นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๓๙ ประวัติของผ้แู ตง่ ประวตั ิของทา่ นสนุ ทรภู่ ท่านเปน็ กวีเอกคนหน่ึงของกรุงรตั นโกสินทร์ เกิดเม่ือวันจนั ทร์ เดอื น ๘ ขึน้ ๑ ค่า ปมี ะเมยี ตรงกับวันที่ ๒๖ มิถนุ ายน พ.ศ.๒๓๒๙ ซง่ึ ตรงกับรชั สมัยของพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลก (รชั กาลท่ี ๑) บิดาเปน็ ชาวบา้ นกรา่ อ่าเภอแกลง จงั หวัดระยอง มารดา เป็นคนจงั หวดั ไหนไม่ปรากฏ ตั้งแตส่ ุนทรภ่ยู ังเดก็ บิดากลับไปบวชท่ีเมืองแกลง ส่วนมารดามสี ามี ใหมม่ ีลกู ผูห้ ญงิ อีก ๒ คน ช่อื ฉมิ กับนิ่ม ต่อมามารดาไดเ้ ปน็ แม่นมของพระองคเ์ จ้าจงกล พระธิดาของ กรมพระราชวังหลัง สุนทรภูจ่ ึงเขา้ ไปอยู่ในวังกบั มารดา ตอนยังเปน็ เดก็ สุนทรภูไ่ ด้เล่าเรียนทวี่ ดั ชีปะขาว (วัดศรีสดุ าราม) โตขึน้ กเ็ ขา้ รับราชการเปน็ นายระวางพระคลงั สวน ไมน่ านก็ลาออกเพราะ ไม่ชอบงานน้ี ชอบแต่การแตง่ กลอน และแต่งสักวาเท่านั้น ความเป็นมา สุนทรภแู่ ต่งนิราศภูเขาทองในรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือราวปลาย พ.ศ. ๒๓๕๓โดยเล่าถึงการเดินทางเพ่ือไปนมัสการเจดีย์ภูเขาทองท่ีเมืองกรุงเก่าหรือจังหวัด พระนครศรีอยธุ ยาในปัจจุบัน หลงั จากจ่าพรรษาอยู่ทีว่ ดั ราช-บุรณะหรือวัดเลยี บ จุดม่งุ หมายในการแต่ง เพ่อื ไปนมัสการพระเจดียภ์ เู ขาทองในวัดภูเขาทองด้วยเชือ่ ว่ามีพระบรมสารีริกธาตุ บรรจอุ ยู่
นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๐ เนือ้ หา จากคา่ พรรณนาความรสู้ ึกอาลยั อาวรณ์พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลยั ในนิราศภเู ขาทอง ท่าให้เห็นว่าสุนทรภูย่ งั คงจงรักภกั ดีตอ่ พระองค์ตลอดมาและไม่เคยลืมความสุขที่ตนเองเคยได้รับจากพระ มหากรณุ าธิคุณของพระองค์ สุนทรภู่ได้กล่าวถึงความสุขหนหลงั ในสมัยรชั กาลที่ ๒ ในบทนี้ ส้ินแผ่นดินสน้ิ นามตามเสด็จ ต้องเท่ยี วเตร็ดเตร่หาที่อาศัย แม้นก่าเนดิ เกิดชาติใดใด ขอให้ไดเ้ ป็นข้าฝา่ ธุลี ส้นิ แผ่นดินขอใหส้ ้ินชีวติ บา้ ง อย่ารูร้ า้ งบงกชบทศรี เหลืออาลัยใจตรมระทมทวี ทุกวนั น้ีก็ซงั ตายทรงกายมา เสน้ ทาง นิราศภเู ขาทองเริม่ ตน้ เล่าการเดินทางทางเรอื จากวดั ราชบรุ ณะ กรงุ เทพมหานคร จุดหมาย ปลายทางคือพระเจดียภ์ เู ขาทองท่ีกรงุ เกา่ สถานทท่ี เี่ ดนิ ทางผ่านคือ พระบรมมหาราชวงั , วดั ประโคนปัก, โรงเหลา้ , บางจาก, บางพลู, บาง พลดั , บางโพ, บา้ นญวน, วดั เขมา, ตลาดแกว้ , ตลาดขวัญ, บางธรณ,ี เกาะเกรด็ , บางพูด, บา้ นใหม่, บาง เดื่อ, บางหลวง, สามโคก, บา้ นง้วิ เมอ่ื เข้าเขตพระนครศรีอยธุ ยา ผ่านหนา้ จวนเจ้าเมือง, วัดหน้าพระ เมรุ แลว้ จงึ เดินทางถึงเจดียภ์ ูเขาทอง สว่ นขากลบั กล่าวถึงวดั อรุณราชวรารามเทา่ น้ัน ระหวา่ งการเดนิ ทาง เม่ือกวพี บเหน็ สิง่ ใดท่นี ่าสนใจ หรอื สอดคล้องกับความคิดทตี่ ้องการเสนอก็จะน่ามากล่าวไว้ ลกั ษณะคาประพันธ์ นริ าศภเู ขาทองแต่งดว้ ยกลอนนิราศ มคี วามคล้ายคลึงกบั กลอนสภุ าพ แต่เรม่ิ ด้วยวรรครบั จบ ดว้ ย วรรคสง่ ลงท้ายดว้ ยค่าวา่ เอย มีความยาวเพยี ง ๘๙ ค่ากลอนเท่านน้ั แต่มีความไพเราะและเรยี บง่าย ตาม แบบฉบับของสุนทรภู่ ใช้ภาษาท่ีเข้าใจง่าย บรรยายความรู้สึกขณะเดียวกันกเ็ ล่าถึงสภาพของความเปน็ มา ของบ้านเมืองในสมยั นั้น
นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๑ กลอนนิราศ คอื คา่ กลอนท่ีแตง่ ข้นึ เพอื่ เลา่ เรื่องการเดนิ ทางไปยังแห่งใดแห่งหน่ึง โดยร่าพันถึงการ จากคนท่ีรักไปยังแห่งนัน้ และไม่จา่ เปน็ ว่าคนที่รกั จะมีตัวตนจรงิ หรือไม่ การประพนั ธ์ต้องใช้ศลิ ปะในการ ร่าพนั ให้ไพเราะกนิ ใจผอู้ ่าน กลอนนริ าศที่นิยมว่าแตง่ ดีได้แก่ นริ าศของสุนทรภู่ เชน่ นริ าศภูเขาทอง นิราศพระบาท เป็นตน้ ส่วนนริ าศเร่อื งอ่นื ท่นี ับวา่ ไพเราะด้วยความพรรณนา เชน่ นิราศลอนดอน ของ หมอ่ มราโชทยั นิราศรอบโลก ของแสงทอง กลอนนิราศมีลักษณะบงั คบั อย่างกลอนท่วั ไป กา่ หนดลักษณะเฉพาะเชน่ เดียวกับกลอนเพลง ยาว คอื ขนึ้ ต้นด้วยวรรครับ และลงทา้ ยบทดว้ ยคา่ วา่ เอย อ้างอิง วรรณคดีวิจักษ์ ม.๑
นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๒ นิราศภูเขาทอง ๏ เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระวสา รบั กฐินภญิ โญโมทนา ชลุ ีลาลงเรอื เหลืออาไลย ออกจากวัดทัศนาดูอาวาส เม่อื ตรษุ สารทพระวสาได้อาศัย สามระดูอย่ดู ไี ม่มีภัย มาจา่ ไกลอารามเมื่อยามเยน็ โออ้ าวาสราชบุรณะพระวหิ าร แตน่ ้นี านนับทิวาจะมาเห็น เหลอื รา่ ลึกนกึ น่าน้่าตากระเด็น เพราะขกุ เข็ญคนพาลมารานทาง จะยกหยิบธิบดีเป็นที่ต้งั ก็ใชถ้ ังแทนสัดเหน็ ขดั ขวาง จง่ึ จา่ ลาอาวาศนิราศรา้ ง มาอา้ งวา้ งวิญญาในสาคร ถงึ นา่ วงั ดังหนงึ่ ใจจะขาด คิดถงึ บาทบพิตรอดิศร โอ้ผา่ นเกล้าเจ้าประคณุ ของสุนทร แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทกุ เช้าเยน็ พระนิพพานปานประหน่งึ ศีรษะขาด ด้วยไรญ้ าติยากแคน้ ถึงแสนเข็ญ ทงั้ โรคซ้า่ กรรมซดั วิบัติเป็น ไมเ่ ล็งเห็นทซี่ ่ึงจะพึง่ พา จะสร้างพรตอดสา่ ห์ส่งบุญถวาย ประพฤฒฝิ า่ ยสมถะท้ังวสา เป็นสงิ่ ของฉลองคุณมลุ ิกา ขอเป็นข้าเคียงพระบาททุกชาตไิ ป ถึงนา่ แพแลเห็นเรอื ท่นี ั่ง คดิ ถึงครง้ั ก่อนมาน้่าตาไหล เคยหมอบรับกับพระจม่ืนไวย แลว้ ลงในเรือที่น่งั บัลลังก์ทอง เคยทรงแต่งแปลงบทพจนารถ เคยรับราชโองการอา่ นฉลอง จนกฐนิ ส้ินแมน่ ้า่ ในลา่ คลอง มไิ ดข้ ้องเคืองขัดหัทยา เคยหมอบใกลไ้ ด้กลน่ิ สุคนธต์ ระหลบ ละอองอบรสรื่นช่ืนนาสา สนิ้ แผ่นดนิ สิน้ รสสคุ นธา วาสนาเรากส็ ิน้ เหมือนกลน่ิ สคุ นธ์
นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๓ ดใู นวังยังเหน็ หอพระอัฐิ ตัง้ สตเิ ติมถวายฝ่ายกุศล ทั้งปนิ่ เกล้าเจา้ พิภพจบสกล ใหผ้ อ่ งพ้นภัยสา่ ราญผ่านบรุ ิน ไม่เหน็ หลักฦๅเลา่ วา่ เสาหิน ถึงอารามนามวัดประโคนปกั มริ ู้สน้ิ สุดชอื่ ที่ฦๅชา เป็นสา่ คญั ปนั แดนในแผน่ ดนิ แม้นมอดม้วยกลับชาตวิ านนา ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย อยคู่ ู่ฟา้ ดนิ ได้ดงั ใจปอง อายยุ ืนหมืน่ เท่าเสาศิลา แพประจ่าจอดรายเขาขายของ ไปพน้ วัดทัศนารมิ ท่านา้่ ทง้ั สิ่งของขาวเหลอื งเคร่ืองส่าเภา มีแพรผา้ สารพดั สีมว่ งตอง มคี ันโพงผกู สายไวป้ ลายเสา ให้มัวเมาเหมือนหน่ึงบ้าเป็นน่าอาย ถึงโรงเหล้าเตากล่นั ควันโขมง สรรเพช็ ญโ์ พธิญาณประมาณหมาย โอ้บาปกรรมน้า่ นรกเจียวอกเรา ไม่ใกลก้ รายแกล้งเมินก็เกนิ ไป ท่าบุญบวชกรวดน่า้ ขอสา่ เรจ็ สดุ จะหักหา้ มจิตรจะคิดไฉน ถงึ สรุ าพารอดไม่วอดวาย แตเ่ มาใจนีป้ ระจ่าทุกค่าคืน ไมเ่ มาเหล้าแลว้ แตเ่ รายงั เมารัก มามวั หมองมว้ นหน้าไม่ฝา่ ฝืน ถงึ เมาเหลา้ เชา้ สายก็หายไป จึงตอ้ งขืนใจพรากมาจากเมือง เคยใส่ซองส่งให้ล้วนใบเหลอื ง ถงึ บางจากจากวดั พลัดพ่ีน้อง ท้งั พลัดเมืองพลดั สมรมาร้อนรน เพราะรักใคร่ใจจืดไม่ยดื ยนื ร่มนโิ รธรุกขมูลให้พลู ผล ถงึ บางพลูคดิ ถึงคู่เม่ืออยู่ครอง ให้ผอ่ งพน้ ภัยพาลส่าราญกาย ถึงบางพลดั เหมือนพ่ีพลดั มาขัดเคอื ง มีของขังก้งุ ปลาไวค้ ้าขาย ถงึ บางโพธ์โิ อ้พระศรีมหาโพธิ์ พวกหญิงชายพร้อมเพรยี งมาเมียงมอง ขอเดชะอานภุ าพพระทศพล ถงึ บ้านญวนลว้ นแตโ่ รงแลสะพร่ัง นา่ โรงโพงพางเขาวางราย
นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๔ จะเหลียวกลบั ลบั เขตประเทศสถาน ทรมานหม่นไหมฤ้ ทัยหมอง ถงึ เขมาอารามอรา่ มทอง พึ่งฉลองเลิกงานเมือ่ วานซืน โอป้ างหลังครง้ั สมเดจ็ พระบรมโกษฐ์ มาผูกโบสถก์ ็ได้มาบูชาชน่ื ชมพระพมิ พ์รมิ ผนังยังยั่งยนื ทงั้ แปดหมื่นสี่พนั ได้วันทา โอค้ รัง้ นีม้ ิไดเ้ ห็นเล่นฉลอง เพราะตวั ต้องตกประดาษวานนา เป็นบญุ นอ้ ยพลอยนึกโมทนา พอนาวาติดชลเข้าวนเวียน ดูน้า่ ว่ิงกลิ้งเชี่ยวเป็นเกลยี วกลอก กลบั กระฉอกฉาดฉัดฉวดั เฉวยี น บา้ งพลงุ่ พลงุ่ วุ้งวงเหมือนกงเกวยี น ดูเปลีย่ นเปล่ยี นคว้างควา้ งเป็นหวา่ งวน ท้ังหวั ท้ายกรายแจวกระชากจ้วง ครรไลลว่ งเลยทางมากลางหน โอเ้ รอื พ้นวนมาในสาชล ใจยงั วนหวังสวาดไมค่ ลาศคลา ตลาดแก้วแล้วไมเ่ หน็ ตลาดตงั้ สองฟากฝ่งั ก็แตล่ ว้ นสวนพฤกษา โอร้ ินรินกลน่ิ ดอกไม้ใกลค้ งคา เหมอื นกลน่ิ ผา้ แพรร่าด่ามะเกลือ เห็นโศกใหญใ่ กล้น่า้ ระก่าแฝง ทั้งรกั แซงแซมสวาดประหลาดเหลือ เหมอื นโศกพ่ที ี่ระก่าก็ซ่้าเจือ เพราะรักเรื้อแรมสวาดมาคลาศคลาย ถึงแขวงนนท์ชลมารถตลาดขวญั มีพ่วงแพแพรพรันเขาค้าขาย ท้งั ของสวนล้วนแต่เรือเรียงราย พวกหญิงชายชุมกันทกุ วนั คนื มาถึงบางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจให้สะอน้ื โอ้สุธาหนาแน่นเป็นแผน่ พื้น ถึงส่หี มืน่ สองแสนท้ังแดนไตร เมอ่ื เคราะห์รา้ ยกายเรากเ็ ท่านี้ ไม่มีทพ่ี สธุ าจะอาศยั ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคบั แคบใจ เหมือนนกไร้รงั เร่อยู่เอกา ถงึ เกรด็ ย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ผูห้ ญงิ เกล้ามวยงามตามภาษา เดี๋ยวนม้ี อญถอนไรจุกเหมือนตุก๊ ตา ท้งั ผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย
นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๕ โอ้สามัญผนั แปรไมแ่ ท้เท่ียง เหมอื นอยา่ งเยย่ี งชายหญงิ ทง้ิ วิไสย น่ฤี ๅจิตรคิดหมายมหี ลายใจ ท่จี ติ รใครจะเป็นหน่ึงอย่าพึงคิด ถึงบางพดู พดู ดีเป็นศรีศกั ด์ิ มคี นรกั รสถ้อยอร่อยจติ ร แมน้ พูดชว่ั ตวั ตายทา่ ลายมิตร จะชอบผดิ ในมนุษย์เพราะพูดจา ถึงบ้านใหม่ใจจิตรกค็ ิดอา่ น จะหาบา้ นใหม่มาดเหมือนปรารถนา ขอใหส้ มคะเนเถิดเทวา จะไดผ้ าสุกสวสั ด์ิก่าจัดภัย ถึงบางเด่ือโอม้ ะเด่ือเหลือประหลาด บังเกิดชาติแมลงหว่ีมีในไส้ เหมอื นคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อปุ ระมยั เหมือนมะเด่อื เหลือระอา ถึงบางหลวงเชงิ รากเหมือนจากรกั สเู้ สยี ศกั ด์ิสงั วาสพระสาสนา เป็นล่วงพ้นรนราคราคา ถึงนางฟา้ จะมาใหไ้ มไ่ ยดี ถึงสามโคกโศกถวิลถึงป่ินเกล้า พระพทุ ธเจ้าหลวงบา่ รุงซึ่งกรุงศรี ประทานนามสามโคกเปน็ เมอื งตรี ช่อื ประทุมธานเี พราะมบี ัว โอพ้ ระคุณสูญลับไม่กลับหลงั แต่ชอ่ื ตั้งกย็ ังอยเู่ ขารู้ท่วั โอ้เรานที้ ่ีสนุ ทรประทานตวั ไม่รอดชั่วเชน่ สามโคกยงิ่ โศกใจ ส้ินแผ่นดนิ สิน้ นามตามเสดจ็ ต้องเท่ยี วเตรด็ เตรห่ าทอี่ าศัย แมน้ ก่าเนิดเกดิ ชาตใิ ดใด ขอให้ได้เป็นข้าฝ่าธุลี สน้ิ แผน่ ดินขอให้สิ้นชวี ิตบา้ ง อยา่ รรู้ า้ งบงกชบทศรี เหลืออาไลยใจตรมระทมทวี ทุกวนั น้ีก็ซงั ตายทรงกายมา ถึงบา้ นง้ิวเห็นแตง่ ้วิ ละลิ่วสูง ไม่มีฝงู สัตวส์ งิ กง่ิ พฤกษา ดว้ ยหนามดกรกดาษระดะตา นึกกน็ า่ กลัวหนามขามขามใจ งว้ิ นรกสิบหกองคลุ แี หลม ดงั ขวากแซมเซย่ี มแซกแตกไสว ใครทา่ ชูค้ ูท่ ่านครัน้ บรรลัย ก็ตอ้ งไปปีนต้นน่าขนพอง
นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๖ เราเกดิ มาอายุเพยี งน้ีแล้ว ยงั คลาศแคล้วครองตวั ไมม่ ัวหมอง ทุกวันน้วี ิปรติ ผิดท่านอง เจียนจะต้องปีนบา้ งฤๅอยา่ งไร โอ้คิดมาสารพัดจะตดั ขาด ตดั สวาดตดั รกั มยิ ักไหว ถวลิ หวงั นัง่ นึกอนาถใจ ถึงเกาะใหญร่ าชครามพอยามเย็น ดูห่างยา่ นบ้านช่องทั้งสองฝั่ง ระวงั ท้งั สตั วน์ ้่าจะทา่ เข็ญ เป็นทีอ่ ยู่ผรู้ า้ ยไม่วายเว้น เทย่ี วซอ่ นเรน้ ตีเรือเหลอื ระอา พระสุริยงลงลบั พยับฝน ดมู ัวมนมดื มดิ ทุกทิศา ถงึ ทางลดั ตดั ทางมากลางนา ทงั้ แฝกคาแขมกกขึ้นรกเรี้ยว เป็นเงาง่้านา่้ เจงิ่ ดูเวิง้ วา้ ง ทงั้ กว้างขวางขวัญหายไม่วายเหลยี ว เห็นดุ่มดุ่มหนุ่มสาวเสยี งกราวเกรยี ว ลว้ นเรอื เพรียวพร้อมหนา้ พวกปลาเลย เขาถ่อคลอ่ งวอ่ งไวไปเป็นยดื เรือเราฝดื เฝือมานิจาเอย๋ ตอ้ งถ่อค่า้ ร่าไปทั้งไมเ่ คย ประเดย๋ี วเสยสวบตรงเข้าพงรก กลับถอยหลังรั้งรอเฝา้ ถ่อถอน เรอื ขย่อนโยกโยนกะโถนหก เงยี บสงัดสัตวป์ ่าคณานก นา้่ ค้างตกพรา่ งพรายพระพายพดั ไมเ่ ห็นคลองต้องค้างอยู่กลางทุง่ พอหยุดยุงฉชู มุ มารุมกัด เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกายเหมือนทรายซดั ต้องนั่งปดั แปะไปมิไดน้ อน แสนวติ กอกเอย๋ มาอา้ งว้าง ในทงุ่ กว้างเห็นแตแ่ ขมแซมสลอน จนดกึ ดาวพราวพร่างกลางอัมพร กะเรียนร่อนรอ้ งก้องเมื่อสองยาม ทงั้ กบเขียดเกรียดกรดี จังหรีดเรื่อย พระพายเฉื่อยฉวิ ฉิววะหวิวหวาม วังเวงจติ รคิดคะนึงร่าพึงความ ถงึ เม่ือยามยงั อุดมโสมนัส สา่ รวลกับเพอื่ นรักสะพรกั พร้อม อยู่แวดลอ้ มหลายคนปรนนบิ ัติ โอย้ ามเขญ็ เหน็ อยูแ่ ตห่ นูพดั ช่วยนง่ั ปดั ยุงให้ไม่ไกลกาย
นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๗ จนเดือนเดน่ เห็นนกกระจบั จอก ระดะดอกบวั เผ่อื นเม่ือเดือนหงาย เหน็ รอ่ งน่้าล่าคลองทงั้ สองฝ่าย ข้างนา่ ทา้ ยถอ่ มาในสาคร จนแจ่มแจ้งแสงตะวนั เห็นพรรณผกั ดูนา่ รักบรรจงสง่ เกสร เหล่าบัวเผื่อนแลสล้างริมทางจร ก้ามกุ้งซอ้ นเสียดสาหร่ายใตค้ งคา สายตงิ่ แกมแซมสลบั ตน้ ตบั เต่า เป็นเหล่าเหล่าแลรายท้งั ซ้ายขวา กระจับจอกดอกบัวบานผกา ดาษดาดขู าวดัง่ ดาวพราย โอเ้ ชน่ นส้ี ีกาได้มาเหน็ จะลงเล่นกลางทุ่งเหมือนมงุ่ หมาย ที่มีเรือน้อยน้อยจะลอยพาย เท่ียวถอนสายบัวผนั สันตวา ถงึ ตัวเราเล่าถา้ ยงั มโี ยมหญงิ ไหนจะน่ิงดูดายอายบุบผา คงจะใชใ้ ห้ศษิ ยท์ ี่ตดิ มา อุสา่ ห์หาเอาไปฝากตามยากจน นีจ่ นใจไม่มเี ท่าขเ้ี ล็บ ขเ้ี กียจเกบ็ เลยทางมากลางหน พอรอนรอนออ่ นแสงพระสรุ ิยน ถึงต่าบลกรงุ เกา่ ย่ิงเศรา้ ใจ มาทางท่าน่าจวนจอมผ้รู ้งั คดิ ถึงครงั้ ก่อนมานา่้ ตาไหล จะแวะหาถ้าท่านเหมือนเม่อื เป็นไวย กจ็ ะไดร้ ับนมิ นต์ขึน้ บนจวน แตย่ ามยากหากว่าถ้าท่านแปลก อกมิแตกเสยี ฤๅเราเขาจะสรวล เหมอื นเข็ญใจใฝส่ งู ไม่สมควร จะต้องม้วนหน้ากลับอัประมาณ มาจอดท่าหนา้ วดั พระเมรขุ ้าม รมิ อารามเรือเรยี งเคยี งขนาน บ้างขึน้ ลอ่ งร้องล่าเลน่ ส่าราญ ท้ังเพลงการเก้ียวแกก้ นั แซเ่ ซ็ง บ้างฉลองผา้ ป่าเสภาขบั ระนาดรับรัวคล้ายกบั นายเส็ง มีโคมรายแลอร่ามเหมือนส่าเพ็ง เม่อื คราวเครง่ ก็มิใคร่จะได้ดู อา้ ยล่าหนึง่ ครง่ึ ท่อนกลอนมนั มาก ชา่ งยาวลากเลอื้ ยเจื้อยจนเหน่ือยหู ไม่จบบทลดเลยี้ วเหมือนเงีย้ วงู จนลกู คู่ขอทุเลาว่าหาวนอน
ได้ฟงั เลน่ ต่างต่างทข่ี ้างวัด นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๘ ประมาณสามยามคลา่้ ในอัมพร นาวาเอยี งเสยี งกุกลุกข้นึ ร้อง จนสงดั เงยี บหลบั ลงกบั หมอน ไมเ่ ห็นหน้าสานุศิษยท์ ีช่ ดิ เชอื้ อา้ ยโจรจรจู่จ้วงเขา้ ล้วงเรือ แต่หนพู ัดจัดแจงจุดเทยี นสอ่ ง มันด่าลอ่ งน่า้ ไปช่างไวเหลือ ด้วยเดชะตบะบญุ กับคุณพระ เหมือนเน้ือเบ้อื บ้าเคอะดูเซอะซะ คร้นั ร่งุ เช้าเข้าเปน็ วนั อุโบสถ ไม่เสยี ของขาวเหลืองเครื่องอัฏฐะ ไปเจดยี ท์ ี่ช่อื ภูเขาทอง ไชยชนะมารได้ดงั ใจปอง อยูก่ ลางทุ่งร่งุ โรจนส์ ันโดษเด่น เจรญิ รสธรรมาบชู าฉลอง ท่พี ื้นลานฐานบัตรถัดบนั ได ดสู งู ลอ่ งลอยฟ้านภาไลย มีเจดีย์วหิ ารเป็นลานวัด เป็นทเ่ี ล่นนาวาคงคาใส ที่องคก์ ่อยอ่ เหลีย่ มสลบั กนั คงคงไลยล้อมรอบเป็นขอบคัน บนั ไดมสี ดี่ ้านส่าราญรื่น ในจังหวดั วงแขวงกา่ แพงกัน้ ประทกั ษิณจินตนาพยายาม เป็นสามช้ันเชงิ ชานตระหงา่ นงาม มหี ้องถ่้าส่าหรับจดุ เทียนถวาย ตา่ งชมช่นื ชวนกนั ขน้ึ ช้นั สาม เป็นลมทกั ขิณาวัตรน่าอศั จรรย์ ไดเ้ สรจ็ สามรอบคา่ นับอภิวันท์ ทงั้ องค์ฐานรานร้าวถงึ เก้าแสก ด้วยพระพายพัดเวียนอยู่เหียนหนั โอเ้ จดยี ์ทส่ี รา้ งยังร้างรัก แตท่ กุ วนั นชี้ ราหนกั หนานัก กระน้ีฤๅช่อื เสียงเกยี รติยศ เผลอแยกยอดสุดก็หลดุ หกั เป็นผดู้ มี มี ากแลว้ ยากเยน็ เสยี ดายนกั นกึ น่าน้า่ ตากระเด็น ขอเดชะพระเจดยี ์คิรีมาศ จะมหิ มดล่วงน่าทนั ตาเห็น ขา้ อุส่าหม์ าเคารพอภิวันท์ คิดก็เป็นอนิจจังเสียทัง้ น้นั บรรจุธาตทุ ่ตี งั้ นรงั สรรค์ เป็นอนันตอ์ านิสงสด์ ่ารงกาย
จะเกดิ ชาติใดใดในมนษุ ย์ นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๔๙ ทัง้ ทุกขโ์ ศกโรคไภยอยา่ ใกลก้ ราย ทั้งโลโภโทโสแลโมหะ ใหบ้ รสิ ุทธิ์สมจติ รที่คิดหมาย ขอฟุ้งเฟ่ืองเรืองวิชาปัญญายง แสนสบายบริบรู ณ์ประยรู วงค์ อกี สองสง่ิ หญงิ รา้ ยแลชายชวั่ ให้ชนะใจได้อยา่ ใหลหลง ขอสมหวงั ตั้งประโยชนโ์ พธิญาณ ทัง้ ให้ทรงศีลขันธ์ในสนั ดาน พอกราบพระปะดอกประทุมชาด อยา่ เมามัวหมายรกั สมัคสมาน สมถวิลยนิ ดีชุลกี ร ตราบนิพพานภาคนา่ ให้ถาวร กบั หนูพดั มัสการส่าเร็จแลว้ พบพระธาตสุ ถติ ย์ในเกสร มานอนกรงุ รงุ่ ขน้ึ จะบชู า ประคองช้อนเชญิ องค์ลงนาวา แสนเสยี ดายหมายจะชมบรมธาตุ ใส่ขวดแกว้ วางไวใ้ กลเ้ กษา โอบ้ ญุ น้อยลอยลับครรไลไกล ไม่ปะตาตันอกยงิ่ ตกใจ สดุ จะอยู่ดูอ่ืนไม่ฝืนโศก ใจจะขาดคดิ มาน่้าตาไหล พอกรูก่ รสู่ รุ ิฉายขน้ึ พรายพรรณ เสียน้่าใจเจียนจะด้นิ สน้ิ ชวี ัน ประทบั ทา่ น่าอรุณอารามหลวง ก่าเรบิ โรคร้อนฤทัยเฝ้าใฝ่ฝนั นริ าศเรื่องเมืองเกา่ ของเรานี้ ให้ลอ่ งวนั หนง่ึ มาถึงธานี ด้วยได้ไปเคารพพระพุทธรปู คอ่ ยสร่างทรวงทรงศีลพระชินศรี เป็นนไิ สยไวเ้ หมือนเตอื นศรัทธา ไวเ้ ป็นที่โสมนัสทศั นา ใชจ่ ะมที ่รี ักสมคั มาด ทั้งสถูปบรมธาตุพระสาสนา ซึ่งครวญคร่าท่าทีพริ ้ีพิไร ตามภาษาไมส่ บายพอคลายใจ เหมือนแมค่ รัวข้วั แกงพะแนงผัด แรมนริ าศร้างมติ รพิศมยั อันพริกไทยใบผกั ชีเหมือนสีกา ตามนไิ สยกาพย์กลอนแต่ก่อนมา สารพัดเพียญชนงั เครอื่ งมังสา ต้องโรยหนา้ เสียสักหน่อยอร่อยใจ
จงทราบความตามจริงทุกสง่ิ สน้ิ นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง | ๕๐ นกั เลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ อยา่ นึกนินทาแกล้งแหนงไฉน จึงร่าไรเร่อื งร้างเล่นบ้างเอย ฯ วรรณคดีวจิ ักษ์ ม.๑
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: