะกรรมกำรอำนวยกำรโดยทันที สั่ง ณ วันท่ี ............................. พ.ศ. 2564 (นำงสำวรชั ฎำพร สุดเสมำ) รองผูอ้ ำนวยกำรโรงเรยี น รกั ษำกำรในตำแหน่ง ผูอ้ ำนวยกำรโรงเรยี นชุมแสงชนูทิศ

๑๔ 3.3 แบบนิเทศการจัดการเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา 2564 แบบนิเทศการจัดการเรยี นรู้ ภาคเรยี นท่ี …… ปีการศึกษา 2564 ชือ่ ผู้รบั กำรนิเทศ........................................................กลุม่ สำระกำรเรียนร้.ู ................................................................. รหสั วิชำ................................ชื่อวชิ ำ......................................................................ระดบั ชัน้ ..............ห้อง................... วัน/เดอื น/ปี ท่ีสอน............................................................................................................เวลำ................................... แผนจัดกำรเรียนรู้ท.่ี ............เรอื่ ง................................................................................................................................. ผูน้ ิเทศ............................................................................................................................................ครั้งที่.................... คาชี้แจง กรณุ ำเขียนเคร่ืองหมำย  ในชอ่ งระดบั คะแนน เพ่อื แสดงผลกำรประเมินพฤติกรรมกำรสอนของครู เกณฑร์ ะดบั คะแนน 5 เหมำะสมมำกที่สุด 4 เหมำะสมมำก 3 เหมำะสมปำนกลำง 2 เหมำะสมน้อย 1 เหมำะสมน้อยทส่ี ดุ รายการนเิ ทศ ระดับคะแนน ระดับคณุ ภาพ 54321 1. ดา้ นการเตรียมการสอน 1.1 กำรจัดหน่วยกำรเรียนรู้ไดส้ อดคลอ้ งกับมำตรฐำน / ตัวช้ีวัด และจดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 1.2 กำหนดเกณฑก์ ำรประเมนิ ครอบคลุมท้ัง 3 ดำ้ น (K.P.A) 1.3 เตรียมวัสดอุ ุปกรณ์ สอ่ื นวตั กรรม กิจกรรมตำมแผนกำร จัดกำรเรยี นรู้-ก่อนเข้ำสอน เฉลย่ี 2. ด้านการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 2.1 มีวิธกี ำรนำเขำ้ สู่บทเรยี นท่ีนำ่ สนใจ มขี น้ั ตอนต่ำงๆ ชดั เจน 2.2 มีกิจกรรมท่ีหลำกหลำย ช่วยให้ผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้และ ควำมเขำ้ ใจ 2.3 จดั กิจกรรมสง่ เสริมให้ผเู้ รยี นคน้ คว้ำหำคำตอบด้วยตนเอง 2.4 นกั เรยี นมสี ว่ นมีส่วนร่วมในกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 2.5 จดั กิจกรรมที่เนน้ กระบวนกำรคดิ (คิดวเิ ครำะห์ คิดสงั เครำะห์ คิดสร้ำงสรรค์) 2.6 กระตนุ้ ให้ผู้เรียนแสดงควำมคิดเห็นอยำ่ งเสรี 2.7 จัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ท่เี ชอื่ มโยงกบั ชวี ิตจรงิ โดยนำภูมิ ปญั ญำบูรณำกำรเขำ้ มำมสี ว่ นรว่ ม 2.8 จัดกจิ กรรมโดยสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม 2.9 มกี ำรเสรมิ แรงเม่ือนกั เรยี นปฏบิ ัติหรอื ตอบถูกต้อง 2.10 มอบหมำยงำนใหเ้ หมำะสมตำมศักยภำพของผู้เรยี น 2.11 เอำใจใสด่ แู ลผูเ้ รยี นอยำ่ งทวั่ ถงึ 2.12 ใช้เวลำสอนเหมำะสมกบั เวลำท่กี ำหนด

๑๕ เฉลี่ย 5 ระดับคะแนน 1 ระดบั คณุ ภาพ 432 รายการนิเทศ 3. ดา้ นส่อื นวัตกรรมการเรยี นรู้ และอปุ กรณ์การสอน 3.1 ใชส้ ่ือทเี่ หมำะสมกบั กิจกรรมและศักยภำพของผ้เู รยี น 3.2 ใชส้ อ่ื แหล่งกำรเรียนรูอ้ ยำ่ งหลำกหลำย (บคุ คล สถำนท่ี วตั ถุ เอกสำร) เฉล่ีย 4. การวดั และประเมนิ ผล 4.1 ผู้เรียนมสี ่วนร่วมในกำรกำหนดเกณฑ์กำรวัดและประเมินผล 4.2 ประเมนิ ผลอยำ่ งหลำกหลำยและครบทั้ง 3 ด้ำน (K.P.A) 4.3 ครแู ละผเู้ รยี นมีส่วนร่วมในกำรประเมนิ เฉลี่ย เฉลี่ยรวม ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ………………………………………………… ผรู้ บั กำรนิเทศ ลงชอ่ื ………………………………………………… ผูน้ ิเทศคนท่ี 1 (.....................................................) (.....................................................) ตำแหน่ง …………………………………………… ตำแหนง่ …………………………………………... ลงชอ่ื ………………………………………………… ผู้นเิ ทศคนท่ี 2 ลงชอื่ ………………………………………………… ผนู้ ิเทศคนที่ 3 (.....................................................) (.....................................................) ตำแหนง่ …………………………………………... ตำแหนง่ ประธำนคณะอณุกรรมกำรนเิ ทศภำยในกลุ่มสำระฯ ลงชื่อ………………………………………………… ประธำนคณะกรรมกำรนิเทศภำยใน (.....................................................) ตำแหนง่ รองผู้อำนวยกำรฯ กลมุ่ บริหำรวิชำกำร …………./…………………/……….. หมายเหตุ 1. ประเมินทัง้ สนิ้ จำนวน 1 ครงั้ ต่อภำคเรียน 2. ผนู้ เิ ทศสรปุ คะแนนสง่ หวั หน้ำกลุม่ สำระกำรเรียนรู้/ประธำนคณะอณกุ รรมกำรนิเทศกลมุ่ สำระฯ ของผรู้ ับกำรนิเทศ 3. หวั หนำ้ กลุ่มสำระกำรเรยี นรรู้ วบรวมผลกำรนิเทศแลว้ สรุปภำพรวมของกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ 4. นำผลกำรประเมินสง่ กล่มุ บรหิ ำรวชิ ำกำรภำยในเวลำทกี่ ำหนดตำมปฏทิ นิ กำรปฏบิ ัตงิ ำน

๑๖ 3.4 ตวั อย่างและแนวการรายงานการนิเทศภายใน ปีการศกึ ษา 2564 รายงานการนิเทศการจดั การเรยี นรู้ภายในโรงเรยี นชมุ แสงชนูทิศ ปกี ารศึกษา 2564 1. ความเป็นมาและความสาคัญของปญั หา ควำมเจรญิ ในโลกยุคปจั จบุ นั ทเี่ รียกวำ่ โลกำภิวัตน์ (Globalization) ดำ้ นกำรสื่อสำร โทรคมนำคมเปน็ ไป อย่ำงอยำ่ งรวดเร็ว ทำให้เกิดสภำพกำรณ์ท่ีเรียกว่ำ โลกไร้พรมแดน ประเทศไทยเปน็ สมำชิกประชำคมของโลกได้รับ อิทธิพลดังกลำ่ วอยำ่ งหลีกเล่ยี งไม่ได้ กำรกำ้ วเขำ้ ส่ยู ุคข้อมูลข่ำวสำร (Information Age) ท่ีสำมำรถสือ่ สำรกนั ได้ ทวั่ โลก โดยผ่ำนเครือ่ งมือกำรสอ่ื สำรต่ำง ๆ ท้งั วิทยุ โทรทศั น์ โทรสำร และเครือขำ่ ยคอมพวิ เตอรผ์ ลของกระแส โลกำภวิ ัตน์ทำใหก้ ระแสเศรษฐกจิ สังคม วัฒนธรรม ค่ำนิยมตำ่ งชำติได้แพร่ขยำยมำสู่ประเทศไทยดว้ ย วถิ ีของคน ไทยจงึ เปลีย่ นแปลงไปอย่ำงมำกตำมกระแสโลก ประเทศไทยตอ้ งพยำยำม พฒั นำเทคโนโลยี นวตั กรรมใหม่ ๆ และ พฒั นำคน เพอื่ รองรบั กระแสกำรเปลยี่ นแปลงทเี่ กิดข้นึ ดังน้ัน คณุ ลกั ษณะของคนไทยในยุคโลกำภิวัตน์ จงึ ควรมี ลกั ษณะดังนี้ (กระทรวงศกึ ษำธิกำร, 2540 : 3 – 5) 1. มีควำมสำมำรถในกำรเผชญิ กับสถำนกำรณ์ใหม่ทเี่ กิดข้ึนทกุ มุมโลกและสง่ ผ่ำนมำถึง สังคมไทย ซง่ึ อำจ เป็นปรำกฏกำรณ์ทีไ่ มค่ ดิ มำก่อน 2. มีควำมสำมำรถในกำรคดิ วิเครำะห์ สงั เครำะห์ และประเมินสำรสนเทศ เพื่อสำมำรถรบั และปรับใช้ ขอ้ มลู สำรสนเทศให้เหมำะสมกับตัวเองและสงั คมได้ทง้ั ในปัจจบุ นั และอนำคต 3. มคี วำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ เนอื่ งจำกสงั คมไทยจะมีควำมสลับซับซอ้ นมำกขึน้ กำรดำรงชวี ติ จะ เปลย่ี นไป ตอ้ งแข่งขนั ต้องแสวงหำ และเผชิญปญั หำในกำรดำรงชีวติ ท่ซี ับซ้อนมำกขึ้น 4. มีควำมสำมำรถในกำรใช้และปรับตวั กับวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี เนื่องจำกวิทยำศำสตรแ์ ละ เทคโนโลยีมกี ำรพฒั นำให้เจริญกำ้ วหน้ำอย่ำงรวดเร็ว รวมทงั้ วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยเี ขำ้ มำเก่ยี วขอ้ งสัมพนั ธ์กับ ทกุ ขน้ั ตอนของกำรทำงำนและกำรดำรงชวี ติ 5. มีควำมสำมำรถในกำรดำเนินชีวิตแบบประชำธิปไตย เน่อื งจำกสงั คมและชีวติ แบบประชำธิปไตยไดร้ ับ กำรยอมรบั ว่ำจะช่วยให้มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ได้อยำ่ งสงบสขุ ลดควำมขดั แย้งกนั ในสังคม มีกำรเคำรพสทิ ธผิ อู้ ื่น ยอมรบั ควำมคิดเหน็ ของสว่ นรวมและกำรตัดสนิ ปัญหำดว้ ยเหตผุ ล 6. มคี วำมสำมำรถในกำรพัฒนำคุณภำพชวี ติ ของตนเองโดยไมเ่ บยี ดเบยี นธรรมชำติและสงิ่ แวดลอ้ มเพ่ือให้ คนสำมำรถดำรงชีวิตอยใู่ นโลกน้ไี ดด้ ว้ ยควำมจำกัดของทรัพยำกรธรรมชำติท่ีมีอยู่ ซึง่ ปัจจบุ นั และในอนำคตกำรขำด จิตสำนกึ ท่ดี ีต่อสงิ่ แวดล้อมจะทวีควำมรุนแรงมำกข้นึ 7. มคี วำมสำมำรถเป็นพลโลกได้ กำรท่ีโลกเปดิ กว้ำงข้ึนและมกี ำรเปลีย่ นแปลงอย่ำงรวดเร็วมำก คนไทยจึง ต้องรเู้ ทำ่ ทันกำรเปล่ยี นแปลงโลกเพ่ือใหส้ ำมำรถปรับตัวเอง ใหม้ โี ลกทศั น์ขำ้ มวฒั นธรรมและโลกทศั น์สำกล อย่กู บั คนอืน่ ในโลกได้โดยยงั คงไว้ซึง่ ควำมเปน็ ไทย จำกทกี่ ลำ่ วข้ำงตน้ จงึ สรุปได้วำ่ คนไทยในยุคโลกำภิวตั นต์ ้องไดร้ ับกำรพัฒนำให้เป็นคนท่ีร้เู ท่ำทนั กล้ำเผชิญ กบั กำรเปล่ยี นแปลง มคี วำมสำมำรถในกำรคดิ กำรแกป้ ัญหำ ดำเนนิ ชีวติ แบบประชำธิปไตย รกั ธรรมชำติและ สงิ่ แวดลอ้ ม ปรบั ตัวได้อยำ่ งดีทงั้ ในโลกสำกล และเอกลกั ษณ์ของควำมเปน็ ไทย

๑๗ นับตั้งแต่มีกำรปฏริ ูปกำรศึกษำตำมพระรำชบญั ญตั ิกำรศึกษำ พ.ศ.2542 โดยคำนงึ ถึงหลกั ทีว่ ่ำผ้เู รยี นจะ ตอ้ งมีควำมสำคญั ท่สี ดุ สำมำรถพัฒนำตนเองเต็มตำมศกั ยภำพ ตำมมำตรำที่ 22 โดยสถำนศึกษำจะต้องดำเนินงำน จดั กิจกรรมใหส้ อดคล้องกบั ควำมสนใจ ควำมถนัด ฝกึ ทักษะกระบวนกำรคิดกำรเรยี นรู้จำกประสบกำรณ์จรงิ บูรณำกำรควำมร้ดู ้ำนต่ำง ๆ ตลอดจนส่งเสรมิ ใหผ้ ู้สอนจัดกำรเรียนทเ่ี อ้อื ต่อกำรเรียนรูแ้ ละจัดกำรเรียนรใู้ หเ้ กดิ ข้ึน ได้ทกุ เวลำ ทุกสถำนที่ตำมมำตรำ 24 (กระทรวงศึกษำธิกำร, 2546 : 11 – 12) กำรปฏิรูปกำรศึกษำให้ประสบควำมสำเร็จตำมพระรำชบัญญัติกำรศึกษำแหง่ ชำติได้นนั้ จำเป็นอยำ่ งยง่ิ ท่ี จะตอ้ งพฒั นำครูผุ้สอนให้ปรบั พฤติกรรม “ปรบั วธิ คี ิดเปล่ยี นวิธสี อน” ซ่งึ จะต้องอำศยั ควำมร่วมมอื แรงร่วมใจจำก ทุกฝ่ำยที่เกย่ี วขอ้ ง กระบวนกำรท่ีมีส่วนในกำรสนบั สนนุ กำรพฒั นำคุณภำพครู และพฒั นำคณุ ภำพกำรเรยี นกำร สอนใหบ้ รรลุผลตำมที่ต้องกำร ก็คอื กำรนเิ ทศกำรสอน กำรนิเทศกำรสอนภำยในโรงเรียนแบบกัลยำณมติ ร คอยให้ คำปรกึ ษำ ชแ้ี นะ พร้อมรบั ฟงั ควำมคิดเห็นซึ่งกนั และกัน จะชว่ ยพัฒนำกำรเรียนกำรสอนของครไู ดต้ รงตำมสภำพ ของปญั หำและควำมต้องกำรที่แท้จรงิ ของผเู้ รยี น โดยกำรสนับสนนุ และให้กำลงั ใจจำกผู้บริหำรโรงเรยี น หวั หน้ำ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ และเพื่อนครู อนั จะนำไปสู่กำรพัฒนำตนเอง พฒั นำงำน และกำรพัฒนำผู้เรยี นในท่ีสดุ โรงเรียนชมุ แสงชนทู ศิ สำนกั งำนเขตพนื้ ท่กี ำรศกึ ษำมธั ยมศึกษำนครสวรรค์ สำนกั งำนคณะกรรมกำร กำรศกึ ษำขน้ั พ้ืนฐำน กระทรวงศึกษำธกิ ำร เปน็ โรงเรยี นมัธยมศึกษำขนำดใหญ่พิเศษ จดั กำรศกึ ษำเป็น 2 หลักสูตร กล่ำวคือ 1) หลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำขัน้ พ้ืนฐำน พุทธศักรำช 2551 ชนั้ มธั ยมศึกษำปีที่ 1 – ช้ันมธั ยมศกึ ษำ ปีที่ 6 และ 2) หลักสูตรประกำศนยี บัตรวิชำชีพ (ปวช.) ของสำนักงำนคณะกรรมกำรอำชวี ศึกษำ ปกี ำรศึกษำ 2564 มคี รูผู้สอน 137 คน กำรจัดกำรศกึ ษำของโรงเรียนได้ยดึ ตำมแนวนโยบำยของสำนักงำนคณะกรรมกำร กำรศึกษำข้นั พ้นื ฐำนเปน็ หลัก โดยเฉพำะนโยบำยปฏิรปู กำรศึกษำ เพือ่ ให้ผเู้ รียนมคี วำมสำมำรถและทักษะในกำร คดิ วเิ ครำะห์ ทกั ษะกำรใชภ้ ำษำทง้ั ภำษำไทยและตำ่ งประเทศ ตลอดจนมคี ุณธรรมจริยธรรม โดยครคู ือหวั ใจสำคญั ของกำรจดั กำรเรียนรู้ โรงเรยี นไดจ้ ัดทำกรอบแนวคดิ กำรดำเนินงำนของโรงเรยี นสู่มำตรฐำนสำกล มีกำรวำงแผน พฒั นำงำน พฒั นำบคุ ลำกรใหม้ คี ณุ ภำพ มีประสทิ ธิภำพ สำมำรถจดั กำรเรียนกำรสอนโดยเน้นผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ เพ่ือให้นักเรียน เปน็ คนดี คนเกง่ และมีควำมสขุ มกี ำรนิเทศ กำกับ ตดิ ตำม ประเมินผล อย่ำงต่อเนื่อง เพื่อใหก้ ำร พฒั นำกำรจดั กำรเรียนกำรสอนเป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ โรงเรยี นจงึ ได้กำหนดให้มกี ำรนเิ ทศภำยในอย่ำงเปน็ ระบบ และเพอื่ นำผลกำรประเมนิ ไปปรับปรงุ พฒั นำ และแกป้ ญั หำต่ำง ๆ อยำ่ งเปน็ รปู ธรรม ทจ่ี ะส่งผล ตอ่ กำรพัฒนำครูใหเ้ ป็นครูมืออำชพี ซ่งึ จะสำมำรถพัฒนำคุณภำพกำรเรยี นกำรสอนทีเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ ทำให้ นักเรยี นมีผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรยี นทสี่ งู ข้นึ ตำมเป้ำหมำยทีโ่ รงเรียนกำหนดไว้ นกั เรียนมีควำมรูค้ วำมสำมำรถตำม หลักสูตร และสง่ ผลใหน้ กั เรียนมพี ฤติกรรมที่พึงประสงค์ของโรงเรียน 2. วตั ถปุ ระสงค์ 2.1 เพ่ือประเมนิ ผลกำรนิเทศภำยในโรงเรียนแบบมีสว่ นรว่ ม ของทกุ กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ 2.2 เพื่อปรบั ปรงุ และพัฒนำผลกำรนเิ ทศภำยในโรงเรียนแบบมีส่วนรว่ มของโรงเรยี น 2.3 เพอ่ื พัฒนำผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรยี นของทุกกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ใหส้ ูงขน้ึ 3. ผู้รบั ผดิ ชอบและผู้มีส่วนร่วม ผู้ที่ดำเนนิ กำรในกำรนิเทศกำรสอนครง้ั นี้ ประกอบด้วย ผู้บริหำร คณะกรรมกำรนเิ ทศ และครผู ้สู อนทุก กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ของโรงเรียนชุมแสงชนทู ศิ ภำคเรียนท่ี 1 ปกี ำรศกึ ษำ 2564 จำนวน 137 คน จำแนก เป็น ผู้บริหำร 2 คน และครู จำนวน 135 คน

๑๘ 4. ระยะเวลาการดาเนนิ การ ปีกำรศึกษำ 2564 (วันที่ 1 พฤษภำคม 2564 ถงึ วนั ที่ 31 มีนำคม 2565) 5. นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ 5.1 โครงกำรกำรนเิ ทศภำยในโรงเรยี นชุมแสงชนูทศิ หมำยถงึ กจิ กรรมกำรจดั โครงกำรทผี่ ูร้ ำยงำนได้ จัดทำขนึ้ และกำหนดแนวทำงในกำรดำเนนิ กจิ กรรมรว่ มกบั ครูและคณะกรรมกำรนเิ ทศโรงเรยี น โดยมกี ำรร่วม ปรกึ ษำหำรือแบบกัลยำณมติ ร ดแู ลช่วยเหลอื กันในกำรพัฒนำประสทิ ธิภำพกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนให้บรรลุผล สำเรจ็ อนั จะนำซึ่งผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรยี นทส่ี ูงข้นึ ของนักเรียน 5.2 ผู้บริหำร หมำยถึง ผ้อู ำนวยกำรและรองผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี นชุมแสงชนูทศิ ภำคเรียนท่ี 1 ปี กำรศกึ ษำ 2564 5.3 ครู หมำยถงึ ครูผู้สอนในทกุ กลุม่ สำระของโรงเรียนชุมแสงชนทู ิศ ภำคเรียนที่ 1 ปกี ำรศกึ ษำ 2564 5.4 นักเรยี น หมำยถึง นกั เรียนโรงเรียนชุมแสงชนทู ศิ ภำคเรยี นท่ี 1 ปกี ำรศึกษำ 2564 5.5 คณะกรรมกำรนเิ ทศ หมำยถึง ครโู รงเรียนชมุ แสงชนูทศิ ที่ไดร้ บั กำรแตง่ ตงั้ เป็นคณะกรรมกำรนิเทศ ตำมคำสั่งโรงเรียนชมุ แสงชนูทิศ มีหนำ้ ทเ่ี ป็นผนู้ ิเทศ ได้แก่ ผู้อำนวยกำรโรงเรยี น รองผูอ้ ำนวยกำรโรงเรียน หวั หน้ำกลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ และหัวหนำ้ กิจกรรมพฒั นำผู้เรยี น 5.6 ผนู้ เิ ทศ หมำยถงึ คณะกรรมกำรนิเทศโรงเรยี นชุมแสงชนทู ศิ ภำคเรยี นที่ 1 ปีกำรศึกษำ 2564 มีหนำ้ ที่นเิ ทศกำรจัดกำรเรียนรู้ของครูในทุกกลมุ่ สำระ 5.7 ผูร้ บั กำรนเิ ทศ หมำยถึง ครผู ูส้ อนทกุ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ของโรงเรยี นชุมแสงชนทู ิศ ภำคเรยี นท่ี 1 ปีกำรศกึ ษำ 2564 ทไ่ี ม่ไดเ้ ป็นคณะกรรมกำรนิเทศ 6. ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ ับ 6.1 เพื่อเป็นข้อมูลสำรสนเทศและแนวทำงสำหรับผ้รู ำยงำน เพ่อื ใช้ในกำรวำงแผน พฒั นำและปรับปรุง กำรนเิ ทศภำยในโรงเรยี นใหเ้ หมำะสมและมีประสทิ ธภิ ำพย่ิงขึน้ 6.2 เปน็ ข้อมลู และสำรสนเทศสำหรับครูทกุ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ของโรงเรียนชมุ แสงชนูทศิ โดยเฉพำะ ผู้บริหำรและคณะกรรมกำรนิเทศ เพ่อื เปน็ ข้อมูลและแนวทำงในกำรพัฒนำกำรนเิ ทศภำยในโรงเรียนใหม้ ี ประสิทธิภำพย่งิ ขนึ้ 7. วิธดี าเนนิ การ กำรรำยงำนผลกำรนเิ ทศกำรสอนครัง้ นี้ ได้ดำเนนิ กำรตำมขน้ั ตอน ดงั น้ี 7.1 ขนั้ กำรวำงแผนกำรดำเนนิ กำร 7.2 ขนั้ ดำเนนิ กำร 7.3 ข้นั รวบรวม และรำยงำนผลกำรดำเนนิ กำร 7.4 สถติ ิท่ีใช้ในกำรรำยงำนผล 7.1 ขน้ั การวางแผนการดาเนนิ การ กำรนิเทศกำรจัดกำรเรียนรู้ของแตล่ ะกลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ ภำคเรยี นท่ี 1 ปกี ำรศึกษำ 2564 โรงเรียนชมุ แสงชนทู ศิ มีข้นั ตอนกำรวำงแผนดำเนินกำร ดังตำรำง 1 ตำรำง 1 แสดงข้ันกำรวำงแผนดำเนนิ กำร

๑๙ รายการ / กิจกรรม ระยะเวลา ผรู้ บั ผิดชอบ พฤษภำคม 2564 กลมุ่ บริหำรวชิ ำกำร ขั้นเตรยี มการ เดอื นพฤษภาคม 2564 1. ประชุมคณะทำงำนกลมุ่ บริหำรวิชำกำร มิถนุ ำยน 2564 หัวหนำ้ กลุ่มสำระฯ 2. จัดเตรยี มเอกสำรประกอบกำรนิเทศ 3. กำหนดปฏทิ ินกำรนิเทศ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 4. ประชแี้ จงหัวหน้ำกลุ่มสำระฯ และคณะกรรมกำร 7.2 ข้นั กำรดำเนนิ กำร 7.2.1 วิธีดำเนินกำรนิเทศกำรจัดกำรเรียนรู้ของครแู ต่ละกล่มุ สำระกำรเรียนรู้ โดยคณะกรรมกำรนิเทศ เข้ำนิเทศ กำกับ และใหค้ ำแนะนำ ในกระบวนกำรจัดกำรเรียนกำรสอนแบบกัลยำณมิตร มีกำรรับฟังควำมคิดเหน็ ซงึ่ กัน และกนั เพื่อพัฒนำงำนและพัฒนำกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนใหด้ ขี นึ้ มขี ้ันตอนกำรดำเนนิ กำร ดังตำรำง 2 ตำรำง 2 แสดงขั้นกำรดำเนินกำร ขั้นดาเนินการ ระหว่างเดอื นมิถนุ ายน – เดอื นกันยายน 2564 1. หัวหนำ้ กลมุ่ สำระฯ ประชุมชแ้ี จงคณะอนุกรรมกำรนิเทศ มิถุนำยน 2564 กลมุ่ บรหิ ำรวชิ ำกำร ภำยใน และครใู นกลุม่ สำระฯ 2. คณะอนุกรรมกำรนิเทศภำยใน นิเทศกำรจัดกำรเรียนรู้ครูใน 10 มิถุนำยน ถงึ คณะกรรมกำรกล่มุ สำระ กลุม่ สำระฯ คร้ังท่ี 1 31 กรกฎำคม 2564 3. คณะอนุกรรมกำรนเิ ทศภำยใน นเิ ทศกำรจัดกำรเรยี นรู้ครูใน 1 สิงหำคม ถึง คณะกรรมกำรกลุ่มสำระ กลุ่มสำระฯ คร้ังที่ 2 30 กันยำยน 2564 ขั้นดาเนินการ ภาคเรยี นท่ี 2 ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2564 – เดอื นมีนาคม 2565 1. หวั หน้ำกลมุ่ สำระฯ ประชุมช้ีแจงคณะอนุกรรมกำรนเิ ทศ พฤศจิกำยน 2564 กลมุ่ บริหำรวชิ ำกำร ภำยใน และครูในกลุ่มสำระฯ 2. คณะอนุกรรมกำรนิเทศภำยใน นิเทศกำรจัดกำรเรยี นรู้ครูใน พฤศจิกำยน – ธนั วำคม คณะกรรมกำรกลุ่มสำระ กลมุ่ สำระฯ ครั้งที่ 1 2564 3. คณะอนุกรรมกำรนิเทศภำยใน นเิ ทศกำรจัดกำรเรียนรู้ครูใน มกรำคม – มีนำคม คณะกรรมกำรกลมุ่ สำระ กลุ่มสำระฯ ครั้งท่ี 2 2565 ขั้นสรปุ ประเมนิ ผล และรายงานผลภาคเรียนที่ 1 เดอื นตุลาคม 2564 / ภาคเรียนที่ 2 เดือนมีนาคม 2565 1. ประเมนิ ผลและสรปุ ผลกำรนิเทศ ส่งกลุ่มบริหำรวิชำกำร 1 – 10 ตุลำคม 2564 หัวหน้ำกลมุ่ สำระฯ และ 1 – 10 มีนำคม 2565 คณะอนุกรรมกำรฯ 2. กลมุ่ บรหิ ำรวชิ ำกำรสรุปรำยงำนผลกำรนิเทศทุกกล่มุ สำระฯ 10 – 15 ตุลำคม 2564 กลมุ่ บริหำรวิชำกำร เสนอผอู้ ำนวยกำร 10 – 15 มนี ำคม 2565 7.2.2. กำรให้คะแนน ผู้นิเทศจะใหค้ ะแนนผู้รบั กำรนิเทศต้ังแต่ 1 – 5 ตำมระดับกำรปฏิบตั ิตำม ควำมเป็นจริง เกณฑ์กำรให้คะแนนกำรนิเทศกำรเรียนกำรสอน แล้วหำค่ำเฉลยี่ เพื่อเปรียบเทยี บกบั เกณฑจ์ ำก มำตรำสว่ นประมำณค่ำ (Rating Scale) 5 ระดบั ดังนี้

๒๐ คะแนนเฉลีย่ ควำมหมำย 4.51-5.00 เหมำะสมมำกทีส่ ดุ 3.51-4.50 เหมำะสมมำก 2.51-3.50 เหมำะสมปำนกลำง 1.51-2.50 เหมำะสมน้อย 1.00-1.50 เหมำะสมน้อยทสี่ ุด 7.3 ขน้ั รวบรวมและรำยงำนผลกำรดำเนนิ กำร 7.3.1 รวบรวมผลกำรนเิ ทศกำรจดั กำรเรียนรู้จำกคณะกรรมกำรนเิ ทศ 7.3.2 นำผลกำรนเิ ทศมำวิเครำะห์ และรำยงำนผลทำเป็นรปู เล่มเพ่อื เป็นข้อมลู สำรสนเทศ ของ แต่ละกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ และของโรงเรียนชุมแสงชนทู ศิ 7.4 สถิตทิ ีใ่ ชใ้ นกำรรำยงำนผล 7.4.1 ค่ำเฉลี่ย (Arithmetic Mean) คำนวณจำกสตู รดงั นี้ เมอ่ื แทน คำ่ เฉลย่ี แทน ผลรวมของคะแนนท้ังหมดในกลมุ่ แทน จำนวนสมำชกิ ท้ังหมดในกลุ่ม 7.4.2 คำ่ ส่วนเบยี่ งเบนมำตรฐำน (Standard Deviation) คำนวณจำกสตู รดงั นี้ เม่อื แทน ส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำน แทน คะแนนแต่ละตวั แทน จำนวนสมำชิกในกลมุ่ น้นั 8. ผลการดาเนินงาน ในกำรนเิ ทศกำรจัดกำรเรียนรู้ของครูกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู.้ ............................................................................ โรงเรียนชมุ แสงชนทู ิศ ภำคเรยี นที่ 1 ปีกำรศึกษำ 2564 สำมำรถรำยงำนผลกำรนเิ ทศตำมลำดับดงั นี้ 8.1 รำยงำนผลกำรนเิ ทศเป็นรำยบุคคล

๒๑ 8.2 รำยงำนผลกำรนเิ ทศเปน็ รำยด้ำน 8.3 ลำดับชนั้ ในกำรรำยงำนผลกำรนิเทศ 8.1 รายงานผลการนิเทศเปน็ รายบคุ คล จำกกำรดำเนินกำรนเิ ทศกำรจัดกำรเรยี นรู้ของครู กลุ่มสำระกำรเรยี นร.ู้ .............................................. ภำคเรยี นที่ 1 ปีกำรศึกษำ 2564 โดยคณะกรรมกำรดำเนินงำนได้ให้คะแนนตำมลำดับท่มี ีกำรปฏบิ ตั ิ แล้วนำ คะแนนมำหำคำ่ เฉลยี่ และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน ผลกำรนเิ ทศเปน็ รำยบุคคล ปรำกฏผลดงั ตำรำง 3 ตำรำง 3 ตำรำงแสดงคะแนนเฉล่ียของกำรนเิ ทศกำรสอนเป็นรำยบุคคล คะแนนเฉล่ียรำยด้ำน ลำดบั ที่ ชอ่ื -สกลุ ด้านการเตรียมการสอน เฉลี่ย S.D. ระดับคณุ ภาพ ด้านความสามารถใน การ ัจดการเรียนการสอน การส ้รางบรรยากาศ ในการเรียนการสอน ความสามารถ ในการใ ้ช ่ืสอการสอน 1 นำง A 4.60 4.67 5.00 5.00 4.79 0.42 มำกท่ีสดุ 2 นำง B 5.00 4.50 5.00 5.00 4.84 0.37 มำกท่ีสดุ เฉล่ีย 4.55 4.63 4.65 4.63 4.61 0.51 มากท่สี ดุ S.D. 0.52 0.51 0.50 0.49 0.51 จำกตำรำง 3 พบวำ่ ผลกำรนิเทศกำรสอนของครเู ป็นรำยบุคคล ของกลุ่มสำระกำรเรยี นรู้.......................... โรงเรยี นชมุ แสงชนูทิศ ภำคเรียนท่ี 1 ปีกำรศกึ ษำ 2564 ในภำพรวมอย่ใู นระดับ...........ไดค้ ำ่ คะแนนเฉลี่ย……….… สว่ นเบ่ยี งเบนมำตรฐำน………….เมอื่ พจิ ำรณำภำพรวมกลุ่มสำระกำรเรียนร.ู้ ................................................................ มผี ลกำรนเิ ทศอยใู่ นระดบั คุณภำพมำกถึง.............. ได้คำ่ คะแนนเฉลี่ยตัง้ แต.่ ...........ถึง............ 8.2 รายงานผลการนิเทศแยกเปน็ รายด้าน จำกกำรดำเนนิ กำรนเิ ทศกำรจดั กำรเรยี นรู้ของครูกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้................................................ โรงเรยี นชมุ แสงชนูทิศ ภำคเรยี นที่ 1 ปีกำรศกึ ษำ 2564 โดยคณะกรรมกำรดำเนนิ งำนไดใ้ หค้ ะแนนตำมลำดับท่ีมี กำรปฏบิ ตั ิ แล้วนำคะแนนมำหำคำ่ เฉลีย่ และส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำน ผลกำรนเิ ทศเป็นรำยด้ำนของกำรนิเทศ ปรำกฏผลดังตำรำง 4

๒๒ ตำรำง 4 แสดงผลคะแนนเฉลย่ี ของกำรนเิ ทศกำรสอนเป็นรำยด้ำน ขอ้ รายการนเิ ทศ คา่ เฉล่ยี S.D. ระดบั คุณภาพ ที่ 4.18 0.27 มำกทส่ี ดุ ด้านการเตรียมการสอน 4.50 4.55 0.60 มำกที่สดุ 1 กำรจดั หน่วยกำรเรียนร้ไู ดส้ อดคล้องกับผลกำรเรียนร้ทู ่ีคำดหวัง/ 4.41 0.50 มำกทส่ี ดุ จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 4.68 0.52 มากท่สี ดุ 2 กำหนดเกณฑ์กำรประเมนิ ครอบคลมุ ทง้ั 3 ด้ำน (K.P.A) 4.73 4.73 0.47 มำกทส่ี ดุ 3 เตรยี มวัสดอุ ปุ กรณ์ สือ่ นวตั กรรม กิจกรรมตำมแผนกำรจดั กำร 4.88 0.51 มำกทส่ี ดุ เรียนรู้-กอ่ นเขำ้ สอน 4.48 4.30 0.45 มำกทีส่ ดุ เฉลีย่ 4.28 0.33 มำกท่ีสดุ 4.35 0.51 มำกที่สดุ ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 4.75 4.35 0.56 มำกที่สดุ 1 มวี ิธกี ำรนำเข้ำสู่บทเรียนท่นี ำ่ สนใจ 4.44 0.61 มำกทส่ี ดุ 4.63 2 มีกจิ กรรมทห่ี ลำกหลำย เพื่อช่วยใหผ้ ูเ้ รยี นเกดิ กำรเรียนรู้ ควำม 4.55 0.49 มำกที่สุด เขำ้ ใจ 0.73 มำกทส่ี ุด 0.77 มำกทสี่ ุด 3 จดั กิจกรรมท่ีสง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี นค้นคว้ำเพ่ือหำคำตอบด้วยตนเอง 0.71 มำกทีส่ ุด 0.75 มำกทสี่ ุด 4 นกั เรยี นมีส่วนมีสว่ นร่วมในกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ 0.57 มากที่สดุ 5 จักกิจกรรมทเ่ี นน้ กระบวนกำรคดิ (คดิ วิเครำะห์ คดิ สงั เครำะห์ คิดสรำ้ งสรรค์) 6 กระตุ้นใหผ้ ูเ้ รียนแสดงควำมคิดเห็นอย่ำงเสรี 7 จัดกจิ กรรมกำรเรยี นรูท้ ่ีเช่อื มโยงกบั ชีวติ จริงโดยนำภูมปิ ัญญำ บูรณำกำรเขำ้ มำมีส่วนรว่ ม 8 จัดกจิ กรรมโดยสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม 9 มีกำรเสรมิ แรงเม่อื นักเรียนปฏิบัตหิ รือตอบถกู ต้อง 10 มอบหมำยงำนให้เหมำะสมตำมศักยภำพของผเู้ รยี น 11 เอำใจใสด่ ูแลผูเ้ รียนอย่ำงทวั่ ถึง 12 ใช้เวลำสอนเหมำะสมกบั เวลำทกี่ ำหนด เฉลีย่

๒๓ ตำรำง 4 (ต่อ) ข้อท่ี รายการนิเทศ คา่ เฉลย่ี S.D. ระดับคณุ ภาพ ด้านส่อื นวตั กรรมการเรียนรู้ และอปุ กรณ์การสอน 4.34 0.73 มำกที่สดุ 4.44 0.55 มำกทส่ี ุด 1 ใช้ส่อื ทีเ่ หมำะสมกับกิจกรรมและศักยภำพของผเู้ รียน 4.39 0.65 มำกที่สุด 2 ใชส้ ื่อ แหลง่ กำรเรยี นรอู้ ย่ำงหลำกหลำย (บคุ คล สถำนท่ี วัตถุ 3.91 0.46 มำกที่สดุ เอกสำร) 4.35 0.49 มำกที่สดุ 4.10 0.50 มำกทสี่ ดุ เฉลยี่ 4.12 0.49 มากที่สดุ ดา้ นการวัดและประเมนิ ผล มากทส่ี ุด 1 ผูเ้ รยี นมสี ว่ นร่วมในกำรกำหนดเกณฑก์ ำรวดั และประเมินผล 2 ประเมนิ ผลอยำ่ งหลำกหลำยและครบท้งั 3 ด้ำน (K.P.A) 3 ครแู ละผเู้ รยี นมสี ว่ นร่วมในกำรประเมิน เฉลี่ย เฉลีย่ รวม จำกตำรำงที่ 4 พบวำ่ ผลกำรนเิ ทศเปน็ รำยดำ้ นกำรสอนของครูกลุ่มสำระกำรเรียนรู้.............................. โรงเรียนชมุ แสงชนูทศิ ภำคเรียนที่ 1 ปีกำรศกึ ษำ 2564 ในภำพรวมอยู่ในระดับคุณภำพมำกที่สดุ ได้ค่ำคะแนน เฉลยี่ ……….ส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน ………..เมื่อพิจำรณำเป็นรำยดำ้ นอยใู่ นระดบั คุณภำพมำกทสี่ ดุ ทุกดำ้ น โดยมี คะแนนเฉลี่ยจำกมำกไปหำน้อย คือ ลำดบั ท่ี 1 ไดแ้ ก่ด้ำน........................ไดค้ ำ่ คะแนนเฉลี่ย...........สว่ นเบี่ยงเบน มำตรฐำน ........... ลำดบั ท่ี 2 ดำ้ น...........................ไดค้ ำ่ คะแนนเฉล่ยี ............ส่วนเบีย่ งเบนมำตรฐำน …………ลำดบั ท่ี 3 ดำ้ น..........................................ไดค้ ำ่ คะแนนเฉล่ยี …………. ส่วนเบย่ี งเบนมำตรฐำน …………………และดำ้ นกำร วดั และประเมนิ ผลไดค้ ำ่ คะแนนเฉลี่ย………สว่ นเบี่ยงเบนมำตรฐำน ………………. เปน็ ลำดับสุดทำ้ ย

24 แผนภูมิ 1 แสดงผลการนเิ ทศแยกเปน็ รายดา้ นของกลุ่มสาระการเรยี นรู้..................................................... โรงเรยี นชุมแสงชนทู ิศ ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 9. สรุปผลการนเิ ทศ ............................................................................................................................. .......................................... ..................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................................ ............................................................................................................................. ........................................................ .......................................................................................................................................................................... ........... ........................................................................................................................ ............................................................. ............................................................................................................................. ........................................................ ........................................................................................................................................... .......................................... ......................................................................................... ............................................................................................ ............................................................................................................................. ........................................................ ............................................................................................................................. ........................................................ ..................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................................ ............................................................................................................................. ........................................................ ....................................................................................................................................................................... .............. แผนปฏิบตั กิ ำรประจำปกี ำรศกึ ษำ 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนทู ิศ

25 เป้าหมายของการจดั การเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรียนชมุ แสงชนูทิศ 1. เปา้ หมายท่ีต้องไปให้ถงึ  ครโู รงเรยี นชมุ แสงชนูทศิ เป็นครูมืออำชีพ  ครูนำหลกั สตู รลงสหู่ อ้ งเรียนได้  ครโู รงเรียนชมุ แสงชนทู ิศ จดั กำรเรยี นรูเ้ ชงิ รกุ (Active Learning)  ครโู รงเรยี นชุมแสงชนูทศิ ประเมนิ ผลกำรเรยี นรรู้ อบดำ้ น  ครูโรงเรียนชมุ แสงชนทู ศิ มคี วำมรู้ดใี นเนอื้ หำทส่ี อน 2. ลืมอดตี ทีเ่ คยเปน็ มา  สอนตำมหนงั สือ  สอนตำมแผนสำเรจ็  เน้นครูเป็นศูนย์กลำง ครูบรรยำย เด็กทำแบบฝึกหัด 3. แนวทางการพัฒนา  ค้นหำแนวทำงกำรพฒั นำ  ปรึกษำผ้เู ชยี่ วชำญ  พบสิง่ ใช่  นำมำใช้ขบั เคลื่อน 4. ลักษณะครไู ทยในศตวรรษท่ี 21  เป็นนวัตกร (Inovator)  เป็นนกั เรยี นรู้ (Learner)  เป็นผู้นำ (Leader) 5. การจัดการเรยี นรูแ้ บบ 5 Steps กำรปฎริ ปู กำรเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21 หวงั ท่ีจะพัฒนำเด็กไทยและคนไทยใหเ้ ปน็ ผูเ้ รยี นร้ตู ลอดชีวติ อยำ่ ง มคี ุณภำพ ดังนั้นกำรจัดกำรเรียนรขู้ องครู จึงต้องมีกำรวิเครำะหห์ ลักสูตร และกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ีเน้นเดก็ เป็น ศูนยก์ ลำง ซง่ึ เปน็ ที่มำของคำว่ำ “กระบวนการเรียนรู้ 5 ข้ันตอน หรอื 5 STEPs” ซึ่งเป็นแนวกำรจัดกำรเรียนกำรสอนโดยใช้วิธกี ำรสืบสอบหรอื วธิ ีสอนแบบโครงงำน ประกอบดว้ ย “กำร ตั้งคำถำม กำรแสวงหำสำรสนเทศ กำรสร้ำงควำมรู้ กำรสือ่ สำร และกำรตอบแทนสงั คม” แผนปฏบิ ตั ิกำรประจำปกี ำรศึกษำ 2564 โรงเรยี นชุมแสงชนทู ิศ

26 ขั้นตอนที่ 1 การเรยี นรตู้ ้งั คาถาม หรอื ขนั้ ตัง้ คาถาม เปน็ ทีใ่ หน้ ักเรยี นฝกึ สังเกตสถำนกำรณ์ ปรำกฏกำรณ์ตำ่ งๆ จนเกดิ ควำมสงสัย จำกนั้นฝึกใหเ้ ดก็ ตง้ั คำถำม สำคัญ รวมทั้งกำรคำดคะเนคำตอบ ด้วยกำรสืบค้นควำมรูจ้ ำกแหลง่ ต่ำงๆ และสรปุ คำตอบช่วั ครำว ขน้ั ตอนท่ี 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ เป็นข้ันตอนกำรออกแบบ/วำงแผนเพื่อรวบรวมข้อมูล สำรสนเทศ จำกแหล่งเรียนรตู้ ่ำงๆ รวมทั้งกำร ทดลองเปน็ ข้ันทเ่ี ด็กใช้หลกั กำรนริ ภัย (Deduction reasoning) เพื่อกำรออกแบบข้อมลู ข้ันตอนท่ี 3 การเรยี นรเู้ พอื่ สร้างองคค์ วามรู้ เปน็ ขัน้ ตอนทเ่ี ดก็ มีกำรคิดวเิ ครำะห์ข้อมลู เชงิ ปรมิ ำณและเชิงคณุ ภำพ กำรสอื่ ควำมหมำยขอ้ มูลดว้ ยแบบ ตำ่ งๆ หรอื ดว้ ยผังกรำฟิก กำรแปรผล จนถึงกำรสรุปผล หรือกำรสรำ้ งคำอธิบำย เปน็ กำรสร้ำงองค์ควำมรู้ ซงึ่ เป็น แก่นควำมรู้ประเภท 1. ข้อเทจ็ จรงิ 2. คำนยิ ำม 3. มโนทัศน์ 4. หลักกำร 5. กฏ 6. ทฤษฏี ข้นั ตอนที่ 4 การเรียนรูเ้ พื่อการส่ือสาร คอื ขัน้ นำเสนอควำมรู้ดว้ ยกำรมใช้ภำษำทถี่ ูกต้อง ชัดเจน และเปน็ ทีเ่ ข้ำใจ อำจเปน็ กำรนำเสนอภำษำ และนำเสนอด้วยวำจำ ขน้ั ตอนที่ 5 การเรียนรเู้ พอื่ ตอบแทนสังคม เป็นข้นั ตอนกำรฝึกเด็กใหน้ ำควำมร้ทู เ่ี ข้ำใจ นำกำรเรยี นรูไ้ ปใช้ประโยชน์เพือ่ ส่วนรวม หรือเห็นต่อ ประโยชน์สว่ นรวมด้วยกำรทำงำนเปน็ กลุ่ม ร่วมสร้ำงผลงำนทไ่ี ด้จำกกำรแก้ปัญหำสงั คมอยำ่ งสรำ้ งสรรค์ ซ่ึงอำจ เป็นควำมรู้ แนวทำงสง่ิ ประดิษฐ์ ซึ่งอำจเปน็ นวตั กรรม ด้วยตวำมรับผดิ ชอบต่อสงั คม อันเป็นกำรแสดงออกของกำร เกอ้ื กูล และแบง่ ปันใหส้ ังคมมีสนั ติอย่ำงยั่งยืน แผนปฏบิ ัตกิ ำรประจำปกี ำรศกึ ษำ 2564 โรงเรยี นชุมแสงชนทู ศิ

27 6. บทบาทครูในกระบวนการเรียนรู้แบบ 5 Steps  ครเู ปน็ พเี่ ลี้ยง (Mentor)  ครูเป็นผู้สอนงำน (Coach)  ครูเป็นผ้ใู ห้คำปรึกษำ (Counselor) 7. กระบวนการเรียนรแู้ บบ 5 Steps เพือ่ ดูความสามรถของนักเรียน (LNR)  Literacy ควำมสำมำรถในกำรเรยี นรู้  Numeracy ควำมสำมำรถในกำรคิดคำนวณ  Reasoning ควำมสำมำรถในกำรให้เหตุผล แผนปฏิบัติกำรประจำปกี ำรศึกษำ 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนทู ศิ

การจัดการเรียนรแู้ บบ Active Learning 28 Active Learning คอื กระบวนกำรจดั กำรเรียนรู้ทีผ่ เู้ รียนได้ลงมอื กระทำ และได้ใช้กระบวนกำรคดิ เก่ยี วกบั สง่ิ ที่เขำได้กระทำลงไป เป็นกำรจัดกจิ กรรมเรยี นรู้ภำยใตส้ มมติฐำน 2 ประกำร คอื 1. กำรเรยี นรู้เปน็ ควำมพยำยำมโดยธรรมชำติของมนุษย์ 2. แต่ละคนมีแนวทำงในกำรเรียนรู้ทแี่ ตกต่ำงกนั ควำมรู้ทไี่ ด้เกิดจำกกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ที่ผเู้ รียนต้องไดม้ ีโอกำสลงมือกระทำมำกกว่ำกำรฟังเพยี ง อย่ำงเดยี ว เกดิ กำรเรียนรู้จำกกำรอำ่ น กำรเขยี น กำรโต้ตอบ และกำรวิเครำะห์ปัญหำ อีกทั้งให้ผูเ้ รยี นได้ใช้ กระบวนกำรคดิ ขัน้ สูง ได้แก่ กำรวเิ ครำะห์ กำรสังเครำะห์ และกำรประเมินค่ำ จำกรูปจะเหน็ ได้วำ่ กรวยแห่งกำรเรยี นรู้นไี้ ด้แบง่ เป็น 2 กระบวนกำร คือ 1. กระบวนการเรียนรู้ Passive Learning • กระบวนกำรเรยี นรโู้ ดยกำรอำ่ นท่องจำผเู้ รยี นจะจำได้ในส่ิงที่เรียนได้เพียง 10% • กำรเรียนรโู้ ดยกำรฟังบรรยำยเพียงอย่ำงเดยี ว โดยท่ีผู้เรียนไม่มโี อกำสได้มสี ว่ นรว่ มในกำรเรียนรูด้ ว้ ย กิจกรรมอ่ืนในขณะที่อำจำรย์สอนเมอ่ื เวลำผำ่ นไปผเู้ รียนจะจำไดเ้ พียง 20% • หำกในกำรเรยี นกำรสอนผู้เรยี นมโี อกำสไดเ้ ห็นภำพประกอบด้วยก็จะทำให้ผลกำรเรียนรูค้ งอยู่ได้เพ่ิมข้นึ เปน็ 30% • กระบวนกำรเรยี นรู้ท่ผี ้สู อนจดั ประสบกำรณใ์ หก้ ับผู้เรียนเพิ่มข้นึ เช่น กำรให้ดภู ำพยนตร์ กำรสำธิต จดั นทิ รรศกำรใหผ้ เู้ รียนได้ดู รวมท้งั กำรนำผู้เรยี นไปทัศนศกึ ษำ หรือดูงำน ก็ทำให้ผลกำรเรียนรู้เพ่ิมขน้ึ เป็น 50% แผนปฏบิ ตั ิกำรประจำปีกำรศึกษำ 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนทู ศิ

29 2. กระบวนการเรียนรู้ Active Learning • กำรใหผ้ ู้เรียนมบี ทบำทในกำรแสวงหำควำมรู้และเรยี นรู้อย่ำงมีปฏิสมั พนั ธ์จนเกดิ ควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ นำไปประยุกตใ์ ชส้ ำมำรถวเิ ครำะห์ สังเครำะห์ ประเมนิ คำ่ หรอื สรำ้ งสรรค์ส่งิ ตำ่ งๆ และพัฒนำตนเองเต็ม ควำมสำมำรถ รวมถึงกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรยี นรู้ใหเ้ ขำไดม้ โี อกำสรว่ มอภิปรำยให้มโี อกำสฝึกทกั ษะกำรส่อื สำร ทำใหผ้ ลกำรเรียนรเู้ พิ่มขึ้น 70% • กำรนำเสนองำนทำงวชิ ำกำร เรยี นรู้ในสถำนกำรณจ์ ำลอง ทัง้ มีกำรฝึกปฏบิ ตั ิในสภำพจริง มกี ำรเชือ่ มโยง กับสถำนกำรณ์ต่ำงๆ ซงึ่ จะทำใหผ้ ลกำรเรียนร้เู กิดขนึ้ ถงึ 90% ลกั ษณะของ Active Learning (อำ้ งองิ จำก : ไชยยศ เรืองสุวรรณ)  เป็นกำรเรียนกำรสอนท่ีพัฒนำศกั ยภำพทำงสมอง ได้แก่ กำรคดิ กำรแก้ปัญหำ นำควำมรู้ไปประยุกตใ์ ช้  เปน็ กำรเรียนกำรสอนท่ีเปดิ โอกำสใหผ้ ู้เรยี นมีส่วนร่วมในกำรเรียนรู้  ผู้เรียนสรำ้ งองค์ควำมรแู้ ละจัดระบบกำรเรยี นรู้ด้วยตนเอง  ผู้เรียนมสี ว่ นร่วมในกำรเรยี นกำรสอน มีกำรสร้ำงองคค์ วำมรู้ กำรสร้ำงปฎสิ ัมพนั ธร์ ่วมกัน และร่วมมอื กนั มำกกว่ำกำรแข่งขนั  ผเู้ รยี นไดเ้ รียนรู้ควำมรบั ผดิ ชอบร่วมกัน กำรมวี ินัยในกำรทำงำน และกำรแบง่ หนำ้ ที่ควำมรบั ผิดชอบ  เปน็ กระบวนกำรสร้ำงสถำนกำรณใ์ ห้ผเู้ รียนอ่ำน พดู ฟงั คิด  เปน็ กิจกรรมกำรเรียนกำรสอนเนน้ ทักษะกำรคดิ ขน้ั สงู  เป็นกจิ กรรมท่ีเปดิ โอกำสให้ผเู้ รียนบรู ณำกำรข้อมูล ข่ำวสำร สำรสนเทศ และหลักกำรสู่กำรสรำ้ งควำมคิด รวบยอด  ผู้สอนจะเป็นผู้อำนวยควำมสะดวกในกำรจัดกำรเรียนรู้ เพ่ือใหผ้ ู้เรียนเปน็ ผปู้ ฏิบตั ิดว้ ยตนเอง  ควำมรู้เกิดจำกประสบกำรณ์ กำรสร้ำงองค์ควำมรู้ และกำรสรปุ ทบทวนของผูเ้ รยี น บทบาทของครู กับ Active Learning ณัชนนั แก้วชยั เจริญกจิ (2550) ไดก้ ลำ่ วถงึ บทบำทของครูผูส้ อนในกำร จัดกจิ กรรมกำรเรยี นรตู้ ำมแนวทำงของ Active Learning ดงั นี้  จัดใหผ้ ู้เรียนเป็นศูนย์กลำงของกำรเรยี นกำรสอน กิจกรรมต้องสะท้อนควำมต้องกำรในกำรพฒั นำผ้เู รียน และเนน้ กำรนำไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ จรงิ ของผ้เู รียน  สรำ้ งบรรยำกำศของกำรมสี ่วนร่วม และกำรเจรจำโตต้ อบท่ีส่งเสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี นมีปฏิสมั พันธ์ทดี่ ีกบั ผ้สู อนและ เพอ่ื นในชัน้ เรียน  จดั กจิ กรรมกำรเรยี นกำรสอนให้เป็นพลวตั สง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี นมสี ่วนร่วมในทุกกจิ กรรมรวมท้ังกระตุ้นให้ ผู้เรียนประสบควำมสำเร็จในกำรเรียนรู้  จดั สภำพกำรเรียนรแู้ บบร่วมมอื ส่งเสรมิ ให้เกิดกำรร่วมมือในกล่มุ ผู้เรยี น  จัดกจิ กรรมกำรเรียนกำรสอนใหท้ ้ำทำย และใหโ้ อกำสผเู้ รยี นได้รบั วธิ กี ำรสอนทห่ี ลำกหลำย  วำงแผนเกี่ยวกับเวลำในจดั กำรเรยี นกำรสอนอยำ่ งชัดเจน ทั้งในส่วนของเน้ือหำ และกิจกรรม  ครผู สู้ อนต้องใจกว้ำง ยอมรบั ในควำมสำมำรถในกำรแสดงออก และควำมคิดของผู้เรยี น แหลง่ ข้อมลู https://www.aksorn.com/active-learning/ สบื ค้นวันท่ี 9 มิถุนำยน 2562 แผนปฏบิ ัติกำรประจำปีกำรศึกษำ 2564 โรงเรยี นชุมแสงชนูทศิ

30 การช้ีแนะและการเปน็ พ่เี ล้ียง (Coaching and Mentoring) กำรช้ีแนะและกำรเปน็ พเี่ ลย้ี ง คอื วิธีกำรพฒั นำครูให้มีควำมรู้ ทกั ษะ และควำมสำมำรถรวมท้งั เจตคติท่ดี ี ตอ่ กำรปฏบิ ัติงำน โดยกำรมอบหมำยใหค้ รูที่มคี วำมรแู้ ละประสบกำรณ์สูง ทำหนำ้ ท่ีสอนงำน ชว่ ยเหลือ ให้ คำปรกึ ษำ แนะนำ เสนอแนวทำงกำรแกไ้ ขปัญหำและกำรพัฒนำงำนโดยเฉพำะงำนสอนให้แก่ครูทม่ี ีควำมรู้และ ประสบกำรณน์ ้อยกว่ำ เพ่อื ให้เกิดกำรเรียนรแู้ ละพฒั นำศักยภำพของตนเองอย่ำงตอ่ เน่ือง กำรชแ้ี นะและกำรเปน็ พีเ่ ล้ยี งมคี วำมหมำยที่คล้ำยคลงึ กนั โดยในบริบทของกำรจัดกำรศึกษำของไทย บทบำทของผ้ชู ีแ้ นะ (Coacher) และพเี่ ล้ยี ง (Mentor) ไม่ไดแ้ ยกกนั อย่ำงชดั เจน กำรช้แี นะ เป็นกำรชี้แนะทำงกำรศึกษำทด่ี ำเนินกำรโดยครผู ทู้ ำหนำ้ ทชี่ ้ีแนะจะให้ควำมชว่ ยเหลอื แกค่ รูผู้รบั กำรชี้แนะให้สำมำรถจดั ระบบควำมคดิ ทบทวนกำรทำงำน และหำแนวทำงกำรพฒั นำงำนและแก้ปัญหำกำรทำงำน ของตนเองด้วยตนเอง มีกำรช้แี นะท้ังรำยบคุ คลหรือกลมุ่ ย่อย กำรช้ีแนะจะมงุ่ สู่ “กำรบรรลจุ ุดหมำย” จงึ เริ่มต้นท่ี งำนท่ีต้องกำรพัฒนำ เพ่ือมุ่งเน้นกำรพฒั นำควำมรู้ควำมสำมำรถและทกั ษะเฉพำะดำ้ น ซ่ึงใช้ระยะเวลำส้ัน สำหรบั กำรเปน็ พี่เล้ียง คือกำรดำเนนิ กำรโดยครทู ี่มปี ระสบกำรณ์ในบทบำทของผูใ้ ห้คำแนะนำ และเป็นที่ ปรกึ ษำผมู้ ำกดว้ ยประสบกำรณ์ โดยจะเปน็ ผชู้ แี้ นะและชว่ ยเหลอื ครทู ่มี ีประสบกำรณ์น้อยกวำ่ โดยใช้กำรสอน ช้ีแนะ และให้คำปรกึ ษำ กำรเป็นพีเ่ ลี้ยงเนน้ “กำรเตบิ โตจำกภำยใน” ของครู จงึ มุ่งพัฒนำควำมกำ้ วหน้ำในวิชำชพี ผ่ำนวธิ ีกำรท่ีไมม่ ีรปู แบบเป็นทำงกำรทส่ี อดคล้องกับบรบิ ทกำรปฏิบัติงำนประจำ มุ่งเนน้ พัฒนำกำรเรียนรู้ วธิ กี ำร คดิ กำรแก้ปัญหำ และกำรตดั สินใจ ซ่งึ ต้องใช้ระยะเวลำทีย่ ำวนำน แนวทำงกำรประยุกต์ใช้กำรชี้แนะและกำรเป็นพี่เลย้ี งเพ่อื พัฒนำกำรสอนของครู เปน็ ควำมผสมผสำนเพอื่ เสรมิ จุดเดน่ และเติมส่วนทบ่ี กพร่องในกำรสอนของครู ดงั นี้ เริม่ ตน้ จำกกำรรวมกลุ่มครู โดยจะรวมกลุ่มสองคนแบบ หนึง่ ต่อหนง่ึ หรอื กลุม่ เล็ก ระดับช้ันเดียวกนั หรือข้ำมระดับ กลุม่ สำระเดียวกนั หรือข้ำมกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ตำมแต่ ควำมสมคั รใจและควำมสัมพันธ์อันดขี องกลุ่มครูนั้น แล้วทำกำรตั้งเป้ำหมำย โดยครจู ะร่วมกันตัง้ เปำ้ หมำยหลักเพื่อ พฒั นำกำรสอนรำยบคุ คล ผ่ำนกำรเลำ่ แลกเปลย่ี นและสะท้อนถึงประสบกำรณ์และเทคนิควธิ กี ำรสอนทีด่ แี ละท่ี ประสบควำมสำเร็จ เพ่ือวำงกลยุทธก์ ำรสอนรำยบุคคลต่อไป และทำกำรพฒั นำกำรสอน โดยดำเนนิ กำรสอนตำมที่ วำงแผนไว้ แล้วใหเ้ พ่ือนครรู ว่ มกนั วเิ ครำะห์และใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั เพ่ือช่วยในกำรปรับปรุงกำรสอนต่อไป กำรช้แี นะและกำรเป็นพีเ่ ลีย้ งมีจดุ เดน่ คือ กำรดำเนินกำรชีแ้ นะและกำรเปน็ พ่ีเลย้ี งผำ่ นดว้ ยกำรให้ คำแนะนำ กำรสงั เกตกำรสอนและกำรให้ข้อมูลยอ้ นกลับอยำ่ งเปน็ กัลยำณมิตรในลกั ษณะของกำรสอนไปพร้อมกบั กำรทำงำน เสรมิ ด้วยกำรให้กำลังใจ กำรจงู ใจ กำรเสริมพลังอำนำจ ซ่งึ เป็นกระบวนที่ทช่ี ่วยกันค้นหำพลงั ในตัวครู เพ่ือกำรพัฒนำวชิ ำชีพอยำ่ งมีควำมสขุ ต่อไป แหล่งข้อมลู อำ้ งอิง ผศ.ดร.วรรตั น์ ปทุมเจริญวัฒนำ. https://www.trueplookpanya.com/blog/content/66324/-teaartedu- teaart-teaarttea- สบื ค้นวนั ท่ี 9 มิถนุ ำยน 2562 แผนปฏิบตั กิ ำรประจำปกี ำรศกึ ษำ 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนูทศิ

31 ตอนท่ี 2 ผลการดาเนินงานดา้ นการนิเทศภายในสถานศกึ ษา 2.1 การนเิ ทศภายในกลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย รายงานการนเิ ทศการจดั การเรยี นรู้กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทยภายในโรงเรยี นชมุ แสงชนูทศิ ปกี ารศึกษา 2563 1. ความเปน็ มาและความสาคญั ของปญั หา ควำมเจริญในโลกยคุ ปจั จุบนั ทเ่ี รียกว่ำ โลกำภวิ ัตน์ (Globalization) ดำ้ นกำรส่ือสำร โทรคมนำคมเปน็ ไป อยำ่ งอยำ่ งรวดเร็ว ทำให้เกิดสภำพกำรณ์ท่เี รยี กวำ่ โลกไร้พรมแดน ประเทศไทยเปน็ สมำชิกประชำคมของโลกได้รบั อิทธิพลดังกล่ำวอยำ่ งหลีกเลี่ยงไม่ได้ กำรกำ้ วเขำ้ สู่ยคุ ข้อมูลขำ่ วสำร (Information Age) ทสี่ ำมำรถสอื่ สำรกันได้ ทั่วโลกโดยผำ่ นเครื่องมือกำรส่ือสำรต่ำง ๆ ทั้งวิทยุ โทรทศั น์ โทรสำร และเครอื ข่ำยคอมพวิ เตอร์ผลของกระแสโลกำ ภวิ ัตนท์ ำใหก้ ระแสเศรษฐกจิ สงั คม วัฒนธรรม ค่ำนิยมตำ่ งชำติไดแ้ พร่ขยำยมำสูป่ ระเทศไทยด้วยวถิ ีของคนไทยจึง เปล่ยี นแปลงไปอย่ำงมำกตำมกระแสโลก ประเทศไทยต้องพยำยำมพฒั นำเทคโนโลยนี วตั กรรมใหม่ ๆ และพฒั นำ คน เพื่อรองรบั กระแสกำรเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขึ้น ดงั นัน้ คุณลักษณะของคนไทยในยุคโลกำภวิ ัตน์ จงึ ควรมีลักษณะ ดงั นี้ (กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร, 2540 : 3 – 5) 1. มีควำมสำมำรถในกำรเผชิญกบั สถำนกำรณ์ใหม่ท่ีเกิดข้ึนทกุ มมุ โลกและส่งผ่ำนมำถงึ สังคมไทย ซึ่งอำจ เป็นปรำกฏกำรณ์ทไ่ี มค่ ดิ มำก่อน 2. มคี วำมสำมำรถในกำรคิด วเิ ครำะห์ สงั เครำะห์ และประเมนิ สำรสนเทศ เพ่ือสำมำรถรบั และปรบั ใช้ ขอ้ มลู สำรสนเทศใหเ้ หมำะสมกับตวั เองและสงั คมได้ทง้ั ในปัจจบุ นั และอนำคต 3. มคี วำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ เน่ืองจำกสังคมไทยจะมีควำมสลบั ซบั ซ้อนมำกข้ึน กำรดำรงชีวติ จะเปล่ียนไป ต้องแข่งขัน ต้องแสวงหำ และเผชญิ ปญั หำในกำรดำรงชวี ติ ท่ซี ับซ้อนมำกขน้ึ 4. มีควำมสำมำรถในกำรใชแ้ ละปรับตวั กบั วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี เน่ืองจำกวิทยำศำสตรแ์ ละ เทคโนโลยมี กี ำรพฒั นำให้เจริญกำ้ วหนำ้ อยำ่ งรวดเร็ว รวมทั้งวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยีเข้ำมำเก่ียวขอ้ งสัมพนั ธก์ ับ ทกุ ขนั้ ตอนของกำรทำงำนและกำรดำรงชีวติ 5. มีควำมสำมำรถในกำรดำเนินชวี ติ แบบประชำธปิ ไตย เนอื่ งจำกสงั คมและชีวติ แบบประชำธปิ ไตยได้รับ กำรยอมรับว่ำจะชว่ ยให้มนษุ ยด์ ำรงชวี ติ อยู่ได้อย่ำงสงบสขุ ลดควำมขัดแยง้ กนั ในสงั คม มกี ำรเคำรพสทิ ธิผ้อู นื่ ยอมรับควำมคิดเหน็ ของส่วนรวมและกำรตัดสนิ ปัญหำด้วยเหตผุ ล 6. มีควำมสำมำรถในกำรพฒั นำคณุ ภำพชวี ติ ของตนเองโดยไม่เบยี ดเบยี นธรรมชำตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มเพ่ือให้ คนสำมำรถดำรงชวี ิตอยู่ในโลกนไี้ ดด้ ้วยควำมจำกัดของทรัพยำกรธรรมชำติท่ีมอี ยู่ ซงึ่ ปัจจบุ นั และในอนำคตกำร ขำดจติ สำนึกท่ีดตี ่อส่ิงแวดลอ้ มจะทวคี วำมรนุ แรงมำกขึน้ 7. มคี วำมสำมำรถเปน็ พลโลกได้ กำรท่ีโลกเปิดกว้ำงขน้ึ และมีกำรเปลี่ยนแปลงอยำ่ งรวดเร็วมำก คนไทยจงึ ตอ้ งรเู้ ทำ่ ทันกำรเปลย่ี นแปลงโลกเพือ่ ให้สำมำรถปรบั ตัวเอง ใหม้ ีโลกทศั นข์ ้ำมวัฒนธรรมและโลกทัศน์ สำกล อยกู่ ับคนอื่นในโลกไดโ้ ดยยงั คงไวซ้ ึ่งควำมเปน็ ไทย จำกท่ีกลำ่ วข้ำงต้น จงึ สรุปได้ว่ำคนไทยในยุคโลกำภิวัตนต์ ้องไดร้ ับกำรพฒั นำให้เปน็ คนท่ีรเู้ ทำ่ ทันกลำ้ เผชญิ กบั กำรเปลีย่ นแปลง มีควำมสำมำรถในกำรคิด กำรแกป้ ญั หำ ดำเนินชวี ติ แบบประชำธปิ ไตย รักธรรมชำตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม ปรับตวั ได้อยำ่ งดที ง้ั ในโลกสำกล และเอกลักษณ์ของควำมเปน็ ไทย แผนปฏิบัติกำรประจำปกี ำรศึกษำ 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนูทิศ

32 นบั ตงั้ แต่มีกำรปฏริ ูปกำรศึกษำตำมพระรำชบญั ญัติกำรศึกษำ พ.ศ.2542 โดยคำนงึ ถึงหลักทวี่ ่ำผู้เรยี น จะต้องมคี วำมสำคญั ทสี่ ดุ สำมำรถพัฒนำตนเองเต็มตำมศักยภำพ ตำมมำตรำที่ 22 โดยสถำนศึกษำ จะต้องดำเนินงำนจดั กิจกรรมใหส้ อดคล้องกับควำมสนใจ ควำมถนดั ฝกึ ทกั ษะกระบวนกำรคิดกำรเรียนรูจ้ ำก ประสบกำรณ์จริง บูรณำกำรควำมรดู้ ำ้ นต่ำง ๆ ตลอดจนส่งเสริมให้ผสู้ อนจัดกำรเรยี นทีเ่ ออื้ ต่อกำรเรียนรู้และ จัดกำรเรียนรใู้ หเ้ กิดขึ้นไดท้ กุ เวลำ ทกุ สถำนทีต่ ำมมำตรำ 24 (กระทรวงศึกษำธกิ ำร, 2546 : 11 – 12) กำรปฏิรูปกำรศึกษำให้ประสบควำมสำเรจ็ ตำมพระรำชบญั ญัตกิ ำรศกึ ษำแหง่ ชำติไดน้ ้นั จำเป็นอย่ำง ยงิ่ ที่จะต้องพฒั นำครผู ุ้สอนให้ปรับพฤติกรรม “ปรับวธิ คี ดิ เปลย่ี นวธิ สี อน” ซึ่งจะตอ้ งอำศยั ควำมร่วมมือแรงร่วมใจ จำกทุกฝ่ำยทเี่ กี่ยวข้อง กระบวนกำรท่ีมีสว่ นในกำรสนับสนนุ กำรพัฒนำคุณภำพครู และพฒั นำคณุ ภำพกำรเรยี น กำรสอนใหบ้ รรลุผลตำมท่ีตอ้ งกำร ก็คือ กระบวนกำรนิเทศกำรศึกษำ กำรนเิ ทศกำรศึกษำภำยในโรงเรียนแบบ กลั ยำณมติ ร คอยใหค้ ำปรึกษำ ช้ีแนะ และพร้อมรับฟงั ควำมคิดเหน็ ซงึ่ กันและกัน จะชว่ ยพฒั นำกำรเรียนกำรสอนของครู ได้ตรงตำมสภำพของปญั หำและควำมต้องกำรท่ีแทจ้ ริงของผเู้ รียน โดยกำร สนบั สนนุ และให้กำลังใจจำกผู้บรหิ ำรโรงเรียน หัวหนำ้ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ และเพ่ือนครู อันจะนำไปสู่กำรพฒั นำ ตนเอง พัฒนำงำน และกำรพัฒนำผ้เู รียนในท่ีสดุ โรงเรียนชุมแสงชนูทศิ อำเภอชุมแสง จงั หวดั นครสวรรค์ สำนกั งำนเขตพืน้ ที่กำรศึกษำมธั ยมศึกษำ เขต 42 สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พ้ืนฐำน กระทรวงศึกษำธิกำร เปน็ โรงเรยี นขนำดใหญ่ จดั กำรศกึ ษำเป็น 2 หลกั สูตร กล่ำวคือ 1) หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษำ ปีที่ 1 – ช้ันมธั ยมศึกษำปีที่ 6 และ 2) หลกั สตู รประกำศนียบัตรวชิ ำชพี (ปวช.) ของสำนักงำนคณะกรรมกำร อำชีวศึกษำ ปีกำรศึกษำ 2563 มีครูผสู้ อน จำนวน 1๑๔ คน กำรจดั กำรศึกษำของโรงเรียนไดย้ ึดตำม แนวนโยบำยของสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พ้ืนฐำนเปน็ หลกั โดยเฉพำะนโยบำยปฏริ ูปกำรศกึ ษำ เพื่อให้ผู้เรียนมีควำมสำมำรถและทักษะในกำรคิดวเิ ครำะห์ ทักษะกำรใชภ้ ำษำทง้ั ภำษำไทยและต่ำงประเทศ ตลอดจนมีคุณธรรมจริยธรรม โดยครคู อื หัวใจสำคัญของกำรจดั กำรเรียนกำรสอน โรงเรยี นไดจ้ ัดทำกรอบแนวคิด กำรดำเนนิ งำนของโรงเรยี นสู่มำตรฐำนสำกล มีกำรวำงแผนพฒั นำงำน พฒั นำบคุ ลำกรใหม้ คี ณุ ภำพ มี ประสทิ ธิภำพสำมำรถจดั กำรเรยี นกำรสอนโดยเน้นผ้เู รียนเป็นสำคญั เพื่อให้นกั เรยี น เป็นคนดี คนเกง่ และมี ควำมสุข มกี ำรนเิ ทศ กำกบั ตดิ ตำม ประเมินผล อย่ำงต่อเน่ือง เพ่ือให้กำรพฒั นำกำรจดั กำรเรียนกำรสอนเปน็ ไป อยำ่ งมปี ระสิทธิภำพ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทยโรงเรยี นชมุ แสงชนทู ศิ จึงได้กำหนดให้มกี ำรนเิ ทศภำยในอย่ำง เป็นระบบ และเพอ่ื นำผลกำรประเมนิ ไปปรับปรงุ และพัฒนำหรือแก้ปัญหำตำ่ ง ๆ อย่ำงเป็นรูปธรรม ที่จะสง่ ผลตอ่ กำรพัฒนำครใู หเ้ ป็นครูมืออำชพี ซง่ึ จะสำมำรถพัฒนำคณุ ภำพกำรเรียนกำรสอนท่ีเน้นผเู้ รยี นเปน็ สำคญั ทำให้ นกั เรียนมีผลสมั ฤทธิ์ทำงกำรเรยี นท่ีสูงขนึ้ ตำมเป้ำหมำยทีโ่ รงเรยี นกำหนดไว้ ให้นักเรียนมีควำมร้คู วำมสำมำรถตำม หลักสตู รและส่งผลให้นักเรยี นมีพฤติกรรมท่ีพึงประสงค์ของโรงเรยี น 2. วตั ถุประสงค์ 2.1 เพอื่ ประเมินผลกำรนิเทศภำยในโรงเรียนแบบมสี ว่ นร่วมของครกู ลุม่ สำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย 2.2 เพ่อื ปรบั ปรงุ และพัฒนำผลกำรนเิ ทศภำยในโรงเรียนแบบมสี ว่ นร่วมของโรงเรียน 2.3 เพ่อื พฒั นำผลสมั ฤทธท์ิ ำงกำรเรียนของทุกกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ให้สูงข้นึ แผนปฏิบัตกิ ำรประจำปกี ำรศึกษำ 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนูทศิ

33 3. ผรู้ บั ผดิ ชอบและผู้มีสว่ นร่วม ผทู้ ีด่ ำเนินกำรในกำรนิเทศกำรสอนคร้ังนี้ ประกอบดว้ ยผู้บรหิ ำร และครผู ู้สอนทุกกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ ภำษำไทยของโรงเรียนชุมแสงชนูทศิ ภำคเรยี นท่ี ๒ ปกี ำรศกึ ษำ 2563 จำนวน 1๐ คน โดยจำแนกเป็นครู ชำยจำนวน ๒ คน และครูหญงิ จำนวน ๘ คน 4. ระยะเวลาในการดาเนนิ การ ภำคเรียนที่ ๒ ปีกำรศึกษำ 2563 (วันท่ี 1 ธันวำคม ๒๕๖๓ ถงึ วันที่ 1๒ เมษำยน 2563) 5. นิยามศัพท์เฉพาะ 5.1 โครงกำรกำรนิเทศภำยในกลุ่มสำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทยโรงเรียนชมุ แสงชนทู ิศ หมำยถึง กจิ กรรมกำร จดั โครงกำรทผี่ ูร้ ำยงำนได้จัดทำขึ้นและกำหนดแนวทำงในกำรดำเนนิ กิจกรรมร่วมกับครูและคณะกรรมกำรนเิ ทศ โรงเรยี น โดยมีกำรรว่ มปรกึ ษำหำรือแบบกัลยำณมติ ร ดูแลชว่ ยเหลือกนั ในกำรพฒั นำประสิทธภิ ำพกำรจัดกำร เรียนกำรสอนใหบ้ รรลุผลสำเรจ็ อันจะนำซงึ่ ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนที่สูงข้ึนของนักเรียน 5.2 ผูบ้ รหิ ำร หมำยถงึ ผู้อำนวยกำรและรองผู้อำนวยกำรโรงเรยี นชุมแสงชนทู ิศ ภำคเรยี นท่ี ๒ ปี กำรศึกษำ 2563 5.3 ครู หมำยถึง ครผู ้สู อนกลุ่มสำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทยของโรงเรียนชมุ แสงชนูทศิ ภำคเรียนท่ี ๒ ปี กำรศกึ ษำ 2563 จำนวน ๑๐ คน 5.4 นกั เรียน หมำยถงึ นักเรียนโรงเรยี นชมุ แสงชนูทิศ ภำคเรียนที่ ๒ ปีกำรศึกษำ 2563 5.5 คณะกรรมกำรนเิ ทศ หมำยถงึ คณะครูกลมุ่ สำระกำรเรียนร้ภู ำษำไทยโรงเรยี นชมุ แสงชนูทศิ ทไ่ี ดร้ ับกำรแตง่ ต้ังเปน็ คณะกรรมกำรนิเทศ ตำมคำสั่งโรงเรียนชมุ แสงชนทู ิศ มีหนำ้ ที่เป็นผู้นเิ ทศ ได้แก่ ผู้อำนวยกำรโรงเรยี น รองผูอ้ ำนวยกำรโรงเรยี น หวั หน้ำกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ 5.6 ผู้นิเทศ หมำยถึง คณะกรรมกำรนเิ ทศโรงเรยี นชมุ แสงชนูทศิ ภำคเรยี นท่ี 2 ปีกำรศึกษำ 2563 มีหน้ำที่นเิ ทศกำรจดั กำรเรยี นรู้ของครใู นทุกกลุม่ สำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทยของโรงเรยี นชมุ แสง ชนูทิศทเ่ี ปน็ คณะกรรมกำรนเิ ทศ 5.7 ผรู้ ับกำรนเิ ทศ หมำยถึง ครผู สู้ อนทกุ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทยของโรงเรยี นชุมแสง ชนทู ศิ ภำคเรียนท่ี ๒ ปีกำรศึกษำ 2563 6. ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะไดร้ ับ 6.1 เพ่อื เปน็ ข้อมลู สำรสนเทศและแนวทำงสำหรับผู้รำยงำน เพื่อใช้ในกำรวำงแผน พฒั นำและปรับปรุง กำรนิเทศภำยในกลมุ่ สำระกำรเรยี นร้ภู ำษำไทยและของโรงเรียนใหเ้ หมำะสมและมีประสิทธภิ ำพย่งิ ขน้ึ 6.2 เปน็ ขอ้ มลู และสำรสนเทศสำหรบั ครูทกุ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทยของโรงเรยี นชุมแสง ชนทู ศิ โดยเฉพำะผู้บริหำรและคณะกรรมกำรนิเทศ เพ่ือเป็นขอ้ มลู และแนวทำงในกำรพัฒนำกำรนิเทศภำยใน โรงเรยี นใหม้ ปี ระสทิ ธภิ ำพย่ิงข้ึน แผนปฏบิ ัติกำรประจำปีกำรศกึ ษำ 2564 โรงเรยี นชุมแสงชนทู ิศ

34 7. วธิ ีดาเนนิ การ กำรรำยงำนผลกำรนเิ ทศกำรสอนครงั้ น้ี ได้ดำเนนิ กำรตำมข้ันตอนดงั น้ี 7.1 ข้นั กำรวำงแผนกำรดำเนินกำร 7.2 ขั้นดำเนนิ กำร 7.3 ขัน้ รวบรวม และรำยงำนผลกำรดำเนนิ กำร 7.4 สถติ ทิ ใี่ ช้ในกำรรำยงำนผล 7.1 ขั้นกำรวำงแผนกำรดำเนนิ กำร กำรนิเทศกำรจดั กำรเรยี นรู้ของกลุม่ สำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ภำคเรียนท่ี ๒ ปกี ำรศกึ ษำ 2563 โรงเรยี นชมุ แสงชนูทศิ มขี ัน้ ตอนกำรวำงแผนดำเนนิ กำร ดังตำรำงที่ 1 ดงั น้ี ตำรำงท่ี 1 : แสดงขน้ั ตอนกำรวำงแผนดำเนินกำร รายการ / กิจกรรม ระยะเวลา ผรู้ บั ผดิ ชอบ ขัน้ เตรียมการ เดือนกรกฎาคม 256๓ ธนั วำคม 2563 กลุม่ บรหิ ำรวิชำกำร ธันวำคม 2563 หวั หนำ้ กลมุ่ สำระฯ 1. ประชมุ คณะทำงำนกลุ่มบริหำรวชิ ำกำร 2. จดั เตรียมเอกสำรประกอบกำรนิเทศ 3. กำหนดปฏทิ ินกำรนิเทศ ภำคเรยี นท่ี 2 /2563 4. ประชแี้ จงหัวหน้ำกลุ่มสำระฯ และคณะกรรมกำร 7.2 ขั้นกำรดำเนินกำร 7.2.1 วิธดี ำเนินกำรนิเทศกำรจัดกำรเรียนรู้ของครูกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ดำเนินกำรโดย คณะกรรมกำรนิเทศท่ีได้รับกำรแต่งตั้งจำกแตล่ ะกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ โดยเข้ำนิเทศ กำกับ และให้คำแนะนำใน กระบวนกำรจัดกำรเรียนกำรสอนของครูในกลุ่มสำระฯ โดยเป็นกำรนิเทศแบบกัลยำณมิตร ผูน้ เิ ทศและผู้รับกำรนเิ ทศ ต่ำงเป็นกัลยำณมิตรท่ดี ีต่อกัน มีกำรรับฟังควำมคิดเห็นซ่ึงกันและกนั เพื่อพัฒนำงำนและพัฒนำกำรจัดกำรเรียนกำร สอนให้ดขี ้ึน 7.2.2. กำรให้คะแนน ผู้นิเทศจะให้คะแนนผรู้ บั กำรนิเทศต้ังแต่ 1 – 5 ตำมระดับกำรปฏิบัตติ ำม ควำมเป็นจรงิ เกณฑ์กำรให้คะแนนกำรนเิ ทศกำรเรียนกำรสอน แลว้ หำค่ำเฉล่ยี เพื่อเปรียบเทียบกบั เกณฑ์จำก มำตรำส่วนประมำณคำ่ (Rating Scale) 5 ระดับ ดังน้ี คะแนนเฉลีย่ ควำมหมำย 4.51 - 5.00 เหมำะสมมำกท่สี ุด 3.51 - 4.50 เหมำะสมมำก 2.51 - 3.50 เหมำะสมปำนกลำง 1.51 - 2.50 เหมำะสมน้อย 1.00 - 1.50 เหมำะสมน้อยทสี่ ุด แผนปฏบิ ตั กิ ำรประจำปกี ำรศึกษำ 2564 โรงเรยี นชุมแสงชนูทศิ

35 7.3 ข้นั รวบรวมและรำยงำนผลกำรดำเนนิ กำร 7.3.1 รวบรวมผลกำรนิเทศกำรจัดกำรเรยี นร้จู ำกคณะกรรมกำรนิเทศ 7.3.2 นำผลกำรนิเทศมำวเิ ครำะห์ และรำยงำนผลทำเป็นรูปเล่มเพือ่ เปน็ ข้อมูลสำรสนเทศ ของ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทยของโรงเรียนชมุ แสงชนทู ิศ 7.4 สถิติท่ใี ชใ้ นกำรรำยงำนผล 7.4.1 คำ่ เฉล่ยี )Arithmetic Mean) คำนวณจำกสตู รดังนี้ เม่ือ แทน คำ่ เฉลย่ี แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมดในกลุ่ม แทน จำนวนสมำชิกท้ังหมดในกลมุ่ 7.4.2 ค่ำสว่ นเบย่ี งเบนมำตรฐำน )Standard Deviationคำนวณจำกสตู รดังนี้ ( เม่อื แทน ส่วนเบยี่ งเบนมำตรฐำน แทน คะแนนแต่ละตวั แทน จำนวนสมำชิกในกล่มุ น้ัน 8. ผลการดาเนินงาน ในกำรนิเทศกำรจัดกำรเรยี นรู้ของครกู ลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทยของโรงเรียนชุมแสงชนทู ิศ ภำคเรียนท่ี 2 ปีกำรศึกษำ 2563 สำมำรถรำยงำนผลกำรนเิ ทศตำมลำดับดงั น้ี 8.1 รำยงำนผลกำรนิเทศเป็นรำยบคุ คล 8.2 รำยงำนผลกำรนเิ ทศเปน็ รำยด้ำน 8.3 ลำดับช้นั ในกำรรำยงำนผลกำรนเิ ทศ แผนปฏบิ ัติกำรประจำปกี ำรศกึ ษำ 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนทู ิศ

36 8.1 รายงานผลการนเิ ทศเปน็ รายบคุ คล จำกกำรดำเนินกำรนเิ ทศกำรจดั กำรเรียนรู้ของครูกล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทยโรงเรียนชมุ แสงชนู ทศิ ภำคเรียนที่ ๒ ปีกำรศึกษำ 2563 โดยคณะกรรมกำรดำเนนิ งำนได้ให้คะแนนตำมลำดับท่ีมีกำรปฏิบัติ แล้วนำ คะแนนมำหำคำ่ เฉลยี่ และส่วนเบย่ี งเบนมำตรฐำน ผลกำรนเิ ทศเป็นรำยบุคคล ปรำกฏผลดงั ตำรำง 2 ดงั น้ี ตำรำงท่ี 2 : ตำรำงแสดงคะแนนเฉลย่ี ของกำรนเิ ทศกำรสอนเป็นรำยบคุ คลของครูกลุ่มสำระกำรเรยี น ภำษำไทยภำคเรียนที่ ๒ ปกี ำรศึกษำ 2563 คะแนนเฉลี่ยรำยด้ำน ลำดบั ชื่อ-สกุล ด้านการเตรียมการสอน เฉลย่ี S.D. ระดับคุณภาพ ท่ี ด้านความสามารถใน การ ัจดการเรียนการสอน การส ้รางบรรยากาศ ในการเรียนการสอน ความสามารถ ในการใ ้ช ่ืสอการสอน 1. นำงฉวีวรรณ ผิวผ่อง ๕.๐๐ ๔.๘๓ ๕.๐๐ ๕.๐๐ 4.97 ๐.06 เหมำะสมมำกทีส่ ดุ 2. นำยวนั ชยั แยม้ จนั ทร์ฉำย 4.89 4.86 4.50 4.67 4.73 ๐.18 เหมำะสมมำกที่สดุ ๓. นำยธีรชัย อน้ อำรี 5.00 4.75 5.00 5.00 4.94 ๐.๑3 เหมำะสมมำกที่สดุ ๔. นำงอัญชลี สงทอง 4.78 4.92 5.00 4.78 4.87 ๐.๑1 เหมำะสมมำกที่สดุ ๕. วำ่ ที่ร.ต.หญิงวำรุณี บญุ ชู 5.00 4.89 5.00 5.00 4.97 ๐.06 เหมำะสมมำกทส่ี ดุ ๖. นำงนฤมล นพเก้ำ 5.00 4.89 5.00 5.00 4.97 ๐.06 เหมำะสมมำกทส่ี ุด ๗. นำงสำวทิพวรรณ อยู่พมุ่ 5.00 4.86 5.00 5.00 4.97 ๐.07 เหมำะสมมำกทส่ี ุด ๘. นำงสำวชลดำ ยอดอ่วม 5.00 4.89 5.00 5.00 4.97 ๐.06 เหมำะสมมำกทส่ี ุด ๙. นำงสำวประนอม ลำภำ 4.67 4.75 5.00 5.00 4.85 ๐.๑7 เหมำะสมมำกทส่ี ุด ๑๐. นำงสำววชิรำภรณ์ รงั คเสนี 4.78 4.72 5.00 4.67 4.79 ๐.๑5 เหมำะสมมำกท่ีสุด เฉล่ยี ๔.9๓ ๔.84 ๔.95 ๔.91 ๔.9๓ S.D. ๐.๑3 ๐.๐7 ๐.๑6 ๐.15 ๐.๐๗ จำกตำรำงท่ี 2 พบวำ่ ผลกำรนิเทศกำรสอนของครเู ป็นรำยบคุ คล ของกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย โรงเรยี นชุมแสงชนทู ศิ ภำคเรยี นที่ ๒ ปีกำรศกึ ษำ 256๓ ในภำพรวมอยใู่ นระดบั เหมาะสมมากทสี่ ดุ ได้ค่ำ คะแนนเฉลย่ี ๔.9๓ ส่วนเบีย่ งเบนมำตรฐำน ๐.๐๗ เมื่อพจิ ำรณำภำพรวมกลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทยมีผลกำร นิเทศอยู่ในระดับคุณภำพมำกถงึ ๔.9๓ ได้คำ่ คะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ ๔.๗๗ ถงึ ๔.๙๒ แผนปฏบิ ตั กิ ำรประจำปกี ำรศึกษำ 2564 โรงเรยี นชุมแสงชนูทศิ

37 2. รายงานผลการนเิ ทศแยกเปน็ รายดา้ น จำกกำรดำเนนิ กำรนิเทศกำรจดั กำรเรยี นรู้ของครูกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทยของโรงเรียนชุมแสงชนู ทิศ ภำคเรยี นที่ ๒ ปกี ำรศึกษำ 2563 โดยคณะกรรมกำรดำเนินงำนได้ใหค้ ะแนนตำมลำดบั ท่ีมีกำรปฏิบตั ิ แลว้ นำ คะแนนมำหำค่ำเฉลย่ี และส่วนเบย่ี งเบนมำตรฐำน ผลกำรนิเทศเปน็ รำยด้ำนของกำรนเิ ทศ ปรำกฏผลดงั ตำรำงท่ี 3 ดังนี้ ตำรำงที่ 3 : แสดงผลคะแนนเฉล่ยี ของกำรนิเทศกำรสอนเปน็ รำยดำ้ น ข้อที่ รายการนเิ ทศ ค่าเฉลี่ย S.D. ระดับคณุ ภาพ ด้านการเตรยี มการสอน 5.00 0.00 เหมำะสมมำกทีส่ ดุ 4.00 ๐.36 เหมำะสมมำก 1 กำรจัดหน่วยกำรเรียนรู้ไดส้ อดคลอ้ งกับผลกำรเรยี นรทู้ ี่คำดหวงั / ๔.๙7 ๐.11 จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ ๔.66 ๐.13 เหมำะสมมำกทส่ี ดุ 2 กำหนดเกณฑ์กำรประเมินครอบคลมุ ทงั้ 3 ดำ้ น (K.P.A) 5.00 ๐.00 เหมาะสมมากทสี่ ดุ ๔.47 ๐.32 3 เตรยี มวสั ดอุ ุปกรณ์ สือ่ นวัตกรรม กจิ กรรมตำมแผนกำรจดั กำร 4.83 ๐.36 เหมำะสมมำกที่สดุ เรียนรู้-ก่อนเข้ำสอน ๔.9๓ ๐.14 เหมำะสมมำก ๔.๗7 ๐.1๖ เฉล่ยี ๔.97 ๐.๑1 เหมำะสมมำกทส่ี ดุ ๔.5๐ ๐.39 เหมำะสมมำกทส่ี ุด ด้านการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๔.90 0.16 เหมำะสมมำกทส่ี ุด 4.93 ๐.๒1 1 มวี ธิ ีกำรนำเข้ำสู่บทเรียนทนี่ ำ่ สนใจ 5.00 ๐.00 เหมำะสมมำกทส่ี ุด 5.00 ๐.00 เหมำะสมมำก 2 มกี ิจกรรมท่ีหลำกหลำย เพ่ือช่วยใหผ้ ้เู รยี นเกิดกำรเรยี นรู้ ควำม 5.00 ๐.00 เขำ้ ใจ ๔.84 ๐.07 เหมำะสมมำกทส่ี ุด เหมำะสมมำกทส่ี ุด 3 จดั กจิ กรรมทีส่ ง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี นค้นควำ้ เพื่อหำคำตอบดว้ ยตนเอง เหมำะสมมำกท่สี ุด เหมำะสมมำกที่สดุ 4 นักเรยี นมีส่วนมีส่วนรว่ มในกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ เหมำะสมมำกทส่ี ุด เหมาะสมมากที่สุด 5 จกั กิจกรรมที่เนน้ กระบวนกำรคดิ (คิดวเิ ครำะห์ คดิ สงั เครำะห์ คิด สรำ้ งสรรค)์ 6 กระตุ้นใหผ้ ู้เรยี นแสดงควำมคิดเหน็ อย่ำงเสรี 7 จัดกจิ กรรมกำรเรยี นรทู้ เ่ี ช่ือมโยงกบั ชวี ิตจริงโดยนำภูมปิ ัญญำ บรู ณำกำรเขำ้ มำมีส่วนร่วม 8 จัดกจิ กรรมโดยสอดแทรกคณุ ธรรม จรยิ ธรรม 9 มกี ำรเสรมิ แรงเมือ่ นักเรียนปฏบิ ตั หิ รอื ตอบถกู ต้อง 10 มอบหมำยงำนให้เหมำะสมตำมศักยภำพของผเู้ รียน 11 เอำใจใส่ดูแลผเู้ รยี นอย่ำงทัว่ ถึง 12 ใชเ้ วลำสอนเหมำะสมกบั เวลำที่กำหนด เฉล่ีย แผนปฏิบัตกิ ำรประจำปีกำรศึกษำ 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนูทิศ

38 ตำรำงที่ 3 : แสดงผลคะแนนเฉลี่ยของกำรนเิ ทศกำรสอนเปน็ รำยด้ำน (ตอ่ ) ข้อที่ รายการนเิ ทศ คา่ เฉล่ีย S.D. ระดับคณุ ภาพ ด้านสอื่ นวัตกรรมการเรยี นรู้ และอปุ กรณก์ ารสอน 5.00 ๐.00 เหมำะสมมำกทสี่ ดุ ๔.90 ๐.3๒ เหมำะสมมำกที่สดุ 1 ใชส้ ่ือทีเ่ หมำะสมกบั กิจกรรมและศักยภำพของผู้เรียน ๔.๙5 ๐.16 เหมาะสมมากที่สดุ 2 ใช้สอ่ื แหลง่ กำรเรียนรู้อย่ำงหลำกหลำย (บุคคล สถำนที่ วตั ถุ เอกสำร) ๔.87 ๐.32 เหมำะสมมำกที่สุด ๔.93 ๐.๒๑ เหมำะสมมำกทีส่ ดุ เฉลยี่ 5.00 ๐.00 เหมำะสมมำกทส่ี ุด 4.91 0.15 เหมำะสมมำกทส่ี ดุ ด้านการวัดและประเมนิ ผล ๔.๘5 ๐.26 เหมาะสมมากที่สดุ 1 ผเู้ รยี นมสี ว่ นร่วมในกำรกำหนดเกณฑ์กำรวัดและประเมินผล 2 ประเมินผลอย่ำงหลำกหลำยและครบทง้ั 3 ดำ้ น (K.P.A) 3 ครแู ละผู้เรียนมีสว่ นรว่ มในกำรประเมนิ เฉล่ยี เฉล่ียรวม จำกตำรำงที่ 3 พบวำ่ ผลกำรนเิ ทศเป็นรำยดำ้ นกำรสอนของครกู ลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทยของ โรงเรียนชุมแสงชนูทิศ ภำคเรยี นที่ ๒ ปีกำรศกึ ษำ 2563 ในภำพรวมอยใู่ นระดับคุณภำพ เหมาะสมมากทส่ี ดุ ได้ คำ่ คะแนนเฉล่ีย ๔.๘5 สว่ นเบยี่ งเบนมำตรฐำน ๐.26 เมือ่ พจิ ำรณำเปน็ รำยด้ำนอยู่ในระดับคุณภำพเหมำะสมมำก ทสี่ ุด ทกุ ด้ำนโดยเรียงลำดับจำกด้ำนที่ไดค้ ่ำคะแนนเฉล่ยี จำกมำกไปหำน้อย คือ ลำดบั ที่ 1 ได้แก่ด้ำนสื่อ นวตั กรรมกำรเรยี นรู้และอปุ กรณก์ ำรสอน ไดค้ ำ่ คะแนนเฉลี่ย ๔.95 สว่ นเบี่ยงเบนมำตรฐำน ๐.16 ลำดบั ท่ี 2 ด้ำนกำรวัดและกำรประเมนิ ผล ได้ค่ำคะแนนเฉลี่ย ๔.91 ส่วนเบย่ี งเบนมำตรฐำน ๐.15 ลำดบั ที่ 3 ดำ้ นกำรจัด กจิ กรรมกำรเรียนรู้ได้ค่ำคะแนนเฉล่ยี ๔.84 ส่วนเบีย่ งเบนมำตรฐำน ๐.07 และด้ำนกำรเตรยี มกำรสอน ได้ค่ำ คะแนนเฉลยี่ ๔.66 ส่วนเบยี่ งเบนมำตรฐำน ๐.13 ตำมลำดบั แผนปฏบิ ตั กิ ำรประจำปีกำรศกึ ษำ 2564 โรงเรยี นชุมแสงชนูทศิ

39 ภาคผนวก แผนปฏบิ ตั ิกำรประจำปีกำรศกึ ษำ 2564 โรงเรยี นชุมแสงชนูทิศ

40 รูปภาพประกอบการนิเทศการจัดการเรยี นรู้ ของครกู ลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ แผนปฏิบตั กิ ำรประจำปกี ำรศกึ ษำ 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนทู ศิ

41 นางฉววี รรณ ผิวผ่อง ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ แผนปฏบิ ตั กิ ำรประจำปกี ำรศกึ ษำ 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนทู ิศ

42 ภาพการนเิ ทศการจัดการเรยี นรู้ ภาคเรยี นที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ การจัดการเรยี นรู้คณุ ครูฉวีวรรณ ผวิ ผ่อง แผนปฏบิ ัตกิ ำรประจำปกี ำรศึกษำ 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนทู ศิ

43 คณะกรรมการนิเทศการจดั การเรียนรู้คุณครฉู วีวรรณ ผวิ ผอ่ ง แผนปฏบิ ตั กิ ำรประจำปกี ำรศกึ ษำ 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนทู ศิ

44 นายวันชยั แย้มจนั ทร์ฉาย ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ แผนปฏบิ ตั ิกำรประจำปกี ำรศึกษำ 2564 โรงเรยี นชุมแสงชนทู ศิ

45 ภาพการนิเทศการจัดการเรียนรู้ ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ การจดั การเรยี นรู้คุณครวู นั ชัย แยม้ จนั ทรฉ์ าย แผนปฏบิ ตั ิกำรประจำปีกำรศึกษำ 2564 โรงเรยี นชุมแสงชนูทศิ

46 คณะกรรมการนเิ ทศการจัดการเรยี นรคู้ ุณครูวนั ชยั แยม้ จันทร์ฉาย แผนปฏบิ ตั กิ ำรประจำปกี ำรศึกษำ 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนทู ศิ

47 นายธีรชยั อน้ อารี ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ แผนปฏิบตั กิ ำรประจำปกี ำรศึกษำ 2564 โรงเรยี นชมุ แสงชนทู ิศ