การนิเทศแบบรว่ มพฒั นา (Cooperaive Development Supervision) โรงเรยี นหวั ดงราชพรหมาภรณ์ สำนกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษานครสวรรค์ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
รปู แบบการนเิ ทศภายในของสถานศึกษาท่ปี ระสบความสำเรจ็ เป็นแบบอย่างได้ โรงเรียนหวั ดงราขพรหมาภรณ์ สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษานครสวรรค์ ************************************************ ตอนที่ 1 ขอ้ มูลท่ัวไปของสถานศึกษา โรงเรียนหวั ดงราชพรหมภรณ์ ตง้ั อยเู่ ลขท่ี 235 หมู่ 10 ตำบลหวั ดง อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวดั นครสวรรค์ 60230 สังกดั สำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์ โทรศพั ท์ 056-384038 โทรสาร 056-384038 E-mail : [email protected] Website : http://www.prommaporn.ob.tc เปดิ สอนระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 – 6 เนอ้ื ที่ 35 ไร่ มีเขตพน้ื ที่บริการ 10 หม่บู ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 10 , 11
1.1 คำขวัญ ประพฤติดี มีความรู้ ส้งู าน 1.2 ปรัชญาของโรงเรียน ปจฺจตฺตํ เวทติ พฺโพ วิญญูหิติ วิญญูชน พงึ รู้ เฉพาะตน 1.3 ตราสญั ลักษณโ์ รงเรียน 1.4 วสิ ัยทัศน์ (VISION) สบื สานประเพณี รูท้ นั เทคโนโลยี สง่ เสรมิ วชิ าการ สรา้ งคนดสี ู่สังคม ตามค่านยิ มของเศรษฐกิจพอเพียง 1.5 พันธกจิ (MISSION) 1. เสรมิ สรา้ งนกั เรยี นใหม้ ีคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ตามมาตรฐานการศึกษา และดำรงอยใู่ นสังคม อยา่ งปกติสขุ โดยนอ้ มนำปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน 2. ส่งเสริมพัฒนาคุณภาพวิชาการใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรฐานท่ีกำหนด 3. ส่งเสริ มกจิ กรรมวชิ าการ บูรณาการปรัชญาเศรษฐกจิ พอเดียง 4. สรา้ งเสริมการมสี ว่ นร่วมของผู้ทีเ่ กี่ยวขอ้ งในการจัดการศึกษา และเปน็ ที่ยอมรับของชมุ ชน 5. ทำนบุ ำรงุ สง่ เสรมิ พัฒนาเทคโนโลยี สถานท่ี ประชาธิปไตย ขนบธรรมเนยี มประเพณี และภมู ิปญั ญาอนั ดงี ามในท้องถิ่น 1.6 เป้าประสงค์ (Goals) เพ่ือให้โรงเรียนหัวดงราชพรหมาภรณ์ ได้รับการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน ส่งผลให้บุคลากรของโรงเรียนมี คุณธรรม ความรู้ สามารถดำรงตน อยู่ในสังคมได้อย่างมคี วามสขุ และเปน็ ท่ยี อมรบั ของชมุ ชน
1.7 ข้อมูลบคุ ลากรของสถานศึกษา จำนวนบคุ ลากร บคุ ลากร ผู้บรหิ าร ข้าราชการ ครู ครู เจา้ หนา้ ที่ นกั ศึกษา รวมทั้งหมด ครู อตั ราจา้ ง พเ่ี ล้ยี ง ธุรการ ฝกึ ประสบการณ์ จำนวน 1 17 111 1 22 วฒุ กิ ารศึกษาสูงสุดของบคุ ลากร บุคลากร ต่ำกวา่ ปริญญาตรี ปริญญาโท ปรญิ ญาเอก รวมท้ังหมด ปริญญาตรี 6 - 18 จำนวน - 12 สาขาวชิ าท่ีจบการศึกษาและภาระงานสอน สาขาวชิ า จำนวน ภาระงานสอนเฉล่ยี ของครู 1 คน (คน) ในแตล่ ะสาขาวิชา (ชม./สัปดาห)์ 1. บรหิ ารการศกึ ษา 1 - 20.0 2. ภาษาไทย 2 22.0 21.2 3. คณิตศาสตร์ 2 22.0 20.0 4. วทิ ยาศาสตร์ 5 19.0 22.0 5 สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 2 20.5 6. สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 2 7. ศลิ ปะ ดนตรี และนาฎศลิ ป์ 1 8. การงานอาชีพและเทคโนโลยี 1 9. ภาษาต่างประเทศ 2 รวม 18
1.8 ข้อมูลนกั เรียน 1) จำนวนนักเรยี นจบการศกึ ษาชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 ในเขตพืน้ ที่บรกิ ารทั้งสิน้ 69 คน 2) จำนวนนกั เรียนในโรงเรียนท้งั ส้ิน จำแนกตามระดบั ชัน้ ท่เี ปดิ สอน ระดับชน้ั เรยี น จำนวนหอ้ ง เพศ รวม เฉลี่ยต่อห้อง ชาย หญงิ 67 33.5 ม.1 2 36 31 39 19.5 55 27.5 ม.2 2 19 20 161 24 24 ม.3 2 26 29 27 27 18 18 รวม 6 81 80 69 230 ม.4 1 9 15 ม.5 1 9 18 ม.6 1 7 11 รวม 3 25 44 รวมทง้ั หมด 9 106 124 ข้อมูล ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2563 ระดบั ชั้นเรยี น จำนวนห้อง เพศ รวม เฉล่ียตอ่ ห้อง ชาย หญิง 66 33 ม.1 2 35 31 38 19 54 27.5 ม.2 2 19 19 158 23 23 ม.3 2 25 29 27 27 18 18 รวม 6 79 79 69 227 ม.4 1 8 15 ม.5 1 9 18 ม.6 1 7 11 รวม 3 25 44 รวมท้ังหมด 9 104 123 ขอ้ มูล ณ วนั ท่ี 14 ธันวาคม 2563
1.9 ข้อมูลผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นระดบั สถานศกึ ษา เฉล่ีย 77.81 ร้อยละของนักเรยี นี่มีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นแตล่ ะรายวิชาในระดับ 3 ข้ึนไป 49.54 ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 – 6 ปีการศึกษา 2563 79.16 ภาคเรียนท่ี 1 76.05 72.62 กลมุ่ สาระวิชา ม.1 ม.2 ม.3 ม.4 ม.5 ม.6 66.57 ภาษาไทย 77.61 71.79 78.18 79.17 77.78 82.35 39.32 คณติ ศาสตร์ 68.66 53.85 40.00 41.67 51.85 41.18 31.00 วทิ ยาศาสตร์ 65.67 69.23 94.55 95.83 55.56 94.12 66.72 สังคมศึกษา ฯ 97.01 53.85 27.27 95.83 100.00 82.35 สุข/พลศกึ ษา 58.21 61.54 43.64 95.83 100.00 76.47 ศิลปะ 73.13 51.28 100.00 75.00 100.00 0.00 การงานอาชีพฯ 62.69 38.46 16.36 45.83 66.67 5.88 ภาษาตา่ งประเทศ 62.69 0.00 1.82 66.67 0.00 54.62 ผลรวมเฉลี่ย 70.71 50.00 50.23 74.48 70.17 84.72 ร้อยละทเ่ี พ่มิ ขึ้น 14.66
ร้อยละของนักเรยี นมี่ ีผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นแตล่ ะรายวิชาในระดับ 3 ขึ้นไป ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 – 6 ปีการศึกษา 2563 ภาคเรียนท่ี 2 กลุม่ สาระวิชา ม.1 ม.2 ม.3 ม.4 ม.5 ม.6 เฉลี่ย 79.02 ภาษาไทย 81.82 65.79 79.63 73.91 81.48 100.00 78.80 68.91 คณิตศาสตร์ 75.76 44.74 62.96 95.65 100.00 83.33 95.32 76.93 วิทยาศาสตร์ 43.94 68.42 92.59 100.00 22.22 83.33 93.94 30.24 สังคมศึกษา ฯ 83.33 97.37 77.78 95.65 100.00 100.00 28.14 68.91 สุข/พลศึกษา 57.58 57.89 57.41 91.30 92.59 100.00 ศิลปะ 100.00 94.74 98.15 100.00 100.00 77.78 การงานอาชพี ฯ 40.91 10.53 3.70 0.00 0.00 94.44 ภาษาตา่ งประเทศ 77.27 0.00 1.85 30.43 0.00 61.11 ผลรวมเฉลีย่ 70.08 54.93 59.26 73.37 62.04 87.50 รอ้ ยละที่เพ่มิ ขึน้ 18.71
ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาตขิ ั้นพนื้ ฐาน (O-NET) ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ นั้ พ้ืนฐาน (O-Net) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ระดับ/รายวชิ า ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สงั คมศึกษาฯ ค่าเฉลีย่ ระดบั โรงเรียน 29.86 17.36 26.58 20.14 28.11 คา่ เฉล่ียระดบั จังหวดั 43.29 25.92 32.43 28.79 35.56 ค่าเฉลยี่ ระดบั สงั กดั สพฐ 45.22 26.33 33.04 29.73 36.32 คา่ เฉลยี่ ระดับประเทศ 44.36 26.04 32.68 29.94 35.93 เปรยี บเทยี บผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติขน้ั พ้นื ฐาน (O-NET) ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ปีการศึกษา 2561 – 2563
1.10 ข้อมูลอาคารสถานท่ี อาคารเรียน จำนวน 2 หลงั (อาคาร 216 ค ,อาคารเรียนวทิ ยาศาสตร)์ อาคารประกอบ จำนวน 2 หลัง (โรงฝึกงาน ,โรงอาหาร) สว้ ม 2 หลัง (นกั เรียนชาย,นักเรียนหญิง) สนามบาสเกตบอล 1 สนาม 1.11 ขอ้ มูลการใชแ้ หล่งเรยี นรู้ภายในและภายนอกโรงเรยี น ภูมปิ ญั ญาท้องถิน่ 1. หอ้ งสมุดมีขนาด 84 ตารางเมตร จำนวนหนังสือในหอ้ งสมุด 9,114 เลม่ การสืบค้นหนังสือและการยมื -คนื ใชร้ ะบบ เอกสาร จำนวนนกั เรยี นท่ใี ช้หอ้ งสมุดในปีการศึกษาท่รี ายงาน เฉลย่ี 35 คน / วันคดิ เป็นร้อยละ 18 ของนักเรียนทง้ั หมด 2. ห้องปฏบิ ัตกิ าร หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารวิทยาศาสตร์ จำนวน 2 ห้อง หอ้ งปฏบิ ตั ิการคอมพิวเตอร์ จำนวน 1 ห้อง ห้องปฏิบตั กิ ารทางภาษา จำนวน – หอ้ ง 3. คอมพวิ เตอร์ จำนวน 53 เครื่อง ใช้เพื่อการเรยี นการสอน 22 เครื่อง ใชเ้ พือ่ สบื ค้นข้อมูลทางอินเทอรเ์ น็ต 31 เครื่อง จำนวนนักเรยี นทีส่ ืบคน้ ข้อมลู ทางอนิ เทอรเ์ น็ตในปกี ารศึกษาทร่ี ายงาน เฉลย่ี 226 คน ต่อวนั คดิ เป็นร้อยละ 100 ของนักเรยี นท้งั หมด ใชเ้ พอ่ื การบริหารจดั การ 12 เคร่อื ง 4. แหล่งเรียนร้ภู ายในโรงเรียน แหลง่ เรยี นรู้ภายใน สถิตกิ ารใช้จำนวนคร้งั /ปี ชอื่ แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องสมดุ 848 ครัง้ /ปี 2. หอ้ งภูมปิ ัญญาไทย 10 คร้งั /ปี ปัจจุบันใชโ้ ทรศพั ท์เคลอื่ นท่ีสบื คน้ 3. หอ้ งไอซที .ี 50 ครง้ั /ปี/คน 4. หอ้ งกลุ่มสาระการเรียนรู้ 90 ครง้ั /ปี 5. แหล่งเรียนรู้ภายนอกโรงเรยี น สถิตกิ ารใช้ แหล่งเรยี นรภู้ ายนอก จำนวนครง้ั /ปี ชอื่ แหล่งเรยี นรู้ 1 ครง้ั /ปี 1. ทศั นศึกษาจงั หวัดสโุ ขทัย , จงั หวดั พิษณโุ ลก 150 ครง้ั /ปี 2. วัดหัวดงเหนอื 90 ครง้ั /ปี 3. วดั หวั ดงใต้
6. ปราชญช์ าวบ้าน/ภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ ทสี่ ถานศึกษาเชญิ มาให้ความรู้แกค่ รู นักเรยี น ในปกี ารศกึ ษาทร่ี ายงาน 6.1 นายมานพ นาคจรุง ใหค้ วามรเู้ รอ่ื ง บายศรี สถติ กิ ารใหค้ วามร้ใู นโรงเรียนแหง่ นี้ 2 ครงั้ /ปี 6.2 นายประทปี กันหา ให้ความรเู้ รอ่ื ง เศรษฐกจิ พอเพยี ง สถิติการใหค้ วามรู้ในโรงเรียนแหง่ นี้ 1 ครง้ั /ปี 6.3 นายตี๋ วงษส์ ุวรรณ ให้ความรเู้ รอื่ ง การปลกู ข้าว สถติ กิ ารให้ความรใู้ นโรงเรยี นแห่งน้ี 1 ครง้ั /ปี 6.4 นายบุญเลิศ ใหค้ วามรู้เร่ือง การปลูกไม้ผล สถติ กิ ารใหค้ วามรใู้ นโรงเรยี นแห่งน้ี 1 ครงั้ /ปี 6.5 นายบำรุง จนั ทรา ให้ความรูเ้ รอื่ ง วันเอดส์โลก สถิติการให้ความรใู้ นโรงเรียนแหง่ นี้ 1 คร้งั /ปี 6.5 นายรฐั กรณ์ สำแดงเดช ให้ความรู้เร่ือง วันเอดส์โลก สถติ กิ ารให้ความรู้ในโรงเรยี นแหง่ นี้ 1 คร้งั /ปี 6.6 นางกาญน์ทิพ เนตรแพ ใหค้ วามรู้เรือ่ ง วนั เอดส์โลก สถติ กิ ารใหค้ วามรู้ในโรงเรียนแห่งนี้ 1 ครงั้ /ปี 6.7 นายปญั ญา จนิ โต ให้ความรเู้ ร่ือง โรคเอดส์ การทอ้ งกอ่ นวัยอนั ควร สถิติการให้ความร้ใู นโรงเรยี นแห่งนี้ 1 ครั้ง/ปี 6.8 นายรภทั รธรณ์ นุชมอญ ให้ความรู้เรอื่ ง การวางแผนครอบครัวและการป้องกันโรคติดตอ่ สถิติการให้ความร้ใู นโรงเรยี นแหง่ นี้ 1 คร้งั /ปี 6.9 ร.ต.ท. สมพงษ์ วจีสจั จา ให้ความรู้เร่อื ง การจราจร/กฎหมาย/การขบั ข่ปี ลอดภัย สถิตกิ ารให้ความรู้ในโรงเรยี นแหง่ น้ี 1 ครั้ง/ปี 1.12 ข้อมลู สภาพชุมชนโดยรวม 1. สภาพชุมชนรอบบริเวณโรงเรยี นหัวดงราชพรหมาภรณ์ ตง้ั อยทู่ างซ้ายของแม่น้ำปงิ อยู่ทาง ตอนเหนอื ของจงั หวดั นครสวรรค์ ห่างจากจังหวดั นครสวรรค์ ประมาณ 35 กิโลเมตร และอยหู่ า่ งจาก อำเภอเก้าเลีย้ ว ประมาณ 8 กิโลเมตร ตำบลหวั ดง มปี ระชากรท้ังหมด 10,005 คน เป็นชาย 4,698 คน หญิง 5,307 คน มี 2,769 ครัวเรอื น มีจำนวนหมู่บา้ น 12 หม่บู า้ น มีเนื้อทท่ี ัง้ หมด 60,300ไร่ มสี ถานศึกษา ระดบั ประถมศึกษา จำนวน 4 แหง่ ไดแ้ ก่โรงเรยี นวัดหัวดงเหนอื ,โรงเรียนวัดหวั ดงใต้,โรงเรียนวัดหาดเสลา และโรงเรียนเนินพะยอม มีวัดทง้ั หมด 7 แห่ง และมีสถานีอนามัย 2 แห่งได้แก่ สถานีอนามยั หวั ดงเหนือ และ สถานีอนามยั บ้านหนองแพงพวย ประชากรส่วนใหญม่ อี าชีพเกษตรกรรม ทำไร่อ้อย รับจ้าง และคา้ ขาย ตามลำดบั สว่ นใหญ่นับถือศาสนาพทุ ธ ระดบั การศึกษาของประชาชนอยู่ในชว่ ง ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1-6 ประชากรท่ีอยกู่ บั บ้านและดูแลบุตรหลานโดยสว่ นมากเปน็ ผู้ทอี่ ยใู่ นชว่ งอายุ 60 ปขี ้นึ ไป ชุมชนมคี วามสมั พนั ธ์
กับโรงเรียนอยใู่ นระดบั ปานกลาง ประเพณีเดน่ ของชมุ ชน คอื การแข่งขันเรือยาวประเพณชี งิ ถ้วยพระราชทาน สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี 2. ผปู้ กครองสว่ นใหญ่จบการศึกษาระดับชนั้ ประถมศึกษา อาชพี หลักคอื เกษตรกรรม ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ฐานะทางเศรษฐกิจ/รายได้โดยเฉล่ียต่อครอบครัวต่อปี 20,000-30,000 บาท จำนวนคนเฉลีย่ ต่อครอบครัว ประมาณ 4 คน 3. จุดออ่ น จุดแข็ง โอกาสและขอ้ จำกดั ของโรงเรยี น โอกาส 1) ชุมชน ผู้ปกครองเช่ือม่ันในศักยภาพของโรงเรียนนิยมส่งบุตรหลานมาเรียนเพราะประหยัด รายจ่ายและโรงเรียนได้รบั การคัดเลอื กเข้าร่วมโครงการโรงเรียนในฝันรุ่นที่ 3 โรงเรยี นดีประจำอำเภอ 2) โรงเรียนมแี หล่งเรียนรแู้ ละวทิ ยากรทอ้ งถน่ิ ชว่ ยเหลือสนับสนุนดา้ นการเรยี นการสอน 3) ชุมชนและองคก์ รภายนอกเขา้ มามสี ่วนร่วมในการจดั การเรียนการสอน ข้อจำกัด 1) ภาวะเศรษฐกจิ ตกต่ำทำให้ผ้ปู กครองมรี ายได้น้อย สง่ ผลให้นักเรยี นขาดปัจจยั สนบั สนนุ ดา้ น การศกึ ษา 2) ผปู้ กครองบางสว่ นมีค่านยิ มท่ผี ดิ เกย่ี วกับการพนนั และการดื่มของมึนเมาทำใหน้ ักเรยี นรบั แบบอย่างท่ีไมด่ ี 1.13 โครงสรา้ งหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนหัวดงราชพรหมาภรณ์ ได้ดำเนินการพัฒนาวิชาการที่เน้นคุณภาพผู้เรียนอย่างรอบด้าน ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนหัวดงราชพรหมาภรณ์ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) จัดการเรียนการสอนในระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 จำนวน 3 แผนการเรียน รายวิชาเพิ่มเติม เน้นตามวิสัยทัศน์ของสถานศึกษา รายละเอียดโครงสรา้ งหลักสตู รสถานศกึ ษา สามารถดเู พิ่มเตมิ ไดท้ ี่ Link : shorturl.at/cvAL6 หรอื
ตอนที่ 2 ผลการดำเนินงานด้านการนิเทศภายในของสถานศึกษา 2.1 ช่ือรูปแบบ “การนิเทศแบบรว่ มพัฒนา” (Cooperative Development Supervision) 2.2 สภาพปัจจุบัน/ปัญหา สภาพปัญหาของโรงเรยี นหวั ดงราชพรหมาภรณ์ คือ ครแู ตล่ ะท่านรบั ผิดชอบสอนหลายระดับชัน้ และยงั มีภาระงานพเิ ศษ มากกว่า 3 งานขึ้นไป จึงทำให้การจดั การเรยี นการสอนได้ไม่เต็มที ดังน้ัน จากสภาพปญั หาดท่กี ลา่ วมาข้างตน้ จงึ ต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบนิเทศใหเ้ หมาะสม ทางโรงเรยี นหวั ดงราชพรหมา จงึ เลอื กใช้รูปแบบการนเิ ทศแบบร่วมพัฒนา โดยมีทา่ นผู้อำนวยการ หวั หนา้ กลุม่ บริหารงานวชิ าการ หัวหน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้ เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนในการบรหิ ารงานและ การนิเทศในสถานศึกษา โรงเรยี นหัวดงราชพรหมาภรณ์ มีบคุ ลากรในโรงเรียนมีความรักสามัคคี ชว่ ยเหลอื พงึ่ พาซึ่งกนั และกัน พรอ้ มรบั ฟังความคิดเห็น ปรับเปลย่ี นวิธีการสอนให้สอดคล้องกบั บรบิ ทของผูเ้ รียน โดยเนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ 2.3 รปู แบบ หรือกระบวนการนเิ ทศภายในของสถานศึกษา การนิเทศแบบรว่ มพัฒนา คอื ปฏิสัมพนั ธ์ทางการนิเทศระหวา่ งผู้บริหารสถานศกึ ษา ศกึ ษานิเทศก์ และครู ในกระบวนการนิเทศการศึกษาท่ีมุง่ แก้ปญั หาและพฒั นาการเรยี นการสอนอย่างเปน็ ระบบ โดยใช้ เทคนิคการนิเทศการสอนเป็นปัจจัยหลัก บนพืน้ ฐานของสัมพนั ธภ์ าพแห่งการร่วมคิด รว่ มทำ พงึ พา ช่วยเหลอื ยอมรับซงึ่ กันและกนั ให้เกียรตแิ ละจรงิ ใจต่อกันระหว่างผู้นิเทศ ผ้สู อนและคู่สญั ญา เพอ่ื ร่วมกนั พฒั นาทักษะ วชิ าชพี อนั จะส่งผลโดยตรงต่อการพฒั นาคุณภาพการศึกษา ซ่ึงมกี ระบวนการดงั นี้ ขน้ั ที่ 1 การวางแผนการดำเนนิ งาน (Planning-P) เป็นขน้ั ตอนทผ่ี ู้มีส่วนร่วมในการดำเนินงาน ทกุ ฝ่ายจะประชมุ หารือกันถึงปัญหาในการจัดการเรียนการสอนที่เปน็ ปญั หาสำคญั เร่งด่วนควรแกไ้ ขก่อน และ หรือนโยบายในการปรับปรงุ และพฒั นาคุณภาพการเรยี นการสอนโดยจะระดมสมองหาความตอ้ งการจำเป็น (Need Assessment) ในเรอ่ื งท่ีจะต้องมีการนิเทศ รวมทัง้ ร่วมกนั วางแผนและกำหนดข้ันตอนการปฏิบัติงาน นิเทศ ซงึ่ อาจจะดำเนนิ การในลกั ษณะของงานหรือโครงการนเิ ทศเพื่อแกป้ ญั หา หรือพัฒนาการเรียนการสอน
ขั้นที่ 2 การเสรมิ สร้างความรู้ในการปฏบิ ตั งิ าน (Informing-I) เปน็ ข้ันตอนของการทำความเขา้ ใจ กระบวนการนเิ ทศท้ังระบบ และวิธกี ารดำเนนิ งานในแต่ละขัน้ ของการนเิ ทศ เพ่ือใหผ้ ู้ดำเนนิ งานมีความรู้ ความเขา้ ใจ มีทักษะ และมเี ทคนคิ ในการดำเนนิ งานอยา่ งมีประสทิ ธิภาพข้นั ตอนนนี้ อกจากจะเปน็ การช่วยให้ ผดู้ ำเนินงานสามารถทำงานไดอ้ ย่างมีคุณภาพแลว้ ยงั เป็นการเสรมิ สร้างความมัน่ ใจในการทำงานใหแ้ ก่ ผูด้ ำเนินงานอีกดว้ ย ขน้ั ท่ี 3 การปฏิบัติงานตามแผน (Doing - D) เมื่อผู้ดำเนนิ งานไดผ้ ่านข่ีนตอนการวางแผนและ ขนั้ ตอนการเสริมสรา้ งความรู้ในการปฏิบตั ิงานไปแล้ว การปฏบิ ัติงานตามแผนท่วี างไว้ในแต่ละขั้นตอนอย่าง เปน็ ระบบทงั้ ในสว่ นของผ้ใู ห้การนิเทศ ผู้รบั การนิเทศ และผู้สนับสนุนการนเิ ทศกจ็ ะดำเนินไปตามปฏิทนิ ปฏบิ ตั ิงานท่ีไดร้ ตกลงร่วมกนั และกำหนเดไว้ในแผน โดยจะได้รบั ความชว่ ยเหลอื และรว่ มมือจากผ้นู ิเทศ ภายนอก เชน่ ศกึ ษานเิ ทศก์ ครูผู้รว่ มนเิ ทศ ศูนย์พัฒนาการเรียนการสอน และเครอื ข่ายจากหน่วยงานตา่ งๆ ทง้ั ภาครัฐและเอกชน รวมทัง้ ผนู เิ ทศภายในโรงเรยี นเช่น หัวหนา้ กลุ่มสาระ คสู่ ัญญา รองผ้อู ำนวยการ สถานศกึ ษาฝา่ ยวิชาการ และผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา ขนั้ ท่ี 4 การประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ าน (Evaluation - E) การประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ านหรอื โครงการนิเทศ ควรดำเนินการประเมินทง้ั ระบบ เพือ่ ให้ทราบประสทิ ธิภาพของโครงการจึงควรจะประเมนิ ส่ิง ต่างๆ ตามลำดับของความสไคญ ดังน้ี 4.1 ผลผลติ ท่ีไดจ้ ากการนิเทศ (Output) คือ สมั ฤทธิ์ผลิตการเรยี นของผู้เรยี น และ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผรู้ ับการนเิ ทศตามเปา้ หมายของการนิเทศน้ัน ได้แก่ ผลท่เี กิดขึ้นจากการนิเทศ (ระดบั ความสามารถในการทำงานของผ้รู ับการนิเทศ การเพ่มิ จำนวนของบุคลากรท่มี ีคุณภาพภายในหน่วยงาน ความตงั้ ใจในการทำงานของบคุ ลากร และความสมั พันธ์ระหว่างบุคลากรในหนว่ ยงาน) และผลที่เกดิ ขนึ้ ระหว่างการดำเนินการนิเทศ(เจตคติของผรู้ บั การนเิ ทศท่ีมตี ่องานและตอ่ ผู้ร่วมงาน ระดับความพึงพอใจใน การทำงาน ความผูกพันของผู้รบั การนิเทศทมี่ ีต่อเปา้ หมายในการทำงาน ระดบั ของจุดมุ่งหมายที่จัดต้ังขนึ้ ระดับความรว่ มมอื ร่วมใจที่มตี ่อกลมุ่ ทำงาน ความเช่ือมั่นและความไว้ว่างใจในตนเอง เพ่ือนรว่ มงานและ ผบู้ ังคับบัญชา และความรูส้ ึกของผรู้ บั การนเิ ทศทม่ี ีต่อสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน) 4.2 กระบวนการดำเนนิ งาน (Process) คือ ความเหมาะสมของขั้นตอนในการทำงาน ความเหมาะสมของการจัดกจิ กรรม ปฏสิ ัมพันธ์ระหวา่ งผรู้ ิเทศกับผูร้ บั การนิเทศและบรรยากาศในการทำงาน 4.3 ปัจจัยปอ้ นเข้า (Input) คือ การลงทนุ ในด้านทรพั ยากรมนุษย์ วสั ดุอุปกรณ์ สือ่ การนิเทศ เครอ่ื งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ งบประมาณการเงิน รวมท้งั ระยะเวลาท่ีใช้ในการดำเนินงานตามโครงการ ข้นั ที่ 5 การเผยแพร่ขยายผล (Diffusing - D) ในรปู แบบทีห่ ลากหลาย เพ่ือเป็นการเสรมิ สรา้ ง ขวัญและกำลังใจแก่ผูป้ ฏบิ ัติงาน ส่วนการขยายเครอื อข่ายการดำเนนิ งานนิเทศ โดยใช้เทคนคิ การขาย ความคิด ใหเ้ กดิ ความเช่ือถือ ศรทั ธา แลว้ จงึ ใชเ้ ทคนคิ การเชญิ ชวนให้เขา้ มามีสว่ นร่วมที่ละนอ้ ย ในฐานะเพ่ือ ร่วมอาชีพหรืออุดมการณ์ จนเกิดความพร้อมทจี่ ะเขา้ ร่วมดำเนินการดว้ ยอย่างเตม็ ตวั ในฐานะ \"ครูปฏิบตั กิ าร\" หรอื ฐานะ \"คู่สญั ญา\" และเม่ือดำเนนิ การงานได้ผลดี มีเครือข่ายแนวร่วมเพิ่มมากขนึ้ ครูปฏบิ ตั ิการกจ็ ะได้ ปรับเปลย่ี นบทบาทขนึ้ เป็นผู้นเิ ทศเครือข่ายผู้ปฏบิ ตั ิการรุน่ ต่อไป ซึ่งนบั ว่าเปน็ การให้แรงเสริมแกผ่ ้ปู ฏบิ ตั งิ าน
หรอื เรยี กวา่ ใช้เทคนคิ \"การสรา้ งแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธ\"์ิ นับวา่ เป็นกลวธิ ีการเผยแพร่และขยายผลทม่ี ี ประสทิ ธิภาพ โดยเนน้ ความพร้อมหรอื ความสมัครใจของครูเปน็ หลกั ขัน้ เสริม การร่วมใจและการเสริมสร้าง ขวัญและกำลงั ใจ (Cooperating - C Reinforcing - R) นับวา่ เป็นกลไกสำคัญทจ่ี ะทำใหผ้ ลการดำเนินงานได้ ท้ังคน งานและจติ ใจทีผ่ ูกพนั อย่กู ับงาน 2.4 วธิ กี ารดำเนนิ การ กระบวนการนเทศการสอนแบบรว่ มพัฒนา เปน็ กระบวนการนเิ ทศการสอนในชั้นเรียนอยา่ งมรี ะบบ ครบวงจร โดยเน้นการสงั เกตการสอนอย่างมีวตั ถุประสงค์ เพ่ือนำข้อมูลมาแกป้ ัญหาและพัฒนาการเรยี นการ สอน โดยมขี น้ั ตอนการดำเนินงาน ดงั ต่อไปน้ี ขัน้ ตอนที่ 1 คู่สัญญาตกลงร่วมกัน เป็นขนั้ ตอนทคี่ รู 2 คนท่สี นิทสนมไวว้ างใจซ่ึงกันและกัน ไดต้ กลงรว่ มกนั ในการที่จะพัฒนาทักษะวชิ าชีพ โดยมวี ัตถุประสงค์จะรว่ มกันแกป้ ญั หาการจดั การเรียนการสอน หรอื ปรบั ปรงุ พฤตกิ รรมการสอน โดยฝ่ายหน่ึงเป็นผ้สู อน และอีกฝ่ายหนึ่งทำหน้าท่ีเป็นคู่สญั ญา คอยให้ความ ชว่ ยเหลอื แนะนำ ใหค้ ำปรึกษาและให้กำลงั ใจ ซ่ึงสัมพันธภาพของคู่สญั ญา จะดำเนนิ ไปในลักษณะของเพื่อน ร่วมอาชีพท่ีมเจตนารมณแ์ ละอุมการณเ์ ดียวกัน ความสมั พนั ธ์ของคู่สญั ญาทง้ั สองจะอยู่บนพน้ื ฐานของ ความเป็นประชาธปิ ไตย ความเสมอภาค การยอมรับซ่ึงกนั และกนั มีความจริงใจ ให้เกยี รตกิ ัน มีความพร้อมที่ จะรว่ มมอื ช่วยเหลอื กันในการแก้ปัญหา และพัฒนาการเรียนการสอนให้เกดิ สัมฤทธิ์ผลจนเป็นทพ่ี อใจร่วมกัน ขั้นตอนที่ 2 วิเคราะห์ปัญหาการเรียนการสอนรว่ มกัน เปน็ ข้ันท่ีครผู ้สู อนจะนำปัญหาทพ่ี บใน การจัดการเรยี นการสอนมาปรกึ ษาหารือกับคสู่ ัญญา เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ปัญหา และ รว่ มกนั วเิ คราะห์หาสาเหตุของปญั หา ซึง่ อาจใช้แผนภมู ิกา้ งปลาในการศึกษาสาเหตุของปัญหา และชว่ ยกนั รวบรวมขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ท่จี ะเป็นแนวฃทางในการวางแผนแก้ปัญหา โดยอาจนำปญั หาและสาเหตุท่ีวเิ คราะห์ได้ไป ปรึกษาหัวหนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้ ซึ่งมีบทบาทเปน็ ผู้นเิ ทศโดยตรงอยู่แล้ว หรอื ปรกึ ษาหารอื เพื่อนรว่ มงานใน กล่มุ สาระการเรียนรู้ ซงึ่ อาจเปน็ ผเู้ ชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์เก่ียวกบั ปัญหาในลักษณะเดียวกันมาแล้ว ขั้นตอนท่ี 3 กำหนดวตั ถุประสงคใ์ นการแก้ปญั หาหรือพฒั นา เปน็ ข้ันตอนทผี่ ู้สอนจะตกลงใจเลือก ปัญหาทส่ี ำคญั และตอ้ งการแก้ไขก่อนมาระบุวัตถปุ ระสงค์ในการแก้ปัญหาหรอื พฒั นา ส่วนคู่สัญญาจะมีหนา้ ท่ี คอยเปน็ คคู่ ดิ ให้คำปรกึ ษาและใหก้ ำลงั ใจ
ขนั้ ตอนท่ี 4 วางแผนการสอนและผลติ ส่อื เปน็ ขน้ั ตอนที่ผู้สอนจะนำจดุ ประสงค์การเรียนรู้ และ เน้อื หาทต่ี ้องการใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ รียนทง้ั จากในบทเรียน และสื่ออ่นื ๆ มาวเิ คราะห์รว่ มกับคู่สัญญา เพ่ือวาง แผนการสอนและเตรยี มการผลติ ส่อื ประกอบการสอน โดยคู่สัญญาจะทำงานรว่ มกนั กับผูส้ อนพร้อมทั้งชว่ ย ปรับปรุง แก้ไขแผนการสอน และสื่อให้มปี ระสิทธิภาพย่ิงข้ึน โดยทัง้ ค่จู ะรบั ผดิ ชอบร่วมกันในผลของการสอน ในการณีทผี่ สู้ อนต้องการให้คู่สัญญาเข้าไปสงั เกตการสอน คู่สัญญาจะไดเ้ ข้าใจบทเรยี นเพมิ่ ขน้ึ จากการเข้าไปมี ส่วนรว่ มในการวางแผนการสอน เมื่อผสู้ อนเตรียมการสอนเรยี บร้อยแลว้ คู่สัญญาก็จะให้กำลังใจ เพ่ือชว่ ยให้ ผูส้ อนเกิดความมัน่ ใจ และเกิดพลงั ที่จะดำเนินการสอนใหเ้ กิดสัมฤทธ์ิตามจดุ ประสงคท์ ี่ต้ังไว้ ข้นั ตอนที่ 5 วางแผนการนิเทศการสอน เป็นข้นั ท่ที ัง้ ผูส้ อนและคสู่ ญั ญาจะวางแผนร่วมกนั โดยกำหนดวิธีการและแนวปฏิบตั ิในการสงั เกตการสอนในช้ันเรียน รวมทั้งช่วยกนั สร้างเครอื่ งมือสังเกตการสอน ทเี่ ฉพาะเจาะจงตามวัตถปุ ระสงค์ในการนิเทศแตล่ ะคร้ังหรือเลอื กเครื่องมือสังเกตการสอนทีม่ อี ยู่แล้ว และทำ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับเครอื่ งมอื สงั เกตการณส์ อนทจี่ ะใช้รวมทั้งอปุ กรณ์ท่ีจำเป็นต้องใช้ในขณะสงั เกตการสอน ตลอดจนสรา้ งข้อตกลงร่วมกันว่าในขณะสอนและสังเกตการสอน ผสู้ อนจะอนุญาตให้คูส่ ญั ญาเขา้ ไปสังเกตการ สอนอยหู่ ลังช้นั เรยี น หรอื จะใหค้ สู่ ัญญามีส่วนรว่ มในการจดั การเรียนการสอนหรอื รว่ มกิจกรรมดว้ ย ตลอดจน ตกลงรว่ มกันว่าจะแจ้งให้ผเู้ รียนทราบหรอื ไม่ว่าคาบเรยี นจะมีผู้มาสังเกตการสอน จะสังเกตตลอดทั้งคาบเรียน หรอื ชว่ งเวลาหนง่ึ ทัง้ น้ี ข้อตกลงทั้งหมดต้องอยู่ในความยินยอมพร้อมใจ หรือความตอ้ งการของผสู้ อนท้ังส้นิ เพอื่ ผู้สอนจะไดส้ บายใจไม่วติ กกังวลต่อพฤติกรรมการสังเกตการสอนของคสู่ ัญญา ในกรณีที่ผสู้ อนต้องการจะ สงั เกตการสอนดว้ ยตนเอง คู่สญั ญากจ็ ะมหี นา้ ทเี่ พียงให้ความรว่ มมือช่วยเหลอื และให้ข้อเสนอแนะในการสรา้ ง หรอื เลือกใชเ้ คร่ืองมือสังเกตการสอนท่ีเหมาะสมเท่านนั้
ขัน้ ตอนท่ี 6 สอนและสังเกตการสอน เปน็ การรวบรวมข้อมลู เกีย่ วกับพฤติกรรมการเรียนการสอน ของนักเรียนและครู ตลอดจนสภาพการณทฺ ุกอย่างที่เกิดขน้ึ ในห้องเรยี น การสังเกตการสอนเปรียบเสมือนการ นำกระจกบานใหญ่ไปต้ังไวห้ ลงั วชน้ั เรยี น เพื่อสะท้อนใหเ้ ห็นวา่ ในหอ้ งเรียนน้นั มีอะไรเกิดขนึ้ บ้าง และผู้สังเกตก็ จะบันทึกข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ไปวิเคราะห์ สังเคราะห์ หรอื พิจารณา วนิ ิจฉยั เพ่ือหาแนวทางในการปรับปรงุ แกไ้ ขพฤติกรรมการเรยี นการสอนต่อไป ขั้นตอนที่ 7 วิเคราะห์ผลการสอนและผลการสังเกตการสอน เป็นขัน้ ท่คี ูส่ ัญญาจะร่วมกนั วิเคราะห์ ขอ้ มูลทรี่ วบรวมไดจ้ ากการสงั เกตการสอน ซึง่ จะคน้ พบพฤตกิ รรมทงั้ ทีป่ ระสบความสำเร็จอยา่ งเดน่ ชดั ของ ผสู้ อน และพฤติกรรมท่คี วรปรบั ปรุง แก้ไข ในด้านตา่ ง ๆ ซึ่งผู้สังเกตได้รวบรวมไวท้ ั้งหมด ตลอดจนข้อมูลหรือ เหตุการณตื ่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะการเรียนการสอนกำลังดำเนนิ อยู่ ผสู้ ังเกตการสอนและผูส้ อนจะรว่ มกนั วิเคราะห์ แปลความ ตีความพฤติกรรมทส่ี งั เกตได้ และนำผลการวิเคราะห์ มาอภปิ รายแลกเปล่ยี นเรยี นรซู้ ง่ึ กัน และกันบนพืน้ ฐานของความเสมอภาคจรงิ ใจ และมคี วามมุ่งหวังอย่างเดียวกนั คอื การพัฒนาคุณภาพการเรียน การสอน ข้นั ตอนที่ 8 ใหข้ ้อมูลป้อนกลับซ่ึงกันและกัน เปน็ ขั้นตอนเสรมี สรา้ งขวัญ ท่ผี ้ทู ำหนา้ ท่ีนเิ ทศจะต้อง ใช้เทคนคิ หรือกลวิธหี รือทักษะทีล่ ะเอียดอ่อน ที่มปี ระสิทธิภาพ (เทคนิควิธกี ารนเิ ทศทางออ้ ม ของ นพิ นธ์ ไทยพานชิ ดังนี้ คือ ผู้นิเทศจะต้องพูดน้อย ฟงั มาก ยอมรับและใชค้ วามคิดของครูให้เป็นประโยชน์ต่อ การนิเทศ ใช้คำถามช่วยคล่คี ลายทำให้กระจา่ งชัดเจนขึน้ ให้คำยกย่อง ชมเชยในผลงานของครู หลีกเลยี่ งการ ให้คำแนะนำโดยตรง หากจำเป็นควรเสนอทางเลือกให้หลาย ๆ วิธเี พ่ือใหค้ รูเลือกวิธกี ารท่เี หมาะสมเอง การสนบั สนุนครคู ำพ๔ด แบะการยอมรับและใช้ความร้สู กึ ของครูใหเ้ ป็นประโยชน์ หรอื ใชแ้ ซนวิช ของ Bittlle ดงั น้ี ชมเชย ยกยอ่ ง ยอมรบั ในผลงานที่ประสบความสำเรจ็ ของครู อภิปราย-พูดคยุ ถงึ พฤตกิ รรมท่ี ควรปรบั ปรุงแก้ไขเพียงเล็กน้อย สรุปผลงาน แนะวธิ ีแก้ไข ให้กำลงั ใจครูซ้ำอีกเพ่ือจะได้เกดิ พลงั ในการนำ ขอ้ เสนอแนะไปปฏิบัติใหเ้ กดิ ผล) ประกอบกับต้องมีศิลปะในการพูดผนวกกับการใชจ้ ิตวิทยาในการให้ คำปรึกษาซง่ึ ไม่ควรให้มากเกินไปและไม่ควรใหใ้ นสงิ่ ที่เป็นข้อจำกัด ผนู้ ิเทศจะต้องเลอื กเฉพาะพฤตกิ รรมที่ คาดคะเนว่าครูจะสามารถปรับปรงุ หรือเปล่ยี นแปลงไดเ้ ทา่ นั้น การใหข้ ้อมลู ป้อนกลบั ต้องคำนึงสมั พันธภาพ ทางวชิ าชพี ท่ตี งั้ อยู่บนพ้นื ฐานของพฤติกรรม ดงั ต่อไปนี้ คือ ต้องเกิดจากความต้องการของครู มงุ่ พฒั นาทักษะ วิชาชีพ ร่วมมอื กนั ในฐานะเพื่อนร่วมวชิ าชพี มุ่งเฉพาะพฤติกรรมการเรียนการสอนไม่ใช่บคุ ลิกภาพของครู ครูมี ความพร้อมทีจ่ ะรับ สถานท่ีและจังหวะเวลาทเ่ี หมาะสม ครูมสี ่วนรว่ มทุกข้ันตอน อยา่ ใหม้ ากเกินไป หลีกเลีย่ ง การใชค้ ำนยิ มสว่ นตวั ให้ในลักษณะเชญิ ชวน ไม่ใช่การวัดผลการสอนของครู อยู่บนพืน้ ฐานของการนเิ ทศ ทางอ้อม ประชาธิปไตย เสมอภาค จริงใจ ให้เกียรตกิ ัน ยอมรบั ซ่งึ กนั และกนั ขัน้ ตอนที่ 9 วางแผนการสอนและการนเิ ทศการสอนต่อเนอ่ื ง เป็นการเริ่มต้นวัฏจกั รของ กระบวนการนเิ ทศอกี รอบหน่ึง เพอ่ื ให้ครู และผนู้ เิ ทศมีโอกาสทบทวนกระบวนการเรยี นการสอนรว่ มกนั อกี ครั้ง หนงึ่ และมีโอกาสเลือกพฤตกิ รรมการเรียนการสอนที่ประสบความสำเร็จไปในการสอนครั้งตอ่ ไป รวมทั้งเลือก พฤติกรรมการเรยี นการสอนท่ีควรปรบั ปรงุ ในวฏั จกั รเกา่ ไปร่วมกนั ศกึ ษาหาแนวทางและวางแผนในการ
ปรบั ปรุง โดยการนำพไปทดลองสอนและสังเกตการสอนอีกครงั้ หนึ่งในวฏั จักรใหม่ เทคนิคในการนิเทศของ ผนู้ ิเทศและความมงุ่ ม่ันของผรู้ ับการนิเทศจะนำไปส่คู วามเป็นครมู ืออาชพี (Professional Teacher) 2.5 การกำกับ ตดิ ตาม ประเมินและรายงานผล การายงานผลให้ครรู ายงานผลการนิเทศอย่างน้อยภาคการศึกษาละ 1 ครัง้ หรือมากกวา่ 2.6 ผลสำเร็จท่ีได้ และการนำผลไปใช้ 1. ดา้ นการบริหารจัดการ 1.1 มีระบบสารสนเทศรอบด้าน 1.2 มีการพัฒนาและใชห้ ลักสูตรอยา่ งเปน็ ระบบและต่อเน่ือง 1.3 พฒั นาครูและบุคลากรให้มีความเชีย่ วชาญทางอาชีพ 1.4 จัดสภาพแวดลอ้ มที่เออ้ื ต่อการจัดการเรียนรู้ 1.5 มีแผนการนิเทศที่มีคณุ ภาพ 1.6 มีระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา 2. ด้านกระบวนการจดั การเรียนการสอน 2.1 มขี ้อมูลผู้เรียนรายบุคคล 2.2 ใชส้ ือ่ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหลง่ เรียนรู้ท่ีเอ้ือต่อการเรยี นรู้ 2.3 ตรวจสอบ และประเมินผเู้ รียนอย่างเป็นระบบ และนำผลมาพฒั นาผูเ้ รยี น 2.4 มกี ารแลกเปล่ียนเรียนรู้และให้ข้อมูลสะทอ้ นกลับเพ่ือพฒั นาการจดั การเรยี นรู้ 3. ด้านผู้เรียน 3.1 ผ้เู รียนมีความสามารถในการอ่าน และการเขยี น 3.2 สร้างองค์ความรดู้ ้วยตนเองและประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ได้ 3.3 ใช้สือ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารได้ 3.4 ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นสูงขน้ึ 3.5 มีทกั ษะและคุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ตามหลกั สตู รกำหนด ตลอดทั้งทักษะชวี ิต ทักษะอาชีพ ตอนที่ 3 ข้อมูลอนื่ ๆ เพม่ิ เติม ผลงานและรางวลั 1. โรงเรยี นหวั ดงราชพรหมาภรณ์ไดร้ ับรางวลั ระดับประเทศ สำนกั งานเลขาธิการครุ สุ ภา ผลงานหน่ึงโรงเรยี น หนง่ึ นวัตกรรม ประจำปีการศึกษา 2563 2. นางจารนุ ยี ์ กานตานนท์ คุณครูกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ได้รับรางวลั ระดับเหรียญทอง การประกวดผลงานวจิ ยั และนวตั กรรมทางการศึกษา ปกี ารศกึ ษา 2563 โครงการสง่ เสริมการวจิ ัยและพฒั นา นวตั กรรมการจัดการศึกษา เพ่อื สร้างองค์ความรู้ สำนกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: