Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore น้ำยาเช็ดกระจกจากมะกรูด

น้ำยาเช็ดกระจกจากมะกรูด

Published by 20887, 2019-09-16 09:33:39

Description: น้ำยาเช็ดกระจกจากมะกรูด

Search

Read the Text Version

โครงงานวชิ า การศกึ ษาคน้ คว้า และสร้างองค์ความรู้ (IS๑) เรื่อง การท้าน้ายาเช็ดกระจกจากมะกรูด จดั ท้าโดย นางสาวพรรณิกา ขระสุ เลขท่ี ๑๕ นางสาวนนั ทล์ พรรธก์ จันตะ๊ วงค์ เลขที่ ๒๓ นางสาวภริ มณ หนูเอียด เลขที่ ๓๑ นางสาวอติการต์ สทุ ธหลวง เลขท่ี ๓๒ เสนอ คณุ ครดู ารงค์ คันธะเรศย์ โครงงานนีเปน็ ส่วนหนงึ่ ของการศกึ ษาวชิ าวิชา การศกึ ษาค้นคว้าและสรา้ งองค์ความรู้ (IS๑) ระดบั ชันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๕ / ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๒ โรงเรยี นปัว อ้าเภอปัว จังหวัดน่าน สา้ นักงานเขตพนื ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต ๓๗

ก ชอื่ : โครงงานวชิ า การศกึ ษาคน้ ควา้ และสร้างองคค์ วามรู้ ชือ่ เรื่อง : น้ายาเช็ดกระจก วชิ า : คอมพวิ เตอร์ กลุ่มสาระ : การงานอาชีพและเทคโนโลยี ที่ปรึกษา : คณุ ครดู า้ รงค์ คันธะเรศย์ ปกี ารศกึ ษา : ๒๕๖๒ บทคัดยอ่ การใชน้ ายาเช็ดกระจก ซึง่ เปน็ สารเคมี หากสัมผัสโดยตรงทาใหเ้ กดิ สารตกค้างกับร่างกายของตนเอง นายาเช็ดกระจกท่ใี ชก้ ันทั่วไปมสี ่วนผสมของ บิวทิล เซลโลโซล และ แอมโมเนยี มไฮดรอกไซด์ ซ่ึงเป็นวัตถอุ ันตราย ชนดิ ท่ี ๑ และชนดิ ที่ ๒ ซึง่ สารเคมีนมี อี ันตรายต่อมนุษย์และส่ิงมชี วี ิตอ่ืน เพื่อมสี ขุ ภาพท่ดี ี จงึ ไดค้ ดิ ค้นหาสมนุ ไพรท่ี สามารถทาความสะอาดได้ เชน่ มะกรูด มะกรูดเป็นพืชท่ีสามารถหาไดง้ า่ ยและหาได้จากทอ้ งถน่ิ มสี รรพคุณมากๆ และไม่มสี ารทจ่ี ะเกดิ อันตรายกับร่างกายเราได้ จงึ ได้นามาทานายาเช็ดกระจกจากมะกรดู เพือ่ ใหเ้ กิดการไมส่ มั ผสั กบั สารเคมีในร่างกายมากเกินไป หากยง่ิ สมั ผสั มาก จะเกดิ สารตกค้างในร่างกายมาก สง่ ผลเกิดโรคมะเรง็ ผวิ หนงั และโรคอืน่ ๆ ได้ เม่อื ได้ทาการดาเนินงาน พบว่า นายาเช็ดกระจกจากมะกรูด ไปใชง้ านไดจ้ รงิ และทาใหก้ ระจกสะอาด เงา ไมม่ ัว และไม่สง่ ผลเสยี กบั สขุ ภาพ ไมว่ ่าจะเปน็ การดมหรอื สมั ผสั เนอื่ งจากเป็นวตั ถุดบิ สมนุ ไพรและไมเ่ ปน็ อนั ตราย

ข กิตตกิ รรมประกาศ ในการทาโครงงานวิชา การศึกษาคน้ ควา้ และสร้างองคค์ วามรู้ คณะผจู้ ดั ทาขอขอบพระคุณ คุณครดู ารงค์ คนั ธะเรศย์ ทไี่ ด้ใหค้ วามอนุเคราะห์ คอยให้คาปรกึ ษาใหค้ วามสะดวกในการทาโครงงาน และ ขอ้ เสนอแนะเก่ยี วกบั แนวทางในการทาโครงงานวิชา การศึกษาค้นคว้า และสร้างองคค์ วามรู้ ขอบคณุ เพอื่ นในกล่มุ ทกุ คนท่ใี หค้ วามช่วยเหลือ ตลอดจนคาแนะนาท่ีเปน็ ประโยชนใ์ นการทา โครงงาน ท้ายทสี่ ดุ ขอกราบขอบพระคุณ คุณพอ่ และคุณแม่ ทเี่ ป็นผู้ใหก้ าลังใจและใหโ้ อกาสการศึกษาอันมีค่ายิ่ง คณะผ้จู ัดทา โครงงานวิชา การศึกษาค้นคว้า และสร้างองค์ความรู้ ขอขอบพระคณุ ทกุ ทา่ นอย่างสงู ทีใ่ ห้ การสนับสนนุ เออื เฟ้ือและใหค้ วามอนุเคราะหช์ ่วยเหลอื จนกระทง่ั โครงงานวิชา การศึกษาคน้ คว้า และสรา้ งองค์ความรู้สาเร็จและลลุ ่วงไดด้ ้วยดี

ค ค้านา้ โครงงานเลม่ นเี ปน็ ส่วนหน่ึงของวิชา IS๓๐๒๐๑ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ชันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕ โดยมจี ุดประสงค์เพอ่ื การศึกษาหาความรู้ที่ได้จากเรอื่ งการทาโครงงาน ซงึ่ โครงงานนมี เี นือหาเกย่ี วกับความรจู้ าก โครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี และคณะผจู้ ดั ทาได้ทาโครงงานนายาเช็ดกระจกจากมะกรดู แทนนายาเช็ด กระจกจากสารเคมีเนื่องจากสารเคมเี ม่ือสัมผัสไปมากๆจะเกิดผลเสีย จงึ ได้ใช้มะกรูดเปน็ นายาเชด็ กระจกแทนสารเคมี ซงึ่ เป็นสมนุ ไพรท่ีมากสรรพคุณและไม่เกดิ ผลเสยี กับรา่ งกาย หวังเปน็ อย่างย่งิ ว่า โครงงานนจี ะเป็นประโยชนใ์ หแ้ กผ่ ้อู ่าน ในการศึกษาหาความรู้เพม่ิ เตมิ หากโครงงานนีขาดตกบกพรอ่ งประการใด คณะผ้จู ัดทาขออภัยมา ณ ที่นีดว้ ย คณะผู้จัดทา

สารบัญ ง บทที่ เรอื่ ง หน้า บทคดั ย่อ ก กิตตกิ รรมประกาศ ข คานา ค สารบัญ ง ๑ ๑ บทนา ๓ ๒ เอกสารทเ่ี กี่ยวข้อง ๑๖ ๓ วิธกี ารดาเนินงาน ๒๑ ๔ ผลของการดาเนินงาน ๒๒ ๕ สรุปและอภปิ รายผล ๒๔ บรรณานุกรม ๒๕ ภาคผนวก

๑ บทที่ ๑ บทน้า ท่ีมาและความส้าคัญของโครงงาน ปัจจบุ นั มกี ารใช้สารเคมีในชวี ิตประจาวนั กนั มากและมสี ารเคมีที่มพี ิษตอ่ รา่ งกายรวมอยดู่ ้วย โดยเฉพาะอยา่ ง ย่งิ การแก้ไขสารพิษตกคา้ ง ทงั ในนา ในอากาศ รวมทังอาหารที่รับประทาน และใช้ผลิตภัณฑ์ท่ีทามาจากสารเคมี ไม่ ว่าจะเปน็ เคร่อื งสาอาง นายาลา้ งจาน ผงซักฟอก นายาเช็ดกระจก เป็นต้น และถา้ เกดิ การสะสมของสารเคมไี ปเร่ือย ๆ ทาให้ส่งผลเสยี ต่อรา่ งกาย เชน่ ผิวลอก มะเร็งผิวหนัง ผดผืน่ ที่ผิวหนัง อาการวิงเวียนศรี ษะ และอีกมากมายอาจ สง่ ผลให้เสียชวี ติ ได้ จึงมคี วามจาเปน็ อย่างยิ่งที่จะตอ้ งแก้ไขปญั หาสารเคมเี พ่อื เป็นการรกั ษาสขุ ภาพและมีความ ปลอดภัยนาสารในธรรมชาตมิ าทาผลิตภัณฑ์ขจัดคราบ ทไี่ มเ่ ป็นอนั ตรายต่อสุขภาพและส่งิ แวดลอ้ ม สาเหตุท่ีคณะผูจ้ ัดทาเลง็ เห็นการใช้ผลติ ภัณฑ์ทาความสะอาดนายาเชด็ กระจกท่วั ๆไปตาม ทอ้ งตลาด ซ่ึงมี สารเคมีในนายาเชด็ กระจกและมผี ลเสยี ตอ่ รา่ งกาย ซ่งึ มีสว่ นผสมของ บิวทลิ เซลโลโซล และแอมโมเนยี ไฮดรอกไซด์ และเป็นอันตรายหากดูดซึมผา่ นผิวหนังจะระคายเคือง คณะผู้จดั ทาจงึ เลือกมะกรูดมาทาผลิตภัณฑน์ ายาเช็ดกระจกทงั ไม่เป็นอนั ตรายต่อสขุ ภาพและสภาพแวดล้อม เปน็ วตั ถดุ ิบท่ีหาได้ง่ายจากท้องถ่นิ และธรรมชาติและไมเ่ ป็นอนั ตรายตอ่ ร่างกาย วตั ถุประสงคข์ องการทา้ โครงงาน ๑.เพอ่ื ศกึ ษามะกรูดสามารถเชด็ กระจกไดส้ ะอาด ๒.เพอ่ื ผลิตนายาเชด็ กระจกจากสมนุ ไพรธรรมชาติ ๓. เพือ่ ประหยัดค่าใชจ้ ่ายเพือ่ การซือนายาเชด็ กระจก ๔. เพ่อื ใชเ้ วลาว่างให้เกดิ ประโยชน์ ๕. เพอ่ื ศกึ ษาพชื ผัก สมุนไพรรอบตัวมาใชป้ ระโยชนส์ งู สดุ

๒ สมมติฐานของการศกึ ษา นายาเชด็ กระจกท่ผี ลิตจากมะกรูดสามารถเช็ดกระจกได้สะอาดและปลอดภัยกบั รา่ งกาย ขอบเขตของการท้าโครงงาน ศกึ ษานายาเชด็ กระจกท่ีทามาจากมะกรูดเพื่อเช็ดกระจกสะอาดและปลอดภัย

๓ บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี กีย่ วข้อง ในการทาโครงงานพฒั นาเวบ็ ไซต์ เร่อื ง การทานายาเชด็ กระจกจากมะกรูด กลุม่ ผูศ้ กึ ษาได้รวบรวมแนวคดิ ทฤษฎแี ละ หลักการตา่ งๆ จากเอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกีย่ วข้องดังตอ่ ไปนี 1.เอกสารที่เกีย่ วข้องกับอันตรายจากสารเคมนี ายาเชด็ กระจก 2.เอกสารที่เก่ยี วขอ้ งกบั นายาเช็ดกระจก 3.เอกสารท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั มะกรดู 1.เอกสารที่เกี่ยวข้องกับอนั ตรายจากสารเคมนี า้ ยาเช็ดกระจก 1.1 แบ่งประเภทสารอนั ตรายจากสารเคมนี ้ายาเช็ดกระจก ประเภทที่ 1 พวกสารกดั กร่อน เปน็ สารหรอื ไอระเหยจากสารท่ีกัดกรอ่ นทาลายเนอื เยื่อของรา่ งกายเม่ือไปถูกตอ้ งเขา้ หรือกดั กรอ่ นผวิ ภาชนะหรือเคร่อื งเรือนเม่ือหกใส่เข้า ประเภทที่ 2 พวกสารไวไฟ ส่วนมากเป็นของเหลวซ่ึงติดไฟงา่ ยทุกอณุ หภูมิ พงึ ระวงั สะเกด็ ไฟไมใ่ ห้กระเดน็ ใส่ ประเภทท่ี 3 พวกสารก่อปฏิกรยิ า สารพวกนสี ามารถทาปฏิกริยากับอากาศหรือนา หรอื สารอ่นื แล้วทาให้เกดิ ไอพษิ หรือเกิดระเบดิ ตอ้ งเก็บใส่ภาชนะให้มดิ ชดิ ประเภทที่ 4 พวกสารพษิ สารพวกนแี ม้จะขนาดเล็กน้อยก็สามารถก่อพษิ ต่อรา่ งกายทาลายเนอื เยือจากน้อยไปมาก บางชนดิ รุนแรงถึงขนาดทาใหต้ ายไดส้ ารพษิ อาจถกู ดูดซึมเขา้ ร่างกายโดยผา่ นผิวหนงั หรือโดยสดู ดมเขา้ ไป หรอื โดย ด่ืมกนิ เขา้ ไป 1.2 สารประเภทต่างๆ ที่อาจกอ่ อนั ตรายและวิธปี ้องกันรักษา 1. นายาทนิ เนอร์ นายาสารละลาย และนามนั สน เป็นพวกสารไวไฟและพวกสารพิษ เมอ่ื ใช้ผสมแลว้ ให้ใส่ในภาชนะ ปดิ แน่น ปลอ่ ยให้เศษสตี กตระกอน แล้วเทนายาสารละลายและนามนั ส่วนท่ใี สออก เพ่อื นาไปใช้ต่อได้อกี 2. นายาที่ใช้สเปรยฉ์ ดี ฝอยไม่ว่าจะเพือ่ ฟอกอากาศใหส้ ดชืน่ มกี ลิน่ หอม หรอื ฉดี ผม หรอื ฉีดเพ่อื ดบั กลิ่น ล้วนแตเ่ ป็น พวกสารไวไฟทังสิน หากจะหลีกเล่ียงก็ใหใ้ ช้วิธอี ืน่ ทม่ี ิใช่พวกสเปรยฉ์ ดี ฝอย เชน่ หากจะให้อากาศสดชืน่ แทนทจ่ี ะใช้ สเปรยฉ์ ีด กใ็ ห้เปดิ ประตหู น้าตา่ งใหล้ มพดั ผา่ น เปน็ ต้น 3. แบตเตอรีเ่ ป็นพวกสารพิษ ทาจากสารสังกะสแี ละคาร์บอนหรือโลหะอนื่ และทอี่ ันตรายมาก คือ นากรดเติม แบตเตอรซี่ ่ึงเป็นสารกัดกร่อน เวลาแบตเตอร่ีไหมใ้ ฟ จะปล่อยควันพิษออกมา หรืออาจจะระเบดิ ได้ จงึ ควรระมดั ระวงั ไม่เกบ็ แบตเตอร่ีใกล้ไฟ นา่ จะเลือกใชแ้ บตเตอรี่ทีช่ าร์จไฟได้อีก หรอื พลงั งานไฟฟ้าหรือพลงั งานแสงอาทิตยแ์ ทนถา้ มี ทางเลอื ก

๔ 4. นายาขัดพืนและขดั เคร่อื งเรือน เปน็ พวกสารไวไฟและพวกสารพษิ ทางเลือก คอื ใช้นาสบ่ลู ้างแลว้ ขดั ดว้ ยผ้าก็จะ ขึนเงาไดเ้ หมอื นกนั 5. นายาทาเลบ็ และนายาล้างสเี ล็บล้วนแต่เป็นสารพิษ ไม่มสี ารที่ปลอดภยั อน่ื ใหเ้ ลือกแทนเสียดว้ ย ทางที่ดใี ห้งดใช้ เสียเลย ขอให้รักษาเล็บให้สะอาดและตดั ให้สนั กน็ า่ จะสวยงามตามธรรมชาตแิ ละถูกสุขลักษณะแลว้ 6. ยาขัดรองเท้า เป็นสารไวไฟและเปน็ สารพษิ ด้วย หากจะใชก้ ็ขอใหห้ ลกี เลีย่ งประเภททผ่ี สมสารต่อไปนี ไตรคลอ โรเอธทลี ีน (trichloroethylene) เมธทิลคลอไรด์ ทา(ethylchloride) และ( หรอื ไนโตรเบนซนี /nitrobenzene) 7. นายาขัดเคร่ืองเงนิ หรอื เคร่อื งทองแดง เปน็ สารไวไฟและเปน็ สารพษิ ควรหลกี เล่ียงในการใชน้ ายาพวกนี และใช้วธิ ี อน่ื แทน -หากจะขัดเครอื่ งเงนิ ใหผ้ สมโซดาไฟ 1 ชอ้ นชาและเกลือ 1 ชอ้ นชาลงไปในนาอ่นุ ประมาณ 1 ลติ ร แชเ่ ครื่องเงนิ ในนา นีแลว้ ขดั จะขนึ เงาได้เช่นกนั -หากจะขดั เครือ่ งทองแดง ใหห้ ยดนาสม้ สายชแู ละเกลอื แล้วขัด 8. ปุ๋ยเคมี ก็เปน็ สารพษิ ใช้ปุย๋ ธรรมชาตหิ รอื ป๋ยุ หมักแทน ปุ๋ยพวกนีไม่ทาลายส่ิงแวดล้อมอกี ด้วย 9. สารเคมีฆา่ หญา้ เป็นสารพษิ และอาจทาอนั ตรายถึงตาย แมจ้ ะเสพเขา้ ไปจานวนนอ้ ยก็ตาม ควรหลีกเล่ียงการใช้ สารเหล่านี 10. ยาฆ่าแมลงทุกชนิด เป็นพิษต่อรา่ งกาย มากบ้างนอ้ ยบา้ ง ควรใช้วธิ ีอืน่ ในการไล่หรอื กาจัดแมลง 11. ยาเบือ่ หนู เป็นสารอาร์เซนนิคเปน็ ส่วนใหญซ่ ง่ึ มีพิษมากต่อรา่ งกาย ไมค่ วรซอื หามาใช้ควรใชว้ ิธีอ่นื ในการกาจัด หนู 12. ยาฆ่าแมงสาบและยาฆา่ มด ลว้ นเป็นพวกสารพิษเชน่ กนั หากรักษาบ้านและครัวเรือนให้สะอาด แห้ง ไมม่ กี ลิ่น ก็ จะลดแมงสาบและมดได้มาก 13. นายาขดั พืนหรือนายาทาความสะอาดที่ผสมแอมโมเนีย เป็นสารกดั กร่อนและเปน็ สารพษิ หากจะขดั หอ้ งนา อาจ ใชน้ าผสมนาสม้ สายชูหรือโซดาไฟ 14. นายาดับกล่นิ เป็นสารกัดกร่อนและเป็นสารพิษใหใ้ ช้ผสมสารบอแรกชแ์ ทน 15. นายาขัดกระจก เป็นสารกัดกร่อนและสารพษิ ให้ใช้นาผสมนาส้มสายชู แล้วใชก้ ระดาษหนงั สอื พิมพ์เช็ด ขดั ถู หรอื ใช้ผ้าเนอื อ่อนเชด็ ถกู ไ็ ด้ 16. นายาขดั สว้ ม เปน็ สารกดั กร่อนและเปน็ สารพิษ ให้ใชน้ าสบู่หรือโซดาไฟแลว้ ขดั ดว้ ยแปรง

๕ สารพษิ ( Poisons) สารพษิ หมายถงึ สารเคมีท่ีมีสภาพเป็นของแขง็ ของเหลว หรอื ก๊าซ ซ่ึงสามารถเขา้ สรู่ า่ งกายโดย การรบั ประทาน การ ฉดี การหายใจ หรอื การสมั ผสั ทางผิวหนงั แล้วทาใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ โครงสร้างและหน้าที่ของร่างกาย ดว้ ยปฏิกิรยิ า ทางเคมี อันตรายจะมากหรอื น้อยขนึ อยกู่ ับ คุณสมบัติ ปรมิ าณ และทางทไ่ี ด้รับสารพษิ นนั ชนิดของสารพษิ สารพษิ ที่ทาให้เกดิ อันตรายตอ่ มนุษยม์ าจากหลายแหล่งด้วยกนั อาจเปน็ พษิ จากสัตว์ เชน่ งูพิษ ผงึ แมลงปอ่ ง พิษจาก พชื เชน่ เห็ดพษิ ลาโพง พษิ จากแรธ่ าตตุ า่ ง ๆ เช่น ตะก่ัว ฟอสฟอรัส สารหนู และพิษจากสารสังเคราะหต์ า่ ง ๆ เชน่ ยาฆ่าแมลง ยาปราบวัชพืช ยาอันตราย รวมทังสารสงั เคราะหท์ ีใ่ ช้ในครวั เรือนเชน่ นายาฟอกขาว นายาขัดหอ้ งนา เป็นตน้ สารพษิ สามารถจาแนกตามลกั ษณะการออกฤทธไิไ ด้ ๔ ชนิด ดังนี  ชนิดกัดเนือ (Corrosive ) สารพิษชนดิ นีจะทาให้เนือเยื่อของรา่ งกายไหม้ พอง ไดแ้ ก่ สารละลายพวก กรดและดา่ ง เข้มขน้ นายาฟอกขาว  ชนิดทาใหร้ ะคายเคอื ง (Irritants ) สารพิษชนิดนจี ะทาใหเ้ กดิ อาการปวดแสบ ปวดร้อน และอาการอกั เสบในระยะ ต่อมา ไดแ้ ก่ ฟอสฟอรัส สารหนู อาหารเปน็ พิษ ซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์  ชนิดทกี่ ดระบบประสาท (Narcotics ) สารพษิ ชนิดนีจะทาให้หมดสติ หลับลึก ปลกุ ไม่ตื่น ม่านตาหดเลก็ ไดแ้ ก่ ฝิ่น มอร์ฟนี พิษจากงบู างชนดิ  ชนดิ ทก่ี ระต้นุ ระบบประสาท (Dililants) สารพิษชนิดนีจะทาใหเ้ กิดอาการเพ้อคล่งั ใบหน้าและผิวหนงั แดง ตน่ื เต้นชีพ จรเต้นเรว็ ชอ่ งมา่ นตาขยายไดแ้ ก่ ยาอะโทรปนี ลาโพง สภาพการณ์หรือสิ่งแวดล้อมทีบ่ ง่ ชถี งึ ภาวะการไดร้ ับสารพิษ  เกดิ อาการผิดปกตขิ ึนอยา่ งปจั จุบนั ทนั ด่วน โดยที่ผ้ปู ่วยเปน็ คนทีแ่ ข็งแรงสมบรู ณม์ ากอ่ น  เกดิ อาการขึนกับคนหลาย ๆ คน หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน  ในบริเวณที่พบผ้ปู ว่ ยมภี าชนะบรรจุสารพษิ หรือเป็นแหลง่ ของสัตวม์ พี ษิ เชน่ งูพิษ แมงป่อง แมงกะพรนุ ไฟ  มปี ญั หาทางด้านจติ ใจ ไดแ้ ก่ เป็นโรคเรอื รังรกั ษาไมห่ าย มปี ระวัตพิ ยายามฆ่าตวั ตาย ผดิ หวังในชีวติ หรือการทางาน มี ศัตรปู องรา้ ย มผี ลตอ่ รา่ งกายอยา่ งไร? โดยธรรมชาตขิ องรา่ งกายมนษุ ย์ เม่อื ไดร้ ับสารพษิ เข้าสรู่ ่างกายจะมีขบวนการทาลายพษิ ให้นอ้ ยลงและพยายามขบั สารนันออก ทางเหงอ่ื นานม ปสั สาวะ อุจจาระ นาลาย ลมหายใจ แต่หากไดร้ ับสารพิษมากเกนิ ไปจะเกิดการสะสม และเกดิ ผลเสยี หายตอ่ ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทังในลักษณะเฉียบพลนั หรือเรือรงั ดังนี

๖ 1. ผลต่อระบบทางเดินหาย ระบบทางเดินหายใจซ่ึงเปน็ ทางผ่านของก๊าซไอระเหย ฝุ่นละอองของสารพิษ ทาให้เกิด ความระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจในส่วนตน้ ทาลายเนือเยื่อปอด ทาลายความยืดหยุ่นปอด เกิดการแพส้ าร หรือเกดิ มะเร็งหากสัมผัสสารอยา่ งต่อเนอื่ งซา ๆ เป็นเวลานาน เชน่ มะเรง็ ปอด มะเร็งโพรงจมูก เปน็ ตน้ 2. ผลตอ่ ผวิ หนงั เกิดการระคายเคอื งขันตน้ เกดิ การแพ้แสง ทาลายผวิ หนงั อยา่ งถาวร เกิดมะเร็งผิวหนัง 3. ผลต่อตา เกิดอาการระคายเคือง แสบตา เย่อื ยุตาอกั เสบ ตาพร่ามวั นาตาไหลและอาจตาบอดไดถ้ ้ารับสารใน ปรมิ าณมาก เช่น เมธานอล 4. ผลตอ่ ระบบประสาทส่วนกลาง ทาใหข้ าดออกซเิ จนในเลอื ด มผี ลกระทบโดยตรงต่อระบบประสาท เช่น ตาพรา่ มวั กระสับกระส่าย กล้ามเนือส่นั ชกั ขาดความจากลา้ มเนอื ทางานไมป่ ระสานกัน และการรับความร้สู กึ ไมป่ รกติ 5. ผลต่ออวยั วะภายใน  ตับ : แบบเฉยี บพลัน (เซลลต์ าย( แบบเรอื รัง (ตบั แข็ง มะเร็ง( สารที่เปน็ พษิ ต่อตบั เช่น คาร์บอนเตตระคลอไรด์ คลอโรฟอร์ม  ไต :สารท่ีเป็นพษิ ตอ่ ไต เช่น โลหะหนกั คารบ์ อนไดซัลไฟด์  เลอื ด : กระทบต่อระบบการการสรา้ งเมด็ เลือด (ไขกระดูก( องค์ประกอบของเลอื ด (เกล็ดเลอื ด เมด็ เลือดแดง เม็ด เลอื ดขาว( หรอื ความสามารถในการขนสง่ ออกซเิ จนของเซลลเ์ มด็ เลือด สารท่เี ป็นพษิ ต่อเลอื ด เชน่ เบนซิน กมั มนั ตรงั สี  มา้ ม : สารท่ีเปน็ พษิ ตอ่ มา้ ม เช่น คลอโรฟนี ไนโตรเบนซิน  ระบบสืบพันธ์ : เปน็ หมนั อสจุ ผิ ดิ ปกติ มอี สุจนิ ้อย ระบบฮอรโ์ มนทางานผิดปกติ สารท่ีเป็นพษิ ต่อระบบสืบพนั ธ์ เชน่ โลหะหนกั ไดออกซิน เกดิ อาการอย่างไร?..เม่ือได้รับสารอันตราย แบบเฉยี บพลนั : เป็นกาารสัมผัสท่ีเกิดขนึ ครงั เดยี วในระยะเวลาที่ค่อนข้างสนั เชน่ หนง่ึ นาทถี ึงสองสามวัน อาการที่ เกิดขึน ได้แก่ เกิดผลผ่นื คันระคายเคือง ผวิ หนงั ไหม้ อกั เสบ ขาดอากาศ หน้ามืด วิงเวยี น เกดิ ผดผ่นื คัน ระคายเคอื ง ผิวหนงั ไหม้ อกั เสบ ขาดอากาศ หน้ามดื วงิ เวยี น แบบเรือรงั : เปน็ การสัมผัสสารท่รี ะดบั ค่อนข้างตา่ ในระยะเวลานานตังแต่เป็นเดือนถึงเปน็ ปี อาการท่ีเกิดขนึ ไดแ้ ก่ การเกิดความพกิ ารในทารก (Teratogenic) การเกดิ ความผดิ ปกติทางสายพนั ธ์ในตวั ออ่ น หรอื การผ่าเหล่า (Uutagenic) การผดิ ปกติทางพนั ธุกรรม เชน่ การเปลี่ยนแปลงของ DNA การเกดิ มะเร็ง (Carcinogenic) อมั พาต นา้ ยาเช็ดกระจก นายาเช็ดกระจกมสี ารลดแรงตงึ ผวิ เปน็ องค์ประกอบหลกั ผสมกับสารเคมีที่ใช้เป็นตัวทาละลาย โดยทกุ ชนดิ จะใช้ไอโซ โพรพิลแอลกอฮอล์ (isopropyl alcohol) ในปรมิ าณ 1.0-4.0% ไอโซโพรพลิ แอลกอฮอล์เปน็ ของเหลวใส ไมม่ สี ี ไวไฟ และมีกล่นิ ฉุนมาก ใชใ้ นการทาความสะอาด ถ้าจะใชฆ้ า่ เชือต้องใช้ที่ความเข้มขน้ สงู ถึง 60-70% การหายใจเขา้ ไปในปริมาณเลก็ นอ้ ยจะระคายเคืองจมูก ลาคอ และระบบทางเดนิ หายใจ ทาใหป้ วหวั คล่นื ไส้ วงิ เวียน อาเจียน ถา้

๗ ได้รบั ปริมาณสูงขึนอาจทาใหห้ มดสติ หรือตายได้ การสมั ผสั นาน ทาใหผ้ วิ หนงั แห้งและแตก การกลืนกินมอี าการ คล้ายการหายใจ อาเจียนและอาจทาอันตรายแกป่ อด และระคายเคอื งต่อตา ห้ามทงิ สแู่ หลง่ นา นาเสีย หรือดิน สามารถย่อยสลายทางชวี ภาพได้ สารเคมีท่นี ยิ มใช้เปน็ ตวั ทาละลายในนายาเช็ดกระจกอกี ชนิดคอื บิวทิลเซลโลโซลฟ์ (butyl cellosolve) เป็นตวั ทา ละลายเคมที ี่ละลายนาได้ (water-soluble solvent) มักใช้กบั คราบมัน หรอื ทาให้มัน มีชือ่ ทางเคมีว่า 2-บวิ ทอกซีเอ ทานอล (2-butoxyethanol) หรือเอทาลีนไกลคอลโมโนบวิ ทลิ อเี ทอร์ (ethylene glycol monobutyl ether) มีคา่ LD50 (หนู( 470 มลิ ลิกรัม/กิโลกรัม เปน็ พษิ หากถกู ดดู ซึมผา่ นผวิ หนัง กนิ เขา้ ไปทาให้มนึ เมาได้ ตวั ทาละลายทัง 2 มผี ลกระทบคล้ายกนั คอื ระคายเคอื งตอ่ ตา ผิวหนงั จมกู ลาคอ เกดิ อาการไอ คล่ืนไส้ วงิ เวียน ปวดหัว ตาแดง เจบ็ ตา เหน็ ไม่ชดั ปวดทอ้ งนอ้ ย ท้องเสยี อาเจียน กดระบบประสาทส่วนกลาง ทาให้เม็ดเลอื ดแดงแตก แต่ไมต่ อ้ งกงั วลมาก เพราะตวั ทาละลายในนายาเชด็ กระจกมีความเข้มขน้ น้อยมากคอื เพยี ง 0.5-2.5% เท่านัน สาหรบั สารลดแรงตึงผวิ ท่ีใชใ้ นนายาเชด็ กระจกคอื sodium lauryl ether sulfate (SLES) หรือ sodium laureth sulfate ใช้ในปริมาณ 0.1 - 0.6 % โดยนาหนกั SLES มคี า่ LD50 (หน(ู 1,600 มิลลิกรัม/กโิ ลกรมั มีพิษปานกลาง เป็นสารทาใหเ้ กดิ ฟอง มักใชใ้ นผลติ ภัณฑท์ าความสะอาด และแชมพู อาจทาให้เกดิ การระคายเคอื งตาและผวิ หนงั หากเกดิ อาการหลงั จากใช้ผลิตภัณฑค์ วรหยุดใช้ทันที ในกระบวนการผลติ SLES อาจปนเปอื้ นดว้ ย 1,4-dioxane ซ่งึ อาจเปน็ สารก่อมะเรง็ ในต่างประเทศมกี ารห้ามใช้ในผลติ ภณั ฑ์เก่ียวกบั อาหารและยา แตอ่ ยา่ งไรก็ตามไม่มีหลักฐานท่ี บง่ ชีวา่ สารชนิดนีเปน็ ก่อมะเร็ง นายาเชด็ กระจกบางชนิดท่ีไม่ใช้ sodium lauryl ether sulfate เป็นสารลดแรงตึงผวิ จะใช้ cocamidopropyl betaine แทน ซง่ึ เป็นสารลดแรงตงึ ผวิ ท่ีจบั กับทัง anion และ cation ในเวลาเดียวกนั สาร cocamidopropyl betaine เปน็ สารลดแรงตงึ ผวิ แบบออ่ น ทไ่ี ม่ทาให้เกิดการระคายเคอื งต่อผวิ หนังและเนอื เยอ่ื ในจมูก นอกจากนมี ันยัง มสี มบตั ิฆ่าเชอื โรคด้วย และเขา้ ไดก้ บั สารลดแรงตึงผิวชนิดอ่ืนๆ cocamidopropyl betaine ในนายาเช็ดกระจกมี ความเขม้ ขน้ ตา่ กว่า 1 % จะไม่ทาให้เกดิ การระคายเคอื ง อย่างไรก็ตามสาหรับท่ีความเข้มขน้ สูงขนึ ไปอาจทาให้เกิด การระคายเคืองได้ ควรหลีกเล่ียงการเทผลติ ภณั ฑใ์ ส่มอื โดยตรง นายาเชด็ กระจกบางยห่ี ้อมีการนา ammonium hydroxide มาใชป้ ระมาณ 0.1 % ammonium hydroxide ท่ี ความเขม้ ข้นสูงกวา่ 25 % มีค่า LD50 (หน(ู 350 มิลลิกรมั /กิโลกรัม มีความเปน็ พษิ มาก มฤี ทธทไิ าใหเ้ กดิ แผลไหม้ และเป็นอนั ตรายตอ่ สง่ิ มีชีวติ ในนา สารนีมีฤทธิกไ ัดกร่อนเป็นอนั ตรายตอ่ เยือ่ เมือก ระบบทางเดนิ หายใจส่วนบน ดวงตา ผวิ หนัง การสูดดมทาให้เกดิ การระคายเคืองต่อตาและจมกู ซึ่งตอ้ งระวงั อันตรายมากกว่า มีการหดเกร็งของ กลา้ มเนอื อับเสบ การบวมนาของถุงลมและปอด ถ้าเขา้ ตาสามารถทาให้ตาบอดได้ การประเมินภาวะการได้รับสารพิษ

๘ การได้รบั สารพษิ เปน็ ภาวะฉกุ เฉินท่ีตอ้ งไดร้ บั การปฐมพยาบาลที่รบี ด่วน และเฉพาะเจาะจง ดงั นันสิ่งสาคัญที่สดุ คอื จะตอ้ งประเมินจาแนกใหไ้ ด้วา่ อาการผิดปกตติ า่ ง ๆ ทเ่ี กิดขนึ กับผูป้ ่วยนนั ว่าเกิดจากสารพษิ ใด นอกจากประเมิน อาการแล้ว ยงั จาเปน็ ต้องสงั เกตสภาพการณ์ สง่ิ แวดลอ้ มทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั ผปู้ ่วยร่วมด้วย ดงั นี  การคลน่ื ไส้ อาเจียน ปวดทอ้ ง นาลายฟูมปาก หรือมีรอยไหม้นอกบริเวณรมิ ฝีปาก มกี ลน่ิ สารเคมีบรเิ วณปาก  เพอ้ ชกั หมดสติ มอี าการอัมพาตบางส่วนหรอื ทั่วไป ขนาดช่องมา่ นตาผิดปกติ อาจหดหรอื ขยาย  หายใจขดั หายใจลาบาก มีเสมหะมาก มอี าการเขียวปลายมอื ปลายเท้า หรือบรเิ วณรมิ ฝปี าก ลมหายใจมีกล่ินสารเคมี  ตัวเย็น เหงอ่ื ออกมาก มีผ่ืนหรือจุดเลอื ดออกตามผวิ หนัง  สภาพการณห์ รอื ส่งิ แวดล้อมที่บ่งชถี งึ ภาวะการไดร้ บั สารพิษ  เกดิ อาการผิดปกติขึนอย่างปัจจุบนั ทนั ดว่ น โดยที่ผู้ป่วยเป็นคนทแี่ ข็งแรงสมบรู ณม์ าก่อน  เกิดอาการขนึ กบั คนหลาย ๆ คน หรอื อย่ใู นสิง่ แวดล้อมเดียวกัน  ในบริเวณท่ีพบผูป้ ่วยมภี าชนะบรรจสุ ารพิษ หรอื เป็นแหล่งของสัตวม์ พี ษิ เช่น งพู ิษ แมงป่อง แมงกะพรุนไฟ  มีปญั หาทางด้านจติ ใจ ได้แก่ เปน็ โรคเรือรังรกั ษาไม่หาย มีประวตั พิ ยายามฆ่าตัวตาย ผดิ หวังในชีวติ หรือการทางาน มี ศตั รปู องรา้ ย การปฐมพยาบาลผ้ทู ่ีไดร้ บั สารพษิ จาแนกตามวีถีทางท่ไี ด้รับ ๓ ทาง ดังนี  การปฐมพยาบาลผทู้ ่ไี ดร้ ับสารพิษทางปาก  การปฐมพยาบาลผทู้ ี่ได้รับสารพิษทางการหายใจ  การปฐมพยาบาลผู้ทไี่ ด้รับสารพษิ ทางผิวหนัง การปฐมพยาบาลผทู้ ีไ่ ด้รับสารพิษทางปาก ผู้ช่วยเหลอื ต้องทาการประเมินผู้ท่ีไดร้ บั สารพษิ กอ่ น แลว้ จงึ พิจารณาดาเนินการช่วยเหลือ ดังนี  ทาให้สารพิษเจอื จาง ในกรณรี ้สู กึ ตัวและไม่มีอาการชัก โดยการด่ืมนาชาซง่ึ หาไดง้ า่ ย แต่ถ้าไดน้ มจะดกี กวา่ เพราะวา่ จะช่วยเจอื จางสารพษิ แล้ว ยงั ช่วยเคลือบและปอ้ งกันอันตรายต่อเยือ่ บุทางเดนิ อาหาร  นาสง่ โรงพยาบาล เพอื่ ทาการล้างท้องเอาสารพิษออกจากกระเพาะอาหาร  ทาให้ผู้ป่วยอาเจียน เพื่อเอาสารพิษออกจากกระเพาะอาหาร ในกรณีท่ีตอ้ งใช้เวลานานในการนาส่งผู้ป่วย เช่น ใช้นิว ลว้ งคอ ใชไ้ ม้พนั สาลกี วาดคอซงึ่ จะเป็นการกระตุ้นให้ รูส้ ึกอยากขยอ้ น อยากอาเจียน ข้อห้ามในการทา้ ให้ ผปู้ ว่ ยอาเจยี น  หมดสติ

๙  ได้รบั สารพษิ ชนิดกัดเนือ เช่น กรด ด่าง  รบั ประทานสารพษิ พวก นามันปโิ ตรเลยี ม เชน่ นามันกา๊ ด เบนซิน  มสี ขุ ภาพไมด่ ี เชน่ โรคหัวใจ ๔. ใหส้ ารดดู ซบั สารพษิ ในระบบทางเดินอาหาร เพื่อลดปริมาณการดดู ซมึ สารพิษเข้าสรู่ ่างกาย สารที่ใชไ้ ดผ้ ลดี คอื Activated charcoal มีลักษณะเป็นผงถ่านสดี า ใช้ ๑ ช้อนโตะ๊ ละลายนา ๑ แก้ว ให้ ผูป้ ว่ ย ด่ืม ถา้ หาไม่ได้ อาจใช้ไข่ ขาว ๓ - ๔ ฟอง ตใี หเ้ ขา้ กันให้ ผ้ปู ว่ ยรบั ประทาน ซ่งึ ควรใชใ้ นกรณีดังตอ่ ไปนี  รบั ประทานสารพษิ เข้าไปเกนิ คร่ึงถึง ๑ ชวั่ โมง เพราะสารพิษผา่ นกระเพาะอาหารลงไปยังลาไส้แล้ว การให้อาเจยี น อาจไมไ่ ดผ้ ล  หลงั จากทาให้อาเจียนแลว้ ไมแ่ น่ใจว่าสารพษิ จะถูกขบั ออกมาหมดโดยการอาเจียน  ไมส่ ามารถทาให้ ผู้ปว่ ยอาเจียนได้  นาส่งโรงพยาบาล เมอื่ ให้การปฐมพยาบาลแลว้ ขณะนาสง่ ใหส้ งั เกต อาการและอาการแสดง ตลอด เวลาและใหก้ าร ช่วยเหลอื ถา้ ผู้ปว่ ยหยดุ หายใจและหัวใจหยดุ เต้น โดยการนวดหัวใจและการผายปอด การปฐมพยาบาลผู้ทีไ่ ด้รบั สารกดั เนอื (Corrosive substances ) กรด ด่าง เปน็ สารเคมีที่พบในชีวิตประจาวนั นามาใช้ในครวั เรอื น และโรงงานอตุ สาหกรรม เช่น กรดซลั ฟริก กรด ไฮโดรคลอรกิ โซเดียมคารบ์ อเนต อาการและอาการแสดง ไหมพ้ อง ร้อนบริเวณริมฝีปาก ปาก ลาคอและท้อง คลื่นไส้ อาเจียน กระหายนา และมีอาการภาวะช็อค ได้แก่ ชีพจร เบา ผิวหนงั เย็นชืน การปฐมพยาบาล  ถ้ารู้สกึ ตวั ดีใหด้ ื่มนม  อยา่ ทาให้อาเจียน  รีบนาสง่ โรงพยาบาล การปฐมพยาบาลผ้ทู ี่ไดร้ บั สารพวกน้ามันปโิ ตเลยี ม เปน็ ผลติ ภณั ฑท์ ี่พบได้ทังในบา้ นและโรงงานอตุ สาหกรรม สารพวกนีไดแ้ ก่ นามันกา๊ ด เบนซิน ยาฆ่าแมลงชนดิ นามัน เช่น DTT. อาการและอาการแสดง

๑๐ แสบร้อนบริเวณปาก คล่นื ไส้ อาเจยี น ซงึ่ อาจสาลักเข้าไปในปอดทาให้หายใจออกมามกี ลน่ิ นามัน หรือมีกลิน่ นามนั ปิ โตเลี่ยม อตั ราการหายใจและชีพจรเพิม่ อาจมีอาการขาด ออกเิ จน ซ่งึ อาจรนุ แรงมากมีเขยี วตามปลายมือ ปลายเท้า ( Cyanosis ) การปฐมพยาบาล  รบี นาสง่ โรงพยาบาล  ห้ามทาใหอ้ าเจยี น  ระหว่างนาสง่ โรงพยาบาล ถา้ ผปู้ ว่ ยอาเจยี น ให้จดั ศีรษะต่า เพือ่ ป้องกันการสาลักนามนั เข้าปอด การปฐมพยาบาลผทู้ ีไ่ ดร้ บั ยาแก้ปวด ลดไข้ ยาแอสไพริน และพาราเซตามอล พบบ่อย ในเดก็ ทร่ี ู้เทา่ ไม่ถึงการณ์ และผ้ทู ี่มีปัญหาทางด้านจิตใจ อาการและอาการแสดง ของผู้ท่ีได้รับ ยาแอสไพรนิ หูอือ เหมอื นมีเสียงกระดง่ิ ในในหู การไดย้ นิ ลดลง เหง่ือออกมาก ปลายมอื ปลายเท้าแดง ชพี จรเร็ว คลื่นไสอ้ าเจียน หายใจเร็ว ใจสนั่ อาการและอาการแสดง ของผ้ทู ่ีได้รบั ยาพาราเซตามอล ( ไทรนี อล ( ยานีจะถกู ดูดซมึ เร็วมาก โดยเฉพาะในรปู ของสารละลาย ทาให้เกิดอาการคลนื่ ไส้ อาเจียน ง่วงซมึ เหงื่อออกมาก ความดนั โลหติ ต่า สับสน เบื่ออาหาร การปฐมพยาบาล  ทาให้สารพษิ เจอื จาง  ทาใหอ้ าเจยี น  ให้สารดดู ซบั สารพิษ ท่อี าจหลงเหลอื ในระบบทางเดินอาหาร  ให้กาลังใจ เพื่อให้ ผูป้ ่วยสงบ  นาสง่ โรงพยาบาล การปฐมพยาบาลผู้ที่ไดร้ ับสารพษิ ทางการหายใจ สารพิษท่ีเขา้ สทู่ างการหายใจ ไดแ้ ก่ กา๊ ซพิษ ซง่ึ แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท ดังนี  กา๊ ซท่ีทาใหร้ า่ งกายขาดออกซเิ จน เกิดอาการ วิงเวยี น หน้ามดื เปน็ ลมหมดสติ ถึงแกค่ วามตายได้ เช่น คาร์บอนมอน นอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน ไนโตรเจน ปัจจุบันพบว่าก๊าซที่ทาให้เกดิ ปัญหาค่อนข้างบอ่ ย ไดแ้ ก่ คารบ์ อน มอนนอกไซด์ โดยเฉพาะในเมอื งใหญ่ ๆ ทม่ี ีปัญหาการจราจรคบั คง่ั อากาศเป็นพิษ คารบ์ อนมอนนอกไซด์ เปน็ ก๊าซไม่ มีสี ไม่มกี ล่นิ ไมม่ ีรส เกิดจากการเผาไหม้ทไี่ มส่ มบูรณ์ของนามนั เชอื เพลิง เมือ่ หายใจเข้าไปในรา่ งกาย ก๊าซนีจะแยง่ ที่

๑๑ กบั ออกซิเจนในการจับกับฮโี มโกลบินในเมด็ เลือดแดง ทาใหเ้ มด็ เลอื ดแดงไม่สามารถไปยงั เนือเยื่อท่วั ร่างกายได้ รา่ งกายจึงมีอาการของการขาดออกซเิ จน ซ่งึ ถ้าช่วยเหลือไม่ทันจะทาใหผ้ ้ปู ่วยเสียชวี ติ เชน่ ในกรณีทม่ี ผี ูเ้ สียชวี ิตใน รถยนต์  ก๊าซทท่ี าใหเ้ กดิ การระคายเคืองต่อระบบทางเดนิ หายใจ ไดแ้ ก่ คอ หลอดลม และปอด ถ้าไดร้ ับในปริมาณมากอาจทา ใหต้ ายได้ เชน่ ซลั เฟอร์ไดออกไซด์ ไมม่ ีสีแตม่ ีกล่ินฉนุ พบได้ในโรงงานอุตสาหกรรม ใช้ทากรดกามะถัน  กา๊ ซทท่ี าให้อันตรายท่ัวร่างกาย ไดแ้ ก่ ก๊าซอารซ์ ีน ไม่มสี กี ล่ินคลา้ ยกระเทียม พบไดใ้ นโรงงานอุตสาหกรรมใช้ทา แบตเตอรี่ เมอื่ เขา้ สู่รา่ งกายจะทาให้เมด็ เลือดแดงแตก ปัสสาวะเปน็ เลือด ดซี ่าน ตาเหลือง ตวั เหลือง การปฐมพยาบาล  กลนั หายใจและรบี เปิดประตูหน้าตา่ ง ๆ เพอื่ ให้อากาศถา่ ยเท มอี ากาศบริสุทธิเไ ข้ามาในหอ้ ง ปดิ ท่อก๊าซ หรอื ขจัด ต้นเหตุของพษิ นัน ๆ  นาผูป้ ่วย ออกจากบรเิ วณที่เกิดเหตไุ ปยังทีม่ ีอากาศบริสุทธไิ  ประเมินการหายใจและการเตน้ ของหัวใจ ถา้ ไม่มีให้ผายปอดและนวดหัวใจ  นาส่งโรงพยาบาล การปฐมพยาบาลผทู้ ีไ่ ดร้ ับสารพษิ ทางผิวหนงั สารพิษทสี่ ามารถเขา้ สู่ร่างกายทางผวิ หนงั ทพ่ี บบ่อยเกิดไดแ้ ก่ สารเคมี และสารพิษที่เกิดจากการถกู สัตว์มีพิษกดั หรอื ต่อย เชน่ ตอ่ แตน ผงึ ตะขาบ แมงป่อง แมงกะพรุนไฟ งพู ิษ การปฐมพยาบาลเมอ่ื สารเคมีถูกผวิ หนัง  ล้างดว้ ยนาสะอาดนาน ๆ อยา่ งนอ้ ย ๑๕ นาที  อย่าใช้ยาแก้พษิ ทางเคมี เพราะความรอ้ นท่ีเกิดจากปฏกิ ริ ยิ าอาจทาใหเ้ กิดอนั ตรายมากขึน  บรรเทาอาการปวดและรักษาช็อค  ปิดแผล แล้วนาสง่ โรงพยาบาล การปฐมพยาบาลเมื่อสารเคมีเข้าตา  ลา้ งตาด้วยนานาน ๑๕ นาท่ี โดยการ เปิดนากอ๊ กไหลรินคอ่ ย ๆ  อยา่ ใชย้ าแกพ้ ษิ ทางเคมี เพราะความรอ้ นที่เกิดจากปฏิกริ ยิ าอาจทาใหเ้ กิดอันตรายมากขึน  บรรเทาอาการปวดและรกั ษาชอ็ ค  ปดิ ตา แล้วนาส่งโรงพยาบาล

๑๒ ท้าอยา่ งไรจึงจะพน้ ภยั จากสารเคมีอันตราย? นี่คงเปน็ คาถามทีอ่ ยู่ในใจประชาชนคนไทยทกุ คน เนื่องจากในปัจจบุ ัน ได้เกิดอบุ ัติเหตทุ างดา้ นสารเคมีรนุ แรงขนึ หลายครงั ผลกระทบที่เกดิ ขึนแตล่ ะครงั มไิ ด้ จากดั อยเู่ ฉพาะในโรงงาน เท่านัน แต่ยังได้สรา้ งความเดอื ดร้อนตอ่ ประชาชนทั่วไปดว้ ย อาทิ การร่วั ไหลของสารเคมขี ณะขนส่ง การระเบิด และ การเกิดเหตุเพลิงไหมข้ องสารเคมีในโกดงั เป็นต้น การไดร้ ับอันตรายของประชาชนมีสาเหตสุ าคัญเนอื่ งจากความรู้เท่าไมถ่ ึงการณ์ โดยการเขา้ ไปสัมผัสหรอื อย่ใู กล้ บรเิ วณที่เกิดอบุ ตั ิเหตุทางด้านสารเคมี โดยไมท่ ราบวา่ มสี ารเคมีแพร่กระจายอยู่หรือเมือ่ อยู่ในพืนท่ี เกิดเหตุไม่รู้วา่ ควร ปฏิบัตติ นเองอยา่ งไรจงึ จะเป็นการแกไ้ ขหรือปอ้ งกันอันตรายใหแ้ ก่ตนเองได้อยา่ งเหมาะสม กรมควบคุมมลพษิ จึงได้จัดทาคมู่ อื เลม่ นีขนึ ซ่ึงคมู่ ือนีจะเปน็ ประโยชนท์ ่จี ะช่วยชีแนะวิธีการจาแนกประเภท สารเคมีที่ เปน็ อนั ตราย พิษภยั ทเี่ กดิ ขนึ การปฏบิ ัติที่เหมาะสมเม่ือประสบอบุ ัตเิ หตทุ างด้านสารเคมี รวมทงั วิธปี ้องกันตนเองให้ ปลอดภัยในเบอื งตน้ ประสบอบัตภิ ยั สารเคม.ี .ตอ้ งทา้ อยา่ งไร? 1. พยายามจาแนกว่าสารเคมีดงั กล่าวเป็นสารเคมชี นิดไหน โดยพจิ ารณาจากฉลากหรือแผน่ ปา้ ยทีต่ ดิ อยู่ข้างฝา ภาชนะ เพอ่ื จะสามารถระมัดระวงั ตัวเองจากสารเคมีอนั ตรายไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 2. อย่าพยายามกระทาในส่งิ ที่ไมร่ ู้จรงิ เพราะอาจกอ่ ใหเ้ กิดผลเสียหายอย่างรุนแรงโดยมไิ ดค้ าดคดิ เชน่ การล้าง ภาชนะบรรจหุ รอื บริเวณที่มีกรดหกรดอาจทาใหเ้ กิดปฏิกริ ยิ ารุนแรงได้ 3. โทรศพั ท์ขอความช่วยเหลือจากหนว่ ยงานท่ีรับผดิ ชอบ  เกดิ เหตใุ นกรงุ เทพมหานคร โทร. 199 หรือศนู ย์กรงุ เทพมหานคร โทร. 1555 หรอื กรมควบคุมมลพษิ โทร. 1650  เกดิ เหตใุ นต่างจังหวดั โทร. 1999 หรอื กรมควบคุมมลพษิ โทร. 1650  เกดิ เหตบุ นทางหลวง โทร. 1193  เกดิ เหตุบนทางด่วน โทร. 1543  เกิดเหตุบนท้องถนน แจ้งศูนยป์ ลอดภยั คมนาคม โทร. 0 2280 8000  เกิดเหตุเกย่ี วกบั วตั ถุกัมมันตรังสี แจ้งสานกั งานปรมาณเู พ่ือสนั ติในเวลาราชการ โทร. 0 2579 5230-4 ตอ่ 552, 553, 139 นอกเวลาราชการ โทร. 0 2579 5230 -4 หรอื 0 2562 0123  แจ้งศูนย์รบั แจ้งเหตแุ ละประสานงานด้านการบรรเทาสาธารณภัย โทร. 0 2241 7450-9  ศนู ย์อานวยการบรรเทาสาธารณภยั กรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั โทร. 1784  ศนู ย์นเรนทร โทร. 1669 4. ขอ้ มลู ทที่ ่านควรแจ้ง เม่ือพบเห็นเหตกุ ารณ์  สถานทเ่ี กิดเหตุ  ลักษณะเหตุการณ์ท่ีเกิดขึน  ชนิด/ประเภทของสารเคมี(ถา้ ทราบ(

๑๓  จานวน/ปรมิ าณของสารเคมที ีห่ กหรอื รว่ั ไหล (ถา้ ทราบ(  มแี หลง่ นาหรือชุมชนอยูใ่ กล้เคียงบริเวณที่เกิดเหตุหรือไม่ จะช่วยเหลือผปู้ ่วย..ไดอ้ ยา่ งไร 1. เคลอื่ นยา้ ยผ้ปู ่วยไปอยู่ในที่อากาศบรสิ ุทธไิ 2. ถอดเสือทีเ่ ป้ือนสารเคมอี อก และแยกใสถ่ งุ หรอื ภาชนะต่างหาก 3. หากสัมผัสสารให้ล้างด้วยนามากๆ อย่างน้อย 15 นาที 4. ไปพบแพทย์ 2.เอกสารทเี่ กี่ยวข้องกบั น้ายาเชด็ กระจก 1.1 นายาทาความสะอาดสารพัดประโยชน์และนายาเช็ดกระจกหลายยหี่ อ้ มีแอมโมเนยี เปน็ ส่วนผสม แอมโมเนยี มฤี ทธไิเป็นดา่ งและสามารถกดั กรอ่ น มีสูตรเคมคี ือ NH3 ซง่ึ ปกติจะอยู่ในสถานะกา๊ ซไม่มีสีท่มี ีกลน่ิ ฉุน เฉพาะตัว แตเ่ มอ่ื ละลายนาจะอย่ใู นรปู สารละลายของแอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ (NH4OH) อยา่ งไรก็ตามแอมโมเนยี สามารถระเหยออกมาเป็นกา๊ ซและอาจเปน็ อันตรายตอ่ ทางเดินหายใจและดวงตาได้ โดยท่วั ไปความเขม้ ข้นของ แอมโมเนยี ในผลิตภัณฑ์ท่ใี ช้ในครวั เรอื นอยรู่ ะหว่าง 5 – 10 % นาหนักต่อปริมาตรคณาจารย์ ภาควิชาเภสชั เคมี ( รม์ หาวทิ ยาลัยศิลปากรคณะเภสชั ศาสต2558) 1.2 ประโยชนข์ องนายาเช็ดกระจก ทาใหก้ ระจกใสสะอาด ไมม่ ีคราบสกปรกตดิ อยบู่ นกระจก 3.เอกสารท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั มะกรูด ความหมายของมะกรูด มะกรูด เปน็ พชื ในสกุลสม้ (Citrus) ลักษณะของมะกรดู เปน็ ไม้ยืนตน้ ขนาดเลก็ เนือไมแ้ ข็ง ลาต้นและกิ่งมหี นามยาว เลก็ น้อย ใบเป็นใบประกอบชนิดลดรูป มใี บย่อย 1 ใบ เรียงสลบั รปู ไข่ คอื มลี กั ษณะคล้ายกับใบไม้ 2 ใบ ตอ่ กนั อยู่ คอดกิว่ ท่กี ลางใบเป็นตอน ๆ มกี ้านแผ่ออกใหญ่เท่ากบั แผน่ ใบ ทาใหเ้ หน็ ใบเป็น 2 ตอน กวา้ ง 2.5-4 เซนตเิ มตร ยาว 4-7 เซนตเิ มตร ใบสเี ขยี วแกพ่ ืนผวิ ใบเรยี บเกลยี ง เป็นมัน ค่อนขา้ งหนา มีกลิ่นหอมมากเพราะมตี ่อมนามนั อยู่ ซึง่ ผล แบบนเี รียกว่า ผลแบบสม้ (hesperitium) ใบดา้ นบนสีเข้ม ใตใ้ บสีออ่ น ดอกออกเปน็ กระจุก 3–5 ดอก กลีบดอกสี ขาว เกสรสเี หลือง รว่ งง่าย มีกลน่ิ หอม มีผลสีเขียวเขม้ คล้ายมะนาวผิวเปลือกนอกขรขุ ระ ขวั หัว-ทา้ ยของผลเป็นจุก ผลออ่ นมีเป็นสีเขยี วแก่ เมอื่ ผลสุกจะเปลย่ี นเป็นสเี หลอื งสด พันธุ์ทม่ี ผี ลเล็ก ผิวจะขรุขระน้อยกว่าและไมม่ จี กุ ที่ขวั ภายในมีเมล็ดจานวนมาก ๆ

๑๔ สรรพคณมะกรูด กบั คณประโยชน์ทางยาทไ่ี ม่ควรมองขา้ ม มะกรูดเป็นพชื สมุนไพรโบราณท่มี คี ณุ ประโยชน์ทางยามากมาย โดยสามารถนาส่วนต่าง ๆ มาใช้รกั ษาอาการตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างหลากหลาย มะกรูดมสี ารตา้ นอนมุ ูลอสิ ระสงู จงึ มสี ว่ นช่วยสร้างเสรมิ ภูมิค้มุ กันใหแ้ ก่รา่ งกายและตา้ นทานโรค หลายชนดิ รวมทังมะเรง็ บางชนิดด้วย นอกจากนมี ะกรูดยงั มฤี ทธิใไ นการช่วยยับยงั การเจริญเตบิ โตของเชือจลุ ินทรยี ์ อย่างเช่นเชอื อีโคไล (E.coli) และซาลโมเนลลา (Salmonella) ได้ ชว่ ยบารงุ ประจาเดือน ขบั ระดู และมักเปน็ สว่ นผสมสาคญั ในยาสตรตี ่าง ๆ อีกด้วย ไม่เพียงแคน่ ัน ส่วนตา่ ง ๆ ของมะกรดู ยังมีประโยชนอ์ กี มากมาย รากมะกรูด - รากของมะกรูดมีรสจดื เย็น สามารถชว่ ยแก้อาการไข้ ถอนพษิ สาแดง แกล้ มจกุ เสยี ด กระท้งุ พษิ ไข้ แก้พษิ ฝีภายใน และช่วยอาการเสมหะเปน็ พษิ ผิวมะกรดู - ผิวของมะกรูดสามารถช่วยแก้อาการนอนไมห่ ลบั ได้ โดยนาผิวของมะกรูดบดรวมกับรากชะเอม ไพล เฉียงพร้า ขมนิ ออ้ ย แล้วนามาตม้ นาดม่ื - เปน็ ยาบารุงหัวใจ โดนนาผวิ มะกรูดฝานสดประมาณ 1 ช้อนโตะ๊ มาผสมกบั พมิ เสนหรอื การบรู ชงในนาเดอื ดแล้วแช่ ทงิ ไว้ จากนนั นามาด่มื - ช่วยแกอ้ าการเปน็ ลม หนา้ มืด วิงเวียนศีรษะ โดยนาเปลือกมะกรูดฝานบาง ๆ ชงกบั นาเดือดแลว้ เติมการบูรเล็กน้อย นามาด่ืมเพือ่ แก้อาการ - ช่วยขบั ลมในลาไส้ แก้อาการจุกเสียด ท้องอดื แนน่ ทอ้ งได้ - ช่วยขับสารพษิ ท่ีอยูใ่ นร่างกายใหอ้ อกมาทางผวิ หนังโดยการนาผิวมะกรดู มาใช้เป็นส่วนประกอบในการอบซาวน่า สมนุ ไพร ใบมะกรดู - ช่วยแกไ้ อ แก้อาการอาเจียนเป็นเลือด - ช่วยแก้อาการชาใน - ใบมะกรูดอดุ มไปด้วยเบตา้ แคโรทนี ซ่ึงช่วยในการชะลอการขยายตวั ของเซลล์มะเรง็ และช่วยต่อตา้ นมะเรง็ ได้ ผลมะกรูด - ช่วยแกอ้ าการไอ ขบั เสมหะ โดยการนามะกรูดผ่าคร่งึ และนาไปลนไฟใหน้ ิ่ม แลว้ ค่อย ๆ บบี นามะกรูดลงคอทลี ะนดิ จะช่วยทาให้อาการบรรเทาลงได้

๑๕ - ชว่ ยฟอกโลหติ โดยนาผลมะกรูดสดมาผา่ เปน็ 2 ซกี แล้วนาไปดองกับเกลือหรอื นาผึงประมาณ 1 เดอื น แล้วรินเอา แต่นาดืม่ - ช่วยแกอ้ าการปวดท้อง หรอื ใชเ้ ปน็ ยาแก้ปวดท้องในเด็กออ่ น โดยการนาผลมะกรูดมาคว้านไส้กลางออก นา มหาหงิ คุ์ใสแ่ ละปดิ จกุ แล้วนาไปเผาไฟจนดาเกรียมและบดจนเปน็ ผงละลายกับนาผงึ ไวร้ ับประทานแก้อาการปวดได้ - ช่วยขับระดู ขับลม โดยผลมะกรูดนามาดองทาเปน็ ยาดองเปรียวไวร้ บั ประทาน - ช่วยแกอ้ าการนาลายเหนยี ว - แกเ้ ถาดานในทอ้ ง - แก้ระดเู สยี ขับระดู - ชว่ ยขับลมในลาไส้ นอกจากนีนาจากผลมะกรูดยงั สามารถใชแ้ ก้อาการเลือดออกตามไรฟนั ได้อีกดว้ ย โดยใชน้ ามะกรดู ถูบาง ๆ บริเวณ เหงือกหลังแปลงฟนั เสร็จจะชว่ ยทาให้อาการเลือดออกตามไรฟนั บรรเทาลงได้ สรรพคณทางยา ผิวผลสดและผลแห้ง รสปรา่ หอมร้อน สรรพคุณแก้ลมหน้ามดื แกว้ งิ เวียน บารงุ หัวใจ ขับลมลาไส้ ผล รสเปรียว มสี รรพคณุ เปน็ ยาขับเสมหะ แก้ไอ แก้นาลายเหนยี ว ฟอกโลหิต ใช้สระผมทาให้ผมดกดา ขจัด รังแค ราก รสเย็นจดื แกพ้ ษิ ฝีภายใน แกเ้ สมหะ แก้ลมจุกเสยี ด นามะกรดู รสเปรียว กัดเสมหะ ใช้ดองยามีสรรพคณุ เป็นยาฟอกโลหติ สาหรับสตรี ใบ รสปรา่ หอม แกไ้ อ แกอ้ าเจยี นเปน็ โลหิต แกช้ าใน และดับกล่นิ คาว ประโยชนข์ องมะกรูด -ชว่ ยเจรญิ อาหาร -นามนั หอมระเหยจากมะกรดู ช่วยผอ่ นคลายความเครียด คลายความกังวล -ชว่ ยแกอ้ าการนอนไม่หลับ -ช่วยแก้อาการหน้ามืด -ช่วยยับยงั การขยายตวั ของเซลลม์ ะเรง็ -ชว่ ยยบั ยังการเจรญิ เติบโตของจลุ ินทรียไ์ ดเ้ ปน็ อย่างดี -กรดอ่อนๆของมะกรดู ช่วยยับยังการเกรง็ ตวั ของกล้ามเนือได้ -ไล่แมลงได้ -กาจดั กล่นิ อบั ได้

๑๖ บทที่ ๓ วิธกี ารด้าเนินงาน ในการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ เรอ่ื งนายาเช็ดกระจกจากมะกรูดกลมุ่ ผศู้ ึกษามวี ธิ กี ารดาเนนิ โครงงาน ดงั ต่อไปนี ๓.๑ วิธกี ารด้าเนนิ โครงงาน ๓.๑.๑ ประชุมสมาชกิ ในกลุ่มเพื่อศึกษา และเลือกหัวขอ้ สนใจในการทาโครงงาน ๓.๑.๒ นาเสนอหวั ข้อโครงงานที่ไดจ้ ากการเลือกหัวข้อทส่ี นใจของกลมุ่ ทางานต่อครทู ่ีปรึกษาโครงงาน ๓.๑.๓ วางแผนการจัดทาโครงงาน โดยเขียนแบบรา่ งโครงงาน ๓.๑.๔ นาแบบร่างโครงงานมาจดั ทาโครงงานท่ีสมบรู ณ์ ๓.๑.๕ นาโครงงานท่สี มบูรณแ์ ล้วมาจัดทาเว็บไซต์ โดยใช้โปรแกรม E - Book จัดทาส่วนบนของเว็บไซต์ ตกแต่งภาพและตัวหนังสือ พัฒนาเว็บไซตต์ ามหัวข้อตามโครงงาน ๓.๑.๖ นาเสนอผลงานตามโครงงานในรปู แบบของเว็บไซต์ ๓.๑.๗ ประเมนิ ผลงานการจดั ทาโครงงาน ๓.๒ วิธกี ารเกบ็ รวบรวมข้อมลู ๓.๒.๑ ศกึ ษาจาก www.google.com ๓.๒.๒ สอบถามจากผู้มคี วามรู้ และสืบคน้ จากห้องสมดุ ๓.๒.๓ ศกึ ษาขอ้ มูลเกยี่ วกับมะกรูดและนายาเช็ดกระจก ๓.๓ วสั ดุ และอปุ กรณใ์ นการทา้ นา้ ยาเชด็ กระจก ๑. มะกรดู ๒๕ ลูก ๒ เบกกิงโซดา ๑ ช้อนชา ๓. กระชอน ๑ อนั ๔.เกลอื ๑ ช้อนโตะ๊

๑๗ ๖. นาเปล่า ๒ ถว้ ยตวง ๗. ขวดสาหรับใส่นายาเช็ดกระจกจากมะกรูด ๓.๔ วธิ กี ารด้าเนินงานของน้ายาเชด็ กระจก ๑. นามะกรูดมาห่ันฝานเปลอื กออก แยกเปลอื กและเนอื ๒. ตม้ นาให้เดอื ด เอาเปลือกไปตม้ จนสุก

๑๘ ๓. นาผลทฝ่ี านเปลือก ไปตาเอานามะกรูดออกมาหรือบบี เอานาออก นากระชอนมากรองเพ่ือใหไ้ ม่มีเมล็ดปนน มาด้วย ๔. กรองนาท่ตี ้มเอาเปลอื กออกให้หมด

๑๙ ๕. เอาเบกกงิ โซดาใส่ในถว้ ยท่มี ีนาจากผลของมะกรดู ๖.นาผลท่กี รองแลว้ มาผสมกบั เปลือกมะกรดู ที่ต้มและใส่เกลอื ลงไป

๒๐ ๗.รอจนเกลอื ละลาย และใส่ขวดบรรจุภณั ฑห์ รือขวดสเปรยแ์ ละนาไปใช้งานได้

๒๑ บทท่ี ๔ ผลของการด้าเนนิ โครงงาน ในการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ เรอ่ื ง นายาเช็ดกระจกจากมะกูด ได้รับผลของการดาเนนิ โครงงาน ดงั ต่อไปนี ตอนที่ ๑ ทานายาเชด็ กระจก ได้นายาเชด็ กระจกเปน็ สเี ขยี วขุน่ และมีเนือของมะกรดู เล็กน้อย มีกล่นิ เปรยี วของมะกรดู ตอนท่ี ๒ หาประสิทธภิ าพในการทาความสะอาดของนายาเช็ดกระจกจากมะกรดู เป็นดงั นี วัสดทุ ดลอง จานวนครังที่ทดลอง กอ่ นเช็ดกระจก หลังเช็ดกระจก กระจกเงา ครังที่ ๑ มีฝุนนเกาะ มคี ราบขุน่ กระจกใสสะอาด เงา ครงั ที่ ๒ มฝี นุนเกาะ มคี ราบขุ่น กระจกใส สะอาด และกระจกไม่เงา มัว ไม่มีคราบ

๒๒ บทที่ ๕ สรุปผลและอภิปรายผลการด้าเนินงาน การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอรเ์ รื่อง นายาเช็ดกระจกจากมะกรูด สามารถสรุปผลการดาเนนิ งานโครงงาน และข้อเสนอแนะ ดงั นี ๕.๑ การดา้ เนินงานจดั ทา้ โครงงาน ๑. วัตถปุ ระสงค์ของโครงงาน ๑.๑ เพือ่ ใหผ้ ู้คนหนั มาใชผ้ ลติ ภณั ฑท์ ท่ี ามาจากสมุนไพรแทนการใช้ผลติ ภัณฑ์ท่ีทามาจากสารเคมี ๑.๒ เพอื่ เผยแพร่วิธกี ารทานายาเช็ดกระจกจากมะกรดู ซ่งึ เป็นพืชสมุนไพรใกล้ตัวและหาได้ง่ายตามท้องถิ่น ทว่ั ไป ๒. วัสดุ อุปกรณ์ ๒.๑ มะกรูด ๒.๒ เกลอื ๒.๓ เบคกิงโซดา ๕.๒ สรุปการด้าเนนิ งานโครงงาน การดาเนินโครงงานนบี รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ทไ่ี ดก้ าหนดไว้ คือ เพอ่ื ใหผ้ ้คู นหนั มาใช้ผลติ ภณั ฑท์ ีท่ ามาจากสมุนไพร แทนการใช้ผลติ ภัณฑ์ท่ีทามาจากสารเคมี เปน็ โครงงานที่จัดทาขนึ เพ่ือเผยแพร่วิธกี ารทานายาเชด็ กระจกจากมะกรูด ซงึ่ เปน็ พชื สมนุ ไพรใกลต้ ัวและหาได้งา่ ยตามท้องถน่ิ ทว่ั ไป โครงงานนีจึงมีประโยชน์เป็นอย่างมากเนื่องจากเปน็ นายา เช็ดกระจกท่ที ามาจากมะกรดู ซ่ึงเป็นสมนุ ไพรตามธรรมชาตแิ ละไมก่ ่อใหเ้ กดิ อนั ตรายต่อผทู้ ใ่ี ช้ผลติ ภณั ฑ์ ๕.๓ ปญั หาและอปุ สรรคในการทา้ โครงงาน เปน็ ผลิตภัณฑ์ท่ีเก็บรกั ษาได้ไม่นาน ดงั นนั ต้องเก็บในอณุ หภมู ทิ ี่เหมาะสม หรือไว้ในท่ี ไม่เกิดเชอื ราง่าย เช่น พนื ทไี่ มม่ ีความชืน

๒๓ ๕.๔ ขอ้ เสนอแนะ ๑. นอกจากสมุนไพรมะกรูดแลว้ สามารถนาสมุนไพรชนิดอ่ืนๆมาเปน็ ส่วนผสมไดอ้ ีกด้วย ๒. ควรรณรงค์ใหผ้ ้คู นหันมาใชผ้ ลิตภัณฑ์ท่ีทามาจากสมุนไพรธรรมชาตแิ ทนผลติ ภัณฑ์ท่ีทามาจากสารเคมี เน่อื งจากสมนุ ไพรธรรมชาตไิ ม่ก่อให้เกิดอนั ตรายตอ่ ผวิ หนัง

๒๔ บรรณานุกรม กระปกุ . (๒๕๕๖). สรรพคุณมะกรดู . สบื คน้ เมอ่ื วนั ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖. แหลง่ ที่มา :https://health.kapook.com กรมสง่ เสรมิ สิง่ แวดลอ้ ม. (๒๕๕๘).สารเคมี. สืบค้นวันท่ี ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒. แหลง่ ท่มี า : https://web.ku.ac.th อนามยั . (๒๕๖๑).นายาเช็ดกระจก. สืบค้นวนั ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒. แหล่งทีม่ า : https://productnation.co/th สารุกรมไทยสาหรับเยาวชน. (๒๕๔๙). ผลกระทบจากสารเคมี. สืบค้นวันท่ี ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒. แหลง่ ทม่ี า : http://kanchanapisek.or.th

๒๕ ภาคผนวก

๒๖ ทานายาเชด็ กระจกจากมะกรูด

๒๗

๒๘

๒๙ ก่อนเช็ดกระจก

๓๐ หลงั เช็ดกระจก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook