ลนั่ ทม หรือ ลลี าวดี เป็นไม้ดอกยืนต้นในวงศ์ตีนเป็ด หรือ วงศ์ไม้ลนั่ ทม (Apocynaceae) มหี ลายชนิดด้วยกนั บางคนมคี วามเช่ือวา่ ไมค่ วรปลกู ต้น ลน่ั ทมในบ้านเพราะมคี วามเช่ือว่า เป็นอปั มงคล คือไปพ้องกบั คาวา่ 'ระทม' ซง่ึ แปลว่า เศร้าโศก ทกุ ข์ใจ นิยมปลกู กนั แพร่หลายอย่างมาก ชื่อพืน้ เมอื งอื่น ๆ ได้แก่ จาปา, จาปาลาว และจาปาขอม เป็นต้น (สาหรับชื่อภาษาองั กฤษ ได้แก่ Frangipani, Plumeria, Temple Tree, Graveyard Tree) ต้นลีลาวดีเป็นพืชนิยมปลกู เพราะดอกมีสีสนั หลากหลาย สวยงาม ได้แก่ขาว เหลอื ง ออ่ น แดง ชมพู สขี าวขนุ่ ฯลฯ บางดอกมมี ากกว่า 1 สี อาจมมี ากถงึ หลายสีในดอก เดียว ดอกลีลาวดียงั เป็นดอกไม้ประจาชาตขิ องประเทศลาว โดยเรียกวา่ ดอกจาปา
ชบา (ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Hibiscus rosa- sinensis) เป็นพืชมีดอกในสกลุ Hibiscus วงศ์ Malvaceae เป็นพืช พ้ืนเมืองในเอเชียตะวนั ออก ชาวโอรังอซั ลีใน รัฐเปรัก มาเลเซีย ใชเ้ ปลือกรากแช่ในน้าขา้ มคืน และดื่มขณะทอ้ งวา่ งเพอ่ื รักษาฝี
ชบาเป็นไม้พมุ่ ขนาดกลาง ใบคอ่ นข้างมนรี มีปลายแหลม ขอบของใบเป็นจกั เลก็ น้อย และมีสีเขียวเข้มออ่ น เมื่อขยีใ้ บ จะเป็นเมือกเหนียว ดอกมีทงั้ กลีบชนั้ เดียวและหลายชนั้ หาก เป็นชนั้ เดียวปกติจะมีกลีบดอก 5 กลีบ มีก้านเกสรอยตู่ รง กลางดอกหน่ึงก้าน ลกั ษณะของกลีบดอกชบาจะมขี นาด ใหญ่ มีหลายสีไมว่ า่ จะเป็น ขาว แดง แสด เหลอื ง มว่ ง ชมพู และสีอ่ืน ๆ โดยดอกชบาแบง่ ออกเป็น 3 ลกั ษณะคือ ดอก บานเป็นรูปถ้วย ดอกบานเป็นรูปแผแ่ บน และกลบี ดอกบาน แบบแผ่โค้ง และขยายพนั ธ์ุด้วยการปักชา การตอ่ ตา การติด ตา และการเสียบยอด
มะขาม เป็นไมเ้ ขตร้อน มีถ่ินกาเนิดอยใู่ นทวปี แอฟริกาแถบ ประเทศซูดาน, ประเทศแคเมอรูน, ประเทศไนจีเรีย, ประเทศ เคนยา, ประเทศแซมเบีย, และประเทศแทนซาเนีย ต่อมามีการ นาเขา้ มาในแถบประเทศเขตร้อนของเอเชียและประเทศแถบลาติน อเมริกา และในปัจจุบนั มีมากในประเทศเมก็ ซิโก ชื่อมะขามในภาคตา่ ง ๆ เรียก มะขามไทย ภาคกลาง ขาม ภาคใต้ ตะลบู โคราช ม่วงโคลง้ (กะเหร่ียง-กาญจนบุรี) อาเปี ยล เขมร จงั หวดั สุรินทร์ ในภาษาองั กฤษใชค้ าวา่ tamarind ซ่ึง มาจากภาษาอาหรับ
ชาฮกเกยี้ น ลกั ษณะทว่ั ไป: เป็นไมพ้ มุ่ สูงไดถ้ ึง 2.5 เมตร แตกกิ่งกา้ นหนาแน่น ใบ เด่ียวเรียงสลบั มกั ออกเป็นกระจุกตามก่ิงส้นั ๆ รูปไข่กลบั แคบ ปลายแยก เป็นพแู หลม 3-5 แฉก ปลายพมู กั เป็นต่ิงหนามอ่อน โคนใบรูปปลิ่ม หลงั ใบสีเขียวเขม้ เป็นมนั ขรุขระเลก็ นอ้ ย ทอ้ งใบสีเขียวอ่อน ดอกสีขาว ออกเป็นช่อกระจุก ตามชอกใบ ดอกยอ่ ย 2-5 ดอก กลีบเลียง 5 กลีบ สีเขียวอ่อน ดา้ นนอกมีขนยาว ประปราย โคนกลีบดอกเชื่อมติดกนั เลก็ นอ้ ยเป็นรูปกรวย ปลายแยกเป็น 5 แฉก รูปสามเหลี่ยม แคบ ปลายมน ผลรูปกลม สีสม้ แดง ประโยชน์ : ปลกู เป็นไมป้ ระดบั กลางแจง้ ทาแนวร้ัว บอนไซ
ต้นชาทอง ชาทอง รหสั พรรณไม:้ 7-56000-002-009 ชื่อพ้นื เมือง : ชาทอง พวงม่วง เทียน หยด ฟองสมุทร ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Duranta repens . ชื่อวงศ:์ VERBENACEAE ลกั ษณะวสิ ยั : ไมพ้ มุ่ ลกั ษณะเด่นของพืช : ไมพ้ มุ่ แตก กิ่งกา้ นสาขามาก สูง ๑1.80 เมตร ตามก่ิง มีหนามเลก็ นอ้ ย เปลือกตน้ หยาบ ขรุขระ ใบเด่ียว เรียงแบบเป็นคตู่ รงกนั ขา้ ม ใบรูปหอก ขนาด๒.๕เซนติเมตร ยาว 5.5 เซนติเมตร ปลายเรียว แหลม โคนใบรูปลิ่ม ขอบใบจกั เป็นฟัน เลื่อยซอ้ น ใบมีสีเหลืองจนสีเขียว ดอก เป็ นช่อเชิงลด
ประโยชน์: เป็นไมป้ ระดบั ใชต้ กแต่งสวน ปลูกเป็นร้ัว บริเวณท่ีพบ : ขา้ งอาคารเฉลิมหลา้ ฯ ดา้ นทิศตะวนั ออก เขตพ้ืนที่ศึกษาE ถ่ินกาเนิด อเมริกา เขตร้อน การกระจายพนั ธุ์ : ในประเทศไทย พบในทวั่ พ้ืนที่เขต ร้อน ในประเทศอ่ืนๆ ประเทศในเขตร้อน นิเวศวทิ ยาตอ้ งการแสงมากชอบความช้ืน เวลาออกดอกตลอดปี การขยายพนั ธุป์ ักชากิ่งตอนก่ิง ลกั ษณะวิสยั : ไมพ้ มุ่ เรือนยอด ทรงพมุ่ : รูปร่ม ความสูง 2 ม. ความกวา้ งทรง พ่มุ 0.45 ม. ถ่ินอาศยั : พืชบก ลาตน้ : ลาตน้ เหนือดิน ต้งั ตรงเองได้ เปลือกลาตน้ : สีน้าตาลอมเทา ลกั ษณะ : ขรุขระ ยาง : ไม่มี
โป๊ ยเซียน (ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Euphorbia milli) เป็น หน่ึงในไมม้ งคล จดั อยใู่ นวงศ์ Euphorbiaceae อยใู่ น สกลุ Euphorbia ซ่ึงเป็นสกลุ เดียวกบั พืชหลายชนิด เช่น ตน้ คริสตม์ าส และส้มเชา้
ลักษณะโดยท่วั ไป ใบยาวรี ปลายใบจะแหลม ออกดอกเป็ นกลุ่ม ๆ แต่ละดอกจะมกี ลีบ อย่ตู รงข้ามกนั ดอกโป๊ ยเซียนมหี ลายสี เช่น แดง เหลือง ชมพู ส้ม ขาว เป็ นต้น ดอกโป๊ ยเซียนจะออกดอกทงั้ ปี แต่ออกมากในหน้า หนาว และดอกจะทนมาก ลาต้นมหี นามแหลม และแข็งคล้าย กระบองเพชร การขยายพันธ์ุโป๊ ยเซียน สามารถทาได้หลายวิธี เช่น การปักชา การตอนก่งิ การเสียบก่งิ และ การเพาะเมล็ด แต่ท่นี ิยมทามากและได้ผลดคี อื การปักชา และการ เสียบก่งิ
เขม็ เป็นไม้พมุ่ จดั อย่ใู นวงศ์ Rubiaceae ลกั ษณะของดอกจะ เกิดจากการอยรู่ วมกนั เป็นช่อ ๆ มี หลากหลายสี มีคณุ คา่ ทางสมนุ ไพร ดอกเข็มท่ียงั ตมู สามารถนามาชบุ แป้ งหรือไขท่ อดทานเป็นอาหารได้[1] เข็มเป็ นพืชท่ีต้ องการแสงแดดจดั ต้องการปริมาณนา้ ปานกลาง สามารถทนตอ่ ความแห้งแล้ง การให้ นา้ 3-5 วนั /ครัง้ ชอบดินร่วนซยุ ดิน ร่วนปนทราย มีความช่มุ ชืน้ ใสป่ ๋ ยุ คอกหรือป๋ ยุ หมกั อตั รา 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ 5-6 ครัง้ /ปี ขยายพนั ธ์โุ ดยการปักชา การเพาะ เมลด็ การตอน วิธีที่ได้ผลดีและนิยม กนั คือ การปักชาและการตอน
การเพาะปลูก การปลกู ในกระถางเพือ่ ประดบั ภายนอกอาคารบา้ นเรือน ใชก้ ระถางทรงสูงขนาด 8-12 นิ้ว ใชป้ ๋ ุยคอกหรือป๋ ุยหมกั แกลบผุ ดินร่วน อตั รา 1:1:1 ผสมดินปลูกควรเปล่ียนกระถางปี ละคร้ังเพราะการเจริญเติบโต ของทรงพมุ่ โตข้ึนและเพอ่ื เปล่ียนดินปลกู ใหม่ทดแทนดินปลูกเดิมที่ เสื่อมสภาพไป การปลกู ในแปลงปลกู เพือ่ ประดบั บริเวณบา้ นและสวน นิยมปลูกเป็นกลุ่มตกแต่งสวนบริเวณบา้ นหรือปลกู เป็นแนวร้ัวกไ็ ด้ สามารถ ตดั แต่งและบงั คบั รูปทรงไดต้ ามความเหมาะสม และความตอ้ งการของผปู้ ลูก ขนาดหลุมปลกู 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใชป้ ๋ ุยคอก หรือป๋ ุยหมกั ดินร่วน อตั รา 1:2 ผสมดินปลกู
จดั ทาโดย นายธีรภทั ร์ วางฐาน ม.5/6 เลขท่ี 7 นายวีรภทั ร ขนั เวช ม.5/6 เลขท่ี 17 E-mail: [email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: